คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 1
พ่อม่ายชานยอล l ตอนที่ 1
:: วันเชยๆของพ่อม่าย ::
เกิดเป็นเด็กมันต้องหัดเรียนรู้
แต่ถ้าเกิดเป็นกู รถถังชนต้องไม่ตาย
อึดกว่าควาย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
กูเอง ปาร์คชานยอล.
06.50
am.
"งืออ แดเนียลป๋าให้แซนวิชทูน่าเค้าเป็นของว่างวันนี้แหละ"
"ป๋าก็ให้เค้าเหมือนกัน ไม่ต้องมาทำอวดเลย"
"ไม่รู้แหละ ของเค้าเยอะกว่า"
"ตัวเป็นน้อง กินน้อยๆก็พอแล้ว"
"ไม่..เป็นน้องสิต้องกินเยอะๆ ใช่ไหมฮะ?" เด็กตัวเล็กบนตักเงยหน้าขึ้นถามอย่างน่ารัก
ผมยกยิ้มก่อนจะโน้มหน้าลงไปจุ๊บปากแฝดคนเล็กให้หายหมั่นเขี้ยว
"ไม่เถียงกันครับลูก เป็นน้องหรือพี่ ป๋าก็แบ่งให้เท่ากันหมดนั่นแหละ เนอะ" ยื่นมือไปลูบหัวคนพี่เบาๆ เด็กมันจะได้ไม่น้อยใจ หาว่าพ่อลำเอียง
"วันนี้ป๋าพารถยนต์มาส่งเค้าด้วยแหละ"
"ไม่เห็นน่าอวดเลย ก็มาด้วยกันเนี่ย"
"แต่เค้าได้นั่งตักป๋าด้วยนะ"
"ก็ตัวเป็นน้อง ป๋าก็ต้องห่วงตัวมากกว่าเค้าอยู่แล้ว" เอาแล้วเว่ย
คนพี่มันเชิดหน้าไปนู่นแล้ว ผมปล่อยเกียร์ว่างเมื่อจอดรถเข้าเทียบริมฟุตปาธ
ก้มลงมองคนเล็กบนหน้าตักที่หัวเราะคิกคักเมื่อแหย่อีกคนได้สำเร็จอย่างเอ็นดู
คนนึงขี้แกล้ง
อีกคนก็ขี้น้อยใจ
"เห้ๆ ไม่เอาลูก ไม่งอนกันครับ" แดเนียลเบะปาก
ผมปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนอุ้มเจ้าตัวเล็กบนหน้าตักลงจากรถไปพร้อมๆกัน
เดินอ้อมมาอีกทางเพื่อเปิดประตูรถแล้วนั่งลงบนขอบฟุตปาธโดยมีเดนนิส ปาร์ค
ลูกชายคนเล็กยืนอยู่ข้างๆดังเดิม
"ไม่งอนนะครับคนพี่ หื้ม?"
"..."
"เอ้า หนูทำพี่เขางอน ง้อเร็วเข้า"
"งือออ หนูแค่พูดเล่นๆเองนะ"
"พูดเล่นไม่เล่น ถ้าพี่เขางอน หนูก็ต้องง้อนะลูก" เดนนิสก้มหน้าจนคางชิดไปกับลำคอ
เสียงเล็กค่อยๆเอื้อนเอ่ยขึ้นมาเบาหวิว แต่ผมมั่นใจว่าคนพี่ต้องได้ยินมันอย่างชัด
เจนแน่นอน ถึงจะขี้งอน ขี้น้อยใจ แต่พอคนน้องง้อทีไร ก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ
แค่เล่นตัวอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง
"ตัว.. เค้าขอโทษนะ ต่อไปนี้จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว"
"เดี๋ยวพอป๋ากลับบ้าน ตัวก็พูดอีกนั่นแหละ"
"ไม่ๆๆ เค้าไม่พูดแล้ว เค้าขอโทษ.." ผมมองหน้าคนพี่อย่างนึกขำ นี่กะจะเอาให้น้องร้องไห้ก่อนใช่ไหมถึงจะยอมพูดออกมาว่าให้อภัยแล้ว
"แน่ใจนะ?"
"อื้มม"
"เค้าให้อภัยก็ได้ อย่าทำอีกล่ะ" คนพี่เอื้อมมือมาลูบหัวคนน้องที่ยืนอยู่ข้างนอกเบาๆ
เดนนิสเห็นดังนั้นก็ยกยิ้มร่าได้ดังเดิม
ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งจะเบะปากเหมือนอยากร้องไห้อยู่แท้ๆ
"ดีมากเด็กๆ ตอนนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วเนอะ" ผมเดินอ้อมตัวลูกชายไปเปิดประตูรถด้านหลังแล้วหยิบกระเป๋าลายการ์ตูนสีดำทั้งสองใบออกมาสะพายให้กับลูกชาย
"เจอกันเลิกเรียนนะ"
"ฮะป๋า หอมแก้มๆๆ"
นั่น
คนน้องมันขี้อ้อนอีกตามเคย ผมโน้มหน้าลงไปกดจูบเบาๆที่ข้างแก้มนิ่มของลูกชาย
ซึ่งเด็กทั้งสองก็ทำตอบกลับมาเช่นกัน
"จับมือน้องด้วยครับพี่ปาร์ค" คนพี่คว้าอุ้งมือเล็กๆของเด็กชายเดนนิส ปาร์คเอาไว้
ตามคำสั่งของผมอย่างไม่รอช้า
โบกมือลาลูกชายทั้งสองคนที่กำลังหันหลังเดินเข้าไปหาคุณครูคนสวยที่ยืนรอรับอยู่ที่หน้าประตู
ครูสาวหันหน้ามาทักทายผม ซึ่งผมเองก็โค้งรับอย่างมีมารยาท
ในขณะที่หัวใจ ดันเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
รักแรกพบครั้งที่สองล่ะมั้งครับ คุณครูนานะ..
07.30
am.
นอนต่อ
08.20
am.
ทำความสะอาดครัว
จัดห้องนอนให้ลูก ตากผ้าปู ซักชุดนักเรียน
09.40
am.
อาบน้ำ
ชำระร่างกาย
10.30 am.
ทานอาหารเช้า
11.00
am.
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเก่งในห้องนั่งเล่น
มือเรียวคว้าเอาเครื่องสายคู่ใจที่วางเกร๋ๆอยู่ด้านข้างขึ้นมาเกาเบาๆให้เกิดเสียง
ใช่ครับ
ชีวิตของผมมันช่าง ว่ า ง เ ป ล่ า . .
ฮัมเพลงโปรดออกมาเบาๆ
พร้อมกับมองไปรอบตัว ของเล่นนับสิบชิ้นถูกวางเอาไว้กระจัดกระจายเหลือเกิน
ผมถอนหายใจเหนื่อยหน่าย วางกีต้าร์คู่ใจไว้บนโซฟา ขายาวก้าวไปข้างหน้า
แล้วก้มลงเก็บรถบังคับที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นให้กลับเข้าไปอยู่ในลังใส่ของเล่นดังเดิม
จะกล่าวโดยภาพรวม
สถานะการกินอยู่ของบ้านหลังนี้ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก แค่พออยู่พอกิน มีคุณพ่อวัยสามสิบเป็นเสาหลักของบ้าน
และลูกน้อยวัยห้าขวบอีกสองคนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลสาม
ผมเป็นนักดนตรีอาชีพอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ๆบ้าน
ซึ่งเจ้าของร้านกับผม เราเป็นญาติกัน เวลางานเริ่มตั้งแต่ หนึ่งทุ่ม ไปจนถึง
เที่ยงคืน แต่ผมว่าค่าจ้างที่ได้รับ มันก็คุ้มค่ามากกับเวลาที่เสียไป สำหรับคุณพ่ออย่างผมงานแค่นี้ แน่นอนว่ามันไม่ได้หนักหนาอะไร
ผมทำแบบนี้มาสองปีกว่าแล้วเพื่อหาเงินส่งเสียให้ลูกเรียน
แต่คนที่เสียเปรียบดูเหมือนจะเป็นเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
พวกเขาต้องการคนดูแล..
Rrrrrr
Rrrrr
"ไง"
' อยู่ไหนวะ ว่างปะ? '
"เหอะ ไม่ว่างครับสัด นอนเกากีต้าร์อยู่บ้านเนี่ย ลูกไปโรงเรียนหมดแล้ว"
' มาเจอกันที่ร้านญาติมึงหน่อยดิ '
"เอออ เสียงแม่งนอยชิบหาย เป็นไรวะ?"
' ทะเลาะกับไอฮุนมา '
"เอ้า ไปทำเหี้ยไรมาอีกล่ะ?"
' ค่อยเล่า มึงรีบๆมาเลย กูเฟลจนจะร้องไห้แล้วเนี่ย '
"เอออๆ เดี๋ยวกูไป เจอกัน"
ยี่สิบนาทีให้หลัง
ไอเทาระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาให้ผมได้ฟังจนหมดเปลือก
เหตุมันก็หนีไม่พ้นการหึงหวงแบบไม่มีลิมิตของ โอเซฮุน แฟนหนุ่มที่คบกันมาได้เกือบเดือนกว่าๆ
น่าสงสารไอเทา ผมก็ทำอะไรไม่ได้
นอกจากสรรหาคำพูดมาปลอบใจพร้อมกับตบบ่าแกร่งเบาๆให้มันเลิกคิดมาก
"เออ แล้วเรื่องมึงอะ ว่ามาดิ" คู่สนทนาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสบายๆกว่าเก่า
นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย
"คืองี้ กูมาทำงานที่นี่ทุ่มนึง กว่าจะเสร็จงานก็เที่ยงคืน
กูกำลังคิดว่าจะหาพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยดูสองแฝดหน่อย"
"แต่มึงทำงี้มาสองปีแล้วนะ
ถ้าจะหาไมไม่หาตั้งแต่ทีแรกวะ?"
"ไม่รู้ว่ะ ตอนแรกกูเพิ่งหางานได้มั้ง เงินก็ยังไม่ค่อยมี
แต่ตอนนี้เข้าที่เข้าทางขึ้นแล้ว กูเลยเพิ่งมาคิดเรื่องนี้"
ไอเทาพยักหน้ารับ
มันคงจะเข้าใจดี ก็เพราะมันนี่แหละ ที่เป็นคนช่วยผมเปลี่ยนผ้าอ้อม
ป้อนข้าวเด็กแฝดมาตั้งแต่พวกเขายังเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จะมีก็ช่วงเดือนที่แล้วนี่เองที่ห่างหายกันไป
เพราะไปคบหาดูใจอยู่กับลูกชายนักธุรกิจชื่อดัง ทำให้ช่วงนี้ผมติดต่อกับไอจงอินแค่คนเดียว
จะมีก็วันนี้แหละ ที่ไอเทามันเป็นฝ่ายยกหูโทรมาหาผมก่อน
"อ่าฮะ"
"เออ มึงว่าดีปะ กูไม่อยากให้สองแฝดเหงาตอนกูไม่อยู่ แบบอย่างน้อยๆ
จะได้มีคนดูตอนทำการบ้าน หาข้าวเย็นมาให้ ส่งเข้านอน เป็นตัวแทนกู อะไรทำนองนั้น.."
"อืม กูเห็นด้วยนะ หาดีๆแล้วกันมึง ช่วงนี้มิจฉาชีพเยอะสัดๆ
กูกลัวมึงโดนต้ม"
ไอเทาหัวเราะเบาๆ
ผมเองก็แค่นยิ้มกลับ แต่ก็จริงแบบที่มันว่ามานั่นแหละ จะทำอะไรช่วงนี้ก็ต้องระวังให้มาก
"เออเก็ท แต่เบ้านักเลงเก่าแบบกู ใครมันจะกล้าต้มวะ?"
"กูว่าอย่างมึงเนี่ย ผู้หญิงพรึ่บแน่เลยว่ะ จากจะได้พี่เลี้ยง
กูว่าได้เมียแทน"
"ได้ก็ดีดิ กูกำลังรออยู่เลย"
“ระดับมึงก็ต้องนมบึ้มๆ ตูดใหญ่ๆ ใช่ปะ?”
"เยสส”
“พรุ่งนี้เจอกันบ้านมึงได้ปะวะ เบื่ออะ อยากเจอหลาน เออ
แล้วมึงชวนไอจงอินมาด้วย กูไม่ได้เจอแม่งนานละ คิดถึงชิบหาย”
“ตามนั้นว่ะ กูกลับละ" ไอเทาปัดมือเป็นเชิงไล่
ผมโบกมือลามันเล็กน้อย แล้วจึงเดินออกมาจากร้าน
"ป้าครับ เดี๋ยวทุ่มนึงผมจะเข้ามาอีกทีนะ"
"อย่าลืมให้หลานๆทานข้าวเย็นก่อนมาด้วยล่ะ"
"ครับผม"
03.30
pm.
กริ๊งงงงง
ผมลืมตาขึ้นมองธาตุอากาศอยู่พักนึง
แล้วจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนทันที อ่าใช่ครับ โรงเรียนเลิกแล้วล่ะ เดินบันไดขึ้นมาถึงชั้นสองแล้วมองไปยังห้องเป้าหมาย
A- 3/5
ได้ยินเสียงเด็กโหวกเหวกโวยวายดังออกมาจากในตัวห้อง
ตามมาด้วยเสียงหวานๆของใครบางคนที่ทำเอาผมรู้สึกอบอวลไปทั้งหัวใจ
"ซอนฮวา หนูไม่เข้าใจตรงนี้หรอคะ?"
จัดการชะโงกหน้ามามองเล็กน้อย
ภาพที่เห็นคือ
ครูสาวตัวเล็กกำลังตั้งหน้าตั้งตาสอนโจทย์คณิตให้เด็กผู้หญิงที่ชื่อซอนฮวาอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ มือหนาเคาะลงแผ่วเบาที่ประตูห้องจนเกิดเสียง
ก็อกๆๆ
"ขอโทษนะครับ"
"อ้อ สวัสดีค่ะ...สองแฝด คุณพ่อมารับแล้วจ่ะ" เธอตะโกนบอกลูกชายฝาแฝดของผมที่นั่งหลบมุมเล่นก่อปราสาทกันอยู่หลังห้องเสียงใส เดนนิสหันมาหาผมก่อนเป็นคนแรก
ก่อนจะวิ่งโผเข้ามากอด ราวกับไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
"ป๋าจ๋ามารับหนูแล้วว" ผมรับตัวลูกชายมาในอ้อมอก
แล้วถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องเรียนทันที
"พี่ปาร์คกลับบ้านกันครับ"
"เก็บของแป้บนึงฮะ" คนพี่จัดการเก็บข้าวของทุกอย่างที่คนน้องรื้อออกมาจนเลอะเทอะให้มันเข้าที่เข้าทาง
เก็บอุปกรณ์การเรียนใส่เป้ใบน้อยแล้วสะพายขึ้นบ่าทันที
ผมเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ของเดนนิสขึ้นมาพาดบ่าไว้เช่นกัน
แล้วจึงเดินเข้าไปหาคุณครูคนสวย
"งั้นวันนี้ผมรับสองแฝดกลับบ้านก่อนนะครับ"
"อ๋อค่ะ วันนี้เด็กๆเก่งมากเลยค่ะคุณพ่อ กินผักหมดถ้วยเลย" ว่าแล้วก็เอื้อมมือมาลูบหัวแฝดพี่เบาๆ ซึ่งลูกผมก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ถูกชมจนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
บ้ายอชิบหาย ลูกใครวะ 55555
"หรอครับ ดีจัง ปกติเห็นอยู่ที่บ้านนี่ ผักไม่แตะเลย ใช่ไหม?"
"กินแล้ว แต่ป๋าไม่เห็นเองง่ะ" คนน้องท้วงขึ้น ผมยิ้มขำน้อยๆ
คุณครูสาวเองก็เช่นกัน แหม น่ารักไม่เปลี่ยนนะครับคุณ..
"อ้อหรอ?"
"อื้มมม"
"โอเคครับเด็กดื้อ ป๋าเชื่อแล้วก็ได้.. เอ่องั้น ผมไม่รบกวนแล้วดีกว่า
ขอตัวกลับก่อนนะครับ"
"ค่ะ ขับรถดีๆนะคะคุณพ่อ"
ผมจับอุ้งมือเล็กๆของแดเนียลเอาไว้
แล้วค่อยๆเดินจากไป แต่พอพ้นเขตประตูได้เพียงเล็กน้อย
ผมก็ชะงักแล้วเดินถอยหลังกลับมาทันที
"ครูนานะ"
"คะ?"
"อย่าลืมทานข้าวเย็นด้วยนะครับ"
ใจสั่งมาล้วนๆครับนี่พูดเลย อย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่า มีโอกาสก็ต้องรีบทำคะแนน!
ไม่รอให้ครูคนสวยได้ตอบอะไรกลับมาก็รีบเดินจากมาเสียก่อน
จนท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นเสียงครหานินทา
"ป๋าจีบครูนานะหรอฮะ?" คนพี่เปิดประเด็นแล้วหัวเราะคิกคักออกมาเรียกความสนใจจากคนน้องได้อย่างไม่ยาก
"แล้วจีบได้ปะครับ ให้ป๋าจีบครูเขาได้รึเปล่า?"
"ถ้าป๋าจีบครูนานะ แล้วป๋าจะรักหนูได้อีกไหม?" คนน้องถาม ผมหัวเราะ
"รักได้สิ ลูกป๋าทั้งคนนี่นา" คนน้องยิ้มร่าทันทีที่ได้ฟังเหตุผล
ก่อนจะขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งที คนโตเองก็พูดแซวขึ้นมาไม่หยุดปาก
ไม่มีใครเอ่ยถึงลอเรนซ์
ไม่ใช่ว่าเธอถูกลืม แต่เด็กๆรู้ดีว่าถ้าพูดออกไป จะทำให้ผมไม่สบายใจ
สองแฝดเลยเลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีก
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่
ผมก็พาสองแฝดกลับมาถึงบ้านจนได้
เด็กทั้งสองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆ
ก่อนจะออกมานั่งกินของว่างที่ผมเตรียมเอาไว้ให้ เป็นขนมปังทาเนยกับนมสดแก้วใหญ่
"สองแฝด วันนี้มีการบ้านไหมลูก?"
"ไม่มีฮะ ครูนานะบอกว่าถ้ากินผักหมดถ้วย จะไม่ให้การบ้าน" แหม
เข้าใจคิดนะครับคนสวย ผมนึกขำ
"แบบนี้นี่เอง งั้นสนใจออกไปแว๊นกับป๋ามั้ย?"
"ไปๆๆ หนูอยากตา-กลม"
"ตาก-ลม" คนพี่ท้วงขึ้น ทำเอาคนน้องต้องมุ่ยหน้า
ผมลูบหัวเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดู แล้วหยิบปึกใบประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กที่ทำเสร็จเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาวางไว้ตรงหน้า
"มันคืออะไรหรอฮะ?"
"ใบประกาศหาพี่เลี้ยงครับ"
"พี่เลี้ยงคืออะไรอะ?" คนน้องถามขึ้นบ้าง
"คนที่จะมาทำหน้าที่แทนป๋า เวลาป๋าไม่อยู่ไง"
"ไม่เอาา ไม่มีใครมาแทนที่ป๋าได้ หนูไม่เอานะ ป๋าจ๋าจะทิ้งหนูไปหรอ? T_T" ผมยิ้มก่อนจะจับมือลูกชายทั้งสองไว้ด้วยมือข้างเดียว
"ป๋าไม่ทิ้งหนูหรอก ใครจะกล้าทิ้งเด็กน่ารักล่ะครับ หื้ม?"
"ก็ป๋าเพิ่งบอกว่าจะหาคนอื่นมาแทน!"
"อ่า ฟังนะลูก ป๋าแค่เป็นห่วงพวกหนู ว่าเวลาป๋าไปเล่นดนตรี ใครจะอยู่กับหนู
คอยร้องเพลง หรือเล่านิทานให้ฟัง ทำการบ้านไม่เป็นแล้วใครจะสอน" สองแฝดเงียบกริบ
"ป๋าอยากให้หนูมีอนาคตที่ดีนะ"
"แล้วถ้าเขาดุหนูตอนป๋าไม่อยู่ จะทำไงฮะ?"
"อันนี้ให้หนูเป็นคนเลือกอีกทีแล้วกันเนอะ"
"งือออ แดเนียลเค้ากลัว"
"ตัวจะกลัวอะไร มีเค้าทั้งคน ปกป้องตัวได้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องกลัวหรอก"
อืม
บางทีก็ชอบความเด็ดเดี่ยวของคนพี่มันเหลือเกิน อะไรจะได้เลือดพ่อมามากขนาดนั้นครับ
โหยยย
05.45 pm.
หลังจากพาสองแฝดตะลอนติดป้ายประกาศจนทั่วเมืองแล้ว
ก็จัดการพามานั่งพักที่สวนสาธารณะ กินไอติมโคนกันให้หายเหนื่อย
"เหนื่อยไหม?" เอื้อมมือเช็ดเหงื่อให้สองแฝดเล็กน้อยทั้งที่เด็กมันก็ไม่ได้สนใจ
คนพี่กัดไอติมคำโตจนเลอะปาก ส่วนคนน้องนั่งแลบลิ้นเลียเนื้อครีมอย่างมีสเต็ป อืมม
มันเป็นความเหมือนที่แตกต่างกันจริงๆ ผมล่ะเชื่อเขาเลย
"เหนื่อยฮะ"
"เหลือใบสุดท้ายแล้วเนี่ย แปะตรงไหนดีอะ?"
"ถือแป้บนึงฮะ" คนพี่ยื่นไอติมโคนที่เหลือไม่ถึงครึ่งให้ผมถือเอาไว้
แล้วฉวยเอากระดาษแผ่นสุดท้ายที่อยู่ในมือผมไปจัดการพับอะไรบางอย่าง
"ตัวทำอะไร?"
"พับจรวด ที่ครูนานะสอนวันนี้ไง" คนพี่ตอบ
ผมคลี่ยิ้มแล้วมองดูการกระทำของลูกชายคนโตอย่างไม่วางตา
มือเล็กๆนั่นรีดสันกระดาษจนคมแล้วเริ่มพับอีกมุมเข้ามาหากัน
"เสร็จแล้ว!!" จรวดเด็กๆถูกส่งมาตรงหน้า
ผมรับมันไว้แล้วส่งไอติมโคนกลับให้ลูกชาย
"แล้วทำไงต่อครับ?"
"ปาไปเลยฮะ จรวดบินได้"
ผมก้มลงมองกระดาษในมืออีกครั้ง
แล้วจัดการปาจรวดที่ลูกชายเป็นคนพับเองกับมือ ออกไปจนสุดแขน ผมมองมันลอยล่องไปในอากาศ โดยไม่รู้เลยว่าจุดหมายของมันคือที่ไหน แต่ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขออะไรบางอย่าง
"ป๋าขออะไรหรอฮะ?" คนน้องถาม
"ป๋าขอให้.."
"หื้ม?"
กระดาษพับรูปจรวดที่พุ่งมาจากที่ไหนซักแห่ง ตกลงมาอยู่ตรงหน้าบุคคลนิรนาม คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุนงง พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่เห็นวี่แววเจ้าของจรวดพับแผ่นนี้เลยแม้แต่น้อย เอื้อมมือไปหยิบแล้วจัดการคลี่มันออกช้าๆ รูปความในเนื้อกระดาษปรากฏให้เห็นแก่สายตา
“ปาร์ค ชานยอล?”
TBC
- . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -
โย่ว ผิดพลาดตรงไหนขออภัย
ไม่รู้อ่านแล้วเข้าใจยากมั้ยนะ แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้นค่ะ
ไว้ว่างๆ ค่อยหาเวลามาอัพให้นะคะ
ชอบอย่าลืมเม้น และติดแท็กโน้ะ
เอ็นจอยรีดดิ้งจ้าา :3
- . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . - . -
ความคิดเห็น