ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHinee JONGKEY INNOCENT XX รักร้ายคุณชายตัวเเสบ18+ part I

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 INNOCENT ( พันธนาการหัวใจ!!!) 100%

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 55


     

     

    Chapter  3  INNOCENT  (พันธนาการหัวใจ!!!)

     

      หวังว่าแกจะไม่มีปัญหาอะไรนะ ถ้าฉันจะให้มินโฮมันมาอยู่ที่นี่ 

     

     

      ที่แท้คุณเรียกผมมาก็เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ

    หัวใจฉันหยุดเต้นไปชั่วขณะ  ทันทีที่เสียงคุณจงฮยอนดังออกมาจากห้องโถงข้างล่าง

     เขายืนอยู่กลางห้องหันหน้าไปทางชายหนุ่มหน้าตาดีไม่เชิงว่าแก่คนนั้น   ขมวดคิ้ว

    ไม่พอใจในท่าทีอีกฝ่าย

     

     

    ถ้าแกไม่อยากยอมรับก็ไม่เป็นไร  ต่อไปนี้ฉันจะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น  แต่อย่าทำให้

    ฉันต้องมานั่งเหนื่อยใจเพราะไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องที่แกเป็นคนก่อก็แล้วกัน  ได้ยินมั้ย 

     

     

    เหนื่อยใจงั้นเหรอ…. ที่ผ่านมาผมทำตัวไม่ได้เรื่องขนาดนั่นเลยใช่มั้ย !!

     

     

    ใช่!! 

     

     

    ถ้าคุณกลัวว่าจะขายหน้าคนอื่น….!!  แล้วทำไมคุณถึงไม่ทิ้งผมไปตั้งแต่ตอน

    นั้นกันล่ะ      แรงกระทบจากฝ่ามือส่งเสียงดังชัดแจ๋ว  คุณจงฮยอนยืนนิ่งอยู่

    กับที่พร้อมกับเอามือลูบแก้มตัวเองก่อนเงยหน้ามองหน้าชายคนนั้นอีกครั้ง

     

     

     

    รู้มั้ยฉันหวังว่าแกจะไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น  พูดแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยรึไง

     

     

     

     

     มันไม่มากไปหรอกครับ   ผมเจ็บปวดใจแค่ไหนที่พ่อทำเหมือนผมไม่มีตัวตน  

    สิ่งที่ผมทำมันยังน้อยกว่าที่พ่อทำกับผมด้วยซ้ำ      ว่าแล้วเขาก็หันหลังกลับ

    เดินขึ้นบันไดมา   ฉันหลบเข้าไปในห้องหนึ่ง   เมื่อเข้ามาหลบได้ก็รู้สึกโล่งใจ

    อย่างบอกไม่ถูก

     

     

     

      นาย….เข้ามาทำไมในห้องฉัน     อยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นในห้องนี้   เมื่อหันไป

    ก็พบกับชายหนุ่มตัวสูงๆ   กำลังนั่งบนที่นอนใช้สายตามองฉันอย่างเอาเรื่อง  ฉัน

    ตกใจจนอ้าปากค้าง ขอโทษฮะผมเข้าห้องผิด  แล้วรีบเปิดประตูออกไปจากห้อง

    โดยด่วน  ซ้ำร้ายพอเดินออกมาปุ๊ป เจ้านายก็หันมาเห็นฉันเข้า

     

     

    คิมคีย์บอมนายเข้าไปทำอะไรในห้องนั้นไม่ทราบ

     

     

    “ …… ”

     

     

    หูหนวกรึไง

     

     

    คุณครับคุณลืมของไว้น่ะ    ประตูนั่นเปิดออกมากระแทกหลังฉันเต็มๆ   ไม่รู้ว่า

    กรรมสมัยนี้ติดจรวดมารึไงก็ไม่รู้ T_T  อยากจะบ้าตายจริงๆเล้ย!!!

     

     

    นาย…”

     

     

    อาทำไมชอบนึกว่าอยู่ห้องนี้อยู่เรื่อยเลยนะเนี่ย    ฉันยิ้มในขณะแก้ตัวไปได้น้ำขุ่นๆ 

    คุณจงฮยอนมองอย่างกับจะกินเลือดฉันหมดตัว ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกฉันไปหาเขา 

    ตั้งใจจะหลบเขามาหลายวันแล้ว  สุดท้ายวันนี้ฉันก็ไม่ได้หลบหน้าเขาอีกตามเคย

     

     

     

    ฉันจะเป็นบ้าตาย พี่จ๋าพี่มาเปลี่ยนตัวกับฉันทีสิ  ฉันไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว  

     

     

    จะบ้ารึไงคีซุน!!!  อย่ามาทำเป็นปอดแหกแถวนี้นะเฟ้ย..

     

     

      พี่ก็!!  ฉันก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ เกิดว่าเขาจับฉันได้ว่าฉันไม่ใช่พี่…. ไม่อยากจะคิด

    เลย   งานนี้น้องสาวของพี่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ 

     

     

     ยังไงไอ้คุณหนูนั่นก็ยังจับแกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ   ฉันต้องไปทำงานแล้ว  สู้ต่อไปนะ

    ยัยซาลาเปาเน่า 

     

     

    อะไรเนี่ย.. เดี๋ยวก่อนสิ!!!

    แล้วพี่ก็ตัดสายฉันไปเสียดื้อๆ   T_T   ฉันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างหงุดหงิด ทรุด

    ตัวลงนั่งตรงสวนดอกคาร์เนชั่นสีขาวหลังบ้านก่อนจะแอบเด็ดขึ้นมาดมโดยไม่มีใครเห็น

     

     

    มัวยืนทำอะไรอยู่   ท่านประธานต้องการพบนายด่วน        O_O ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียง

    ตะโกนของเขา  เลยเผลอขว้างดอกคาร์เนชั่นทิ้งไปแล้วหันไปหาพี่จองชินอย่างรุกลี้รุกลน  

    พี่จองชินหรี่ตาเล็กลงพลางชะโงกหน้าไปทางด้านหลังฉัน

     

     

     

      เมื่อกี้นายเด็ดแปลงดอกไม้ คุณจงฮยอน  งั้นเหรอ…”

     

     

     

      เปล่าฮะ    ฉันยิ้มร่า  ปัดความผิดตัวเองได้หน้าด้านๆ

     

     

     

      งั้นเหรอ  ท่านประธานให้ฉันมาเรียกนาย

     

     

     

    เรียกผมเหรอ  เรื่องอะไร 

     

     

    ไม่รู้สิรีบๆไปเถอะ เพื่อท่านประธานจะเรียกใช้อะไร   งั้นฉันไปก่อนนะ   แล้วเจ้าตัวก็

    เดินกลับเข้าไปในบ้าน  ไวจริงๆ พ่อคนนี้ =_= 

     

     

       ท่านประธานปาร์คยูซอนคนนี้นี่เองที่แม่พูดถึง  เขานั่งจิบน้ำชาตรงสนามหน้าบ้าน

    กับภรรยา และชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นที่ฉันเพิ่งเห็นเขาไม่กี่วันมานี้

     

     

     

     สวัสดีฮะ ..  ฉันเงยหน้ายิ้ม   ทักทายพวกเขาไปตามมารยาท

     

     

     

    เธอ..ชื่อคิมคีย์บอมใช่รึเปล่า     ท่านประธานปาร์คอยู่ในท่านั่งที่สบายๆที่สุด   ขณะ

    ที่ภรรยากลับมองฉันยันหัวจรดเท้า     ให้ตายแม้กระทั่งภรรยาก็ยังดูสาวดูสวยอยู่เลย 

    เป็นไปได้มั้ยว่าคนๆนี้จะมีลูกตอนอายุ18

     

     

     

    มินโฮ   รู้จักกันไว้นะเพราะฉันจะให้เขามาดูแลเธอ

     

     

     

    ได้ฮะ     เขานั่งตรงข้ามฉัน  ยิ้มน้อยๆขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ   ฉันอึ้งไปสนิท ไม่ทันได้

    คิดตัดสินใจอะไร

     

     

    เรื่องค่ารักษาพยาบาลน่ะไม่ต้องห่วงนะ  ฉันจะเป็นคนจัดการให้   ไม่จำเป็นว่าจะต้อง

    เป็นเงินพ่อเธอคนเดียวรักษาแบบนี้ต้องใช้เงินสูง  ถึงจุนซูจะเป็นแค่หมอตามโรงพยาบาล

    เล็กๆ แต่รายได้ก็ใช่ว่าจะมาก      

     

     

      ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้จักพ่อฉันด้วย   หลังจากวันนั้นทำให้ฉันสามารถพูดคุยกับเขาได้

    ง่ายขึ้น   เเต่ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีกับความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกที่ไม่ค่อยจะ

    ลงรอยกันสักเท่าไหร่

     

    (ต่อ)

     

        บางวันเหมือนมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว  นับตั้งแต่วันที่ฉันมาทำงานที่นี่  ก็ไม่มีโอกาสได้

    ไปเยี่ยมแม่เลยสักครั้ง  ฉันจัดการตากผ้าในตะกร้าหลังบ้านเสร็จ    สายตาฉันดันเหลือบ

    ไปเห็นคุณโบยองกวักมือเรียก   ฉันวางตะกร้าลงแถวๆนั้น ก่อนจะเดินไปหาเธอที่ยืนรอฉัน

    อยู่หลังบ้าน

     

     

    “ เธอนะทำงานรับใช้ใครอยู่แล้วรึเปล่า “   อยู่ๆเธอก็ถามคำถาม  ที่ฉันอึกอักไม่กล้าตอบ

     

     

     

      ทะทำไมเหรอฮะนายหญิงมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่า  เชิญบอกมาได้เลย “  

     นั่นเป็นคำตอบที่ฉันคิดอยู่นาน

     

     

      ไม่มีหรอก  สงสัยเลยถาม  เธอไปทำงานต่อได้แล้วล่ะ     พูดจบคุณนายโบยองก็เดิน

    กลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ฉันยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงุนงงใจ   ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

     สายตาที่มองมาแต่ละครั้ง  ดูไม่ค่อยจะไว้ใจฉัน..

     

     

     

    18.25  p.m  หน้าบริษัท  ชองวอน  กรุ้ป

     

    “ ไม่ใช่เรื่องของผมเลยแท้ๆ  วันหลังผมจะไม่มากับพี่อีกแล้วนะ ”

     

    “ อย่าทำเป็นบ่นมากได้มั้ย  นายสั่งให้ฉันพานายมาด้วย ”   อีตาลุงจองชินพูดจบ

    ก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปในลิฟท์    บรรดาสาวออฟฟิศในลิฟท์ถึงกับหันมาจ้องฉัน

    ราวๆคนเเปลกหน้า ไม่สมประกอบ    บางคนก็เวอร์เกิน  เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูก  

    เห็นทีฉันจะรีบจัดจริงๆอย่างว่า เลยเผลอใส่รองเท้าผ้าใบเน่าๆสมัยม.ต้นมาซะนี่   

     แล้วไหนจะเสื้อแขนยาวผ้าร่ม กางเกงพละของโรงเรียนอีก    ดูๆแล้วเหมือนพวก

    บ้านนอกไงงั้นล่ะ  =_=

     

     

    “เร็วๆเข้าสิ นายรออยู่ “   อีตาลุงจองชินเดินเชิดฉาย  เขาเลี้ยวไปยังหัวมุมทางขวา

    มือ  พนักงานสาวซึ่งถ่ายเอกสารอยู่แถวๆนั้นหันไปซุบซิบกับคนข้าง  ฉันเดินผ่าน

    ห้องกระจกฝั่งแผนกการตลาดชั้นบนสุด    อะไร..เด็กส่งของงั้นเหรอ  นี่สภาพ

    ฉันเป็นได้แค่เด็กส่งของงั้นหรือ….

     

     

      รออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันเข้าไปบอกนาย ก่อนว่านายมาแล้ว “

     

     

    “ ฮะ ”   พี่จองชินใช้มือดันประตูเข้าไปในห้องหนึ่ง  ไม่ถึงนาทีเสียงแว่วๆก็ดังลอด

    ประตูออกมาทางที่ฉันยืนอยู่    หลังจากที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในนั้น   แล้วเจ้าของ

    ห้องก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะทำงาน

     

     

    “ จองชิน!!! นายปล่อยให้ขอทานมันเข้ามาในห้องทำงานฉันได้ไง”    ขอทาน!!  มัน

    จะมากเกินไปแล้วนะ  -_-^^^

     

     

     

    “นี่!!!  เรียกคนอื่นเขามา แล้วมาว่าเขาแบบนี้เนี่ยนะ!!!   ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างเหลือ

    อด

     

     

    “ ก็นายมันเหมือนขอทานจริงๆนี่     เขาพูดขึ้นหน้าตาเฉย  ก่อนหยิบขวดน้ำหอมจาก

    ลิ้นชัก ฉีดไปรอบๆ

     

     

    “ คงรีบมากเลยสินะ กลับไปบ้านทิ้งรองเท้าผ้าใบเน่าๆได้เลย เหม็นอย่างกับเหยียบขี้ ” 

    ฉันกัดฟันกร่อด  ผ่อนลมหายใจเข้าออก พยายามไม่โกรธสุดๆ

     

     

    “ วันนี้ฉันจะไม่กลับบ้าน   มีนัดลูกค้าที่เคียงจู   เลยอยากให้นายไปรับใช้ฉันที่นั่น สัก

    สองวัน  เเล้ววันอาทิตย์เราจะไปเยี่ยมแทยอนกัน  ว่ายังไง ”

     

     

    “ ไปเยี่ยม!!!

     

     

     ใช่!!!  ไม่เป็นห่วงแม่นายเลยหรือ   ที่ฉันเรียกมาก็มีแค่นี้ล่ะ ไปรอฉันข้างล่าง!!!อีกสัก

     10 นาที เราจะไปเคียงจูกัน ”   เขาปิดช่องทางการต่อรอง  ไม่พูดอะไรอีกนอกจากส่ง

    สายตาให้ฉันลงไปรอข้างล่างโดยด่วน

     

     

     

    “ ยังไงเคียงจูก็เป็นเมืองที่น่าอยู่   แม่ของเจ้านายเป็นคนที่นี่ใช่มั้ยฮะ “

     

     

     

    “ อืมมม.. แม่ฉันเกิดและก็ตายที่นี่    น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงจนได้ยินเสียงลมหาย

    ใจขึ้นมาแทน    ฉันเผลอจะเอื้อมมือไปวางบนหน้าแข้งเขาแล้วด้วยซ้ำ  ตราบใดที่ฉันยัง

    ไม่ทำให้เขาจับฉันได้ว่าฉันเป็นผู้หญิง  ก็จะขอปกป้องเขาให้ถึงที่สุด

     

     

      มากันแล้วหรือคะ ป้ารอคุณหนูแทบแย่ ”   คุณป้าฮวาจิน วิ่งตรงมาทางคุณจงฮยอน

    ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม   อืมม ฉันยังจำเธอได้อยู่น่ะ  เหมือนจะเป็นเพื่อนของแม่ด้วย พอ

    คุณป้าเห็นฉันเข้าจึงมองหน้าฉันซ้ำๆ  ราวกับจะแยกให้ออกว่าคนที่เธอเห็น ใช่คิมคีย์บอม

    หรือคิมคีซุน

     

     

      พ่อหนุ่ม….เธอคงจะเป็นหลานคนโตคุณยายอินยอนใช่มั้ยจ๊ะ       ฉันโล่งใจกับคำถาม

    ของคุณป้า พยักหน้าเป็นคำตอบ  แสร้งทำเป็นเดินไปยกกระเป๋าลงมาจากท้ายรถ เบี่ยงเบน

    ความสนใจจากเธอ

     

     

    “ ท่านประธาน รู้มั้ยคะว่าคุณหนู กลับมาที่นี่ ”

     

     

    “รู้สิ เพราะผมบอกเขาว่าผมมีนัดลูกค้าพรุ่งนี้  ปานนี้คุณตาน่าจะนอนแล้ว ไว้ผมค่อยไป

    หาแกแต่เช้าดีกว่า   คืนนี้คุณป้าไม่ต้องส่งคนมารับใช้ผมนะครับ     คุณป้าทำหน้าสงสัย

    ฉันซึ่งวางกระเป๋าลงกลางห้องหันไปยิ้มให้ป้าฮวาจิน

     

     

      วันนี้ผมขอแค่เครื่องนอน  และขอชุดอาบน้ำก็พอ ถ้ามีอะไรผมจะเรียกใช้แล้วกันครับ “   

    ทีอย่างงี้ล่ะพูดสุภาพ แต่ทีกับฉันพูดจาแดกดันซะไม่มี      คุณป้าหันไปยิ้มให้คุณจงฮยอน

    อีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน  เธอก็เลื่อนประตูเดินออกไปจากห้อง    สั่งให้คนเอาเครื่องนอน

    และชุดอาบน้ำมาให้เขาในคืนนี้ตามสัญญา

     

     

     

     

     

       เมืองเคียงจู   เป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก  แต่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผักบนไร่นา

    มาตลอด   ฉันนั่งมองออกไปตรงลำธารเล็กๆ เบื้องหน้าเป็นป่ารกทึบ  นกส่งเสียงร้องมา

    จากในป่าเป็นพักๆ     ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย

     

     

     ยาย!!! นั่นมันคนที่มากับคุณหนูเมื่อวานนิ 

     

     

    “ ไหน!!     ฉันหันหลังไปมองเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังของฉัน   บนสะพานนั่นมี

    อาจุมม่าวัยห้าสิบกว่าๆ  เพ่งสายตามองมาลงมาทางฉัน

     

     

    “นั่นไงยาย  พี่หน้าหล่อคนนั้นนะ “

    คุณยายคนนั้นชะเงอคอไปทั่ว    ฉันตัดสินใจลุกขึ้นยืนโค้งคำนับพวกเขาอย่างไม่รอช้า  

    ทันใดนั้น เด็กหนุ่มหน้าตาดี และเด็กสาวมัดผมเปียสองข้าง ต่างก็หันมายิ้มให้ฉัน

     

     

    “ พ่อหนุ่มจากโซลใช่มั้ย   ขึ้นมาทานอาหารกลางวันด้วยกันสิ ”

     

     

    “ พี่ชายเรากำลังจะไปทานอาหารกลางวันคะ   พี่ชายจะไปกับพวกเรามั้ยคะ ”    เธอผู้มี

    ดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์  ตะโกนลงมาจากบนนั้น   อากาศตอนกลางวันช่างน่านอน

    อะไรอย่างงี้นะ แต่ก่อนอื่นฉันคงต้องขึ้นไปหาของกิน ตุนในท้องก่อนดีกว่า

     

     

     

    “ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ “

     

     

     

     

     

    13.50  p.m

     

      ถามจริงพี่พูดภาษาบ้านเราได้มั้ยอะ    

     

     

     

    อืมมม ว่าแต่นายถามทำไม ”

     

     

    “ ก็จะได้คุยกันสนิทๆกว่านี่ไง พี่ครับ ผักกาดขาวหมักกิมจิ ”

    ฉันรับผักกาดขาวคลุกกิมจิมาใส่ปาก  คังมินฮยอกยิ้มร่า  คีบผักกาดขาวใส่ปากตัวเองบ้าง

    หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ    มินฮยอกก็ชวนฉันไปยังโรงหมักเหล้า   เขาสอนฉัน

    ทำเหล้าหมัก บรรยากาศเดิมๆไม่ต่างอะไรจากที่เคยมาเที่ยวหาคุณยายของฉันเมื่อหลาย

    ปีก่อน  ฉันขออาสาช่วยพวกเขาอีกแรง  ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ฉันก็จะทำ     ^   ^

     

     

     

     

     

      มินฮยอกบอกฉันว่าที่นี่มีบ่อน้ำแร่   เลยตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำที่นั่นตอนที่ทุกคนเข้า

    นอนกันหมด  ฉันสวมชุดคลุมอาบน้ำ เดินไปตามทางบ่อน้ำแร่ที่ว่า     ทำไมมัน

    อยู่ไกลจากที่พักนักล่ะเนี่ย ”   ปากพูดอยู่คนเดียวแต่ฝีเท้าเร่งความเร็วเป็นสองเท่า

     

     แสงสว่างจากดวงไฟซึ่งห้อยระโยงระยางเต็มพื้นที่ทางเดิน   แม้จะมองไม่เห็น แต่ฉัน

    ยังเดินไปต่อได้อยู่  พอคิดว่าไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้  ฉันเลยจัดการถอดชุดคลุม

    เอาแถบผ้าคาดอกพาดเอาไว้บนราวไม้ ก่อนลงไปแช่ในน้ำ

     

     

    “ อีตานั่นไม่อยู่  รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย 

     

     

     

      นั่นเสียงใคร!!!      เสียงใครคนนั้นทำเอาฉันตกใจจนหวาดผวา    ฉันกวาดสายตา

    ไปรอบๆ

     

     

      ใครใช้ให้เข้ามา !!    ฉันเบิกตาโพล่ง  คุณจงฮยอนชะโงกหน้าออกมาจากโขดหิน

     ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำเม็ดใสๆ  ฉันไม่รู้ว่าเขามาหลบอยู่ที่นี่ ไม่รู้เลยจริงๆ   ถ้ารู้ฉัน

    คงไม่มาให้เขามาล่วงรู้ความลับฉันได้ง่ายๆอย่างงี้หรอก

     

     

     

      นี่มันอะไรกัน!!!    เขาตกใจจนอ้าปากค้าง   ร่างกายเปล่าเปลือยเผยเห็นแค่ท่อนบน 

    ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้   ทำเอาหัวใจฉันเต้นโครมครามไม่ยอมหยุด

     

     

    “ เป็นผู้หญิงงั้นเหรอ ”

     

     

    “ ฉฉฉันขอโทษ  อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ  

     

     

      เธอหลอกฉันได้เนียนมาก   ไปแสดงที่โรงละครไหนมาแล้วบ้างล่ะ   อยากได้เงินเท่าไหร่   

     เขาพูดจากระแทกกระทั้นใส่ฉันไม่ยอมหยุด   ฉันถอยห่าง อาศัยจังหวะคว้าหยิบชุดคลุม

    ซึ่งกองอยู่พื้นปกปิดส่วนบนไม่ให้เขาเห็น

     

     

      ถามหน่อย!!!แทยอนส่งเธอมา เพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่    น้ำเสียงของเขาแข็ง

    กระด้างขึ้นมาทันใด  ราวกับย้ำเตือนบทลงโทษ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

     

     

      ถ้าฉันจะบอก  ว่าฉันมาเพื่อปกป้องคุณล่ะคะ   คุณจะเชื่อฉันมั้ย”

     

     

      จะให้ฉันเชื่อเธองั้นเหรอ   สุดท้ายทุกคนที่เข้าหาฉันมันก็เหมือนกันหมด  สรุปว่า

    ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วใช่มั้ย   

     

     

    “แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้ว่าแม่ฉันหวังดีกับคุณมากแค่ไหน   แล้วแม่ฉันก็กำลังป่วย

    จริงๆ   ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมแม่ฉันถึงให้ฉันปลอมตัวมา  แต่ถ้าฉันคิดจะฆ่าคุณ

    จริงๆ  คุณคงไม่มีลมหายใจอยู่ถึงทุกวันนี้หรอก “

     

     

     

    “ ยังไงก็แล้วแต่ ฉันก็รู้สึกโกรธเธอมากอยู่ดี   ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ”   เขาเข้ามา

    ประชิดตัวฉัน  มือบีบหัวไหล่เจ็บปวดราวกระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  ฉันสำลัก

    น้ำแร่ในบ่อไปหลายอึก  ดิ้นรนกระเสือกกระสน  ออกจากการเกาะกุมของเขาอย่าง

    เอาเป็นเอาตาย

     

     

    “ ปล่อยฉันไปเถอะคะ!!  

     

     

     

      นี่ถ้าฉันไม่มาอยู่ที่นี่  ฉันคงเป็นไอ้โง่ไปตลอดชีวิต   จริงสิ!!!ฉันชักเริ่มสนใจเธอ

    แล้วสิ  อยากจะรู้จังว่าในนั้นมันจะตอบรับได้ดีหรือเปล่า ”    ฉันเผลอตบหน้าเขา

    เต็มแรง  ไม่เคยมีใครพูดจาดูถูกฉันมาก่อน  เขาทำให้ฉันโกรธมาก  จึงพลั้งมือ

    ออกไปอย่างช่วยไม่ได้

     

     

     งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำไว้กับฉัน แล้วกัน    

     

     

    “ ถอยไปนะ!!  อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรสกปรกกับฉันเป็นอันขาด  ไม่อย่างนั้น

    ฉันเอาไอ้นี้ฟาดหัวเลยคอยดู ”  ฉันคว้าถาดสบู่เซรามิคหันไปทางเขาอย่างอับ

    จนหนทาง  ตัวฉันไม่มีแม้แต่อาวุธอื่น และไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นที่แม้แต่จะปกปิด

    สิ่งที่มีค่าที่สุด เขาจับชุดคลุมโยนทิ้งไปด้านหลัง  แล้วผลักฉันกระแทกกับ

    ขอบอ่าง

     

     

     

     

     ก็ลองดูสิ เธอกับฉันใครมันจะแน่กว่ากัน!!!     เขาจับมือฉันทั้งสอง  วางบน

    ไหล่แข็งแกร่งอันล่ำสัน  ก่อนใช้ปลายนิ้วไล้ลงบนผิวหน้าพลางเกลี่ยเส้นผม

    เปียกชุ่มของฉันไปด้านข้าง   สายตาคู่นั้นมองทะลุร่างฉัน ราวกับหมาป่า

    ทันใดนั้นริมฝีปากของเขา  ประกบลงบนริมฝีปากฉันราวสายฟ้าแลบ

     

     

     

    “ ฮะ ฮึก!!   ความหนักหน่วงไม่เหลือช่องว่างใดๆให้พอหายใจ   กลิ่นคาว

    เลือดติดอยู่ที่ปลายลิ้น  ฉันหายใจไม่ออก รู้สึกจุกที่หน้าอก  ราวกับมีใครมา

    ตีหลังฉันเต็มเหนี่ยว

     

     

    “ อ๊ะอื้อ ”   ฉันขัดขืนและผละตัวออกจากเขา  แต่ด้วยพละกำลังราวช้างสาร 

     ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ได้ เขาจึงเลื่อนมือกอบกุมหน้าอก

    เต็มสองมือ กระทั่งความเกลียดชั่งกลายเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ยากจะยอมรับ

     

     

    “ เจ้านายได้โปรด ปล่อย ..อ๊ะ”

     

     

     

    “ ให้ฉันปล่อยคนอย่างเธองั้นเหรอ  ไม่มีทาง ” ฝ่ามือนั้นจับสะโพกฉันแนบเข้า

    กับสะโพกหม่น  อย่างว่าคิมคีซุนคนนี้ช่างโง่เกินไปจริงๆ  ไม่มีทางที่จะหนีรอด

      ไฟปรารถนามีแต่จะแผดเผาร่างฉันด้วยน้ำมือเขา

     

     

      อ๊ะ!!     ปลายนิ้วสัมผัสลงบนส่วนอ่อนไหวอย่างจาบจ้วงที่ซึ่งใครก็แตะต้องไม่ได้

      ไม่ถึงห้านาที นิ้วเรียวยาวถลำลึกเข้ามาในตัวฉันอย่างไร้ซึ่งความปรานี

     

     

     เธอคงยังไม่เคยสินะ ”    เสียงกระซิบแผ่วเบาดั่งสายลม   หัวสมองพลันมึนงง

    และสับสน  ขณะกลิ่นคาวเลือดสีขุ่นจัด  เจือจางในผืนน้ำ เมื่อส่วนอ่อนไหวกดลึก

    เข้ามาจนสุดทาง   ฉันดิ้นทุรนทุราย สติสัมปะชัญญะพาลแต่จะลดน้อยลงทุกที

     

     

    “ อ๊า เจ็บ อื้อ!!! เอาออกป ”  เสียงร้องของฉัน ถูกเขากลืนกินจนหมดลม  ในที่สุด

    ฉันก็พ่ายแพ้  ทรยศและหักหลังต่อการกระทำของตัวเอง    สัมผัสอันวาบหวาม

    ทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นไปอีก  ฉันเผลอส่งเสียงร้องครางให้เขาได้ยิน

    เข้าทันใดนั่นบทรักก็ได้ดำเนินขึ้น  ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังน่าน

    น้ำในคืนนี้….

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×