คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 INNOCENT ( พันธนาการหัวใจ!!!) 100%
Chapter 3 INNOCENT (พันธนาการหัวใจ!!!)
“ หวังว่าแกจะไม่มีปัญหาอะไรนะ ถ้าฉันจะให้มินโฮมันมาอยู่ที่นี่ ”
“ ที่แท้คุณเรียกผมมา ก็เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ ”
หัวใจฉันหยุดเต้นไปชั่วขณะ ทันทีที่เสียงคุณจงฮยอนดังออกมาจากห้องโถงข้างล่าง
เขายืนอยู่กลางห้องหันหน้าไปทางชายหนุ่มหน้าตาดีไม่เชิงว่าแก่คนนั้น ขมวดคิ้ว
ไม่พอใจในท่าทีอีกฝ่าย
“ ถ้าแกไม่อยากยอมรับก็ไม่เป็นไร ต่อไปนี้ฉันจะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น แต่อย่าทำให้
ฉันต้องมานั่งเหนื่อยใจเพราะไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องที่แกเป็นคนก่อก็แล้วกัน ได้ยินมั้ย ”
“ เหนื่อยใจงั้นเหรอ . ที่ผ่านมาผมทำตัวไม่ได้เรื่องขนาดนั่นเลยใช่มั้ย !!”
“ ใช่!! ”
“ ถ้าคุณกลัวว่าจะขายหน้าคนอื่น .!! แล้วทำไมคุณถึงไม่ทิ้งผมไปตั้งแต่ตอน
นั้นกันล่ะ ” แรงกระทบจากฝ่ามือส่งเสียงดังชัดแจ๋ว คุณจงฮยอนยืนนิ่งอยู่
กับที่พร้อมกับเอามือลูบแก้มตัวเองก่อนเงยหน้ามองหน้าชายคนนั้นอีกครั้ง
“ รู้มั้ยฉันหวังว่าแกจะไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น พูดแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยรึไง”
“ มันไม่มากไปหรอกครับ ผมเจ็บปวดใจแค่ไหนที่พ่อทำเหมือนผมไม่มีตัวตน
สิ่งที่ผมทำมันยังน้อยกว่าที่พ่อทำกับผมด้วยซ้ำ ” ว่าแล้วเขาก็หันหลังกลับ
เดินขึ้นบันไดมา ฉันหลบเข้าไปในห้องหนึ่ง เมื่อเข้ามาหลบได้ก็รู้สึกโล่งใจ
อย่างบอกไม่ถูก
“ นาย .เข้ามาทำไมในห้องฉัน ” อยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นในห้องนี้ เมื่อหันไป
ก็พบกับชายหนุ่มตัวสูงๆ กำลังนั่งบนที่นอนใช้สายตามองฉันอย่างเอาเรื่อง ฉัน
ตกใจจนอ้าปากค้าง “ ขอโทษฮะผมเข้าห้องผิด” แล้วรีบเปิดประตูออกไปจากห้อง
โดยด่วน ซ้ำร้ายพอเดินออกมาปุ๊ป เจ้านายก็หันมาเห็นฉันเข้า
“ คิมคีย์บอม นายเข้าไปทำอะไรในห้องนั้นไม่ทราบ ”
“ ”
“ หูหนวกรึไง ”
“ คุณครับ คุณลืมของไว้น่ะ” ประตูนั่นเปิดออกมากระแทกหลังฉันเต็มๆ ไม่รู้ว่า
กรรมสมัยนี้ติดจรวดมารึไงก็ไม่รู้ T_T อยากจะบ้าตายจริงๆเล้ย!!!
“ นาย ”
“ อา ทำไมชอบนึกว่าอยู่ห้องนี้อยู่เรื่อยเลยนะเนี่ย ” ฉันยิ้มในขณะแก้ตัวไปได้น้ำขุ่นๆ
คุณจงฮยอนมองอย่างกับจะกินเลือดฉันหมดตัว ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกฉันไปหาเขา
ตั้งใจจะหลบเขามาหลายวันแล้ว สุดท้ายวันนี้ฉันก็ไม่ได้หลบหน้าเขาอีกตามเคย
“ ฉันจะเป็นบ้าตาย พี่จ๋า พี่มาเปลี่ยนตัวกับฉันทีสิ ฉันไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว ”
‘ จะบ้ารึไงคีซุน!!! อย่ามาทำเป็นปอดแหกแถวนี้นะเฟ้ย.. ‘
‘ พี่ก็!! ฉันก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ เกิดว่าเขาจับฉันได้ว่าฉันไม่ใช่พี่ . ไม่อยากจะคิด
เลย งานนี้น้องสาวของพี่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ‘
“ ยังไงไอ้คุณหนูนั่นก็ยังจับแกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ฉันต้องไปทำงานแล้ว สู้ต่อไปนะ
ยัยซาลาเปาเน่า ”
“ อะไรเนี่ย.. เดี๋ยวก่อนสิ!!!”
แล้วพี่ก็ตัดสายฉันไปเสียดื้อๆ T_T ฉันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างหงุดหงิด ทรุด
ตัวลงนั่งตรงสวนดอกคาร์เนชั่นสีขาวหลังบ้านก่อนจะแอบเด็ดขึ้นมาดมโดยไม่มีใครเห็น
“ มัวยืนทำอะไรอยู่ ท่านประธานต้องการพบนายด่วน ” O_O ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียง
ตะโกนของเขา เลยเผลอขว้างดอกคาร์เนชั่นทิ้งไปแล้วหันไปหาพี่จองชินอย่างรุกลี้รุกลน
พี่จองชินหรี่ตาเล็กลงพลางชะโงกหน้าไปทางด้านหลังฉัน
“ เมื่อกี้นายเด็ดแปลงดอกไม้ คุณจงฮยอน งั้นเหรอ ”
“ เปล่าฮะ ” ฉันยิ้มร่า ปัดความผิดตัวเองได้หน้าด้านๆ
“ งั้นเหรอ ท่านประธานให้ฉันมาเรียกนาย “
“ เรียกผมเหรอ เรื่องอะไร ”
“ไม่รู้สิรีบๆไปเถอะ เพื่อท่านประธานจะเรียกใช้อะไร งั้นฉันไปก่อนนะ ” แล้วเจ้าตัวก็
เดินกลับเข้าไปในบ้าน ไวจริงๆ พ่อคนนี้ =_=
ท่านประธานปาร์คยูซอนคนนี้นี่เองที่แม่พูดถึง เขานั่งจิบน้ำชาตรงสนามหน้าบ้าน
กับภรรยา และชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นที่ฉันเพิ่งเห็นเขาไม่กี่วันมานี้
“ สวัสดีฮะ ..” ฉันเงยหน้ายิ้ม ทักทายพวกเขาไปตามมารยาท
“ เธอ..ชื่อคิมคีย์บอมใช่รึเปล่า ” ท่านประธานปาร์คอยู่ในท่านั่งที่สบายๆที่สุด ขณะ
ที่ภรรยากลับมองฉันยันหัวจรดเท้า ให้ตายแม้กระทั่งภรรยาก็ยังดูสาวดูสวยอยู่เลย
เป็นไปได้มั้ยว่าคนๆนี้จะมีลูกตอนอายุ18
“มินโฮ รู้จักกันไว้นะเพราะฉันจะให้เขามาดูแลเธอ”
“ ได้ฮะ “ เขานั่งตรงข้ามฉัน ยิ้มน้อยๆขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ ฉันอึ้งไปสนิท ไม่ทันได้
คิดตัดสินใจอะไร
“ เรื่องค่ารักษาพยาบาลน่ะไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะเป็นคนจัดการให้ ไม่จำเป็นว่าจะต้อง
เป็นเงินพ่อเธอคนเดียวรักษาแบบนี้ต้องใช้เงินสูง ถึงจุนซูจะเป็นแค่หมอตามโรงพยาบาล
เล็กๆ แต่รายได้ ก็ใช่ว่าจะมาก”
ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้จักพ่อฉันด้วย หลังจากวันนั้นทำให้ฉันสามารถพูดคุยกับเขาได้
ง่ายขึ้น เเต่ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีกับความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกที่ไม่ค่อยจะ
ลงรอยกันสักเท่าไหร่
(ต่อ)
บางวันเหมือนมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่วันที่ฉันมาทำงานที่นี่ ก็ไม่มีโอกาสได้
ไปเยี่ยมแม่เลยสักครั้ง ฉันจัดการตากผ้าในตะกร้าหลังบ้านเสร็จ สายตาฉันดันเหลือบ
ไปเห็นคุณโบยองกวักมือเรียก ฉันวางตะกร้าลงแถวๆนั้น ก่อนจะเดินไปหาเธอที่ยืนรอฉัน
อยู่หลังบ้าน
“ เธอนะทำงานรับใช้ใครอยู่แล้วรึเปล่า “ อยู่ๆเธอก็ถามคำถาม ที่ฉันอึกอักไม่กล้าตอบ
“ ทะ ทำไมเหรอฮะ นายหญิงมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่า เชิญบอกมาได้เลย “
นั่นเป็นคำตอบที่ฉันคิดอยู่นาน
“ ไม่มีหรอก สงสัยเลยถาม เธอไปทำงานต่อได้แล้วล่ะ “ พูดจบคุณนายโบยองก็เดิน
กลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ฉันยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงุนงงใจ ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
สายตาที่มองมาแต่ละครั้ง ดูไม่ค่อยจะไว้ใจฉัน..
18.25 p.m หน้าบริษัท ชองวอน กรุ้ป
“ ไม่ใช่เรื่องของผมเลยแท้ๆ วันหลังผมจะไม่มากับพี่อีกแล้วนะ ”
“ อย่าทำเป็นบ่นมากได้มั้ย นายสั่งให้ฉันพานายมาด้วย ” อีตาลุงจองชินพูดจบ
ก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปในลิฟท์ บรรดาสาวออฟฟิศในลิฟท์ถึงกับหันมาจ้องฉัน
ราวๆคนเเปลกหน้า ไม่สมประกอบ บางคนก็เวอร์เกิน เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูก
เห็นทีฉันจะรีบจัดจริงๆอย่างว่า เลยเผลอใส่รองเท้าผ้าใบเน่าๆสมัยม.ต้นมาซะนี่
แล้วไหนจะเสื้อแขนยาวผ้าร่ม กางเกงพละของโรงเรียนอีก ดูๆแล้วเหมือนพวก
บ้านนอกไงงั้นล่ะ =_=
“เร็วๆเข้าสิ นายรออยู่ “ อีตาลุงจองชินเดินเชิดฉาย เขาเลี้ยวไปยังหัวมุมทางขวา
มือ พนักงานสาวซึ่งถ่ายเอกสารอยู่แถวๆนั้นหันไปซุบซิบกับคนข้าง ฉันเดินผ่าน
ห้องกระจกฝั่งแผนกการตลาดชั้นบนสุด ‘ อะไร..เด็กส่งของงั้นเหรอ’ นี่สภาพ
ฉันเป็นได้แค่เด็กส่งของงั้นหรือ .
“ รออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันเข้าไปบอกนาย ก่อนว่านายมาแล้ว “
“ ฮะ ” พี่จองชินใช้มือดันประตูเข้าไปในห้องหนึ่ง ไม่ถึงนาทีเสียงแว่วๆก็ดังลอด
ประตูออกมาทางที่ฉันยืนอยู่ หลังจากที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในนั้น แล้วเจ้าของ
ห้องก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะทำงาน
“ จองชิน!!! นายปล่อยให้ขอทานมันเข้ามาในห้องทำงานฉันได้ไง” ขอทาน!! มัน
จะมากเกินไปแล้วนะ -_-^^^
“นี่!!! เรียกคนอื่นเขามา แล้วมาว่าเขาแบบนี้เนี่ยนะ!!! “ ฉันชี้หน้าด่าเขาอย่างเหลือ
อด
“ ก็นายมันเหมือนขอทานจริงๆนี่ “ เขาพูดขึ้นหน้าตาเฉย ก่อนหยิบขวดน้ำหอมจาก
ลิ้นชัก ฉีดไปรอบๆ
“ คงรีบมากเลยสินะ กลับไปบ้านทิ้งรองเท้าผ้าใบเน่าๆได้เลย เหม็นอย่างกับเหยียบขี้ ”
ฉันกัดฟันกร่อด ผ่อนลมหายใจเข้าออก พยายามไม่โกรธสุดๆ
“ วันนี้ฉันจะไม่กลับบ้าน มีนัดลูกค้าที่เคียงจู เลยอยากให้นายไปรับใช้ฉันที่นั่น สัก
สองวัน เเล้ววันอาทิตย์เราจะไปเยี่ยมแทยอนกัน ว่ายังไง ”
“ ไปเยี่ยม!!!”
“ ใช่!!! ไม่เป็นห่วงแม่นายเลยหรือ ที่ฉันเรียกมาก็มีแค่นี้ล่ะ ไปรอฉันข้างล่าง!!!อีกสัก
10 นาที เราจะไปเคียงจูกัน ” เขาปิดช่องทางการต่อรอง ไม่พูดอะไรอีกนอกจากส่ง
สายตาให้ฉันลงไปรอข้างล่างโดยด่วน
“ ยังไงเคียงจูก็เป็นเมืองที่น่าอยู่ แม่ของเจ้านายเป็นคนที่นี่ใช่มั้ยฮะ “
“ อืมมม.. แม่ฉันเกิดและก็ตายที่นี่ ” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงจนได้ยินเสียงลมหาย
ใจขึ้นมาแทน ฉันเผลอจะเอื้อมมือไปวางบนหน้าแข้งเขาแล้วด้วยซ้ำ ตราบใดที่ฉันยัง
ไม่ทำให้เขาจับฉันได้ว่าฉันเป็นผู้หญิง ก็จะขอปกป้องเขาให้ถึงที่สุด
“ มากันแล้วหรือคะ ป้ารอคุณหนูแทบแย่ ” คุณป้าฮวาจิน วิ่งตรงมาทางคุณจงฮยอน
ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อืมม ฉันยังจำเธอได้อยู่น่ะ เหมือนจะเป็นเพื่อนของแม่ด้วย พอ
คุณป้าเห็นฉันเข้าจึงมองหน้าฉันซ้ำๆ ราวกับจะแยกให้ออกว่าคนที่เธอเห็น ใช่คิมคีย์บอม
หรือคิมคีซุน
“ พ่อหนุ่ม .เธอคงจะเป็นหลานคนโตคุณยายอินยอนใช่มั้ยจ๊ะ ” ฉันโล่งใจกับคำถาม
ของคุณป้า พยักหน้าเป็นคำตอบ แสร้งทำเป็นเดินไปยกกระเป๋าลงมาจากท้ายรถ เบี่ยงเบน
ความสนใจจากเธอ
“ ท่านประธาน รู้มั้ยคะว่าคุณหนู กลับมาที่นี่ ”
“รู้สิ เพราะผมบอกเขาว่าผมมีนัดลูกค้าพรุ่งนี้ ปานนี้คุณตาน่าจะนอนแล้ว ไว้ผมค่อยไป
หาแกแต่เช้าดีกว่า คืนนี้คุณป้าไม่ต้องส่งคนมารับใช้ผมนะครับ ” คุณป้าทำหน้าสงสัย
ฉันซึ่งวางกระเป๋าลงกลางห้องหันไปยิ้มให้ป้าฮวาจิน
“ วันนี้ผมขอแค่เครื่องนอน และขอชุดอาบน้ำก็พอ ถ้ามีอะไรผมจะเรียกใช้แล้วกันครับ “
ทีอย่างงี้ล่ะพูดสุภาพ แต่ทีกับฉันพูดจาแดกดันซะไม่มี คุณป้าหันไปยิ้มให้คุณจงฮยอน
อีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เลื่อนประตูเดินออกไปจากห้อง สั่งให้คนเอาเครื่องนอน
และชุดอาบน้ำมาให้เขาในคืนนี้ตามสัญญา
เมืองเคียงจู เป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผักบนไร่นา
มาตลอด ฉันนั่งมองออกไปตรงลำธารเล็กๆ เบื้องหน้าเป็นป่ารกทึบ นกส่งเสียงร้องมา
จากในป่าเป็นพักๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
“ ยาย!!! นั่นมันคนที่มากับคุณหนูเมื่อวานนิ ”
“ ไหน!! ” ฉันหันหลังไปมองเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังของฉัน บนสะพานนั่นมี
อาจุมม่าวัยห้าสิบกว่าๆ เพ่งสายตามองมาลงมาทางฉัน
“นั่นไงยาย พี่หน้าหล่อคนนั้นนะ “
คุณยายคนนั้นชะเงอคอไปทั่ว ฉันตัดสินใจลุกขึ้นยืนโค้งคำนับพวกเขาอย่างไม่รอช้า
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มหน้าตาดี และเด็กสาวมัดผมเปียสองข้าง ต่างก็หันมายิ้มให้ฉัน
“ พ่อหนุ่มจากโซลใช่มั้ย ขึ้นมาทานอาหารกลางวันด้วยกันสิ ”
“ พี่ชายเรากำลังจะไปทานอาหารกลางวันคะ พี่ชายจะไปกับพวกเรามั้ยคะ ” เธอผู้มี
ดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ ตะโกนลงมาจากบนนั้น อากาศตอนกลางวันช่างน่านอน
อะไรอย่างงี้นะ แต่ก่อนอื่นฉันคงต้องขึ้นไปหาของกิน ตุนในท้องก่อนดีกว่า
“ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ “
13.50 p.m
“ ถามจริงพี่พูดภาษาบ้านเราได้มั้ยอะ ”
“ อืมมม ว่าแต่นายถามทำไม ”
“ ก็จะได้คุยกันสนิทๆกว่านี่ไง พี่ครับ ผักกาดขาวหมักกิมจิ ”
ฉันรับผักกาดขาวคลุกกิมจิมาใส่ปาก คังมินฮยอกยิ้มร่า คีบผักกาดขาวใส่ปากตัวเองบ้าง
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ มินฮยอกก็ชวนฉันไปยังโรงหมักเหล้า เขาสอนฉัน
ทำเหล้าหมัก บรรยากาศเดิมๆไม่ต่างอะไรจากที่เคยมาเที่ยวหาคุณยายของฉันเมื่อหลาย
ปีก่อน ฉันขออาสาช่วยพวกเขาอีกแรง ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ฉันก็จะทำ ^ ^
มินฮยอกบอกฉันว่าที่นี่มีบ่อน้ำแร่ เลยตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำที่นั่นตอนที่ทุกคนเข้า
นอนกันหมด ฉันสวมชุดคลุมอาบน้ำ เดินไปตามทางบ่อน้ำแร่ที่ว่า “ ทำไมมัน
อยู่ไกลจากที่พักนักล่ะเนี่ย ” ปากพูดอยู่คนเดียวแต่ฝีเท้าเร่งความเร็วเป็นสองเท่า
แสงสว่างจากดวงไฟซึ่งห้อยระโยงระยางเต็มพื้นที่ทางเดิน แม้จะมองไม่เห็น แต่ฉัน
ยังเดินไปต่อได้อยู่ พอคิดว่าไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้ ฉันเลยจัดการถอดชุดคลุม
เอาแถบผ้าคาดอกพาดเอาไว้บนราวไม้ ก่อนลงไปแช่ในน้ำ
“ อีตานั่นไม่อยู่ รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย ”
“ นั่นเสียงใคร!!! ” เสียงใครคนนั้นทำเอาฉันตกใจจนหวาดผวา ฉันกวาดสายตา
ไปรอบๆ
“ ใครใช้ให้เข้ามา !! ” ฉันเบิกตาโพล่ง คุณจงฮยอนชะโงกหน้าออกมาจากโขดหิน
ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำเม็ดใสๆ ฉันไม่รู้ว่าเขามาหลบอยู่ที่นี่ ไม่รู้เลยจริงๆ ถ้ารู้ฉัน
คงไม่มาให้เขามาล่วงรู้ความลับฉันได้ง่ายๆอย่างงี้หรอก
“ นี่มันอะไรกัน!!! ” เขาตกใจจนอ้าปากค้าง ร่างกายเปล่าเปลือยเผยเห็นแค่ท่อนบน
ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ทำเอาหัวใจฉันเต้นโครมครามไม่ยอมหยุด
“ เป็นผู้หญิงงั้นเหรอ ”
“ ฉฉ ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ”
“ เธอหลอกฉันได้เนียนมาก ไปแสดงที่โรงละครไหนมาแล้วบ้างล่ะ อยากได้เงินเท่าไหร่ ”
เขาพูดจากระแทกกระทั้นใส่ฉันไม่ยอมหยุด ฉันถอยห่าง อาศัยจังหวะคว้าหยิบชุดคลุม
ซึ่งกองอยู่พื้นปกปิดส่วนบนไม่ให้เขาเห็น
“ ถามหน่อย!!!แทยอนส่งเธอมา เพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่ ” น้ำเสียงของเขาแข็ง
กระด้างขึ้นมาทันใด ราวกับย้ำเตือนบทลงโทษ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“ ถ้าฉันจะบอก ว่าฉันมาเพื่อปกป้องคุณล่ะคะ คุณจะเชื่อฉันมั้ย”
“ จะให้ฉันเชื่อเธองั้นเหรอ สุดท้ายทุกคนที่เข้าหาฉันมันก็เหมือนกันหมด สรุปว่า
ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วใช่มั้ย ”
“แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้ว่าแม่ฉันหวังดีกับคุณมากแค่ไหน แล้วแม่ฉันก็กำลังป่วย
จริงๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมแม่ฉันถึงให้ฉันปลอมตัวมา แต่ถ้าฉันคิดจะฆ่าคุณ
จริงๆ คุณคงไม่มีลมหายใจอยู่ถึงทุกวันนี้หรอก “
“ ยังไงก็แล้วแต่ ฉันก็รู้สึกโกรธเธอมากอยู่ดี ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ” เขาเข้ามา
ประชิดตัวฉัน มือบีบหัวไหล่เจ็บปวดราวกระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ฉันสำลัก
น้ำแร่ในบ่อไปหลายอึก ดิ้นรนกระเสือกกระสน ออกจากการเกาะกุมของเขาอย่าง
เอาเป็นเอาตาย
“ ปล่อยฉันไปเถอะคะ!! ”
“ นี่ถ้าฉันไม่มาอยู่ที่นี่ ฉันคงเป็นไอ้โง่ไปตลอดชีวิต จริงสิ!!!ฉันชักเริ่มสนใจเธอ
แล้วสิ อยากจะรู้จังว่าในนั้นมันจะตอบรับได้ดีหรือเปล่า ” ฉันเผลอตบหน้าเขา
เต็มแรง ไม่เคยมีใครพูดจาดูถูกฉันมาก่อน เขาทำให้ฉันโกรธมาก จึงพลั้งมือ
ออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำไว้กับฉัน แล้วกัน ”
“ ถอยไปนะ!! อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรสกปรกกับฉันเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น
ฉันเอาไอ้นี้ฟาดหัวเลยคอยดู ” ฉันคว้าถาดสบู่เซรามิคหันไปทางเขาอย่างอับ
จนหนทาง ตัวฉันไม่มีแม้แต่อาวุธอื่น และไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นที่แม้แต่จะปกปิด
สิ่งที่มีค่าที่สุด เขาจับชุดคลุมโยนทิ้งไปด้านหลัง แล้วผลักฉันกระแทกกับ
ขอบอ่าง
“ ก็ลองดูสิ เธอกับฉันใครมันจะแน่กว่ากัน!!! ” เขาจับมือฉันทั้งสอง วางบน
ไหล่แข็งแกร่งอันล่ำสัน ก่อนใช้ปลายนิ้วไล้ลงบนผิวหน้าพลางเกลี่ยเส้นผม
เปียกชุ่มของฉันไปด้านข้าง สายตาคู่นั้นมองทะลุร่างฉัน ราวกับหมาป่า
ทันใดนั้นริมฝีปากของเขา ประกบลงบนริมฝีปากฉันราวสายฟ้าแลบ
“ ฮะ ฮึก!!” ความหนักหน่วงไม่เหลือช่องว่างใดๆให้พอหายใจ กลิ่นคาว
เลือดติดอยู่ที่ปลายลิ้น ฉันหายใจไม่ออก รู้สึกจุกที่หน้าอก ราวกับมีใครมา
ตีหลังฉันเต็มเหนี่ยว
“ อ๊ะ อื้อ ” ฉันขัดขืนและผละตัวออกจากเขา แต่ด้วยพละกำลังราวช้างสาร
ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ได้ เขาจึงเลื่อนมือกอบกุมหน้าอก
เต็มสองมือ กระทั่งความเกลียดชั่งกลายเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ยากจะยอมรับ
“ เจ้านาย ได้โปรด ปล่อย ..อ๊ะ”
“ ให้ฉัน ปล่อยคนอย่างเธองั้นเหรอ ไม่มีทาง ” ฝ่ามือนั้นจับสะโพกฉันแนบเข้า
กับสะโพกหม่น อย่างว่า คิมคีซุนคนนี้ช่างโง่เกินไปจริงๆ ไม่มีทางที่จะหนีรอด
ไฟปรารถนามีแต่จะแผดเผาร่างฉันด้วยน้ำมือเขา
“ อ๊ะ!! ” ปลายนิ้วสัมผัสลงบนส่วนอ่อนไหวอย่างจาบจ้วงที่ซึ่งใครก็แตะต้องไม่ได้
ไม่ถึงห้านาที นิ้วเรียวยาวถลำลึกเข้ามาในตัวฉันอย่างไร้ซึ่งความปรานี
“ เธอคงยังไม่เคยสินะ ” เสียงกระซิบแผ่วเบาดั่งสายลม หัวสมองพลันมึนงง
และสับสน ขณะกลิ่นคาวเลือดสีขุ่นจัด เจือจางในผืนน้ำ เมื่อส่วนอ่อนไหวกดลึก
เข้ามาจนสุดทาง ฉันดิ้นทุรนทุราย สติสัมปะชัญญะพาลแต่จะลดน้อยลงทุกที
“ อ๊า เจ็บ อื้อ!!! เอาออกป ” เสียงร้องของฉัน ถูกเขากลืนกินจนหมดลม ในที่สุด
ฉันก็พ่ายแพ้ ทรยศและหักหลังต่อการกระทำของตัวเอง สัมผัสอันวาบหวาม
ทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นไปอีก ฉันเผลอส่งเสียงร้องครางให้เขาได้ยิน
เข้า ทันใดนั่นบทรักก็ได้ดำเนินขึ้น ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังน่าน
น้ำในคืนนี้ .
ความคิดเห็น