คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] กุหลาบ
-*-*- HOHYUN FLORA PROJECT FICTION -*-*-
SF : กุหลาบ
Couple : Minho x Jonghyun
Writer : tontaan
Rate : PG 13
Talk : สวัสดีคะรีดเดอร์ทุกคน ไรเตอร์ชื่อตาลนะคะ เรียกกันได้ตามสบายคะ แบบว่าฟิคเรื่องนี้ออกแนวไหนหว่า(???) เหอๆๆๆ เอาเป็นว่าให้รีดเดอร์อ่านเอาเองดีกว่าเนอะ มันจะดราม่ารึเปล่าต้องคอยติดตามกันนะคะ เพราะตาลเขียนเองยังไม่รู้เลยว่ามันจะออกมายังไง เอิ้กๆๆๆ ยังไงก็เอนจอยรีดดิ้งนะคะทุกคน อย่าลืมเม้นไว้เป็นกำลังใจด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆคะ รักรีดเดอร์ทุกคนคะ จุ๊บๆๆๆ
ความฝันของผู้ชายคนหนึ่ง....ที่ศรัทธาในสิ่งที่เรียกว่ารัก คือ การมีใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป....
และ ความฝันของผู้ชายอีกคน ที่หวังเพียงใครสักคนที่จะเป็นรักแท้และมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในหัวใจ....
แต่.........ความฝันนั้นจะเป็นจริงได้.........หรือ........... จะเป็นได้เพียงความฝัน...เท่านั้น
.
.
.
.
.
บรรยากาศยามเย็นท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนในกรุงโซล ที่ถนนสายเดิมหน้ามหา’ลัย H ก็ยังคงปรากฏภาพเดิมๆ ภาพของเด็กหนุ่มตัวสูง ใบหน้าคมสมส่วนที่มักจะใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางกลับหอพักอยู่เป็นประจำ และวันนี้เองก็เช่นกันร่างสูงในชุดนักศึกษากระชับเป้คู่ใจก้าวเดินแบบไม่เร่งรีบนัก ชมบรรยากาศยามเย็นอย่างสบายใจไปเรื่อยๆ มองไปรอบข้างจะเจอกับร้านค้าทีดาษดาเต็มสองข้างทางที่เค้าเดินผ่าน สายตาคมกวาดมองไปรอบๆพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างมีความสุข
แต่ ในขณะนั้น.....
เอี๊ยด!!!!!!........โครม!!!!!!!!!!!!!
เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดก็ผุดขึ้นมาตรงหน้าไม่ห่างจากที่เค้ายืนอยู่มากนัก ชั่วเสี้ยววินาทีที่ร่างสูงรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปดูทันที ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเค้าในตอนนี้คือภาพของคนตัวเล็กที่กำลังนอนจมกองเลือด ข้างๆกันนั้น คือจักรยานคันเล็กและดอกกุหลาบสีแดงที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ด้วยว่าเป็นตอนเย็นแล้วอีกทั้งร่างเล็กก็ถูกชโลมไปด้วยเลือดมากมายจึงทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าตาได้ชัดเจนนัก ซึ่งตอนนี้รถพยาบาลฉุกเฉินก็กำลังเข้ามาช่วยเหลือนำร่างที่กำลังหายใจรวยรินนั้นขึ้นรถไปด้วยอยากให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด รอบๆข้างนั้นมีเสียงเซ็งแซ่จากผู้คนที่เข้ามาดูเหตุการณ์ แต่ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะเหลือก็เพียงเสียงสะอื้นไห้ของร่างบางอีกคนที่มีร่างสูงโปร่งคอยพยุงเอาไว้ ก่อนที่ทั้งคู้จะเร่งรีบติดตามรถพยาบาลออกไป คงจะไม่ต้องเดาให้มากร่างบางนั้นคงจะเป็นญาติของคนตัวเล็กเมื่อกี้แน่นอน ด้วยว่าความเสียใจฉายชัดในแววตาสวยและยังสะอื้นไห้ราวกับจะขาดใจเสียให้ได้
เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติเค้าเองก็ควรที่กลับหอพักเพื่อไปพักผ่อนเสียที แต่ทำไมจิตใจของเค้าถึงยังว้าวุ่นอยู่กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ไอ้ขาไม่รักดีก็ค่อยๆพาผู้เป็นเจ้าของเดินเข้าไปใกล้ตรงนั้นมากยิ่งขึ้น ค่อยๆก้มลงยื่นมือหนาไปเก็บดอกกุหลาบสีแดงสวยขึ้นมาหนึ่งดอก จ้องมองเหมือนตกอยู่ในภวังค์หลงใหลไปกับเสน่ห์ความงามนั้น รู้ตัวอีกทีเค้าก็ถือเจ้าดอกไม้นั้นกลับมาจนถึงหน้าหอพักซะแล้ว
ร่างสูงรีบไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในห้องของเค้า ก่อนจะหยิบแก้วทรงสูงหนึ่งใบมาใส่น้ำและวางเจ้าดอกกุหลาบสีสวยไปในนั้น ก่อนจะนำมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง
ทำไมกันนะ ทำไมถึงรู้สึกผูกพันกับดอกกุหลาบนี้ หลงใหลอย่างไม่มีสาเหตุ มันคืออะไรกันแน่ ???
+++++++++++++++++++++++
“ฮึก พี่จงฮยอน ฮือ พี่อย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆๆๆ” เด็กหนุ่มร่างบางได้แต่ร่ำไห้กับภาพตรงหน้า ร่างกายบอบบางของพี่ชายร่างเล็กของเค้าที่โชกไปด้วยเลือด ใบหน้าสวยหวานซีดเซียวจนน่ากลัว ร่างเล็กกำลังหายใจแผ่วเบาอยู่บนรถเข็นของโรงพยาบาลและกำลังถูกห้อมล้อมด้วยพยาบาลมากมาย ที่จะพาผู้ป่วยไปให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด
“ญาติผู้ป่วยเข้าไม่ได้นะครับ” เสียงบุรุษพยาบาลนายหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่เข็นคนป่วยเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พร้อมกับปิดประตูแล้วเรียบร้อย
“ฮือๆๆ พี่จงฮยอน ฮึก” ร่างบางตอนนี้ร้องไห้จนหมดแรงทรุดลงไปกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มสวยไม่หยุด
“พี่คีย์ ใจเย็นนะครับ พี่จงฮยอนต้องไม่เป็นไร เชื่อผมสิ” เด็กหนุ่มร่างโปร่งอีกคนได้แต่กล่าวปลอบพี่ชายคนสนิทของเค้าที่ตอนนี้กำลังร้องไห้จนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว พลางพยุงพี่ชายร่างบางให้ขึ้นมานั่งพักที่เก้าอี้ พร้อมกับกอดปลอบพี่ชายให้คลายจากความโศกเศร้า
“ฮึก แทมิน เพราะพี่ ฮึก เพราะพี่ที่ทำให้พี่จงฮยอนเป็นแบบนี้” ร่างบางได้แต่ร้องไห้พร้อมกับกล่าวโทษตัวเองต่างๆนาๆ
“ไม่ใช่ความผิดพี่คีย์หรอกครับ มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ อีกอย่างพี่จงฮยอนต้องไม่เป็นไร อย่าว่าตัวเองอีกนะครับ” ร่างโปร่งของแทมินได้แต่พูดปลอบคนในอ้อมกอดให้เลิกโทษตัวเองสักที มันไม่ใช่ความผิดของเค้าซะหน่อย
“แต่...ฮึก ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ให้พี่จงฮยอนออกไปก็คงไม่เป็นแบบนี้ ฮือๆ”
บรรยากาศยามเย็นท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนในกรุงโซล มีร้านดอกไม้เล็กๆร้านหนึ่งตกแต่งร้านด้วยความหอมหวานของสีชมพูสดใส หมู่มวลดอกไม่แข่งกันเบ่งบานราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ก็ไม่ปาน หน้าร้านแห่งนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีสัน กลิ่นของดอกไม้ลอยฟุ้งเหมือนกลิ่นของความรัก ‘Love Garden’
ถ้ามองเข้าไปข้างในร้านจะพบเด็กหนุ่มร่างบางหน้าสวยที่กำลังจัดดอกไม้ด้วยความสุข ถัดมาเป็นเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่คอยช่วยตัดก้านดอกไม้และส่งให้ไม่ขาดมือ และอีกมุมหนึ่งของร้านมีเด็กหนุ่มร่างเล็กหน้าตาสวยหวานกำลังอุ้มดอกกุหลาบสีแดงที่ห่อไว้อย่างดี เตรียมตัวจะเดินออกไปจากร้าน
“คีย์ แทมิน พี่ไปส่งดอกไม้ก่อน เดี๋ยวมานะ” เสียงหวานเอ่ยบอกน้องชายอีกสองคนที่อยู่ในร้าน พร้อมทั้งเดินไปที่รถจักรยานคู่ใจวางดอกไม้สีสวยไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ
“วานหน่อยนะพี่จงฮยอน ด่วนจริงๆอ่า.....แล้วก็ขี่รถดีๆนะพี่ ผมเป็นห่วงพี่นะ” เสียงของน้องชายตัวบางเอ่ยบอกพร้อมกับเดินมาส่งที่หน้าร้าน
“พี่ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ดูแลตัวเองได้น่า” พี่ชายตัวเล็กตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมทั้งยื่นมือไปลูบหัวน้องชายตัวเองด้วยความเอ็นดู
“รีบๆกลับมาล่ะพี่” เสียงของน้องชายเอ่ยบอกก่อนที่พี่ชายตัวเล็กจะปั่นจักรยานออกไป พร้อมทั้งหันหลังจะเดินกลับเข้ามาในร้าน
.
.
.
เอี๊ยด!!!!!!........โครม!!!!!!!!!!!!!
.
.
ร่างบางหันไปมองเบื้องหน้าทันที ภาพที่เห็นคือพี่ชายร่างเล็กของเค้าที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน ดอกกุหลาบสีแดงสดที่ตอนนี้ถูกอาบไปด้วยเลือดของผู้เป็นเจ้าของกระจายไปทั่วบริเวณ
“พี่จงฮยอน!!!!!!!!!!!”
ถ้าตอนนั้นเค้าไม่ให้พี่จงฮยอนออกไปก็ดีหรอก ทำไมถึงเป็นแบบนี้เนี่ย พี่จงฮยอนอย่าเป็นอะไรนะ ถ้าพี่เป็นอะไรไปแล้วคีย์จะอยู่กับใคร ได้โปรดเถอะพระเจ้าครับอย่าพึ่งพรากเค้าไปจากผมเลย ผมสูญเสียพ่อกับแม่ไปแล้ว อย่าให้ผมเสียพี่ชายของผมไปอีกเลย ได้โปรดเถอะครับ ได้โปรดให้เค้าได้อยู่กับผมต่อไปได้มั้ยครับ ผมขอร้อง
++++++++++++++++++++++++++
ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ ดอกไม้ชูช่อสะพรั่งแข่งกันเบ่งบานอวดโฉมกันอย่างสวยงาม ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้าไปภายในสวนดอกไม้นั้นด้วยความหลงใหลเหมือนต้องมนต์ สองขาค่อยก้าวย่างเข้าไปอย่างเชื่องช้า เชยชมความสวยงามของบรรยากาศรอบข้างอย่างเต็มอิ่ม แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างเล็ก หน้าตาสวยหวาน ใบหน้าได้รูปสมส่วน ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มที่กำลังแย้มยิ้มกับหมู่มวลดอกไม้และเหล่าผีเสื้อแสนสวยที่บินวนอยู่รอบๆกายนั้น ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ รอยยิ้มที่สดใสนั้น ทำให้คนที่ได้เห็นยิ้มตามออกมาได้ไม่ยาก รวมทั้งเค้าด้วยเช่นกัน
“คุณ.....คุณครับ” ร่างสูงตัดสินใจเอ่ยเรียกร่างเล็กที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งก็ทำให้ร่างเล็กตกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะหันมามองหน้าเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มเมื่อครู่ พร้อมกับมองด้วยสายตาสงสัย
“.......^^” ร่างเล็กไม่ได้เอ่ยตอบแต่อย่างใด เค้าทำเพียงแค่มองกลับมาพร้อมกับยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มสดใสนั้น
“เอ่อ ผมชื่อมินโฮนะครับ แล้วคุณ.....” เจ้าของเสียงทุ้มนั้นเลือกที่จะแนะนำตัวก่อน และส่งยิ้มอบอุ่นไปให้คนตัวเล็กข้างหน้า
“อื้อ เราชื่อจงฮยอนนะ”
.
.
.
.
กริ๊ง~~~~~~
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงยามเช้าแล้ว ร่างสูงของมินโฮค่อยๆลืมตาขึ้นมา พลางเอื้อมมือไปกดปิดเจ้านาฬิกาปลุกที่ยังคงแผดเสียงอยู่ให้เงียบลงซะที พร้อมกับลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มเก็บผ้าห่มให้เรียบร้อย บิดกายเพื่อคลายความเมื่อยล้า
“เฮ้อ ฝันไปงั้นเหรอ ..จงฮยอน ผมจะได้เจอคุณอีกมั้ยนะ” คนตัวเล็กคนนั้น ถึงจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังอยากจะฝันอย่างงั้นต่อไปเรื่อยๆ รอยยิ้มสดใสและใบหน้าสวยหวานนั้นยังติดตรึงอยู่ในใจ ขอให้ได้เจอเค้าอีกสักครั้ง แม้จะเป็นเพียงแค่ในความฝันก็ตาม
เมื่อคิดอะไรไปได้สักพัก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาตัวเดิมที่ตั้งอยู่ข้างเตียงที่ขณะนี้เข็มสั้นชี้อยู่กึ่งกลางระหว่างเลยเจ็ดและเลขแปด ส่วนเข็มยาวกำลังจะเดินไปตรงกับเลขหกข้างหน้าอยู่รอมร่อ
“เฮ้ย เจ็ดโมงครึ่ง สายแล้วๆๆ อ้ากกกกกกกก” เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างสูงจึงรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำทันที
แม่ง จะทันมั้ยวะ ดันมีเรียนแปดโมงเช้า ไอ้มินโฮ มึงต้องใส่เกียร์หมาล่ะวะงานนี้
.
.
.
สามสิบนาทีผ่านไป ร่างสูงในชุดนักศึกษาก็วิ่งมาถึงห้องเรียนในวิชาแรกแบบทันเวลาเฉียดฉิว ซึ่งเมื่อเค้ามาถึงอาจารย์ประจำวิชาก็เข้าห้องมาพอดี
เกือบไม่ทันแล้วมั้ยล่ะมึง เฮ้อ ยังดีนะครับที่หอพักของผมมันอยู่ใกล้ๆกับมหา’ลัย ไม่งั้น...เหอๆๆ ไม่อยากจะคิด ก็อาจารย์คนนี้หน่ะโหดจะตาย ไม่หล่อแล้วยังจะใจร้ายกับนักศึกษาอีก แย่วะ =3=;
พออาจารย์เข้าห้องมามินโฮก็รีบเดินไปนั่งที่ข้างๆอนยูเพื่อนรักของเค้าที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้มาสายนะมึง” ร่างอวบของอนยูหันมาถามเพื่อนรักของตนเองถึงสาเหตุที่ทำให้มาสาย แต่เอิ่ม-_- ถามเฉยๆก็ได้ไม่ต้องมาทำตาตี่ใส่ แม่ง เสียมารยาทคุยกับเพื่อนไม่ลืมตามองหน้าเพื่อน ไอ้นี่นิ
“นอนเพลินไปหน่อยวะ” ร่างสูงบอกเหตุผลที่ดูเหมือนจะมีสาระที่สุดเท่าที่คิดได้ในตอนนี้ออกไป เหอๆๆๆ มันคิดไม่ทันจริงๆครับ
“ฝันดีอ่ะดิมึง มาสายขนาดนี้” ยังคงยิงคำถามใส่คนข้างๆต่อแต่สายตาตอนนี้หันกลับไปสนใจสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่หน้าห้องแล้ว
“สุดๆเลยวะ” ร่างสูงได้แต่ตอบกลับออกไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทำไมกันนะเค้าคนนั้นถึงทำให้ผมยิ้มได้มากขนาดนี้ ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้กันนะ รู้สึกดีกับคนตัวเล็กในฝันนั่น อยากจะเจอเค้าอีกสักครั้ง เหมือนเค้าเป็นคนที่ผมตามหามานาน ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย ก็ในเมื่อเค้าก็เป็นเพียงแค่ความฝัน....
ช่วงเวลาในการเรียนที่สุดแสนหฤโหดได้หมดไปหลังจากที่มีเสียงสัญญาณหมดชั่วโมงเรียน
แม่ง เหนื่อยชิบ จะมีใครรู้บ้างมั้ยครับ ว่าเวลาชั่วโมงครึ่งเนี่ยมันทำให้คนเป็นบ้าได้ แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วครับเริ่มจะหิว รีบออกจากบ้านข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ยังวิ่งมาเสียพลังงานอีก - 3- แล้วผมก็มั่นใจว่าไอ้คนข้างๆผมเนี่ยก็หิวเหมือนกัน ผมฟันเสาธงทิ้งเลยเอ้า แต่ผมจะไม่ชวนมันก่อนหรอกครับ รอให้มันชวนดีกว่า เพราะอะไรหน่ะเหรอ เหอๆๆ
“เฮ้ย มึงกินข้าวป่ะ หิวแล้ววะ” อนยูเอ่ยชวนร่างสูงที่อยู่ข้างๆและตอนนี้พวกเค้าก็เดินมาถึงหน้าตึกคณะที่พวกเค้าเพิ่งเรียนเสร็จไปเมื่อครู่
“(- -)(_ _)(- -) เออ หิวเหมือนกันวะ” ร่างสูงได้แต่มองกลับไปพร้อมกับพยักหน้าและเอ่ยตอบกลับไป
“ว่าแต่กินไรดีวะ” ร่างอวบๆนั้นหันไปถามเพื่อนร่างสูงพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิดว่าจะกินอะไรดี ส่วนคนตัวสูงนั้นกำลังยิ้มออกมาน้อยๆ ก็นะ นี่แหละที่เค้าไม่อยากเอ่ยปากชวนก่อน ก็เพราะคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นอีหรอบนี้ วันๆไม่เคยมีปัญหาเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของกิน เพราะงั้นเอางี้แล้วกัน หึ หึ หึ
“ในฐานะที่มึงเป็นคนชวน มึงเลือกดิ”
“คำตอบมึงช่วยกูได้มากเลย เชี่ย” อนยูได้แต่เหวี่ยงใส่เพื่อนรัก ดูคำตอบมันสิครับ ถ้าจะตอบแบบนี้มึงช่วยตอบว่า อะไรก็ได้ยังจะดีกว่านี้(แล้วมันต่างกันตรงไหน ยังไงสุดท้ายอนก็เป็นคนเลือกไม่ช้ะ)
และในระหว่างที่มินโฮและอนยูกำลังคิดแก้ปัญหาระดับชาติของพวกเค้าอยู่ ตึกเรียนคณะบริหารที่อยู่ข้างๆก็เลิกเรียนพอดี และตอนนี้ก็เริ่มมีนักศึกษาทยอยเดินลงมาแล้ว
“เฮ้ย......” อยู่ดีๆอนยูก็ร้องขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนตัวสูงที่อยู่ข้างๆสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกใจ โว้ย!!!! ตกใจหมด ไอ้เชี่ยอน
“เป็นเชี่ยไรมึง -*-” มินโฮถามกลับไปพร้อมกับโบกกบาลไอ้เพื่อนรักหนึ่งทีโทษฐานที่ทำให้ตกใจ แม่งอยู่ดีๆก็ร้อง มดเอ็กซ์เหยียบตีนมึงรึไง ควายยยยย
“มึง นั่น นั่น น้องคีย์มึง น้องคีย์” คนที่ถูกโบกไปสักครู่ไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แถมยังคงพูดออกมาไม่หยุดและมองไปข้างหน้าอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา มืออวบๆนั้นยังมีออปชั่นเสริมด้วยการจับใบหน้าเพื่อนตัวสูงให้หันไปมองตามตนเองอีกด้วย ร่างสูงได้แต่ทำหน้าอึนมึน ==;; แม่ง คอกูแทบเคล็ด คราวหลังบอกกูดีๆก็ได้
และภาพตรงหน้าที่ทั้งคู่กำลังให้ความสนใจอยู่คือ นักศึกษาคณะบริหารที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกเรียน รูปร่างบอบบาง ใบหน้าเนียนใส ดวงตาคมสวยแต่แฝงไปด้วยความเศร้าที่ดูแล้วอดจะเศร้าตามไม่ได้ แต่ผมว่าคุ้นๆนะ เหมือนเคยเจอที่ไหน(เมื่อวานที่เค้าร้องไห้ไงชเว) อืมๆๆๆๆ==???? ช่างเถอะครับ คิดไม่ออกจริงจัง บู้ววว
“ก็สวยนะมึง แต่กูว่าเค้าดูเศร้าๆวะ” มินโฮปัดมือของเพื่อนที่จับหน้าเค้าอยู่ออกพร้อมกับหันหน้าไปพูดกับอนยูที่ยังคงมองที่เดิมไม่ละสายตาไปไหน
“ไม่เศร้าได้ไงมึง แม่ง พี่ชายตัวเองประสบอุบัติเหตุนอนโรงบาลยังไม่ฟื้นเลย พ่อกะแม่ก็เสียตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าเป็นมึง มึงจะยิ้มออกมั้ยล่ะ” ร่างอวบหันมาสาธยายให้คนข้างๆฟังอย่างละเอียดยิบ และพอร่างสูงได้ฟังก็นิ่งไปเล็กน้อย นี่ล่ะนะชีวิตคนเรา ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ เฮ้อ!!! วะ..ว่าแต่ไอ้อนมันไปรู้เรื่องเค้าได้ไงวะ
“ว่าแต่...มึงรู้ได้ไงวะ”
“ก็นะ กูอ่ะ แฟนคลับพี่น้องตระกูลคิมนี่หว่า” ตอบกลับพร้อมกับยกมือทำท่าแฟนพันธ์แท้ให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆดู เอิ้กๆๆ ก็นะพี่น้องคู่นี้เค้าน่ารักจริงๆนี่ครับ คนพี่ก็น่ารัก คนน้องก็สวย โอ้ย!!!! ไอ้อนเลือกไม่ถูกเว้ย(เอิ่ม หล่อเลือกได้ หึ หึ)
“เลิกเวิ่นแล้วไปกินข้าวได้แล้วมึง ว่าแต่กินไหนวะ” หลังจากเวิ่นกันมานานร่างสูงจึงตัดสินใจวกกลับมาแก้ไขปัญหาระดับชาติกันต่อ เถียงกันไปเถียงกันมาจนในที่สุดก็ได้บทสรุปกินแม่งโรงอาหารคณะนี่แหละ ขี้เกียจเดินไกลครับ เสียพลังงานโดยใช่เหตุ เหอๆๆ
หลังจากที่จัดการยัดอาหารลงท้องแล้วทั้งคู่ก็ไปเรียนวิชาต่อไปทันที
ชีวิตนักศึกษาทำไมมันน่าเบื่อขนาดนี้ มีแต่เรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียน เฮ้อ!!!! เหนื่อยครับ
หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็นของวัน อนยูก็ขอกลับไปก่อนเพราะจะไปซื้อหนังสือ(การ์ตูน)เล่มใหม่ที่เพิ่งออก ช้าหมดเดี๋ยวจะอดซะก่อน ส่วนมินโฮเองหลังจากแยกกับอนยูก็เดินกลับหอพัก ระหว่างทางกลับหอพักก็แวะกินข้าวพร้อมกับซื้อของใช้เล็กน้อย เพราะกลับไปถึงหอจะได้อาบน้ำและนอนพักผ่อนทันที
เหนื่อยมาทั้งวันแล้วครับ ฮ้าว!!! ว่าแต่วันนี้ผมจะฝันถึงเค้าอีกมั้ยนะ คนตัวเล็กคนนั้น ขอให้ได้เจอกันอีกนะครับ
.
.
.
.
.
“จงฮยอนครับ จงฮยอน...” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกคนตัวเล็กข้างหน้าที่ตอนนี้ถูกห้อมล้อมด้วยหมู่มวลดอกและผีเสื้อตัวน้อย
“อ้าว มินโฮ” เสียงหวานเอ่ยทักทายกลับมาพร้อมกับยิ้มมาให้ แต่จะมีใครรู้มั้ยว่ายิ้มนั้นมันทำให้คนตัวสูงใจเต้นแรงมากแค่ไหน ก็คนตัวเล็กคนนี้หน่ะน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ
“นึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก” เมื่อเดินมานั่งข้างๆคนตัวเล็กแล้ว ร่างสูงก็เริ่มพูดออกไปตามใจคิด นึกว่าพระราชาของโลกแห่งความฝันจะใจร้าย ไม่ยอมให้เค้าได้เจอคนตัวเล็กตรงหน้าซะแล้ว ดีจัง ที่ยังได้เจอกัน
“ ” ร่างเล็กยังคงไม่ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่างอยู่ด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นริ้วสีแดงน้อยๆ ก็นะ คำพูดของคนตัวสูงข้างๆเหมือนกับอยากเจอเค้ามาก คิดแล้วมันอดที่จะเขินไม่ได้ -///-
“เอ่อ แล้วนี่ทำอะไรอยู่เหรอครับ” มินโฮถามคนตัวเล็กพร้อมกับก้มหน้าลงไปมองด้วยอย่างสนใจ
“ก็เห็นดอกไม้สวยดีไงก็เลย....^^” ร่างเล็กหันมายิ้มให้พร้อมกับชูอุปกรณ์ตัดดอกไม้ในมือเล็กๆนั่นให้ร่างสูงได้เห็น “อ่ะ นี่เราให้” ก้มลงไปตัดดอกไม้พร้อมกับยื่นให้กับคนตัวสูงที่อยู่ข้างๆ
“หืม กุหลาบเหรอ” ร่างสูงนั่งมองสิ่งที่ได้รับมาด้วยความสงสัย สิ่งเล็กๆที่อยู่ในมือเค้าคือเจ้าดอกกุหลาบสีแดงสดที่กำลังเบ่งบานอวดโฉมของมันอย่างสวยงาม
“อืม เป็นดอกไม้ที่เราชอบมากๆเลยล่ะ นอกจากจะสวยแล้วยังแฝงไปด้วยความหมายดีๆด้วยนะ”
“แล้วที่จงฮยอนให้ผมมาเนี่ย มันหมายความว่าไงเหรอ” มินโฮหันไปมองหน้าจงฮยอนที่พอได้ยินคำถามนี่ก็หน้าขึ้นสีระเรื่อ นั้นยิ่งทำให้เค้าอยากรู้ว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่ ทำไมถึงได้ทำให้คนน่ารักข้างๆหน้าแดงได้ขนาดนี้นะ
“อืม.......ไม่บอกดีกว่า อิ อิ” ร่างเล็กทำท่าครุ่นคิดก่อนที่เสียงหวานใสจะเปล่งออกมาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
บอกได้คำเดียวว่าน่ารักครับ แล้วทำไมไม่ยอมบอกล่ะ ยิ่งทำอย่างนี้ยิ่งอยากรู้นะครับ ร่างสูงได้แต่คิดในใจและยิ้มให้กับภาพตรงหน้า
“อะไรกัน บอกหน่อยสิ นะ นะ” มินโฮพูดพร้อมทำสายตาอ้อนวอนไปให้จงฮยอน ให้ตายเหอะเค้าไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ
“ไม่บอกหรอก...แบร่ :P” จงฮยอนหันมาแลบลิ้นใส่คนข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งไปในสวนดอกไม้นั่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“บอกหน่อยสิ” มินโฮได้แต่ตะโกนตามหลังคนตัวเล็กพร้อมกับออกวิ่งตามไป ตอนนี้กลายเป็นว่าเราสองคนกำลังเล่นวิ่งไล่จับกันล่ะครับ คอยดูนะจะจับให้ได้เลย คนน่ารักคนนี้หน่ะ
“ไม่บอก ไม่บอก .อ๊ะ” ขณะที่ยังวิ่งไล่จับกันอยู่นั้น ร่างเล็กก็หันกลับมาคุยกับร่างสูงที่วิ่งไล่ตามเค้ามา ทำให้เสียหลักสะดุดเข้ากับก้อนหินข้างหน้า ร่างเล็กกำลังจะเสียหลักล้มลงรู้ตัวทันทีว่าเจ็บแน่ๆจึงได้แต่หลับตาปี๋พร้อมรับกับความเจ็บ แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ นอกจากไม่เจ็บแล้วกลับอบอุ่นอีกด้วย ดวงตากลมใสจึงลืมตาขึ้นมามองทันที ก็เห็นกับใบหน้าคมได้รูป ดวงตากลมโตที่สบตากับเค้าอยู่ จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากบางที่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ร่างเล็กเมื่อเห็นอย่างนั้นก็หน้าขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายแต่ไม่สามารถละสายตาออกมาได้ด้วยว่าโดนดวงตาคาริสม่าคู่นั้นดึงดูดไว้เสียแล้ว
ร่างสูงค่อยๆกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวเล็กให้แน่นมากยิ่งขึ้น หัวใจเต้นแรงมากขึ้นทุกที กับใบหน้าเนียนใสที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มสวยนั้นชักชวนให้เค้าหลงใหลและดึงดูดให้ชวนลงไปลิ้มลอง จะมีใครว่าอะไรมั้ยครับ ถ้าผมบอกว่าผมอยากเป็นเจ้าของคนๆนี้ เจ้าของหัวใจของคนตัวเล็กข้างหน้านี้
มินโฮค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานนั้นมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองคนห่างเพียงแค่ลมหายใจกั้นเท่านั้น เหมือนรอบข้างเงียบสนิทไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งนั้น นอกจากเสียงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน ร่างสูงค่อยๆใช้ปลายจมูกและริมฝีปากสัมผัสไปที่แก้มเนียนนุ่มนั้นแผ่วเบาและสูดหายใจเอาความหอมหวานนั้นจนชุ่มปอด ก่อนที่จะไล้ลงมาที่ริมฝีปากอิ่ม เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกันเพียงบางเบาคนตัวเล็กก็สะดุ้งเหมือนตื่นจากภวังค์และผละออกมาทันที ร่างสูงได้แต่มองตามและทำหน้าเสียดายกับริมฝีปากหวานเท่านั้น อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ งืมๆๆๆ - 3-
“คนบ้า ฉวยโอกาส -////-” ด้วยความเขินอายจงฮยอนจึงได้แต่ต่อว่าคนตรงหน้าพร้อมกับใช้มือเล็กๆนั้นทุบที่อกแกร่งของมินโฮสองสามทีด้วยใบหน้าที่แดงมากว่าเดิมซะอีก ร่างสูงจึงต้องยื่นมืออกไปรวบมือเล็กๆคู่นั้นไว้พร้อมกับยิ้มละลายใจส่งไปให้ ทำไมกันนะเวลาอยู่ใกล้คนตัวเล็กคนนี้เค้าถึงได้มีความสุขมากมายขนาดนี้ หรือว่าสิ่งที่เค้ากำลังรู้สึกอยู่นี้มันคือ ‘ความรัก’
ในทุกๆค่ำคืนที่มินโฮได้ฝันถึงจงฮยอน เค้ารู้สึกมีความสุขมาก จนไม่อยากที่จะให้มันเช้า ไม่อยากที่จะตื่นลืมตาขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่มีจงฮยอน
แต่.....ทำไมกันนะ ทำไมเค้าถึงรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องราวของเค้ากับคนตัวเล็กน่ารักนั้นไม่ได้เป็นเพียงความฝัน แม้ว่าจะตื่นขึ้นมาแต่เค้าก็ยังรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มที่มีให้กัน และความสุขที่มันเอ่อล้นอยู่เต็มหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนมันทำให้เค้าอยากจะลบเลือนความเป็นจริงที่ว่า จริงๆแล้วคนตัวเล็กคนนั้นเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
.
.
.
.
.
เช้าวันใหม่มาถึง แสงแดดอ่อนๆสาดส่องเข้ามาในห้องนอนสีเข้ม ตาคมโตค่อยๆลืมขึ้นมามองไปรอบๆห้องนอน ขาเรียวยาวค่อยๆพาผู้เป็นเจ้าของมุ่งตรงไปสู่ห้องน้ำทันที
วันนี้ก็เป็นวันที่เหมือนกับในทุกๆวัน สิ่งที่ทำก็สิ่งเดิมๆ ไปเรียน กินข้าว กลับหอพัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เค้าได้เจอกับคนตัวเล็กนั่น ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่เค้าไม่อาจรู้ รับรู้เพียงแค่ว่าคิดถึงคนตัวเล็กคนนั้น คิดถึงจงฮยอน ในทุกๆวันเค้าอยากที่จะให้เวลาผ่านไปเร็วๆ เพื่อที่จะได้พบกับจงฮยอนเร็วๆ พบกันในความฝันของทุกค่ำคืน
.
.
.
ถ้าจะให้ผมเปรียบจงฮยอนเป็นดอกไม้แล้ว เค้าก็คงจะเป็นดังดอกกุหลาบแสนสวย นอกจากจะทำให้ผู้พบเห็นหลงใหลได้จากสีสันอันสวยงามแล้ว กลิ่นหอมหวานนั้นยังทำให้หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว เหมือนกันกับผมในตอนนี้ที่ไม่อาจจะละสายตาไปจากเค้าได้ ยิ่งได้อยู่ใกล้ยิ่งรัก ยิ่งหลงใหล
เหมือนกับเจ้าดอกไม้สีสวยข้างเตียงผมที่ถึงแม้ว่าจะอยู่กับผมมาสามวันแล้วแต่ก็ยังเบ่งบานสวยงาม ไม่มีแววจะแห้งเหี่ยว ก็คงจะเหมือนกุหลาบในใจผมล่ะมั้งที่กำลังเบ่งบานได้เพราะคนตัวเล็กคนนั้น
“ทำอะไรอยู่ครับจงฮยอน” มินโฮเอ่ยทักหลังจากที่เดินมานั่งข้างๆคนตัวเล็ก
“....อ่ะ ให้” ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากยื่นดอกกุหลาบสีสวยในมือให้กับคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ
“หืม ทำไมวันนี้ให้ตั้งสามดอกล่ะ” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยพร้อมกับถามคนตัวเล็กด้วยอยากรู้ถึงความหมายของสิ่งที่ได้รับมา
“ไม่ต้องถามน่า รับๆไปเหอะ” จงฮยอนพองลมจนเต็มแก้มพลางทำปากยื่นใส่ร่างสูง น่ารักจริงๆ มินโฮรีบรับดอกไม้นั้นมาไว้ในมือทันที ด้วยกลัวว่าคนตัวเล็กจะงอนซะก่อน
“คร้าบ แต่....อยากรู้จริงๆนะ ไม่บอกหน่อยเหรอ” ได้แต่หันหน้าไปหาคนตัวเล็กพร้อมทั้งส่งสายตาอ้อนๆให้ด้วย
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่บอก ถ้าอยากรู้ก็หาคำตอบเอาเองสิ” จงฮยอนหันมาบอกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างน่ารัก ดอกไม้ที่จงฮยอนให้เค้ามีแค่ดอกกุหลาบเท่านั้น ต่างกันที่จำนวนที่เพิ่มมากขึ้น เค้าพอจะรู้ว่าคนตัวเล็บชอบมันเป็นพิเศษ แต่ที่อยากรู้มากกว่านั้นคือ มันหมายความว่าอะไรกันนะ
“โอ้ย...” จงฮยอนอุทานออกมาเบาๆ เพราะว่าเขินมากไปจึงปัดมือไปโดนหนามของดอกกุหลาบตำเข้าที่นิ้ว ร่างสูงรีบคว้ามือเล็กๆนั้นมาดู มือสวยนั้นมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย ร่างสูงจึงรับอาสาทำแผลให้จงฮยอนด้วยการเอานิ้วเล็กๆนั่นขึ้นจ่อที่ปากและดูดกลืนเลือดสีสดเข้าไปในโพรงปาก พร้อมกับส่งสายตาไปมองหน้าของจงฮยอนที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู พอโดนมองนานๆเข้า ก็ก้มหน้างุดจนคางจะชิดอกอยู่แล้ว รู้มั้ยเนี่ยว่าเขินตาบ้า ใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว >///<
กริยาที่น่ารักที่ร่างเล็กแสดงออกมาเรียกรอยยิ้มของคนตัวสูงได้ไม่ยากเลยทีเดียว
“ผมเคยได้ยินมานะ ว่าถ้าใครโดนหนามกุหลาบตำ แสดงว่าคนๆนั้นกำลังมีความรัก” บอกออกไปพลางยื่นมือหนาไปเชยคางคนตัวเล็กขึ้นมาอย่างอ่อนโยน พร้อมกับจับมือเรียวสวยที่เค้าเพิ่งทำแผลให้เมื่อครู่ขึ้นมาประทับจูบแผ่วเบา
“บ้า ความรักอะไรเล่า” จงฮยอนบอกปัดพร้อมกับใบหน้าเขินอาย แต่นั่นยิ่งทำให้ร่างสูงหลงใหลมากยิ่งขึ้น ยิ่งมองยิ่งหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว
“...หึ หึ หึ” ร่างสูงได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเหมือนคิดอะไรออก แต่นั่นยิ่งทำให้จงฮยอนเขินอายมากยิ่งขึ้นไปอีก
“-/////-”
“แล้วถ้าบอกว่ารักล่ะ จะว่ายังไงครับ”
“>////////<” ร่างเล็กได้แต่นั่งเขินอายจนหน้าแดงลามไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มินโฮยิ่งเห็นอย่างนั้นยิ่งได้ใจเข้าไปอีก
“จุ๊บ......รักนะครับจงฮยอน” ร่างสูงยื่นหน้าใบจุ๊บแก้มเนียนสวยพร้อมกับกระซิบบอกคำรักแผ่วเบาที่ริมใบหูบางนั้น เค้ามั่นใจว่าสิ่งที่บอกออกไปมันเป็นความรู้สึกของเค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกชั่ววูบ
เพราะจงฮยอนทำให้เค้าใจเต้นแรง เพราะรอยยิ้มที่สดใสนั่นทำให้เค้ายิ้มได้ เพราะจงฮยอนทำให้เค้ามีความสุขทุกครั้งที่เจอกัน และก็เพราะจงฮยอนคือคนที่เค้ารัก จงฮยอนคือหัวใจของมินโฮ
เมื่อได้ฟังคำสารภาพนั้นออกมาจากปากร่างสูง ร่างเล็กได้แต่นิ่งเงียบและมองใบหน้าคมนั้นเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ มินโฮได้แต่ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ก่อนที่จะย้ำคำรักนั้นออกมาให้คนตัวเล็กได้มั่นใจอีกสักครั้ง “มินโฮรักจงฮยอนนะ รักจริงๆ” ไม่ว่าจะต้องพูดอีกสักกี่ครั้ง เค้าก็เต็มใจที่จะพูด ถ้าจงฮยอนต้องการที่จะฟังมัน
“-/////-”
“รักจริงๆนะ จงฮยอนล่ะรักผมบ้างรึเปล่า” หลังจากบอกรักไปหลายครั้งแต่ร่างเล็กก็ได้แต่นิ่งเงียบเท่านั้น มินโฮก็เลยเปลี่ยนจากบอกรักมาทวงถามและขอความรักแทน ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเค้าว่าจงฮยอนก็คงจะรักเค้าอยู่เหมือนกัน
“กะ ก็ลองถามดอกไม้สามดอกนั้นดูสิ เจ้าดอกกุหลาบว่ายังไง ก็ตามนั้นแหละ” หืม คำตอบของคนตัวเล็กทำให้มินโฮยิ่งอยากรู้มากยิ่งขึ้น แล้วมันหมายความว่าไงเนี่ย สงสัยงานนี้คงต้องพึ่งอาจารย์กู(เกิ้ล) ซะแล้วล่ะครับ
.
.
.
แสงแดดอ่อนๆสาดส่องลงมา พร้อมกับพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งทำให้มินโฮตื่นขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่
อ่า วันนี้เป็นวันหยุดล่ะครับ ดีจัง แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าข้างๆผมมีจงฮยอนอยู่ด้วย อ่ะๆๆ ผมว่าผมเลิกเวิ่น แล้วรีบไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ
ไวเท่าความคิดร่างสูงรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วไปชำระร่างกายในห้องน้ำทันที หลังจากอาบน้ำ แต่งหล่อเสร็จ กระเพาะก็เริ่มทำงานส่งเสียงประท้วงผู้เป็นเจ้าของบอกให้รู้ว่าถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว
“ผมรู้แล้วครับว่าหิว แปปนึงนะครับคุณกระเพาะคร้าบ” มินโฮได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับรีบเดินไปเปิดตู้เย็น ยืนมองอยู่สักพักก็ตัดสินใจหยิบนมออกมาเทใส่แก้ว พร้อมกับขนมปังสี่ห้าแผ่น และแยมรสส้มจัดการเป็นอาหารของเช้าวันนี้
หลังจากจัดการกับการประท้วงย่อมๆของกระเพาะได้แล้ว ร่างสูงก็รีบเดินไปเปิดโน๊ตบุ๊คคู่ใจพร้อมกับต่อเน็ตทันที และแน่นอนว่าหน้าเวปแรกที่เค้าเปิดเข้าไปใช้บริการคือ ท่านปรมาจารย์กู(เกิ้ล) ซึ่งรอบรู้ทุกเรื่องราว สุดยอดจริงๆ d(^w^)b
พอหน้าเวปที่คุ้นเคยเด่นชัดขึ้นมา มินโฮก็รีบใส่สิ่งที่ต้องจะรู้คำตอบลงไปทันที ‘ความหมายของดอกกุหลาบ’ กดเสิร์ชเข้าไปด้วยความเร็วแสง จนมาเจอกับคอลัมภ์หนึ่งที่น่าสนใจ มือหนาจึงเคลื่อนเม้าท์คลิกเข้าไปดูทันที
ความหมายของดอกกุหลาบ
1 ดอก รักแรกพบ
2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีที่มีให้กัน
.
.
.
3 ดอก ฉันรักเธอ
O___O หืม กุหลาบสามดอก หมายความว่า ฉันรักเธอ ร่างสูงเบิกตาที่โตอยู่แล้วให้โตมากขึ้นไปอีกเมื่ออ่านไปเจอสิ่งที่ต้องการรู้ พร้อมกับยิ้มและคิดดีใจอยู่ในใจคนเดียว
ฉันรักเธองั้นเหรอ งั้นก็หมายความว่าจงฮยอนก็รักผมใช่มั้ยครับรีดเดอร์ เราจะรักกันตลอดไปใช่มั้ยครับ........ตะ แต่ แต่
แต่....มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อจงฮยอนไม่มีตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริง
แต่...ถึงมันจะเป็นแบบนั้นผมก็ยังเต็มใจ เต็มใจที่จะอยู่ในโลกแห่งความฝันตลอดไป ขอแค่ผมมีเค้าอยู่เคียงข้าง ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
มาถึงตรงนี้จากหน้าที่ยิ้มระรื่นดีใจก็กลับหงอยลงและดูเศร้ามากขึ้น ร่างสูงได้แต่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนพลันสายตาคมก็หันไปเจอกับเจ้าดอกกุหลาบที่ข้างเตียงนุ่มนั้น วันนี้เจ้าดอกกุหลาบดูเศร้าแห้งเหี่ยวลงไปมาก ทั้งที่ไม่มีแววว่าจะแห้งไปเลยด้วยซ้ำ ร่างสูงเริ่มใจคอไม่ดีคิดไปต่างๆนาๆ............ จนเผลอหลับไปในที่สุด
.
.
.
ภาพในความฝันปรากฏฉายชัดขึ้นมา ภาพสถานที่ที่แสนคุ้นเคย หมู่มวลดอกไม้ชูช่อสะพรั่ง ผีเสื้อตัวน้อยถลาเล่นลมท่ามกลางพฤษชาติสีสวย และคนๆนั้น คนตัวเล็กเจ้าของหัวใจของเค้า
เมื่อภาพของจงฮยอนเด่นชัดขึ้นมาในสายตา มินโฮจึงรีบเดินเข้าไปนั่งเคียงข้างกับร่างเล็กนั้นทันที ซึ่งวันนี้คนตัวเล็กของเค้าไม่ได้ยิ้มแย้มกับดอกไม้ตรงหน้าเหมือนอย่างเคย ได้แต่นั่งทำหน้าเศร้าเหม่อมองไปข้างหน้าเท่านั้น
“เป็นอะไรไปครับจงฮยอน” มินโฮเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือหนาออกไปประคองใบหน้าสวยให้หันมาเผชิญหน้ากัน สายตาหวานที่เคยสดใสวันนี้กลับดูเศร้า น้ำเม็ดใสที่เริ่มก่อตัวกำลังจะไหลรินลงมา
“มะ มินโฮ ฮึก ฮือๆๆๆ” ร่างเล็กเริ่มสะอื้น น้ำตาที่อดกลั้นไว้หยดลงมาอาบแก้มสวย ร่างสูงค่อยๆใช้มือหนาไล้ปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มเนียน แล้วคว้าคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้ให้ใบหน้าใสซบลงที่อกแกร่ง หวังเพียงจะให้ความอบอุ่นจากเค้าซับน้ำตาและความเศร้าให้คลายลงบ้าง
“ไม่ร้องนะครับคนดี เป็นอะไรไปบอกผมได้มั้ย” มินโฮเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มนุ่ม พลางยกมือลูบหัว ลูบหลังคนตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อปลอบโยน
“ฮึก มินโฮ เราจะ ฮึก ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ฮือๆๆ” ร่างเล็กพูดออกมาปนเสียงสะอื้น คำตอบของคนในอ้อมกอดนั้นทำให้ร่างสูงตกใจอยู่ไม่น้อย
“ทำไมถึงว่ายังงั้นล่ะครับ เราต้องได้เจอกันอีกนะ นี่ไง ผมอยู่นี่แล้วนะ” มินโฮยังคงพูดปลอบคนตัวเล็กด้วยว่ายังไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ไม่เชื่อ หรือว่าไม่ยอมรับกันแน่ก็มิอาจรับรู้ได้
“ฮึก แต่จากนี้ไปคงจะไม่ได้เจอแล้ว ฮือ”
“ไม่เอานะครับจงฮยอน เลิกพูดเรื่องนี้นะ ไม่เอาครับ” มินโฮไม่อยากจะเชื่อว่าที่ร่างเล็กพูดมามันเป็นเรื่องจริง ไม่จริงใช่มั้ยครับ ไม่เอาแล้วนะ เลิกพูดเรื่องนี้นะครับ
“ตะ แต่เราจะไม่ได้เจอกันแล้วจริงๆ ฮึก” ร่างเล็กยังคงสะอึกสะอื้นไม่น้อย น้ำตาไหลอาบแก้มเนียนไม่หยุด
“ไม่พูดแล้วน้าคนดี นะครับ” ร่างสูงพูดออกมาอีก แต่คราวนี้เสียงที่เปล่งออกมาเริ่มแผ่วเบา ไม่รู้ว่าต้องการปลอบใจคนตัวเล็กในอ้อมกอด หรือปลอบใจตัวเองกันแน่
“ตะ แต่ มินโฮ...อื้อ” เมื่อคนตัวเล็กยังพูดออกมาไม่หยุด ร่างสูงจึงปิดปากคนตัวเล็กด้วยริมฝีปากบางของตัวเอง ค่อยๆไล้เลียอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบโยนให้ร่างเล็กคลายเศร้า จากนั้นจึงดูดดึงและไล้เลียริมฝีปากอิ่มหนักหน่วงมากขึ้น เมื่อสัมผัสภายนอกจนพอใจแล้ว จึงส่งลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากหวานซึ่งคนตัวเล็กเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ลิ้นร้อนค่อยๆโลมเลียไปทั่วโพรงปากสวยหวานนั้น สำรวจไปทั่วทุกมุมปากจนมาหยุดอยู่ที่ลิ้นเล็ก เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กอย่างหนักหน่วงด้วยความต้องการที่มากขึ้นเรื่อยๆ
“อะ อื้อ” เสียงครางหวานเล็ดลอดออกมายิ่งทำให้มินโฮกดจูบลงไปหนักหน่วงมากขึ้นพร้อมกับปรับองศาให้จูบได้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น จนเมื่อคนตัวเล็กเริ่มขาดอากาศหายใจจึงครางออกมาเพื่อประท้วงและทุบลงไปที่อกแกร่งเบาๆ ร่างสูงจึงยอมผละออกมาให้ร่างเล็กได้หายใจสะดวกมากขึ้น แต่ก็ยังคงกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดอย่างรักใคร่
“จงฮยอนต้องไปแล้ว อยู่กับมินโฮไม่ได้แล้วนะ” ร่างเล็กพูดออกมาพลางผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นนั้น
“จงฮยอน.....” มินโฮเองยังไม่ทันได้ทำใจยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงได้แต่เรียกชื่อคนข้างหน้าออกไปอย่างแผ่วเบา
“...จงฮยอนรักมินโฮนะ” ร่างเล็กบอกรักคนตรงหน้าด้วยเสียงหวานที่ตอนนี้เริ่มสั่นเครือคล้ายว่ากำลังจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“ผมก็รักจงฮยอนนะ รักมากจริงๆ” ร่างสูงบอกรักกลับไปด้วยเสียงสั่นน้อยๆแต่หนักแน่นทุกถ้อยคำ สิ้นคำนั้นจากร่างสูง คนตัวเล็กในอ้อมกอดของเค้าก็หายไปในทันที ร่างสูงตกใจมากได้แต่วิ่งตามหาคนตัวเล็กจนทั่วสวนดอกไม้นั้น แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเค้า ทำไมกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไม
.
.
.
.
เฮือก!!!!!!!!!
มินโฮสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเวลาคล้อยบ่ายของวัน ใบหน้าคมมีเหงื่อเกาะพราวอยู่เต็มใบหน้า เค้ารู้สึกปวดตุ้บๆที่หัวและรู้สึกปวดหนึบที่อกซ้ายอย่างไม่เคยเป็น มันไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ย จงฮยอนยังไม่ได้ทิ้งผมไปใช่มั้ย
ขอร้องเถอะครับพระเจ้า ตลอดชีวิตผมไม่เคยขอสิ่งใดจากท่านเลย แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากวอนขอ ในเมื่อท่านให้ผมได้รู้จักกับเค้าคนนั้น ให้ผมได้เรียนรู้กับความรัก แล้วทำไมท่านต้องพรากเค้าไปจากผมด้วย เค้าเปรียบประดุจดั่งดวงใจของผม ได้โปรดคืนหัวใจดวงนั้นกลับมาให้ผมเถอะนะครับ ได้โปรด
ตอนนี้หัวใจของเค้าเหมือนโดนทำลายจนป่นปี้คงเหมือนกับเจ้าดอกกุหลาบดอกนั้นที่อยู่ข้างเตียงของเค้าที่แห้งเหี่ยวลงไปอย่างไม่มีสาเหตุเช่นกัน
หลายๆคนเมื่อเอ่ยถึงดอกกุหลาบคงจะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก และความโรแมนติก แต่ใครเลยจะรู้ว่าเจ้าดอกไม้สีสวยนั้นเกิดมาจากความโศกเศร้าของเทพีวีนัสเทพีแห่งความรัก เมื่อหยาดน้ำตาจากความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียคนรักหยดลงหลอมรวมกับหยาดเลือดของคนรักของตนทำให้เกิดขึ้นเป็นเจ้าดอกกุหลาบนี้ที่เป็นตัวแทนแห่งความรัก เทพีวีนัสคงกำลังจะบอกกระมังว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามแต่ก็มีทั้งสุข และทุกข์ เหมือนกันดอกกุหลาบถึงแม้จะสวยงามก็มีวันร่วงโรย และเมื่อกุหลาบร่วงโรยหมดไปก็คงเหมือนกับพระองค์ที่ทรงเสียน้ำตาให้กับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’
ไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ .
ขนาดเทพีวีนัสผู้เป็นเทพีแห่งความรักยังมีน้ำตาให้กับมัน แล้วเค้ายังสามารถหวังได้อยู่อีกมั้ย ใครก็ได้ช่วยบอกเค้าที!!!
++++++++++++++++++++++++
โรงพยาบาลใจกลางกรุงโซล ห้องผู้ป่วย ‘คิม จงฮยอน’
“พี่จงฮยอนวันนี้คีย์มีขนมมาฝากพี่เยอะแยะเลยนะ” เสียงหวานใสเอ่ยคุยกับผู้เป็นพี่ชายที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วยตรงหน้า
“ .”
“พี่จงฮยอน เมื่อไหร่พี่จะตื่นสักที ปล่อยให้ผมกับแทมินเฝ้าร้านแล้วแอบมานอนอู้แบบนี้ได้ยังไงกัน” ร่างบางของคีย์ได้แต่นั่งกุมมือของพี่ชายเอาไว้พร้อมกับพูดคุยกับคนที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนกับจงฮยอนแค่หลับไปเท่านั้น
“ ”
“พี่อย่านอนนานนักสิ ตื่นขึ้นมาเถอะนะ” คีย์ยังคงเรียกหา อ้อนวอนให้พี่ชายตัวเล็กของเค้าตื่นขึ้นมาสักที
“ .”
“พี่ครับ ฮึก ฮือๆๆๆ” หลังจากที่ทำใจยอมรับกับความเป็นจริงว่าพี่ชายของเค้าไม่ใช่แค่หลับไปคีย์ก็ร้องไห้ออกมา น้ำตาใสไหลอาบแก้มเนียนสวย มือเล็กๆนั้นก็ยังกุมมือของพี่ชายเอาไว้ไม่ห่าง
“พี่คีย์ เป็นไรไปครับ” ร่างโปร่งที่พึ่งเดินเข้ามาเห็นพี่ชายหน้าสวยของเค้ากำลังร้องไห้อย่างหนักจึงรีบเข้าไปดึงพี่ชายเข้ามากอดทันที
“ทะ แทมิน ฮือ พี่จงฮยอน ฮึอๆๆ” ร่างบางได้แต่ร่ำไห้อยู่ในอ้อมกอดของแทมิน โดยที่เจ้าของอ้อมกอดก็ได้แต่ลูบหลังปลอบใจเท่านั้น
ตลอดหลายวันที่ผ่าน ตั้งแต่พี่จงฮยอนเข้าโรงพยาบาลไม่เคยมีวันไหนเลยที่พี่คีย์จะยิ้มออก ได้แต่นั่งร้องไห้จนหมดแรงหลับไปในทุกๆวัน ข้าวก็ไม่ยอมกิน จนตอนนี้ผอมลงไปมาก พี่คีย์พี่จะรู้มั้ยทุกครั้งที่ผมเห็นพี่ร้องไห้ เห็นพี่เจ็บปวด ผมรู้สึกเจ็บปวดกว่าพี่หลายเท่า น้ำตาของพี่เหมือนมีดแหลมๆที่ทิ่มแทงเข้ามาในใจของผม เวลาผมเห็นพี่ร้องไห้ผมมักจะโทษตัวเองเสมอที่ดูแลพี่ไม่ได้ ได้โปรดเถอะครับอย่าร้องไห้อีกเลยนะ
พี่จงฮยอนครับถ้าพี่ได้ยินเสียงขอร้องของผม ได้โปรดพี่ฟื้นขึ้นมาเถอะ พี่คีย์เค้าคิดถึงและรักพี่มากนะครับ พี่ฟื้นขึ้นมาเถอะครับ
“อะ อื้อ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นมาจากเตียงของผู้ป่วยที่ไม่ได้สติมาหลายวัน เรียกความสนใจจากคีย์และแทมินได้ดีทีเดียว ทั้งสองคนหันไปมองที่ต้นเสียงทันทีก็พบว่าเปลือกตาบางของพี่ชายร่างเล็กกำลังขยับเบาๆเหมือนอยากจะตื่นจากการหลับใหลซะที
“พะ พี่จงฮยอน พี่จงฮยอนฟื้นแล้ว แทมิน” ร่างบางได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ พี่ชายของเค้าฟื้นแล้วจริงๆ
“ครับ พี่จงฮยอนฟื้นแล้ว เดี๋ยวผมไปเรียกหมอให้นะ” แทมินเองก็ดีใจไม่แพ้กันที่เห็นพี่ชายร่างเล็กกำลังจะฟื้นขึ้นมา เค้ารีบวิ่งออกไปตามคุณหมอให้มาดูอาการของจงฮยอนทันที
“พี่ชายผมเป็นไงบ้างครับคุณหมอ” คีย์เอ่ยถามคุณหมอทันทีหลังจากที่ตรวจเสร็จ
“อาการดีขึ้นมากเลยครับ แต่ช่วงนี้ควรให้คนป่วยพักผ่อนเยอะๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักฟื้นที่โรงบาลอีกสักสี่ห้าวันก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ” คุณหมอหน้าตาใจดีเอ่ยบอกข่าวดีในรอบหลายๆวันให้คีย์และแทมินได้รับรู้ ทั้งคู่ดีใจเป็นอย่างมาก
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ” คีย์กล่าวขอบคุณคุณหมอแล้วรีบเดินไปที่เตียงผู้ป่วยที่ตอนนี้พี่ชายตัวเล็กของเค้ากำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้เค้าไม่อยากที่จะรบกวนจึงได้แต่จูงมือแทมินเดินไปนั่งที่โซฟาเท่านั้น
‘จะได้เจอกันอีกมั้ยนะมินโฮ เราจะได้เจอกันอีกมั้ย’
+++++++++++++++++++++++++++
เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ กลับกันกับเวลาที่เป็นทุกข์เหมือนฟ้าจะใจร้ายปล่อยให้ช่วงเวลานี้มันยาวนาน และทุกข์ทรมานใจมากมายขนาดนี้
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นับจากวันนั้น วันที่ไม่อยากจะรับรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ทุกครั้งที่หลับฝัน มินโฮยังคงคิดเสมอว่ามีจงฮยอนอยู่เคียงข้าง แต่ก็ไม่ใช่จงฮยอนไม่ได้อยู่กับเค้าแล้วอันนี้ต่างหากที่ต้องยอมรับมัน ในทุกๆวันมินโฮได้แต่เรียนให้หนัก พยายามไม่รับรู้สิ่งใดๆรอบข้าง
แต่....จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าเค้าเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ จะให้อยู่ได้ยังไงในเมื่อไร้หัวใจ ไร้ผู้เป็นที่รัก
......... บอกผมหน่อยได้มั้ยครับผมต้องทำยังไง ผมต้องทำยังไง
ได้แต่เฝ้าทวงถาม และโทษดิน โทษฟ้า แต่สุดท้ายความจริงที่เค้าไม่อาจจะยอมรับก็คือ....ไม่มีจงฮยอนอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอีกแล้ว แม้แต่ในความฝันก็ไม่อาจเจอ
ทำไมถึงต้องพรากจงฮยอนไปจากผมด้วย!!!!
“เฮ้ย... มินโฮๆ” ร่างอวบของอนยูเอ่ยเรียกเพื่อนตัวสูงที่ได้แต่นั่งเหม่ออยู่แบบนี้ทุกวัน นี่มันอาทิตย์นึงแล้วนะที่ไอ้มินโฮมันไม่ยอมที่จะพูดคุยกะใครเลย มีแต่นั่งเหม่อลอย เหมือนกับคนไม่มีหัวใจ
“.........”
“มึงคุยกับกูหน่อยสิ ด่ากูว่า ไอ้เชี่ย สักคำก็ได้ มึงเงียบอย่างงี้กูใจไม่ดีนะเว้ย” ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนอนยูจึงพูดออกมาอย่างเหลืออด พร้อมกับกระชากคอเสื้อของมินโฮเหมือนกับการเรียกสติให้ร่างสูง
“ .”
“มึงเป็นอะไรของมึงวะ กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย”
“ ..”
“ไอ้เชี่ยโฮ” เมื่อมีแต่ความเงียบตอบกลับมาอนยูจึงได้แต่เรียกชื่อเพื่อนออกมาเท่านั้น ทำได้เท่านั้นจริงๆ
“......ไอ้อน” สักพักเสียงทุ้มนั่นก็เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาเหมือนกับคนหมดเรี่ยวแรง
“ ..” อนยูได้แต่นิ่งเงียบและมองหน้าเพื่อนของเค้าที่เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา
“กูต้องทำยังไงวะ บอกกูหน่อยกูต้องทำยังไง” น้ำเสียงทุ้มที่เคยน่าฟังตอนนี้นั้นสั่นเครือจนอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าของเสียงนี้กำลังจะร้องไห้ใช่รึเปล่า อีกทั้งดวงตาแดงกล่ำนั่นอีกล่ะ และแล้วน้ำตาลูกผู้ชายของมินโฮก็ไหลอาบลงมา อนยูจึงได้แต่ตบไหล่ปลอบใจเพื่อนเท่านั้น
“กูจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเค้า ถ้าไม่มีจงฮยอนกูจะอยู่ได้ยังไง” ร่างสูงยังคงระบายสิ่งที่อัดอั้นนั้นออกมาพร้อมกับน้ำตา ถึงไม่มีแม้เสียงสะอื้นเสียใจของเพื่อน แต่อนยูก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เพื่อนของเค้ากำลังรู้สึกที่แสดงผ่านมาทางดวงตาคมคู่นั้น
“ไอ้โฮ ใจเย็นๆเว้ย ใจเย็นๆ”
“บอกกูที กูต้องทำยังไง” มินโฮได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จะให้ตัดใจจากคนที่รักจนสุดหัวใจคงทำไม่ได้ และจะต้องทำยังไงล่ะ
“ไอ้โฮ...” อนยูที่นั่งมองเพื่อนที่โศกเศร้าได้แต่เรียกชื่อเพื่อนออกมาเบาๆ และคอยอยู่เคียงข้างจนมินโฮหยุดร้องไห้ออกมา แต่ดูเหมือนว่าความเศร้าจะยังไม่คลายลงไปมากเท่าไหร่
“กูรักเค้า กูรักจงฮยอน รักมากจริงๆ” ร่างสูงพูดออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆส่งไปให้เพื่อนตัวอวบของเค้า เหมือนจะยืนยันในสิ่งที่เค้าพูดและขอบคุณไอ้เพื่อนรักที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน
แต่สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่กลับทำให้อนยูขมวดคิ้วขึ้นมาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง จงฮยอนงั้นเหรอ คุ้นๆนะ หรือว่า
“ไอ้โฮ จงฮยอน จงฮยอนไหน บอกกูดิ” เมื่อคิดได้จึงเอ่ยถามเพื่อนของตัวเองทันที
“กูไม่รู้...” ร่างสูงตอบออกมาเสียงเบาจนอนยูไม่กล้าถามต่อ ได้แต่ควักมือถือตัวเองออกมาพร้อมกับกดหาอะไรสักอย่างและยื่นไปตรงหน้าร่างสูง
“ใช่คนนี้รึเปล่าวะ” เอ่ยถามออกไป แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับของเพื่อนตัวเองคงไม่ต้องถามแล้วล่ะ ก็ตอนนี้หน่ะมินโฮกำลังอึ้ง ดวงตาคมจับจ้องแค่ที่หน้าจอมือถือที่มีรูปคนตัวเล็กกำลังแย้มยิ้มออกมาอย่างน่ารักอยู่นั่นเอง
แล้วอนยูได้มายังไงหน่ะเหรอ อย่าลืมสิว่าอนยูเป็นแฟนคลับพี่น้องตระกูลคิมนะคร้าบบบ
“มึง....มึงได้มาจากไหนไอ้อน” เมื่อเริ่มตั้งสติได้มินโฮจึงรีบหันหน้าไปถามเพื่อนเค้าพร้อมกับเขย่าตัวแทบหัก
“ปล่อยเว้ย แม่ง....”
“เอ่อ กูขอโทษ ว่าแต่มึงจะบอกกูได้ยังวะ” มินโฮถามกลับไปอีกครั้งด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอนยูที่ได้เห็นก็ใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยตอนนี้มินโฮก็ยังยิ้มออก
“มึงตอบกูมาก่อนว่าใช่คนนี้รึเปล่า” อนยูพูดพร้อมกับทำปากยื่นไปที่มือถือสื่อความหมายถึงบุคคลที่สามที่กำลังพูดถึง
“อืม ใช่ กูมั่นใจ” มินโฮตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย
“ก็เนี่ยจงฮยอน พี่ชายน้องคีย์ที่กูเล่าให้ฟังตอนนั้นไง มึงจำได้ช้ะ”
“เห้ย O_O เออๆๆ จำได้ แต่มึงบอกกูว่าเค้าประสบอุบัติเหตุยังไม่ฟื้นไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงได้แต่ทำตาโตและถามออกไปด้วยว่าอยากรู้เรื่องราวมากกว่านี้
“ก็ใช่ แต่ตอนนี้เค้าอาการดีขึ้นแล้ว กลับบ้านได้แล้วด้วย เมื่อวานนี้กูแวะซื้อดอกไม้ที่ร้านยังเห็นเค้าอยู่เลย”
“มึงว่าไงนะ มึงรู้ใช่มั้ย ร้านเค้าอยู่ไหน บอกกูหน่อย” ร่างสูงถามออกไปพร้อมกับเขย่าตัวอนยูไปด้วย(อีกแล้ว)
“ก็ใกล้ๆกับมหา’ลัยเนี่ยแหละ ถัดจากนี่ไปนิดเดียวเอง มีร้านเดียวหาไม่ยาก”
“ขอบใจเว้ย ไอ้อน กูรักมึง ไอ้เพื่อนรัก” หลังจากได้คำตอบที่ต้องการมินโฮก็กอดเพื่อนรักไปหนึ่งที ก่อนจะผละออกมาจับกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายที่บ่าแกร่งก่อนจะออกวิ่งไปตามทางที่อนยูบอกมาเมื่อครู่ด้วยใบหน้าแย้มยิ้มอย่างมีความหวังอีกครั้ง
“โชคดีนะเว้ยไอ้โฮ” อนยูได้แต่ยิ้มตามหลังเพื่อนตัวสูงของตัวเองและอวยพรให้เพื่อนของเค้า
.
.
.
.
.
หลังจากวิ่งมาถึงแล้ว ร่างสูงก็กวาดสายตาไปโดยรอบจนสะดุดเข้ากับร้านดอกไม้เล็กๆร้านหนึ่ง ‘Love Garden’ ร้านที่อบอวลไปด้วยกริ่นกรุ่นไอรัก หน้าร้านตกแต่งได้อย่างน่ารักและหวานแหววเข้ากับชื่อร้านได้เป็นอย่างดี ทุกๆอย่างของร้านนี้ช่างดูสะดุดตายิ่งนัก แต่สิ่งที่สะดุดสายตาคมมากที่สุดคงจะเป็นคนตัวเล็กน่ารักที่กำลังยืนมองดอกไม้สีสวยอยู่หน้าร้านของตนเอง ใบหน้าได้รูป แก้มขาวเนียน ริมฝีปากอิ่มสวย ต้องใช่แน่ๆ
ทุกๆอย่างที่รวมเป็นคนๆนั้นเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ขาเรียวยาวค่อยๆพาผู้เป็นเจ้าของเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับหัวใจที่เริ่มทำงานหนัก เต้นรัวเร็วมากจนเกินจะควบคุม เหมือนเจ้าหัวใจดวงน้อยจะดีใจมากที่กำลังจะได้เจอเจ้าของของมัน
ด้วยความคิดถึงทำให้มินโฮค่อยๆเดินเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น จนตอนนี้ยืนอยู่ห่างกับคนตัวเล็กเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น และสุดท้าย.......
หมับ!!!!!!!!!!!
มินโฮดึงคนตัวเล็กข้างหน้าเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น ร่างเล็กมีแววตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ทันได้ขัดขืนใดๆ เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังให้ได้ยินอยู่ที่ริมใบหูบางซะก่อน
“จงฮยอน คิดถึง คิดถึงที่สุด” เสียงทุ้มนุ่มที่แสนคุ้นเคยถึงแม้ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร และจงฮยอนเองก็จำมันได้เป็นอย่างดี
“มะ มินโฮ มินโฮจริงๆใช่มั้ย”
“ครับ มินโฮ มินโฮของจงฮยอนแค่คนเดียว” ร่างสูงพูดพร้อมกับผละอ้อมกอดออกมาเล็กน้อย สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานที่ตอนนี้เริ่มจะมีน้ำสีใสคลอหน่วงอยู่ที่ดวงตากลมนั้นซะแล้ว
“ฮึก มินโฮ ฮือ คิดถึง คิดถึงมากๆเลย ฮือๆๆ” ในที่สุดก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ร่างเล็กพูดออกไปคลอกับเสียงสะอื้นน้อยๆ ร่างสูงจึงยื่นมือหนาข้างหนึ่งปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้ออกไปจากแก้มเนียนนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงเช็ดน้ำตาให้ตนอยู่จงฮยอนจึงเริ่มพูดต่อไปทั้งๆที่ยังร้องไห้ไม่หยุด
“นึกว่าจะไม่ได้เจอกัน ฮึก แล้วซะอีก ฮือ”
“ต้องเจอสิครับ ไม่ว่าจงฮยอนจะอยู่ที่ไหน ผมก็จะตามหาจนเจอ......หัวใจของผม” ร่างสูงตอบกลับไปด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความรักที่เค้ามีให้คนตรงหน้าที่เอ่อล้นจนเต็มหัวใจ พร้อมกับจูบซับน้ำตาให้คนตัวเล็ก เหมือนต้องการจะปลอบโยนให้คลายจากความเศร้า
“อื้อ....ฮึก” ร่างเล็กยังคงสะอื้นและกระชับกอดคนตัวสูงให้แน่นมากยิ่งขึ้น ซบใบหน้าสวยลงที่อกแกร่งนั้นเพื่อให้อ้อมกอดอบอุ่นช่วยซับน้ำตาให้จางหายไป
“ไม่ร้องนะครับคนดี ไม่ร้องน้า” มินโฮเองก็ได้แต่พูดปลอบ พลางลูบหัว ลูบหลังปลอบคนตัวเล็กไปด้วย
“รู้มั้ยว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เจอมินโฮอีก เวลาที่ต้องอยู่โดยไม่มีมินโฮมันเจ็บปว......อื้อ” ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้พูดจบประโยค ริมฝีปากบางก็ทาบทับลงมาปิดปากซะก่อน ร่างสูงค่อยๆบดเบียดละเลียดชิมความหอมหวานที่ภายนอกอย่างอ่อนโยน เมื่อพอใจแล้วก็ส่งลิ้นร้อนออกมาไล้เลียชิมความหวานที่ริมฝีปากอิ่มก่อนที่จะส่งลิ้นร้อนนั้นเข้าไปสำรวจโพรงปากหวานภายใน ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วทุกมุมของโพรงปากจนมาหยุดที่เรียวลิ้นเล็ก เกี่ยวกระหวัดแผ่วเบาเพื่อกระตุ้นให้ลิ้นเล็กตอบสนองกลับคืนมา จนร่างเล็กเองทนความต้องการไม่ไหวจึงเกี่ยวกระหวัดลิ้นกลับไป แต่ด้วยความไม่เคยจึงทำได้แค่เงอะๆงะๆเท่านั้น
เมื่อร่างเล็กยอมตอบสนองร่างสูงก็ไม่รอช้า เกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นรัวเร็วมากยิ่งขึ้น ใบหน้าคมเอียงหน้าปรับองศาเพื่อให้ลิ้นร้อนและริมฝีปากได้สัมผัสกันหนักหน่วงและแนบแน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนจงฮยอนนั้นหมดเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนได้แต่อ่อนระทวยกับสัมผัสวาบหวามและครางเสียงหวานในลำคอกับสัมผัสที่มินโฮมอบให้เท่านั้น จนกระทั่งร่างเล็กนั้นหายใจไม่ทัน จึงร้องประท้วงออกมาพร้อมกับใช้มือเล็กนั้นทุบลงที่อกแกร่งเบาๆ ร่างสูงจึงยอมผละออกมาอย่างเสียดาย
ร่างเล็กได้แต่หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเมื่อร่างสูงยอมถอนจูบออกมา ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้มินโฮยิ้มออกมาจนแก้มแทบปริ พร้อมกับก้มลงหอมแก้มเนียนใสที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนที่จะพูดบางอย่างกับคนตรงหน้า
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ แค่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว.........มินโฮ รัก จงฮยอนนะครับ รักมากที่สุด”
“จงฮยอนก็รักมินโฮนะ.....จุ๊บ!!!” เมื่อได้ยินคำบอกรักจากร่างสูง ร่างเล็กก็เอ่ยบอกรักกลับคืนไปด้วย พร้อมกับยื่นหน้าขึ้นไปจุ๊บที่ริมฝีปากบางของร่างสูงแผ่วเบา
“O.O” เมื่อรับรู้สัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากร่างสูงได้แต่ทำตาโตด้วยความตกใจ และนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ...งื้อ” ร่างเล็กที่เป็นผู้มอบสัมผัสให้จึงได้แต่ทักท้วงและทำปากยื่น อมลมจนเต็มแก้ม เหมือนจะบอกคนตรงหน้ากลายๆว่างอนแล้วนะ
“มะ มันรู้สึกดีที่จงฮยอนจุ๊บ มันเหมือนกับได้รัก และถูกรักในเวลาเดียวกัน” เมื่อได้สติ ร่างสูงก็พูดออกมาถึงสิ่งที่ทำให้เค้ายืนนิ่งไปเมื่อสักครู่
“ตาบ้า -////-” จงฮยอนได้แต่ก้มหน้างุดเขินอายกับคำพูดนั้นของร่างสูง จึงเอ่ยว่าออกไปพร้อมทุบอั๊กเข้าที่อกนั้นสองสามที ตอนนี้ใบหน้าหวานแดงระเรื่อจนลามไปถึงหูแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ร่างสูงหัวเราะชอบใจกับกริยาน่ารักกับใบหน้าแดงระเรื่อของจงฮยอน ก่อนที่จะยื่นมือหนาไปเกลี่ยแก้มสวยนั้นอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเชยคางมนของร่างเล็กให้มองสบตากับเค้า และพูดบางสิ่งกับคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แน่วแน่ และจริงจัง “จงฮยอนครับ รักกันอย่างนี้ตลอดไปนะ”
“อื้อ รักกันตลอดไปเลย” ร่างเล็กได้แต่ยิ้มออกมาและเอ่ยคำมั่นนั้นกลับไปเหมือนเป็นการยืนยันว่าพวกเค้าทั้งสองคนนั้นจะรักกันตลอดไป
ร่างสูงและร่างเล็กกระชับกอดกันให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น ใบหน้าทั้งสองคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขพร้อมกับดอกกุหลาบในใจของทั้งคู่ที่กำลังเบ่งบาน และจากนี้ไปเค้าจะมีกันและกันตลอดไป
‘รอมาตั้งนาน แต่ละคืนก็คงฝันไป จะมาเมื่อไร แค่สักคนที่ใจฉันใฝ่หา
มีเพียงแค่เงา ที่วันๆเดินเคียงฉันมา รอคนสบตาและคนมาต่อเติมหัวใจ
วันนี้แค่เสี้ยวนาทีที่เจอ
ได้พบเธอ ได้ทักทาย เพียงได้มองแววตา
จากฝัน ก็กลายเป็นมากกว่าฝัน ฝันกลายเป็นจริงขึ้นมา เมื่อในเวลานี้มีเธอทั้งคน
จากฝัน ก็กลายเป็นมากกว่านั้น เมื่อเธอได้เดินเข้ามา หนึ่งคนที่มองหาไม่เคยใช่ใคร แต่ใช่เธอ
วันคืนที่รอ หมดไปแล้วเมื่อได้พบเธอ การเจอกับเธอ ตอบคำถามที่คาค้างหมดใจ
ฝันไว้แค่ไหน แต่วันนี้ได้เกินฝันไป ในคนมากมาย ช่างโชคดีที่เราพบกัน
วันนี้แค่เสี้ยวนาทีที่เจอ
ได้พบเธอ ได้ทักทาย เพียงได้มองแววตา
จากฝัน ก็กลายเป็นมากกว่าฝัน ฝันกลายเป็นจริงขึ้นมา เมื่อในเวลานี้มีเธอทั้งคน
จากฝัน ก็กลายเป็นมากกว่านั้น เมื่อเธอได้เดินเข้ามา หนึ่งคนที่มองหาไม่เคยใช่ใคร แต่ใช่เธอ’
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าความฝันของผู้ชายธรรมดาอย่างผมจะเป็นจริงขึ้นมาได้ จากที่เคยเฝ้ารอใครสักคน คนของหัวใจคนนั้นที่ผมเฝ้าตามหามาโดยตลอด จนวันนึงที่คนตัวเล็กคนนี้ได้เดินเข้ามา มาทำให้ผมได้รู้ถึงความสวยงามของ ‘ความรัก’
จากนี้และตลอดไป.......เพียงแค่มีเค้าอยู่เคียงข้าง ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว.......แค่มีผม มีเค้า มีเรา มันก็เพียงพอ
‘คิม จงฮยอน หัวใจของ ชเว มินโฮ’
THE END
งืมๆๆๆๆ =3=;;
แถมๆๆๆๆจ้า....
“แทมิน ดูคู่นั้นสิ น่ารักเนอะ” เสียงหวานของคีย์พูดกับคนข้างๆที่เพิ่งร่วมปฏิบัติการแอบดูคู่รักโฮฮยอนมาด้วยกันเมื่อสักครู่
“ครับ น่ารัก.....แล้วพี่คีย์ไม่อยากมีแบบนั้นบ้างเหรอ” แทมินพูดตอบกลับพร้อมกับหันไปมองใบหน้าของร่างบางที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เค้าจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าเค้าน่ารักแค่ไหน
“อิๆๆ ใครเค้าจะสนใจพี่ล่ะแทมิน” เมื่อได้ยินคำถามนั้นร่างบางก็ได้แต่หัวเราะน้อยๆ พร้อมกับตอบกลับไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอารมณ์ดี
“แล้วถ้ามีล่ะ......พี่คีย์พอจะสนใจมั้ย” แทมินเริ่มพูดต่อพร้อมกับมองหน้าหวานนั้นเหมือนต้องการจะสื่อความหมาย
“เห......” คีย์ได้แต่อุทานออกมาอย่างแปลกใจ วันนี้แทมินแปลกๆนะ
“เค้าเป็นคนดีนะ สุภาพบุรุษสุดๆ แถมยังหล่อมากๆด้วย ^w^b” เมื่อไม่มีสิ่งใดตอบรับมาแทมินจึงยิ้มออกมาและเริ่มบรรยายสรรพคุณของบุคคลดังกล่าวทันที แถมยังยกนิ้วให้เป็นสิ่งประกอบคำบรรยายอีกด้วย
“หืม ยังมีอยู่เหรอ คนในฝัน แบบนั้นน่ะ” คีย์พูดออกมาพร้อมกับทำหน้าแปลกใจ คนดีๆขนาดนั้นยังมีอยู่เหรอ และถ้ามีจริงจะมาสนใจเค้าได้ไง เนอะ
“มีสิครับ เพียงแค่พี่คีย์มองไม่เห็นเท่านั้น” คำพูดของแทมินยิ่งทำให้คีย์สงสัยหนักเข้าไปอีก จึงเอ่ยถามกลับไปด้วยอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่แทมินพูดถึง
“แล้วใครล่ะ คนที่ว่าน่ะ”
“ ..ก็ อี แทมิน คนนี้ไงครับพี่” แทมินพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าของคีย์ที่กำลังอึ้งและนิ่งไป เมื่อเห็นคนสวยของเค้าไม่พูดอะไรตอบกลับมา จึงเอ่ยถ้อยคำที่มันอัดแน่นอยู่ภายในใจให้คนตรงหน้าได้รับรู้เสียที
“ผมรักพี่คีย์นะ ไม่ได้รักแบบพี่น้อง แต่รักแบบคนรัก รักมากจริงๆ”
“-////////-” ด้วยคำบอกรักที่ดูจริงจังและจริงใจจากน้องชายคนสนิททำให้คีย์เขินอายไม่น้อย ใบหน้าเนียนใสขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก แล้วจะมีใครรู้มั้ยว่าคีย์น่ะก็แอบมีใจให้เจ้าเด็กเห็ดนี่เหมือนกัน
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับจากคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้แทมินมั่นใจมากขึ้น จึงลองเอ่ยบางสิ่งที่ถ้าร่างบางตอบรับความสัมพันธ์ระหว่างเค้าจะเปลี่ยนไปทันที
“เป็นแฟนกับผมนะครับ”
“ ..”
“....พี่คีย์”
“........อะ อื้อ พะ...พี่ก็รักแทมินเหมือนกัน >////<” เมื่อโดนกระตุ้นจากคนตรงหน้าร่างเล็กจึงยอมบอกความในใจออกไปด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่ออย่างน่ารัก
“เย้ๆ แทมินมีแฟนแล้วครับ แฟนแทมินน่ารักที่สุดในโลก” เมื่อร่างบางตรงหน้าตอบรับความรักของเค้า แทมินได้แต่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ตะโกนออกไปด้วยความยินดี พร้อมกับดึงพี่ชายคนสวย ไม่สิ! คนรักสุดสวยของเค้าเข้ามากอดอย่างรักใคร่
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบไหน มันก็ทำให้เรามีความสุขได้ทั้งนั้น คุณว่าอย่างนั้นมั้ยล่ะ!!!!
จบแว้วววว จริงจัง
เอ่อ งงงงกันมั้ยคะ แบบว่าตาลเขียนเองยังงงเอง 555+
ยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ สนุก ไม่สนุกยังไง เม้นกันได้เต็มที่คะ ขอบคุณมากมายคะ
ความคิดเห็น