คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : คุณหมอ x ผู้จัดการดารา[Yaoi]
(ภาพเละๆที่วาดไว้ประกอบ----)
คุณหมอ
x ผู้จัดการดารา[Yaoi]
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ทำไมช้าจัง....” ชายหนุ่มที่เพิ่งเลือกเมนูรายการเครื่องดื่มเสร็จ
เงยหน้าเท้าณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ทำไมช้าจัง....” ชายหนุ่มที่เพิ่งเลือกเมนูรายการเครื่องดื่มเสร็จ
เงยหน้าเท้าคางมองนาฬิกาบนฝาพนัง
อีกด้านหนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
อ่า..... ได้เวลาแล้ว
ร่างสูงรีบเก็บของลงกระเป๋าหลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายเสร็จเขาถอดแว่นทรงรีไร้กรอบออกจากใบหน้าพลางนวดขมับด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
การเป็นแพทย์นั้นต้องแบกรับอะไรหลายอย่างรวมถึงเสียสละอะไรหลายอย่างเช่นกันแต่เขาก็มีความสุขกับมันเหมือนได้เห็นรอยยิ้มของคนไข้ที่ผลตรวจออกมาว่าพวกเขาหายเป็นปกติ
ทุกครั้งหลังเลิกงานเขาจะรีบดิ่งกลับบ้านในทันทีแต่วันนี้ค่อนข้างพิเศษเพราะเขาถูกนัดโดยคนๆนึงมาเจอกันที่ร้านกาแฟหลังเขาเลิกงาน
มิโกโตะถอดเสื้อกาวสีขาวออกเก็บเขาไว้ในกระเป๋าพลางมองนาฬิกา
เข็มสั้นและเข็มยาวที่เดินไปเรื่อยๆบ่งบอกว่าตอนนี้เขาสายแล้ว
เขาจึงไม่รอช้าที่จะรีบเดินทางไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรอนานมากนัก
เป็นไม่กี่ครั้งที่หลังเลิกงานแล้วเขารู้สึกตื่นเต้นมากเช่นนี้
อดใจรอไม่ไหวที่จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายเรียกเขามาเพื่ออะไร ซึ่งคงไม่พ้นเรื่องงาน....
แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นน้อยลงเลย
ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลที่เขาประจำอยู่ดีไซน์ร้านที่เรียบง่าบทำให้รู้สึกไม่อึดอัด
เขาเบนสายตามองไปเรื่อยๆจนพบกับร่างบางผมสีม่วงประบ่าที่นั่งมองนาฬิกาอยู่อย่างเฉยชา
"ขอโทษที่สายนะ เซอิ" ร่างสูงว่ากับ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ....ผมรอได้อยู่แล้วเพราะอาชีพหมอมีงานเยอะนิ” อีกฝ่ายแซวกับอย่างหยอกๆ
เขาแอบหัวเราะในลำคอนิดๆกับคำพูดหยอกล้อของอีกฝ่าย ใช่..
อาชีพหมองานมันเยอะจริงๆนั้นแหลแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าหากได้ทำ
"มอคค่าร้อนน่ะ
สั่งก่อนเดินมาที่โต๊ะแล้วล่ะ อ่ะ...."
"มอคค่าร้อนได้แล้วคะ"
สาวเสริฟ์วางเครื่องดื่มได้ตรงหน้าของร่างสูงก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยตามมารยาท
"ขอบคุณครับ"
มิโกโตะยิ้มรับก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย "เซอิมีธุระอะไรกับผมงั้นหรือ"
เขาว่าอย่างสงสัย
“เออ.....ก็ธุระเรื่องงานตามเคยนั้นแหละครับ.....แต่ว่า
ผมมีคนๆคนหนึ่งที่อยากให้มาเป็นไอดอลแต่เธอเขาดื้อมากเลยล่ะ เลยไม่รู้ทำไงดี......”
เซอิทำสีหน้าเศร้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่เหมือนกับให้วางใจว่ายังสบายดีอยู่ ก่อนจะเห็นสีหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดต่อ
“ ผมถามเรื่องที่ยากไปหรือเปล่าครับ!?
งั้นขอโทษนะครับ....”
มิโกโตะผงะเล็กน้อย
ปกติแล้วเซอิจะไม่ค่อยมีปัญหามากนักเกี่ยวกับการทาบทามเด็กๆมาปั้นเป็นไอดอล
ส่วนใหญ่เวลาเขาโดนเรียกมาเพื่อปรึกษาส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆเสียมากกว่า
แสดงว่าสาวน้อยคนนั้นคงมีอะไรพิเศษอยู่ในตัวแน่ๆ
เขาทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่นึงจนเมื่อได้ยินอีกฝ่ายร้องทักเขาจึงโบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร
"ถ้าพบคนมีความสามารถก็คงจะ.....
ไม่อยากปล่อยไปสินะ" มิโคโตะถามอีกฝ่ายพลางเท้าคางมองอย่างพินิจพอเคราะห์
“ครับ....”
เซอิตอบรับสั้นๆ แล้วก็ทำท่าจะพูดต่อ “รู้สึกว่าที่เขามาเป็นไอดอลไม่ได้เพราะติดธุระทางบ้านด้วย....แถมยังบอกว่าไม่เหมาะกับเขาอีก....”
"อืม...."
เขาว่าพลางมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีคนพลุกพล่าน
การจะบังคับใครให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำนับเป็นเรื่องยากมากที่เดียว
แต่กระนั้นเมื่อได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเขาสัมผัสได้เลยว่าเด็กคนนั้นต้องสุดยอดมากแน่ๆ
สายตาของเซอิไม่เคยผิดพลาดเลบสักครั้งเขามั่นใจแบบนั้น.....
"แล้วเซอิคิดจะทำยังไงกันล่ะ...."
เขาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
การทาบทามไอดอลนับเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับผู้จัดการ
เขาจะต้องก้าวผ่านมันด้วยตัวเอง
“ผมน่ะ....คิดว่าจะพยายามจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้ายนั้นแหละ!
แต่ถ้าเขายืนยันที่จะไม่เป็นผมคงจำเป็นต้องปล่อยเขาไปล่ะ.. .
คิดว่าผมเหมือนจะมาระบายอารมส์มากกว่าล่ะนะ ฮ่าๆ” มิโคโตะเห็นอีกฝ่ายพูดบอกก่อนจะยกน้ำที่ตัวเองสั่งมาดื่มแก้กระหายเสียก่อน
เขาส่ายหน้าเบาๆ
ก่อนจะเผยยิ้มบางพร้อมยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนให้กำลังใจ
“ อืม.... ว่าจะไปซื้อของน่ะ
มีบางคนฝากให้ซื้อกลับไปด้วย เซอิไปด้วยกันไหม?” เขาว่า ก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วจ่ายเงินทั้งของตัวเองและเซอิ
“ครับ!” เซอิตอบรับก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง
มิโกโตะได้แต่พยักหน้ายิ้มๆก่อนจะเอยถามต่อ
“แถวๆตลาดหลักในเมืองน่ะ”
“วาเลนไทน์.....?”
ร่างบางฉงกไปเมื่อร่าสูงพูดพร้มพยักหน้าให้กับคำที่ร่างบางหวนกลับ
“ผมลืมไปได้ยังไงนะ”
“เมื่อเช้าน่ะทั้งมิโฮะแล้วก็มาโฮะส่งช็อคโกแลคมาให้เพียบเลยล่ะ
กินหมดนั้นฉันเบาหวานตายกันพอดี....”มิโคโตะว่าทำให้ร่างบางนึกขำ
“ฮ่าๆ แล้วตอนนี้ทานหมดหรือยังล่ะครับ?”
“คิดว่าหมดไหมล่ะ กองเป็นภูเขาอยู่ที่บ้านนั้นล่ะ...”
“ กองเป็นภูเขา...”
ร่างบางนึกแล้วแทบจะสำลักเพราะนิสัยที่ไม่ค่อยจะชอบของหวานมากเท่าไหร่เจอแบบนั้นแล้วแทบจะไม่แตะต้องเลยก็ว่าได้
“อ่า....
มิโฮะน่ะไม่เท่าไร แต่มาโฮะน่ะเหมือนเอามาให้ฉันกินสักชาตินึงยังไงยังงั้นแต่
ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเธอเท่าหรอก จะว่าไป.... เซอิเคยเจอมาโฮะหรือเปล่า”
“จะว่าไปร้านขานเบเกอรี่อยู่ไหนกันหนอ?”
จู่ๆร่างบางก็เอยขึ้น ก่อนจะมองหาร้านที่กำลังตามหา
“เอ....
ตรงนั้นน่ะตามมาสิ” มิโกโตะว่าก่อนจะจับมืออีกฝ่ายแล้วเดินไป เซอิได้แต่มองอีกฝ่ายพลางเลื่อนสายตามองมือที่จับก่อนจะไม่พูดอะไรแล้วเดินตามไป
“ร้านนี้น่ะอร่อยมากเลยนะฉันซื้อไปทานบ่อยๆ”
ร่างสูงเดินมาหยุดตรงที่ร้านเบเกอรี่ร้านหนึ่ง
ร่างบางมองอย่างพิจารณาก่อนจะพึมพำอะไรเล็กน้อย “ร้านนี้เหรอ...
งั้นผมว่ารีบเข้าไปดีกว่านะครับวันเทศกาลแบบนี้ของมักหมดเร็วด้วย”
ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะเป็นฝ่ายนำเดินเข้าไปในร้าน
ทำให้ร่างบางต้องฉุดคิดอีกนิดเมื่อเพิ่งให้ความรู้สึกลงบริเวณฝ่ามือ
“จริงสิพี่มิโคโตะครับ
พี่จะปล่อยมือผมได้หรือยังครับ?” เซอิว่า
คำพูดนั้นทำให้มิโกโตะถึงกับสะดุ้งแล้วรีบปล่อยมืออีกฝ่ายทันที
“ขอโทษนะนายคงไม่ชอบให้ใครจับมือสินะ
ฮะๆ”
“ถ้าผมไม่ชอบผมคงสะบัดตั้งแต่พี่จับแล้วล่ะครับ”
เซอิว่ายิ้มๆ ก่อนจะเดินมาเลือกขนมที่วางเรียงอยู่ในร้าน
ก่อนจะไม่ได้สังเกตร่าสูงที่กำลังแอบยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะเดินตามมา
“พีเบลนี้ชอบทานขนมจังเลยนะ”
“แทบจะได้วันหนึ่งติดต่อกันเลยล่ะครับ”
เซอิว่าก่อนจะมองกระดาษเน้นแนวยาวที่เขียนด้วยรายการขนมที่ต้องการ
“ขืนฉันทานขนาดนี้แล้วท้องคงเสียแย่แน่เลย”
มิโคโตะมองกระดาษอย่างอึ้งๆหลังจากที่เห็นรายการกระดาษในมือของเซอิ
“ผมก็ว่า...”
ร่างบางตอบรับก่อนจะถือถาดขนมที่คีบมาไปคิดเงิน ก่อนร่างสูงจะเดินตามมาติดๆ
“นั้นสิ
แต่ยัยผู้หญิงนั้นดูห้าวๆแหะฉันว่าใส่สูทสะเหมือนผู้ชายเลย”หญิงสาวที่เริ่มทักพูดต่อขึ้นเมื่อสังเกตเห็นชุดทำงานที่เซอิใส่
“แต่ถ้ามีผู้ชายมาคบด้วยฉันว่าจะใส่สูทก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”เพื่อนสาวบอกก่อนจะชักชวนเลือกของหวานในร้านต่อ
คำพูดที่ทั้งสองสาวได้พูดมานี้แน่นอนว่าไม่ได้เข้าหูทั้งสองคนที่กำลังเดินมาที่เคาน์เตอร์ให้ได้ยินแม้แต่น้อย
“นี้พี่มิโคโตะฮะ
แล้วพี่จะไปซื้ออะไรงั้นเหรอ?” เซอิถามขณะที่กำลังรอคิว
“ก็.... เออ “
อีกฝ่ายลังเลนิดหน่อย “เทียนกับผ้ายันต์อะไร.... สักอย่างที่มาโฮะฝากซื้อน่ะ ฮะๆ”
“ทะ...ทะ...เทียนกับผ้ายันต์=[]=;”
ร่างบางผวาไปเล็กน้อย
“เห็นยัยนั้นว่าจะทำพิธีไล่ผี....ล่ะมั้งนะ”มิโคโตว่า
ก่อนเซอิจะยื่นถาดให้คนที่เคาน์เตอร์แล้วหันมาถามร่างสูงต่อ
“จะว่าไปพี่รีบกลับหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก”
มิโกโตะส่ายหน้าน้อยๆ
“งั้นช่วย....เออ...ไปเที่ยวกับผมหน่อยสิ
จะกลับบ้านเบลเขาก็บอกว่าจะกลับดึกด้วย.......ก็เลยเหงาๆน่ะ”
ร่างบางว่าก่อนจะก้มหน้าลง ความจริงเขาเป็นพวกขี้กลัวอยู่แล้ว
“ด้วยความยินดี”
มิโกโตะยิ้มกว้างเหมือนดีใจที่ร่างบางเป็นฝ่ายชวนเขาไปเดินเที่ยวแบบนี้
“ขอบคุณมากนะครับ...”
เซอิยิ้มให้กลบเกลือนความหวาดๆ “งั้นเราไปซื้อของให้พี่มาโฮะกันก่อนแล้วกันนะครับ”
มิโกโตะส่ายหน้า “ของๆมาโฮะช่างมันเถอะร้านที่ยัยนั้นบอกมากว่าจะเปิดก็ดึกสะด้วยสิ
เซอิอยากไปเที่ยวที่ไหนก่อนไหม?”
“นั้นสิ....อืม....ลองเดินๆแถวนี้ดูดีไหมครับ
ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสถานที่มากด้วย”
“ได้สิ”
มิโกโตะว่ายิ้มๆ
“งั้นไปกันเถอะครับ!”รับห่อขนมที่แพ็กมาแล้วจูงมือพี่มิโกโตะออกจากร้าน
“ถึงจะพูดไปงั้นๆแต่จะไปที่ไหนดีนะ( ‘ ‘)”
ร่างบางที่พึมพำออกมาทำให้มิโกโตะถึงกับยิ้มให้กับท่าทีของอีกฝ่ายพลางกระชับมือที่กุมกันอยู่ให้แน่นขึ้น
“งั้น....ไปที่ๆฉันอยากไปได้หรือเปล่า”
“ที่ไหนงั้นเหรอครับ?”
“เดียวเธอก็รู้เอง...”
เดินจูงมืออีกฝ่ายไปก่อนร่างบางจะเดินตามไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ที่เรือนเพาะชำที่นึงที่ค่อนข้างอยู่ห่างจากตัวเมืองหลักนิดหน่อย
“แถวนี้มันที่ไหนเหรอฮะ?”
เซอิว่าก่อนจะกวาดตามองรอบๆ
“เป็นสถานที่ลับของฉันน่ะ...
บอกกับเซอิคนแรกเลยนะ” ยิ้มบาง
“ที่ลับงั้นเหรอ.....”
มิโกโตะพยักหน้าน้อยๆก่อนจะจูงมืออีกฝ่ายเข้าไปข้างใน
มวลพฤษาต่างปรากฎแก่สายตาของทั้งคู่ แม้ภายนอกเรือนจะดูเก่าและโทรม แต่ภายในกับถูกจัดอย่างเรียบร้อยพร้อมกับดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานชูช่ออย่างสวยงาม
ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้แก่ร่างบางเป็นอย่างมาก
“โห....”
“ดอกไม้พวกนี้ฉันเป็นคนปลูกเองน่ะ.....”มิโกโตะเอยขึ้นหลังจากที่เห็นร่างบางให้ความสนใจแก่พวกดอกไม้นานาพันธุ์
“จริงดิ! แล้วทำไมมาปลูกที่นี่ล่ะครับ”
“ที่นี้น่ะ
ฉันบังเอิญมาเจอเข้า
เรือนเพาะชำนี้มีมานานแล้วล่ะแต่มันก็ถูกทิ้งร้างไประแวกนี้ก็ไม่ค่อยมีใส่ใจเรือนเพาะชำเก่าๆแบบนี้หรอก
ฉันเสียดายเลยแอบมาปรับปรุงนิดหน่อยน่ะ ก็ได้.... 2 ปีแล้วล่ะมั้ง”ร่างสูงว่ายิ้มๆ
ก่อนะจสังเกตเห็นร่างบางได้ย่อตัวลงมองต้นไม้หลากหลายพันธุ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างหลงใหล
“พี่มิโคโตะเนี่ยเป็นคนดีจังเลยนะครับ...”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก...ฉันตั้งใจไว้ว่าสักวันจะพาคนที่ฉันชอบมาที่นี้”ร่างสูงว่าก่อนจะมองขึ้นไปบนยอดเรือน
ทำให้ร่างบางแอบนึกขำกับคำพูด
“ฮ่าๆ
แล้วชวนผมมาเนี่ยนะครับ^^?”
คนตรงหน้าพยักหน้าให้ในขณะที่ยังเงยหน้าอยู่
“สักวันก็คือ....
วันนี้ยังไงล่ะ...” กลับมามองใบหน้าของเซอิด้วยแววตาจริงจัง
“ฉัน.... ชอบนะเซอิ
ไม่สิ....ฉันรักเธอนะ....”
คำพูดที่ไม่รู้ว่าเอาความแน่วแน่มาจากไหน
ทำให้เซอิถึงกลับเบิกตากว้างคิดว่าอีกฝ่ายกำลังล้อตัวเองเล่นแต่แววตาแบบนั้นต่อให้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาก็มองออกว่าไม่ได้พูดเล่นๆ
มิโคโตะไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากจะมองร่างบางอยู่นิ่งๆ
“เอ่อ...คือ....”ทำอะไรไม่ถูกนอกจากจะมองหน้ามิโคโตะสลับกับมองไปทางอื่น
“ผมคิดว่า.....มันไม่สมควรนะครับ! ผู้ชายมา...กันเนี่ย...”เบี่ยงสายตาหลบอีกฝ่าย
คำตอบของเซอิ เป็นคำตอบที่เขารู้มาตั้งแต่ต้น....
ผู้ชายกับผู้ชายมารักกันนั้นย่อมเป็นเรื่องแปลก
เป็นสิ่งที่สังคมยังไม่ยอมรับกันมากนัก แต่ทำยังไงได้เมื่อหัวใจมันรักไปแล้ว
จะให้เขาปฏิเสธมันได้ยังไง เด็กคนนี้... เซอิ
ความที่เป็นตัวของตัวเองเป็นในแบบที่เขาเป็นแบบนี้มันทำให้เขาหลงรัก...
เป็นรักจริงๆไม่ใช่เพียงแค่อาการหลงชั่วครั้งชั่วคราว
รักในแบบที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป.... แต่ให้ทำยังไงได้
รักในแบบของเขามันไม่ใช่คนปกติ อย่างน้อยๆก็แค่อยากจะบอกว่ารัก....
อยากจะบอกรักเด็กคนนี้ คนที่เอาหัวใจของเขาไปจนหมด แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าหากพูดไปความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่แบบนี้มันจะพังทลายลงในแบบที่เรื้อฟื้นมันขึ้นมากลับได้
เขากลัว... กลัวเหลือเกินกับคำบอกปฏิเสธแต่.....
ก็เหมือนว่าจะทำใจขึ้นมาได้บ้างแล้ว...
มิโกโตะหลุบตาต่ำ
แค่คำปฏิเสธไม่กี่คำเขาก็เจ็บได้เพียงนี้เชียวหรือ
"เข้าใจแล้วล่ะ...
ขอโทษนะที่ทำให้เธอลำบากใจ ขอตัว..." เขาทนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้
ไม่รู้ทำไมน้ำตามันเหมือนจะล้นออกมาจากดวงตาอยู่รอมร้อ
เขาให้เซอิเห็นสภาพหน้าสมเพชแบบนั้นไม่ได้
จึงเลี่ยงที่จะปลีกตัวไปอยู่คนเดียวอีกกว่า
เขาสาวเท้าออกไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับไปมองร่างเล็กผมสีม่วงคนที่เขารักจนหมดหัวใจอีกเลย
ร่างบางได้แต่ยืนอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ได้ขยับเขยื่อนอะไรแม้แต่น้อย
ในใจอยากจะรั้งเขาไว้แต่คงต้องปล่อยไปเพราะร่างกายตอนนี้แทบจะชาได้ทั้งตัวแม้แต่จะขยับมือไปเขย่าโน้นนี้แบบที่ผ่านมาก็เหมือนแทบจะขยับไม่ได้เลย
หลังจากที่ได้ยินคำนั้นรู้สึกหัวใจไม่สิจิตใจตอนนี้แทบจะเรียกได้เลยว่าเจ็บ....แต่คงต้องตามเขาให้มาคุยกันให้รู้เรื่องกว่านี้
เมื่อร่างกายของเซอิเริ่มขยับสติกลับเข้ามาแล้วก็เริ่มหันมาหาคนที่เพิ่งเดินไปแต่ก็ไม่พบ
คงนึกว่าเขาคงไปไกลแล้ว.....
หลังจากที่ร่างสูงเดินผ่านไปได้สักพักหัวใจที่เจ็บปวดนั้นก็ไม่ได้บรรเทาลงเลย
มันกลับมากขึ้นด้วยซ้ำ เขาเดินอย่างเหม่อลอยไร้ซึ่งจุดหมายแน่ชัด
รู้เพียงแค่ว่าเขาต้องการเดินไปให้ไกลแสนไกล.....
เพื่อว่าระยะเวลาจะช่วยสมานแผลใจนี้ให้เจ็บน้อยลง.... สักนิดก็ยังดี....
เขาเดินมาหยุดๆ อยู่ที่หน้าทางม้าลายไฟจราจรบ่งบอกว่าเขาสามารถเดินข้ามได่แล้ว
ร่างสูงไม่รอช้าที่จะรีบข้ามถนนก่อนที่ไฟจราจรจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
ทันกว่าความคิดรถบรรทุกคันใหญ่แล่นผ่านมาโดยไม่ชะลอความเร็วเลยสักนิด....
เอี๊ยดด!!!!! ตู้ม!!!!!!
ร่างสูงลอยปลิวไปตามแรงของรถ
เขาจะต้องตายหรอกหรือ......? มิโกโตะนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นด้วยสติที่เลือนลาง
เลือดสีแดงสดค่อยไหลออกมาจากศีรษะเริ่มเอ่อล้นเปรอะเปรื้อนไปตามพื้นถนน
พร้อมน้ำตาของความเศร้าผสมปนกับความผิดหวัง.....
คนเห็นแก่ตัวอย่างเขาอาจสมควรตายก็ได้
เขาคิดเช่นนั้นก่อนที่เปลือกตาแสนหนักอึ้งจะค่อยๆปิดลง
.
.
.
.
((ยังไม่จบบบบ)))
ความคิดเห็น