คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : Au Thai : โคมดาว [BinMin Weekly: Week 11]
#BinMinWeekly
Week 11: Stars
Paring: HxM (#มินฮยอนบิน)
โคมดาว
ลมหนาวปลายเดือนมกราคมทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ที่คลุมตัวเมดาอยู่ก็เช่นกัน
มันทั้งอุ่นและหอมกลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ เหมือนเคย รวมไปถึงคนที่นั่งมองฟ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้ด้วย
...
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน
‘โคม’
ก็ยังเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันจนถึงวันนี้
ทุกอย่างช่างคุ้นเคย
คงมีก็แต่ปายที่ต่างจากเมื่อก่อนไปมากทีเดียว ...
เพื่อนคนอื่นเมาหลับกันไปหมดแล้ว
นอนกรนสนั่นรวมกันอยู่ในเต็นท์ด้านหลัง ตอนนี้ริมน้ำปายจึงเหลือแค่ผู้ชายตัวสูงสองคนนั่งอยู่เคียงกัน
“คิดถึงวันเก่า
ๆ เนอะ” เมดาหันหน้าไปตามเสียงพูดของเพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างกัน
“คืนนั้นดาวก็สวยแบบนี้”
รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปากยามนึกถึงภาพวันที่ว่า ...
วันที่เมดาเพื่อนสนิทของเขา
... บอกความในใจที่เก็บมาเสียเนิ่นนานให้ได้รู้
แต่กลับเป็นวันที่เขาขี้ขลาด
... เกินกว่าจะบอกอะไรออกไป
“อือ”
ริมฝีปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันเก็บอาการเขินที่ห่างหายไปเสียนาน
“วันนั้นเมบอกเราว่าอะไรนะ”
ใบหน้าขาวขึ้นสีจัดเมื่อนึกย้อนไปถึงประโยคที่ตัวเองรวบรวมความกล้าเอ่ยบอกอีกฝ่ายไปวันนั้น
เพราะเป็นเบียร์กระป๋องนั้นแน่
ๆ ถึงทำให้คนขี้ขลาดอย่างเมดาปากตรงกับใจได้ในที่สุด
“เราชอบโคมนะ”
“ชอบมาตั้งนานแล้ว”
“ไม่รู้สิ
ลืมไปหมดแล้ว” เมดากระชับเสื้อกันหนาวของโคมให้แน่นขึ้น พยายามซ่อนแก้มแดง ๆ
ของตัวเองไว้ภายใต้ผ้าเนื้อหนาตัวเดิม
“ลืมจริง
ๆ เหรอ” ระยะห่างที่เคยทิ้งไว้ในตอนแรกค่อย ๆ ลดลงเมื่อคนพูดเขยิบตัวเข้ามาหาจนไหล่ชิดกัน
“หืม
ลืมจริง ๆ เหรอครับ” โคมแนบหน้าลงบนท่อนแขนของตัวเอง
ก่อนจะหันไปมองคนที่เอาแต่ก้มหลบสายตาไม่ยอมเงยขึ้นมามองกันสักที
“ถ้าตอบแบบคนโกหกก็คงบอกว่าใช่
... เราลืมไปหมดแล้ว”
●
ปี 1
‘มาหาหน่อยดิ อยู่ถนนคนเดิน’
เมดาไม่น่าดีใจกับประโยคจากปลายสายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั่นเลย
เพราะความเป็นจริงแล้ว
... โคมไม่ได้รอเจอเขาแค่คนเดียว
“อ้าวเม บังเอิญจัง” แฟนสาวของเพื่อนสนิทตัวสูงฉีกยิ้มกว้างมาให้ทันทีที่เห็นเขาโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มคน
“ส้ม
มาเชียงใหม่วันไหนเนี่ย” เมดาคิดว่าตัวเองคงกำลังส่งรอยยิ้มทื่อ ๆ ให้เธออยู่แน่ ๆ
“มาถึงเมื่อเย็นนี้เอง”
“มาเซอร์ไพรส์คุณชายเขา”
ส้มพูดเสียงเบาพร้อมกับชี้ไปยังแผ่นหลังกว้างคุ้นตาที่กำลังยืนรอน้ำมะพร้าวอยู่
“อ่อ”
“ป่ะ”
โคมไม่ได้แปลกใจที่เห็นแฟนตัวเองกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายร่างสูงโปร่งที่เขารู้จักดี
มือใหญ่กระชับเข้ากับส่วนเดียวกันกับของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มกันหลง
ใช้ศอกแตะหลังให้เมดาเดินนำออกไปก่อน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การมีเมดามาเดินด้วยกันกลายเป็นสิ่งที่เขาขาดไม่ได้
ถนนที่มีคนพลุกพล่านแค่เห็นแผ่นหลังของอีกคนเดินนำอยู่ มันก็ไม่น่ารำคาญอีกต่อไป
“ไปไหน”
คนถูกรุนหลังให้นำทางหันกลับมามองด้วยแววตาฉงน ริมฝีปากบางขยับขึ้นลงถามแบบไม่มีเสียง
“หาอะไรกินไง”
“ก็ไปกับส้มดิ”
“ไปด้วยกันนี่แหล่ะ”
“อยากให้ไปด้วยกัน”
โคมก้มลงกระซิบลงข้างใบหูที่ขึ้นสี วาดแขนโอบไหล่ให้อีกคนมาเดินชิดกัน
การที่มาเป็นบุคคลที่สามระหว่างคนสองคน
อะไรก็ไม่เท่ากับได้เห็นภาพชวนเจ็บหัวใจแบบนี้ เมดาอยากกลายเป็นอากาศเหลือเกิน ตอนที่โคมก้มลงหอมแก้มส้มระหว่างทางที่กำลังแหวกกลุ่มคนไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์
แสงไฟท้ายรถเวสป้าหายลับไปพร้อมกับอ้อมกอดของส้มที่เอวของโคม
ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดสีอ่อนแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าซ่อนน้ำตาที่มันใกล้จะไหลออกมาเต็มที
ไม่เคยรู้สึกอิจฉาใครขนาดนี้มาก่อนเลย
●
ปี 2
‘ตื่นยังอะ’
วันเสาร์เมดาโดนปลุกตั้งแต่เช้าด้วยสายด่วนจากโคม
เพื่อนตัวสูงบอกว่ามีธุระด่วนสำคัญมากและต้องการความช่วยเหลือจากเขาเท่านั้น
‘ช่วยเลือกของขวัญให้ส้มหน่อยดิ’
รถคันเล็กเลี้ยวเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังตอนเวลาเกือบเที่ยง
โคมถอดหมวกกันน็อกของตัวเองออกก่อน แล้วค่อยหันกลับมาช่วยเพื่อนสนิทที่กำลังปลดสายรัดคางอย่างทุลักทุเลอยู่
ชั้นที่โคมพาเมดามาคือสินค้าแบรนด์เนมที่เน้นสำหรับผู้หญิง
ร่างโปร่งเหลือบมองพนักงานที่มองมาทางตัวเองด้วยสายตาประหลาดก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ
คืนให้
เมดาถูกลากออกมาทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ อยู่ในชุดเสื้อยืดคอย้วยสีขาวกับกางเกงวอร์มเก่า
ๆ ที่ใช้ใส่นอนเมื่อคืน แถมคีบแตะดาวเทียมอีกต่างหาก
ก็คงไม่แปลกที่จะดูเป็นตัวตลกในสายตาใครหลายคนตรงโซนแถบนี้
คนนึงแต่งตัวซอมซ่อส่วนอีกคนหล่อมาตั้งแต่ยังไม่ถอดหมวกกันน็อค
ขายาว ๆ ของโคมหยุดลงที่หน้าร้านกระเป๋าแบรนด์ดังร้านหนึ่ง
หันกลับมาพยักหน้าเรียกเพื่อนตัวขาวให้เข้าไปด้วยกันก็ได้รับการส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ
"เข้าไปเถอะ เดี๋ยวรอตรงนี้ ดูเสื้อผ้าเราดิ"
"เฮ้ย คิดมาก เข้ามาช่วยเลือกให้ส้มหน่อย"
"ไม่เอา รอนี่แหล่ะ" โคมยอมแพ้กับอาการดื้อกะทันหันของเพื่อนสนิท
“งั้นไปร้านอื่น
เอาร้านที่เมเข้าไปกับเราได้” เขาแกล้งจับหัวเมดาหมุนไปมาสองสามทีพร้อมส่ายหน้าเบา
ๆ ก่อนจะหลุดขำเมื่อเจ้าตัวทำหน้าตามู่ทู่ใส่
"แหย่นิดเดียว อย่างอนดิ" เมดาไม่รู้จะทำยังไงดีเลยได้แต่เดินหนีโคมที่วิ่งเหยาะ
ๆ ตามมา
"ยิ้มหน่อยน่า ยิ้มแล้วน่ารักออก"
โคมยั้งปากตัวเองไว้ไม่ทันจริง
ๆ ก็เวลาเมดายิ้มทีไร ทั้งที่น่ารักมากอยู่แล้วก็ยิ่งน่ารักเพิ่มเข้าไปอีก
เขาอยากให้อีกฝ่ายยิ้มบ่อย ๆ แต่ก็หวงรอยยิ้มนี้มากไม่แพ้กัน
จะให้ดี ...
ยิ้มให้เขาคนเดียวก็พอแล้ว
“กลับไปร้านเดิมนั่นแหล่ะ
เดี๋ยวเรานั่งรอตรงนี้”
“รอแป๊บนึงนะครับ” โคมวางมือลงบนกลุ่มผมสีดำยุ่งเหยิง
พร้อมโน้มหน้าลงมาหาคนปากยื่นตอนเอ่ยประโยคนั้น
คล้อยหลังคนตัวสูงเจ้าของมืออุ่นเมื่อสักครู่ เมดารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีอาการจับไข้
หน้าร้อนวูบวาบไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอายที่ตัวเองต้องมายืนเป็นเป้าสายตาใครต่อใครจากภาพเมื่อกี้นี้ ... หรือเป็นเพราะการกระทำของอีกคนกันแน่
●
ปี 3
"ฮัลโหล"
"เอ่อ นอนแล้วเหรอ"
"ยังอะ อยู่ข้างนอก"
"ส้มมาเหรอ"
"อื้ม"
"งั้น ... ไม่กวนแล้ว"
"มีอะไรหรือเปล่า"
"คือ ... ไม่มีรถกลับ"
"อยู่ไหน"
"หน้าวอร์ม"
"อีกสิบนาที รออยู่ตรงนั้นนะ
เลยสิบนาทีมาแล้วและฝนที่ทำท่าจะตกไม่ตกแหล่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนก็เทลงมาพอดี
ร่างโปร่งเพ่งสายตาฝ่าม่านน้ำคอยมองหาใครบางคนที่บอกว่าจะมารับ ...
กลัวเหลือเกินว่าจะเกิดอันตรายกับเจ้าของบทสนทนา 'อีกสิบนาที รออยู่ตรงนั้นนะ'
แสงไฟจากรถสาดเข้ามาใกล้เรื่อย
ๆ จนเมดาต้องหยีตามอง คนตัวโตที่นั่งอยู่บนเวสป้าคันโปรดค่อย ๆ แล่นรถมาจอดเทียบริมฟุตบาทและหยุดลงตรงหน้าเขาพอดี
... รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้าของทั้งสองคนที่กำลังมองกัน
"อะ ใส่นี่ไว้โดนฝนจะได้ไม่หนาว"
"แล้วโคมล่ะ"
"สบายมาก" เสื้อคลุมแขนยาวผ้าร่มตัวโคร่งถูกเจ้าของถอดออกก่อนจะสวมใส่ให้คนตัวเล็กกว่าที่ยืนสั่นอยู่ข้างรถ
หมวกกันน็อกใบเดิมถูกวางลงบนหัวเมดา
ร่างโปร่งฝืนตัวเองให้นั่งตัวตรงห่างจากเจ้าของรถเหมือนเช่นทุกครั้ง
เพียงแต่รอบนี้มันดูไม่ง่ายนัก
ด้วยอุปสรรคจากสายฝนถึงแม้จะไม่หนักหนาแต่ก็โปรยปรอยให้เปียกชุ่มไปตลอดทาง
โคมรับรู้ถึงแรงสั่นหนาวจากคนข้างหลังจึงคว้าเอาแขนขาวมากอดตัวเองไว้
เพื่อนตัวเล็กขืนตัวอยู่สักพักก่อนจะยอมสอดแขนสองข้างโอบรอบเอวของเขา
...
เป็นครั้งแรกที่โคมใจเต้นมากขนาดนี้ และไม่ต้องหาสาเหตุมาอธิบายอาการนี้เลย
เมดาซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่แอบมองตามมาตลอดระยะหลายปี
หัวใจตอนนี้มันเต้นดังเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกวินาที
... ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าของแผ่นหลังที่เป็นที่กำบังฝนให้เขาจะไม่ได้ยินมัน
3:40 AM
androMEDA
ถึงห้องยัง
เป็นห่วง
ทานยาด้วยนะ
5:31 AM
โ ค ม .
ถึงแล้ว
ฝันดีนะ
●
ปี 4
เพิ่งผ่านมรสุมมิดเทอมมาได้หยก ๆ หวังจะไปชาร์จแบตกับลมหนาวที่ปายสบาย
ๆ ด้วยการเดินทางแบบไม่ลำบาก ... แต่ก็ทำได้แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถ้าจะโทษคนที่ทำให้เมดาต้องมานั่งโกรกลมบนรถเมล์ แทนที่จะเป็นรถตู้ไปปายก็คงหนีไม่พ้นไอ้คุณแอมแปร์ ...
ตื่นสายไม่พอยังต้องไปรอมันเก็บกระเป๋าอีก
แต่จะว่าไปนั่งให้ลมพัดโดนหน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
...
“กินยาแก้เมารถยังหนูเม”
เป็นโดนัทที่ชะโงกหน้ามาถามจากเบาะหลังเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากอาเขต
“เรียบร้อย”
“มันไหวไหมน่ะ”
จุกที่นั่งอยู่เบาะหน้าพร้อมกีต้าร์ตัวเก่งหันมาถามพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางคนนั่งข้างเมดา
“ไหวมั้ง”
“เมนอนไปเลยนะ
ไม่ต้องตื่นมาดูมัน เดี๋ยวเราหันไปดูเอง”
เมดาพยักหน้าให้จ้าวก่อนจะหันไปมองโคมที่เอาปีกหมวกปิดหน้าไว้ตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนรถ
ไหล่บางกลายเป็นที่พักพิงของคนตัวสูงกว่า
โคมเอียงมาซบบ่าเมดาก่อนจะถอดหูฟังอีกข้างยัดใส่หูของอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัว
Un-cry these tears
I cried so many nights
Un-break my heart
ความเปียกชื้นที่หัวไหล่ทำให้เมดาก้มหน้ามองคนตรงหน้า มือขาวถอดหูฟังออกยกแขนโอบรอบคนตัวโตที่ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้น
เขานั่งกอดโคมไว้เงียบ ๆ ปล่อยให้อีกคนได้ใช้น้ำตาระบายความอัดอั้นออกมา
พวกเราได้ที่พักเป็นเต็นท์ริมแม่น้ำปาย
คุณลุงเจ้าของขอเก็บแค่ค่าพื้นที่กางเต็นท์กับค่าเช่าเต็นท์บวกถุงนอนซึ่งตกคนละไม่ถึงร้อย
เงินกองกลางที่รวมกันมาก่อนออกทริปนี้เลยหมดไปกับค่ากับแกล้มแล้วก็เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อากาศตอนกลางคืนหนาวจนไม่อยากให้มือโดนน้ำใด
ๆ ยกเว้นแก้วน้ำเมา เป็นไปได้เมดาอยากจะซุกตัวลงในถุงนอนอุ่น ๆ แทนมากกว่า
อีกอย่างคนอื่น ๆ คอแข็งกันหมดเลยซัดเหล้ากันสนุกสนาน มีแต่เขานี่แหล่ะที่ทั้งคืนถืออยู่แค่เบียร์กระป๋องเดียว
“ไอ้โคมพอแล้ว ๆ
มึงจะอาบแทนแล้วนั่น”
แอมแปร์หยิบขวดน้ำเมาออกจากมือคนที่นั่งร้องไห้ไปกระดกเหล้าไปได้ทันท่วงทีพอดี
ไม่งั้นคงไม่มีเหลือให้คนอื่นได้ดื่มกัน
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว
ตัวอย่างกับยักษ์ร้องเหมือนเด็กสองขวบ”
“ยังมีพวกกูนะเว่ย”
“ยังไม่นอนเหรอ”
คนที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงทักจากทางด้านหลัง
เมดาจำได้ดีว่าเสียงทุ้ม ๆ
นั้นเป็นของใคร
“นอนไม่หลับ”
“เลยลุกมาเก็บขวด”
โคมมองไปยังขวดแก้วที่ถูกเก็บมาวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบตรงมุมเสบียงพลางเลิกคิ้วถาม
“อื้อ ก็ไม่รู้จะทำอะไร”
เมดายกมือเกาจมูกแก้เก้อขณะตอบคำถามนั้น
“เป็นคนแปลก ๆ นะเรา”
เพื่อนตัวสูงว่าก่อนจะยกยิ้มขำเมื่อเห็นอีกคนทำปากยื่นใส่
“แล้วทำไมโคมยังไม่นอน”
“นอนไม่หลับ”
“นั่งด้วยได้ไหม”
“อื้อ นั่งสิ”
โคมนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสนิท และก็เพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้เองว่า
อีกคนใส่แค่เสื้อแขนยาวตัวไม่หนาเท่าไหร่นัก
ขี้หนาวแต่ไม่รู้จักระวังตัวเองเลย
... เมดา
“ไม่หนาวเหรอ” เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ถูกเจ้าของมันถอดออกมาคลุมให้อีกคน
กลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ ที่โคมชอบใช้กำลังโอบล้อมตัวเมดาอยู่ตอนนี้
เหมือนฝันเลย ...
“ขอบคุณนะ”
“ดาวสวยเนอะ”
เมดาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าตามคนเอ่ยประโยคนั้น
วันนี้ดาวสวยมากจริง ๆ
“อือ สวยมากเลย
ยิ่งมาดูบนเขาแบบนี้เหมือนจะเอื้อมจับได้เลย” มือขาวยื่นออกไปประกอบคำพูดตัวเอง
ถ้ายืนขึ้น ... ความสูงขนาดเขาจะเอื้อมถึงดาวได้จริง
ๆ ไหมนะ
“จริง ๆ
เมก็มีดาวอยู่กับตัวอยู่แล้วนะ”
“หืม”
“กลุ่มดาวแอนโดรเมดา
ชื่อเมมากจากคำนี้ไม่ใช่เหรอ”
ไม่รู้เพราะอากาศหนาวเกินไปหรือเปล่า
แก้มขาวของเจ้าของชื่อกลุ่มดาวถึงซับสีจางให้เขาได้เห็น
“อือ ใช่”
ทั้งสองคนนั่งมองดาวกันเงียบ
ๆ กองไฟที่เคยก่อไว้เมื่อช่วงหัวค่ำถูกดับไปตั้งแต่ทุกคนลากันเข้านอน
อากาศในเวลาแบบนี้จึงเย็นขึ้นกว่าตอนนั้นมากนัก
เมดาหันไปมองคนที่สละเสื้อให้ตัวเอง
ห่วงว่าเพื่อนตัวสูงจะไหวหรือเปล่า แต่การนั่งเอามือจุ่มลงแม่น้ำได้นานหลายนาทีก็คงพิสูจน์ได้แล้วว่าอีกคนคงยังไหวกับสภาพอากาศหนาวแบบนี้
“กับส้ม ...
เมว่าเราทำถูกแล้วป่ะ”
บทสนทนาที่เงียบไปนานกลับมาอีกครั้งพร้อมคำถามที่เมดาไม่อยากจะตอบ
“ไม่รู้ดิ คงถูกมั้ง ...
ก็เขามีคนอื่นไม่ใช่เหรอ”
“จริง ๆ ใจเราก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับเขาคนเดียวหรอก”
“แค่เราไม่กล้าทำร้ายคนสองคนพร้อมกันแค่นั้น”
“เจ็บเนอะ
เราโคตรโง่เลย”
“แต่ให้อีกคนมาเจ็บด้วยเราก็ไม่อยากทำ”
ยิ่งเห็นไหล่อีกคนลู่ลงเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
ใจเจ้ากรรมก็อยากเจ็บแทนขึ้นมาเสียให้ได้
“โคมไม่โง่หรอก
กับเรื่องความรักไม่มีใครโง่ทั้งนั้นแหล่ะ”
“พูดเหมือนเคยมีความรัก”
“ไม่รู้ว่าเรียกว่ารักไหม
รู้แค่เราชอบเขามาก ๆ เลย”
“ชอบจนมันเก็บเอาไว้ไม่ไหวแล้ว”
“ก็บอกเขาสิ”
โคมหันกลับมามองเพื่อนตัวขาวที่จ้องตัวเองอยู่ก่อนแล้ว แววตาสั่นไหวของเมดากำลังทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง
“บอกได้เหรอ”
“ได้ดิ”
“โคม”
“หืม”
“เราชอบโคมนะ”
“ชอบมาตั้งนานแล้ว”
●
“เราชอบโคมนะ”
“ชอบมาตั้งนานแล้ว”
“เมบอกเราแบบนี้ใช่ไหม”
อากาศวันนี้ก็เย็นเหมือนวันนั้นไม่มีผิด
จะต่างกันก็ตรงที่โคมไม่ได้นอนไม่หลับแล้วออกมาเจอเมดานั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว
พวกเขาสองคนเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงจุดเดิมตั้งแต่ต้น
“จำได้แล้วจะถามทำไม”
“แค่อยากจะถาม”
“ถามอะไร”
ฝั่งตรงข้ามกับที่พักของเรามีกิจกรรมลอยโคมกัน
แสงไฟหุ้มกระดาษกำลังลอยทะยานขึ้นฟ้าตามแรงลม
“ยังชอบอยู่ไหม”
“เมยังชอบเราอยู่หรือเปล่า”
“สี่เดือนที่ไม่เจอกัน ...
คำว่าชอบเปลี่ยนไปให้คนอื่นหรือยัง”
โคมกระดาษส่องไฟเหมือนดาวดวงใหญ่ที่ค่อย
ๆ หดเล็กลงเรื่อย ๆ
“เมดา”
“เราชอบเมดานะ”
“ชอบตอนไหนก็ไม่รู้”
“รู้ตัวอีกทีก็คิดถึงแค่เมคนเดียวแล้ว”
แสงโคมก็สวย แสงดาวก็สวย
ท้องฟ้าวันนี้สวยกว่าของวันนั้นเมื่อสี่เดือนก่อนเสียแล้ว
“อือ”
“อือ อะไรครับ”
“อือ ยังชอบอยู่”
“อือ สี่เดือนที่ไม่เจอกัน
... คำว่าชอบไม่เคยเปลี่ยนไปที่ใครเลย”
“เมดา”
“ว่า ...”
“ปีหน้ามาลอยโคมด้วยกันไหม”
“เอาสิ ดาวจะได้อยู่กับโคมสักที”
●●●
#HwangAndTheKwon
@daisieelady
ความคิดเห็น