ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #HwangAndTheKwon [minhyunbin: h x m]

    ลำดับตอนที่ #53 : Au Thai : โคมดาว [BinMin Weekly: Week 11]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      116
      14 ธ.ค. 61

    #BinMinWeekly

    Week 11: Stars

    Paring: HxM (#มินฮยอนบิน)



    โคมดาว

     

     

                ลมหนาวปลายเดือนมกราคมทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ที่คลุมตัวเมดาอยู่ก็เช่นกัน มันทั้งอุ่นและหอมกลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ เหมือนเคย รวมไปถึงคนที่นั่งมองฟ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้ด้วย ...

     

     

     

              ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน โคม ก็ยังเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันจนถึงวันนี้      

     

     

     

                ทุกอย่างช่างคุ้นเคย คงมีก็แต่ปายที่ต่างจากเมื่อก่อนไปมากทีเดียว ...

     

                เพื่อนคนอื่นเมาหลับกันไปหมดแล้ว นอนกรนสนั่นรวมกันอยู่ในเต็นท์ด้านหลัง ตอนนี้ริมน้ำปายจึงเหลือแค่ผู้ชายตัวสูงสองคนนั่งอยู่เคียงกัน

     

                “คิดถึงวันเก่า ๆ เนอะ” เมดาหันหน้าไปตามเสียงพูดของเพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างกัน

                “คืนนั้นดาวก็สวยแบบนี้” รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปากยามนึกถึงภาพวันที่ว่า ...

     

     

     

     

              วันที่เมดาเพื่อนสนิทของเขา ... บอกความในใจที่เก็บมาเสียเนิ่นนานให้ได้รู้

     

     

     

              แต่กลับเป็นวันที่เขาขี้ขลาด ... เกินกว่าจะบอกอะไรออกไป

     

     

     

                “อือ” ริมฝีปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันเก็บอาการเขินที่ห่างหายไปเสียนาน

                “วันนั้นเมบอกเราว่าอะไรนะ” ใบหน้าขาวขึ้นสีจัดเมื่อนึกย้อนไปถึงประโยคที่ตัวเองรวบรวมความกล้าเอ่ยบอกอีกฝ่ายไปวันนั้น

     

              เพราะเป็นเบียร์กระป๋องนั้นแน่ ๆ ถึงทำให้คนขี้ขลาดอย่างเมดาปากตรงกับใจได้ในที่สุด

     

     

     

              “เราชอบโคมนะ”

              “ชอบมาตั้งนานแล้ว”

     

     

     

                “ไม่รู้สิ ลืมไปหมดแล้ว” เมดากระชับเสื้อกันหนาวของโคมให้แน่นขึ้น พยายามซ่อนแก้มแดง ๆ ของตัวเองไว้ภายใต้ผ้าเนื้อหนาตัวเดิม

                “ลืมจริง ๆ เหรอ” ระยะห่างที่เคยทิ้งไว้ในตอนแรกค่อย ๆ ลดลงเมื่อคนพูดเขยิบตัวเข้ามาหาจนไหล่ชิดกัน

                “หืม ลืมจริง ๆ เหรอครับ” โคมแนบหน้าลงบนท่อนแขนของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองคนที่เอาแต่ก้มหลบสายตาไม่ยอมเงยขึ้นมามองกันสักที

     

     

     

              “ถ้าตอบแบบคนโกหกก็คงบอกว่าใช่ ... เราลืมไปหมดแล้ว”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปี 1

     

              มาหาหน่อยดิ อยู่ถนนคนเดิน

     

                เมดาไม่น่าดีใจกับประโยคจากปลายสายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั่นเลย

                เพราะความเป็นจริงแล้ว ... โคมไม่ได้รอเจอเขาแค่คนเดียว

     

                “อ้าวเม บังเอิญจัง” แฟนสาวของเพื่อนสนิทตัวสูงฉีกยิ้มกว้างมาให้ทันทีที่เห็นเขาโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มคน

                “ส้ม มาเชียงใหม่วันไหนเนี่ย” เมดาคิดว่าตัวเองคงกำลังส่งรอยยิ้มทื่อ ๆ ให้เธออยู่แน่ ๆ

                “มาถึงเมื่อเย็นนี้เอง”

                “มาเซอร์ไพรส์คุณชายเขา” ส้มพูดเสียงเบาพร้อมกับชี้ไปยังแผ่นหลังกว้างคุ้นตาที่กำลังยืนรอน้ำมะพร้าวอยู่

                “อ่อ”

                “ป่ะ” โคมไม่ได้แปลกใจที่เห็นแฟนตัวเองกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายร่างสูงโปร่งที่เขารู้จักดี

                มือใหญ่กระชับเข้ากับส่วนเดียวกันกับของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มกันหลง ใช้ศอกแตะหลังให้เมดาเดินนำออกไปก่อน

                ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การมีเมดามาเดินด้วยกันกลายเป็นสิ่งที่เขาขาดไม่ได้ ถนนที่มีคนพลุกพล่านแค่เห็นแผ่นหลังของอีกคนเดินนำอยู่ มันก็ไม่น่ารำคาญอีกต่อไป

     

                “ไปไหน” คนถูกรุนหลังให้นำทางหันกลับมามองด้วยแววตาฉงน ริมฝีปากบางขยับขึ้นลงถามแบบไม่มีเสียง

                “หาอะไรกินไง”

                “ก็ไปกับส้มดิ”

                “ไปด้วยกันนี่แหล่ะ”

                “อยากให้ไปด้วยกัน” โคมก้มลงกระซิบลงข้างใบหูที่ขึ้นสี วาดแขนโอบไหล่ให้อีกคนมาเดินชิดกัน

     

     

     

                การที่มาเป็นบุคคลที่สามระหว่างคนสองคน อะไรก็ไม่เท่ากับได้เห็นภาพชวนเจ็บหัวใจแบบนี้ เมดาอยากกลายเป็นอากาศเหลือเกิน ตอนที่โคมก้มลงหอมแก้มส้มระหว่างทางที่กำลังแหวกกลุ่มคนไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์

                แสงไฟท้ายรถเวสป้าหายลับไปพร้อมกับอ้อมกอดของส้มที่เอวของโคม ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดสีอ่อนแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าซ่อนน้ำตาที่มันใกล้จะไหลออกมาเต็มที

     

     

     

              ไม่เคยรู้สึกอิจฉาใครขนาดนี้มาก่อนเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปี 2

     

                ตื่นยังอะ

     

                วันเสาร์เมดาโดนปลุกตั้งแต่เช้าด้วยสายด่วนจากโคม เพื่อนตัวสูงบอกว่ามีธุระด่วนสำคัญมากและต้องการความช่วยเหลือจากเขาเท่านั้น

     

                ช่วยเลือกของขวัญให้ส้มหน่อยดิ

     

                รถคันเล็กเลี้ยวเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังตอนเวลาเกือบเที่ยง โคมถอดหมวกกันน็อกของตัวเองออกก่อน แล้วค่อยหันกลับมาช่วยเพื่อนสนิทที่กำลังปลดสายรัดคางอย่างทุลักทุเลอยู่

                ชั้นที่โคมพาเมดามาคือสินค้าแบรนด์เนมที่เน้นสำหรับผู้หญิง ร่างโปร่งเหลือบมองพนักงานที่มองมาทางตัวเองด้วยสายตาประหลาดก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ คืนให้

                เมดาถูกลากออกมาทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ อยู่ในชุดเสื้อยืดคอย้วยสีขาวกับกางเกงวอร์มเก่า ๆ ที่ใช้ใส่นอนเมื่อคืน แถมคีบแตะดาวเทียมอีกต่างหาก ก็คงไม่แปลกที่จะดูเป็นตัวตลกในสายตาใครหลายคนตรงโซนแถบนี้

     

     

     

              คนนึงแต่งตัวซอมซ่อส่วนอีกคนหล่อมาตั้งแต่ยังไม่ถอดหมวกกันน็อค

     

     

     

                ขายาว ๆ ของโคมหยุดลงที่หน้าร้านกระเป๋าแบรนด์ดังร้านหนึ่ง หันกลับมาพยักหน้าเรียกเพื่อนตัวขาวให้เข้าไปด้วยกันก็ได้รับการส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ

                "เข้าไปเถอะ เดี๋ยวรอตรงนี้ ดูเสื้อผ้าเราดิ"

                "เฮ้ย คิดมาก เข้ามาช่วยเลือกให้ส้มหน่อย"

                "ไม่เอา รอนี่แหล่ะ" โคมยอมแพ้กับอาการดื้อกะทันหันของเพื่อนสนิท

                “งั้นไปร้านอื่น เอาร้านที่เมเข้าไปกับเราได้” เขาแกล้งจับหัวเมดาหมุนไปมาสองสามทีพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหลุดขำเมื่อเจ้าตัวทำหน้าตามู่ทู่ใส่

                "แหย่นิดเดียว อย่างอนดิ" เมดาไม่รู้จะทำยังไงดีเลยได้แต่เดินหนีโคมที่วิ่งเหยาะ ๆ ตามมา

                "ยิ้มหน่อยน่า ยิ้มแล้วน่ารักออก"

     

                โคมยั้งปากตัวเองไว้ไม่ทันจริง ๆ ก็เวลาเมดายิ้มทีไร ทั้งที่น่ารักมากอยู่แล้วก็ยิ่งน่ารักเพิ่มเข้าไปอีก เขาอยากให้อีกฝ่ายยิ้มบ่อย ๆ แต่ก็หวงรอยยิ้มนี้มากไม่แพ้กัน

                จะให้ดี ... ยิ้มให้เขาคนเดียวก็พอแล้ว

     

                “กลับไปร้านเดิมนั่นแหล่ะ เดี๋ยวเรานั่งรอตรงนี้”

                “รอแป๊บนึงนะครับ” โคมวางมือลงบนกลุ่มผมสีดำยุ่งเหยิง พร้อมโน้มหน้าลงมาหาคนปากยื่นตอนเอ่ยประโยคนั้น

     

                คล้อยหลังคนตัวสูงเจ้าของมืออุ่นเมื่อสักครู่ เมดารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีอาการจับไข้ หน้าร้อนวูบวาบไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอายที่ตัวเองต้องมายืนเป็นเป้าสายตาใครต่อใครจากภาพเมื่อกี้นี้ ... หรือเป็นเพราะการกระทำของอีกคนกันแน่

               

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปี 3

     

              "ฮัลโหล"

     

                "เอ่อ นอนแล้วเหรอ"

     

              "ยังอะ อยู่ข้างนอก" 

     

                "ส้มมาเหรอ"

     

              "อื้ม"

     

                "งั้น ... ไม่กวนแล้ว"

     

              "มีอะไรหรือเปล่า"

     

                "คือ ... ไม่มีรถกลับ"

     

              "อยู่ไหน"

     

                "หน้าวอร์ม"

     

              "อีกสิบนาที รออยู่ตรงนั้นนะ

     

     

     

     

                เลยสิบนาทีมาแล้วและฝนที่ทำท่าจะตกไม่ตกแหล่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนก็เทลงมาพอดี ร่างโปร่งเพ่งสายตาฝ่าม่านน้ำคอยมองหาใครบางคนที่บอกว่าจะมารับ ...

     

                กลัวเหลือเกินว่าจะเกิดอันตรายกับเจ้าของบทสนทนา 'อีกสิบนาที รออยู่ตรงนั้นนะ

     

                แสงไฟจากรถสาดเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนเมดาต้องหยีตามอง คนตัวโตที่นั่งอยู่บนเวสป้าคันโปรดค่อย ๆ แล่นรถมาจอดเทียบริมฟุตบาทและหยุดลงตรงหน้าเขาพอดี

     

                ... รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้าของทั้งสองคนที่กำลังมองกัน

     

                "อะ ใส่นี่ไว้โดนฝนจะได้ไม่หนาว"

                "แล้วโคมล่ะ"

                "สบายมาก" เสื้อคลุมแขนยาวผ้าร่มตัวโคร่งถูกเจ้าของถอดออกก่อนจะสวมใส่ให้คนตัวเล็กกว่าที่ยืนสั่นอยู่ข้างรถ หมวกกันน็อกใบเดิมถูกวางลงบนหัวเมดา

                ร่างโปร่งฝืนตัวเองให้นั่งตัวตรงห่างจากเจ้าของรถเหมือนเช่นทุกครั้ง เพียงแต่รอบนี้มันดูไม่ง่ายนัก ด้วยอุปสรรคจากสายฝนถึงแม้จะไม่หนักหนาแต่ก็โปรยปรอยให้เปียกชุ่มไปตลอดทาง 

     

                โคมรับรู้ถึงแรงสั่นหนาวจากคนข้างหลังจึงคว้าเอาแขนขาวมากอดตัวเองไว้ เพื่อนตัวเล็กขืนตัวอยู่สักพักก่อนจะยอมสอดแขนสองข้างโอบรอบเอวของเขา

                ... เป็นครั้งแรกที่โคมใจเต้นมากขนาดนี้ และไม่ต้องหาสาเหตุมาอธิบายอาการนี้เลย

     

                เมดาซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่แอบมองตามมาตลอดระยะหลายปี หัวใจตอนนี้มันเต้นดังเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกวินาที

                ... ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าของแผ่นหลังที่เป็นที่กำบังฝนให้เขาจะไม่ได้ยินมัน

     

     

     

    3:40 AM

    androMEDA

    ถึงห้องยัง

    เป็นห่วง

    ทานยาด้วยนะ

     

     

     

    5:31 AM

    โ ค ม .

    ถึงแล้ว

    ฝันดีนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปี 4

     

                เพิ่งผ่านมรสุมมิดเทอมมาได้หยก ๆ หวังจะไปชาร์จแบตกับลมหนาวที่ปายสบาย ๆ ด้วยการเดินทางแบบไม่ลำบาก ... แต่ก็ทำได้แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถ้าจะโทษคนที่ทำให้เมดาต้องมานั่งโกรกลมบนรถเมล์ แทนที่จะเป็นรถตู้ไปปายก็คงหนีไม่พ้นไอ้คุณแอมแปร์ ... ตื่นสายไม่พอยังต้องไปรอมันเก็บกระเป๋าอีก

     

                แต่จะว่าไปนั่งให้ลมพัดโดนหน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ...

     

                “กินยาแก้เมารถยังหนูเม” เป็นโดนัทที่ชะโงกหน้ามาถามจากเบาะหลังเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากอาเขต

                “เรียบร้อย”

                “มันไหวไหมน่ะ” จุกที่นั่งอยู่เบาะหน้าพร้อมกีต้าร์ตัวเก่งหันมาถามพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางคนนั่งข้างเมดา

                “ไหวมั้ง”

                “เมนอนไปเลยนะ ไม่ต้องตื่นมาดูมัน เดี๋ยวเราหันไปดูเอง” เมดาพยักหน้าให้จ้าวก่อนจะหันไปมองโคมที่เอาปีกหมวกปิดหน้าไว้ตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนรถ

     

     

     

                ไหล่บางกลายเป็นที่พักพิงของคนตัวสูงกว่า โคมเอียงมาซบบ่าเมดาก่อนจะถอดหูฟังอีกข้างยัดใส่หูของอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัว 

     

     

     

    Un-cry these tears

    I cried so many nights

    Un-break my heart

     

     

     

                ความเปียกชื้นที่หัวไหล่ทำให้เมดาก้มหน้ามองคนตรงหน้า มือขาวถอดหูฟังออกยกแขนโอบรอบคนตัวโตที่ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เขานั่งกอดโคมไว้เงียบ ๆ ปล่อยให้อีกคนได้ใช้น้ำตาระบายความอัดอั้นออกมา

               

     

     

                พวกเราได้ที่พักเป็นเต็นท์ริมแม่น้ำปาย คุณลุงเจ้าของขอเก็บแค่ค่าพื้นที่กางเต็นท์กับค่าเช่าเต็นท์บวกถุงนอนซึ่งตกคนละไม่ถึงร้อย เงินกองกลางที่รวมกันมาก่อนออกทริปนี้เลยหมดไปกับค่ากับแกล้มแล้วก็เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

                อากาศตอนกลางคืนหนาวจนไม่อยากให้มือโดนน้ำใด ๆ ยกเว้นแก้วน้ำเมา เป็นไปได้เมดาอยากจะซุกตัวลงในถุงนอนอุ่น ๆ แทนมากกว่า อีกอย่างคนอื่น ๆ คอแข็งกันหมดเลยซัดเหล้ากันสนุกสนาน มีแต่เขานี่แหล่ะที่ทั้งคืนถืออยู่แค่เบียร์กระป๋องเดียว

                “ไอ้โคมพอแล้ว ๆ มึงจะอาบแทนแล้วนั่น” แอมแปร์หยิบขวดน้ำเมาออกจากมือคนที่นั่งร้องไห้ไปกระดกเหล้าไปได้ทันท่วงทีพอดี ไม่งั้นคงไม่มีเหลือให้คนอื่นได้ดื่มกัน

                “เลิกร้องไห้ได้แล้ว ตัวอย่างกับยักษ์ร้องเหมือนเด็กสองขวบ”

                “ยังมีพวกกูนะเว่ย”

     

     

     

                “ยังไม่นอนเหรอ” คนที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงทักจากทางด้านหลัง

     

     

     

              เมดาจำได้ดีว่าเสียงทุ้ม ๆ นั้นเป็นของใคร

     

     

     

                “นอนไม่หลับ”

                “เลยลุกมาเก็บขวด” โคมมองไปยังขวดแก้วที่ถูกเก็บมาวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบตรงมุมเสบียงพลางเลิกคิ้วถาม

                “อื้อ ก็ไม่รู้จะทำอะไร” เมดายกมือเกาจมูกแก้เก้อขณะตอบคำถามนั้น

                “เป็นคนแปลก ๆ นะเรา” เพื่อนตัวสูงว่าก่อนจะยกยิ้มขำเมื่อเห็นอีกคนทำปากยื่นใส่

                “แล้วทำไมโคมยังไม่นอน”

                “นอนไม่หลับ”

                “นั่งด้วยได้ไหม”

                “อื้อ นั่งสิ” โคมนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสนิท และก็เพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้เองว่า อีกคนใส่แค่เสื้อแขนยาวตัวไม่หนาเท่าไหร่นัก

     

     

     

              ขี้หนาวแต่ไม่รู้จักระวังตัวเองเลย ... เมดา

     

     

     

                “ไม่หนาวเหรอ” เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ถูกเจ้าของมันถอดออกมาคลุมให้อีกคน กลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ ที่โคมชอบใช้กำลังโอบล้อมตัวเมดาอยู่ตอนนี้

     

     

     

              เหมือนฝันเลย ...

     

     

     

                “ขอบคุณนะ”

     

     

     

                “ดาวสวยเนอะ” เมดาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าตามคนเอ่ยประโยคนั้น

     

     

     

              วันนี้ดาวสวยมากจริง ๆ

     

     

     

                “อือ สวยมากเลย ยิ่งมาดูบนเขาแบบนี้เหมือนจะเอื้อมจับได้เลย” มือขาวยื่นออกไปประกอบคำพูดตัวเอง

     

     

     

              ถ้ายืนขึ้น ... ความสูงขนาดเขาจะเอื้อมถึงดาวได้จริง ๆ ไหมนะ

     

     

     

                “จริง ๆ เมก็มีดาวอยู่กับตัวอยู่แล้วนะ”

                “หืม”

                “กลุ่มดาวแอนโดรเมดา ชื่อเมมากจากคำนี้ไม่ใช่เหรอ”

     

     

     

              ไม่รู้เพราะอากาศหนาวเกินไปหรือเปล่า แก้มขาวของเจ้าของชื่อกลุ่มดาวถึงซับสีจางให้เขาได้เห็น

     

     

     

                “อือ ใช่”

     

     

     

                ทั้งสองคนนั่งมองดาวกันเงียบ ๆ กองไฟที่เคยก่อไว้เมื่อช่วงหัวค่ำถูกดับไปตั้งแต่ทุกคนลากันเข้านอน อากาศในเวลาแบบนี้จึงเย็นขึ้นกว่าตอนนั้นมากนัก

                เมดาหันไปมองคนที่สละเสื้อให้ตัวเอง ห่วงว่าเพื่อนตัวสูงจะไหวหรือเปล่า แต่การนั่งเอามือจุ่มลงแม่น้ำได้นานหลายนาทีก็คงพิสูจน์ได้แล้วว่าอีกคนคงยังไหวกับสภาพอากาศหนาวแบบนี้

     

     

     

                “กับส้ม ... เมว่าเราทำถูกแล้วป่ะ”

     

     

     

              บทสนทนาที่เงียบไปนานกลับมาอีกครั้งพร้อมคำถามที่เมดาไม่อยากจะตอบ

     

     

     

                “ไม่รู้ดิ คงถูกมั้ง ... ก็เขามีคนอื่นไม่ใช่เหรอ”

     

     

     

              “จริง ๆ ใจเราก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับเขาคนเดียวหรอก”

              “แค่เราไม่กล้าทำร้ายคนสองคนพร้อมกันแค่นั้น”

     

     

     

                “เจ็บเนอะ เราโคตรโง่เลย”

                “แต่ให้อีกคนมาเจ็บด้วยเราก็ไม่อยากทำ”

     

     

     

              ยิ่งเห็นไหล่อีกคนลู่ลงเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ใจเจ้ากรรมก็อยากเจ็บแทนขึ้นมาเสียให้ได้

     

     

     

              “โคมไม่โง่หรอก กับเรื่องความรักไม่มีใครโง่ทั้งนั้นแหล่ะ”

              “พูดเหมือนเคยมีความรัก”

               

     

     

     

              “ไม่รู้ว่าเรียกว่ารักไหม รู้แค่เราชอบเขามาก ๆ เลย”

              “ชอบจนมันเก็บเอาไว้ไม่ไหวแล้ว”

     

     

     

     

                “ก็บอกเขาสิ” โคมหันกลับมามองเพื่อนตัวขาวที่จ้องตัวเองอยู่ก่อนแล้ว แววตาสั่นไหวของเมดากำลังทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง

     

                “บอกได้เหรอ”

     

                “ได้ดิ”

     

     

     

                “โคม”

                “หืม”

     

     

     

     

              “เราชอบโคมนะ”

                “ชอบมาตั้งนานแล้ว”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “เราชอบโคมนะ”

                “ชอบมาตั้งนานแล้ว”

     

     

     

     

                “เมบอกเราแบบนี้ใช่ไหม”

     

                อากาศวันนี้ก็เย็นเหมือนวันนั้นไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงที่โคมไม่ได้นอนไม่หลับแล้วออกมาเจอเมดานั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว

     

     

     

              พวกเขาสองคนเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงจุดเดิมตั้งแต่ต้น

     

     

     

     

                “จำได้แล้วจะถามทำไม”

                “แค่อยากจะถาม”

                “ถามอะไร”

     

                ฝั่งตรงข้ามกับที่พักของเรามีกิจกรรมลอยโคมกัน แสงไฟหุ้มกระดาษกำลังลอยทะยานขึ้นฟ้าตามแรงลม

     

     

     

     

                “ยังชอบอยู่ไหม”

              “เมยังชอบเราอยู่หรือเปล่า”

              “สี่เดือนที่ไม่เจอกัน ... คำว่าชอบเปลี่ยนไปให้คนอื่นหรือยัง”

     

     

     

     

                โคมกระดาษส่องไฟเหมือนดาวดวงใหญ่ที่ค่อย ๆ หดเล็กลงเรื่อย ๆ

     

     

     

     

              “เมดา”

              “เราชอบเมดานะ”

              “ชอบตอนไหนก็ไม่รู้”

              “รู้ตัวอีกทีก็คิดถึงแค่เมคนเดียวแล้ว”

     

     

     

     

                แสงโคมก็สวย แสงดาวก็สวย ท้องฟ้าวันนี้สวยกว่าของวันนั้นเมื่อสี่เดือนก่อนเสียแล้ว

     

     

     

     

                “อือ”

                “อือ อะไรครับ”

     

     

     

     

                “อือ ยังชอบอยู่”

              “อือ สี่เดือนที่ไม่เจอกัน ... คำว่าชอบไม่เคยเปลี่ยนไปที่ใครเลย”

     

     

     

     

                “เมดา”

                “ว่า ...”

     

     

     

                “ปีหน้ามาลอยโคมด้วยกันไหม”

     

     

     

                “เอาสิ ดาวจะได้อยู่กับโคมสักที”

                           

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #HwangAndTheKwon

    @daisieelady

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×