ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #HwangAndTheKwon [minhyunbin: h x m]

    ลำดับตอนที่ #40 : Au Thai : ผิดที่สำคัญตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.83K
      35
      14 ธ.ค. 61



    ผิดที่สำคัญตัว

     

     

    พอฉันนั้นได้รู้ตัวเองอีกที

    ก็รักเธอจนหมดใจ

     

    ผิดที่สำคัญตัว (Ost. Waterboyy the Series) - พีท พล นพวิชัย

     

     

     

     

     

    เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังทะลุผ่านประตูห้องซ้อมออกมา ทำเอาคนที่กำลังจะเอื้อมมือไปเลื่อนบานกระจกสีขุ่นถึงกับชะงัก

     

    ข่าวเร็วชิบหาย

     

    ยิ่งพอมาได้เห็นสภาพสมาชิกชมรมยูโดที่ควรจะฝึกซ้อมเพื่อฤดูกาลแข่งขันที่กำลังใกล้เข้ามากำลังนอนระเกะระกะ แถมยังเปิดเพลงเสียงดังเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต รองกัปตันทีมอย่างพัฒน์ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างปลง ๆ

     

    ทำอะไรกันวะ” เสียงเอ่ยทักของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำเอาสมาชิกในห้องหยุดกิจกรรมไว้ชั่วครู่ พอเห็นเป็นคนตัวโย่งคุ้นตา บรรยากาศทั้งห้องก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

     

     

     

    พัฒน์เสียบหูฟังปิดกั้นความอึกทึกในห้องด้วยดนตรีบอสซาโนวาที่มีเสียงใส ๆ ขับกล่อมเนื้อไปตามจังหวะสบาย ๆ

     

    น่าฟังกว่าเสียงโห่ร้องของเด็กหนุ่มวัยคะนองเป็นไหน ๆ

     

     

     

    โค้ชแมวไม่อยู่พวกลูกหนูก็มักร่าเริงแบบนี้แหละ

     

     

     

    ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งสัปปะหงกอยู่ริมหน้าต่างลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่หัวไหล่ใบหน้าเรียบตึงของคนแปลกหน้าที่ยื่นมาเสียใกล้ทำเอาพัฒน์เผลอถอยตัวเองไปข้างหลังด้วยความตกใจ

     

    ซ้อม” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่งเหมือนกับสีหน้าของเจ้าตัว แถมห้วนสั้นชนิดที่ใครได้ฟังก็คงคิ้วกระตุกไม่ต่างกับเขาตอนนี้

     

    คนอื่น ๆ กลับไปอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนตอนโค้ชแมวอยู่ บางคนมีลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเกรง ๆ เจ้าของใบหน้าไม่รับแขกที่ยืนอยู่กลางห้อง

     

    ยังหวังอะไรได้อีก” พัฒน์ได้ยินอีกฝ่ายบ่นเบา ๆ กับตัวเอง มือก็กดโทรศัพท์ยิก ๆ ต่อสายถึงใครบางคน

     

     

     

    ลับหลังคนมาใหม่ที่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนตัวไปประชิดรุ่นพี่นี่นั่งอยู่ใกล้ที่สุด พร้อมยิงคำถามคาใจออกไปทันที

     

    ใครวะเฮีย ทำไมเกือบทุกคนถึงหงอแบบนี้”

     

    มิวลูกชายโค้ชเพิ่งกลับมาจากเอเอฟเอส”

     

    คำตอบของพี่เอ็มไม่ได้ทำให้เขาคลายความสงสัยลงเท่าไหร่ จนเมื่อได้ฟังอีกประโยคเท่านั้นแหละ พัฒน์ก็ถึงบางอ้อทันที

     

    กัปตันทีมที่มึงถามหามาตลอดไงท่านรอง”

     

     

     

     

     

    หลังจากจัดการชำระความกับเหล่าสมาชิกชมรมยูโดเสร็จ และทุกคนเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว กัปตันทีมอย่างมิวก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาอยู่บนเบาะสีเขียวที่ใช้ซ้อมอย่างหมดแรง

     

    ไม่อยู่ปีเดียวทีมโคตรห่วย

     

    ยกเว้นให้รองกัปตันคนนึง

     

    ร่างสูงโปร่งนอนมองเพดานห้องซ้อมที่แต่ก่อนเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองก่อนจะผุดรอยยิ้มออกมา

     

    คิดถึงชุดสีขาวนี่แทบทุกวันเลย

     

    เสียงใบพัดบนเพดานเหมือนกับเพลงกล่อมเด็กดี ๆ นี่เอง อาจจะเพราะด้วยความเหนื่อยล้าจากการซ้อมที่ห่างหายไปนาน ตาของมิวถึงได้หนักอึ้งลงทุกที ๆ แบบนี้

     

     

     

    มิว พี่มิว” เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ เปิดขึ้น ความง่วงงุนที่ยังคงโจมตีมิวอยู่ทำให้ไม่ได้สังเกตว่าใบหน้าของคนที่กำลังปลุกตัวเองอยู่นั้น ใกล้เสียจนปลายจมูกเกือบชนกัน

     

    ใกล้ไป” เมื่อตาเริ่มสว่าง ภาพตรงหน้าก็ชัดขึ้น ใบหน้าจืด ๆ ของคนที่เขาได้รู้จากเอ็มว่าเพิ่งได้รับตำแหน่งรองกัปตันทีมมาหมาด ๆ แทบจะก้มลงมาแนบกับหน้าเขาอยู่แล้ว

     

    โทษทีพี่ ปลุกตั้งนานไม่ยอมตื่น ลุงยามแกจะมาปิดห้องแล้ว”

     

     

     

    พี่เอารถไรมา” จู่ ๆ คนที่เดินอยู่ข้างกันก็มายืนดักหน้า และด้วยความสูงที่ต่างกัน ถึงจะไม่มากแต่มิวก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาคุยกับพัฒน์อยู่ดี

     

    แม่มาส่ง”

     

    แล้วกลับไง” กัปตันทีมหน้านิ่งขมวดคิ้วให้กับคำถามประหลาดของอีกฝ่าย

     

    ก็ต้องแม่มารับดิ”

     

    อ่อ”

     

    บทสนทนาจบลงแค่นั้น และมิวก็เข้าใจว่าเจ้าเด็กตัวสูงนี่คงจะแยกกับเขาตรงหน้าประตูโรงเรียน

     

     

     

    แต่

     

    ตามมาทำไม” พัฒน์เกือบหยุดปลายเท้าตัวเองไม่ทัน ก็คนที่อยู่ข้างหน้าเล่นหยุดเดินกะทันหันแบบนี้

     

    รอแม่พี่เป็นเพื่อน” อะไรของมัน

     

    ไม่ต้อง กลับเหอะค่ำแล้ว”

     

    ก็บอกว่าจะรอเป็นเพื่อนไง” ตกลงใครเป็นพี่กันแน่วะ

     

    ตามใจ”

     

     

     

    ลับหลังไฟท้ายของรถเก๋งคนเล็ก พัฒน์ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงหุบยิ้มไม่ได้

     

    อาจเป็นเพราะประโยคพวกนั้น

     

    เรียกมิวเฉย ๆ ก็ได้นะ ยังไงก็กลับมาเรียน ม.5 เหมือนกัน”

     

    เอาไลน์มาหน่อยจะได้คุยกันง่าย ๆ เวลาจะนัดซ้อม”

     

    พี่มิวหน้านิ่ง ๆ ที่เจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ดูไปดูมาก็น่ารักดี

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    การกลับมาของกัปตันทีมยูโดทำเอาเหล่าสมาชิกชมรมโอดครวญกันยกใหญ่ ที่เขาบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง มิวรับเอาความโหดมาจากโค้ชแมวชนิดที่ว่า เหมือนคัดลอกแล้ววางลงบนหน้าเวิร์ดแบบเป๊ะ ๆ บางทีดูเหมือนจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำไป

     

    และวันนี้มิวก็ทำให้การซ้อมแลดูโหดร้ายเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อจู่ ๆ ก็เดินจับคู่ให้ทุกคนออกมาสู้กัน เอ็มลอบกลืนน้ำลายตอนที่ร่างขาว ๆ ของกัปตันชมรมใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเย็น ๆ ที่อีกฝ่ายส่งให้ หัวใจก็หล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม

     

    ความซวยตกที่กูแน่ ๆ เอ็มมั่นใจในจุดนี้มากจริง ๆ จ้ะ

     

    “เอ็ม ... คู่กับดีน”

     

    นั่นไงผิดจากที่คิดเสียที่ไหน ดีน ห๊ะ แม่เจ้าโว้ย ผีเข้ามิว

    ปกติเอ็มคนนี้คือคนที่ต้องโดนทุ่มตลอด ใครคือผู้โชคร้ายคนนั้นกัน

     

    “พัฒน์คู่กับมิว”

     

    เอาแล้วท่านรองของเฮีย

     

    พัฒน์เลิกคิ้วขึ้นหลังจากที่กัปตันทีมแจ้งเรื่องแล้วผละตัวเองออกไปนั่งรวมกับคนอื่น ๆ คู่แรกที่ต้องแข่งกันออกมายืนตรงกลางห้อง ทำความเคารพคู่ต่อสู้ก่อนจะเริ่มต้นจับกันทุ่ม

     

     

     

    ฝีมือของมิวใคร ๆ ก็รู้ว่าคืออันดับหนึ่งรวมไปถึงรองกัปตันด้วย คำว่าโค่นบัลลังก์ยากใช้กับ คน ๆ นี้ได้ไม่ผิดนัก ตอนแรกพัฒน์ยังสงสัยว่าคนในชมรมพูดเกินไปหรือเปล่า แต่เกือบสามอาทิตย์ที่ฝึกซ้อมร่วมกันมา อะไรหลาย ๆ อย่างก็พิสูจน์คำพูดพวกนั้นได้

     

    มิวคือที่หนึ่งของโรงเรียนในเรื่องยูโดอย่างไม่ต้องสงสัย

     

     

     

    หลังจากคู่ของเอ็มกับดีนจบลงที่ฝ่ายคนตัวใหญ่กว่าโดนทุ่มลงเบาะ พัฒน์กับมิวก็ออกมายืนกลางห้องแทน

     

    “พัฒน์ไม่ออมมือนะ”

     

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายของรองกัปตันทีม

     

    “ทนดูไม่ไหวว่ะ”

     

    ก่อนที่จะ ...

     

    “กูว่าแล้ว”

     

    ถูกจับทุ่มลงเบาะสีเขียวด้วยแรงที่คาดไม่ถึง

     

    “เวอร์” กัปตันทีมหลุดยิ้มออกมาเมื่อคนที่ตัวเองยืนคร่อมอยู่ทำหน้าเหยเกเสียเกินจริง

     

    “มันเจ็บจริง ๆ นี่” เมื่อยืนขึ้นได้พัฒน์ก็ยังทำหน้าเจ็บปวดเหมือนเดิมอยู่แบบนั้น จึงโดนมิวชกที่ต้นแขนเป็นรางวัลจากการแสดงอันแสนเพอร์เฟค

     

     

     

     

     

           รถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่จอดลงข้างฟุตบาธหน้าโรงเรียน พัฒน์ส่งหมวกกันน็อคให้คนที่ยืนเล่นโทรศัพท์รออยู่ มือขาวรับมันมาใส่ก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายกลับบ้านเหมือนทุกวัน

     

           กลายเป็นภาพชินตาของใครหลาย ๆ คน และมันก็เป็นความเคยชินของพัฒน์กับมิวไปแล้ว ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่พวกเขาทั้งสองคนไปไหนมาไหนด้วยกัน

     

    เหมือนที่แม่มิวชอบพูดใส่ว่า –ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋–  ส่วนประโยค –ตัวติดกันอย่างกับเงา– นั้นแม่ของพัฒน์ชอบพูดลอย ๆ ให้ได้ยินเสมอ

     

    อาจจะเพราะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกัน จึงทำให้ทั้งพัฒน์และมิวสนิทกันเร็วขึ้น

     

    ชอบอยู่คนเดียว ฟังเพลงบอสซาโนวา หลงใหลกีฬายูโด ไข่พะโล้คือเมนูโปรด ดื่มแต่โกโก้ปั่นหวานน้อย และไม่ค่อยมีเพื่อน

     

     

     

    ก็นาน ๆ ทีจะเจอคนที่คุยกันได้ทุกเรื่องนี่นะ

     

    “แม่บอกวันนี้ทำไข่พะโล้” มิวยื่นหน้าไปใกล้คนที่ตัวเองซ้อนอยู่ ตะโกนผ่านหมวกกันน็อคบอกอีกฝ่าย

     

    “อะไรนะ”

     

    “หูตึง” มือขาวเคาะลงบนอุปกรณ์นิรภัยสีดำสนิทอย่างหมั่นไส้ ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของคนขี้แกล้งที่ดังแว่วมายิ่งหมั่นไส้กว่าเดิมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

     

     

     

    หลังจบจากมื้อเย็นพัฒน์ก็อ้อยอิ่งอยู่บนห้องลูกชายคนเดียวของเจ้าบ้านอีกเป็นชั่วโมง จนแม่ของตัวเองโทรตามนั่นแหล่ะ ร่างสูง ๆ ของคนที่ยึดพื้นที่เตียงของมิวถึงยอมลุกขึ้นได้เสียที

     

    คนตัวขาวลงมาส่งเพื่อนรุ่นน้องที่หน้าบ้านเหมือนทุกครั้ง จนเมื่อมอเตอร์ไซค์สีดำลับหายไปจากสายตา ร่างสูงโปร่งของมิวถึงเดินกลับเข้าบ้าน

     

     

     

    “ตาพัฒน์ได้เอาไข่พะโล้กลับไปด้วยมั้ย” ขายาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดชะงักก่อนจะหันไปตอบล้อเลียนแม่เสียงหวานหยดย้อย

     

    “ลูกรักแม่ไม่ลืมหรอกจ้ะ ห่วงกันจั๊ง” ได้สายตาค้อน ๆ กลับมา มิวก็อดจะหัวเราะไม่ได้

     

     

     

    เจ้าของห้องนอนโทนสีขาวที่เต็มไปด้วยหนังสือกับโมเดลซุปเปอร์ฮีโร่ กำลังนอนอ่านนิยาย   เพลิน ๆ อยู่ ตอนที่เสียงเตือนว่าได้รับข้อความจากโปรแกรมแชทยอดฮิตดังขึ้น

     

    Mr.Pat

    มิว

    M.MEW

    ถึงบ้านแล้วเหรอ

    Mr.Pat

    อยู่หน้าบ้านมิว

     

    คนตัวขาวรีบลุกจากโต๊ะไปเปิดม่านหน้าต่าง ส่องแล้วส่องอีกก็ไม่เห็นวี่แววของคนที่บอกว่าตัวเองมาหาเลยสักนิด ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าตัวเองโดนหลอกก็ตอนที่ได้ยินเสียงเตือนของไลน์อีกรอบนั่นล่ะ

     

    Mr.Pat

    ว้าย โดนหลอก

    M.MEW

    ตลกมากป่ะ

    Mr.Pat

    ม๊ากมาก

    M.MEW

    กวนตีน แล้วถึงบ้านยัง

    Mr.Pat

    ถึงแล้วดิ

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

    ยิ่งเข้าใกล้วันแข่งขันมากขึ้นเท่าไหร่ กัปตันทีมก็ขยันนัดซ้อมจนหลาย ๆ คนถึงขนาดต้องแอบหนี และพอโดนจับได้ก็แทบจะร่างแหลกกันไปเป็นแถบ ๆ

     

    มิวนี่แรงช้างจังวะ” เสียงหอบของพัฒน์ดังขึ้นใกล้ ๆ

     

    ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนอนแผ่หลาอยู่ข้างกันบนเบาะยาวสีเขียว สมาชิกคนอื่นกลับไปหมดแล้ว ตัวเก็งของการแข่งขันทั้งสองคนเลยใช้เวลาอีกนิดหน่อยซ้อมกันอีกรอบก่อนกลับบ้าน

     

    ใจจริงอยากพูดว่าแรงควายชัวร์” มิวว่ายิ้ม ๆ ตอนหันไปสบนัยน์ตาคมที่มองตัวเองอยู่ก่อน

     

    รู้ใจไปอีก” ทั้งสองคนมักหลุดหัวเราะพร้อมกันกับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เสมอ

     

    วันนี้แม่พัฒน์บอกว่านอกจากไข่พะโล้แล้ว ยังมีเต้าหู้ทอดแยกไว้ต่างหากให้มิวด้วยนะ”

     

    จริงดิ แม่พัฒน์นี่รู้ใจมิวจริง ๆ”

     

    แล้วพัฒน์ล่ะ”

     

    อะไร”

     

    ไม่รู้ใจมิวเลยเหรอ”

     

    รู้ดิ แต่น้อยกว่าแม่นิดนึง” พอเห็นพัฒน์ออกอาการงอนมิวก็จัดการดึงแก้มอีกฝ่ายจนยืดด้วยความมันเขี้ยว

     

    ตัวยังกับตึก งอนเหมือนเด็ก”

     

    พัฒน์น่ะรู้ใจมิวที่สุดแล้ว”

     

     

     

     

    ไอ้โย่งเอ้ย ทียังงี้ล่ะยิ้มจนตาปิด

     

     

     

    มิวออกแรงปั่นจักรยานแม่บ้านของบ้านพัฒน์จนเหงื่อซึม ยิ่งพอเหลือบมองไปยังคนซ้อนที่ก้มลงดูดโกโก้ปั่นเจ้าประจำหน้าปากซอยบ้านตัวเองอย่างสบายอารมณ์ก็ยิ่งโมโห

     

    วันนี้ป้าทำหวานว่ะ ว่าป่ะ” ยังมีหน้ามาถามคนยังไม่ได้กิน

     

    ไม่รู้ ยังไม่กินสักอึก”

     

    โมโหหิวเหรอครับ” กวนประสาทจริง

     

    เออ!”

     

    อีกนิดเดียวก็ได้กินแล้ว” พัฒน์ว่าขำ ๆ กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของคนตัวขาวที่ปั่นจักรยานเหมือนคนเพิ่งหัดได้สามวัน

     

    อะ ไม่แกล้งแล้ว จอด ๆ เดี๋ยวปั่นต่อให้”

     

     

     

    หลังจากสลับตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้ว มิวก็อาศัยช่วงที่ตัวเองได้นั่งซ้อนสบาย ๆ ดูดเครื่องดื่มสุดโปรดในมือ

     

    “หวานจริงด้วยว่ะ”

     

    “ใช่มะ”

     

    ถึงปากจะบ่นกันว่าหวาน แต่พอใกล้จะถึงบ้านพัฒน์โกโก้แก้วเดียวในมือของมิวก็เหลือเพียงไม่กี่อึกแล้ว

     

    อย่าคิดว่าเขาจะได้กินคนเดียวล่ะ คนที่ปั่นจักรยานมือเดียวนี่ต่างหากที่ดูดเอา ๆ จนใกล้จะหมดแบบนี้

     

    “อะ” มิวยื่นแก้วพลาสติกใสที่เปรอะคราบสีน้ำตาลด้านในให้พัฒน์ ใบหน้าของร่างสูงใหญ่เอี้ยวมาพอให้ปากโดนหลอด ส่วนตายังคงจับจ้องถนนเบื้องหน้า

     

    “หมดแล้วนี่ แกล้งกันนี่หว่า”

     

    “สมน้ำหน้า โดนบ้างเถอะ”

     

    เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังปนกันจนแยกไม่ออก

     

    คนจงใจแกล้งแลบลิ้นใส่แผ่นหลังกว้างตรงหน้า เสื้อนักเรียนสีขาวเปียกเหงื่อจนชุ่ม ที่หลังคอขาวนั่นก็เหมือนกัน มิวล้วงเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมา ค่อย ๆ ซับน้ำเหงื่อที่เกาะเป็นหยดออกจากผิวของอีกฝ่าย

     

    “เหงื่อเยอะชิบ”  พัฒน์แอบยิ้มกับประโยคค่อนขอดเบา ๆ ของอีกฝ่าย ถ้าให้เดาคนขี้บ่นคงกำลังทำปากงุบงิบใส่เขาอยู่แน่ ๆ

     

    “เฮ้ย ไอ้เด็กนี่” กำปั้นเล็กทุบเข้าที่กลางหลังกว้าง เมื่อจู่ ๆ คนที่ปั่นจักรยานอยู่ดี ๆ ก็ปล่อยมือทั้งสองข้างออก แกล้งเอนตัวลงเหมือนจะล้ม

     

    “กลัวอ่อ”

     

    “กวนตีน”

     

     

     

    “พี่มิวกินเยอะ ๆ นะลูก” พัฒน์เหลือบมองแม่ของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ เวลามิวมาทานข้าวที่บ้านภาพแบบนี้แทบจะเห็นจนชินไปปแล้ว

     

    ยิ่งแก้มขาวที่เคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วหันมายิ้มตาปิดให้แม่ด้วยแล้ว ... น่ารักดี

     

    “พี่มิวเอาเต้าหู้ทอดเพิ่มไหมครับ” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวพร้อมพยักหน้าให้แม่ของรุ่นน้องคนสนิท

     

    “ครับแม่”

     

    “ถึงว่า” ลับหลังคนเป็นแม่ พัฒน์ก็เอ่ยขึ้นกับตัวเองลอย ๆ (จริง ๆ คือหวังให้อีกคนที่กำลังตักไข่พะโล้ลูกที่สามมาใส่จานได้ยินมากกว่า)

     

    “หน้าเลยเหมือนเต้าหู้” มือขาวที่กำลังจ่อช้อนเข้าปากชะงักค้าง แสร้งทำเป็นยิ้มให้คนตัวโตเสียหวานหยด ก่อนจะพูดประโยคแทงใจดำอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

     

    “อือฮึ ไอ้หน้าจืด”

     

    “โห โคตรเจ็บเลยนะคำนี้”

     

    “ก็จืดจริง ๆ นี่ จืดแบบจืดสนิทอะ โอ๊ย แม่ครับ”

     

    มิวคลำหน้าผากที่โดนนิ้วยาวดีดใส่ป้อย ๆ พอเห็นแม่ของพัฒน์เดินกลับเข้ามาในห้องทานข้าว ก็รีบวิ่งไปหลบหลังพร้อมกอดเอวอ้อนให้คนมีอำนาจสุดในบ้านเป็นคนจัดการ

     

    “เจ้าพัฒน์เดี๋ยวเถอะ เล่นเป็นเด็ก ๆ โอ้โหแล้วนี่ทำอะไรหน้าผากพี่มิวถึงแดงเถือกแบบเนี้ยนี่ลูก”

     

    “น้องดีดหน้าผากมิว” ได้ทีฟ้องใหญ่เลยนะ

     

    “ก็มิว ...”

     

    “เราเนี่ยนะ เดี๋ยวแม่จะตีให้เจ็บเลย”

     

    “โหย แม่อะ”

     

    “ไม่ต้องมากอด” แขนยาว ๆ โอบรอบร่างท้วมของผู้หญิงคนเดียวในบ้านพร้อมกับรวบผู้ชายตัวสูงน้อยกว่าตัวเองไปด้วย

     

     

     

    ก็เล่นไม่ยอมปล่อยตัวแม่เขาก่อน มันเลยต้องกอดไปทั้งอย่างนี้น่ะสิ

     

     

     

    พัฒน์ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งมิวที่บ้านหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ พอมาถึงก็เห็นหญิงวัยกลางคนร่างบอบบางยืนส่งยิ้มมาให้จากหลังประตูรั้วเหล็กสีขาว

     

    เจ้าของร่างสูงใหญ่เกินวัยจัดการดับเครื่องยนต์ เดินลงมาสวัสดีแม่ของมิวที่เปิดประตูออกมาหา

    “รบกวนพัฒน์ตลอดเลย ลูกชายแม่นี่ขี่ได้แต่จักรยาน”

     

    “แม่ครับ” มิวค้อนแม่ ทำปากงุบงิบบ่นนู่นบ่นนี่ตามนิสัย และภาพนั้นก็ทำให้แม่กับพัฒน์หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน

     

    “ไม่เป็นครับ”

     

    “กลับบ้านดี ๆ นะลูก”

     

     

     

    Mr.Pat

    ถึงบ้านละนะ

    M.MEW

    โอเค

    Mr.Pat

    พรุ่งนี้อยากกินเหนียวหมู

    แวะซื้อได้ป่ะ

    M.MEW

    อื้อ แต่มิวจะกินไก่ทอด

    Mr.Pat

    โอเค

    เจ็ดโมงเหมือนเดิม

    M.MEW

    เค เจอกัน

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

           ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่สำหรับนักกีฬาตัวจริงทุกคนนี่ถือเป็นวันซ้อมอีกวัน แถมยังนัดเช้ากว่าเวลาโรงเรียนเข้าปกติไปอีก ไม่รู้มิวเก็บกดอะไรหนักหนากับไอ้การไม่ได้เล่นยูโดมาปีนึงเนี่ย

     

    “เดี๋ยวนี้มิวกับพัฒน์ตัวติดกันตลอดเลยเนอะ” เอ็มทักกัปตันทีมคนเก่งทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้องซ้อม พูดไม่ทันขาดคำร่างสูงใหญ่ของพัฒน์ก็เดินตามเข้ามาติด ๆ

     

           “เหรอ ก็ปกติแหล่ะ”

     

           ปกติที่ไหนล่ะ อันนี้เอ็มแค่คิดในใจนะไม่กล้าโพล่งออกไปหรอก

     

           “วันนี้ซ้อมเสร็จไปดูหนังกัน” เอ็มโถมตัวไปกอดคอสองคนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นชุดกีฬา จริง ๆ เขาก็ไม่ได้เตี้ยอะไรขนาดนั้น แต่พอมายืนอยู่ในดงเสาไฟฟ้าสองต้นแบบนี้แล้ว

     

           นั่นล่ะ ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจ

     

           “ดูเรื่องไรเฮีย”

     

           “ไม่รู้ว่ะ ไปดูโปรแกรมเอาดาบหน้า ถ้าไม่มีร้องเกะกันมั้ย”

     

           “ไป ๆ เฮีย มิวไปนะ”

     

           “เอาดิ”

     

     

     

    ความรักมักจะเปลี่ยนตัวตนของเราไปทีละนิด ๆ หรือเปล่า ถ้าใช่ ...

    ในความคิดของเอ็ม ... มิวก็จัดอยู่ในจำพวกคนมีความรักแล้วล่ะตอนนี้

     

     

     

    “ฝนจะตกปะเนี่ย” ดีนที่เพิ่งเข้ามาได้ยินประโยคตอบรับนั้นพอดี ทำทีเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง

     

    “ทำไมอะพี่” พัฒน์ที่กำลังผูกเชือกที่เอวหันกลับมาถามคนมาใหม่สลับกับมองแผ่นหลังขาว ๆ ของอีกคนที่เพิ่งถูกยูนิฟอร์มของชุดยูโดห่มทับไปด้วย

     

    “มิวมันเคยออกไปกับพวกพี่ที่ไหน”

     

    “แล้วจะเปลี่ยนใจบ้างไม่ได้ไง”

     

     

     

     สุดท้ายพวกเขาทั้งสี่คนก็เลือกที่จะดูหนัง ดีนกับเอ็มมีหน้าที่ไปซื้อตั๋วส่วนพัฒน์กับมิวโดนไล่ให้ไปซื้อป็อปคอร์น

     

    “เอาหวานนะเว่ย” เอ็มทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะกระโดดกอดคอลากเพื่อนตัวหมีไปหน้าเคาน์เตอร์

     

    พัฒน์เป็นคนจัดการสั่งน้ำกับป็อปคอร์นโดยมีมิวยืนชี้ของกินเล่นสีขาวนั่นผ่านกระจก กัปตันทีมยูโดเลือกเครื่องดื่มเป็นโค้กให้เพื่อนสองคนที่ไปซื้อตัวคนละแก้ว ป็อปคอร์นรสหวานกับรสชีสให้อีกอย่างละกล่อง ส่วนตัวเองกับพัฒน์นั้นเลือกแบบออริจินอลถังนึงกับน้ำแดงแก้วใหญ่ไว้กินด้วยกัน

     

    “กินได้ไงโคตรหวาน” พัฒน์ที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ฆ่าเวลารอเอ็มกับดีนบ่นขึ้นเบา ๆ หลังจากงับป็อปคอร์นจากมือมิวมาไว้ในปาก

     

    “ชีสดีว่ะ” คนตัวขาวที่เคี้ยวข้าวโพดคั่วเต็มแก้มเอ่ยขึ้นพร้อมป้อนอีกคนไปด้วย

     

    “จริงด้วย เอามั้ยเดี๋ยวพัฒน์ไปซื้อให้” พัฒน์ดูดน้ำแดงในมืออึกใหญ่ ยื่นให้อีกคนที่กำลังทุบอกตัวเองเพราะป็อปคอร์นติดคอ มิวไอโขลกหลายที ก่อนจะก้มหน้าลงไปอยู่ระดับเดียวกับแก้ว เอาปากงับหลอดต่อจากพัฒน์

     

    “ในมือก็จะไม่หมดอยู่แล้วเถอะ”

     

     

     

    ยังไม่ทันที่ตัวอย่างหนังจะเริ่มฉายพัฒน์ก็ก้มลงกระซิบข้างหูมิวขอไปเข้าห้องน้ำ คนที่กำลังเคี้ยว   ป็อปคอร์นพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปสนใจภาพบนจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่

     

    “มันไปไหน” ดีนที่นั่งอยู่ริมสุดอีกฝั่งชะโงกมาถาม

     

    “ห้องน้ำ”

     

    “อ่อ”

     

    หนังฉายจนมาถึงกลางเรื่องแล้ว คนที่บอกจะไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับเข้ามา

     

    เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

     

    “ไปตามพัฒน์นะ” มิวสะกิดบอกคนข้าง ๆ เอ็มแค่ยกมือปัดไล่แบบส่ง ๆ ทั้งที่ตายังไม่ละมาออกจากฉากสำคัญ

     

    “อือ”

     

     

     

    โทรศัพท์ที่ปิดเครื่องไว้ถูกกดเปิดทันทีที่ร่างโปร่งก้าวออกจากโรงหนัง มีข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์จากพัฒน์เด้งขึ้นหน้าจอทันทีเหมือนรู้งาน

     

    Mr.Pat

    ดูกันไปเลยนะ

    พอดีติดธุระ

    M.MEW

    อยู่ไหน

     

    รอไม่ถึงนาทีพัฒน์ก็ตอบกลับมา

     

    Mr.Pat

    ดูเสร็จไวจัง

    M.MEW

    ยัง เห็นไม่กลับเข้ามาสักที

    เลยออกมาตาม

    Mr.Pat

    โทษที พอดีเจอเพื่อนเก่า

    M.MEW

    อ่อ

    Mr.Pat

    จะกลับเลยป่ะ เดี๋ยวจะขึ้นไปหา

    M.MEW

    อยู่ไหน เดี๋ยวไปหาเอง

    Mr.Pat

    มิวรอนายอินทร์แล้วกัน

    M.MEW

    โอเค

     

          

     

    มอเตอร์ไซค์คันสีดำจอดลงหน้าบ้านของมิวตอนเกือบหกโมงเย็น คนซ้อนก้าวลงจากรถพร้อมยื่นหมวกกันน็อคคืนอีกฝ่าย

     

    ถึงบ้านไลน์บอกด้วยนะ” พัฒน์พยักหน้าเข้าใจผ่านอุปกรณ์นิรภัย พร้อม ๆ กับที่รถเคลื่อนที่ห่างจากกรอบสายตาของมิวจนลับหายไป

     

    เจ้าพัฒน์ไม่อยู่กินข้าวเหรอ” แม่ของมิวยื่นหน้าออกมาจากครัวทันทีที่ลูกชายคนเดียวก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน

     

    ไม่ครับแม่”

     

     

     

    มิวหยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียงขึ้นมาดูอีกครั้ง ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าจอบอกเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว คิ้วที่พาดอยู่เหนือดวงตาเรียวรีขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด

     

    ลืมหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกคนกันนะ

     

    ลองกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวรอบที่สิบ ข้อความสุดท้ายที่คุยกันยังคงเป็นของมิว

     

    M.MEW

    โอเค

     

    ลองโทรดูแล้วกัน

     

    นิ้วเรียวกดโทรออกเบอร์ที่ตั้งไว้เป็นเบอร์ต้น ๆ ถัดจากครอบครัว แต่ไม่ว่าจะต่อสายหาอีกคนสักกี่ครั้ง ผลตอบรับก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม

     

    สายไม่ว่าง

     

     

     

    เกือบตีสองหน้าจอของโทรศัพท์ที่เคยมืดสนิทก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา แต่เจ้าของเครื่องนั้นเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว

     

    Mr.Pat

    ขอโทษนะ

    เจอกันพรุ่งนี้

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

           พัฒน์หายตัวไปจากชมรมสองวัน ไม่มีข้อความ ไม่มีสายโทรหา ไม่มาโรงเรียน (เพื่อนในห้องบอกว่าโทรมาลาอาจารย์แล้ว ตอนที่มิวลองไปหาที่ห้องเรียน)

     

           พูดง่าย ๆ คือ ไม่มีใครติดต่อได้ ...

     

           แม้กระทั่งคนสนิทที่สุดอย่างมิว

     

           “เดี๋ยวมันก็มา” เป็นดีนที่พูดประโยคนั้น

          

    จะให้พูดยังไงดีล่ะ

    สองวันมานี้มิวแทบไม่จะคุยกับใครเลย

           ไม่ดุ ไม่ด่า ไม่บ่น ไม่อะไรทั้งนั้น

            

    แค่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

    และหุบมันลงได้ทันตาเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่ ... พัฒน์

     

    นอกจากนั่งชะเง้อรอใครบางคนแล้ว มิวก็ไม่ทำอะไรเลย

     

     

     

    ครืด

     

     

     

    เป็นอีกวันที่กัปตันทีมลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนบานกระจก ครั้งนี้เหมือนรอยยิ้มนั้นจะได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ได้เสียที

     

    ก่อนมันจะเปลี่ยนเป็น ...

     

    “หวัดดีพี่” พัฒน์เอ่ยทักทายปกติ แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่สายตาของคนพูดไม่ได้มองมาทางมิวเลยสักนิด

     

    ยิ้มเก้อ

     

    “เข้ามาสิ” เสียงทุ้มหันไปบอกใครบางคนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลัง

     

    เด็กสาวมัธยมปลายที่ตรงหน้าอกปักอักษรย่อโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังก้าวออกมาพร้อมส่งยิ้มสดใสมาให้

     

    “ไอ้เสือ คืนดีกันแล้วเหรอวะ” ดีนเป็นคนแรกที่เอ่ยทักพัฒน์ ก่อนจะเปลี่ยนคู่สนทนาเป็นสาวน้อยคนนั้น

     

     

     

    คืนดีกัน ...

     

     

     

    มิวเหมือนโดนคู่ต่อสู้จับทุ่มแบบไม่ทันตั้งตัว

     

     

     

    “น้องเอยไม่น่ายอมพัฒน์มัน พี่อดจีบเลยเนี่ย” น้องเอยหัวเราะกับประโยคนั้น แต่ไม่ได้พูดอะไร

     

     

     

    ส่วนพัฒน์ ... หายเข้าไปอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

     

     

     

    “เป็นแฟนกับมันต้องทำใจเรื่องง้อหน่อยนะ” เป็นดีนอีกเหมือนเดิมที่เข้าไปคุยกับน้องคนนั้นอย่าง

    คุ้นเคย

     

    “เอยก็ว่างั้น นี่เอยง้อก่อนเหอะ พี่พัฒน์เลยยอมคุยด้วย”

     

    มิวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าตัวเองไม่เคยรูจักพัฒน์เลยสักนิด

     

    ไม่เคยเลย

     

    ไม่เคยรู้อะไรเลย

     

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่สายตาของมิวมองหาแต่พัฒน์

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป

    มิวไม่รู้อะไรเลย

     

    นอกจาก ...

    มิวตกหลุมรักทุกอย่างที่เป็นพัฒน์ไปแล้ว

     

     

     

    “มิว” แรงบีบที่หัวไหล่ทำเอาเจ้าของชื่อแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

     

    เอ็มมองคนที่กำลังช็อคด้วยความรู้สึกสงสาร มิวมองพัฒน์เกินคำว่าน้องสนิทอย่างที่เขาคิดไว้

    ไม่มีผิด

     

    “ซ้อมกันไปก่อนนะ” มิวเอ่ยบอกเอ็มเบา ๆ ก่อนจะรีบผลุนผลันออกไปจากห้อง

     

     

     

           พัฒน์วางสายตาไปยังจุดที่อีกคนเคยยืนแต่มิวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว กวาดมองไปทั่วห้องกี่รอบก็ไม่เห็นวี่แววของพี่ชายคนสนิทของเขาเลย

          

     

     

    หายไปไหน

     

     

     

           อยากขอโทษ

    อยากบอกทุกอย่าง

     

     

     

    เอยยกมือโบกให้อีกคนที่เพิ่งออกจากห้องแต่งตัวรับรู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้ พัฒน์พยักหน้าให้ก่อนจะมุ่งตรงไปหาเอ็มที่นั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่มุมห้อง

     

    “เฮีย ... มิวล่ะ”

     

    “กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง”

     

     

     

    พัฒน์มองแผ่นหลังของรุ่นพี่ที่ลากเขาออกมาข้างนอกด้วยกันด้วยหลายความรู้สึก

     

    พี่เอ็มเงียบมาก เงียบอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

     

    “มึงทำแบบนี้ทำไมวะ”

     

    เสียงพี่เอ็มเรียบเย็น และหน้าตาก็นิ่งมากเสียจนเขาอดที่จะกลัวไม่ได้

     

    “มึงวางความสำคัญของเพื่อนกูไว้ที่ตรงไหน”

     

    “ตอนมึงทะเลาะกับแฟน”

     

    “เพื่อนกูอยู่ลำดับแรก”

     

    “ตอนนี้เพื่อนกูอยู่ตรงไหน ยังสำคัญกับมึงอยู่รึเปล่า”

     

    สองคนที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ ไม่ได้รู้เลยว่าตรงสนามหลังชมรมมีใครอีกคนี่นั่งน้ำตาไหลแต่ไม่มีเสียงสะอื้นอยู่ด้วย

     

    “ผม ...”

     

    “ไม่รู้ว่ะพี่”

     

    “อยากขอโทษ อยากบอกทุกอย่าง”

     

    “แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีว่ะ”

     

    “ถ้ามิวอยู่ตรงหน้ามิวตอนนี้ มึงอยากบอกอะไร” ชุดยูนิฟอร์มสีขาวที่โผล่พ้นพุ่มไม้เตี้ยออกมา ทำให้เอ็มถามประโยคนั้นกับพัฒน์

     

     

     

    มิว ... ฟังน้องมันหน่อยนะ

     

     

     

    “ขอโทษ”

     

    ทำไมมันใจมิวเจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้

     

    “พัฒน์มีแฟนแล้ว”

     

    มันเจ็บจริง ๆ

     

    ถึงจะรู้สึกดีกับมิว แต่พัฒน์ก็ทิ้งน้องเขาไม่ได้ว่ะ”

     

    น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือน

     

    มิวค่อย ๆ พาร่างไร้เรี่ยวแรงของตัวเองยืนขึ้น หันกลับมาเผชิญกับแผ่นหลังกว้างที่เคยเป็นที่พักพิงสำหรับเขา

     

     

     

    พัฒน์ยังไม่รู้ตัวว่ามิวได้ยินหมดแล้ว

    ได้ยินทุกอย่าง

    รับรู้ทุกความรู้สึก

     

     

     

    คนที่ผิดไม่ใช่แค่พัฒน์หรอก

    มิวก็ผิด

    ผิดเองที่สำคัญตัว

     

     

     

     

     

    “เข้าใจแล้ว”

     

    “ขอบคุณที่บอกนะ”

     

    “น้องพัฒน์”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #HwangAndTheKwon

    @daisieelady

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×