คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : Au Thai : ผิดที่สำคัญตัว
พอฉันนั้นได้รู้ตัวเองอีกที
ก็รักเธอจนหมดใจ
ผิดที่สำคัญตัว
(Ost.
Waterboyy the Series) - พีท พล นพวิชัย
เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังทะลุผ่านประตูห้องซ้อมออกมา
ทำเอาคนที่กำลังจะเอื้อมมือไปเลื่อนบานกระจกสีขุ่นถึงกับชะงัก
ข่าวเร็วชิบหาย
ยิ่งพอมาได้เห็นสภาพสมาชิกชมรมยูโดที่ควรจะฝึกซ้อมเพื่อฤดูกาลแข่งขันที่กำลังใกล้เข้ามากำลังนอนระเกะระกะ
แถมยังเปิดเพลงเสียงดังเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต
รองกัปตันทีมอย่างพัฒน์ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างปลง ๆ
“ทำอะไรกันวะ”
เสียงเอ่ยทักของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำเอาสมาชิกในห้องหยุดกิจกรรมไว้ชั่วครู่
พอเห็นเป็นคนตัวโย่งคุ้นตา บรรยากาศทั้งห้องก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
พัฒน์เสียบหูฟังปิดกั้นความอึกทึกในห้องด้วยดนตรีบอสซาโนวาที่มีเสียงใส
ๆ ขับกล่อมเนื้อไปตามจังหวะสบาย ๆ
น่าฟังกว่าเสียงโห่ร้องของเด็กหนุ่มวัยคะนองเป็นไหน
ๆ
โค้ชแมวไม่อยู่พวกลูกหนูก็มักร่าเริงแบบนี้แหละ
ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งสัปปะหงกอยู่ริมหน้าต่างลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา
ๆ ที่หัวไหล่ใบหน้าเรียบตึงของคนแปลกหน้าที่ยื่นมาเสียใกล้ทำเอาพัฒน์เผลอถอยตัวเองไปข้างหลังด้วยความตกใจ
“ซ้อม”
น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่งเหมือนกับสีหน้าของเจ้าตัว
แถมห้วนสั้นชนิดที่ใครได้ฟังก็คงคิ้วกระตุกไม่ต่างกับเขาตอนนี้
คนอื่น ๆ
กลับไปอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนตอนโค้ชแมวอยู่ บางคนมีลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเกรง
ๆ เจ้าของใบหน้าไม่รับแขกที่ยืนอยู่กลางห้อง
“ยังหวังอะไรได้อีก” พัฒน์ได้ยินอีกฝ่ายบ่นเบา ๆ
กับตัวเอง มือก็กดโทรศัพท์ยิก ๆ ต่อสายถึงใครบางคน
ลับหลังคนมาใหม่ที่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนตัวไปประชิดรุ่นพี่นี่นั่งอยู่ใกล้ที่สุด พร้อมยิงคำถามคาใจออกไปทันที
“ใครวะเฮีย ทำไมเกือบทุกคนถึงหงอแบบนี้”
“มิวลูกชายโค้ชเพิ่งกลับมาจากเอเอฟเอส”
คำตอบของพี่เอ็มไม่ได้ทำให้เขาคลายความสงสัยลงเท่าไหร่
จนเมื่อได้ฟังอีกประโยคเท่านั้นแหละ พัฒน์ก็ถึงบางอ้อทันที
“กัปตันทีมที่มึงถามหามาตลอดไงท่านรอง”
หลังจากจัดการชำระความกับเหล่าสมาชิกชมรมยูโดเสร็จ
และทุกคนเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว กัปตันทีมอย่างมิวก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาอยู่บนเบาะสีเขียวที่ใช้ซ้อมอย่างหมดแรง
ไม่อยู่ปีเดียวทีมโคตรห่วย
ยกเว้นให้รองกัปตันคนนึง
ร่างสูงโปร่งนอนมองเพดานห้องซ้อมที่แต่ก่อนเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองก่อนจะผุดรอยยิ้มออกมา
คิดถึงชุดสีขาวนี่แทบทุกวันเลย
เสียงใบพัดบนเพดานเหมือนกับเพลงกล่อมเด็กดี ๆ นี่เอง
อาจจะเพราะด้วยความเหนื่อยล้าจากการซ้อมที่ห่างหายไปนาน
ตาของมิวถึงได้หนักอึ้งลงทุกที ๆ แบบนี้
“มิว พี่มิว” เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ เปิดขึ้น
ความง่วงงุนที่ยังคงโจมตีมิวอยู่ทำให้ไม่ได้สังเกตว่าใบหน้าของคนที่กำลังปลุกตัวเองอยู่นั้น
ใกล้เสียจนปลายจมูกเกือบชนกัน
“ใกล้ไป” เมื่อตาเริ่มสว่าง ภาพตรงหน้าก็ชัดขึ้น
ใบหน้าจืด ๆ ของคนที่เขาได้รู้จากเอ็มว่าเพิ่งได้รับตำแหน่งรองกัปตันทีมมาหมาด ๆ
แทบจะก้มลงมาแนบกับหน้าเขาอยู่แล้ว
“โทษทีพี่ ปลุกตั้งนานไม่ยอมตื่น
ลุงยามแกจะมาปิดห้องแล้ว”
“พี่เอารถไรมา” จู่ ๆ
คนที่เดินอยู่ข้างกันก็มายืนดักหน้า และด้วยความสูงที่ต่างกัน ถึงจะไม่มากแต่มิวก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาคุยกับพัฒน์อยู่ดี
“แม่มาส่ง”
“แล้วกลับไง”
กัปตันทีมหน้านิ่งขมวดคิ้วให้กับคำถามประหลาดของอีกฝ่าย
“ก็ต้องแม่มารับดิ”
“อ่อ”
บทสนทนาจบลงแค่นั้น
และมิวก็เข้าใจว่าเจ้าเด็กตัวสูงนี่คงจะแยกกับเขาตรงหน้าประตูโรงเรียน
แต่
“ตามมาทำไม” พัฒน์เกือบหยุดปลายเท้าตัวเองไม่ทัน
ก็คนที่อยู่ข้างหน้าเล่นหยุดเดินกะทันหันแบบนี้
“รอแม่พี่เป็นเพื่อน” อะไรของมัน
“ไม่ต้อง กลับเหอะค่ำแล้ว”
“ก็บอกว่าจะรอเป็นเพื่อนไง” ตกลงใครเป็นพี่กันแน่วะ
“ตามใจ”
ลับหลังไฟท้ายของรถเก๋งคนเล็ก พัฒน์ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงหุบยิ้มไม่ได้
อาจเป็นเพราะประโยคพวกนั้น
“เรียกมิวเฉย ๆ ก็ได้นะ
ยังไงก็กลับมาเรียน ม.5 เหมือนกัน”
“เอาไลน์มาหน่อยจะได้คุยกันง่าย ๆ
เวลาจะนัดซ้อม”
พี่มิวหน้านิ่ง
ๆ ที่เจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ดูไปดูมาก็น่ารักดี
●
การกลับมาของกัปตันทีมยูโดทำเอาเหล่าสมาชิกชมรมโอดครวญกันยกใหญ่
ที่เขาบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง มิวรับเอาความโหดมาจากโค้ชแมวชนิดที่ว่า
เหมือนคัดลอกแล้ววางลงบนหน้าเวิร์ดแบบเป๊ะ ๆ บางทีดูเหมือนจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำไป
และวันนี้มิวก็ทำให้การซ้อมแลดูโหดร้ายเพิ่มขึ้นไปอีก
เมื่อจู่ ๆ ก็เดินจับคู่ให้ทุกคนออกมาสู้กัน เอ็มลอบกลืนน้ำลายตอนที่ร่างขาว ๆ
ของกัปตันชมรมใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเย็น ๆ ที่อีกฝ่ายส่งให้
หัวใจก็หล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม
ความซวยตกที่กูแน่ ๆ เอ็มมั่นใจในจุดนี้มากจริง ๆ จ้ะ
“เอ็ม ... คู่กับดีน”
นั่นไงผิดจากที่คิดเสียที่ไหน
ดีน ห๊ะ แม่เจ้าโว้ย ผีเข้ามิว
ปกติเอ็มคนนี้คือคนที่ต้องโดนทุ่มตลอด
ใครคือผู้โชคร้ายคนนั้นกัน
“พัฒน์คู่กับมิว”
เอาแล้วท่านรองของเฮีย
พัฒน์เลิกคิ้วขึ้นหลังจากที่กัปตันทีมแจ้งเรื่องแล้วผละตัวเองออกไปนั่งรวมกับคนอื่น
ๆ คู่แรกที่ต้องแข่งกันออกมายืนตรงกลางห้อง ทำความเคารพคู่ต่อสู้ก่อนจะเริ่มต้นจับกันทุ่ม
ฝีมือของมิวใคร ๆ
ก็รู้ว่าคืออันดับหนึ่งรวมไปถึงรองกัปตันด้วย คำว่าโค่นบัลลังก์ยากใช้กับ คน ๆ
นี้ได้ไม่ผิดนัก ตอนแรกพัฒน์ยังสงสัยว่าคนในชมรมพูดเกินไปหรือเปล่า
แต่เกือบสามอาทิตย์ที่ฝึกซ้อมร่วมกันมา อะไรหลาย ๆ อย่างก็พิสูจน์คำพูดพวกนั้นได้
มิวคือที่หนึ่งของโรงเรียนในเรื่องยูโดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากคู่ของเอ็มกับดีนจบลงที่ฝ่ายคนตัวใหญ่กว่าโดนทุ่มลงเบาะ
พัฒน์กับมิวก็ออกมายืนกลางห้องแทน
“พัฒน์ไม่ออมมือนะ”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของรองกัปตันทีม
“ทนดูไม่ไหวว่ะ”
ก่อนที่จะ ...
“กูว่าแล้ว”
ถูกจับทุ่มลงเบาะสีเขียวด้วยแรงที่คาดไม่ถึง
“เวอร์”
กัปตันทีมหลุดยิ้มออกมาเมื่อคนที่ตัวเองยืนคร่อมอยู่ทำหน้าเหยเกเสียเกินจริง
“มันเจ็บจริง ๆ นี่”
เมื่อยืนขึ้นได้พัฒน์ก็ยังทำหน้าเจ็บปวดเหมือนเดิมอยู่แบบนั้น
จึงโดนมิวชกที่ต้นแขนเป็นรางวัลจากการแสดงอันแสนเพอร์เฟค
รถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่จอดลงข้างฟุตบาธหน้าโรงเรียน
พัฒน์ส่งหมวกกันน็อคให้คนที่ยืนเล่นโทรศัพท์รออยู่
มือขาวรับมันมาใส่ก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายกลับบ้านเหมือนทุกวัน
กลายเป็นภาพชินตาของใครหลาย
ๆ คน และมันก็เป็นความเคยชินของพัฒน์กับมิวไปแล้ว
ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่พวกเขาทั้งสองคนไปไหนมาไหนด้วยกัน
เหมือนที่แม่มิวชอบพูดใส่ว่า
–ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋–
ส่วนประโยค –ตัวติดกันอย่างกับเงา– นั้นแม่ของพัฒน์ชอบพูดลอย ๆ
ให้ได้ยินเสมอ
อาจจะเพราะมีอะไรหลาย ๆ
อย่างที่เหมือนกัน จึงทำให้ทั้งพัฒน์และมิวสนิทกันเร็วขึ้น
ชอบอยู่คนเดียว
ฟังเพลงบอสซาโนวา หลงใหลกีฬายูโด ไข่พะโล้คือเมนูโปรด ดื่มแต่โกโก้ปั่นหวานน้อย
และไม่ค่อยมีเพื่อน
ก็นาน ๆ
ทีจะเจอคนที่คุยกันได้ทุกเรื่องนี่นะ
“แม่บอกวันนี้ทำไข่พะโล้”
มิวยื่นหน้าไปใกล้คนที่ตัวเองซ้อนอยู่ ตะโกนผ่านหมวกกันน็อคบอกอีกฝ่าย
“อะไรนะ”
“หูตึง”
มือขาวเคาะลงบนอุปกรณ์นิรภัยสีดำสนิทอย่างหมั่นไส้
ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของคนขี้แกล้งที่ดังแว่วมายิ่งหมั่นไส้กว่าเดิมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
หลังจบจากมื้อเย็นพัฒน์ก็อ้อยอิ่งอยู่บนห้องลูกชายคนเดียวของเจ้าบ้านอีกเป็นชั่วโมง
จนแม่ของตัวเองโทรตามนั่นแหล่ะ ร่างสูง ๆ
ของคนที่ยึดพื้นที่เตียงของมิวถึงยอมลุกขึ้นได้เสียที
คนตัวขาวลงมาส่งเพื่อนรุ่นน้องที่หน้าบ้านเหมือนทุกครั้ง
จนเมื่อมอเตอร์ไซค์สีดำลับหายไปจากสายตา ร่างสูงโปร่งของมิวถึงเดินกลับเข้าบ้าน
“ตาพัฒน์ได้เอาไข่พะโล้กลับไปด้วยมั้ย”
ขายาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดชะงักก่อนจะหันไปตอบล้อเลียนแม่เสียงหวานหยดย้อย
“ลูกรักแม่ไม่ลืมหรอกจ้ะ
ห่วงกันจั๊ง” ได้สายตาค้อน ๆ กลับมา มิวก็อดจะหัวเราะไม่ได้
เจ้าของห้องนอนโทนสีขาวที่เต็มไปด้วยหนังสือกับโมเดลซุปเปอร์ฮีโร่
กำลังนอนอ่านนิยาย เพลิน ๆ อยู่
ตอนที่เสียงเตือนว่าได้รับข้อความจากโปรแกรมแชทยอดฮิตดังขึ้น
Mr.Pat
มิว
M.MEW
ถึงบ้านแล้วเหรอ
Mr.Pat
อยู่หน้าบ้านมิว
คนตัวขาวรีบลุกจากโต๊ะไปเปิดม่านหน้าต่าง
ส่องแล้วส่องอีกก็ไม่เห็นวี่แววของคนที่บอกว่าตัวเองมาหาเลยสักนิด ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าตัวเองโดนหลอกก็ตอนที่ได้ยินเสียงเตือนของไลน์อีกรอบนั่นล่ะ
Mr.Pat
ว้าย
โดนหลอก
M.MEW
ตลกมากป่ะ
Mr.Pat
ม๊ากมาก
M.MEW
กวนตีน
แล้วถึงบ้านยัง
Mr.Pat
ถึงแล้วดิ
●
ยิ่งเข้าใกล้วันแข่งขันมากขึ้นเท่าไหร่
กัปตันทีมก็ขยันนัดซ้อมจนหลาย ๆ คนถึงขนาดต้องแอบหนี
และพอโดนจับได้ก็แทบจะร่างแหลกกันไปเป็นแถบ ๆ
“มิวนี่แรงช้างจังวะ” เสียงหอบของพัฒน์ดังขึ้นใกล้
ๆ
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนอนแผ่หลาอยู่ข้างกันบนเบาะยาวสีเขียว
สมาชิกคนอื่นกลับไปหมดแล้ว ตัวเก็งของการแข่งขันทั้งสองคนเลยใช้เวลาอีกนิดหน่อยซ้อมกันอีกรอบก่อนกลับบ้าน
“ใจจริงอยากพูดว่าแรงควายชัวร์” มิวว่ายิ้ม ๆ
ตอนหันไปสบนัยน์ตาคมที่มองตัวเองอยู่ก่อน
“รู้ใจไปอีก”
ทั้งสองคนมักหลุดหัวเราะพร้อมกันกับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เสมอ
“วันนี้แม่พัฒน์บอกว่านอกจากไข่พะโล้แล้ว
ยังมีเต้าหู้ทอดแยกไว้ต่างหากให้มิวด้วยนะ”
“จริงดิ แม่พัฒน์นี่รู้ใจมิวจริง ๆ”
“แล้วพัฒน์ล่ะ”
“อะไร”
“ไม่รู้ใจมิวเลยเหรอ”
“รู้ดิ แต่น้อยกว่าแม่นิดนึง” พอเห็นพัฒน์ออกอาการงอนมิวก็จัดการดึงแก้มอีกฝ่ายจนยืดด้วยความมันเขี้ยว
“ตัวยังกับตึก งอนเหมือนเด็ก”
“พัฒน์น่ะรู้ใจมิวที่สุดแล้ว”
ไอ้โย่งเอ้ย ทียังงี้ล่ะยิ้มจนตาปิด
มิวออกแรงปั่นจักรยานแม่บ้านของบ้านพัฒน์จนเหงื่อซึม
ยิ่งพอเหลือบมองไปยังคนซ้อนที่ก้มลงดูดโกโก้ปั่นเจ้าประจำหน้าปากซอยบ้านตัวเองอย่างสบายอารมณ์ก็ยิ่งโมโห
“วันนี้ป้าทำหวานว่ะ ว่าป่ะ” ยังมีหน้ามาถามคนยังไม่ได้กิน
“ไม่รู้ ยังไม่กินสักอึก”
“โมโหหิวเหรอครับ” กวนประสาทจริง
“เออ!”
“อีกนิดเดียวก็ได้กินแล้ว” พัฒน์ว่าขำ ๆ
กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของคนตัวขาวที่ปั่นจักรยานเหมือนคนเพิ่งหัดได้สามวัน
“อะ ไม่แกล้งแล้ว จอด ๆ เดี๋ยวปั่นต่อให้”
หลังจากสลับตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้ว
มิวก็อาศัยช่วงที่ตัวเองได้นั่งซ้อนสบาย ๆ ดูดเครื่องดื่มสุดโปรดในมือ
“หวานจริงด้วยว่ะ”
“ใช่มะ”
ถึงปากจะบ่นกันว่าหวาน
แต่พอใกล้จะถึงบ้านพัฒน์โกโก้แก้วเดียวในมือของมิวก็เหลือเพียงไม่กี่อึกแล้ว
อย่าคิดว่าเขาจะได้กินคนเดียวล่ะ
คนที่ปั่นจักรยานมือเดียวนี่ต่างหากที่ดูดเอา ๆ จนใกล้จะหมดแบบนี้
“อะ”
มิวยื่นแก้วพลาสติกใสที่เปรอะคราบสีน้ำตาลด้านในให้พัฒน์
ใบหน้าของร่างสูงใหญ่เอี้ยวมาพอให้ปากโดนหลอด ส่วนตายังคงจับจ้องถนนเบื้องหน้า
“หมดแล้วนี่ แกล้งกันนี่หว่า”
“สมน้ำหน้า โดนบ้างเถอะ”
เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังปนกันจนแยกไม่ออก
คนจงใจแกล้งแลบลิ้นใส่แผ่นหลังกว้างตรงหน้า
เสื้อนักเรียนสีขาวเปียกเหงื่อจนชุ่ม ที่หลังคอขาวนั่นก็เหมือนกัน
มิวล้วงเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมา ค่อย ๆ ซับน้ำเหงื่อที่เกาะเป็นหยดออกจากผิวของอีกฝ่าย
“เหงื่อเยอะชิบ”
พัฒน์แอบยิ้มกับประโยคค่อนขอดเบา ๆ ของอีกฝ่าย
ถ้าให้เดาคนขี้บ่นคงกำลังทำปากงุบงิบใส่เขาอยู่แน่ ๆ
“เฮ้ย ไอ้เด็กนี่” กำปั้นเล็กทุบเข้าที่กลางหลังกว้าง
เมื่อจู่ ๆ คนที่ปั่นจักรยานอยู่ดี ๆ ก็ปล่อยมือทั้งสองข้างออก
แกล้งเอนตัวลงเหมือนจะล้ม
“กลัวอ่อ”
“กวนตีน”
“พี่มิวกินเยอะ ๆ นะลูก”
พัฒน์เหลือบมองแม่ของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ เวลามิวมาทานข้าวที่บ้านภาพแบบนี้แทบจะเห็นจนชินไปปแล้ว
ยิ่งแก้มขาวที่เคี้ยวตุ้ย ๆ
แล้วหันมายิ้มตาปิดให้แม่ด้วยแล้ว ... น่ารักดี
“พี่มิวเอาเต้าหู้ทอดเพิ่มไหมครับ” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวพร้อมพยักหน้าให้แม่ของรุ่นน้องคนสนิท
“ครับแม่”
“ถึงว่า” ลับหลังคนเป็นแม่
พัฒน์ก็เอ่ยขึ้นกับตัวเองลอย ๆ (จริง ๆ
คือหวังให้อีกคนที่กำลังตักไข่พะโล้ลูกที่สามมาใส่จานได้ยินมากกว่า)
“หน้าเลยเหมือนเต้าหู้”
มือขาวที่กำลังจ่อช้อนเข้าปากชะงักค้าง แสร้งทำเป็นยิ้มให้คนตัวโตเสียหวานหยด
ก่อนจะพูดประโยคแทงใจดำอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“อือฮึ ไอ้หน้าจืด”
“โห โคตรเจ็บเลยนะคำนี้”
“ก็จืดจริง ๆ นี่ จืดแบบจืดสนิทอะ โอ๊ย แม่ครับ”
มิวคลำหน้าผากที่โดนนิ้วยาวดีดใส่ป้อย ๆ
พอเห็นแม่ของพัฒน์เดินกลับเข้ามาในห้องทานข้าว
ก็รีบวิ่งไปหลบหลังพร้อมกอดเอวอ้อนให้คนมีอำนาจสุดในบ้านเป็นคนจัดการ
“เจ้าพัฒน์เดี๋ยวเถอะ เล่นเป็นเด็ก ๆ
โอ้โหแล้วนี่ทำอะไรหน้าผากพี่มิวถึงแดงเถือกแบบเนี้ยนี่ลูก”
“น้องดีดหน้าผากมิว” ได้ทีฟ้องใหญ่เลยนะ
“ก็มิว ...”
“เราเนี่ยนะ เดี๋ยวแม่จะตีให้เจ็บเลย”
“โหย แม่อะ”
“ไม่ต้องมากอด” แขนยาว ๆ โอบรอบร่างท้วมของผู้หญิงคนเดียวในบ้านพร้อมกับรวบผู้ชายตัวสูงน้อยกว่าตัวเองไปด้วย
ก็เล่นไม่ยอมปล่อยตัวแม่เขาก่อน มันเลยต้องกอดไปทั้งอย่างนี้น่ะสิ
พัฒน์ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งมิวที่บ้านหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ
พอมาถึงก็เห็นหญิงวัยกลางคนร่างบอบบางยืนส่งยิ้มมาให้จากหลังประตูรั้วเหล็กสีขาว
เจ้าของร่างสูงใหญ่เกินวัยจัดการดับเครื่องยนต์ เดินลงมาสวัสดีแม่ของมิวที่เปิดประตูออกมาหา
“รบกวนพัฒน์ตลอดเลย ลูกชายแม่นี่ขี่ได้แต่จักรยาน”
“แม่ครับ” มิวค้อนแม่
ทำปากงุบงิบบ่นนู่นบ่นนี่ตามนิสัย
และภาพนั้นก็ทำให้แม่กับพัฒน์หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ไม่เป็นครับ”
“กลับบ้านดี ๆ นะลูก”
Mr.Pat
ถึงบ้านละนะ
M.MEW
โอเค
Mr.Pat
พรุ่งนี้อยากกินเหนียวหมู
แวะซื้อได้ป่ะ
M.MEW
อื้อ
แต่มิวจะกินไก่ทอด
Mr.Pat
โอเค
เจ็ดโมงเหมือนเดิม
M.MEW
เค เจอกัน
●
ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่สำหรับนักกีฬาตัวจริงทุกคนนี่ถือเป็นวันซ้อมอีกวัน
แถมยังนัดเช้ากว่าเวลาโรงเรียนเข้าปกติไปอีก
ไม่รู้มิวเก็บกดอะไรหนักหนากับไอ้การไม่ได้เล่นยูโดมาปีนึงเนี่ย
“เดี๋ยวนี้มิวกับพัฒน์ตัวติดกันตลอดเลยเนอะ”
เอ็มทักกัปตันทีมคนเก่งทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้องซ้อม
พูดไม่ทันขาดคำร่างสูงใหญ่ของพัฒน์ก็เดินตามเข้ามาติด ๆ
“เหรอ ก็ปกติแหล่ะ”
ปกติที่ไหนล่ะ
อันนี้เอ็มแค่คิดในใจนะไม่กล้าโพล่งออกไปหรอก
“วันนี้ซ้อมเสร็จไปดูหนังกัน” เอ็มโถมตัวไปกอดคอสองคนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นชุดกีฬา จริง
ๆ เขาก็ไม่ได้เตี้ยอะไรขนาดนั้น แต่พอมายืนอยู่ในดงเสาไฟฟ้าสองต้นแบบนี้แล้ว
นั่นล่ะ ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
“ดูเรื่องไรเฮีย”
“ไม่รู้ว่ะ ไปดูโปรแกรมเอาดาบหน้า
ถ้าไม่มีร้องเกะกันมั้ย”
“ไป ๆ เฮีย มิวไปนะ”
“เอาดิ”
ความรักมักจะเปลี่ยนตัวตนของเราไปทีละนิด ๆ
หรือเปล่า ถ้าใช่ ...
ในความคิดของเอ็ม ... มิวก็จัดอยู่ในจำพวกคนมีความรักแล้วล่ะตอนนี้
“ฝนจะตกปะเนี่ย”
ดีนที่เพิ่งเข้ามาได้ยินประโยคตอบรับนั้นพอดี ทำทีเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ทำไมอะพี่” พัฒน์ที่กำลังผูกเชือกที่เอวหันกลับมาถามคนมาใหม่สลับกับมองแผ่นหลังขาว
ๆ ของอีกคนที่เพิ่งถูกยูนิฟอร์มของชุดยูโดห่มทับไปด้วย
“มิวมันเคยออกไปกับพวกพี่ที่ไหน”
“แล้วจะเปลี่ยนใจบ้างไม่ได้ไง”
สุดท้ายพวกเขาทั้งสี่คนก็เลือกที่จะดูหนัง
ดีนกับเอ็มมีหน้าที่ไปซื้อตั๋วส่วนพัฒน์กับมิวโดนไล่ให้ไปซื้อป็อปคอร์น
“เอาหวานนะเว่ย”
เอ็มทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะกระโดดกอดคอลากเพื่อนตัวหมีไปหน้าเคาน์เตอร์
พัฒน์เป็นคนจัดการสั่งน้ำกับป็อปคอร์นโดยมีมิวยืนชี้ของกินเล่นสีขาวนั่นผ่านกระจก
กัปตันทีมยูโดเลือกเครื่องดื่มเป็นโค้กให้เพื่อนสองคนที่ไปซื้อตัวคนละแก้ว ป็อปคอร์นรสหวานกับรสชีสให้อีกอย่างละกล่อง
ส่วนตัวเองกับพัฒน์นั้นเลือกแบบออริจินอลถังนึงกับน้ำแดงแก้วใหญ่ไว้กินด้วยกัน
“กินได้ไงโคตรหวาน”
พัฒน์ที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ฆ่าเวลารอเอ็มกับดีนบ่นขึ้นเบา ๆ หลังจากงับป็อปคอร์นจากมือมิวมาไว้ในปาก
“ชีสดีว่ะ”
คนตัวขาวที่เคี้ยวข้าวโพดคั่วเต็มแก้มเอ่ยขึ้นพร้อมป้อนอีกคนไปด้วย
“จริงด้วย
เอามั้ยเดี๋ยวพัฒน์ไปซื้อให้” พัฒน์ดูดน้ำแดงในมืออึกใหญ่
ยื่นให้อีกคนที่กำลังทุบอกตัวเองเพราะป็อปคอร์นติดคอ มิวไอโขลกหลายที ก่อนจะก้มหน้าลงไปอยู่ระดับเดียวกับแก้ว
เอาปากงับหลอดต่อจากพัฒน์
“ในมือก็จะไม่หมดอยู่แล้วเถอะ”
ยังไม่ทันที่ตัวอย่างหนังจะเริ่มฉายพัฒน์ก็ก้มลงกระซิบข้างหูมิวขอไปเข้าห้องน้ำ
คนที่กำลังเคี้ยว ป็อปคอร์นพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปสนใจภาพบนจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่
“มันไปไหน” ดีนที่นั่งอยู่ริมสุดอีกฝั่งชะโงกมาถาม
“ห้องน้ำ”
“อ่อ”
หนังฉายจนมาถึงกลางเรื่องแล้ว
คนที่บอกจะไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับเข้ามา
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
“ไปตามพัฒน์นะ”
มิวสะกิดบอกคนข้าง ๆ เอ็มแค่ยกมือปัดไล่แบบส่ง ๆ ทั้งที่ตายังไม่ละมาออกจากฉากสำคัญ
“อือ”
โทรศัพท์ที่ปิดเครื่องไว้ถูกกดเปิดทันทีที่ร่างโปร่งก้าวออกจากโรงหนัง
มีข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์จากพัฒน์เด้งขึ้นหน้าจอทันทีเหมือนรู้งาน
Mr.Pat
ดูกันไปเลยนะ
พอดีติดธุระ
M.MEW
อยู่ไหน
รอไม่ถึงนาทีพัฒน์ก็ตอบกลับมา
Mr.Pat
ดูเสร็จไวจัง
M.MEW
ยัง
เห็นไม่กลับเข้ามาสักที
เลยออกมาตาม
Mr.Pat
โทษที
พอดีเจอเพื่อนเก่า
M.MEW
อ่อ
Mr.Pat
จะกลับเลยป่ะ
เดี๋ยวจะขึ้นไปหา
M.MEW
อยู่ไหน
เดี๋ยวไปหาเอง
Mr.Pat
มิวรอนายอินทร์แล้วกัน
M.MEW
โอเค
มอเตอร์ไซค์คันสีดำจอดลงหน้าบ้านของมิวตอนเกือบหกโมงเย็น
คนซ้อนก้าวลงจากรถพร้อมยื่นหมวกกันน็อคคืนอีกฝ่าย
“ถึงบ้านไลน์บอกด้วยนะ” พัฒน์พยักหน้าเข้าใจผ่านอุปกรณ์นิรภัย
พร้อม ๆ กับที่รถเคลื่อนที่ห่างจากกรอบสายตาของมิวจนลับหายไป
“เจ้าพัฒน์ไม่อยู่กินข้าวเหรอ” แม่ของมิวยื่นหน้าออกมาจากครัวทันทีที่ลูกชายคนเดียวก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน
“ไม่ครับแม่”
มิวหยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียงขึ้นมาดูอีกครั้ง
ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าจอบอกเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว
คิ้วที่พาดอยู่เหนือดวงตาเรียวรีขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
ลืมหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกคนกันนะ
ลองกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวรอบที่สิบ
ข้อความสุดท้ายที่คุยกันยังคงเป็นของมิว
M.MEW
โอเค
ลองโทรดูแล้วกัน
นิ้วเรียวกดโทรออกเบอร์ที่ตั้งไว้เป็นเบอร์ต้น ๆ
ถัดจากครอบครัว แต่ไม่ว่าจะต่อสายหาอีกคนสักกี่ครั้ง ผลตอบรับก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
สายไม่ว่าง
เกือบตีสองหน้าจอของโทรศัพท์ที่เคยมืดสนิทก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา
แต่เจ้าของเครื่องนั้นเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
Mr.Pat
ขอโทษนะ
เจอกันพรุ่งนี้
●
พัฒน์หายตัวไปจากชมรมสองวัน ไม่มีข้อความ
ไม่มีสายโทรหา ไม่มาโรงเรียน (เพื่อนในห้องบอกว่าโทรมาลาอาจารย์แล้ว
ตอนที่มิวลองไปหาที่ห้องเรียน)
พูดง่าย ๆ คือ ไม่มีใครติดต่อได้ ...
แม้กระทั่งคนสนิทที่สุดอย่างมิว
“เดี๋ยวมันก็มา” เป็นดีนที่พูดประโยคนั้น
จะให้พูดยังไงดีล่ะ
สองวันมานี้มิวแทบไม่จะคุยกับใครเลย
ไม่ดุ ไม่ด่า ไม่บ่น ไม่อะไรทั้งนั้น
แค่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
และหุบมันลงได้ทันตาเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่
... พัฒน์
นอกจากนั่งชะเง้อรอใครบางคนแล้ว มิวก็ไม่ทำอะไรเลย
ครืด
เป็นอีกวันที่กัปตันทีมลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนบานกระจก
ครั้งนี้เหมือนรอยยิ้มนั้นจะได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ได้เสียที
ก่อนมันจะเปลี่ยนเป็น ...
“หวัดดีพี่” พัฒน์เอ่ยทักทายปกติ แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่สายตาของคนพูดไม่ได้มองมาทางมิวเลยสักนิด
ยิ้มเก้อ
“เข้ามาสิ”
เสียงทุ้มหันไปบอกใครบางคนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลัง
เด็กสาวมัธยมปลายที่ตรงหน้าอกปักอักษรย่อโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังก้าวออกมาพร้อมส่งยิ้มสดใสมาให้
“ไอ้เสือ คืนดีกันแล้วเหรอวะ”
ดีนเป็นคนแรกที่เอ่ยทักพัฒน์ ก่อนจะเปลี่ยนคู่สนทนาเป็นสาวน้อยคนนั้น
คืนดีกัน ...
มิวเหมือนโดนคู่ต่อสู้จับทุ่มแบบไม่ทันตั้งตัว
“น้องเอยไม่น่ายอมพัฒน์มัน พี่อดจีบเลยเนี่ย”
น้องเอยหัวเราะกับประโยคนั้น แต่ไม่ได้พูดอะไร
ส่วนพัฒน์ ... หายเข้าไปอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
“เป็นแฟนกับมันต้องทำใจเรื่องง้อหน่อยนะ”
เป็นดีนอีกเหมือนเดิมที่เข้าไปคุยกับน้องคนนั้นอย่าง
คุ้นเคย
“เอยก็ว่างั้น นี่เอยง้อก่อนเหอะ
พี่พัฒน์เลยยอมคุยด้วย”
มิวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าตัวเองไม่เคยรูจักพัฒน์เลยสักนิด
ไม่เคยเลย
ไม่เคยรู้อะไรเลย
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่สายตาของมิวมองหาแต่พัฒน์
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป
มิวไม่รู้อะไรเลย
นอกจาก ...
มิวตกหลุมรักทุกอย่างที่เป็นพัฒน์ไปแล้ว
“มิว”
แรงบีบที่หัวไหล่ทำเอาเจ้าของชื่อแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เอ็มมองคนที่กำลังช็อคด้วยความรู้สึกสงสาร มิวมองพัฒน์เกินคำว่าน้องสนิทอย่างที่เขาคิดไว้
ไม่มีผิด
“ซ้อมกันไปก่อนนะ” มิวเอ่ยบอกเอ็มเบา ๆ
ก่อนจะรีบผลุนผลันออกไปจากห้อง
พัฒน์วางสายตาไปยังจุดที่อีกคนเคยยืนแต่มิวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
กวาดมองไปทั่วห้องกี่รอบก็ไม่เห็นวี่แววของพี่ชายคนสนิทของเขาเลย
หายไปไหน
อยากขอโทษ
อยากบอกทุกอย่าง
เอยยกมือโบกให้อีกคนที่เพิ่งออกจากห้องแต่งตัวรับรู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้
พัฒน์พยักหน้าให้ก่อนจะมุ่งตรงไปหาเอ็มที่นั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่มุมห้อง
“เฮีย ... มิวล่ะ”
“กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง”
พัฒน์มองแผ่นหลังของรุ่นพี่ที่ลากเขาออกมาข้างนอกด้วยกันด้วยหลายความรู้สึก
พี่เอ็มเงียบมาก เงียบอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ”
เสียงพี่เอ็มเรียบเย็น
และหน้าตาก็นิ่งมากเสียจนเขาอดที่จะกลัวไม่ได้
“มึงวางความสำคัญของเพื่อนกูไว้ที่ตรงไหน”
“ตอนมึงทะเลาะกับแฟน”
“เพื่อนกูอยู่ลำดับแรก”
“ตอนนี้เพื่อนกูอยู่ตรงไหน
ยังสำคัญกับมึงอยู่รึเปล่า”
สองคนที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ ไม่ได้รู้เลยว่าตรงสนามหลังชมรมมีใครอีกคนี่นั่งน้ำตาไหลแต่ไม่มีเสียงสะอื้นอยู่ด้วย
“ผม ...”
“ไม่รู้ว่ะพี่”
“อยากขอโทษ อยากบอกทุกอย่าง”
“แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีว่ะ”
“ถ้ามิวอยู่ตรงหน้ามิวตอนนี้ มึงอยากบอกอะไร”
ชุดยูนิฟอร์มสีขาวที่โผล่พ้นพุ่มไม้เตี้ยออกมา ทำให้เอ็มถามประโยคนั้นกับพัฒน์
มิว ... ฟังน้องมันหน่อยนะ
“ขอโทษ”
ทำไมมันใจมิวเจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้
“พัฒน์มีแฟนแล้ว”
มันเจ็บจริง ๆ
“ถึงจะรู้สึกดีกับมิว
แต่พัฒน์ก็ทิ้งน้องเขาไม่ได้ว่ะ”
น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือน
มิวค่อย ๆ พาร่างไร้เรี่ยวแรงของตัวเองยืนขึ้น
หันกลับมาเผชิญกับแผ่นหลังกว้างที่เคยเป็นที่พักพิงสำหรับเขา
พัฒน์ยังไม่รู้ตัวว่ามิวได้ยินหมดแล้ว
ได้ยินทุกอย่าง
รับรู้ทุกความรู้สึก
คนที่ผิดไม่ใช่แค่พัฒน์หรอก
มิวก็ผิด
ผิดเองที่สำคัญตัว
“เข้าใจแล้ว”
“ขอบคุณที่บอกนะ”
“น้องพัฒน์”
●●●
#HwangAndTheKwon
@daisieelady
ความคิดเห็น