คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : EP 1/1
" ให้เสียงภาษาไทยโดย "
มินนี่แปดปีสี่ร้อย
ร่างเล็กเพรียวแต่อวบและแน่นเหมือนหมูยอหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังมหึมาไม่สิเรียกว่าคฤหาสน์จะถูกต้องมากกว่า อากาศร้อนแรงจัดทำเอาแทบจะหมดลมสิ้นสติลงกับพื้น หญิงสาวผมยาวแต่ถูกถักให้เป็นเปียก้างปลาสวยงามทิ้งตัวลงบนพื้นซีเมนต์ด้วยความอ่อนแรง
แม้แต่แม่ค้าลูกชิ้นที่เข็นรถเข็นผ่านมายังหยุดมองพร้อมยกมือทาบอกแล้วกล่าวเบาๆว่าไหวไหมถามใจตัวเองดู
ผู้หญิงคนนั้น
คือฉัน
พรประภาคนนี้เองแหละค่ะ !!!
พรประภาลูกสาวนอกไส้ของคุณท่านแห่งบ้านจรัสแสงแขนภาอภิชาติส่องแสงได้รับจดหมายเรียกตัวให้กลับมาดูใจคุณพ่อที่ใกล้จะสิ้นลมเต็มที ทันทีที่ได้รับจดหมายหญิงสาวก็ไม่รั้งรอที่จะมาหาผู้เป็นพ่อด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"สวัสดีบ้านของฉัน" ฉันพึมพำคนเดียวอยู่หน้าประตูบ้าน สองมือยืนเกาะประตูสายตาสอดส่องสิ่งมีชีวิตบ้านที่พอจะผ่านมาเปิดประตูให้ได้บ้าง แล้วฉันก็พบกับเด็กสาวในชุดเนตรนารีเต้นมูนวอล์คผ่านมาพอดี
“น้องค่ะ น้องมาเปิดประตูให้พี่หน่อยสิ” ฉันกวักมือเรียกเด็กคนนั้น เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลออกแดงหันมองไปรอบก่อนจะมูนวอล์คเข้ามาฉัน ไม่คิดจะเดินเลยหรือไม่แม่คุณ =__=
“มีอะไรเหรอคะ”
“เอ่อ .. พี่ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยคะ” ฉันยิ้มอ่อนให้เด็กสาวตรงหน้าที่จู่ๆก็วางทำท่าเหมือนจะเตรียมรำดาบขึ้นมา
“ที่นี่ไม่ซื้อเครื่องกรองน้ำแล้วค่ะ พี่ไปขายที่อื่นเถอะ” เธอพูดก่อนจะเตรียมหันตัวมูนวอล์คกลับไป
“พี่มาหาคุณพ่อของพี่ ท่านชายประหยัดศักดิ์เจ้าของบ้านหลังนี่หน่ะค่ะ”
“อ๋อ … คุณท่านเป็นพ่อของพี่เหรอคะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!.”
แล้วฉันก็ได้เข้ามาในบ้านซะทีหลังจากยืนโดนแดดเลียจนดำไปยันขั้วไต สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ … คนในบ้านนี้น่าจะเป็นฮิปสเตอร์มั้ง ตอนเดินผ่านสนามหญ้าเข้ามาฉันเห็นคนสวนกำลังใช้แหนบถอนหญ้าอยู่
ทีแรกฉันก็ว่ามันแปลกๆ แต่เคยได้ยินเพื่อนๆพูดกันว่าในพระนครเทรนการถอนหญ้าด้วยแหนบแล้วอัพลงอินชะตากรรมนี้กำลังฮิตอยู่มากโข ฉันยืนหมุนตัวตามแบบฉบับละครไทยทั่วไปพร้อมซาวน์ประกอบเก๋ๆสักเพลงก่อนเท้าของฉันจะสะดุดกับพรมผืนใหญ่บนพื้นก่อนทรุดตัวล้มลง ..
บนตัวของใครสักคน
“ตายแล้ว พี่อัครเดช!!” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นจากอีกทางฉันลืมตาขึ้นเมื่อแล้วก็พบกับใบหน้าหล่อจนเกือบหยุดหายใจ ดวงตาคมดุจเม็ดก๊วยจี๋ จมูกโด่งเป็นสันถนนเพชรเกษม ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติราวกับถูกทาด้วยสีแบบเดียวกับที่ใช้วาดภาพโมนาลิซ่าห่างจากหน้าฉันไม่เกินฝ่ามือ ..
“โอ๊ะ .. โอ๊ย” เสียงของชายหนุ่มรูปงามที่นอนอยู่ใต้ร่างฉันเริ่มครวญครางด้วยความเจ็บ แน่สิ ไรทเตอร์จะมันจะต้องเขียนให้ฉันอ้วนอยู่แล้วแหละ นังคนพวกนี้คอยดูนะสักวันฉันจะนั่งทับจอคอมของพวกเธอให้ดับไปตามๆกัน!
“ละ .. ลุก ไส้ ไส้จะแตก” ว่าแล้วไม่มีผิด เสียงของเขาเปล่งออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก ฉันรีบลุกขึ้นก่อนเข้าจะไส้แตกสลักหักเพลาหลุดฟันคุดงอกซะก่อน T _ T
“แอมโซซอรี่ …” ฉันรีบขอโทษเขาก่อนจะรีบเข้าไปพยุงเขาลุกขึ้นแต่กลับถูกผู้หญิงที่ดูน่าจะเด็กกว่าฉันอยู่สักสองสามปีผลักออกจนเกือบสะดุดล้มอีกรอบ
“อย่ามาแตะต้องพี่อัครเดชของฉันนะ” ริมฝีปากสีแดงชมพูแบบออมเบรสไตล์เกาหลีเหมือนดูฮาวทูมาจากแพรี่พายเหยียดเป็นรูปตัวยูคว่ำ หญิงสาวที่ว่ามองตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าของฉัน
“ดุจดาว ไม่เสียมารยาทกับแขกสิ คุณเป็นใคร ทำไมผกามาศถึงเปิดประตูให้คุณเข้ามา” ชายหนุ่มรูปงามราวกับถอดมาจากรูปปั้นที่ฉันเพิ่งล้มทับไปจนไส้เกือบแตกเอ่ยถามฉันขึ้นมาก่อน ฉันไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของเขาเพราะหัวใจของฉันสั่นไหวและรู้สึกเหมือนต้องการเป็นของเขาเสียเดี๋ยวนี้ ไม่สิ พรประภาเธอเป็นนางเอก เธอต้องไม่แรดนะ ข่มใจไว้
“ฉันชื่อพรประภาค่ะ เป็นลูกสาวอีกคนของคุณพ่อ ฉันได้รับจดหมายว่าคุณพ่อกำลังป่วย ฉันต้องการมาดูแลรับใช้คุณพ่อค่ะ”
“ต๊าย แกกล้าดียังไงบอกว่าตัวเองเป็นลูกของคุณพ่อ” ดุจดาวที่ยืนเกาะแขนอัครเดชอยู่ไม่ห่างแผดเสียงออกมาเสียงดัง
“ไม่จริงใช่มั้ยคะพี่อัครเดช ดาวนี่ไม่เชื่อหรอก ยัยนี่มันเห็นว่าคุณพ่อรวยเลยมาแอบอ้างแน่ๆ”
“ฮึก .. พรประภาไม่ได้โกหกหรอก” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นทำให้ทุกคนต้องเงียบลง ผกามาศคนชิคกำลังพยุงคุณท่านประหยัดศักดิ์ลงจากบันไดมาอย่างทุลักทุเล
“เฮือก …”
“คุณพ่อคะ !!”
คุณชายประหยัดศักดิ์ทรุดลงกับพื้นทันทีที่ลงถึงชั้นล่าง ฉันรีบวิ่งไปประคองคุณพ่อเอาไว้ตามประสาลูกกตัญญูอิอิ
“คุณลุงไม่น่าลงมาเลยนะครับ ยังไม่หายดีเลย” คุณอัครเดชเข้ามาช่วยฉันจับตัวคุณพ่อเอาไว้ > - <
“ฮึก ไม่ได้หรอก .. ลุงมีเรื่องสำคัญจะพูด ไหนๆก็มาตอนเดียวแล้วก็จะตายแล้ว ลุงต้องมีบทบ้าง”
“กรี๊ด ขุ่นพ่อ ขุ่นพ่อ หนูไม่ยอมนะคะ ขุ่นพ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ”
“ ฮึก .. พ่อจะสั่งเสียละ ผกามาศไปเรียกแม่ทองก้อนมาสิ”
“เอ่อ คุณหญิงไม่อยู่ค่ะ ไปต่อแถวซื้อป๊อปคอรนกาเร็ตอยู่ที่สยามพระรากรค่ะ”
“เฮือก มาทั้งเรื่องได้ออกสามวิ แอร์ไทม์มีน้อย .. พ่อจะพูดแล้วนะตั้งใจฟังละ”
“พรประภาเป็นลูกสาวอีกคนของพ่อเป็นพี่สาวของลูกหญิงดุจดาว …”
“ฮืออออออออออออออออ ไม่นะคะ ขุ่นพ่อ ไม่นะคะ ไม่”
“ช่วยจริงจังหน่อยปะคือนี่คือซีนดราม่าของฟิคฉันเลยนะ Y___Y” ฉันหันไปพูดกับดุจดาวนอกสาวต่างแม่ที่เริ่มฟูมฟายเหมือนคนไร้สติทั้งที่ก็ไม่มีสติอยู่แล้ว ฮอล
“พ่อ .. จะให้อัครเดชลูกบุญธรรมและคนที่พ่อยกบริษัทให้ดูแล ..แต่งงานกับพรประภา”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่จริง ไม่ได้นะคะ คุณพ่อ”
“ดูแลลูกสาวฉันทั้งสองคนด้วยละ รักน้องมากๆนะ ดุจดาวยังเด็กถ้าน้องทำอะไรไม่ดี ลุงก็ฝากด้วย”
“อ๊ะ …………………………… อื้อ ……………… ฮะ …………….. อิ๊ ……………………...อุ๊ก ………………………….. ฮะ ……………………………………. เฮือก !!!!!!!!!!!!!!!!! …. พ่อ ……………….ฮะ ……………….. ระ ……………...รัก ……………..ลูก"
"คะ คุณพ่อ ..." ฉันพยายามเขย่าตัวเรียกคุณพ่อที่เพิ่งจะออกมาตอนแรกแต่ก็ตายเสียแล้ว T _ T
"พรประภา ลูกจำไว้ ....." คุณพ่อสบตากับฉันแล้วยิ้มให้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่ฉันจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด
"ว่าไงค่ะพ่อ" น้ำตาเอ่อคลอที่เบ้าตาฉันจนร้อนผาว ฉันยิ้มให้กับพ่อทั้งน้ำตา
"ฮาคูนามาทาท่า"
และนั้นคือประโยคสุดท้ายที่พ่อพูดกับฉัน
ก่อนฉันจะคิดได้ว่า นี่มันฟิคประเภทไหนกันวะ เอาเวลาอ่านไปแคระขี้มูกมาปั้นเป็นเอลซ่ายังมีประโยชน์กว่าอีก!!!!!!!!!!!!!!!!
แต่ไม่เป็นไรหรอกตราบใดที่พรประภากับคุณอัครเดชจะได้กันฟิคเรื่องนี้ก็ไม่ต้องมีสาระ แต่เราอาจจะเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับอนาโตมีและชนิดของหญ้าที่คุณอัครเดชทานเป็นบางช่วงโดยจะขึ้นมุมล่างซ้ายของจอเป็นตัวอักษรสีขาวขนาดฟ้อนท์ 6PT ให้นะคะ
สิ้นสุดพิธีศพของคุณท่านประหยัดศักดิ์
เราก็จะตัดฉากไปที่
วันเปิดพินัยกรรม ...
"ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณท่านชายประหยัดศักดิ์ ได้แก่ บ้านแสงจรัสแขนภาอภิชาติจะตกเป็นของคุณทองก้อนและคุณพรประภาคนละครึ่ง"
"ไม่ได้นะ! ฉันปรนนิบัติคุณพี่มานาน จะได้แค่บ้านได้ยังไง แถมยังแบ่งกับยัยเด็กเมื่อวานซีนนี้อีก" คุณหญิงทองก้อนในชุดไทยสไตล์เมียอบต.ตีผมขึ้นกระบังลมสูงโวยวายขึ้นกลางวงสนทนาที่มี ฉัน คุณอัครเดช ดุจดาว ผกามาศ และคุณทนายประจำตระกูลนั่งอยู่ด้วย
(รูปประกอบ)
"แต่คุณท่านสั่งเสียกับกระผมไว้นี่ครับ และยังจะให้คุณพรประภาแต่งงานกับคุณอัครเดชอีกด้วย"
"คุณแม่ค่ะ !! ดาวนี่ไม่ยอมนะคะ พี่อัครเดชจะต้องเป็นของดาวนี่นะคะ"
"แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนมาสะเอ่อะเทียบชั้นกับผู้รากมากดีอย่างเรา" คุณหญิงทองก้อนลุกขึ้นยืนเท้าเอวแล้วชี้มาทางฉัน สถานการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น สองแม่ลูกมองมาที่ฉันด้วยสายตาอาฆาต ไม่นะ ฉันได้แต่รำพึงรำพันเสียงดังแบบในละครไทยว่านี่ฉันต้องมีชะตากรรมเหมือนนางซินหรือนี่ โอ้โน คุณแม่ค่ะ หนูคิดถึงคุณแม่และบ้านเกิดเมืองนอนของหนูอย่าง*LAจังเลยค่ะ ทำไมคนที่นี่ใจร้ายเหลือเกิน ....
(*LA= LUM LUKGA =ลำลูกกา)
"คุณป้าคลามดาวน์ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งแองกรี้โกธาไปเลย ตอนนี้ผกาว่าคุณป้าน่าจะนั่งลงแล้วร้อง let it go สักรอบ ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณลุงผกาว่าเราก็อย่าสครับ heartท่านเลยนะคะ" ผกามาศที่ไม่มีบทอะไรมาทำหน้าที่แค่เปิดประตู (จริงๆนะ) พูดขึ้นด้วยไทยคำอังกฤษคำ ว้าว สำเนียงภาษาอังกฤษของเธอเนี่ยดีมากเลยนะ แต่ว่าคำว่า สครับ ฮาร์ทนี่ ... แปลว่าขัดใจใช่มั้ยละ ว้าว ฉันต้องอุทานออกมาเบาๆว่า ผกามาศเธอแม่งโคตรฮิปสเตอร์เลยอะ !!!
"ผมเห็นด้วย" << เสียงของคุณอัครเดชพระเอกที่มีค่าตัวเท่าอั้มพัชราภาพแต่มีบทพูดเท่าเลย์ในซองห้าบาท
ซึ่ง .... คุณก็รู้ใช่มั้ยว่าเลย์ในซองห้าบาทมันน้อยขนาดไหน นี่ขายอากาศหรือขายขนม ไม่เข้าใจเลยอะ เอาเปรียบผู้บร....... (ไรทเตอร์ : พอก่อนมั้ยละพรประภา -_-!! )
"พี่ชาย !! เข้าข้างนังนี่เหรอคะ ทำไมพี่ชายไม่รักดาวเลย" พูดจบดุจดาวก็วิ่งสะบัดตูดออกไป อัครเดชถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นโค้งหัวให้คุณทนายแล้วรีบวิ่งตามคุณหนูดุจดาวออกไป ฉันได้แต่รำพึงรำพันในใจว่าทำไมบ้านจรัสแสงแขนภาอภิชาติส่องแสงถึงไม่ต้อนรับขับสู้ฉันขนาดนี้ .. คุณหญิงทองก้อนจ้องหน้าฉันอยู่ราวๆสิบนาทีก่อนจะเดินเท้าเอวอาดๆเข้ามาหาฉัน หัวใจของฉันสั่นไหวเมื่อคุณหญิงเข้ามาประชิดตัว ก่อนฉันจะถูกสไตร์ลงจากเก้าอี้ไปกองอยู่กับพื้น ไม่นะ นี้แหละฉากสำคัญของเรื่อง ผมที่ถูกสระบำรุงด้วยซันสิวสูตรสีม่วงผมตรงแม้ไม่ต้องไดร์ของฉันถูกจิกอย่างเต็มแรงจนฉันต้องอุทานว่า โอมายก๊อต!! คุณหญิงทองก้อนสะบัดมือฟาดลงบนหน้าฉันเต็มแรง จนฉันสัมผัสได้ถึงคาวเลือดในปาก ....
แน่นอนเลยว่า
ฉันเป็นโรคลักกะปิดลักกะเปิดอีกแล้ว !! T _ T
ขาดวิตามินซีแน่ๆเลยฉั๊นน วันหลังต้องกินวิตามินซีเยอะๆแล้ว แหม ใช่เวลามาตลกมั้ยคะ ฮืออ ฉันถูกคุณหญิงทองก้อนอัดกำปั้นเข้าหน้าหลายรอบจนปากแตก พอเสร็จคุณหญิงก็สะบัดตูดเดินออกไปทั้งๆที่ฉันยังไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกตบ
"พี่พรประภาคะเจ็บมั้ย" ผกามาศรีบวิ่งมาหิ้วปีกฉันที่นอนกองสิ้นสภาพบนพื้น
"เจ็บจ้ะ .. แต่พี่ทนได้"
"โธ่พี่จ้ะ"
"ต่อให้คุณหญิงจะโขลกจะสับจะทุบจะตีจะเฆี่ยนจะฟาดพี่ด้วยโล่กัปตันอเมริกาแต่ถ้ามันจะทำให้ดวงวิญญาณของคุณพ่อสบายใจพี่ก็จะทนจ้ะ"
"แม่พระของน้อง ...."
"พี่ขอตัวก่อนนะจ้ะผกามาศคนชิค" ฉันพูดจบก็เดินฉากออกมาจากห้องนั่งเล่นพุ่งตัวเล่นเอ็มวีประกอบเพลงคนเดียวเงียบๆ .. แต่เสียงพูดคุยจากคนแปลกหน้าที่อยู่แถวนั้นทำให้ฉันรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เอ๊ะ ..
"พี่อัครเดชก็สนใจมันสินะ" เสียงแหลมๆเอกลักษณ์ของดุจดาวทำให้ฉันจำได้ดี .. เสียงอีกคนคงไม่พ้นว่าที่สามีของฉันคุณอัครเดช
"พี่ต้องทำตามคำสั่งของคุณลุง ดาวก็รู้เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้" คุณอัครเดชยิ้มอ่อนแต่มองแรงไปทางดุจดาว
"เหอะ พี่อัครเดชห้ามรักมันนะคะ ดาวนี่ไม่ยอมจริงๆด้วย"
"พี่สัญญาค่ะ พี่จะไม่รักผู้หญิงคนนั้น"
เหมือนหนามแหลมของกุหลาบพันปีจากทิเบตกรีดกลางดวงใจ เหมือนหอกแหลมทิ่มแทงใจฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน อยากจะร้องไห้แล้วอัพรูปตอนน้ำตาไหลลงอินชะตาแกรมก็กลัวถูกแคปไปด่าในทวิตเตอร์ .. ฮึก เจ็บเหลือเกิน เจ็บกว่าซื้อกาแฟจากสตาร์บัคแล้วเผลอทำหกทั้งๆที่ยังไม่ได้จิบเสียอีก คุณอัครเดชเองก็คงลำบากใจที่ต้องแต่งกับสาวบ้านนอกอย่างฉันไม่น้อย ฉันรู้สึกแข้งขาไร้เรี่ยวแรง เหมือนกับมีคนปาหินอัคนีวสันใส่หัวใจที่เต้นเร้าๆอยู่ในอกข้างซ้ายของฉัน
สองขาแน่นๆขยับถอยหลังพร้อมซาวด์ประกอบ ตึ่ง ตึ๊ง ตึ่ง ตึง เวลาที่ตัวเอกรู้ความจริงอะไรสักอย่าง
เพล้ง!!
ฉันชนเข้ากับกระถางต้นไม้ที่อยู่ผิดที่ผิดทางแตก ทั้งดุจดาวและอัครเดชหันมาทางต้นตอของเสียง ฉันได้แต่ยืนตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก
"พรประภา .. เธอมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เอ่อ ดิฉันกำลังจะเข้าไปแล้ว ขอโทษที่มารบกวนคุณสองคนนะคะ"
"รู้ตัวก็ดีนี่ว่าเข้ามาสอดหน่ะ"
"เอ่อ .. พี่ไม่ได้ตั้งใจนะคะน้องดาว พ .. พี่แค่ มา สูดอากาศก็เท่านั่น"
"เหรอ รู้ว่าขัดจังหวะคนเค้ารักกันก็ไสหัวไปซะสิ"
"พี่จะไปเดี๋ยวนี่แหละค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนพรประภา หน้าเธอ .." สองเท้าหยุดเดินโดยอัติโนมัติทันที พรประภาหันกลับมามองคุณอัครเดช ชายหนุ่มเบิกตาโพลงโตเป็นไข่ห่านแล้วเดินเข้าประชิดตัวใกล้พรประภาเสียจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ซุกอยู่ภายใต้เสื้อสูทรสีกรมขึ้นมาซับเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากจมูกของพรประภา
"เอ่อ.." ดวงตาหวานช้อนขึ้นลอบมองใบหน้าหล่อยามที่ตั้งใจซับเลือดออกจากใบหน้าเธอ พรประภาไม่ปฏิเสธเลยว่าอัครเดชมีเสน่ห์มากขึ้นเป็นทวีคูณ โอ้มายกอดไม่นะ พรประภาเธอห้ามใจสั่นนะ ผู้ชายคนนี้เค้าไม่ได้รักเธอ ข่มใจไว้สิ ใครก็ได้เอาไม้ตีพริกฟาดหัวฉันที นัยตาหวานสบมองกับดวงตาคู่นั้นเนิ่นนาน แม้คราบเลือดจะถูกซับหมดแล้วแต่พรประภาและอัครเดชก็ยังไม่ผละออกจากกัน
"พี่อัครเดชคะ" ดุจดาวรีบดึงตัวอัครเดชออกไป ฉุดสติให้ทั้งสองคนกลับคืนมา พรประภาโค้งหัวให้ทั้งสองคนก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือของอัครเดชมาด้วย อัครเดชยังไม่หลุดจากภวังค์ยืนมองหญิงสาวเดินจนลับสายตาไป ..
อย่าบอกเลยค่ะว่าคุณไม่รักฉัน ฉันคงจะเจ็บปวดมาก เพราะใจฉันเป็นของคุณไปแล้ว
ความคิดเห็น