คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : [AoKi] Akatsuki Arrival
Title : Akatsuki Arrival
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Aomine x Kise
Notes : แค่ฟังเพลง Akatsuki Arrival แล้วจู่ๆ นึกขึ้นมาได้เฉยๆ ...เนื้อหาไม่เกี่ยวกับเพลงนี้นักหรอก
................................................................
Akatsuki Arrival
"อาโอมิเนจจิ! มา 1 on 1 กัน!!!" เสียงอันสดใสจากเด็กหนุ่มผมสีเหลืองสดใสเรียกพร้อมโบกมือให้เด็กหนุ่มผิวเข้มที่กำลังเดินมาหาตน
"ได้เลย!!!" เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินฉีกยิ้มก่อนที่จะโยนสัมภาระของตนลงพื้นแล้ววิ่งไปคว้าลูกบาสในมืออีกฝ่ายด้วยความเร็วแสง
เสียงกระทบลูก เล่นหัวเราะและเสียงโวยวายเป็นสิ่งที่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวๆ นี้เห็นประจำทุกสัปดาห์...อาโอมิเนะ ไดกิและคิเสะ เรียวตะอดีตผู้เล่นทีมปาติหาริย์ทั้งสองมักจะมาเล่นบาสที่สตรีทบาสแห่งนี้ทุกๆ วันอาทิตย์อย่างสม่ำเสมอ
"อ๋า! แพ้อีกแล้ว!" คิเสะล้มลงแผ่กับพื้นเมื่อแพ้อาโอมิเนะเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันนี้
"ก็แพ้ประจำนิ" อาโอมิเนะเอาเท้าเขี่ยๆ คนที่นอนแผ่กับพื้นด้วยความหมั่นไส้
"ครั้งนี้แพ้ก็จริง แต่ครั้งหน้าฉันชนะแน่!!!" คิเสะเอ่ยพร้อมกลิ้งหลบเท้าคนผิวเกรียม (แอ๊ก! // โดนตื้บ)
"ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกครั้ง...แต่ก็ไม่เคยเห็นนายชนะฉันสักทีนี้หว่า" อาโอมิเนะยิ้มเยาะก่อนที่จะเดินตามร่างนายแบบหนุ่มเอาเท้าไปเขี่ยต่อ (?)
"ต้องมีสักครั้งแน่ที่ฉันจะชนะอาโอมิเนจจิน่ะ!!! ...และช่วยเลิกเอาเท้าเขี่ยฉันสักทีสิ!!!" คิเสะลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนที่อีกฝ่ายจะเผลอเหยียบตนจริงๆ
"ก็อยากนอนเป็นหมาหมดแรงทำไมล่ะ?" อาโอมิเนะพูดอย่างไม่ใส่ใจพร้อมเอาลูกบาสมาหมุนบนนิ้ว
"อาโอมิเนจจิ! ว่าใครเป็นหมากัน!?" คิเสะโวยใส่เพื่อนตน
"ใครรับก็คนนั้นแหละ..." อาโอมิเนะยักไหล่ พร้อมเดินไปเก็บกระเป๋าตน "...และนายบอกว่าวันนี้จะไปหาซื้อรองเท้าใหม่ไม่ใช่เหรอ?"
"อ่ะ! จริงด้วย!" คิเสะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออกก่อนที่จะไปคว้ากระเป๋าตนมา
"ถ้าไม่ถามนายก็ลืมใช่ไหมเนี่ย?" อาโอมิเนะแหวะคนรักตน...แม้เขาเองก็เกือบลืมเหมือนกันว่าวันนี้อีกฝ่ายขอให้ไปเลือกซื้อรองเท้าเป็นเพื่อนน่ะ
อาโอมิเนจจิอ่ะ!" คิเสะทำแก้มป่อง จนอาโอมิเนะอดไม่ได้ที่จะดึงแก้มอีกฝ่ายเล่นอย่างมันมือ...ทั้งสองเดินไปเถียงไปจนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มทั้งสองไม่ค่อยสนใจอย่างอื่นเท่าไหร่นัก รีบพุ่งตรงไปแผนกกีฬาทันที
คิเสะมองหารองเท้าบาสคู่ที่ถูกใจโดยให้อาโอมิเนะช่วยเลือก แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าจะสลับบทกันแทนเมื่อคิเสะลองเอารองเท้ามาให้อาโอมิเนะเลือกดูซะงั้น ทุกอย่างดูเหมือนปกติจนกระทั่ง...
กริ๊งงงง!!!!!!!!
เสียงสัญญาณเตือนดังลั่นทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกับที่มีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังขึ้น...อาโอมิเนะไม่รอช้าให้เกิดเรื่องมาถึงตัว รีบคว้ามือคิเสะออกวิ่งทันที
เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินพยายามวิ่งหาทางออก เสียแต่ทางออกทุกทางถูกชายที่สวมไอ้โม่งขวางทางไว้พวกนั้นทุกคนถือปืนเอาไว้ในมือ ดังนั้นการฝ่าออกไปไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ยกเว้นอยากกลายเป็นรังผึ้ง
อาโอมิเนะใช้สัญชาตญาตสัตว์ป่าของตนไปหาที่ซ่อนที่น่าจะถูกเจอน้อยที่สุด...เจ้าตัวพาตนและคิเสะมาหลบซ่อนในกองฟางที่เขาเอามาตั้งโชว์...ซึ่งไม่มีใครคิดว่ามีไอ้บ้าคนไหนมาซ่อนในที่แบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้หรอก
"อาโอมิเนจจิ..." ดวงตาสีเหลืองใสมองเหตุการต่างๆ อย่างประหวั่น น้ำตาเริ่มคลอจากความกลัว "...เราจะทำไงดี?"
"เงียบๆ เข้าไว้...ตอนนี้อยู่เฉยๆ ไปก่อน...ถ้ามีเรื่องอะไรเดี๋ยวฉันพานายนี้ไปเอง ไม่ต้องห่วง" อาโอมิเนะโอบกอดร่างของเพื่อนตนไว้เชิงปลอบอีกฝ่าย ดวงตาสีน้ำเงินมองผ่านรูกองฟางออกไป...ถึงกองฟางมันจะหนามากแต่ก็พอมีรูเล็กๆ ให้สายตาสามารถมองเห็นภายนอกได้
สิ่งที่ปรากฏในสายตาอาโอมิเนะนั้นเลวร้ายสุดๆ เขาเห็นคนร้ายเอาปืนยิงใส่แม่ลูกคู่หนึ่งอย่างไร้ความปราณี...ทุกชีวิตที่วิ่งหนีไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างถูกสังหารอย่างเลือดเย็น ไม่นานนักหูของอาโอมิเนะก็ได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจใกล้เข้ามา
"ชิ! ตำรวจมาเร็วจริง..." คนร้ายคนหนึ่งเอ่ยออกมา พร้อมกับที่คนร้ายคนอื่นๆ มาร่วมตัว ณ จุดนี้ "...คงต้องหนีแล้วสิ"
"หยุด! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ! อย่าขยับ!!!" ตำรวจกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"..." เหล่ากลุ่มคนร้ายยิ้มเหี้ยมก่อนที่จะสาดกระสุนใส่กลุ่มตำรวจอย่างไม่ลังเล ทางตำรวจเองเมื่อถูกยิงใส่ ก็ยิงกระสุนกลับไปบ้าง
ดวงตาสีน้ำเงินและเหลืองดูการต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับตำรวจไปอย่างไม่กล้าขยับไปไหน เนื่องจากกลัวโดนลูกหลงเพราะดันอยู่กลางวงระหว่างตำรวจกับกลุ่มคนร้ายพอดีเด๊ะ...ก่อนที่ทั้งสองจะดวงกุดเมื่อมีคนร้ายคนหนึ่งที่จะวิ่งไปทางวกตำรวจดันสะดุดล้มลงมาที่กองฟางที่พวกตนแอบอยู่พอดี
"โอ๊ะโอ๋ เจอของดีเข้าแล้ว..." คนร้ายยิ้มเหี้ยมกับเด็กหนุ่มทั้งสอง แล้วเอาปืนจี้ทั้งสอง "...ออกมาดีๆ อย่าเล็กตุกติก"
อาโอมิเนะมองคนตรงหน้าดวงตาสีน้ำเงินดูเด็ดขาดเหมือนตัดสินใจอะไรบ้างอย่างได้ ก่อนที่พุ่งเข้าไปแย่งปืนจากคนร้ายและส่งเท้าถีบคิเสะไปทางพวกตำรวจ "หนีไป!!! คิเสะ!!!"
"อาโอมิเนจจิ!!!" คิเสะร้องเสียงหลงก่อนที่จะกลิ้งกุกๆ ไปตรงที่เหล่าตำรวจยืนอยู่กันพอดี...ช่างถีบแรงดีแท้
นายแบบหนุ่มรีบลุกขึ้นมองเพื่อนตนที่ตอนนี้ถีบคนร้ายที่ตนแย่งปืนเมื่อออกห่าง เหล่าตำรวจก็เห็นว่าสบโอกาสเหมาะเลยบุกเข้าไปจับกุมคนร้ายได้เกือบทั้งหมด ขาดเพียงตัวหัวเน่า เอ้ย! หัวหน้าเท่านั้น อาโอมิเนะก็มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น...ทุกอย่างดูดำเนินไปด้วยดีแต่...
ปัง!!!
กระสุนปืนจากคนร้ายคนหนึ่งที่หลุดรอดจากการจับกุมทะลุร่างของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงิน เลือดสีแดงสาดกระจายไปทั่ว
"อาโอมิเนจจิ!!!" คิเสะพุ่งเข้าหาร่างของเพื่อนตนโดยไม่สนว่าเป้าหมายต่อไปของคนร้ายคนนั้นจะเป็นตนหรือเปล่า
"ทุกนาย! ยิง!" นายตำรวจคนหนึ่งสั่งการพร้อมสาดกระสุนไปยังชั้นสอง...จุดที่คนร้ายคนนั้นยืนอยู่...แต่อนิจาไม่เข้าเป้าสักนัดแถมคนร้ายคนนั้นก็หนีไปได้ด้วย
คิเสะนั่งกอดร่างของเพื่อนตนที่ตอนนี้เขาไม่สามารถรู้สึกถึงลมหายใจอีกฝ่ายได้เลยสักนิด จนกระทั่งรถพยาบาลที่จอดอยู่ด้านนอกได้พาร่างของเพื่อน...ของคนที่เขารักที่สุดออกไป โดยหลังจากนั้นไม่ว่าเขาทำยังไงก็ไม่สามารถทราบข่าวของอาโอมิเนะ ไดกิได้อีกเลย...ตัวเขาก็ได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้น...
...ทุกอย่างเพราะเขา...
...ถ้าเขาไม่ขอให้มาที่นี่...
...ถ้าไม่มาที่นี่อาโอมิเนจจิก็ไม่เจอเรื่องแบบนี้...
...ทุกๆ อย่าง...
...เป็นเพราะเขาคนเดียว...
"ค...คิ...คิส...คิเสะ...คิเสะคุง...คิเสะคุง!" เสียงเรียกพร้อมแรงสะกิดปานเขย่าปลุกให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นจากนิทรา
คิเสะ เรียวตะในวัยยี่สิบแปดปีหันไปมองคนที่เรียกตน...แต่ก็ไม่เห็นใครที่น่าจะเป็นคนเรียกตน จนถูกสะกิดอีกรอบถึงจะเห็นเพื่อนผู้จืดจางของตน...คุโรโกะ เท็ตสึยะที่นับวันยิ่งอัพความจืดจางได้มากขึ้นเรื่อยๆ ยืนอยู่
"หือ~~ คุโรโกจจิ? มาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ?" ชายหนุ่มผมสีเหลืองเอ่ยถามชายหนุ่มผมฟ้าผู้จ๊างจางที่บัดนี้อยู่ข้างๆ ตน "วันนี้คุโรโกจจิไม่ไปโรงเรียนเหรอ? เดี๋ยวเด็กๆ โวยเอาหรอก"
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ! ที่สำคัญคือทำไมคุณถึงไม่บอกที่ถูกปองร้ายกับทุกคนกันล่ะครับ!?" คุโรโกะขึ้นเสียงใส่คิเสะอย่างนานทีปีหนจะมีสักครั้ง
"ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนิ..." คิเสะยิ้มให้เพื่อนตน "...และฉันไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะฉันด้วย"
...ใช่...เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องกับคนสำคัญของเขาอีก...
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่? ...ใหญ่สิครับ...ใหญ่มากด้วย!!!" คุโรโกะแทบอยากจะมัดมือมัดเท้าเพื่อนคนนี้แล้วโยนให้อดีตกัปตันทีมสมัยม.ต้นของตนดูแลจริงๆ! "แล้วคุณคิดเหรอครับว่าพวกผมอยากเสียคุณไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้!!!"
"ใจเย็นๆ น่าคุโรโกจจิ..." คิเสะมองเพื่อนผมฟ้าผู้ปัจจุบันเป็นครูอนุบาลที่ใกล้จะฟิวส์ขาดของตน...เขาไม่อยากนึกสภาพตนตอนที่ทำให้เพื่อนคนนี้โกรธจริงๆ ยิ่งเขาว่าคนเงียบๆ ตอนโกรธน่ากลัวแล้วด้วย "...เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัวให้มากๆ แล้วกัน ไม่ต้องห่วง"
"คราวก่อนคุณก็พูดแบบนี้...แล้วมิโดริมะคุงก็มาบอกว่าคุณวิ่งเข้าหากระสุนก่อนหน้านี้นี่มันอะไรกันครับ?" คุโรโกะกดเสียงต่ำ
"ง...ง่ะ...ก็มันงานฉันนิ..." คิเสะเถียงเสียงอ้อมแอ้ม...ก็ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นตำรวจนะ! จะหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้คงไม่ได้หรอก!!!
"แล้วอีกสิบกว่านายที่ไปพร้อมคุณทำไมไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ แบบคุณล่ะครับ?" คุโรโกะเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนใจ...
...เขารูดีว่าที่คิเสะเลิกเป็นนายแบบและเลือกมาเป็นตำรวจเพราะอยากตามจับคนร้ายในคดีที่ตนไปเกี่ยวข้องเมื่อสมัยม.ปลายปี 2 ที่เป็นเหตุการณ์ที่พรากคนสำคัญของคิเสะไป และด้วยความที่เจ้าตัวตอกย้ำตัวเองว่าเป็นความผิดของตนทำให้คิเสะพยายามอย่างมากเพื่อที่จะจับคนร้ายคนนั้นมาลงโทษให้ได้
"เอาเถอะน่า..." คิเสะพยายามปลอบส่งสายตาอ้อนคุโรโกะ เหมือนลูกหมาประมาณว่า 'อย่าดุเค้านะ~~~'
"คุณนี่มัน..." คุโรโกะได้แต่ถอนหายใจกับความใจอ่อนของตน "...เอาเป็นว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรให้โทรหาพวกผมทันทีนะครับ ไม่งั้นผมจะตามอาคาชิคุงมากจัดการเสียเลยนะครับ"
"อื้ม!" คิเสะรับคำ...อย่างน้อยมันก็ทำให้เพื่อนตนออกห่างจาก 'คดี' ที่ตนกำลังทำในตอนนี้ล่ะนะ
เมื่อคุโรโกะได้รับคำตอบที่น่าพอใจก็ขอตัวกลับโรงเรียนทันที เนื่องจากออกมาดื้อๆ แบบไม่มีใครเห็นเลยสักคน ปานนี้ไม่รู้ว่าจะวุ่นกับการหาตัวคุโรโกะไม่เจอหรือกลุ้มกับความจืดจางที่อัพเลเวลก็ไม่รู้
คิเสะเมื่อเห็นว่าคุณครูอนุบาลผู้จืดจางไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แอบมามองตนอยู่ จึงหยิบเอกสารปึกหนึ่งขึ้นมา ตรงหัวข้อเอกสารคือเอกสารคนร้ายบุกปล้นร้านสะดวกซื้อ และภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดระบุรูปพรรณคนร้ายอย่างชัดเจน...รูปพรรณเดียวกับคนที่บุกปล้นห้างสรรพสินค้าเมื่อ 11 ปีก่อน และมีการระบุว่าเป็นคนคนเดียวกันเสียด้วย...ตัวเขาซึ่งเป็นเจ้าของคดีต้องจับคนคนนี้มาลงโทษให้ได้ค่อยดู!!!
นายตำรวจหนุ่มแค่นเสียงเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มออกไปนอกสถานนีตำรวจเพื่อตรวจตราพื้นที่ของตนตามปกติ พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกสามสี่คนซึ่งเป็นคนรู้จักทั้งนั้น...
...ก็ใครจะคิดล่ะว่ารุ่นพี่ตน กับรุ่นพี่ของเพื่อนจะมาทำงานที่สถานีเดียวกันล่ะ!
"เป็นอะไรไปคิเสะ? มีคนแอบทำร้ายนายหรือไง!?" บุรุษร่างเล็ก (เมื่อเทียบกับเขานะ) แต่ใจไม่เล็กเอ่ยถาม "ห้ามปิดไว้แบบคราวก่อนนะโวย!"
"และห้ามบ่ายเบี่ยงด้วย...ช่วงนี้ดูนายไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่เลย" ชายหนุ่มตาตี่ที่ชอบจีบหญิงไปเรื่อย แต่โดนสาวเมินอย่างเสมอต้นเสมอปลายเอ่ยดันไว้
"นั้นสิ...บอกมาซะดีๆ" ชายหนุ่มสวมแว่นที่ดูเจ้าเล่ห์ดันแว่นตนเข้าที่
"ช่วยบอกมาด้วยครับ...ขอโทษครับ ผมขอโทษครับ!" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่มักเอ่ยขอโทษติดปากก้มหัวขอโทษอย่างเดียว...มาเป็นตำรวจได้ไงเนี่ย!?
"ไม่มีอะไรหรอกครับ...แค่โดนคุโรโกจจิขู่มาว่าถ้าเกิดเรื่องแล้วไม่บอกอีกจะให้อาคาชิจจิเป็นคนมาจัดการเองเลยน่ะครับ" คิเสะทำท่าห่อเหี่ยว
"สมควรล่ะ!" ทั้งสี่ประสาทเสียงกัน
"ง่า! รุ่นพี่คาซามัตสึ รุ่นพี่โมริยามะ อิมาโยชิซัง ซากุราอิจจิไหงตอบพร้อมกันแบบนี้อ่ะครับ!?" คิเสะรู้สึกเหมือนสี่คนนี้นัดหมายกันมาก่อนชอบกล
"ก็จริงไหมล่ะ!? นายเล่นชอบวิ่งไปหาเรื่องอยู่เรื่อย!" คาซามัตสึถีบคิเสะทีหนึ่ง
"แล้วถีบผมทำไมอ่ะครับ!?" คิเสะโอดครวญอย่างน่ามั่นไส้
"ข้อหาที่นายชอบปิดบังคนอื่นไง..." โมริยามะตอบแทนเพื่อนตน
"แถมยังบ้าบิ่นทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังด้วย" อิมาโยชิเสริม
"และชอบก่อเรื่องจนพวกผมต้องไปตามแก้ด้วย...ขอโทษครับๆๆๆๆ" ซากุไรยังคงสเต็ปเดิมไว้
"กะจะไม่ไว้หน้ากันเลยใช่ไหมครับเนี่ย!?" คิเสะโวยกลับ
"จะไว้ทำไมในเมื่อมันจริง!!!" ทั้งสี่ประสานเสียงกลับ...ช่างเป็นตัวบ่งบอกนิสัยคิเสัที่ทุกคนรู้ดีเป็นแน่แท้
และจากนั้นนายตำรวจทั้งห้านายก็เดินเถียงกันไปกันมาระหว่างตรวจตรา ที่ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นกันจนชินตานั้นเอง...
...โดยไม่รู้ตัวเลย...ว่ามีบุคคลคนหนึ่งเดินตามมา ดวงตาราวสัตว์ป่าของคนที่แอบเดินตามนั้นจับจ้องที่นายตำรวจผมสีเหลืองราวกับกำลังรอตะคุบเหยื่ออันโอชะอยู่
"เหนื่อยชะมัด..." นายตำรวจหนุ่มเดินลากขากลับบ้านตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า...
...วันนี้เขาระหว่างที่เขาเดินตรวจตรากับรุ่นพี่ก็เจอเหตุโจรปล้นธนาคารเข้า พวกเขาจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อเข้าไปก็พบว่าคนร้ายมีคนเดียว พวกเขาเลยรีบล้อมวงเพื่อจับกุมทันทีก่อนที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเสียก่อน
ถึงจะถูกล้อมไว้แต่คนร้ายคนนั้นกลับดูท่าไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย เงยหน้ามองเหล่าตำรวจที่ล้อมตนไว้ ใบหน้าของคนร้ายนั้นคุ้นตาเขาอย่างดีแบบต่อให้ตายก็ไม่ลืม ดวงตานั้นมองมาที่เขาอย่างไม่เกรงกลัวแถมยังเอ่ยออกมาอีกว่า 'โอ๋? เจ้าเด็กบ้าที่เกือบทำให้ฉันถูกจับเมื่อ 11 ปีก่อนนี่หว่า?'
เขาไม่ตอบหรือตอบโต้อะไร ทำเพียงรีบเตรียมเข้าจับกุ่มคนเบื้องหน้าตามสัญญาณที่รุ่นพี่เขาส่งมาให้...แต่คนร้ายคนนี้เจตกับการหลบหนีมากจึงแอบโยนระเบิดควันลงพื้นโดยที่พวกเขาไม่ทันเห็น
เมื้อวิสัยทัศน์นั้นถูกปิดไปหมดทำให้เขาทำได้เพียงเดินควานหาคนร้ายและทางออกแบบมั่วๆ เอา จนกระทั่งได้ยินเสียงที่ชวนหัวใจหล่นวูบดังขึ้นใกล้ๆ ตัวเขา...
ปัง!!!
เสียงคำรามของปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ก่อนที่จะมีเสียงใครสักคนล้มลงกับพื้นผสมกับเสียงผู้คนที่พากันหนีตายเมื่อได้ยินเสียงปืนทำให้คนร้ายสามารถหนีไปพร้อมกลุ่มมหาชนได้ และพอควันจางลงภาพที่เห็นเขาแทบหัวใจวายตายด้วยความกลัว...
...ร่างที่เปอะเปื้อนด้วยเลือดสีแดงฉานของรุ่นพี่เขาที่ล้มลงอยู่กับพื้น พื้นที่นองไปด้วยเลือดนั้นบ่งบอกว่าอาการน่าเป็นห่วงขนาดไหน
'รุ่นพี่โมริยามะ!!!' ตัวเขานั้นแทบคลั่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น...
'รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!!!' รุ่นพี่คาซามัตสึตบหัวเขาแทบทิ่มเพียงเรียกสติทีหนึ่งก่อนที่จะไปพยาบาลเบื้องต้นให้รุ่นพี่โมริยามะ
ตัวเขารีบทำตามที่รุ่นพี่คาซามัตสึบอกทันทีและไม่นานเกินรอรถพยาบาลก็พาร่างของรุ่นพี่โมริยามะไป
เขามองรถพยาบาลที่ห่างออกไปด้วยความกลัว...กลัวว่ารุ่นพี่โมริยามะจะหายไปเสียเฉยๆ แบบอาโอมิเนจจิ
'ไม่เป็นไรน่าคิเสะ...หมอนั่นอึดจะตาย...' รุ่นพี่คาซามัตสึตบบ่าเขาและลากไปทำงานตามหน้าที่ต่อจนถึงเวลาเลิกเวร เขา รุ่นพี่คาซามัตสึ อิมาโยชิซัง ซากุราอิจจิจึงไปเยี่ยมรุ่นพี่โมริยามะที่โรงพยาบาล
เขาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าสภาพรุ่นพี่โมริยามะดูไม่น่าเป็นห่วง แถมดูแข็งแรงเกินด้วยซ้ำ เพราะเขาเห็นสายตาอาฆาตที่ส่งให้บุรุษพยาบาลนายหนึ่งเมื่อเห็นว่าส่งสายตาลวมลามใส่อิสึกิที่ลางานมาเฝ้า
และเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่เขาแข็งแรงเกินร้อยแบบไม่ค่อยเหมือนคนถูกยิง เขาก็ขอตัวกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนนี่แหละ
"วันนี้แย่ชะมัด..." คิเสะบ่นขึ้นลอยๆ พร้อมกับหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง...ในตอนนี้เขายังคงอยู่ในบ้านตนเองอยู่ ไม่ได้ย้ายไปไหนแบบที่ใครหลายๆ คนเขาทำกัน...
...เพราะที่นี่เป็นที่ที่เขาเคยอาศัยกับคนที่เขารักที่สุด...
ชายหนุ่มผมเหลืองเดินเข้าบ้านและปิดล็อกประตูเรียบร้อย ก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขกพร้อมหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน...เอกสารเกี่ยวกับคนร้ายคนนั้นที่เขาไม่อาจให้อภัยได้เลย
คิเสะนั่งอ่านเอกสารไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ถึงเงาที่โผล่มาด้านหลังตนที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้อย่างไร้เสียงเลยสักนิด
"อุ๊บ! อื้อ!!!" นายตำรวจหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อมีผ้าที่มีกลิ่นเย็นมาปิดปากตนไว้ ร่างกายเรื่มที่จะไร้เรี่ยวแรงจนแทบสลบเลย แต่ด้วยความรู้สึกถึงอันตรายจากคนแปลกหน้าทำให้เจ้าตัวฝืนครองสติตนให้คงอยู่
"อ้าว? ไม่สลบแฮะ...สงสัยใส่ยาสลบน้อยไปหน่อย..." เสียงอันคุ้นหูที่เพิ่งได้ยินมาไม่ถึงวัน พร้อมมือที่เชยคางคิเสะขึ้นมองมาที่ตนทำให้คิเสะรู้อยากแน่ชัดว่าเป็นฝีมือใคร...คนร้ายที่เพิ่งยิงรุ่นพี่เขาในวันนี้เอง
"แก...จะทำอะไร?" คิเสะมองคนที่แค้นสุดหัวใจด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
"อย่าเพิ่งดุกันสิ...คุณตำรวจ..." เสียงเดิมดังขึ้น แต่ไม่ได้ออกจากปากคนเดิมทำให้คิเสะเบิกตากว้างมองอีกคนที่เดินเขามาพร้อมเชือกในมือ
"บ้าน่า..." คิเสะมองภาพบุคคลทั้งสองที่ปรากฏเข้าสู่สายตาตนที่เหมือนกันเป๊ะทุกประการ...ฝาแฝด! ถึงว่าสิเมื่อ 11 ปีก่อนทำไมถึงขึ้นไปชั้นสองได้เร็วนัก! ที่แท้ก็สลับตัวกันเพื่อให้ทางตำรวจสับสนนี่เอง! แต่น่าแปลก...ในเอกสารบอกว่าแฝดของคนคนนี้ตายไปแล้วนี่นา!?
...เรื่องนั้นช่างมันก่อนล่ะตอนนี้!!! ตอนนี้ต้องหนีก่อน!!! ขยับสิ!!! ขยับสิโวยไอ้ร่างกายบ้า!!!...
"อย่าพยายามฝืนตัวเองเลย..." คนร้ายเบอร์หนึ่ง (เอาเป็นไอ้คนที่โป๊ะยาสลบคิเสะแล้วกัน // s) ยิ้มพร้อมเอามือลูบไล้ใบหน้าคิเสะ
"นั้นสิ...ยิ่งไม่อยากเผลอทำลายหน้าสวยๆ นี่ด้วย" คนร้ายเบอร์สองเอาเชือกในมือมามัดมือคิเสะไว้
"พวกแกต้องการอะไร!?" คิเสะพยายามดิ้น สมองก็พยายามประมวลว่าจะทำไงต่อไปดี
"นั่นสินะ~~~" คนร้ายทั้งสองแสยะยิ้ม "ก็...ทำแบบนี้ไง!!!"
ทันทีที่สิ้นเสียงคนร้ายทั้งสองก็ฉีกทึ้กเสื้อผ้าของคนที่ถูกมัดอยู่ออกจนหมด เผยร่างกายขาวนวลจนไม่น่ามาเป็นตำรวจปรากฏเข้าสู่สายตาคนร้ายทั้งสอง
"อ...ไอ้บ้า!!! ทำบ้าอะไรของแก!?!" คิเสะด่าออกมา และหลุบขาเข้าหากันเพื่อปิดส่วนสำคัญเอาไว้
"ก็จะxxxคุณไงล่ะครับ..." คนร้ายทั้งสองตอบด้วยท่าทางกวนสัน "...ช่างน่ากินจริงๆ เลยนะ คุณตำรวจ"
"อึก!" คิเสะกลั้นเสียงของตนเมื่อคนร้ายทั้งสองเริ่มที่จะเล่นกับร่างกายของตน น้ำตาเริ่มคลอภายในดวงตาสีเหลืองด้วยความอายบวกความขยะแขยะจากสัมพัสที่ได้รับ แบบนี้สู้ฆ่าเขาเสียเลยดีกว่า!!!
"อ๊า!" คนร้ายเบอร์หนึ่งกัดต้นคอคิเสะจนเจ้าตัวหลุดเสียงร้องออกมา พร้อมกับที่คนร้ายเบอร์สองแยกขาคิเสะออกจากกันและเอานิ้วแหย่เข้าไปในร่างกายของนายตำรวจหนุ่ม "ม...ไม่นะ!!! เอามันออกไป!!!"
เสียงกรีดร้องของคิเสะไม่ได้หยุดการกระทำของคนร้ายทั้งสองได้ แต่กลับยิ่งทำให้ทั้งสองสนุกกับการกระทำนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
"ข้างในรู้สึกดีชะมัด..." นายคนร้ายเบอร์สองเอ่ยพร้อมแหย่นิ้วที่สองเข้าไปและตามด้วยนิ้วที่สาม
"ข...ขอร้อง...ห...หยุด..." คิเสะยิ่งเจ็บปวดทั้งกายและใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อช่องทางเบื้องล่างถูกจ่อด้วยอะไรที่ใหญ่กว่านิ้วมาก "...อ...อย่า!!! ไม่เอา!!!"
"คิดว่าขอแล้วพวกเราจะหยุด?" นายเบอร์หนึ่งกัดหูคิเสะเบาๆ นายเบอร์สองก็ดูพร้อมจะใส่สิ่งสิ่งนั้นเข้าร่างกายของนายตำรวจหนุ่มแล้ว
"อ๊า!!!" สิ่งที่กระแทกเข้ามาในร่างตนแทบจะทำให้คิเสะรู้สึกราวจะแหลกสลาย...ไปทั้งตัวและหัวใจ น้ำตาที่ไม่อาจอดกลั้นได้หลั่นไหลออกมาจากดวงตาสีเหลือง ในใจปรากฏภาพของคนที่...เขารักที่สุด
...ขอโทษนะ...ที่แก้แค้นให้นายไม่ได้...
...ขอโทษนะ...ที่ฉันมันอ่อนแอ...
...ขอโทษนะ...ที่ทำอะไรไม่ได้เลย...
...ขอโทษนะ...ที่โดนคนอื่นนอกจากนายทำอย่างนี้เสียแล้ว...
...และขอโทษนะ...
...ที่ตัวฉัน...ผู้น่าสมเพศนี่ยังคงรักนายอยู่...
...อาโอมิเนจจิ...
"ซี๊ด~ รู้สึกดีกว่าทำกับผู้หญิงเสียอีก~~" คนร้ายเบอร์สองค่อยๆ ถอนกายออกจากร่างของนายตำรวจหนุ่ม น้ำกามสีขาวไหลลงมาตามขาเรียวสวย "นี่~~ มาลองบ้างไหม? พี่ชาย..."
"ตามขอเลยน้องรัก..." คนร้ายเบอร์หนึ่งเดินมาสลับที่กับน้องชายตน นายเบอร์หนึ่งยิ้มหื่นพร้อมค่อยๆ รูดซิปกางเกงตนเองลง "...เอาล่ะ มาสนุกกันต่อเถอะ...คุณตำรวจ"
"ฮือ...พอเถอะ...พอได้แล้ว..." คิเสะเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา ดวงตาทั้งสองหลับปี๋เนื่องจากไม่อยากรับความจริงที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว แรงในกายก็แทบไม่เหลือแล้ว ถ้าเลือกได้เขาอยากสลบไปซะเดี๋ยวนี้เลย!!! "...ใครก็ได้...ช่วยฉัน...ช่วยฉันด้วย...อาโอ...อาโอมิเนจจิ!!!"
"ร้องไปก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก..." คนร้ายเบอร์หนึ่งยิ้ม แต่ยิ้มได้ไม่นานนักเมื่อมือรองเท้าคู่งามคู่หนึ่งที่สวมโดยใครไม่รู้ถีบเข้ายอดหน้าเต็มๆ และแรงมากด้วยเพราะคนโดนถีบสลบคาที่เลย
"อะไรก..." คนร้ายเบอร์สองที่เห็นผู้พี่ของตนโดนใครสักคนจัดการ ก็คว้าปืนของตนออกมาหมายจะยิงยังคนที่มาขวางพวกตน เสียแต่กลับโดยหมัดหนักๆ ปั๊กเจ้ากลางแสกหน้าเสียก่อนทำให้สลบคาที่ไปอีกราย
"ไอ้เจ้าพวกบ้า!!! ทำอะไรคิเสะของฉันวะเนี่ย!?!" เสียงตะโกะก้องที่คุ้นหูที่คิเสะไม่ได้ยินมานาน...นานมากแล้วดังขึ้น "เฮ้ย!!! ตื่น!!! คิเสะ!!! ลืมตาขึ้นมา!!!"
"อื้อ..." ดวงสีเหลืองค่อยๆ ลืมขึ้น ก่อนที่จะเบิกโพรงอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่มาช่วยตน "อ...อา..."
"คิเสะนายเป็นอะไรหรือเปล่า!?! ลุกไว้ไหม!?! นายโอเคนะ!?!" ชายหนุ่มรีบแก้มัดมือคิเสะอย่างเร็วว่อง จับคิเสะลุกขึ้นนังและสำรวจร่างกายของนายตำรวจผมเหลืองอยากไม่สนใจว่าอีกฝ่ายอย่างให้สำรวจหรือเปล่า ก่อนที่ดวงตาจะดุร้ายราวสัตว์ป่า "...เจ้าพวกบ้านั้น! ให้ตายเถอะ! เชือดทิ้งซะดีมั้ง!?...แล้วไหงนายทำหน้าแบบนั้นล่ะ?"
"อ...อา..." คิเสะที่กลายเป็นติดอ่างฉับพลันชี้ที่คนตรงหน้าอย่างหวั่นๆ ...นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!? "อา...อาโอ...อาโอมิเนจจิ!!!!"
"เอ่อ! ฉันน่ะสิ! คิดว่าใครจะหล่อเท่าฉันได้อีกล่ะ!?" ชายหนุ่มผิวสีเข้มเอามือขยี้หัวสีเหลืองๆ ของอีกฝ่าย "โทษทีที่หายไปนาน...ฉันกลับมาแล้ว"
"ฮือ! อาโอมิเนจจิ!!!" คิเสะพุ่งเข้ากอดคนรักตนอย่างโหยหา สัมพัสอบอุ่นอันคุ้นเคยค่อยย้ำเตือนว่านี้คือความจริง "ฮือๆๆๆ หายไปไหนมา!!! ฉันคิดว่าอาโอมิเนจจิตายแล้วเสียอีก!!!"
"จะถามอะไรเอาไว้ทีหลังเถอะ เดี๋ยวตำรวจที่ฉันเรียกมาจะมาถึงแล้วนะเฟ้ย!" อาโอมิเนะตบหลังคนรักตนเบาๆ ก่อนที่จะเอาเสื้อนอกของตนมาคลุมร่างของคิเสะไว้และอุ้มออกจากจุดที่คนร้ายทั้งสองสลบอยู่
อาโอมิเนะเอาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของคิเสะมาสวมให้เจ้าตัวลวกๆ ...เขาไม่อยากให้ใครเห็นเรือนร่างของคิเสะนอกจากเขาหรอก! แค่ไอ้สองตัวนั้นเขาก็แทบจะฆ่าหมกศพแล้ว!!!
เหล่านายตำรวจทั้งหลายก็มาอย่างรู้เวลา เพราะมาถึงตอนคิเสะแต่งตัวเสร็จพอดีเลยไม่มีรายการตำรวจถูกฆาตกรรมให้ชม เหล่าตำรวจทั้งหลายมาทักคิเสะด้วยความคุ้นเคยบ้างมาสอบถามเหตุที่เกิดขึ้นบ้างและแน่นอนทุกครั้งที่มีคนเข้าใกล้คิเสะย่อมได้รับรังศีอาฆาตจากคนผมสีน้ำเงินที่ยืนเป็นเสาให้คิเสะเกาะเป็นของแถม
การตรวจสอบที่เกิดเหตุและนำคนร้ายที่สลบไปโลงพักตลอดชีพ เอ้ย! ไปโรงพักเพื่อรอให้ฟื้นและสอบปากคำดำเนินไปอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งหายนะ (สำหรับคิเสะ) ได้มาเยือน
"คิเสะ!!! / คิเสะคุง!!!" เสียงดังลั่นราวฟ้าผ่าลงมาพร้อมกับร่างสองร่างที่วิ่งมาตะคุบคิเสะ "นี่เกิดเกิดเรื่องกับนาย / คุณอีกแล้วเหรอ!?!"
"ง...ง่ะ รุ่นพี่คาซามัตสึ คุโรโกจจิ..." คิเสะมองคนทั้งสองที่พุ่งเข้าหาตนด้วยความเร็วเสียง
"ไม่บาดเจ็บใช่ไหม!?!" ทั้งสองเอ่ยพร้อมกันก่อนที่จะสำรวจร่างของนายตำรวจผมเหลือง แทบจะถอดเสื้อผ้าตรวงเลยด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามือสีเข้มโอบตัวคิเสะไว้เสียก่อนล่ะนะ
"เฮ้ยๆ เห็นหัวกันมั่งสิ..." อาโอมิเนะเริ่มเข้าใจความรู้สึกอดีตผู้เป็นเงาของตนที่ถูกมองข้ามแล้วสิ
ดวงตาสองคู่เงยขึ้นมองยังคนพูดก่อนที่จะชะงันและทำหน้าเหมือนเห็นผี "อาโอมิเนะ!!! / อาโอมิเนะคุง!!!"
"ไง คาซาตสึซัง เท็ตสึ...ไม่ได้เจอกันนานนะ" อาโอมิเนะโบกมือทักทายทั้งสองคนที่ยังทำหน้าเหมือนคนโดนผีหลอก "อย่าทำหน้างั้นสิ...ฉันไม่ใช่ผีเสียหน่อยและก็ไม่ได้ผลุบๆ โผล่ๆ แบบเท็ตสึด้วย"
"นั่นประเด็นที่ไหนฟะ!!!" คาซามัตสึเตะแข้งคนผิวเข้มอย่างไม่เกรงใจใคร
"แล้วคุณว่าใครผลุบๆ โผล่ๆ มิทราบครับ?" คุโรโกะเอามือแทงท้องน้อยอาโอมิเนะทำให้เจ้าตัวแทบทรุด
"ม...มือหนักขึ้นนะเท็ตสึ..." อาโอมิเนะนั้นถ้าไม่ติดว่าตนทำหน้าที่เป็นไม้เท้าให้คิเสะอยู่ล่ะก็นะ...เขาจะลงไปกองกับพื้นแบบไม่อายใครเลยทีเดียว
"จะให้หนักกว่านี้ก็ยังได้ครับ..." คุโรโกะค้อนอดีตแสงของตนในสมัยม.ต้น "...แล้วคุณหายไปไหนมาตั้ง 11 ปีครับ? อาโอมิเนะคุง..."
"ใช่...แถมยังหาตัวไปเสียเฉยๆ จนคิเสะมันร้องไห้จนไม่รู้เอาน้ำส่วนในร่างกายมาร้องแล้ว!!!" คาซามัตสึทำท่าอยากเค้นคอคนผิวเข้มซะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขายังอยู่ในเครื่องแบบล่ะก็นะ...ไม่รอดแน่ไอ้ปึ้กเอ๊ย!
"เอ้าๆ ใจเย็นกันก่อน..." อาโอมิเนะยิ้มแหยๆ ...คาซามัตสึเขาไม่กลัวหรอก ที่เขากลัวน่ะเท็ตสึต่างหาก!!! เห็นเงียบๆ แบบนี้แสบนักแล!!! "...เอาเป็นว่าฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตอนที่ทุกคนมารวมกันครบแล้วกัน ฉันขี้เกียจเล่าหลายๆ รอบ"
"...ตามนั้นก็ได้" คาซามัตสึจ้องอาโอมิเนเสักพักก่อนที่จะถอนหายใจอย่างปลงๆ "วันพรุ่งนี้ฉันจะตามมาให้ครบกันไปเลย!!! ห้ามหนีไปไหนล่ะเฟ้ย!!! ดูแลคิเสะดีๆ ด้วย!!! ถ้ามีใครบุกมาอีกฆ่าหมกท่อมันโลด!!!"
"ได้ตามขอเลย..." อาโอมิเนะรับคำอย่างง่ายดาย...เพราะถ้ามีมาจริงเขาคงทำประมาณนั้นจริงๆ
"อาโอมิเนะคุง...พรุ่งนี้พวกผมจะมาร่วมตัวที่นี่นะครับ ถ้าคุณหนีไปก่อนล่ะก็ผมจะ...ทำให้คุณพบนรกบนดินแน่" คุโรโกะเอ่ยเสียงเย็นอย่างข่มขู่
"ม...ไม่หนีแน่!!!" อาโอมิเนะชักกลัวเพื่อนตนคนนี้ขึ้นมานิดๆ แล้วสิ
"งั้นก็ดีครับ..." คุโรโกะกลับมาใช้น้ำเสียงปกติอีกครั้ง "...แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ คิเสะคุง อาโอมิเนะคุง"
เมื่อพูดจบคุโรโกะและคาซามัตสึก็พากันกลับบ้านของตน พร้อมกับเหล่าตำรวจที่ทะยอยกันกลับจนเหลือเพียงคิเสะกับอาโอมิเนะคอยจัดการที่เหลือกันเองไป
"ตกลงบอกได้หรือยังครับ? ว่าหายไปไหนมา..." คุโรโกะเอ่ยถามชายหนุ่มผิวเข้มที่นั่งหลังตรงเหงื่อแตกจากแรงกดดันของคนถาม
"ใจเย็นๆ สิ เท็ตสึ..." อาโอมิเนะเหงื่อตกหน่อยๆ ยามนี้เพื่อนเขามาจริงตามวาจากล่าวไว้...แถมมาก่อนเจ็ดโมงด้วยซ้ำ!!! ให้ตายเถอะ!!! กว่าเขากับคิเสะจะเก็บกวาดซากในห้องรับแขกและพูดคุยตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันนานก็ปาไปตีสามแล้ว!!! ไหงพวกนายนัดกันมาเช้าแท้!!!
"อย่ามัวโอ้เอ้น่า! อาโอมิเนะ!" คางามิเอ่ยอย่างหงุดหงิด
"รีบๆ เล่ามาเถอะน่า! อาโอมิเนะ! งานฉันเข้าตอนเก้าโมงนะ!!!" วากามัตสึแว๊ดใสอดีตลูกทีมตน
"เอ่อๆๆๆ ไม่ต้องเร่งนักก็ได้..." อาโอมิเนะทำหน้ามุ่ย "...จะให้เริ่มจากตอนไหนล่ะ?"
"หลังจากที่นายถูกยิงไง...นายหายไปไหนมา? แถมยังหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับนายไม่ได้เลยล่ะ?" อิมาโยชิเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
"อื้ม...สรุปง่ายก็..." อาโอมิเนะทำท่าครุ่นคิด "...เอาเป็นว่าอาการบาดเจ็บของฉันดันไปโดนส่วนไหนไม่รู้ รู้แค่แพทย์ที่นี่รักษาไม่ได้เต็มที่นัก ฉันเลยโดนส่งไปอเมริกาโดยอาคาชิน่ะแล้วสุดท้ายฉันก็ศึกษาและทำงานที่นั้นแหละ
...ฉันเพิ่งกลับมาญี่ปุ่นเมื่อวันก่อนและเมื่อวานฉันบังเอิญเจอคิเสะเดินตรวจเวรอยู่แถมได้ยินเรื่องที่คิเสะถูกลอบทำร้ายด้วย
...ฉันเลยแอบตามๆ ไปดูเรื่อยๆ จนพลัดหลงกับคิเสะตอนที่คิเสะเข้าไปในโรงพยาบาล ก็เลยเดินว่อนไปทั่วเพราะไม่รู้คิเสะอาศัยที่ไหาในตอนนี้
...จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออกเลยเดาว่าคงอยู่หลังเดิมนั้นแหละ พอไปถึงก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ด้านในเลยไขประตูบ้านเข้าไปและเห็นภาพที่...ทำให้ฉันแจ้งตำรวจและอัดสองคนนั้นแหละ
...ส่วนที่เรื่องที่หาข่าวคราวจากฉันไม่ได้...ถามอาคาชิแล้วกัน ฉันไม่รู้"
เมื่ออาโอมิเนะพูดจบ ทุกสายตาก็เคลื่อนมาที่ชายหนุ่มผมแดงที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
"อาคาชิจจิ...นี่มันเรื่องอะไรกันอ่ะ?" คิเสะไม่เคยคิดเลยว่าสาเหตุที่เขาหาข่าวคราวของคนรักแทบตาย คนที่รู้กลับเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้
"ก็คิดว่ายังไงล่ะ?" อาคาชิยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยน์...ซึ่งเป็นสัญญาณว่าไม่ควรถามอะไรมากกว่านี้ แต่อยากรู้อ่ะ!!!
"เซย์ อย่าแกล้งคิเสะสิ..." ฟุริฮาตะตีแขนคนรักตนเบาๆ ...ถ้าเป็นคนอื่นได้กรรไกรประดับหัวเป็นแน่แท้ แต่รายนี้เป็นข้อยกเว้น
"ก็ได้..." คำพูดและท่าทางของฟุริฮาตะ โคกิทำให้คนอย่างอาคาชิยอมจริงๆ "...ที่ฉันไม่บอกเรื่องไดกิกับใคร เพราะฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรบอกด้วยตนเอง...แต่ใครจะนึกว่าไดกิจะบื้อขนาดลืมโทรมาบอกทางนี่ตลอด 11 ปีล่ะ"
"..." อาโอมิเนะยิ้มแห้งๆ เมื่อทุกสายตาเบี่ยงมาที่ตน "...โทษที...ลืมจริงๆ"
"อาโอมิเนจจิคนบ้า!!! อย่างน้อยก็โทรมาหาสักนิดก็ดี!!! นี่นอกจากไม่โทรมาแล้วยังเปลี่ยนเบอร์จนติดต่อไม่ได้เลย!!!" คิเสะทำแก้มป่อง พร้อมมีน้ำตาคลอนิดๆ "ฮือ! ไม่เห็นใจกันบ้างเลยอ่ะ!!! นายไม่รักฉันแล้วเหรอ!?! ถึงลืมติดต่อมาหาเนี่ย!!!"
"ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!!! ฉันรักนายเสมอนั้นแหละ!!!" อาโอมิเนะรีบแก้ตัวก่อนที่คนรักตนจะงอนไปหาคนใหม่แทน และปลอบให้อีกฝ่ายหยุดร้องไห้ "ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ!!! ก็ฉันทำมือถือตกท่อหายไปทั้งเครื่องเลยอ่ะ!!! ก็มันจำเบอร์ใครไม่ได้เลยนิ..."
"อย่างน้อยนายน่ะจำเบอร์ฉันได้สิ!!! ไดจัง!!! ฉันใช้เบอร์เดียวมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ!!!" โมโมอิแทบอยากจะถีบเพื่อนสมัยเด็กของตนตกท่อจริงๆ ตามมือถือไปจริงๆ เลย!!!
"บ้ามากครับ...อาโอมิเนะคุง..." คุโรโกะเอ่ยเสียงเย็น
"เป็นเจ้างั่งของแท้เลย..." คางามิซ้ำเติมอีกคน
"...แถมง่าวอีกต่างหาก" มิโดริมะค้อนใส่คนผิวเข้ม
"กรรมของคิเสะจริงที่รักนายเนี่ย..." ทาคาโอะพูดด้วยท่าทางร่าเริงตามปกติ...แต่ขอโทษสายตาน่ะคมกริบราวกับจะเฉือนเนื้อคนได้แล้ว
"ง่ำๆ มิเนะจินทำคิเสะจินร้องไห้ซะแล้ว~~" มุราซากิบาระกินขนมไปอย่างไม่คิดช่วยอะไรเลย
"มันน่าอัดสักทีจริงๆ น้า..." ฮิมุโระชกใส่มือตนเองอย่างคันไม่คันมือ
"ถ้าทำจริงมิเนะจินตายแน่" มุราซากิบาระรีบดึงคนหน้าหวานที่แรงผิดกับหน้าตามากอดก่อนที่จะชกใครเข้าจริงๆ
"นายมันโง่ของแท้!!!" วากามัตสึว้ากใส่อดีตรุ่นน้องตน
"คุณมันสุดจะบรรยายเลยครับ อาโอมิเนะซัง..." ซากุราอิพูดโดนไร้ซึ่งคำขอโทษที่ตนพูดจนติดปาก
"ความนึกคิดนายต่ำกว่าเด็กประถมอีกมั้ง" ซูสะไม่เห็นใจรุ่นน้องตนเลย
"แบบนี้ดีไม่ดีคิเสะอาจเลิกกับนายไปหาคนอื่นก็ได้น้า~~~" อิมาโยชิเริ่มเอ่ยแกล้งรุ่นน้องตน
"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ!!!" อาโอมิเนะแว๊กใส่รุ่นพี่ตนก่อนที่จะมาปลอบคนรักของตนเองต่อ
"คิเสะ...แนะนำนะ นายหาคนใหม่ที่ดีกว่าหมอนี่เถอะ" คาซามัตสึเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้าอาโอมิเนะเลย
"ใช่ๆ อย่างนายหาใหม่ได้ดีกว่านี้เป็นร้อยเท่า" โคโบริก็เอาด้วยอีกคน
"ช่วยกรุณาอย่ายุยงสิครับ!!!" อาโอมิเนะอยากจะบ้า...ให้ตาย! นี่หวังว่าคิเสะไม่บ้าจี้ตามหรอกนะ!?
"แต่มันก็สมควรจริงๆ" ฮิวงะดูท่าทางอารมณ์เสีย
"เอาน่าๆ อย่างน้อยอาโอมิเนะคงไม่ได้ตั้งใจมั้ง?" คิโยชิคนเดียวที่ยอมช่วยอาโอมิเนะ
"แบบนี้ถือเป็นความผิดฉันด้วยไหมเนี่ย?" อาคาชิไม่สนใจอาโอมิเนะ แต่มาอ้อนฟุริฮาตะแทน
"ไม่หรอก...ถ้าเป็นฉันก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้..." ฟุริฮาตะมองภาพที่อาโอมิเนะโดนรุม
หลังจากการที่บ่นกันหน่ำใจแล้วทุกคนก็ขอตัวไปทำงานของตน เว้นเพียงอาโอมิเนะที่ไม่รู้ทำงานอะไรกับคิเสะที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นกับตัวทำให้คาซามัตสึลางานให้ในวันนี้อยู่กันสองคน
"คิเสะอย่างอนเลยน้าาา" อาโอมิเนะจิ้มแก้มป่องๆ ของคนนั่งข้างๆ
"หึ!!!" คิเสะหันหน้าหนี
"น่านะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย..." อาโอมิเนะอ้อนสุดฤทธิ์...ก็งานนี้เขาผิดจริงๆ นี่นา ไม่โดนเพื่อนตัวเองตื้บก็บุญล่ะ
"หายก็ได้...แต่..." คิเสะหันกลับมามองคนผมสีน้ำเงินด้วยสายตาเอาเรื่อง "...อาโอมิเนจจิห้ามหนีไปไหนอีกนะ!!! ไม่งั้นฉันจะเป็นฝ่ายหนีนายบ้าง!!!"
"ได้เลยตามขอ..." อาโอมิเนะคว้าคนข้างกายมากอด...เขาไม่ยอมให้คิเสะหนีจากเขาไปหรอก~~ และเขาก็ไม่คิดไปไหนแล้วด้วย...
"อ่ะ! เล่นทีเผลอนิ!" คิเสะที่โดนกอดโวยหน่อยๆ "นี่...ถ้าโกหกขอให้อาโอมิเนจจิโดนผึ้งไล่ทั้งวันทั้งคืนเลย!!!"
"หึๆ คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะ" อาโอมิเนะหัวเราะร่า
อาโอมิเนะและคิเสะพากันคุยเรื่องต่างๆ นาๆ ไปเรื่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนหมดหนึ่งวันไปฟรีๆ ...อ่ะ! คงไม่ฟรีตอนกลางคืนแฮะ เพราะอาโอมิเนะเล่นทำการบ้านที่ห่างหายไปตลอด 11 ปีกับคิเสะด้วยนิ (อย่าบอกเขาสิ!!! / คิเสะ)
เช้าวันต่อมาที่คิเสะแทบลุกไปทำงานไม่ไหวนั้นลากสังขารมาทำงานโดยทิ้งอาโอมิเนะไว้ที่บ้าน งานทุกอย่างก็ดำเนินตามปกติ โมริยามะแม้จะยังไม่มาทำงานแต่ก็ออกจากโรงพยาบาลเร็วมากเพราะเจ้าตัวทนไม่ได้ที่บุรุษพยาบาลเอาแต่มองอิสึกิตามเป็นมันเลยเลือกออกจากโรงพยาบาลทั้งที่แผลยังปิดไม่สนิกนั้นเอง
และพอทำงานจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย เหล่าอดีตนักบาสม.ปลายก็แทบอยากตีหัวใครสักคนขึ้นมาเมื่อเห็นคนๆ หนึ่งเดินเขามาในโรงพักพร้อมกับเจ้านายของพวกตน
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะมีตำรวจจากอเมริกาคนนี้มาทำงานด้วย ทำความรู้จักกันไว้ล่ะ" นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เอ่ยออกมา
"อาโอมิเนะ ไดกิ...ยินดีที่ได้รู้จัก..." อาโอมิเนะแนะนำตัวสั้นๆ ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อจับรังศีอาฆาตจากคนรู้จัก "...เฮ้ๆ คิเสะ คาซามัตสึซัง อิมาโยชิซัง เรียว...อย่าทำท่าเหมือนจะเชือดกันสิ! เสียวนะ!!!"
"หึๆ ไม่เชือดหรอก...แต่ขอตีกะบาลนายสักทีเถอะ!!!" นายตำรวจทั้งสี่วิ่งไล่คนผิวเข้ม ที่วิ่งหนีไปรอบๆ ให้ชาวบ้านเขามองกัน
"มาไม่บอกแบบนี้...ต้องโดน!!!" อิมาโยชิที่ขี้เกียจไล่ตามแล้วเอาลูกบาสที่ใครไม่รู้เอามากระจกโรงพักแตกเมื่อไม่นานมานี้ ส่งให้ซากุราอิ
"บอกกันมั่งก็ได้ครับ! เลิกนิสัยทำอะไรไม่บอกชาวบ้านสักที!" ซากุราอิซู้ตสามแต้มใส่หัวอาโอมิเนะ
"ก็อยากเซอร์ไพร์อ่ะ!!!" อาโอมิเนะปัดลูกได้ทันสมกับเคยเป็นเอสแห่งโอโทว
"ไม่ต้องเลย!!! คราวก่อนก็ทำอะไรไม่บอกแบบนี้ จนพวกเพื่อนนายเป็นห่วงแทบผมร่วงทั้งกลุ่ม!!!" คาซามัตสึรับลูกที่โดนอาโอมิเนะปัดมาส่งให้คิเสะ
"อาโอมิเนจจิอ่ะ!!! ทำอะไรบอกกันมั่งสิ!!!" คิเสะพาสใส่อาโอมิเนะ...ด้วยลูกส่งคล้ายๆ กับของคุโรโกะ
"แว๊ด!!! นายเลียนแบบเท็ตสึได้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?" อาโอมิเนะหลบวูบ ทำให้ลูกบาสกระเด็นไปโดนใครคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเขามาพอดี
"อะไรกัน!!! เดี๋ยวนี้ต้อนรับกันด้วยลูกบาสเหรอ!?!" ชายผมสีน้ำผึ้งเอ่ยถาม มือก็รับลูกไว้ได้พอดี ก่อนที่สายตาจะไปเหลือบเห็นคนผิวคล้ำเข้า "อาโอมิเนะ!? นายยังไม่ตายเหรอวะ!?"
"อย่าแช่งกันสิครับ!!! มิยาจิซัง!!!" อาโอมิเนะแอบเดินเนียนๆ หมายแอบหนี แต่เสียที่ดูเหมือนจะรู้ทันกับร่างคนผมสีน้ำผึ้งจึงตะคุบตัวเอาไว้ได้อย่างทันทวนที
"อยู่ๆ หายไปไม่มีข่าวคราวมา 11 ปีนี่ใครๆ ก็คิดว่าตายแล้วล่ะ" มิยาจิ คิโยชิอดีตตัวจริงทีมบาสชูโตกุ ผู้ที่มาที่โรงพักค่อนข้างบ่อย ด้วยสาเหตุที่ว่าจับคนร้ายมาส่งประจำ...จับได้มากกว่าตำรวจบางคนอีก จนตำรวจที่นี่ส่วนใหญ่จะชวนมิยาจิมาเป็นตำรวจด้วยกันบ่อยๆ เสียแต่เจ้าตัวไม่คิดจะเป็นตำรวจเลยแม้แต่น้อย และอีกสาเหตุหนึ่งคือ...มาส่งสับปะรสที่ตนปลูกให้แก่ผู้กำกับสถานีตำรวจที่เป็นลูกค้าประจำนั้นเอง
"พอดีเลยมิยาจิ...ช่วยดัดนิสัยอาโอมิเนะหน่อยสิ..." อิมาโยชิยิ้มเจ้าเล่ห์
"ดัดนิสัย? เรื่องอะไรล่ะ?" มิยาจิส่งสีหน้าประมาณว่า 'ถ้าเหตุผลดีล่ะก็...เดี๋ยวสงเคราะห์ให้ตามต้องการ'
"คือว่า..." อิมาโยชิเล่าเรื่องแบบออกรสออกชาดให้ทั้งมิยาจิทั้งชาวตำรวจทั้งหลายที่อยากรู้สาเหตุที่พากันวิ่งไล่ใส่กันในวันนี้...เมื่อฟังจบมิยาจิก็ยิ้มเหี้ยม ส่วนอาโอมิเนะเริ่มเหงื่อตกเพราะมิยาจิเป็นหนึ่งในคนที่เขาสู้ไม่ค่อยได้ แถมดูแล้วตอนนี้อัพเลเวลความโหดขึ้นจากเดิมด้วย
"เรื่องเป็นแบบนี้เอง...ได้! เดี๋ยวจัดให้...ช่วยลางานให้หมอนี่สักวันแล้วกัน..." มิยาจิจัดการลากอาโอมิเนะออกไปด้านนอก พวกคิเสะก็เดินไปทำงานตามปกติ โดยเหล่าตำรวจทั้งหลายก็ต่างไว้อาลัยแด่นายตำรวจที่ไม่ทันเริ่มงานก็สิ้นชีพเสียแล้ว (?)
ในเย็นวันนั้นตอนกลับบ้านคิเสะก็ต้องไปลากอาโอมิเนะในสภาพสะบัดสะบอมปานถูกส่งไปสนามรบกลับบ้านไปทำแผล...คิเสะอดคิดไม่ได้ว่ามิยาจิใช้วิธีไหนในการสั่งสอนคนรักตน แต่บางทีไม่รู้คงดีต่อสภาพจิตเขามากกว่า
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอาโอมิเนะก็สาบานกับตนเองว่านอกจากอาคาชิแล้ว...เขาจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับมิยาจิเด็ดขาด!!! งานนี้เข็ดจนตาย!!!!
End
ความคิดเห็น