ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #45 : [KuroFuri] 希望

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.05K
      51
      29 ส.ค. 57

    Title : 希望

     

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Kuroko x Furihata

    Notes : shiko : อันดับ 3 ของการโหวตมาลงแล้วจ้า!!!

    คุโรโกะ : ชิโกะซัง...คราวนี้หวังว่าบทของผมจะดีนะครับ

    Shiko : ไม่ต้องห่วง บทของนายค่อนข้างดีแน่...ถึงจะมั่วไปหน่อยก็เถอะ

    คุโรโกะ : สรุปสุดท้ายคุณก็มั่วคือเดิมสินะครับ

    Shiko : ... (ยิ้มแล้วถีบคุโรโกะลงในฟิคทันที)

    ................................................................

    希望

     

    ...อย่า!!!...

    ...หยุดนะ!!!...

    ...พอได้แล้ว!!!...

    ...ได้โปรด!!!...

    ...อย่าไปนะ!!!...

    ...อย่าเอาไป!!!...

    ...เอาคืนมา!!!...

    ...หยุด!!!...

    ...ไม่!!!...

     

     

     

     

     

    เฮือก!!!

    ร่างของชายหนุ่มผมสีฟ้าวัยยี่สิบหกปีลุกพรวกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตนนั่งหลับเมื่อครู่ด้วยสภาพเหงื่อไหลโชมไปทั่วร่างกาย

    ...ฝันงั้นเหรอ?...

    มือเรียวเสยผมที่ชื้นเหงื่อขึ้นก่อนที่จะจับผ้าพันแผลที่ปิดตาขวาของตนไว้เบาๆ และมองภายในห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมายซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าภาพเมื่อครู่ที่ตนเห็นนั้นเป็นแค่ฝัน...

    ...ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขา...

    "ฝันร้ายเหรอ? คุโรโกะ?" ชายหนุ่มผมสีเพลิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตั้งแต่สมัยม.ปลายของตนลุกพรวกพลากขึ้นมา

    "ครับ คางามิคุง..." คุโรโกะตอบก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง และหยิบเอกสารที่ตนอ่านค้างไว้ก่อนที่พล็อตหลับไปขึ้นมาอ่าน ตรงหัวกระดาษเขียนไว้ว่า 'ข้อมูลประวัติของผู้ต้องหา' ซึ่งเป็นตัวบอกว่าคนคนนี้ทำงานอะไร

    "นายทำงานหนักไปหรือเปล่าเนี่ย?" คางามิถามขึ้นเมื่อตนเห็นอีกฝ่ายนั่งทำงานแบบนี้ชนิดไม่หลับไม่นอนมาสามวันแล้ว

    "ไม่หรอกครับ อีกอย่างอุตสาห์ได้ข้อมูลของ 'พวกนั้น' มาทั้งที ผมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปหรอกครับ" คุโรโกะตอบอย่างไม่ต้องผ่านสมองเลย

    "ก็จริง พวกเราหาข้อมูลของพวกนั้นมาสิบปีแล้วเนอะ...ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น" พอคางามิพูดถึงเรื่องนี้สายตาของคุโรโกะก็เปลี่ยนเป็นดุดันจนน่ากลัว

    "นั้นสินะครับ...เหตุการณ์นั้นที่ผมจะไม่วันให้อภัยเด็ดขาด" คุโรโกะพูดแค่นเสียงอย่างหาได้ยากนักจากชายหนุ่มผู้จืดจางคนนี้

    "จะแก้แค้นหรืออะไรก็ช่างเถอะ ว่าแต่...นายว่าฟุริยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?" คางามิถามกลับเช่นนั้น

    "เรื่องนั้น...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" คุโรโกะตอบเสียงเบาราวกับจะหายไปกับสายลม ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้นเขาก็ได้แต่โทษตัวเองที่ตอนนั้นช่างอ่อนแอเหลือเกิน...

    เมื่อสิบปีก่อนมีเหตุการณ์ก่อการร้ายขึ้นซึ่งผู้ก่อการร้ายพวกนั้นได้เลือกบุกยึดโรงเรียนแห่งหนึ่งเพื่อที่จะสร้างความวุ่ยวาย...หรืออีกนัยถือการก่อเหตุที่ไม่ทราบจุดหมายในการกระทำของอีกฝ่าย

    โรงเรียนที่ว่าคือโรงเรียนมัธยมปลายเซย์รินนั้นเอง เหตุการณ์นั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 127 คนและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนั้นหลบหนีไปได้พร้อมตัวประกันหนึ่งคนซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครพบตัว...

    ...ซึ่งนั้นก็คือฟุริฮาตะ โคกิคนรักของคุโรโกะนั้นเอง

    ที่คุโรโกะ เท็ตสึยะเลือกที่จะมาเป็นตำรวจเพราะเขาต้องการที่จะสืบหาตัวฟุริฮาตะให้เจอ ไม่ว่าสภาพเป็นหรือตาย...เขาเพียงอยากเจออีกสักครั้งเท่านั้น

    ...ฟุริฮาตะคุง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไปกันนะ?...

    "โทษทีที่ถามแล้วกัน" คางามิเกาแก้มตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นผู้เคยเป็นเงาของตนตอบเสียงแผ่วกลับมา "ว่าแต่...นายรู้ได้ไงว่าไอ้คนที่นายจับกุมเมื่อวานเป็นตัวปลอม"

    "สัณชาตญาณครับ ตอนนี้ผมสัญชาตญาณดีกว่าอาโอมิเนะคุงอีก" คุโรโกะตอบ...

    ที่จริงเขาคงไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก ถ้าฝ่ายนั้นไม่ปลอมตัวมาเป็นฟุริฮาตะ โคกิล่ะนะ...คงเพราะอยากเนียนๆ มาเอาข้อมูลจากพวกเขามั้ง แต่...ต่อให้ปลอมเหมือนแค่ไหนมันหลอกสัณชาตญาณของเขาไม่ได้หรอก ความรู้สึกมันผิดกันไปเยอะเลย

    "อืม~ ถ้าเรื่องนี้ฉันไม่เถียงแฮะ" คางามิรู้ดีว่าตลอดสิบปีมานี้คุโรโกะอัพเกรดตัวเองขึ้นมามากแค่ไหน...ถึงด้านความคงทนจะห่วยเหมือนเดิมก็ตาม

    "ผู้กองครับ..." เสียงตำรวจผู้น้อยคนหนึ่งเรียกชายหนุ่มทั้งสองให้หันไปมอง "...ช่วยมาเค้นคอผู้ต้องสงสัยที่คุณจับมาเมื่อวานหน่อยครับ พวกผมหมดปัญญาแล้ว"

    "ครับ พาไปเลยครับ" คุโรโกะตอบรับทันทีพร้อมให้ตำรวจผู้น้อยคนที่มาบอกให้นำทางไป โดยมีคางามิเดินตามหลังมาติดๆ

    ...ต่อให้ผมต้องเค้นคอใครหรือฆ่าใครก็ตาม ผมก็จะตามหาคุณให้เจอให้ได้!...

     

     

     

     

     

    ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน

    "เฮ้! คุโรโกะ! ฟุริ! โค้ชบอกว่าจะซ้อม 5 เท่าแหนะ...จะตายก่อนไหมเนี่ย!!!" คางามิในวัยรุ่นบ่นอุบอิบ เมื่อได้รับข้อความจากโค้ชตนที่บอกว่าเย็นวันนี้จะซ้อมหนักปางจะให้กระอัดเลือดตาย

    เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายของรุ่นพี่พวกเขาเลยโดนรุ่นพี่บอกว่าซ้อมหนักเป็นการอำลาในระยะเวลาที่เหลืออีกครึ่งปีซะเลย...คนพลอยซวยเลยเป็นพวกเขานี่แหละ

    "ตายแน่..." เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดออกมาทันทีโดยไม่ต้องผ่านสมอง เพราะการซ้อมแต่ล่ะถ้าบอกว่าเพิ่มละก็กระอักทุกครั้งนั้นแหละ

    "นั้นสินะครับ..." คุโรโกะก็เห็นด้วยกับทั้งสองคน พร้อมกับที่สัญญาณเข้าเรียนเริ่มดังขึ้น "...พวกเราไปกันเถอะครับ หมดเวลาพักแล้ว"

    "อืม" ฟุริฮาตะลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสามจะเดินกลับห้องตัวเอง และพอใกล้ถึงหน้าห้องคางามิก็ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก

    "เอ้อ! จริงสิ! ฉันลืมมือถือไว้ที่ดาคฟ้านี่หว่า!!!" คางามิพูดออกมาเสียงดัง พร้อมหันหลังกลับเพื่อที่จะขึ้นไปที่ดาคฟ้าอีกครั้ง "พวกนายไปเข้าเรียนก่อนเลยนะ!"

    แล้วคางามิก็วิ่งจู๊ขึ้นดาคฟ้าไปเลย...

    "คางามิคุงนี้จริงๆ นะครับ" คุโรโกะส่ายหันอย่างอ่อนใจกับแสงของตนที่เดี๋ยวนี้นอกจากบาสเรื่องอื่นดูขี้ลืมชอบกล

    "นั้นสิน..."

    ตูม!!!

    ระหว่างที่ฟุริฮาตะพูดก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่พื้นบ่งบอกว่าเสียงระเบิดเมื่อครู่มาจากในตึกนี้

    "เกิดอะไรขึ้น!!!"

    "ดูนั่น! มีคนถืออาวุธเข้ามาในตึก!!!"

    "มากลุ่มใหญ่ด้วย!!!"

    "แจ้งตำรวจเร็ว!!!"

    "อพยมคนออกนอกโรงเรียนเร็ว!!!"

    "กริ๊ดดดดดด!!!"

    "นี้มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!!"

    "หนีเร็วพวกเรา!!!"

    "ช่วยด้วย!!!"

    "ฯลฯ" เสียงต่างๆ นาๆ ดังขึ้นก้องไปทั่วพร้อมกับที่ได้ยินเสียงปืนคำรามดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ คุโรโกะกับฟุริฮาตะก็โดนเบียดเสียดโดนเหล่าผู้คนที่หนีตายจนถูกแยกไปคนละทิศคนละทาง

    "ฟุริฮาตะคุง!!! คุณอยู่ไหน!?!" คุโรโกะพยายามตะโกนหาคนรักตนแต่ด้วยเสียงจำนวนมากทำให้เสียงของเขาถูกกลบไปจนหมด

    ปัง!!!

    เสียงในระยะใกล้กับคุโรโกะ เด็กหนุ่มผมฟ้าเห็นร่างของคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาถูกชโลมไปด้วยสีแดงเลือดและล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่จะเบือนตามองไปยังชายชุดดำสองคนที่คนหนึ่งถือดาบซามูไรไว้ในมือส่วนอีกคนถือปืนสั้นไว้

    และด้วยความจืดจางของคุโรโกะทำให้ชายทั้งสองเดินผ่านคุโรโกะไปพร้อมกับบรรเลงฉากการฆ่าฟันเหล่าผู้ที่พยายามหนีตาย...ทุกอย่างฉายอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มผมฟ้าที่ดูราวกับขุมนรกก็ไม่ปาน...

    "กรี้ด!!! ช่วยด้วย!!!"

    "อย่าฆ่าฉันเลยนะ!!!"

    "ถ้าต้องการอะไรผมให้หมดเลย!!! ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ!!!"

    "อ๊ากกกก!!!"

    "..." คุโรโกะยืนอึ้งมองฉากการฆ่าฟันตรงหน้า ขาเริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนต่อทรุดลงกับพื้น...เรื่องตรงหน้ามันมากเกินกว่าที่เขาจะรับได้...

    แกร๊ง!

    ด้วยความตกใจบวกกับสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้คุโรโกะเผลอไปชนกับประตูเหล็กเข้าจนเกิดเสียงดังทำให้คนที่เพิ่งปลิดชีวิตผู้คนจำนวนมากไปเมื่อครู่หันมามองยังเด็กหนุ่มผมฟ้า

    "โอ๊ะโอ๋ รู้สึกเราเผลอมองข้ามไปคนหนึ่งแฮะ" ชายผู้ถือดาบซามูไรเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ ขัดกับเรื่องที่เพิ่งทำไปเมื่อครู่ "นายไปจัดการตรงอื่นเถอะ...ตรงนี้ฉันจัดการเอง"

    "ครับ หัวหน้า" ชายผู้ถือปืนรับคำอย่างว่าง่ายกับผู้เป็นหัวหน้าก่อนที่จะเดินไปหาผู้ที่หลบซ่อนอยู่คนอื่น

    "ไงหนุ่มน้อย..." ชายหนุ่มถือดาบในมือแกว่งไปมาย่างสามขุมเข้าอดีตผู้เล่นมายาแห่งทีมปาริหาติร์อย่างช้าๆ "...โชคร้ายหน่อยนะที่มาเจอฉันน่ะ...อย่างฉันมันยิ่งเป็นพวกชอบทรมานอยู่ด้วย หึหึหึ"

    "ค...คุณทำแบบนี้ทำไมกัน?" คุโรโกะพยายามรวบรวมสติกับแรงทั้งหมดเพื่อหนีคนตรงหน้าแต่ร่างกายก็ไม่ทำตามเลย

    "ใกล้ตายแล้วยังถามอีก แต่เอาเถอะเห็นว่านายไม่โวยวายอย่างโง่เง้าแบบพวกนั้นจะบอกในแล้วกัน..." ชายหนุ่มฉีกยิ้มออกมา ในสายตาคุโรโกะมันเหมือนกับจิ้งจอกที่ไว้ใจไม่ได้ "...เพราะแค่อยากเห็นพวกโง่เง้าหนีตายกันแค่นั้นแหละ หึ! มนุษย์ต่างคิดถึงแค่ตนเองกันหมด มันเลยอยากทำลายด้วยมือนี้ดูน่ะ"

    "เรื่องพวกนี้...คุณทำเพราะแค่อยากทำ?" คุโรโกะไม่ค่อยเข้าใจความคิดคนตรงหน้าเลย แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่ยืดเวลาเพื่อให้เขาพอที่จะขยับได้เท่านั้น "คุณจะฆ่าทุกคนหรือ?"

    "ใช่แล้ว..." ชายหนุ่มตอบพร้อมเงื้องดาบในมือขึ้น "...ส่วนไอ้จะฆ่าทุกคนในโรงเรียนนี้หรือเปล่าก็ไม่แน่นะ มันอยู่ที่ว่าใครหนีรอดได้ก็หนี...ถ้าถูกจับได้ก็ฆ่าทิ้งซะให้หมด แต่ถ้าฉันเจอคนที่น่าสนใจฉันก็จะไม่ฆ่า...ที่จริงนายก็น่าสนใจนะ น่าเสียดายไม่มากพอที่จะทำให้ฉันไม่ฆ่านายหรอกนะ บ๊ายบาย หนุ่มน้อย"

    ฉับ!!!

    ดาบคมกริบถูกฟันลงมายังคุโรโกะ...มันไม่ได้โดนยังร่างของเด็กหนุ่มแต่มันสร้างบาดแผนลึกที่ดวงตาขวาของเด็กหนุ่มชนิดที่ไม่อาจรักษาได้

    "อ๊ากกกก!!!" คุโรโกะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มือทั้งสองกุ้มดวงตาขวาไว้

    "หึหึ อย่างที่บอกว่าฉันมันพวกชอบการทรมาน ดังนั้น...จงเจ็บปวดเข้าไปสิ" สีหน้าของบุคคลที่ถือดาบไว้เริ่มวิปริตขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มเริ่มเงื้องดาบขึ้นเพื่อจะลงดาบอีกระรอบ แต่ตอนนั้นเอง...

    "หยุดนะ!!!" เสียงอันคุ้นเคยที่คุโรโกะได้ยินทุกวันขึ้น พร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลโดดเกาะแขนที่จับดาบไว้เพื่อไม่ให้ฟาดฟันคนรักของตน

    "ฟุริฮาตะคุง!!!" คุโรโกะตกตะลึงที่คนรักตนมาอยู่ที่นี้ "รีบหนีไปสิครับ!!! ฟุริฮาตะคุง!!!"

    "ไม่!!!" ฟุริฮาตะตอบอย่างหนักแน่น พร้อมโดดลงจากที่ที่ตนเกาะเมื่อครู่และขัดขาอีกฝ่ายจนล้ม หยิบดาบที่หลุดจากมืออีกฝ่ายโยนทิ้งหน้าต่างไป "ถ้าจะไปต้องไปด้วยกัน!!!"

    ฟุริฮาตะพยุยเพื่อนผมฟ้าของตนขึ้น และจะพาหนีถ้าไม่ติดเสียงที่ดังในระยะประชิดรั้งเขาไว้เสียก่อน...ที่เป็นตัวบ่งบอกว่าพวกเขาหนีไม่ทัน

    "ทิ้งเพื่อนนายซะแล้วฉันจะปล่อยนายไป" ชายหนุ่มพูดออกมาเช่นนี้ แม้ไม่คิดจะปล่อยทั้งสองให้รอดชีวิตไปก็เถอะ

    "ไม่!!!" ฟุริฮาตะตอบทันที ชนิดที่อีกฝ่ายถึงกับผงะ "ฉันไม่มีวันทิ้งคุโรโกะเด็ดขาด!!!"

    "ฟุริฮาตะคุง..." คุโรโกะที่เลือดไหลไม่หยุดทำให้ภาพตรงหน้าเริ่มที่จะพล่านเลือนไปเรื่อยๆ เสียงเรียกแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน "...หนีไปสิครับ"

    "เอ๋~~ ไม่เคยเจอคนแบบนี้แฮะ น่าสนใจจริง" ชายหนุ่มพูดอย่างเด็กเจอของถูกใจ ลุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะต่อยฟุริฮาตะจนกระเด็นร่วงหล่นไปกองกับพื้น

    "ฟุริฮาตะคุง!!!" คุโรโกะใช้แรงทั้งหมดเพียงลุกไปหาอีกฝาย แต่โดนชายหนุ่มต่อยจนร่วงไปกองกับพื้นอีกคน

    "อึก!" คุโรโกะกัดฟันพยายามประคองสติตน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่ามองดูชายหนุ่มด้วยสายตาอาฆาต ร่างกายระบมจนราวกับตกเขามาอย่างไรอย่างนั้น แต่นั้นไม่รู้สึกเจ็บเท่าเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรฟุริฮาตะได้เลย

    "มองได้มองไป...เพราะตอนนี้ฉันเจอของที่น่าสนใจแล้ว" ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดีจนเหมือนแสยะยิ้มมากกว่าพร้อมดึงผมของฟุริฮาตะที่มีสติแต่ไม่สามารถขยับได้ให้มองมาที่ตน

    "ถ้าคุณจะฆ่าก็ฆ่าผมคนเดียว! ปล่อยฟุริฮาตะคุงไปเถอะ!" คุโรโกะใช้เสียงที่ตนพอที่จะเอ่ยออกมาได้ขอร้องอีกฝ่าย

    "..." ชายหนุ่มมองไปนอกหน้าต่างที่เริ่มมีรถมสีขาวดำมาจอดที่หน้าโรงเรียนจำนวนมาก และหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าตนเอง "ถอนกำลังตำรวจมาไวกว่าที่คิด...ส่วนทางหนีไม่ต้องห่วงฉันมีแผนแล้ว"

    ชายหนุ่มพูดแค่นี้ก่อนว่างสายไป และเดินจากไปพร้อมกับ...แบกร่างของฟุริฮาตะ โคกิไปด้วย

    "หยุดนะ! ไม่!!!" คุโรโกะพยายามที่จะไล่ตามอีกฝ่ายไปแต่ร่างกายยังคงไม่ขยับ ได้เพียงตะโกนกู่ร้องอย่างสุดแรงเท่านั้น "เอาฟุริฮาตะคุงคืนมา!!! ฟุริฮาตะคุง!!! ฟุริฮาตะคุง-------!!!"

    ...ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของคุโรโกะ เท็ตสึยะก็ราวกับสูญเสียความสุขไป...สูญเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นดวงตาขวา หรือคนรัก...

    ...และในวันนั้นเขาก็ได้สาบานกับตัวเองไว้ว่าไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่เขาจะทวงคนของเขาคืน!!!...

     

     

     

     

     

    กลับมาปัจจุบัน

    ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ไม่มีหน้าต่างมีเพียงโต๊ะที่ฝั่งหนึ่งมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลนั่งอยู่โดยมีโคมไฟส่องหน้าอยู่ ส่วนอีกด้านมีชายหนุ่มผู้มีดวงตาข้างเดียวเรือนผมสีฟ้ากับชายหนุ่มผมสีเพลิงนั่งอยู่

    "สารภาพมาเถอะน่าาา ว่าใครส่งนายมา" คางามิเริ่มเปิดประเด็นก่อนหลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบมานาน...ที่จริงที่เขาเป็นเปิดประเด็นแทนคุโรโกะเพราะตอนนี้คุโรโกะแทบจะเอามีดมาปักหัวคนเบื้องหน้าเสียเดี๋ยวนี้แล้ว...

    ...แต่ก็ใครให้ปลอมเป็นฟุริฟะ! แบบนี้คุโรโกะก็โกรธควันออกหูสิ!!!...

    "บอกแล้วไงครับ ว่าผมไม่ได้ถูกใครส่งมาทั้งนั้น" ชายหนุ่มผู้ต้องหาบอกเช่นนั้น

    "หลักฐานทุกอย่างก็มีพอจับนายได้แล้วนะ ยอมให้ความร่วมมือดีกว่าโทษจะได้เบาลง" คางามิพยายามกล่อมก่อนที่คนจืดจางข้างๆ จะฟิวส์ขาดลงมือเอง

    "บอกแล้วไงว่าผ..." อีกฝ่ายกำลังปฏิเสธอีกรอบ แต่...

    ฉึก!!!

    มีดและกรรไกรหลายด้ามปัดอยู่ที่กำแพงด้านหลังของผู้ต้องหนุ่ม พร้อมสร้างรอยเลือดซิบๆ ไว้บนใบหน้า

    "คุณ...จะบอกดีๆหรือให้ผมเค้นคอดีล่ะ?" คุโรโกะมองคนที่ตนเพิ่งจะโยนของมีคมใส่อย่างเย็นชา จนคางามิที่อยู่ข้างๆ เริ่มหนาวสันหลัง "หรือให้ผมทรมานคุณจนยอมบอกดีล่ะ?"

    ...เอาแล้วไง!!! ฟิวส์ขาดแล้วไง!!! คิดว่าจะทนได้นานกว่านี้เสียอีก!!!...

    "ค...คุณม...ไม่กล้าทำจริงๆ หรอก..." คนผมน้ำตาลพยายามทำใจดีสู้เสือไว้

    ...อย่าไปท้าคุโรโกะมานนนนน!!!...

    คางามิได้แต่กรีดร้องในใจด้วยความกลัวว่า...คุโรโกะจะฆ่าผู้ต้องหาทิ้งจนเขาต้องข้ออ้างไปแก้ตัวกับเบื้องบนน่ะสิ! (ห่วงเรื่องเนี่ยนี่นะ? // s)

    "งั้นเหรอครับ? คิดว่าไม่กล้าสินะ..." คุโรโกะแสยะยิ้มพยามดึงมีดที่มาจากไหนไม่รู้ออกมาอีกด้ามมาจ่อคอคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม "งั้นผมลงมือเลย...คงไม่เป็นไรสินะ?"

    "ห...หยุดก่อน! ยอมแล้วจ้า!!!" ชายหนุ่มเมื่อเห็นท่าว่าอีกฝ่ายเอาจริงก็รีบให้ความร่วมมือทันทีก่อนที่คอตนจะได้รอยมีดมาสักรอยสองรอย

    คุโรโกะที่ได้ยินดังนั้นก็เอามีดออกห่างจากคออีกฝ่าย แต่ยังคงไม่เก็บมีดในมือ "เชิญเล่ามาเลยครับ...แต่บอกไว้ก่อนนะครับอย่าคิดโกหกเชียว ไม่งั้นผมให้คุณได้สัมพัสนรกบนดินแน่นอน"

    "ค...ครับ" ผู้ต้องหาหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าที่อีกฝ่ายพูดน่ะ...คงทำจริงดังวาจากล่าวออกมาทุกอย่างแน่ "ผ...ผมถูกส่งมาโดยกลุ่มที่เรียกตนเองว่ากลุ่มต่อต้านรัฐน่ะครับ เขาให้ข้อมูลเหล่านี้มาพร้อมกับให้ผมทำศัยกรรมหน้าให้เป็นคนคนนี้แหละครับ...และบอกให้ผมมาขโมยข้อมูลเหตุการณ์ที่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์รินเมื่อสิบปีก่อนมาทำลายจะได้ไม่มีเบอาะแสอะไรเหลือให้ตามจับกุมได้อีก..."

    "แล้วกลุ่มที่ว่านั้นอยู่ไหนล่ะครับ?" คุโรโกะถามเสียงเย็น...แบบอยากที่จะลุยเต็มที่ ไม่สิ อยาก 'ฆ่า' ซะเต็มที่มากกว่า

    "อยู่ในหุบเขาที่ห่างไกลจากเมืองที่กุนมะน่ะครับ" ชายหนุ่มตอบเสียงเจือง

    "ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ คางามิคุง ช่วยจัดการต่อด้วยครับ..." คุโรโกะก้มมองนาฬิกาตนเอง "...เดี๋ยวผมจะไปขออนุญาติไปตรวจสอบที่กุนมะตอนนี้เลย และจะพาอาโอมิเนะคุงไปรักษาด้วย เห็นว่าโดนยิงมาแต่ไม่ยอมไปหาหมอ"

    "เอ้อๆ! เดี๋ยวจัดการให้..." คางามิตอบอย่างปัดๆ เพราะรู้ว่าต่อให้ห้ามก็หยุดคุโรโกะไม่ได้หรอก "...ว่าแต่นายคิดว่าทางนั้นจะอนุญาตเร็วนักหรือไง? ทำทาเตรียมพร้อมซะเต็มที่เลยนิ"

    "พอดีผมจะขอใช้อำนาจมืดน่ะครับ" คุโรโกะพูดคำพูดที่ฟังแล้วชวนงงแต่คางามิเข้าใจความหมายที่ผู้เคยเป็นเงาของตนพูดได้ง่ายๆ

    "จะขอให้อาคาชิช่วยสินะ..."

    "ตามนั้นแหละครับ" คุโรโกะพูดก่อนที่จะเดินผ่านประตูออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คางามิจัดการงานที่เหลือคนเดียว

     

     

     

     

     

    "ช่วงนี้นายกำลังดวงตก...นายน่าจะพกลักกี้ไอเทมไปด้วยสักอันนะ" คำพูดอันเป็นเอกลักษณ์ดังออกมาจากคนผมเขียว ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมมองไปยังคนที่เงาจ๊างจางขณะที่กำลังทำแผลให้คนผิวคล้ำที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่

    หลังจากที่คุโรโกะไปยื่นหนังสือขออนุญาตไปตรวจสอบที่กุนมะและโทรหาอาคาชิให้ช่วยแล้ว คุโรโกะก็ลากอดีตแสงตอนม.ต้นของตนมาโรงพยาบาลตามที่ถูกลูกน้องของอาโอมิเนะขอมา...

    "...ผมไม่พกขอแปลกๆ แบบคุณแน่ครับ มิโดริมะคุง" คุโรโกะตอบเชิงปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกัดเพื่อนผมเขียวของตนหน่อยๆ ด้วย

    "นายว่าใครห๊า!?" มิโดริมะ ชินทาโร่นายแพทย์ใหญ่ของโรงพยาบาลแห่งนี้แยกเขี้ยวใส่คนหน้านิ่งแต่เกรียน

    "ใครรับก็คนนั้นแหละครับ" คุโรโกะตอบกลับอย่างเจ็บแสบตามปกติ

    "wwwชินจังโดนซะแล้ว" ทาคาโอะเดินเข้ามาพร้อมเอกสารมาส่งให้มิโดริมะตามหน้าที่ของบุรุษพยาบาลที่ถูกจัด (บังคับ) ให้ทำงานคู่กับนายผมเขียวคนนี้

    "เงียบไปเลยทาคาโอะ" มิโดริมะค้อนใส่คนผมดำเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปดุอาโอมิเนะแทน "แล้วนายก็เลิกนิสัยขี้เกียจของนายก็ดีนะ มีอย่างที่ไหนโดนยิงแล้วเอามีดผ่าออกเองแถมยังทำแค่เอาพลาสเตอร์ปิดอีก"

    "เอาน่าๆ ยังไงแผลก็ปิดเหมือนกันแหละ" อาโอมิเนะตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะถามสิ่งหนึ่งกับอดีตเงาของตน "ได้ข่าวว่านายจะไปตรวจค้นเพื่อหาคนที่ก่อเรื่องที่โรงเรียนนายเมื่อสิบปีก่อนเหรอ? แถมให้อาคาชิช่วยอีก..."

    "ครับ...และเดี๋ยวผมก็จะเดินทางไปหลังจากนี้แหละครับ" คุโรโกะตอบ

    "วู่วามไปหรือเปล่า? ได้ข้อมูลวันนี้ก็จะไปเลยเนี่ย?" มิโดริมะถาม...ซึ่งดูเหมือนถามไปงั้นๆ มากกว่า เพราะรู้ดีว่าต่อให้จับมัดไว้อีกฝ่ายก็จะหาทางเพื่อไปให้ได้อยู้ดีนั้นแหละ...

    ...ก็เล่นเฝ้าตามหามาสิบปีแล้วนี่นะ...

    "งั้น...เอ๊า! นี่!" ทาคาโอะเดินมาหาพร้อมติดอะไรสักอย่างบนหัวคุโรโกะ "เมื่อเช้าดูรายการ ‘โอฮา-อาสะ’ กับชินจัง เห็นบอกว่าราศีกุมภ์ลักกี้ไอเทมวันนี้คือกิ๊บดำ"

    "...ขอบคุณครับ" คุโรโกะรู้สึกว่าอย่างน้อยก็โชคดีที่มันเป็แค่กิ๊บดำไม่ใช่ของแปลกๆ อย่างที่เพื่อนที่ตอนนี้เป็นหมอพกไปมาทุกวัน

    "เฮ้! เท๊ตสึ! อย่าคิดทิ้งฉันไว้นี่เชียว! ฉันจะไปด้วย!" อาโอมิเนะเริ่มโวยทันทีที่เห็นว่าคุโรโกะกำลังจะเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งเขาไว้กับไอ้เขียวแว่นเนี่ย!

    "นายไม่ต้องเลย! บาดเจ็บก็นอนเฉยๆ ไปซะ!!! ทาคาโอะมาช่วยฉันจับอาโอมิเนะเร็ว!!! คุโรโกะนายจะไปไหนก็รีบไปเลยนะ! เดี๋ยวเจ้านี้ก็ตามไปหรอก! นายอยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองไม่ใช่หรือไง!?!" มิโดริมะพยายามล็อกคอกันคนผิวคล้ำหนี พร้อมออกปากไล่คุโรโกะทีทไม่ค่อยเหมือนไล่ซะเท่าไหร่

    "...ครับ" คุโรโกะเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มเบาๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากโดยไม่มีใครทันสังเกต ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยเหมือนยามปกติ

    ...ผมจะไปหาคุณแล้วนะครับ...ฟุริฮาตะคุง...

     

     

     

     

     

    ...ช่วยด้วย...

    นี่เป็นคำที่เขาเอ่ยในใจนับไม่ท้วน...ความปรารถนาที่อยากออกไปจากที่แห่งนี้...

    เวลาที่วนผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาถูกขังที่นี่ แต่คงนานจนขนาดตัวเขาจำไม่ได้ว่าเขามาอยู่ที่นี้ได้ไง เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ถึงถูกขังในกรงเงินใบนี้อย่างไร้ซึ่งอิสระ...

    ตอนนี้สิ่งที่เขารู้คือทุกวันจะมีชายคนหนึ่งที่มักพกดาบเล่มหนึ่งติดตัวไว้เดินมาหา พร้อมกับ...ขืนใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะวอนขอแค่ไหนร่ำไห้เพียงใดอีกฝ่ายก็ไม่สนว่าเขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน...ความเจ็บในหัวใจที่เขาไม่รู้ที่มา...

    หลังจากที่ขืนใจเขาเสร็จชายคนนั้นก็จะเดินจากไปโดยไม่สนใจอะไรเขาเลย...ส่วนตัวเขาทำได้เพียงร่ำไห้เงียบคนเดียว...ตัวคนเดียวตลอดมา...

    เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้กับเขาที่เป็นผู้ชายเหมือนกันทำไม เขารู้เพียงชายคนนี้คือคนที่พาเขามาที่นี่ เป็นคนที่โหดร้ายมาก...มักทำกับเขาราวเป็นตุ๊กตาที่จะทำอะไรก็ได้ อย่างเช่นถ้าวันไหนหนวดเครายาวขึ้นมาจนสังเกตได้ล่ะก็เจอจะถูกจับโกนหนวดด้วยดาบที่อีกฝ่ายพกมาจนน่ากลัวว่าสักวันหัวเขาจะหลุดออกจากบ่าจริงๆ ...แต่อีกฝ่ายคนไม่ยอมให้ตายอย่างสบายง่ายๆ หรอก ถึงเขาอยากที่จะตายจากไปเพื่อไม่ต้องพบความทรมานนี้อีกเลย...

    แต่...ทำไมในความฝันเขาถึงมักเห็นภาพลางๆ ของใครสักคนยืนอยู่ คนคนนั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยรู้จักกันมานานแล้วและจากนั้นคนในความฝันนั้นก็...ยิ้มอ่อนโยนให้กับตัวเขา พร้อมกับเสียงเรียกชื่อของเขาที่ฟังดูอบอุ่นเหลือเกิน...

    ...มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะตายจริงๆ

    ...ทั้งที่ไม่เคยเจอกัน...

    ...แต่ทำไมรู้สึกคุ้นเคยนักนะ?...

    ...หรือเขารู้จัก แต่เขาลืมเลือนมันไปเสียหมดแล้ว...

    ...คุณเป็นใครกันแน่นะ?...

     

     

     

     

     

    "ผู้กองที่นี่แหละครับ" นายตำรวจคนหนึ่งเดินมาบอกกับชายหนุ่มผมฟ้า

    ตอนนี้พวกเขามาแอบซุ้มดูโกดังขนาดใหญ่และกว้างมากที่ตั้งอยู่ในป่าลึกที่ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาบนหุบเขาสูงใหญ่ในจังหวังกุนมะ...ซึ่งดูยังไงก็เป็นสถานที่ผิดกฏหมายแน่นอน กลิ่นเหม็นไหม้ กลิ่นซากศพลอยคละคลุ้นไปทั่ว มีคนถือปืนเฝ้ายามอยู่ที่หน้าโกดัง ดูราวกับภาพในภาพยนต์เรื่องไหนสักเรื่อง...

    ...และในไม่ช้าพวกเขาจะบุกทำลายมัน

    "บอกให้ทุกคนเตรียมพร้อม...พวกเราจะบุกเข้าไปเลย" คุโรโกะเริ่มสั่งการ "ทุกคนจำไว้นะครับ ถ้าท่าจะไม่ไหวเมื่อไหร่ให้รีบหนีทันที เข้าใจนะครับ?"

    "ครับ!" เหล่านายตำรวจทุกนายขานรับพร้อมกัน

    "ผมจะเป็นคนบุกไปหาตัวหัวหน้าของที่นี่ ผมว่ารายนั้นคงจะไม่ออกมาร่วมวงกับพวกที่หน้าประตูแน่...เอาล่ะ ไปกันเลย!!!" คุโรโกะตะโกนเป็นสัญญาณพร้อมที่ตำรวจทุกนายต่างบุกไปยังโกดังที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางป่าอย่างไม่รีรอ

    และเพียงไม่นานความสับสนอลมานก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างห่ำหั่นใส่กันอย่างต้องการชนะซึ่งกันและกัน

    เสียงปืนเสียงมีดเสียงดาบต่างดังไปทั่วทั้งบริเวณ เรียกให้คนที่อยูในโกดังพากันกรูออกมาราวกับกับมดแตกรัง

    คุโรโกะกับตำรวจอีกสามสี่นายใช้โอกาสที่ไม่มีใครทันเห็นวิ่งเข้าไปในโกดัง ในโกดังนี้ถูกแบ่งออกเป็นห้าห้องซึ่งหนึ่งในนี้น่าจะมีห้องที่หัวหน้าของกลุ่มนี้อยู่ แต่เพียงแค่ในห้องแรก...ภาพเบื้องหน้านั้นทำให้พวกเขาถึงกับตกตะลึง...

    ...ภาพคนมากมายถูกขังในกรงเหล็กอัดเบียดกันจนแทบไม่มีที่ให้ยืน และที่น่าตกใจมากกว่าคือ...ภาพซากศพมนุษย์ที่กองทับถมกันที่มุมหนึ่งของห้อง ราวกับฉากนรกที่คุโรโกะเคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้ว...เมื่อสิบปีก่อน

    "พวกคุณช่วยคนพวกนี้หนีไปทีนะครับ ผมจะไปหาว่ามีที่อื่นอีกหรือเปล่า..." คุโรโกะสั่งพร้อมวิ่งไปดูที่ห้องต่อไป แต่เป็นห้องว่างเปล่าเสียนิ คุโรโกะเลยวิ่งไปยังห้องต่อไป...และเขาก็ถึงกับชะงันเใอเห็นภาพตรงหน้า...

    กรงนกสีเงินขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบครึ่งห้อง ภายในกรงมีเตียงคู่เตียงหนึ่งวางอยู่ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึง...เป็นร่างที่อยู่บนเตียงนั้นต่างหาก...

    ...ร่างผอมบางของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยาวเกือบถึงกลางหลังที่ขดตัวด้วยความหวาดกลัว ดวงตาสีน้ำตาลใสมองมายังเขาอย่างไม่ไว้ใจ ทั้งร่างมีเพียงเสื้อตัวใหญ่หลวมโพลกสวมอยู่เท่านั้น...

    ถึงต่างจากในอดีตแต่นายตำรวจผมฟ้าก็จำได้ดีว่าอีกฝ่ายคือ...

    "ฟุริฮาตะคุง!!!" คุโรโกะรีบพุ่งไปเกาะกรงนกตรงหน้าจนอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งและถอยห่าง...เป็นท่าทางที่คุโรโกะไม่ชอบเองเสียเลย

    "คุณ...เป็นใครกัน?" สิ่งที่เสียงอันสั่นเครื่อถามออกมา...บ่งบอกว่าอีกฝ่ายจำตัวตนของคุโรโกะ เท็ตสึยะไม่ได้...

    ...แต่ยังไงก็ช่างสำหรับเขาแค่ฟุริฮาตะ โคกิยังมีชีวิตอยู่เขาก็พอใจแล้ว...

    "ผมคุโรโกะ เท็ตสึยะครับ" คุโรโกะตอบแม้ภายในจะเจ็บปวดกับการที่อีกฝ่ายจำเขาไม่ได้ก็ตาม "...ผมมาช่วยคุณครับ"

    "ช่วยผม?" ฟุริฮาตะมองคนตรงหน้าคล้ายว่าเริ่มที่จะมีความหวังบ้างอย่าง "คุณจะพาผมออกจากที่นี่เหรอครับ?"

    "ใช่ครับ...กรุณารอสักครู่นะครับ ผมจะหาอะไรมาสะดอดกลอน" คุโรโกะมองรอบๆ เพื่อหาของที่คล้ายๆ เส้นลวดอยู่สักพักแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่จะใช่ได้เลย...

    คุโรโกะเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะชะงัดเมื่อจับอะไรบ้างอย่างที่ติดบนผมของตนได้...

    ...จริงสิ ทาคาโอะคุงเอากิ๊บเหน็บผมเขาไว้ก่อนที่เขาจะมานี้นี่นา...

    นายตำรวจหนุ่มผมฟ้ารีบดึงกิ๊บออกมาจากผมตนแล้วดัดจนบิดเบี้ยวก่อนที่จะนพมาสอดเข้ารูกุญแจที่หน้ากรงนกนี้

    แกร็ง...

    เสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับที่ประตูกรงนกยักษ์นี้ถูกเปิดออก ฟุริฮาตะเดินออกมาอย่างโซซัดโซเซเนื่องจากถูกขังมาเป็นเวลานาน คุโรโกะเลยประคองอีกฝ่ายไม่ให้ล้ม

    "แหมๆ จะขโมยของเล่นของฉันเหรอ?" เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา...ร่างของบุคคลที่คุโรโกะเกลียดชังมาตลอด

    "ฟุริฮาตะคุงไม่ใช่ของเล่นของคุณ!!!" คุโรโกะกันตัวฟุริฮาตะที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวออกห่างจากคนตรงหน้า และกระซิบกับฟุริฮาตะเบาๆ เบาจนอีกฝ่ายไม่ได้ยิน "คุณรีบหนีไปนะครับ...ผมจะถ่วงเวลาไว้เอง"

    คุโรโกะไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ มือขาวผลักร่างของคนผมสีน้ำตาลออกไปพร้อมกับที่ชักปืนออกมายิงไปยังร่างของผู้ที่เป็นศัตรูของเขา

    ปัง! ปัง! ปัง!

    เสียงปืนดังลั่นทุกนัดต่างเล็งไปที่จุดตาย แต่อีกฝ่ายกลับกลิ้งหลบได้ทันทำให้บาดเจ็บแค่ที่แขนข้างหนึ่งเท่านั้น

    ชายหัวหน้าผู้ก่อการร้ายชักดาบซามูไรออกมาพร้อมฟาดฟันใส่คนผมฟ้าอย่างรวดเร็ว...ฟันปืนจนหลุดจากมือคุโรโกะ แต่คุโรโกะนั้นมีอาวุธลับซ่อนอยู่บ้างเลยชักมีดโค้งขนาดใหญ่จนเหมือนท่อนฟามากกว่าออกมา

    การต่อสู้ของทั้งสองต่างดำเนินต่อไปอย่างไม่มีใครยอมใครราวกับการบรรเลงเพลงแห่งการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด โดยผู้แพ้ต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง!!!

    โดยที่คุโรโกะไม่รู้เลยว่าคนที่ตนอยากให้หนีไปนั้นไม่อาจขยับไปไหนได้เพราะไม่ได้เดินเป็นเวลานาน แค่เดินได้ก็บุญแล้ว และที่สำคัญ...ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลนั้นรู้สึกว่าตนนั้นไม่อาจทำใจทิ้งคนผมฟ้าที่มาช่วยตนลงได้

    "อ๊าาาากกกกก!!!" เสียงลูกน้องของคุโรโกะดังขึ้นมาจนทำให้คุโรโกะชะงันเลยเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเข้าเล่นงาน...

    ...ดาบสีเงินแทงทะลุผ่านไหล่ข้างซ้ายจนไปติดอยู่ที่ผนักด้านหลังอีกฝ่าย

    "อึก!" คุโรโกะกัดฟันข่มความเจ็บปวดไว้ มีดในมือหลุดร่วงลงกระทบพื้นเสียงกังวาน

    "ห่วงลูกน้องหรือไง?" ชายหนุ่มยิ้มเย็นๆ ให้คุโรโกะ "โง่จังน้าาาา ปานนี้แล้วลูกน้องนายคงพากันหนีทิ้งนายไว้คนเดียวแล้วล่ะ"

    "ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดีสิครับ" คุโรโกะเยียดยิ้มส่งกลับไป แม้สถานการณ์ตอนนี้เขาจะถูกฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้ก็เถอะ "ผมอยากให้ทุกคนหนีไปอยู่แล้ว"

    "นาย...คือคนเมื่อสิบปีก่อนสินะ?" ชายหนุ่มถามพร้อมดึงดาบออกมาจากแขนของคุโรโกะ "อุตสาห์ปล่อยให้รอดไปแล้วยังกลับมาหาที่ตายอีกนะ..."

    "ผมคงไม่คิดตามมานี้หรอกครับ ถ้าคุณไม่ลักพาตัวฟุริฮาตะคุงมาด้วย" คุโรโกะตอบอย่างใกล้หมดแรง เพราะตัวเขาที่ความอึดติดลบนั้นมักรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ยิ่งเขาถนัดลอบโจมตีมากกว่าด้วยแบบนี้เลยกลายเป็นเขาเสียเปรียบเต็มๆ

    "ปากเก่งจริง..." ชายหนุ่มยิ้มก่อนที่จะเงื้องดาบขึ้น หมายจะฟันคุโรโกะแบบในอดีต "...แต่คราวนี้ฉันคงต้องฆ่านายแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ...บายคุณตำรวจ"

    ฉับ!!!

    "ไม่จริง..." ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างเมื่อภาพไม่คาดฝันเกิดขึ้นตรงหน้า...เมื่อร่างที่มีเรือนผมสีน้ำตาลพุ่งเข้ามารับดาบแทนเขา เลือดสีแดงสาดกระเซ็นราวกับสายฝน ร่างนั้นล้มลงไปแน่นิ่งกับพื้น...ทุกอย่างฉายชัดในดวงตาของคุโรโกะ เท็ตสึยะ

    คุโรโกะกอดร่างที่ล้มกองนิ่งกับพื้นเบื้องหน้าตนขึ้นมา ชายหนุ่มผมฟ้าพยายามเขย่าให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมองเขา...แต่มันไม่เป็นผลร่างในอ้อมแขนนั้นแน่นิ่งไม่ขยับอะไรเลย นัยน์ตาสีฟ้าใสสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนเริ่มมีน้ำตาคลอ "...ฟุริฮาตะคุง!!!"

    "อะไรกัน..." ขนาดคนที่ลงดาบเมื่อครู่ก็ดูอึ้งไม่ต่างกับคนผมฟ้ามากนัก เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าร้บดาบแทนคนอื่นแบบนี้ และด้วย...ความรู้สึกที่เริ่มแทรกเข้ามาในจิตใจตั้งแต่เมื่อพบคนผมน้ำตาลตรงหน้าเมื่อสิบปีก่อน

    "เพราะคุณ..." เสียงอันเย็นเฉียบสร้างความหนาวยะเยือกให้แก่บริเวณรอบๆ "...ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ!!!"

    มีดด้ามยาวที่คุโรโกะทำตกก่อนหน้านี้ถูกคว้าขึ้นมาฟันแขนอีกฝ่ายจนขาดกระเด็นด้วยเรี่ยวแรงที่มาจากความโกธร ความเศร้า และความเจ็บปวดที่ไม่อาจมีใครรับรู้ได้พวนพุ่งออกมา ทุกอย่างแปลงเปลี่ยนเป็นความแค้นที่ยากจะลบล้าง

    "อ๊ากกกกก!!!" เสียงกรีดร้องของผู้สูญเสียแขนไปดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

    "เจ็บเหรอครับ? เจ็บมากสินะ?..." คุโรโกะมองอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น ช่างดูราวกับปีศาจแฟนท่อมที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อคนที่เขารัก...สุดหัวใจ "...มันเทียบไม่ได้สักเสี้ยวจากความเจ็บที่คุณพรากฟุริฮาตะคุงไปจากผมเลย!!!"

    คุโรโกะที่ถูกความโกรธครอบนำได้ใช้มีดฟันไปที่อีกฝ่ายไม่ยั้ง ตัวเขานั้นไม่รู้ว่าฟันไปกี่ครั้ง หรือใช้วิธีไหนในการที่จัดการอีกฝ่าย เพราะพอได้สติ...ร่างของศัตรูคู่อาฆาตของเขาก็ร่างโชกไปด้วยเลือด หายใจรินรวนใกล้ตายเต็มทีแล้ว

    นายตำรวจหนุ่มมองร่างที่โชกเลือดจากน้ำมือตนอย่างเย็นชา ก่อนที่จะเดินกลับไปหาร่างคนรักที่นอนสงบนิ่งอยู่กับพื้น...

    ...สุดท้าย...ผมก็ช่วยคุณไว้ไม่ได้อีกแล้วสินะครับ...

    ชายหนุ่มผมฟ้าใช้มือที่ชุ่มไปด้วยเลือดโอบอุ้มร่างของคนที่เขารักขึ้น และเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองเลย...

     

     

     

     

     

    "นายนี้มันบ้าระห่ำจริงๆ" เสียงเขียวๆ จากคนผมเขียวที่ตอนนี้ก็มองคนผมฟ้าตาเขียวจนใกล้จะเขียวไปทั้งตัวแล้วบ่นออกมา "มีอย่างที่ไหนไปบุกกับตัวหัวหน้ามันคนเดียวห๊า! รู้ก็รู้อยู่ว่านายน่ะสายบุ๋น! รู้งี้ให้อาโอมิเนะไปกับนายดีกว่า!!! แล้วยัง#/&%_&:$□•{$^!()!!!"

    คำบ่นยาวพรึบจากเพื่อนผมเขียวทำให้คนโดนบ่นได้แต่ยิ้มแห้งๆ ...

    ...ผมฟื้นปุ๊บ คุณก็มาบ่นทันทีเลยนะครับ...

    จากวันนั้นที่เขาบุกไปยังโกดังนั้นผ่านมาสามวันแล้ว ตอนนั้นหลังจากที่เขาอุ้มร่างของฟุริฮาตะคุงออกมาจากโกดังเขาก็เห็นคนที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะโผล่มาให้เห็นในสถานการณ์แบบนี้ ปกติเขาเห็นคนคนนี้สั่งการจากเบื้องบนมากกว่า...

    ...คนคนนั้นคืออาคาชิ เซย์จูโร่นั้นเอง...

    ...เขามองทุกคนโดยรอบบริเวณนั้นที่ดูเหมือนกลุ่มของเขาจะปลอยภัยกันดีทุกคน จะมีก็แค่เจ้าของเสียงร้องที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้ที่หน้าซีดตัวสั่นและมองอาคาชิคุงอย่างหวั่นเดาว่าคงโดนอาคาชิคุงแกล้งล่ะมั่ง และจากนั้นโดยที่เขายังไม่ทันพูดอะไรออกมาเขาก็โดนเหล่าคนมากับเขาพร้อมกับอาคาชิคุงแบกเขากับฟุริฮาตะคุงขึ้นฮ. ที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน...หลังจากนั้นสติเขาก็วูบไป

    พอเขารู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ไม่ทันที่สมองจะประมวลผลอะไรก็เป็นอย่างที่เห็นนี้แหละ...

    "ชินจัง...พอก่อนเถอะ...หูฉันอื้อแล้วอ่ะ" ทาคาโอะที่ยืนฟังมิโดริมะบ่นอยู่นานสองนานในที่สุดก็เอ่ยออกมาอย่างทนไม่ไหว...

    ...นี้นายหายใจทางไหนเนี่ย?! เล่นบ่นแบบไม่มีหยุดพักเลย!...

    "นั้นสิ นายบ่นจนฉันจะหลับแทนเท็ตสึแล้ว..." อาโอมิเนะหาวออกมาอย่างไม่เดือดร้อนอะไร

    "พวกนายนี่มัน..." มิโดริมะสุดท้ายก่อนเปลี่ยนจากบ่นมาเป็นเครียดกับพวกที่ไม่รู้จักกังวลอะไรกับเขาแทน ทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย

    "ดูรื่นเริงกันดีนะ" ชายผมสีแดงที่เปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามาเรียกสายตาจากคนทั้งห้องได้เป็นอย่างดี

    "อาคาชิคุง..." คุโรโกะเรียกคนที่เดินเข้ามาเบาๆ

    "ไง เท็ตสึยะ...ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม?" อาคาชิถามไถตามประสา

    "ไม่เป็นไรครับ แล้ว..." คุโรโกะเมื่อมั่นใจว่าจะไม่มีใครพูดแทรกขณะเขาพูดก็จะถามถึงสิ่งที่เขาคำนึงหามากที่สุด "...แล้วฟุริฮาตะคุงล่ะครับ?"

    ...ฟุริฮาตะคุงปลอดภัยหรือเปล่า? หรือว่า...

    ...เขาจะเสียอีกฝ่ายไปอีก...

    ...ตัวเขานี่ช่างน่าสมเพสจริง...

    ...ที่ไม่สามารถช่วบคนที่ตัวเองรักได้...

    ...ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว...

    "เท็ตสึยะ..." อาคาชิเรียกคนผมฟ้าที่เริ่มจมในความคิดของตนเอง ให้หันมามองตน "...เรื่องนี้ฉันว่านายไปดูเองดีกว่า"

    "ครับ..." ถึงคุโรโกะจะไม่เข้าใจว่าอาคาชิให้เขาไปดูเองหมายความว่าไง?

    ทั้งสามพาคุโรโกะเดินออกจากห้องพักไปยังห้องพักที่ไม่ห่างจากห้องพักของเขาเท่าไหร่นัก ที่ป้ายหน้าห้องติดชื่อคนที่พักในห้องนั้นไว้...ว่าฟุริฮาตะ โคกิ...

    คุโรโกะเมื่อเห็นแบบนี้ก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ จึงรีบเปิดประตูเข้าไปจนประตูห้องแทบจะพัง...

    ...เมื่อเข้ามาภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือภาพชายผมสีน้ำตาลที่มีผ้าพันแผลพาดตั้งแต่ไหล่ลงไปจนถึงหน้าท้องกับชายผมสีเพลิงกำลังคุยกันอยู่

    "อ๊ะ! ไงคุโรโกะ" คนผมสีเพลิงทักทันทีที่เห็นคนคุ้นเคยโผล่เข้ามา

    "สวัสดีครับ คางามิคุง..." คุโรโกะทักตามมารยาทก่อนที่จะเดินตรงเข้าหาฟุริฮาตะ "ฟุริฮาตะคุง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ยังเจ็บหรือเปล่า? มีอาการแทรกซ้อนอะไรไหม? แล้ว..."

    "เดี๋ยว! คุโรโกะพอก่อน...ดูท่าสมองฟุริจะตามไม่ทัน" คางามิพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนผมสีน้ำตาลของตนทำหน้าเอ๋อๆ อย่างตามไม่ทัน "เอาเป็นว่าฉันตอบแทนแล้วกัน เพราะเมื้อฉันก็เพิ่งถามไป ฟุริน่ะอาการปกติดีแผลก็ปิดเร็วกว่าที่คิด อาการแทรกซ้อนก็ไม่มีตอนนี้เหลือแค่รอดูอาการแค่นั้นแหละ"

    "งั้นเหรอครับ..." คุโรโกะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

    "เอ่อ คือ..." เสียงเรียกจากคนที่เพิ่งหายเอ๋อเอ่ยขึ้น "...ผมขอถามอะไรหรอกได้ไหม?"

    "ครับ...ได้ครับ" คุโรโกะตอบทันที ขณะที่หยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่ง พร้อมกับที่พวกคางามิโดนเรื่องตัวไปช่วยงาน...หรือพูดให้ถูกคืออาคาชิเห็นว่าน่าจะให้ทั้งสองคุยกันสองคน จึงลากทั้งคางามิ อาโอมิเนะ ทาคาโอะ และมิโดริมะออกไป

    "คุณอยากถามอะไรก็เชิญเลยครับ" คุโรโกะพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่กล้าที่จะเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน

    "ค...ครับ...คือว่า...คุณ...เป็นคนรักของผมเหรอ?" พอพูดออกมาฟุริฮาตะแทบกัดลิ้นตัวเองตายเพราะปากดันถามออกมาตรงๆ ทั้งที่ตอนแรกกะจะถามอ้อมๆ เอา...

    ...ตอนนั้นที่เขาเห็นฉากการสู้กันของสองคนนั้นเขาเห็นภาพภาพหนึ่งลอยเขามาในหัว...ภาพที่เขาเห็นคือภาพของคนที่คล้ายกับคนผมฟ้าตรงหน้าเขามากร้องเรียกชื่อเขาขณะที่ตัวเขาถูกพาออกห่างจากอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ รอบข้างต่างมีซากศพมนุษย์จำนวนหนึ่งล้มอยู่รอบบริเวณ...เขาจำได้ว่าเสียงนั้นคือเสียงที่เขาได้ยินทุกครั้งในความฝันมาตลอด

    ...ดังนั้นเขาจึงอยากรู้...ว่านั้นเป็นเพียงจินตนาการของเขาหรือความจริง...

    คุโรโกะพอได้ยินคำถามนี้ก็อึ้งเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มบางๆ ออกมา "ใช่ครับ..."

    "งั้นผมขอถามอีกข้อนะ..." ฟุริฮาตะยังคงอยากรู้เรื่องจริงมากกว่านี้

    "เชิญครับ" คุโรโกะตอนนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายถามมากเท่าไหร่ก็คงจะตอบทั้งหมดนั้นแหละ เพราะดูเหมือนว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายนึกเรื่องของเขาออก...แม้เพียงสักนิดก็ดี

    "เมื่อตอนนั้น...ที่ผมถูกพาไปที่นั้น...ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?" ฟุริฮาตะถาม...ภาพในหัวที่ทับซ้อนกันไปมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนว่านี้คือเรื่องจริงทั้งหมดแน่เหรอ?

    "ครับ คือว่าตอนนั้น..." คุโรโกะเริ่มเล่าเรื่องราวเมื่อสิบปีก่อนที่เขาไม่เคยเอ่ยปากพูดออกมาเลยตลอดสิบปีที่ผ่านมา ทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด และเมื่อเหล่าเรื่องราวทั้งหมดจบ คุโรโกะก็เห็นอีกฝ่ายก้มหน้านิ่งจนน่าเป็นห่วง คนผมฟ้าเอามือแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ "ฟุริฮาตะคุง...ไม่เป็นไรนะครับ?"

    "อ๊ะ!" ฟุริฮาตะสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมองคุโรโกะที่ตอนนี้หน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนแทบจะจูบกันอยู่แล้ว พร้อมกับภาพในหัวแว่บขึ้นมาอีกครั้ง...คราวนี้มันช่างชัดเจน ทุกอย่าง...ช่างชัดเจนราวกับยังอยู่ในช่วงเวลานั้น "...คุโรโกะ"

    ตึ๋ง...

    สายธารไหลลงมาจากดวงตาสีน้ำตาลทั้งสองข้างของคนตรงหน้าอย่างไม่อาจหักห้าม ทำให้คุโรโกะสะดุ้งสุดตัวอย่างเห็นได้ยาก มือไม้พยายามปลอบคนตรงหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร "ฟ...ฟุริฮาตะคุง! คุณเป็นอะไรไปน่ะครับ!?!"

    "คุโรโกะ..." ฟุริฮาตะคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดอย่างโหยหา "...นึกออกแล้ว...ฉันจำนายได้แล้ว...ฮือ..."

    "ฟุริฮาตะคุง..." คุโรโกะโอบกอดอีกฝ่ายกลับ ราวกับพิสูจน์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นความจริง "...ในที่สุดก็จำผมได้สินะครับ"

    "ฮือ อยากเจอ...อยากเจอมาตลอดเลยนะ...คุโรโกะ" ฟุริฮาตะฝังหน้าลงบนไหล่ของคนรักตนที่แยกจากกันมานาน...ในตอนนี้ได้กลับมาอยู้ด้วยกันอีกครั้งแล้ว

    "ผมก็เหมือนกันครับ...ฟุริฮาตะคุง" คุโรโกะลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมให้คำสัญญาในใจ...

    ...จากนี้ไป...จะไม่มีใครแยกเราจากกันได้อีกแล้วนะครับ ฟุริฮาตะคุง...

    ...ผมขอสัญญา...

     

     

     

     

     

    "แผนของนายสินะ? อาคาชิ" มิโดริมะถามขึ้นขณะที่ตนถูกลากมาที่ห้องพักของคุโรโกะ

    "ใช่" อาคาชิตอบอย่าง...มาดราชามาก

    "แต่...นายคิดว่าฟุริจะฟื้นความจำได้จริงๆ เหรอ?" คางามิถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองของตน

    "ได้ไม่ได้ก็ต้องลองเสี่ยงดู..." อาคาชิหยิบเอกสารปึกหนึ่งขึ้นอ่าน "...ว่าแต่คนที่เท็ตสึยะจัดการตายยังเนี่ย?"

    "เป็นครึ่งตายครึ่งน่ะ..." มิโดริมะให้คำตอบแก่เพื่อนตน "...ดูท่าคุโรโกะลงมือไม่ยั้งเลยล่ะ"

    "นั้นสินะ เท็ตสึต้องเขียนรายงานส่งแหง" อาโอมิเนะเท้าคางกับหน้าต่างอย่างเซ็งๆ กับการรอให้เพื่อนตนคุยกันเสร็จ

    "เอาเถอะน่า...ยังไงทุกอย่างก็จบลงด้วยดีนี่..." ทาคาโอะพูดขึ้นอย่างสบายอารมณ์ตามนิสัยคนไม่ค่อยคิดมาก

    "นั้นสินะ..." ทุกคนภายในห้องต่างเอ่ยออกมาพร้อมกัน และปล่อยให้เพื่อนผมฟ้าของตนจัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเอง...

    ...เรื่องราวที่เพื่อนของพวกเขารอมาตลอดสิบปีมันก็ได้มาถึงจุดจบเสียที

     

     

     

     

     

     

     

     

          

    End

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×