ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #236 : [SakuFuri] C (?)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 726
      29
      1 มี.ค. 62

    Title :   C (?)

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Sakurai x Furihata

    Notes : มามั่วมาเต็ม MAX เช่นเดิม WWW

    .....................................................................................

    C (?)

     

     ขอโทษครับๆๆๆๆ ผมขอโทษครับ!!!เสียงหนึ่งดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลในชุดของนักกีฬาบาสของโรงเรียนมัธยมปลายเซรินคนหนึ่งดวงตากลมใสเหมือนแมวมีน้ำตาคลอหน่อยๆ อย่างน่าสงสารกำลังก้มหัวขอโทษแต่ละคนที่ทำหน้าเอือมระอาภายในโรงยิมแห่งนี้

    เออ...มันใช่เรื่องที่ต้องขอโทษไหมเนี่ย?” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอีกคนในชุดของชมรมบาสโรงเรียนมธยมปลายโทโอวได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับสถานการณ์ในตอนนี้

     เอิ่ม...ว่าไงดีล่ะ บางทีก็ควรนะ แต่คนควรขอโทษน่ะมันอีกคนกัปตันทีมของชมรมบาสเซรินเหล่มองเด็กสาวผมน้ำตาลที่เป็นต้นเหตุของเรื่องในคราวนี้...ซึ่งกำลังยืนคุยกับโค้ชทางฝั่งโทโอวอยู่

     แล้วแบบนี้จะเอาไงดีครับ?” เด็กหนุ่มผมฟ้าผู้แสนจืดจางเอ่ยขึ้น เล่นสลับนิสัยกันเนี่ย...มันแปลกๆ นะครับ

     สลับร่างไปเลยคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่สลับนิสัย...เด็กหนุ่มผมดำหน้าจิ้งจอกที่ปกติยิ้มได้แทบตลอดเวลาในงานนี้ก็ถึงกับเหงื่อตกเหมือกัน...ก็อยู่ๆ มาเจอรุ่นน้องตัวนิสัยเปลี่ยนไปเพราะโดนสลับนิสัยกับคนอื่นแถมสาเหตุมาจากการที่ของแปลกๆ ดันลอยมาโปะหน้าเนี่ยเป็นใครก็ต้องปวดขมับกันทั้งนั้นแหละ

    คิดแง่ดี...อย่างน้อยก็เป็นคนปกติกับคนปกติ (?) ล่ะนะพ่อตัวประกอบ (เอาดีๆ เซ่! // สึสะ , ไม่รู้ไม่ชี้ // S) เอ่ยขึ้นมาอย่างปลงๆ ...ก็สองคนนี้อย่างน้อยก็นิสัยไม่ต่างกันมากนักนอกจากซากุราอิขี้เกรงใจกว่ากับติดนิสัยชอบพูดว่าขอโทษแค่นั้นเอง

    จะพยายามคิดแบบนั้น...อิมาโยชิ โชอิจิกัปตันของชมรมบาสโทโอวได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ กับเรื่องที่เกินสามัญสำนึกของคนปกติธรรมดาไปไกลเช่นนี้พลางมองเศษซากวัตถุสีดำๆ มีออร่าแปลกๆ สีม่วงๆ ลอยขึ้นมาอย่างเด่นชัดของอะไรก็ไม่รู้ที่ตกอยู่ที่พื้นโรงยิม “...ว่าแต่ถามหน่อย...ตกลงไอ้นี่มันคืออะไรเนี่ย?”

     พายครับฮิวงะ จุนเปกัปตันของทางฝ่ายเซรินตอบกลับไป

     “...ไอ้ของชวนสยองแบบนี้นอกจากโมโมอิยังมีคนอื่นที่ทำได้สินะ?” อิมาโยชิเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ

     ก็อย่างที่เห็นแหละครับคุโรโกะที่รู้ฤทธิ์ของทั้งอาหารที่โค้ชตนทำและอาหารที่โมโมอิทำดีถอนหายใจออกมาอีกคน แล้ว...เอาไงต่อดี? ถึงสภาพนี่ดูจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่นิสัยเปลี่ยนไปพอสมควรแบบนี้นี่คนรอบข้างผิดสังเกตได้ง่ายๆ เลยนะ

    แต่ฉันห่วงเรื่องเคียวซังมากกว่านายตัวประกอบหนึ่ง (ฟุคุดะ) ไม่คอยกังวลกับนิสัยที่เปลี่ยนไปของเพื่อนตนเองเท่าไหร่นัก แต่กับกังวลเรื่องพี่ชายอีกฝ่ายเสียมากกว่า

    เคียวซังนี่ใครเหรอ?” ซากุราอิ เรียวที่ยามนี้นิสัยเปลี่ยนไปจากที่เป็นพวกขอโทษตลอดเวลากลายเป็นคนปกติ (?) เพราะของสุดพิสดารถามขึ้น

    เออ ขอโทษครับ...พี่ชายผมเอง ขอโทษครับๆๆๆฟุริฮาตะ โคกิผู้กลายเป็นเห็ดขอขมาแทนซากุราอิเอ่ยด้วยน้ำตาคลอนิดๆ

    “...พอฟุริกลายเป็นงี้แล้วทำไมดูน่าแกล้งจังหว่า?” นายเสือแดงคิ้วสองแฉก (ทำไมคำบรรยายมันแปลกๆ ฟะ!? // คางามิ , น่าๆ อย่าบ่นสิตัวเธอ // S) มองเพื่อนผมน้ำตาลของตนแล้วรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาตงิกๆ ...ชิวาว่าอัพเลเวลความน่าแกล้งแล้วสินะ

    ไม่รู้สินายมุขแป๊ก (ไหงของฉันเป็นงี้เนี่ย!? // อิสึกิ , ก็ตรงตัวดีออก // S) ส่ายหน้าวืด

    ว่าแต่พี่ชายฟุริทำไมเหรอ?” อิมาโยชิถาม

    ก็แบบว่า...นายตัวประกอบสอง (คาวาฮาระ) ที่เป็นลูกคู่กับฟุคุดะทำหน้าครุ่นคิดเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไงดี “...เกินคนนิดหน่อยน่ะครับ

    ขอโทษครับ...แต่ไม่นิดนะครับฟุริฮาตะเอ่ยแย้ง

    นิดสิ...เหลือความปกติแบบคนทั่วไปแค่นิดเดียวคาวาฮาระเอ่ยต่อด้วยสีหน้าปวดจิตปวดใจสุดแสน

    ข้อนี้ไม่เถียงเลยคางามิพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แล้วแบบนี้เอาไง? ถ้าเคียวซังเห็นว่าฟุริกลายเป็นงี้มีหวังป่วนนรกแตกแน่

    นั้นสิครับคุโรโกะขานรับอย่างเห็นด้วย

    เอาง่ายๆอิมาโยชิมองไปยังลูกทีมตน ซากุราอิ...นายให้ฟุริไปอยู่กับนายช่วงนี้แล้วกัน ยังไงช่วงนี้คนที่บ้านนายก็ไม่อยู่นิ

    เอ๊ะ? มันก็ได้หรอกครับ ว่าแต่อิมาโยชิซังทราบได้ไงครับ?” ซากุราอิถามขึ้นมา...จำได้ว่าเขาไม่ได้บอกใครว่าช่วงนี้อยู่บ้านคนเดียวนะ

    คิดว่าไงล้าาาาาาา?” อิมาโยชิลากเสียงยาว

    อย่าเพิ่งกวนคนอื่นเล่นสิเฮ้ยสึสะเกหัวเพื่อนที่เล่นไม่ดูเวลาของตนไปหนึ่งที

    เจ็บน้าาาาาาอิมาโยชิร้องโหยหวน (?) อย่างน่าถีบสักทีเหลือหลาย

    “...” อิสึกิมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาจุด จุด จุดก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมา

    ทำอะไรน่ะอิสึกิ?” ฮิวงะถาม
    โทรฟ้องคาซามัตสึซัง...อิสึกิตอบ

    หว่าๆ! อย่าน้าาาา!!!อิมาโยชิเมื่อเห็นว่าจะมีคนโทรฟ้องศรีภรรยาของตน (?) ก็เลิกโหยหวนเล่นทันที ถ้าฟ้องฉันก็โดนบ่นสิ!!!

    งั้นกรุณาอย่าเพิ่งนอกเรื่องสิครับอิสึกิเอ่ย

    “...ก็ได้อิมาโยชิทำหน้ามุ่ยและยอมเลิกเล่นแต่โดยดี

    งั้นกลับมาเรื่องเดิม...สรุปฟุริไปอยู่กับซากุราอิสักพักนะฮิวงะที่เห็นว่าความวุ่นวายจบลงไปเรื่องหนึ่งแล้วกำชับกับรุ่นน้องตน

    ขอโทษครับ...เข้าใจแล้วครับ...ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ

    และฝากฟุริซ้อมชมรมที่นี่ด้วยเลยแล้วกันนะครับพอเห็นว่ารู้น้องตนเข้าใจแล้วฮิวงะก็หันไปเอ่ยกับกัปตันของชมรมบาสโทโอวเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยพูดกับโค้ชของทางนั้นอีกที

    ได้ๆอิมาโยชิขานรับ

    โอเค งั้นแยกย้ายเมื่อได้ข้อสรุปกันแล้ว นักบาสของทั้งสองโรงเรียนก็ตัดสินใจแยกย้ายไปทางใครทางมัน...จะเหลือก็เพียงอิมาโยชิที่ต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับโค้ชตนก่อน ส่วนตัวคนที่สลับนิสัยกันนั้นโดนไล่กลับบ้านก่อนคนอื่นเสียอีก ทางคนที่โดนไล่กลับบ้านก็ได้แต่มองหน้ากันเองก่อนที่ซากุราอิที่โดยโยนหน้าที่ดูแลชิวาว่า (?) จะนำทางลูกหมาสีน้ำตาลที่อัพเกรดความเป็นชิวาว่ามากกว่าเดิมเมื่อพวกตนสลับนิสัยกันกลับบ้านไปด้วย

    กลับมาแล้วครับ...ซากุราอิเปิดประตูบ้านที่ไร้ผู้คนออกพลางเดินเข้าบ้านตนตามปกติ

    ขอโทษครับ...ขอรบกวนด้วยครับฟุริฮาตะเอ่ยตามมารยาทก่อนที่จะเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไป

    “...” ซากุราอิเกิดอาการคิ้วกระตุกเล็กน้อย...ตลอดที่เดินมาด้วยกันนี่อีกฝ่ายขอโทษเขาเกือบสองร้อยรอบแล้วนะ...

    ...เอิ่ม เพิ่งรู้ว่านิสัยตัวเองน่ารำคาญนิดๆ ก็งานนี้แหละ...

    SG แห่งโทโอวอดรู้สึกแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เมื่อมาเจอนิสัยตัวเองในแบบที่คนอื่นเห็น...เริ่มเข้าใจวากามัตสึซังที่ทำท่าเหมือนรำคาญนิสัยเขาบ่อยๆ แล้วสิ

    เด็กหนุ่มจากโทโอวได้เพียงส่ายหน้าปลงๆ แล้วเดินไปทำมื้อเย็นของตัวเองและแขกที่ตนพามาไป...ซึ่งโดยรวมๆ ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากฟุริฮาตะเอ่ยขอโทษนับสิบรอบจนซากุราอิเริ่มคิดว่าหากแก้ผลของอาหารสุดพิสดารได้แล้วตนคงต้องหาวิธีแก้นิสัยชอบขอโทษบ่อยๆ ของตนเองบ้างเพราะเริ่มเข้าใจสายตาที่คนนอกมองตนขึ้นมาแล้วในตอนนี้ จนกระทั่ง...

    เออ...ขอโทษครับ...” ...ฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นมาระหว่างที่พวกตนกำลังเตรียมเข้านอนกัน “...แล้ววันนี้ผมจะนอนไหนครับเนี่ย?”

    นอนด้วยกันนี่แหละ ลืมซักฝูงซากุราอิเอ่ย

    ครับ...ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ

    ...เออ...ยอมง่ายไปหรือเปล่าเนี่ย?...

    ซากุระอิแอบคิดในใจกับความใสซื่อของอีกฝ่ายเล็กน้อยเพราะตอนแรกกะแหย่อีกฝ่ายเล่นเฉยๆ ดันกลายเป็นว่าอีกฝ่ายยอมนอนกับตนจริงๆ ซะงั้น แต่ด้วยความขี้เกียจที่จะอธิบายอีกฝ่ายว่าตนล้อเล่นสุดท้ายซากุราอิกับฟุริฮาตะก็นอนเตียงเดียวกันไปในคืนนั้นเอง

     

     

     

     

     

    เช้าวันต่อมาที่แสนสดใส ซากุราอิได้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตามปกติก่อนที่จะชะงักเมื่อมีบางอย่างรัดเอวตนไว้ ดวงตาสีน้ำตาลก้มลงมองยังสิ่งที่เกาะเอวตนปานงูรัดแล้วถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเป็นแขนของคนบางคนที่กอดตนไว้ต่างหมอนข้างก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนั้นตนพาคนมานอนที่บ้านด้วย

    “...” ซากุราอิมองคนที่ยังหลับอยู่ในสภาพเอาผ้าห่มคลุมทั่วตัวเหลือเพียงแขนที่ยื่นออกมากอดเอวตนอยู่นิ่งๆ แล้วตัดสินที่จะปลุกอีกฝ่าย เออ...ฟุริฮาตะ ตื่นเถอะ

    งื้อ...ฟุริฮาตะครางในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งอย่างงัวเงีย

    “...” ซากุราอิตัวแข็งทื่อไปในทันใดเมื่อผ้าห่มร่วงลงจากตัวฟุริฮาตะและเผยให้เห็นอีกฝ่ายในสภาพที่...มีหูหางแมวสีน้ำตาลปรากฏขึ้นมาบนร่างกาย...

    ...ชิวาว่าน้อยกลายเป็นแมวน้อยไปเสียแล้ว!!!...

    “...” ซากุราอินิ่งอึ้งไปสักพักก่อนที่มือยาวจะคว้ามือถือมากดโทรออกหาใครบางคนด้วยความเร็วแสง “...โมชิโมชิ? ฮิวงะซัง...เกิดเรื่องแล้วครับ

    ว่า?’ ปลายสายหรือฮิวงะถามกลับอย่างงุนงงกับคนที่โทรมาแต่เช้าแถมยังพูดแบบไม่มีการทักทายอะไรให้มากความด้วย

    ฟุริฮาตะซังได้ออฟชั่นเสริมเป็นหูแมวโผล่มาครับซากุราอิเอ่ย

    คราวนี้มีของเสริมด้วยเหรอ?’ พอได้ยินแบบนี้น้ำเสียงของฮิวงะก็บ่งบอกถึงความปลงขึ้นมาในทันที เดี๋ยวนะ ฉันไปถามโค้ชก่อนว่าเมื่อวานนี่ที่ทำมันมันเป็นของอย่างเดียวหรือเป็นสองอย่างแต่ฉันดูไม่ออกเฉยๆ กันแน่แล้วกัน

    เข้าใจแล้วครับซากุราอิเอ่ย

    ว่าแต่นายมีเบอร์ฉันได้ไงเนี่ย?’ ฮิวงะถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเบอร์ตนสักหน่อย แล้วโทรมาได้อย่างไรกัน?

    คุโรโกะยัดเยียดให้เมื่อวานน่ะครับ บอกว่าเผื่อเกิดเรื่องซากุราอิตอบพลางนึกขอบคุณคนผมฟ้าสุดจืดจางที่เมื่อวานดันขโมยมือถือตนไปใส่เบอร์ของกัปตันทีมบาสเซรินไว้จริงๆ

    และหมอนั้นก็คาดการณ์ถูกฮิวงะเอ่ย เอาเถอะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันไปถามโค้ชก่อน ได้ความยังไงเดี๋ยวโทรกลับนะ

    ครับซากุราอิเอ่ยก่อนที่ปลายสายจะตัดสายไป เจ้าตัวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเหล่มองคนผมน้ำตาลที่ตอนนี้...นั่งหลับไปเสียแล้ว ฟุริฮาตะ...ตื่นได้แล้วครับ

    งื้อ...ฟุริฮาตะที่ยังงัวเงียอยู่ส่งเสียงรับในลำคอ “...เมียววววว

    “...เออ...ลองพูดอีกทีหน่อยครับซากุราอิเริ่มเหงื่อตกกับคำที่หลุดออกมาจากปากฟุริฮาตะเมื่อครู่...คงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดใช่ไหม?

    เมียว?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ ก่อนที่จะเอ่ยอีกรอบ...และเจ้าตัวก็ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อรู้ตัวว่าคำที่หลุดออกมาไม่ได้เป็นภาษามนุษย์แบบที่ตนพูดปกติ เมียวๆๆๆ!? เมี๊ยว! เมียวๆๆๆๆๆๆๆ!!!

    “...พูดไม่ได้สินะครับคราวนี้ซากุราอิได้เพียงยิ้มแห้งๆ กับสถานการณ์ในยามนี้พลางยื่นสมุดโน็ตกับปากกาให้อีกฝ่าย งั้นลองใช้วิธีเขียนไหมครับ?”

    “...” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับพลางรับสมุดปากกามาเขียนข้อความว่า...

    ...‘ทำไมผมพูดไม่ได้ล่ะ!?’...

    ดูเหมือนเป็นผลจากขอแปลกๆ เมื่อวานน่ะครับซากุราอิตอบกลับไป

    “...” ฟุริฮาตะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วเขียนประโยคถัดไป...

    ...‘แล้วทำไมนายไม่โดนล่ะ!?’...

    ไม่รู้สินะซากุราอิส่ายหน้าวืด...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่มีอะไรงอกเหมือนอีกฝ่ายทั้งๆ ที่ก็โดนเหมือนกัน และผมว่าตอนนี้เราไปแต่งตัวและกินข้าวเช้ากันเถอะครับ เดี๋ยวต้องไปซ้อมกันนะครับ

    “...” หูแมวของฟุริฮาตะลู่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะเขียนประโยคถัดไป

    ...‘ขอโทษครับ แต่ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ?’...

    คงไม่อยากหรอกนะครับเดี๋ยวผมโดนกัปตันบ่น และคุณอาจโดนไอดะซังลงโทษด้วยซากุราอิเอ่ยด้วยเหตุผล ทำให้ฟุริฮาตะที่ถึงแม้ไม่อยากไปไหนในสภาพนี้ก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอมไป งั้นไปกันเถอะครับ

    หลังจากที่จบเรื่องวุ่นๆ ในยามเช้าได้ส่วนหนึ่งทั้งสองก็พากันแต่งตัว กินข้างและรีบไปยังโรงยิมของโรงเรียนโทโอวเพื่อซ้อมชมรมกันโดยที่ลืมหาอะไรปิดหูหางที่งอกออกมาของฟุริฮาตะเสียสนิท...

    ไง มากันแล้วเหรอ?” ...และทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาอิมาโยชิก็เอ่ยทักพูดมาใหม่ทั้งสองทันที
    ครับ / เมียวซากุราอิกับฟุริฮาตะขานรับกลับไป

    เอ๊ะ? เหมียว?”  อิมาโยชิเอ่ยอย่างงงๆ กับคำพูดของฟุริฮาตะ

    ฉันว่าก่อนทักเรื่องเมียว ทักเรื่องหูหางของหมอนี่ก่อนไหม?” สึสะกรอกตาไปมากับเพื่อนตนที่ดูจะถามผิดประเด็นไปสักนิด...ว่าแต่ไหงมาในสภาพหูหางงอกแถมไม่คิดจะซ่อนสักนิดแบบนี้วะ?

    “...” ฟุริฮาตะเขียนข้อความลงในสมุดโน๊ตที่พกติดตัวมาด้วยแล้วยื่นให้สึสะดู...

    ...‘ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้ดูเหมือนผมจะพูดไม่ได้น่ะครับ’...

    ส่วนหูหางตื่นมาก็เห็นว่ามันโผล่มาแล้วครับซากุราอิเอ่ยเสริมขึ้นมา

    แล้วทำไมนายไม่โดนล่ะ?” สึสะถาม...หากให้เดา ไอ้หูหางนี่โผล่มาเพราะไอ้ของประหลาดๆ เมื่อวานแหงและถ้าเป็นนั้นการที่ซากุราอิกลับไม่ได้รับผลด้วยเนี่ยมันแปลกๆ นะ

    ไม่ทราบครับซากุราอิส่ายหน้าวืด

    หรือว่ามันจะปรากฏตอนหลัง?” อิมาโยชิเอ่ยตามความน่าจะเป็น

    เป็นไปได้แฮะอาโอมิเนะที่แอบซุ่มอยู่ (?) เอ่ยขึ้น...หากผลของของที่ว่าเนี่ยเหมือนของเพื่อนสมัยเด็กเขาเป็นไปได้สูงเลยว่าจะปรากฏขึ้นในตอนหลัง

    อา ถ้าคิดง่ายๆ ก็คงงั้นแหละวากามัตสึที่ยืนดูอยู่ห่างๆ มาตลอดเอ่ยอย่างเห็นด้วยกับอาโอมิเนะแบบที่นานๆ ครั้งถึงจะมีที

    งั้นไปซ้อมเถอะ เรื่องอื่นไว้ทีหลังสึสะที่เริ่มขี้เกียจคิดอะไรให้มากความกับเรื่องเกินสามัญสำนึกคนปกติดแบบนี้เอ่ย

    อา / เมียวเด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับก่อนที่จะแยกย้ายกันไปซ้อมชมรมกันตามปกติ...แต่จะมีที่ไม่ปกติคือการที่ฟุริฮาตะมาร่วมซ้อมด้วยกับการที่...

    ทำไมเหมือนไวขึ้นหว่า?” ...ตอนถึงเวลาซ้อมแข่งแบบทีมฟุริฮาตะ โคกิดูจะวิ่งเร็วกว่าเดิมมากจากครั้งล่าสุดที่เห็นจนน่าแปลกใจ

    อาจได้ความสามารถของแมวมา...มั้ง?” วากามัตสึลองคาดการณ์ดู...ไอ้ครั้งล่าสุดที่เห็นรายนี่ตอนซ้อมแข่งคืนเมื่อวานนี้ก่อนโดนของพิศวง (?) ลอยมาแปะหัว เป็นความเร็วของคนปกติคงไม่พุ่งพรวดพราดในวันเดียวแบบนี้ได้ง่ายๆ แน่หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเสริม

    คงงั้นสึสะที่เริ่มปลงกับเรื่องแปลกๆ เช่นนี้แล้วพยักหน้ารับส่งๆ ไป

    งั้นขอลองอะไรหน่อยดีกว่าอิมาโยชิมองฟุริฮาตะก่อนเผยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจออกมา (ถึงปกติก็ยิ้มเจ้าเล่ห์จนไม่น่าไว้ใจอยู่แล้วก็เถอะ // S , อย่าว่ากันสิ!!! // อิมาโยชิ)

    อย่าเล่นจนได้เรื่องนะครับ อิมาโยชิซังซากุราอิที่ชักเดาได้ลางๆ ว่ากัปตันทีมตนคงเกิดอาการนึกคึกอยากแกล้งคนอื่นตามเคยเอ่ยดักไว้

    ไม่หรอกน่าาาาาอิมาโยชิเอ่ยก่อนรีบเผ่นออกไปนอกโรงยิมและในสิบนาทีต่อมา... กลับมาแล้วววววว

    ...นายอิมาโยชิ โชอิจิก็กลับมาพร้อมกับต้นอะไรสักอย่างในมือ

    นั้นอะไร?” สึสะคิ้วกระตุกยิกๆ กับสิ่งที่เพื่อนตนถือมา

    ก็...อิมาโยชิยิ้มร่าพลางเดินไปหาเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่หูหางแมวงอกจากนั้น...

    เมียววววว” ...ฟุริฮาตะเริ่มเข้าไปถูไถ่อิมาโยชิด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงเหมือนคนเมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนทั้งโรงยิม

    “...หญ้าแมวไงอิมาโยชิเอ่ยประโยคต่อมาเป็นอันบ่งบอกถึงสาเหตุอาการของฟุริฮาตะในยามนี้ได้เป็นอย่างดี

    ไอ้บ้า!!! เอามาทำไม!?” สึสะแทบโดดถีบเพื่อนตนไปทีหนึ่ง...เล่นอะไรให้มีขอบเขตสักทีมันจะตายหรือไงวะ!?

    แอ๊ก! ก็อยากรู้นิ!อิมาโยชิที่โดนถีบร้องโอดครวญจนน่าถีบอีกสักรอบ

    แล้วเอาไงเนี่ยทีงี้?” ซากุราอิเอ่ยด้วยอาการเหงื่อตกเมื่อพออิมาโยชิโดนถีบแล้ว ฟุริฮาตะที่ตอนนี้ดูท่าจะเมาหญ้าแมวพอดูดันเปลี่ยนเป้าหมายมาถูไถ่ตนแทนเสียนิ

    จะเอาไงเหรอ? ก็ต้องรีบเอากลับบ้านสิ! จะรอให้โดนฉุดหรือไง!?” โค้ชแห่งโทโอวที่ตอนแรกกะทำเป็นไม่สนใจพวกตัวป่วน (?) สุดท้ายก็อดแว๊ดลั่นออกมาไม่ได้เมื่อลูกศิษย์ตัวดีดันมอมหญ้าแมว (?) ใส่เด็กโรงเรียนอื่นเสียแล้ว ซากุราอิ! วันนี้นายไม่ต้องซ้อมแล้ว! รีบพาหมอนี่กลับบ้านด่วนเลย!

    ครับ!ซากุราอิขานรับก่อนที่จะรีบจัดการหาทางลากคนเมากลับบ้านตนทันทีอย่ายากลำบากเพราะคนผมน้ำตาลนั้นถูไถ่ตนไม่หยุดจนเป็นเป้าสายตาชาวบ้านได้ง่ายๆ จนเจ้าตัวจำต้องหาทางกลับบ้านแบบให้มีคนเห็นน้อยที่สุด...สิบนาทีต่อมาในที่สุดซากุราอิก็สามรถกลับมาถึงบ้านได้สำเร็จและเผชิญปัญหาต่อไปคือ...

    ...สติเอ้ย สติ...ห้ามแตกเชียวนะ และห้ามเผลอกินแมวเด็ดขาด!...

    ...การโดนดาเมจจากคนกลายเป็นแมวบวกเมาเสียจนแทบยั้งสติไม่อยู่ จนซากุราอิต้องพยายามท่องประโยคนี้ในใจหลายร้อยรอบ...แถมยังไม่มีท่าทีว่าฟุริฮาตะจะปล่อยดาเมจน้อยลงเลยสักนิดอีกต่างหาก

    ...อาการเมาหญ้าแมวของหมอนี่โคตรไม่ดีต่อทั้งตัวเขาและต่อรายนี้เองเลยจริงๆ!!!...

    เมียววววววฟุริฮาตะลากเสียงยาวพลางเอาหัวถูไถ่ซากุราอิที่นั่งปลงโลกในห้องรับแขกไป

    อยู่นิ่งๆ ครับและเลิกถูกไถ่ผมด้วยซากุราอิเอ่ยอย่างเหนื่อยใจกับการพยายามคุมตัวเองไม่ให้ทำอะไรแปลกๆ ใส่อีกฝ่าย

    เมียวววววฟุริฮาตะยังคงไม่หยุดการกระทำของตน

    อยู่นิ่งๆ เถอะซากุราอิอยากร้องไห้เนื่องจากยามนี้นอกจากอีกฝ่ายพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังคงยิงดาเมจใส่ไม่ยั้งอีก

    เมียววววววววฟุริฮาตะทิ้งตัวลงบนตักอีกฝ่ายพร้อมส่งสายตาอ้อนๆ ใส่

    อย่านอนตักผมด้วยสิ!!!ซากุราอิทำหน้าราวจะร้องไห้...

    ...โธ่...เมื่อไหร่อาการเมาหญ้าแมวจะหายไปเนี่ย!? ผมไม่ใช่พระอินทร์พระปูนนะถึงโดนดาเมจรัวๆ แบบนี้แล้วจะไม่เป็นไรน่ะ!?...

    เมียวววววฟุริฮาตะมองซากุราอิตาแป๋ว

    “...” ทางคนโดนแมวเมา (?) โจมตีเริ่มสติกระเจิงเล็กน้อย แต่ไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้ทำอะไรแปลกๆ ออกไป...

    กริ้งงงงงงงงงงงง!!!

    ...เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาช่วยชีวิตพอดีและนั้นทำให้ซากุราอิรีบคว้ามือถือมากดรับสายทันทีก่อนที่ตนจะหน้ามืดกินแมวไปจริงๆ โมชิโมชิ?”

    เฮ้ย ไอ้เห็ดขอขมา...เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นมา

    ฮิวงะซัง?” คำเรียกคำเดียวทำให้ SG แห่งโทโอวเดาได้ทันทีว่าใครโทรมา...คนที่เรียกเขาแบบนี้มีคนเดียวแหละ

    คิดว่าใครล่ะ?’ ฮิวงะถามกลับอย่างติดกวนนิดๆ ฉันถามโค้ชมาแล้ว...รู้สึกว่าไอ้เมื่อวานนอกจากไอ้ของพิสดารที่พวกนายโดนไปแล้วก่อนหน้านั้นฟุริเผลอกินอาหารฝีมือโค้ชไปน่ะ

    สรุปผมคงไม่มีอาการหูหางงอกแบบฟุริฮาตะใช่ไหมครับ?” ซากุราอิถาม

    ตามนั้นฮิวงะตอบยืนยันทำให้เจ้าตัวถอนหายใจอย่างโล่งอกไปได้เปาะหนึ่ง

    แล้วไอ้การสลับนิสัยกับหูหางแมวของฟุริฮาตะซังนี่พอทราบไหมครับว่ามันจะเป็นนานกี่วัน?” ซากุราอิถามต่อ

    ตามปกติเร็วสุดก็ภายในวันนี้ ช้าสุดภายในสัปดาห์หน้าฮิวงะตอบ

    แล้วแต่ดวงสินะครับซากุราอิกรอกตาไปมา...แต่เอาเถอะ คิดแง่ดี อย่างน้อยก็คืนสภาพกันได้ชัวท์ๆ ล่ะ

    ตามนั้นฮิวงะเอ่ย แล้วฟุริล่ะ?’

    เมาหญ้าแมวอยู่ครับ...ซากุราอิตอบไปตามตรง

    ห๊า?’ ปลายสายส่งเสียงออกมาเหมือนงุนงงเล็กน้อย

    คือ...พอดีอิมาโยชิซีงอยากรู้น่ะครับว่าฟุริฮาตะซังจะเหมือนแมวขนาดไหนในตอนนี้ก็เลย...ซากุราอิอธิบายเพิ่มเติม

    โอเค เข้าใจล่ะ...ขอฟ้องคาซามัตสึซังแป๊บฮิวงะเอ่ย

    เชิญตามสบายครับสำหรับงานนี้ซากุราอิก็คิดว่ากัปตันทีมควรโดนสั่งสอนบ้างจริงๆ ไม่คิดห้ามปรามปลายสายแม้แต่น้อย

    งั้นแค่นนี้นะว่าแล้วฮิวงะก็กดตัดสายไป

    เฮ้อ...ซากุราอิถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางวางมือถือของตนลงก่อนที่จะสังเกตว่า...แมวน้อยสีน้ำตาลนั้นทำท่าจะมุดเสื้อตนแล้ว “...เฮ้ย!!! อย่ามุดเสื้อผมสิ!!!

    เมี๊ยวววววว!!!ฟุริฮาตะร้องครางเสียงยาว ดวงตาสีน้ำตาลใสยามนี้ดูหวานเยิ้มแปลกๆ จับจ้องมายังคนที่ตนเกาะอยู่

    อ...เออ อย่าบอกนะว่า...ซากุราอิเกิดอาการเหงื่อตกนิดๆ กับอาการของคนตรงหน้า “...เกิดอาการฮีทน่ะ!?”

    ...ซวย...ซวยแล้วไง!!!...ว่าแต่ปกติแมวตัวผู้มันฮีทได้ด้วยเหรอ!?...

    เมียววววราวกับขานรับ...ฟุริฮาตะร้องออกมาก่อนที่มือเรียวจะค่อยๆ ถอดกางเกงของตัวเองออก

    อึ๊ก! ฟุริฮาตะ...เดี๋ยว...ซากุราอิพยายามห้ามด้วยการหน้าแดงจากความเขินอายแบบไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปไว้ที่ไหน ในขณะที่อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตักตน...พร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกางเกงของตนแล้วควักบางอย่างออกมา “...เฮ้ย! หยุดก่อนครับ! ฟุริฮาตะซัง!!

    เมียววววววฟุริฮาตะที่ไม่ฟังคำค้านใดๆค่อยๆ ยัดแกนกายของซากุราอิเข้าช่องทางสีหวานของตนเองอย่างยากลำบากเนื่องจากไม่มีการเตรียมพร้อมใดๆ แถมเป็นครั้งแรก...แต่ด้วยแรงอารมณ์ตามธรรมชาติของสัตว์ทำให้แม้เจ็บปวดเจ้าตัวก็ยังคงทำต่อไป ฟุริฮาตะกัดปากล่างของตนแน่นพลางนิ่วหน้า เมื่อคุ้นชินแล้วจึงค่อยๆโยกกายขึ้นลงอย่างช้าๆ อึก...เนี๊ยว...

    “...” ซากุราอินิ่งค้างไปคล้ายกับสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะก่อนที่... “...คุณเป็นฝ่ายเริ่มนะครับ! เป็นไงต่อไม่รู้ด้วยแล้ว!!!

    อึก! ม...เมียว!” ...ตบะจะแตกเสียแล้ว เจ้าตัวดันฟุริฮาตะลงนอนแล้วขึ้นคล่อมแทนทั้งๆ ที่ส่วนนั้นยังติดกันอยู่ก่อนที่จะจับสะโพกอีกฝ่ายกระแทกเข้าไปไม่ยั้งเสียจนแมวน้อยสีน้ำตาลร้องครางไม่เป็นภาษา

    แน่นจังนะครับซากุราอิที่กลายร่างเป็นหมาป่าเสียแล้วแสยะยิ้ม...คาดว่ากิจกรรมนี้คงไม่จบลงง่ายๆ เป็นแน่แท้

     

     

     

     

     

    ...อา...ทำไปแล้ว...

    ...เขากินแมวไปแล้ว!!!...

    ซากุราอิกุ่มหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกอยากเอาหัวโขกผนังตายให้รู้แล้วรู้รอดเหลือหลายกับการกระทำที่น่าอายแถมเข้าข่ายอาญากรรมแบบนี้...ถึงอีกฝ่ายจะเริ่มก่อนก็เถอะ แต่เล่นมีอะไรกันที่ห้องรับแขกจนสุดท้ายมาจบที่เตียงแบบนี้มันชวนให้เขารู้สึกเหมือนติดหื่นมาจากอาโอมิเนะซังชอบกลนะ (ก็ใช่น้ะสิ // S , เดี๋ยวๆ ไหงวกมาแซะฉันได้ล่ะเฮ้ย!!! // อาโอมิเนะ)

    เฮ้อ...หวังว่าตื่นมาฟุริฮาตะซังจะจำอะไรไม่ได้นะ...ซากุราอิเอ่ยกับตัวเองพลางมองคนที่หลับข้างกายตนในสภาพเปลือยเปล่า ท่อนล่างเปอะเปื้อนไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นบ่งบอกได้อย่างดีว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น “...และหวังว่าอาการฮีทจะหายไปด้วยนะ ไม่งั้นเผลอกดต่อจนฟุริฮาตะซังขาดใจตายแน่

    อื้ออออเสียงครางเบาๆ ดังขึ้นมาจากร่างที่ยังไม่ได้สติพร้อมกับแขนที่ตวัดมากอดเข้าที่เอวทำให้ SG แห่งโทโอวสะดุ้งเล็กน้อย

    ขี้อ้อนจังนะครับซากุราอิหัวเราะอย่างเอ็นดูพลางยกมือลูบเรือนผมอีกฝ่ายเบาๆ

    “!?” ทันทีที่สัมผัสคนผมน้ำตาลก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาราวสัตว์ที่รับรู้ถึงภัยที่มาเยือน

    อ่ะ? ขอโทษครับๆ...ซากุราอิที่เผลอทำให้อีกฝ่ายตื่นหลุดขอโทษออกมาอย่างเคยชิน“...เอ๊ะ?”

    “?” ฟุริฮาตะเอียงคอมองซากุราอิที่กำลังงงๆ อยู่ก่อนที่จะเอาหัวถูกไถ่อีกฝ่าย เมี๊ยวววว

    “...นิสัยผมกลับเหมือนเดิมแต่คุณกลับกลายเป็นเหมือนแมวเต็มร้อยแทนเนี่ยนะ?” ซากุราอิถอนหายใจออกมาเบาๆ กับการที่ตนคิดนิสัยขอโทษตลอดเวลากลับมาในขณะที่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายตอนนี้ได้นิสัยแมวมาเต็มๆ เสียอย่างนั้น

    เมียววววฟุริฮาตะร้องเสียวยาวพลางเอาหน้าถูไถ่ซากุราอิ...แต่เป็นการถูไถ่ที่ไอ้ส่วนนั้นอ่ะนะ

    เออ...อย่าบอกนะครับว่าจะทำอีกรอบ?” ซากุราอิออกอาการเหงื่อตกนิดๆ ...ปกติแมวมันฮีทนานเท่าไหร่กันแน่เนี่ย?

    เมียววววฟุริฮาตะร้องเสียงยวราวเป็นการตอบรับ

    ขอโทษครับ...งานนี้ถ้ากลับร่างเดิมโทษผมไม่ได้นะครับซากุราอิเอ่ยพร้อมจับอีกฝ่ายกดลงบนเตียงเพราะอย่างไรเสียหากตนไม่เป็นฝ่ายเริ่ม อีกฝ่ายก็เริ่มอยู่ดี...และแล้วมหากรรมกินแมวก็เริ่มขึ้นอีกรอบจนมาถึงเช้าถัดมาอีกวัน...

    หาววววว...” ...ซากุราอิตื่นขึ้นมาอย่างปวดเมื่อยตามตัวนิดๆ เพราะออกแรงติดต่อกันเป็นเวลานาน...แถมยังหลายรอบมากด้วยเล่นซะคนกลายเป็นแมวสลบไปเลย

    ...นี่เขากดคนข้ามวันไปได้ไงเนี่ย?...

    หื้อ?” SG แห่งโทโอวมองคนข้างกายแล้วเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ กลับร่างเดิมแล้ว...

    ...ว่าแต่จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหมเนี่ย?...

    ซากุราอิทำหน้าครุ่นคิดพลางนึกในใจว่าโชคดีเหลือเกินที่เมื่อวานหลังจากที่กดอีกฝ่ายจนสลบแล้วเขาอุ้มฟุริฮาตะไปอาบน้ำอาบท่าพร้อมเอาของที่ตนปล่อยไว้ในตัวอีกฝ่ายออกมาให้และตนไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้อีกฝ่ายตื่นมาคลั่ง...และถ้าคลั่งจริงมีหวังเขาโดนโกรธแบบไม่ได้อธิบายอะไรเลยแน่...

    ...เอาเป็นว่าตอนนี้ที่ควรทำอย่างแรกคือปลุกสินะ? ส่วนอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน...

    ฟุริฮาตะซัง...ตื่นเถอะครับ...ซากุราอิเขย่าร่างอีกฝ่ายเบาๆ “...ขอโทษครับๆๆ ตื่นได้แล้วครับ

    อื้อ...ฟุริฮาตะส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลจะค่อยๆ ปรือขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมกับดันตัวเองขึ้นมานั่งเพื่อดึงาติกลับเข้าร่างและเพื่อไม่ให้ตนเผลอหลับต่อ “...ซากุราอิเหรอ?”

    ครับ...ซากุราอิขานรับพลางเบนสายตาหนีเนื่องจากท่านั่งของอีกฝ่ายยามนี้...ทำเอาเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เนื่องจากตอนเขาแต่งตัวให้อีกฝ่ายเขาไม่รู้ว่าจะใส่กางเกงให้ยังดีเพราะติดหางเขาเลยปล่อยไว้เลย “...ขอโทษครับ กรุณานั่งดีๆ หน่อยครับ...เห็นหมดแล้วครับ

    หื้อ?” ฟุริฮาตะก้มมองตัวเองก่อนที่จะหน้าแดงวาบขึ้นมาเมื่อพบว่ายามนี้ตนไม่ได้ใส่ท่อนล่าง พร้อมรีบหุบขาอย่างรวดเร็ว หว่า! อะไรเนี่ย!?”

    ...โอ๊ะ? ดูท่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้แฮะ...

    ซากุราอิทั้งรู้สึกโล่งอกและเสียดายในเวลาเดียวกัน...โล่งอกทีอีกฝ่ายจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นเริ่มจนโดนกด แต่ก็เสียดายที่ที่อีกฝ่ายลืมความสัมพันธุ์นี้ไปด้วยเช่นกัน

                    ซากุราอิ! นี่มันอะไรกานนนน!?” ฟุริฮาตะแว๊ดใส่บุคคลที่อยู่กับตนทำให้ซากุราอิที่กำลังเหม่อๆ อยู่สะดุ้งโหยงและ...

    ขอโทษครับๆๆๆๆๆ” ...หลุดขอโทษออกมาตามเสต็ป

    หยุดขอโทษก่อน! อธิบายมาก่อน!ฟุริฮาตะรีบพยายามห้ามปรามก่อนที่อีกฝ่ายจะกลายร่างเป็นเห็ดขอขมา (?) เสียจนพูดกันไม่รู้เรื่อง

    ไม่รู้จะอธิบายไงขอโทษครับ!ซากุราอิสวนกลับไป...

    ...ขอโทษนะ บอกไปมีหวังนายระเบิดตัวเองตายแน่...

    ไอ้ไม่รู้อธิบายยังไงนี่มันอะไรเล่า!?” ฟุริฮาตะถามกลับ

    เพราะไม่รู้ไงครับ!ซากุราอิเอ่ย...และการเถียงของคนสองคนการได้เริ่มขึ้นด้วยความที่ฝ่ายหนึ่งก็สติแตกเพราะสภาพตัวเอง อีกฝ่ายก็เขินอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นบวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นออกเกินสามัญสำนึกคนปกติจนไม่รู้จะอธิบายเป็นภาษาคนยังไงดี...

    ...และกว่าจะได้ข้อสรุปก็กินเวลาไปเกือบร่วมชั่วโมง

    สรุปฉันกลายเป็นแมวสินะ?” ฟุริฮาตะที่เถียงกับซากุราอิไปพักใหญ่ๆ สุดท้ายก็สรุปเรื่องในส่วนที่ตนจำไม่ได้ได้ดังนี้

    ครับ...แค่นิสัยล่ะนะครับซากุราอิเอ่ย

    เฮ้อ นับวันอาหารฝีมือโค้ชยิ่งส่งผลประหลาดแฮะฟุริฮาตะเกาหัวตัวเองนิดๆ ...ไอ้อันนั้นเห็นว่าตอนโดนตอนแรกไม่มีผลอะไรคิดว่าจะไม่มีเรื่องตามมาเสียอีก ที่ไหนได้มีผลในภายหลังซะงั้น แถมหลังจากเขาสลับนิสัยกับซากุราอิอีกต่างหาก

    ขอโทษครับ...ถึงไม่รู้ว่ามันประหลาดตั้งแต่แรกหรือเปล่าแต่ผมว่าเท่านี้ก็ประหลาดพอแล้วนะครับ อย่างเพิ่มกว่านี้เลยเถอะซากุราอิเอ่ย

    ฉันก็ว่างั้นแหละฟุริฮาตะไม่เถียงเลยว่าความประหลาดของอาหารที่โค้ชตนทำไม่ควรประหลาดมากกว่านี้จริงๆ เอาเป็นว่ายังไงผลของไอ้อาหารโค้ชก็หมดแล้ว ฉันขอกลับเลยนะ...ขอเสื้อผ้าคืนด้วย

    ค...ครับซากุราอิขานรับพร้อมลุกไปจัดเตรียมเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย ทางฟุริฮาตะเองเมื่อได้เสื้อผ้าก็รีบแต่งตัวทันที ระหว่างนั้นทั้งสองคุยกันสักพักก่อนที่คนผมน้ำตาลจะกลับบ้านตัวเองไป...และเมื่อฟุริฮาตะไปแล้วซากุราอิก็ทรุดตัวลงนั่งย่องๆ พลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ฟู่...โชคดีจริงๆ ที่จำไม่ได้

    ...ว่าแต่เขาจะทำไงต่อดีล่ะเนี่ย?...

    ซากุราอิคิดในใจอย่างไม่สบายใจนัก ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะถูไถ่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นแบบไม่ใช่ทั้งหมดไปแล้ว แต่การที่เขาไปทำแบบนั้นแล้วไม่รับผิดชอบอะไรแบบนี้ทำให้เขารู้สึกผิดเหมือนกัน...เนื่องจากคิดยังไงฝ่ายเสียหายก็คือฟุริฮาตะเต็มประตูเลยแม้เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายเริ่มเองก็ตามที

    จีบดีไหมนะ...ผู้เล่นตัวจริงทีมบาสโทโอวเอ่ยขึ้นมากับตัวเองเบาๆ “...หรือว่าอะไรดีเนี่ย?”

     

     

     

     

     

    หลายเดือนผ่านไปนับจากวันที่ซากุราอิเผลอกินแมว เอ้ย! นับตั้งแต่ทั้งตัวซากุรราอิและฟุริฮาตะโดนผลแปลกๆ ของอาหารพิศวงจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องชวนให้ระเบิดตัวเองตายนั้น SG แห่งโทโอวก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อฟุริฮาตะมากขึ้นทุกทีที่ไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดไปทั้งที่ตนควรบอก นอกจากนี้...ซากุราอิยังรู้สึกโหยหาสัมผัสจากฟุริฮาตะเหมือนเหตุการณ์ในคราวนั้นอีกด้วย และนั้นทำให้ซากุราอิยิ่งอยากเอาหัวตัวเองโขกพื้นตายให้รู้แล้วรู้รอดไปจริงๆ

    ซากุราอิ...ทำไมเหมือนจะเฉาตายเร็วๆ นี้แบบนั้นล่ะ?” เสียงทักหนึ่งดังออกจากปากของกัปตันทีมบาสโทโอวพร้อมกับโบกมือไปมาหน้าคนที่กำลังเหม่ออยู่

    “!?” ซากุราอิสะดุ้งโหยงพร้อมกับสติที่กลับเข้าร่างทันที ขอโทษครับๆๆๆๆๆ!

    เดี๋ยวๆ ฉันยังไม่ทันว่าอะไรเลยนะอิมาโยชิกรอกตาไปมากับนิสัยขอโทษตกลงเวลาของอีกฝ่าย...ถึงแม้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สลับนิสัยนั้นจะขอโทษน้อยลงแล้วก็เถอะ แต่มันก็อยู่ในระดับน่ารำคาญอยู่ดี ตกลงว่าเป็นอะไรไปซากุราอิ? ไม่สบายเหรอ?”

    เปล่าครับ ผมแค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย...ซากุราอิตอบกลับไป...ใช่ เขามีเรื่องที่ต้องคิด แถมเป็นเรื่องใหญ่สุดๆ จนไม่รู้จะเริ่มแก้ปัญหาที่ตรงไหนอีกต่างหาก...

    ...ที่จริงเขาควรไปรับผิดชอบรายนั้น เสียแต่ว่าฟุริฮาตะซังจำเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้นี่สิ จะอธิบายเองก็น่าอายเกินไปอีก...

    คิดเรื่องอะไรปรึกษาได้นะอิมาโยชิที่ไม่อยากต้องหาลูกทีมใหม่เพราะคนเก่าเฉาตายคาโรงยิม (?) เอ่ย

    อย่างนายจะเอากระจายข่าวมากกว่าสึสะที่เดินตามมาสมทบเขกหัวเพื่อนตนเบาๆ

    หว่าๆ อย่าใส่ร้ายกันสิ สึสะอ่ะอิมาโยชิทำเสียงเหมือนน้อยใจให้เพื่อนตนอย่างน่ารัก แต่สำหรับคนที่รู้จักกันดีกลับรู้สึกน่าถีบเหลือหลาย

    แต่ที่สึสะซังว่าก็ถูกนะครับอาโอมิเนะที่มารวมกลุ่มเมาส์มอย (?) อีกคนส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจกับคนอายุมากกว่าที่นับดูบ้าๆ ชอบกล ว่าแต่รู้ข่าวเรื่องชิวาว่านั้นหรือยังครับ?”

    ชิวาว่า? ฟุริฮาตะน่ะเหรอ?” วากามัตสึที่ตามมาสมทบถามขึ้น

    จะมีใครอีกล่ะครับ?” อาโอมิเนะถามกลับอย่างกวนๆ ...เล่นซะคนผมสีอ่อนแทบจะปาลูกบาสอัดหน้าอีกฝ่ายเลยทีเดียว

    ขอโทษครับ เกิดอะไรขึ้นกับฟุริฮาตะซังเหรอครับ?” ก่อนที่จะมีการวางมวยอย่างปกติเกิดขึ้น ซากุราอิก็ถามแทรกขึ้นมา

    เห็นว่าท้องน่ะอาโอมิเนะหันมาตอบเพื่อนร่วมชั้นตน และนั้นทำให้...

    พรวด!!!

    ...ทางเหล่าผู้คำตอบที่ได้รับคำตอบต่างสำสักน้ำลายตัวเองกันทั่วหน้า

    ด...เดี๋ยวนะเฮ้ย! หมอนั้นมันผู้ชายนะเฮ้ย! จะท้องได้ๆ!?” วากามัตสึแว๊ดลั่น

    ขนาดกลายร่างยังทำได้ แค่ท้องจะแปลกอะไรล่ะ?” อาโอมิเนะกรอกตาไปมา แต่ปัญหาตอนนี้คือไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กน่ะสิ

    ...เอิ่ม...พ่อเด็กน่าจะเป็นผมเองแหละครับ...

    ซากุราอิที่ได้รับรู้ข่าวช็อกโลกว่ากลายเป็นพ่อคนเสียอย่างนั้นแอบเอ่ยตอบคำพูดของอาโอมิเนะในใจ

    เดี๋ยวนะ เดี๋ยว...ช่วยอธิบายแบบละเอียดๆ ทั้งหมดทีเถอะอาโอมิเนะ สมองฉันเริ่มตามไม่ทันล่ะ...สึสะนวดขมับตัวเองกับเรื่องชวนเหวอเกินรับเช่นนี้

    คือรู้สึกว่าไอ้ที่ทำให้หูหางแมวโผล่นั้นน่ะมันจะมีผลทำให้ท้องได้ด้วยน่ะครับอาโอมิเอ่ยตามที่รู้ไป ทีงี้ไม่รู้ว่ามันแค่อยู่ๆ ท้องขึ้นมาเองหรือโดนใครลักหลับมาหรือเปล่า...

    ...เออ...ไม่ได้ลักหลับครับผมโดนยั่ว...

    SG แห่งโทโอวแอบแย้งในใจกับคำที่คนผมสีน้ำเงินเอ่ย...เขาไม่ได้ลักหลับจริงๆ นะ แต่โดนยั่วอ่ะ

    ถ้าไม่รู้ว่าท้องเองหรือเปล่าทำไมปัญหาคือหาพ่อเด็กล่ะ?” อิมาโยชิเป็นคนรุกถามเป็นรายต่อไปด้วยทางท่าสนใจในเรื่องนี้เหลือหลาย

    คือ...พวกนั้นกลัวเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กมีปมเฉยๆ ครับ เล่นไม่มีพ่อเนี่ยอาโอมิเนะเกาหัวตัวเองนิดๆ

    ...มีครับ ผมไง...

    ซากุราอิอยากบอกไปเหลือเกินว่าไอ้พ่อเด็กกับเรื่องฟุริฮาตะท้องนั้นสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากตนเองและเขาไม่ได้คิดจะฟันแล้วทิ้งนะ แต่แค่ไม่รู้จะไปบอกรายนั้นยังไงดีแค่นั้นเอง...และดูท่าสถานการณ์จะบังคับให้เขาต้องไปบอกความจริงเร็วกว่าที่คิดแล้วสิ

    ...ดูท่าวันนี้คงต้องไปบอกความจริงแล้วสินะ?...แต่จะอธิบายยังไงดีล่ะ?...

    ซากุราอิ...ซากุราอิ...ระหว่างที่ซากุราอิกำลังเหม่อๆ อยู่นั้นเสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นมา “...ซากุราอิ เรียว!!!

    ค...ครับ!!!ซากุราอิสะดุ้งสุดตัวพร้อมขานรับไป

    เป็นอะไรไปห๊า? อยู่ๆ ก็นิ่งไป...สึสะที่เป็นคนเรียกเมื่อถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับท่าทีรุ่นน้องตน

    เออ...คือ...ซากุราอิอ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะตอบยังไงดี...จะบอกว่ากำลังคิดหาวิธีบอกเรื่องที่ไปกดชาวบ้านมาก็คงไม่ได้ด้วยสิ

    ซากุราอิ อย่าบอกนะว่า...อิมาโยชิหรี่ตาลงเล็กน้อยคล้ายกับคาดเดาอะไรบางอย่างออก “...นายเป็นพ่อเด็กในท้องฟุริฮาตะ?”

    “...” ซากุราอินิ่งเงียบตัวแข็งทื่อไปกับคำที่เอ่ยออกมจากปากกัปตันทีมตน...

    ...เดาแม่นไปแล้วนะครับ! นี่อ่านใจผมได้ใช่ไหมเนี่ย!? อิมาโยชิซัง!!!...

    หน้าแบบนี้แสดงว่าเดาถูกสินะ?” อิมาโยชิเอ่ยถามย้ำไป

    “...ครับซากุราอิที่ไม่รู้ว่าจะโกหกไปทำไมตอบรับไปตามตรง...เอาตามจริงถ้าคิดแง่ดีหน่อยบอกไปตรงๆ แบบนี้อาจมีคนช่วยเขาเรื่องนี้ได้ก็ได้

    เฮ้ย! เอาจริงดิ!?” เหล่าตัวจริงทีมบาสโทโอวทั้งหลายต่างอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงกับคำตอบรับจากปากนายเห็ดขอขมาประจำทีม (?)

    ไปทำอะไรตอนไหนฟะ!? อธิบายมาเลยนะเว้ย!!!วากามัตสึแยกเขี้ยวใส่ SG ของทีมตน...มันคงไม่ได้ไปลักหลับชาวบ้านมาจริงๆ ใช่ไหม!?

    คือ...ซากุราอิเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องทั้งหมดไปตามจริง...แบบตั้งแต่แรกจนจบโดยไม่มีการแต่งเติมหรือตักทอนเนื้อความเลยแม้แต่น้อย “...เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละครับ

    สรุปฟุริฮาตะเมาหญ้าแมวแล้วยั่วนายจนตบะแตก?” หลังฟังเรื่องราวทั้งหมด อิมาโยชิที่ดูออกมารุ่นน้องตนพูดความจริงออกมาทุกอย่างก็สรุปออกมาง่ายๆ สั้นๆ

    ตามนั้นแหละครับซากุราอิพยักหน้ารับ

    แล้วทำไมนายไม่บอกเรื่องนี้กับฟุริฮาตะฟะ?” อาโอมิเนะคุมขมับ...ใครจะไปคิดว่าพ่อเด็กในท้องชิวาว่านั้นจะเป็นซากุราอิฟะ!? ไม่คิดแม้แต่ว่าหมอนี่จะทำเป็นด้วยซ้ำ! (เดี๋ยวๆ รู้สึกมันแปลกๆ หรือเปล่าครับ? // ซากุราอิ , ก็มันจริงนี่หว่า // อาโอมิเนะ , น่าๆ อย่าทะเลาะกัน ไปแสดงต่อไป // S)

    อยากบอกอยู่ครับ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี ซากุราอิเอ่ย และเพราะฟุริฮาตะซังจำอะไรไม่ได้เลยผมเลยไม่กล้าพูดน่ะครับ

    แล้วคราวนี้จะเอาไง? อยู่ๆ ไปบอกเลยคงแปลกๆ นะวากามัตสึไม่คิดว่าอยู่ๆ ไปบอกเลยอีกฝ่ายจะเชื่อหรอกนะ

    ไม่ทราบครับซากุราอิถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจไม่แพ้กัน

    นี่นายที่จริงกะรับผิดชอบอยู่แล้วสินะ?” เสียงหนึ่งถามกลับมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ แบบไม่เข้ากับสถานการณ์สักนิด

    ก็ใช่สิครับ ผมไม่แย่พอที่จะทำแล้วไม่รับผิดชอบหรอกครับซากุราอิตอบกลับไป

    แค่ไม่รู้จะอธิบายไงดีสินะ? งั้นให้ช่วยไหม?” เสียงเดิมถามต่อ

    ก็ดี...ซากุราอิถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะชะงักเมื่อนึกได้ว่าเสียงเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงของคนกลุ่มตนที่กำลังคุยกันอยู่ “...เอ๊ะ? เมื่อกี้เสียงใคร?”

    เออแฮะ!!!เหล่าตัวจริงของทีมบาสโอโทวที่เพิ่งนึกออกเหมือนกันว่ามีเสียงคนนอกดังแทรกเข้ามามองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบใครอยู่ในระยะที่จะส่งเสียงโต้ตอบเมื่อครู่ได้เลย...เล่นซะแต่ละคนสติหลุดน้อยๆ กับสถานการณ์ที่เหมือนในหนังผีนี่เลยล่ะ

    เดี๋ยว เสียงนี่มัน...อาโอมิเนะที่เริ่มตั้งสติได้คนแรกเริ่มเหงื่อตกเมื่อรู้สึกว่าเสียงที่โต้ตอบเพื่อนร่วมชั้นปีของตนนั้นคุ้นหูเหลือหลาย “...เคียวซัง?”

    จ้า!!!ทันทีที่สิ้นเสียงเรียกของคนผมน้ำเงิน ร่างของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งก็โดดลงจากคาน (?) มาที่กลางวงของเด็กหนุ่ม ตอนแรกคิดว่ามีไอ้บ้าที่ไหนมาลักหลับน้องฉันเอง ที่ไหนได้โคกิดันเป็นฝ่ายไปยั่วคนอื่นซะได้

    เออ...ซากุราอิมองผู้มาใหม่อย่างเอ๋อๆ ...ถ้าจำไม่ผิดเคียวนี่เป็นชื่อของ... “...พี่ชายของฟุริฮาตะซังเหรอครับ?”

    ช่ายยยยยเคียวลากเสียงยาวอย่างกวนบาทาสุดแสน ฉันควรเรียกนายว่าน้องเขยดีไหมเนี่ย?”

    อย่าเพิ่งเล่นสิครับ เคียวซังอาโอมิเนะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...ดูท่าจะได้ยินเรื่องทั้งหมดจากการแอบฟังและดูออกว่าเรียวพูดความจริงสินะ? “แล้วนี่มาได้ไงครับ?”

    พอดีว่าฉันอยากรู้ว่าโคกิท้องกับใครฉันเลยหนีงานมาสืบเคียวตอบแบบตรงไปตรงมา...เล่นซะตัวต้นเหตุได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้นายเคียวด้วยความรู้สึกผิดปนละอาย

    เดี๋ยวพ่อหรือไม่ก็อันเซย์ซังก็จะมาลากคอคุณกลับไปทำงานแน่อาโอมิเนะกรอกตาไปมา

    ไม่โดนหรอก เพราะรอบนี้จะหนีเคียวยักไหล่น้อยๆ

    ระวังพ่อเขาจะให้วิธีให้โชจิซังลากคุณกลับไปแทนอาโอมิเนะมั่นใจเลยว่าพ่อตนหากขี้เกียจตามจับรายนี้กลับไปทำงานเองก็คงให้แฟนรายนี่แหละมาลากคอไปให้

    คงไม่...มั้งเคียวที่เป็นพ่อบ้านใจกล้า (?) ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินแบบนี้ก่อนที่จะลี้ภัย (?) หันไปคุยกับซากุราอิแทน เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรื่องนี้ฉันช่วยเอง ตอนนี้ไปล่ะ

    “...เออ...ขอโทษครับ นั้นคนแน่นะ?” ซากุราอิมองคนที่หันมาคุยกับตนเพียงชั่งครู่ก่อนที่จะ...โดดขึ้นไปบนชั้นสองโรงยิมแล้วหนีออกไปอย่างรวดเร้ว

    คนแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็น...อาโอมิเนะเอ่ยด้วยท่าทางเหนื่อยอกเหนื่อยใจและดูท่าจะเคยชินกับคำถามแบบนี้มาก

    ทำไมฟุริฮาตะคนพี่ดูกวนโอ๊ยจังวะ?” วากามัตสึเอ่ยขึ้น...คนน้องดูเรียบร้อยดีหรอก แต่คนพี่ไหงเป็นงี้ได้วะ?

    แถมดูหาความปกติไม่ได้อีกสึสะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นน้องตน

    อาจเพราะแบบนี้ฟุริฮาตะถึงได้ดูเป็นคนปกติมั้ง?” อิมาโยชิที่เคยคิดว่าตนเองเจอความไม่ปกติ (?) มาเยอะแล้วยังต้องคุมขมับเลยงานนี้

    ว่าแต่แล้วแบบนี้...ไอ้วิธีของคนคนั้นที่บอกว่าจะจัดการให้มันจะปกติไหมครับ?” ซากุราอิเอ่ยขึ้น...ถึงจะโชคดีที่เขาไม่โดนเคียวตื้บข้อหาทำน้องอีกฝ่ายป่องก่อนแต่ง แต่เดี๋ยวช่วยของรายนั้นทำให้เขาสังหรณ์แปลกๆ เหมือนจะเจอเรื่องชวนเหวอยังไงไม่รู้สิ

    ไม่มีทาง คำว่าปกติอย่าเอามาใช้กับเคียวซังเลยอาโอมิเนะตบบ่าปลอบ เตรียมตัวเตรียมใจรับเรื่องปวดหัวได้เลย

    เป็นคำปลอบที่ชวนหดหู่มากครับ อาโอมิเนะซังซากุราอิแยกเขี้ยวใส่อาโอมิเนะอย่างที่นานๆ ทีจะมีให้เห็นกับคำพูดปลอบที่นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังชวนให้ปวดขมับมากกว่าเดิมเสียอีก...ทั้งสองเถียงปนคุยกันเล่นไปโดยมีสมาชิกตัวจริงของทีมพูดแทรกขึ้นมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งผู้เป็นโค้ชเห็นว่าอู้กันนานเกินไปนั้นแหละแต่ละคนจึงแยกย้ายไปทางใครทางมันก่อนที่จะไปเรียนตามปกติเมื่อใกล้เวลาเข้าเรียน

    แต่ความวุ่นวายในชีวิตของซากุราอิ เรียวในวันนี้ดูท่าจะยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อในเวลาเที่ยงของวันนั้นซากุราอิก็ได้รับโทรศัพท์หลายสายจากทีมบาสเซรินพร้อมคำโวยวายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น...คาดว่าคนไปบอกเคียว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นอะไรได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไปเพราะงานนี้ตนผิดจริงๆ

    และดูท่าความซวยบวกกรรมของซากุราอิจะไม่จบลงแค่นี้เมื่อในตอนที่ซากุราอิเพิ่งเลิกเรียนคาบสุดท้ายนั้น...

    เฮ้ย...พ่อน้องเขย...” ...ร่างของชายหนุ่มผมน้ำตาลคนหนึ่งก็มาเกาะหน้าต่างข้างๆ ที่นั่งซากุราอิราวตุ๊กแกเสียอย่างนั้น

    ชะแว๊ดดดดดด!!!ซากุราอิร้องลั่นพร้อมกลิ้งตกเก้าอี้กับการปรากฏตัวราวในหนังสยองขวัญของอีกฝ่าย มาได้ไงครับ!? นี่มันชั้นสี่นะ!

    ปีนมานายฟุริฮาตะ เคียวตอบง่ายๆ สั้นๆ ก่อนที่จะหันไปหาอาโอมิเนะที่ดูจะปลงกับนิสัยเคียวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และฉันขอยืมหมอนี่ไปง้อน้องฉันหน่อยนะ

    เชิญครับ อย่าทำเรียวมันหง่อยตายก็พออาโอมิเนะเอ่ยแบบไม่คิดช่วยเพื่อนร่วมชั้นตนเลยแม้แต่น้อย

    โอเค จะพยายามเคียวยักไหล่น้อยๆ ก่อนที่จะ หิ้วเด็กหนุ่มราวกับแมวขึ้นมาแล้วจับพาดบ่าก่อนที่จะ...

    แว๊ดดดด!!! ฉันผมเดินเองเถอะ!!!” ...โดดลงจากชั้นสี่เสียอย่างนั้น

    ไม่อ่ะ นายช้าเคียวตอบกลับไปก่อนที่จะเริ่มวิ่งบวกโดดไปตามตึกรามบ้านช่องราวแมงมุม

    แต่แบบนี้ผมกลัวครับ!!!ซากุราอิแว๊ดลั่น...เจอแบบนี้เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละวะครับ!!!

    คิดว่าเล่นรถไฟเหาะแล้วกันเคียวตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนักพลางโดดข้ามจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งเรื่อยๆ

    รถไฟด่วนสายนรกน่ะสิไม่ว่า!!!ซากุริสวนกลับก่อนหลุดโหยหวนออกมา (?) เมื่อนายเคียวนั้นดันพาตนโดดลงจากความสูงห้าชั้นลงสู่พื้นดิน

    ไม่ถึงนรกหรอกน่าเคียวหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะรีบวิ่งด้วยความเร็วที่ออกจะเกินคนปกติไปสักหน่อย (ที่จริงก็ไม่หน่อยหรอก... // S , พิมพ์ๆ ไปเถอะน่า อย่าวกมาแซะฉันสิ // เคียว) เพื่อไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ภายในซอยเล็กๆ ที่แสนธรรมดา...

    ปัง!

    พี่กลับมาแล้วโคกิ” ...และพุ่งตัวเข้าไปในบ้านหลังนั้นอย่างไม่คิดที่จะเคาะประตู...ก็แหงล่ะ ก็บ้านหลังที่ว่านั้นคือบ้านของนายฟุริฮาตะ เคียวเองนิ

    กลับมาแล้วเหรอค...อ้าวเฮ้ย!? พี่ลากซากุราอิมาทำไม!? ไม่สิ! ซากุราอิจะช็อกตายแล้ว!!!เด็กหนุ่ผมน้ำตาลหรือนายฟุริฮาตะ โคกิที่ช่วงนี้โดนคนในชมรมไล่กลับมาพักที่บ้านเดินมาต้อนรับพี่ตนที่กลับมาบ้านตามปกติก่อนที่จะร้องลั่นเมื่อเห็นว่าพี่ตนแบกคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีที่ตอนนี้...ช็อกตาค้างไปแล้วมาด้วย

    อ้าว? โดนแค่นี้วิญญาณหลุดเลยแฮะเคียวที่เพิ่งรู้ตัวว่าคนที่ตนลากมาด้วยสลบไปแล้วโครงหัวไปมา...ถึงว่าช่วงหลังโดดลงไปที่หน้าปากซอยบ้านเขาถึงไม่ได้ยินเสียงโวยวายอะไรเพิ่มเติม ที่แท้สลบไปแล้วนี่เอง

    ไม่ต้องมาอ้าวเลย! ไปทำอีกท่าไหนมาเนี่ย!?” ฟุริฮาตะโวยใส่พี่ตน

    แค่แบกโดดข้ามตึก...

    ไม่แค่แล้ว! นั้นเกินสามัญสำนึกคนปกติไปครับ!แค่คำว่าแบกโดดข้ามตึกฟุริฮาตะก็สามารถเข้าใจได้ถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายสลบได้ในทันที เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแยกเขี้ยวใส่พี่ตัวเองไปทีหนึ่งก่อนที่จะรีบให้ผู้เป็นพี่พาคนที่สลบไปทำการปฐมพยาบาลทันที...และหวังว่าซากุราอิ เรียวจะตายคาบ้านตนไปเสียก่อนนะ

     

     

     

     

     

    ...อื้อ...ปวดหัวจัง...

    นี่คือความคิดแรกที่ผุดเข้ามาในหัวของนักบาสแห่งชมรมบาสโทโอวเมื่อสติที่อยู่ๆ ดับวูบไปค่อยๆ คืนกลับมา เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ ...ภาพแรกที่สมองรับรู้คือเพดานสีไข่

    ฟื้นแล้วเหรอ?” เสียงทักเบาๆ ที่ดังขึ้นมาที่ข้างๆ ทำให้คนเพิ่งฟื้นเหลือบสายตามองไปยังเสียงและพบกับเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่ตนเจอครั้งสุดท้ายเมื่อหลายเดือนก่อน

    ฟ...ฟุริฮาตะซัง?” ซากุราอิเด้งตัวลุกพรวดขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ทักคนนั้นเป็นใคร

    เห็นเป็นใครล่ะ?” ฟุริฮาตะถามกลับอย่างติดกวนเล็กน้อย เป็นไง...เจอพี่เป็นรถด่วนมาส่งที่นี่น่ะ? ชวนหัวใจวายดีไหม?”

    ก็...นิดเดียวครับซากุราอิเกาหัวตัวเองนิดๆ

    หวาดเสียวนิดเดียว?” ฟุริฮาตะเลิกคิ้วน้อยๆ ...ทั้งที่ถึงสลบนี่บอกว่านิดหน่อยเนี่ยนะ?

    อีกนิดเดียวก็ข้ามแม่น้ำปรโลกแล้วครับซากุราอิเอ่ยต่อด้วยหน้าตาย...ก็เล่นพาโดดข้ามตึกแถมยังพาดิ่งพื้นจากชั้นห้าแบบนั้นเป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ! ไอ้ความรู้สึกเหมือนเล่นรถไฟเหาะแบบไม่มีสายนิรภัยเนี่ยเขาว่าคนส่วนใหญ่หากประสบสถานการณ์เดียวกันก็คงเป็นแบบเขานี่แหละ!!!

    ดีที่ไม่ข้ามไปนะฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา

    “...” ซากุราอิมองคนผมน้ำตาบที่ยังคงยิ้มบางให้ตนและแสดงท่าทางไม่ต่างจากที่เจอกันครั้งล่าสุดที่เจอกันแล้วถึงกับคิ้วขมวดน้อยๆ ฟุริฮาตะซัง...

    อะไรเหรอ?” ฟุริฮาตะถามกลับ

    เรื่องนั้น...พี่ชายคุณได้บอกหรือยังครับ?” ซากุราอิถามขึ้นตรงๆ อย่างไม่มีอ้อมค้อม

    อ๋อ เรื่องที่นายเป็นพ่อเด็กคนนี้น่ะนะ? บอกแล้วล่ะฟุริฮาตะเอ่ย และนายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้นะ จากที่ฟังจากพี่มาฉันก็มีส่วนผิดอยู่เพราะงั้น...

    ไม่ครับก่อนที่ชิวาว่าแห่งเซริน (?) จบประโยค ซากุราอิก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจนิดๆ ...เขารู้ว่าฟุริฮาตะต้องการสื่ออะไรออกมา และนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ

    หื้อ?” ฟุริฮาตะหลุดส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย

    ผมไม่ทำตามที่คุณว่าหรอกครับซากุราอิเอ่ยย้ำแบบชัดๆ เน้นๆ

    เอ๊ะ? ทำม...ฟุริฮาตะส่งสีหน้างุนงงออกมาอย่างไม่คิดจะปิดสักนิด

    ผมชอบคุณซากุราอิเอ่ยขึ้นแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะถามจบประโยค...ก็ถ้าปล่อยให้พูดจนจบดูท่าเรื่องจะยาวนี่นา บอกความจริงไปตรงๆ เลยง่ายกว่า

    “...ห๊า?” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมา เพราะสมองเริ่มตามไม่ทัน

    ผมชอบคุณครับฟุริฮาตะซัง...ชอบมานานแล้ว...ซากุราอิรู้ตัวดีว่าชอบอีกฝ่ายมาตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องแล้ว แต่เขารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับคนดีๆ แบบฟุริฮาตะเลยไม่ได้บอกไป...แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ นะ ขอเขาเอาประโยชน์เข้าหาตัวเองหน่อยแล้วกัน “...เพราะงั้นอย่าผลักไสผมไปเลยนะครับ

    “...” ฟุริฮาตะนิ่งเงียบไป พูดจริง...เหรอ?”
    ครับซากุราอิขานรับไปอย่างหนักแหน่น

    จริงแท้แน่นอน พวกเรายืนยันได้

    ชะแว๊ดดดดดด!!!เด็กหนุ่มทั้งสองที่ตนแรกคิดว่ามีเพียงพวกตนสองคนภายในห้องนี้หลุดร้องลั่นออกมาเมื่อมีเสียงของคนหลายคนดังประสานขึ้นมาและหันขวับไปยังต้นเสียง...ก็พบคนจำนวนหนึ่งกำลังแอบดูพวกตนจากบนฝ้าเพดานที่ถูกเปิดเอาไว้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มาตอนไหนเนี่ย!?”

    ตั้งนานล่ะหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งหนึ่งโดดลงมายังพื้นห้อง และไม่ต้องห่วง ฉันดูออกว่าใครโกหกใครพูดจริงนะ เพราะงั้นเชื่อหมอนี่ได้

    ช่ายยยยยชายหนุ่มผมดำลงมาเป็นคนที่สอง

    หมอนี่ดูเอ๋อๆ ดูง่ายกว่าพวกที่มาที่ร้านฉันตั้งเยอะหญิงสาวผมดำมาเป็นคนที่สาม

    อื้ม...ชายหนุ่มดำเหลือบเขียวที่ไม่ได้โดดแต่กลิ้งลงมาจากฝ้าเป็นคนที่สี่ส่งเสียงตอบรับเบาๆ

    แล้วนี่ยกโขยงกันมาไงกันครับเนี่ย!?” ฟุริฮาตะแทบหน้ามือเมื่อเห็นว่าเหล่าคนที่มาแอบฟังชาวบ้านนี่เป็นใคร

    ไอ้เคียวมันเรียกมาเป็นพยานในการรับน้องเขยน่ะหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งหรือมิยาจิ คิโยมิตอบด้วยรอยยิ้มกวนๆ เห็นน่าสนุกดีเลยมา

    เรื่องสนุกไม่มีพลาดชายผมดำ...มิยาจิ ยูโตะเอ่ยสนับสนุนอย่างรื่นเริง

    อื้มชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวหรือนายโมริยามะ โยชิกิพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับความคิดของยูโตะ

    แกช่วยพูดนอกจากอื้มได้ไหมวะไอ้โยชิกิ?” หญิงสาวผมดำ...ยามาซากิ คานาเดะกรอกตาไปมากับเพื่อนสุดแสนประหยัดพลังงานของตนที่ตอนนี้ขี้เกียจแม้แต่จะพูด

    คานาเดะขี้บ่นโยชิกิเอ่ยคำยาวกว่าเดิมเล็กน้อยตามประสงค์ของหญิงสาว...แต่เนื้อหาในคำพูดนี้กลับชวนให้คนโดนเอ่ยถึงเส้นกระตุกเหลือหลาย

    เดี๋ยวแม่เชือดทิ้งเสียนิคานาเดะแยกเขี้ยวใส่คนที่ว่าตนหน้าตาเฉย

    ฮะๆ ยอมรับความขี้บ่นของตัวเองเถอะเจ๊คานะเคียวที่ยังเป็นคนเดียวที่อยู่บนฝ้าเนื่องจากกลัวโดนน้องตัวเองถีบข้อหายกพวกมาเป็นพยานรักให้ (?)

    แกเงียบไปเลยไอ้เคียว!คานาเดะไม่ว่าเปล่ายังหยิบหนังสือจากไหนไม่รู้ปาใส่หัวเคียวเต็มๆ

    แอ๊ก! ทีไอ้โยชิกิยังไม่โยนอะไรใส่เลย! เจ๊ลำเอียง!เคียวที่โดนหนังสือลอยมาใส่หัวทำเสียงงอแงอย่างไม่จริงจังนักแถมน่าถีบเป็นของแถมใส่สาวเจ้า

    ไอ้โยชิกิมันไม่ทำหน้ากวนส้นแบบแกไงย่ะ!คานาเดะแยกเขี้ยวพลางทำทาเหมือนจะหาอะไรอีกอย่างสองอย่างปาหัวเคียว

    เดี๋ยวๆ หยุดก่อนเถอะครับฟุริฮาตะที่กวนบ้านพังจนตนต้องหาทางซ่อมเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้รีบห้ามปราม

    เออ ฟุริฮาตะซัง...คนพวกนี้...ซากุราอิที่ตามสถานการณ์ไม่ทันบวกเพิ่งดึงสติที่บินหายไปก่อนหน้านี้กลับเข้าร่างได้ชี้ยังกลุ่มคนที่โผล่ลงมาจากฝ้าเพดานห้องหน้าตาเฉยอย่างงุนงง

    อาจารย์สอนต่อสู้พี่กับสามีคุณเธอและเพื่อนร่วมเรียนคลาสต่อสู้เดียวกับพี่น่ะฟุริฮาตะตอบไป

    “...” ...โอเค เข้าใจล่ะทำไมเคียวซังถึงเพี้ยนนัก ดูอาจารย์กับเพื่อนนี่แต่ละคนดูเกินคนทั้งนั้นเลยนี่หว่า

    นี่จะนินทาอะไรหัดเก็บหน้าบ้าง ออกมาหมดแล้วแหน่ะเคียวเอ่ยขึ้นมา ทำให้ซากุราอิที่แอบนินทาชาวบ้านในใจสะดุ้งโหยง

    อ่านง่ายพอๆ กับโคกิจริงๆ สิน่าคิโยมิส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ...เล่นนินทา (ในใจ) แบบไม่มีปกปิดสีหน้าตัวเองเลยนะ

    พอๆ อย่าเพิ่งแกล้งซากุราอิสิครับ ซากุราอิไม่ได้รับความปวดจิตทุกวันจนชินแบบผมนะฟุริฮาตะรีบห้ามก่อนที่จะมีการรับน้อง (?) เกิดขึ้น

    มาเป็นเขยบ้านนี่เดี๋ยวก็ชิน เชื่อสิคานาเดะเอ่ย

    “...ถ้าให้เดา ถ้าผมปฏิเสธซากุราอิไปพวกคุณก็จะทำหน้าที่พ่อสื่อแม่สื่อกันใช่ไหมครับเนี่ย?” ฟุริฮาตะคิ้วกระตุกนิดๆ ...จากคำพูดนี่เดาได้เลยว่ากะหาทางจับคู่เขากับซากุราอิสินะ?

    ใช่!!!!เหล่าพวกไม่ปกติ (แอ๊ก!!! #โดนถีบ // S) ตอบกลับอย่างพร้อมเพียง

    กะแล้วเชียวฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ยังไงผมคงรับรักซากุราอิไม่ได้อยู่ดีแหละครับ เล่นอยู่ๆ โผล่มาเนี่ย...

    งั้นตามจีบได้สินะครับ?” ซากุราอิที่เห็นโอกาสน้อยๆ ในการจีบอีกฝ่ายถามขึ้นหน้าตาเฉย...เขารู้ว่าเป็นไปยากที่อีกฝ่ายจะมารักตนจริงๆ แต่เพื่อคนที่เขารักและลูกยอมเสี่ยงหน่อยแล้วกัน หากอกหักคงมีคนต้มน้ำใบบัวบกแก้ช้ำให้เขาอยู่มั้ง?

    เออ...ฟุริฮาตะที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามกลับเช่นนี้ถึงกับเอ๋อกินไปวูบหนึ่ง “...คงงั้น...มั้ง?”

    งั้นผมจะตามจีบคุณจนรับรักผมเองครับ!ซากุราอิเอ่ยอย่างคนเริ่มมีไฟ

    ฮาๆ เดี๋ยวช่วยนะเคียวหัวเราะร่าอย่างถูกใจว่าที่น้องเขย

    “...ทำไมเริ่มรู้สึกว่ากำลังจะซวยหว่า?” ฟุริฮาตะพึมพำขึ้นมาเบาๆ พลางถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก

     

     

     

     

     

    ฟุริฮาตะคุงครับ...เรียกเบาๆ ดังออกมาจากปากของคนผมฟ้าที่นั่งดื่มวนิลาเชคอยู่ตรงข้ามกับคนผมน้ำตาลที่กำลังนั่งดูแลเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งอยู่

    มีอะไรเหรอ?” ฟุริฮาตะถามกลับ

    ใจคอคุณจะไม่ใจอ่อนจริงๆ เหรอครับ?” คุโรโกะ เท็ตสึยะอดีตผู้เล่นมายาทีมปาฏิหาริย์ถามขึ้น ดวงตาสีฟ้าจับจ้องยังคู่สนทนาอย่างไม่วางตา ซากุราอิคุงตามจีบตั้งแต่คุณท้องยันลูกคุณจะห้าขวบแล้วนะครับ

    ก็แบบว่า...ไม่รู้เหมือนกันสิฟุริฮาตะตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม....ตั้งแต่วันนั้นที่เขารู้ว่าท้องกับซากุราอิ ซากุราอิก็เล่นตามจีบเขาแบบหน้าด้านเสียยิ่งกว่าอะไรดี แถมยังมีอัพเลเวลความหน้าด้านมาจากพี่เขาอีก...

    ...นอกจากนี้ยังคงตามจีบเขาไม่ลดละสักนิดอีกต่างหากแม้มันผ่านมาหลายปีแล้ว พวกพี่ก็ขยันชงเขากับซากุราอิเหลือเกิน

    ไม่แน่ใจตัวเองเลยไม่กล้ารับรักไปสินะครับคุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความที่รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี รับๆ ไปซะทีเถอะครับ ทั้งพวกเคียวซังทั้งพวกอาโอมิเนะคุงเล่นชงพวกคุณเสียเต็มที่แบบนี้น่ะ แถมที่สำคัญตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันนี่ครับ? รับรักไปเสียทีเถอะ

    แต่...ฟุริฮาตะกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ทว่า...

    ฮิคารุคุง อยากได้ลุงเรียวเป็นพ่อไหมครับ?” ...คุโรโกะดันตัดบทแล้วถามเด็กชายผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับตัวฟุริฮาตะหลายส่วน หากแต่สีผมกับสีตากลับต่างออกไปซึ่งที่นั่งข้างๆ คนหัวดื้อที่ไม่ยอมรับรักชาวบ้านแทน

    คุณลุงเรียวเหรอฮะ?” เด็กน้อยเอียงคอนิดๆ ก่อนยิ้มแฉ่งออกมา อยากฮะ!

    เห็นไหมครับ ฮิคารุคุงยังเห็นด้วยเลยคุโรโกะที่ดันใช้เด็กเสียหน้าตาเฉยเอ่ย

    “...” ฟุริฮาตะที่ไม่คิดว่าเพื่อนตนจะมามุขนี้ได้แต่คุมขมับ...อย่าเอาลูกเขามากดดันเขาได้ไหม!? “ยังไงก็ขอคิดอีกหน่อยนะคุโรโกะ

    ก็เข้าใจนะครับว่าตัดสินใจยาก แต่ช่วยตัดสินใจให้มันเร็วๆ หน่อยเถอะครับคุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ใครมันจะเหมือนนายกับคางามิล่ะฟุริฮาตะกรอกตาไปมา...ก็มีอย่างที่ไหนอยู่ๆ ไปสารภาพรักหน้าด้านๆ แล้วจับลากเข้าห้อง (?) เลยล่ะ?

    คุณคิดเยอะไปเองมากกว่าครับคุโรโกะเอ่ย...บางทีเขาก็นึกอยากให้นายเห็ดขอขมา (?) ลากรายนี่ไปกดสักรอบสองรอบแบบที่เขาทำกับคางามิคุงบ้างเหมือนกัน เรื่องจะได้จบๆ ไปเสียที ไม่ต้องมานั่งรอลุ้นแบบนี้เนี่ย นี่ก็ค่ำแล้ว ผมว่าคุณสองคนรีบกลับก่อนที่ซากุราอิคุงจะเป็นห่วงเถอะครับ

    อา นั้นสินะฟุริฮาตะมองนาฬิกาแล้วพยักหน้ารับก่อนที่จะอุ้มลูกชายตนขึ้น งั้นไปก่อนนะคุโรโกะ

    บาย น้าเท็ตสึเด็กชายโบกมือให้คนจืดจางผมฟ้าอย่างร่าเริง

    ครับ แล้วเจอกันนะครับคุโรโกะโบกมือส่งให้เด็กชายเล็กน้อยพลางมองเพื่อนหัวน้ำตาลของตนเดินออกจากร้านไป...และเมื่อเห็นว่าฟุริฮาตะกับลูกออกห่างจากร้านไปแล้ว คุโรโกะก็หันไปหาคนที่ แอบฟังที่พวกตนคุยกันอยู่นานสองนานแบบไม่ให้ตัวฟุริฮาตะนั้นรู้ นี่...เราควรดำเนินแผนต่อไปดีไหมครับ?”

    ดีๆชายหนุ่มผมน้ำตาลหน้าทะเล้นยืนหน้ามาจากเก้าอี้โต๊ะถัดจากที่คนผมฟ้านั่งอยู่

    ให้ตายเถอะ ปกติโคกิหัวอ่อนแท้ๆ ทำไมทีแบบนี้ดื้อจังหญิงสาวผมน้ำผึ้ง...มิยาจิ คิโยมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...

    ...ตอนแรกคิดว่าแค่ชงนิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวก็เข้าใจกันเอง แต่นี่เล่นปล่อยให้เธอรอมา 5 ปีแล้วนะยะ! คราวนี้แหละไม่ว่ายังไงก็จะทำให้เปิดอกคุยกันให้ได้! ไม่รงไม่รอมันแล้วเว้ยยย!!!...

    ก็โคกิเป็นพวกห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองนี่นะมิยาจิ ยูโตะที่พอเข้าใจความรู้สึกภรรยาตัวเองเอ่ยขึ้นมา

    เอาให้สุดๆ ไปเลย...คราวนี้ไม่สำเร็จให้รู้ไปคานาเดะเอ่ยพลางนึกถึงแผนที่พวกเธอเตี๊ยมกันไว้ก่อนหน้านี้...ซึ่งตอนแรกก็กะไม่ใช้เพราะมันชวนหัวใจวายนิดๆ แต่ในเมื่อนายจืดหัวฟ้ากล่อมไม่สำเร็จมันก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะ

    งั้นเริ่มตามแผนโยชิกิเอ่ยง่ายๆ สั้นๆ ...เหล่าคนไม่ปกติ (?) มองหน้ากันแล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนที่จะรีบแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วราวภูติผีเพื่อดำเนินตามแผนการของพวกตน

    เท็ตสึ...ฉันเริ่มสงสารชิวาว่านั้นวะคนหายไปกับความมืดได้ (เอาดีๆ หน่อยไม่ได้หรือกไง!? // อาโอมิเนะ , ได้ แต่ไม่สนุกเราไง // S) อาโอมิเนะ ไดกิที่แอบเชียร์เพื่อนตัวเองที่ตามง้อเมียมานานแสนนาน (?) อยู่เอ่ยขึ้นมา...เขามั่นใจว่าแผนการของพวกเคียวนี่ย่อมไม่ปกติกันชัวท์

    เอาน่าครับ อย่างน้อยคราวนี้ฟุริฮาตะคุงกับซากุราอิคุงจะได้คบๆ กันไปซะทีไงครับคุโรโกะพยายามคิดในแง่ดี...แม้ในใจหวั่นๆ ว่าเดี๋ยวอาจได้เห็นเพื่อนผู้ปานชิวาว่าของตนปริ๊ดแตกหลังจากนี้ก็ตาม

    ตัดภาพมาทางฟุริฮาตะที่กำลังเดินกลับบ้านตน...และบ้านของซากุราอิด้วยเพราะพวกตนดันจับพัดจับพลูกันอีท่าไหนไม่รู้ได้มาอยู่บ้านเดียวกัน แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมแชร์บ้านกันเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นซากุราอิก็พยายามจีบตนอย่างไม่ลดละจนบางทีฟุริฮาตะก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องพยายามขนาดนี้ด้วย...

    ...จะว่าแค่อยากรับผิดชอบมันก็ไม่น่าจะว่าชอบเขาจริงๆ มันก็อาจใช่ แต่เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองชอบซากุราอิจริงๆ หรือเปล่าด้วยเพราะงั้นตอบแบบส่งๆ ไปคงไม่ได้...ซากุราอิดีเกินไปที่จะทำแบบนั้นใส่

    แม่จ๋าๆระหว่างที่กำลังคิดๆ อยู่นั้น เด็กชายในอ้อมแขนก็ส่งเสียงเรียกขึ้นมา

    ครับ?” ฟุริฮาตะขานรับคำเรียกของลูกชายตนไป...ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายแต่ด้วยความที่เขาเป็นคนคลอดฮิคารุออกมาเองเขาเลยให้เรียกว่าแม่แทนที่จะเป็นพ่อเพื่อป้องกันความสับสนของลูกตัวเองในอนาคตอ่ะนะ

    ผมสังหรณ์แปลกๆ น่ะฮิคารุเอ่ยด้วยหน้าตาไร้เดียงสา

    “...ไปในทางดีหรือร้ายล่ะครับ?” ฟุริฮาตะเลิกคิ้วน้อยๆ

    ไม่รู้จะเรียกดีหรือร้ายดีฮะฮิคารุตอบ

    “...” พอได้รับคำตอบแบบนี้ ฟุริฮาตะทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ หวังว่าไม่เกิดเรื่องนะ

    ...ลางสังหรณ์ของฮิคารุเคยพลาดที่ไหนล่ะ!?...

    ฟุริฮาตะ โคกิบางทีก็สงสัยเหมือนกันว่าคนรอบตัวตนทำไมต้องมีอะไรที่เกินกว่าคนธรรมดาตลอด ไม่ว่าจะพี่ชายหรือเพื่อนพี่ คราวนี้ก็ลูกตนที่ดันมี ลางสังหรณ์ที่แม่นเกินจนเหมือนจับวางนี่อีก...และมั่นใจได้เลยว่าลางสังหรณ์คราวนี้คงไม่พลาดอีกตามเคย

    เรื่องอะไรเหรอฮะ?” ฮิคารุที่ยังใสซื่อตามประสาเด็กๆ บวกกับผู้เป็นแม่ที่ใสซื่อพอกันถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจในคำบ่นนี่ยัก

    เปล่าครับ ไม่มีอะ...ฟุริฮาตะที่กำลังตอบคำถามลูกตนถึงกับชะงัก เมื่อเดินมาถึงจุดที่เป็นบ้านตนกับซากุราอิและพบว่า...ประตูบ้านนั้นเปิดค้างไว้อยู่ และข้าวของในบริเวณหน้าบ้านที่ตนสามารถเห็นได้นั้นถูกรื้อค้นเสียงจนกระจัดกระจายไปทั่ว อะไรกันเนี่ย!?”

    อ้าว? ฟุริฮาตะ สวัสด...ในขณะที่กำลังตกตะลึงกับสภาพบ้านตัวเองอยู่นั้น...คุณเพื่อนบ้านแสนดีของคนผมน้ำตาลก็เพิ่งกลับมาจากทำงานพอดี

    รุ่นพี่อิสึกิฝากฮิคารุแป๊บนะครับ!ฟุริฮาตะยัดลูกชายตนให้เพื่อนบ้านหรือรุ่นพี่สมัยม.ปลายของตนอย่างรวดเร็วก่อนวิ่งเข้าบ้านที่มีสภาพปานโจรขึ้นของตนไป

    เอ๊ะ? เดี๋ยวสิ!!!อิสึกิที่โดนยัดหน้าที่ให้แบบเอ๋อๆ ตะโกนเรียกอีกฝ่าย หากแต่คนผมน้ำตาลไม่สนใจเสียงเรียกนั้นวิ่งเข้าออกห้องต่างๆ ในบ้านตนเนื่องจากบ้านตนนั้นมีคนที่ปกติในเวลานี้มักจะอยู่ในบ้านและแน่นอนว่าหากโจรขึ้นบ้านจริงๆ อาจโดนทำร้ายหรืออะไรแน่...และนั้นเป็นสิ่งที่ฟุริฮาตะกังวลที่สุด กังวลเสียลืมไปสนิทเลยว่าสถานการณ์นี้คราวเรียกตำรวจหรือพี่ตนมามากว่าที่จะจัดการเองแบบนี้

    ซากุราอิ! นายอยู่ไหน!? ซากุราอิ!!!ฟุริฮาตะวิ่งไปทั่วบ้านอย่างร้อนรน จนกระทั่งมาถึงยังห้องรับแขกที่มีสภาพโดนรื้อค้นจนเละไม่ต่างจากห้องอื่น...ซึ่งมีร่างของคนที่ตามหาอยู่นอนสลบอยู่ ซากุราอิ!!!

    คนผมน้ำตาลรีบรุกเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่และประคองร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ฟุริฮาตะเขย่าร่างของซากุราอิไปมาอย่างแรง แต่...อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย และนั้นยิ่งทำให้เจ้าตัวเริ่มใจเสีย

    เฮ้ย! ทำใจดีๆ ไว้นะ! นี่!ชิวาว่าสีน้ำตาล (?) ตะโกนลั่น ซากุราอิ เรียว! ฉันบอกให้ตื่นไงล่ะเว้ย!!!! ถ้าไม่ตื่นฉันจะไปคนอื่นแล้วนะ!!

    “!? ตื่่นแล้วครับ!!!!ซากุราอิที่มีอาการกลัวเมียก่อนแต่ง (?) ฟื้นคืนสติและเด้งตัวลุกขึ้นมาทันควัน ทางฟุริฮาตะที่เห็นดังนี้ก็... เอ๊ะ? ฟุริฮาตะซัง?”

    ...พุ่งเข้าไปกอดด้วยความโล่งอกทันที

    นายไม่เป็นไรนะ?” ฟุริฮาตะไม่สนใจท่าทางเอ๋อๆ ของอีกฝ่ายมากนักถามขึ้น

    อ่ะ...อา ครับ แค่เผลอหลับไปหน่อยเองซากุราอิเอ่ยขึ้น

    เผลอหลับ?” ฟุริฮาตะผละออกมาจ้องหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ว่าพูดจริงหรือเปล่า

    ครับ...ซากุราอิขานรับก่อนที่จะเริ่มสังเกตสิงรอบกาย “...เอ๊ะ? ทำไมห้องเละแบบนี้ล่ะ?”

    ไม่รู้ กลับมาก็เป็นแบบนี้แล้วฟุริฮาตะเอ่ยพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ดูท่าซากุราอิคงเผลอหลับไปจริงๆ แถมหลับลึกเสียจนโดนถีบตกพื้นยังไม่รู้สึกตัวเลยมั้งเนี่ย สงสัยขโมยขึ้นบ้าน

    แล้วฮิคารุ...ซากุราอิพอได้ยินว่าโจรขึ้นมาก็นึกถึงเด็กชายขึ้นมาในทันที

    ฝากรุ่นพี่อิสึกิไว้แล้วฟุริฮาตะที่พอคาดเดาสิ่งที่อีกฝ่ายจะถามได้ตอบไป พวกเรารีบไปเถอะ ขโมยมันอาจยังอยู่ในบ้านก็ได้

    ครับซากุราอิพยักหน้ารับ

    งั้นรีบไปกันฟุริฮาตะลุกขึ้นพร้อมกับซากุราอิแล้วรีบเดินออกจากห้องเพื่อออกบ้าน แต่ทว่า...ทันทีที่พ้นประตูหน้าห้องมา ก็มีมือของใครบางคนคว้าแขนของคนผมน้ำตาลเอาไว้ หว่า!

    ฟุริฮาตะซัง!?” ซากุราอิที่เห็นว่าตอนนี้มีชายสวมไอ้โม่งดำคนหนึ่งโผล่มาก็รีบถีบคนที่หมายจะจับตัวฟุริฮาตะไปทีหนึ่ง ก่อนที่จะคว้ามือฟุริฮาตะวิ่งไปทางประตูหน้าบ้าน หนีเร็ว!!!

    “...” คนสวมไอ้โม่งมองร่างทั้งสองที่พยายามหนีออกจากบ้านนิ่งๆ ก่อนที่จะยกอาวุธในมือขึ้นและ...

    ปัง!!!

    ...เสียงเหมือนประทัดก็ดังขึ้นมาพร้อมกับที่ร่างของซากุราอิ เรียวล้มลงไปกองกับพื้น สีแดงฉานปรากฏขึ้นมาบนแผ่นหลังด้านซ้ายตรงตำแหน่งเดียวกับที่อยู่ของหัวใจพอดี

    ซากุรา...อิ?” ฟุริฮาตะที่วิ่งตามหลังซากุราอิมาและเห็นภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมดเบิกตากว้าง มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ซากุราอิ!!!

    ...โกหกน่า...เรื่องแบบนี้น่ะ...

    บ้าเอ้ย!ฟุริฮาตะสบถออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพยายามลากคนที่ล้มลงกับพื้นออกไปด้วยกัน อย่าตายนะเฮ้ย! ไม่งั้นฉันก็เป็นม่ายน่ะสิ!

    อูย...ไม่ได้แต่งกันจะเป็นม่ายได้ไงครับ? พูดแบบนี้เหมือนเท่ากับยอมคบกับผมแล้วกลายๆ เลยนะครับ

    ก็ยอมแล้วน่ะเซ่!...เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะเผลอตอบรับไปอย่างลืมตัวก่อนที่จะชักงักเมื่อนายซากุราอิ เรียวที่กองกับพื้นก่อนหน้านี่ทำท่าเหมือนพยายามลุก หากแต่ติดที่มือของอีกฝ่ายนั้นจับคอเสื้อตนไม่ปล่อย...และเมื่อเห็นดังนี้ฟุริฮาตะถึงยอมปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายให้ลุกได้สะดวกๆ ซากุราอิ นายปลอกภัยดีเหรอ!?”

    ครับ...แค่รู้สึกเจ็บๆ เหมือนโดนปืนลมยิง...ซากุราอิเอ่ยอย่างเอ๋อๆ ...เขาแค่ล้มเพราะโดนของเหมือนปืนลมยิงเอง ทำไมอีกฝ่ายถึงได้แตกตื่นนักล่ะ?

    ปืนลม?” ฟุริฮาตะขทวดคิ้วพลางลองแปะสีแดงที่กลางหลังของซากุราอิดู และเมื่อแตะนั้นแหละ เจ้าตัวถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เลือดอย่างที่ตนคิดในตอนแรก สี? อย่าบอกนะว่า...

    ปิ๊งป๊อง! แกล้งเล่นจ้า!!!เสียงหนึ่งดังขึ้นกับที่...ร่างของชายหนุ่มผมน้ำตาลคนหนึ่งโผล่มาพร้อมป้ายที่เขียนว่า หยอกเล่นจ้าคล้ายกับพวกเกมโชว์ เท่านี้ถือว่านายยอมคบกับเรียวคุงแล้วนะ อย่ากลับคำล่ะ

    พี่!?” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาลั่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครก่อนที่จะเริ่มเบนสายตาไปยังไอ้โม่งที่ตนหนีก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่า...

    แผนฉันเองแหละจ้า!ไอ้โม่งที่เอ่ยอย่างร่าเริงพลางถอนสิ่งที่ปกปิดใบหน้าตนออก เผยให้เห็นชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มทะเล้นมาให้

    ยูโตะซัง!? นี่แผนพวกคุณเหรอครับ!? เล่นอะไรให้มีขอบเขตหน่อยเถอะ!ฟุริฮาตะแว๊ดลั่น

    ก็นายมัวแต่เล่นตัวนี่นา หากไม่จัดหนักก็ได้ขึ้นคานทั้งคู่แหงคิโยมิที่แอบเป็นผู้ชมที่ดีมาตลอดเอ่ยขึ้นมาพลางห้อยหัวลงมาจากชั้นสอง (?)

    ใช่ๆคานาเดะที่มาแอบดูอีกคนเอ่ยพลางโผล่หัวออกมาจากพุ้มไม้

    ฉันก็ว่างั้น...โยชิกิที่แอบที่เดียวกับคานาเดะด้วยความขี้เกียจหาที่ซ่อนพยักหน้ารับ

    เล่นมากันหมดเลยเหรอครับ!? พวกคุณนี่...ฟุริฮาตะที่เกิดอาการผีแม่บ้านเข้าสิง (?) เริ่มทำการบ่นพวกที่เกือบทำตนหัวใจวายตาย...ซึ่งแน่นอนว่าเคียวที่ไม่อยากโดนน้องงอนกับยูโตะที่เป็นคนคิดแผนนั้นโดนจับนั่งฟังเทศไปโดยนายฟุริฮาตะ โคกิจับล็อกคอทั้งสองเพื่อกันหนี ส่วนคานาเดะกับโยชิกินั้นเผ่นไปตั้งแต่คำบ่นแรกเริ่มพ่นออกมาแล้ว ทางคิโยมิเองก็ทิ้งสามีตัวเอให้รับกรรมคนเดียวตั้งแต่เห็นท่าทางว่าจะโดนบ่นเลยด้วยซ้ำ

    สามชั่วโมงผ่านไป...นายฟุริฮาตะ โคกิก็ยังคงไม่เลิกบ่น...เพิ่มเติมคือนายฟุริฮาตะ เคียวกับนายมิยาจิ ยูโตะที่ท่าราวกับกำลังจะตายขึ้นทุกที

    เออ...ฟุริฮาตะซัง บ่นนานไปแล้วมั้งครับ...ซากุราอิยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นว่ามีคนใกล้โดนบ่นจนตายอยู่ร่อมร่อแล้ว “...เคียวซังกับยูโตะซังจะตายแล้วนะครับ

    ตายก็ตายดิฟุริฮาตะตอบกลับไปอย่างไม่สนใจนัก

    โหดร้าย!ยูโตะกับเคียวที่ยามนี้โดนจับเปลี่ยนอิริยาบลให้นั่งชันเข่าฟังเทศแทนโดนจับล็อกคอตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนหน้าโวยขึ้น

    เงียบไปเลยครับ!ชิวาว่าน้อยแยกเขี้ยวใส่คนอายุมากกว่าทั้งสอง

    จ้า...พอโดนดุทั้งสองก็ถึงกับหง่อยกันไปในทันที

    ใจเย็นครับใจเย็น...ซากุราอิพยายามห้ามปราบเนื่องจากถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาจได้เห็นคนโดนบ่นข้ามคืนก็เป็นได้ “...ฮิคารุเขารอนานแล้ว ผมว่าไปหาเขาก็ดีไหมครับ?”

    “...” พอนึกถึงลูกที่ตนฝากรุ่นพี่ตนไว้ ฟุริฮาตะก็เริมใจเย็นขึ้นมาระดับหนึ่ง ก็ได้...ถ้าพี่กับยูโตะซังเก็บบ้านให้เรียบร้อยก่อนพวกผมกับฮิคารุกลับมาจะไม่บ่นต่อก็ได้...

    รับทราบจ้า!ทันทีที่ได้ยินดันนี้สองหนุ่มก็เด้งตัวลุกขึ้นไปเก็บบ้านตามประสงค์อีกฝ่าย...เขายอมเก็บบ้านดีกว่าโดนบ่นต่อล่ะวะ!

    ส่วนซากุราอิก็ไปกันเถอะฟุริฮาตะมองคนสองคนที่เริ่มออกอาการเพี้ยน (?) ตามปกติก่อนที่จะเริ่มลากซากุราอิออกมาจากบ้าน

    อ...อา ครับซากุราอิก็ขานรับแบบเอ๋อๆ พลางยอมตามอีกฝ่ายแต่โดยดี จนเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้านอิสึกิที่อยู่ติดๆ กัน...ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้กดกริ่งบ้านั้น... ฟุริฮาตะซัง...

    ...ซากุราอิก็ได้เอ่ยเรียกเอาไว้เสียงก่อน

    ว่า?” ฟุริฮาตะขานรับ

    ตกลงคุณยอมคบกับผมจริงๆ ใช่ไหมครับ?” ซากุราอิเอ่ยขึ้นมา...จากตอนไอ้ที่ยูโตะแกล้งเอาปืนลมยิงใส่เขาน่ะ คำพูดมันชวนให้คิดไปในแง่นั้นจริงๆ

    “...อื้มฟุริฮาตะชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายก่อนที่จะพยักหน้ารับ...เหตุการณ์วันนี้ทำเอาเขาเข้าใจความรู้สึกตัวเองขึ้นเยอะเลย...

    ...ว่าเขาไม่อยากเสียซากุราอิไป...และในยามนี้คงเป็นฝ่ายเขาเองด้วยที่จะไม่ยอมปล่อยมือจากซากุราอิ

    ...แบบนี้คงเรียกว่ารักกันได้ใช่ไหมนะ?...ถ้าใช่หากเขาตกลงคบกับซากุราอิคงไม่ผิดหรอกจริงไหม?...

    ไชโย!!!ทางซากุราอิที่ได้รับคำพูดยืนยันมาจากคนผมน้ำตาลก็โดดกอดอีกฝ่ายด้วยความดีใจทันที...ความพยายามตลอดห้าปีสำเร็จสักทีเว้ย!!!

    หว่า! อันตรายนะซากุราอิ! โถมมาทั้งตัวแบบนี้เนี่ย!ฟุริฮาตะที่โดนกอดโวยวายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลักอีกฝ่ายออกไป

    ตอนนี้ดีใจ เพราะงั้นไม่สนครับ!!!ซากุราอิที่ยังอุตสาห์ตอบเอ่ยขึ้นพลางฟัด (?) ฟุริฮาตะไป โดยไม่รู้เลยว่า...เหล่าคนมรบ้านอิสึกินั้นต่างสามัคคีกันซุ่มดูกันอยู่เลยสักนิด

    นี่ๆ ฮิคารุได้พ่อแล้วใช่ไหมฮะ?” เด็กชายตัวน้อยที่เป็นหนึ่งในผู้แอบดูแม่ตนนั้นถามขึ้นอย่างตื่นเต้นนิดๆ ...ในที่สุดเขาก็จะมีพ่อแล้ว!

    ใช่แล้วล่ะอิสึกิยิมบางๆ ออกมาพลางลูบหัวเด็กชายเบาๆ

    ไม่เสียแรงที่ทำตามแผนของยูโตะซังโยชิกิที่ก่อนหน้านี้ถูกใช้ให้ทำให้บ้านฟุริฮาตะเหมือนโดนรื้อค้นกระตุกยิ้มอย่างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้

    แต่พี่ต้องหนีฟุริไปอีกพักใหญ่ๆ เลยนะ ไม่งั้นโดนบ่นแน่โมริยามะ โยชิทากะเอ่ยขึ้น...เขามั่นใจว่าช่วงนี้กลุ่มพวกไม่ปกติ (?) นี่ต้องหนีฟุริฮาตะจนกว่าตัวฟุริฮาตะจะลืมนู้นล่ะ เล่นใหญ่ซะขนาดนี้

    แต่ก็คุ้มไหมล่ะ?” โยชิกิยักไหล่อย่าไม่ใส่ใจนักเพราะโยนความซวยในการโดนบ่นให้เพื่อนตัวเองเรียบร้อยแล้ว (?)

    คุ้ม!ทั้งโมริยามะทั้งอิสึกิต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ในขณะที่ฮิคารุก็ยังคงมองแม่กับว่าที่พ่อของตนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×