คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #196 : [HayaFuri] 勧誘
Title : 勧誘
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Hayama x Furihata
Notes : S // สวัสดีจ้า! มาถึงหนึ่งในสามคนที่ได้อันดับห้าในการโหวตมาแล้วจ้า!!!
ฮายามะ // อ่ะ! ไหงวันนี้โผล่มาแบบปกติล่ะ!?
s // ก็อยากทำนิ (#เสกหลุมดำแล้วถีบฮายามลงไป)
ฮายามะ // แว๊ก!!! บอกดีๆ ก็ได้!!! (# โวยขณะที่หายไปในหลุมดำ)
.....................................................................................
勧誘
“น่าเบื่อที่สุด~~~~!!!” เสียงโวยวายดังออกจากปากเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลอย่างไม่แคร์ว่าใครจะมองตนอย่างไร สองขายาวๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินอย่างเอื่อยเฉื่อย...ในยามนี้ฮายามะ โคทาโร่ผู้เล่นตัวจริงปีสามจากทีมบาสราคุซันกล้าพูดเลยว่าตอนนี้รู้สึกเบื่อ เบื่อมากและเบื่อสุดๆ ไปเลยเมื่อเพื่อนทั้งสองตนที่นัดมาเที่ยวโตเกียวด้วยกันจู่ๆ ดันโทรมาบอกว่าติดธุระมาเที่ยวเล่นกับเขาในวันหยุดเช่นนี้ไม่ได้ จนเขาต้องมาเดินลอยชายไปมาอยู่คนเดียวเนี่ย...
...ไม่มีอะไรเล่นเลย~~~ อยากหาอะไรเล่นจังงงงง...
“เหวอ! อันตราย!!!”
“โอ๊ะ!” ฮายามะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น ดวงตากลมโตสีเขียวตวัดไปมองยังต้นเสียงและพบว่ามีวัตถุสีส้มพุ่งเข้ามาหาทำให้ฮายามะต้องรีบยกมือรับอย่างรวดเร็ว “เอ๊ะ? ลูกบาส?”
“ขอโทษครับ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!?” ในขณะที่ฮายามะกำลังงงๆ อยู่นั้นเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่น่าจะเป็นเจ้าของลูกบอลเมื่อครู่ก็วิ่งมาหาก่อนที่จะชะงักกึกเมื่อเห็นคนผมสีคาราเมล “อะจึ๋ย! ฮ...ฮายามะซัง!?”
“อ้าว? ชิวาว่าคุงนี่?” ฮายามะจำได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่เคยประกบกับกัปตันทีมตนเมื่อการแข่งครั้งก่อนเอียงคอน้อยๆ ด้วยความแปลกใจกับท่าทีสั่นๆ ราวเจ้าเข้าของอีกฝ่าย...เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้น่ากลัวเข้ากัปตันทีมหัวแดงของเขาแน่ แล้วไหงถึงตัวสั่นขนาดนี้นะ
“ไม่ใช่ชิวาว่าครับ!” เด็กหนุ่มโวยกลับทั้งๆ ที่ยังสั่นอยู่
“เอ้าๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” ฮายามะหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของอีกฝ่ายที่ขู่ฟ่อราวเด็กเล็กๆ “แล้วนี่โยนลูกบาสใส่ฉันทำไมอ่ะ?”
“ไม่ได้โยนใส่ครับ แค่ทำหลุดมือกระเด็นมาเฉยๆ” เด็กหนุ่มหรือก็คือฟุริฮาตะ โคกิตัวสำรองของทีมบาสเซย์รินเอ่ยอธิบาย
“อ๋อ~~~” ฮายามะลากเสียงยาวเป็นเชิงว่าเข้าใจ “นี่ๆ มาเล่นคนเดียวเหรอ? พวกนั้นไม่มาด้วยเหรอ?”
“ครับ มาคนเดียวครับ พอดีไม่อยากรบกวนเวลาพักของคนอื่นน่ะครับ” ฟุริฮาตะที่พอเดาได้ว่าพวกนั้นที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงน่าจะหมายถึงเหล่าสมาชิกชมรมบาสเซย์รินตอบ
“งั้นฉันเล่นด้วยสิ” ฮายามะเอ่ย
“เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ กับการที่หนึ่งในห้าราชันไร้มงกุฏมาขอเล่นด้วยเฉยแบบนี้
“นะๆ ตอนนี้ฉันเบื่อจะตายแล้วอ่ะ~~~” ฮายามะทำเสียงออดอ้อน
“เออ...ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่ได้ฝีมือดีแบบพวกคางามินะครับ อาจทำให้คุณเบื่อกว่าเดิมก็ได้” ฟุริฮาตะที่รู้ถึงฝีมือตนดีเอ่ยเชิงเตือนอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร~~~~” ฮายามะยิ้มร่า...สำหรับเขาตอนนี้ไม่ต้องเดินไปเรื่อยคนเดียวเป็นโอแล้วล่ะ!
“...งั้นตามใจเถอะครับ” ฟุริฮาตะที่ขี้เกียจเถียงอะไรให้มากความถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เย้! งั้นไปเล่นกันเถอะชิวาว่าคุง!” ฮายามะรีบวิ่งพร้อมลากฟุริฮาตะไปที่สนามบาสอย่างเริงร่า
“บอกแล้วไงครับว่าไม่ใช่ชิวาว่า!” ฟุริฮาตะเอ่ย...ไอ้คำอื่นพอทนได้ แต่ไอ้ชิวาว่านี้รับไม่ได้จริงๆ!
“ก็ฉันไม่รู้ชื่อนายนิ!” ฮายามะตอบกลับ
“ผมชื่อฟุริฮาตะ โคกิครับ!” ฟุริฮาตะเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนที่จะโดนเรียกชิวาว่าอีกรอบ
“โอเค! ฟุริวาว่า!” ฮายามะเอ่ย
“ฟุริฮาตะครับ!” ฟุริฮาตะโวยเถียงเรื่องชื่อของตนเอง ทว่าฮายามะก็ไม่มีท่าทีสนใจเสียงโวยวายนั้นนัก แต่ถึงอย่างนั้นฟุริฮาตะก็ไม่ยอมแพ้จนสุดท้ายเจ้าตัวก็ทำให้ไรจูของบาสราคุซันเรียกชื่อตนแบบถูกๆ ได้สำเร็จ
หลังจากจบการเถียงเรื่องชื่อไปแล้ว ฮายามะกับฟุริฮาตะก็พากันแข่งบาสกันเองไปอย่างสนุนสนาน ซึ้งผลของการแข่งแต่ล่ะรอบก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าต้องตกเป็นของฮายามะ โคทาโร่ทีเป็นหนึ่งในราชันไร้มงกุฏนั้นเอง กระนั้นทั้งสองก็ยังเล่นต่อไปเรื่อยๆ จน...
“ฟุริๆ ตายยัง?” ...คนผมน้ำตาลไปนอนแผ่กับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อนนั้นเอง
“ยังครับ?” ฟุริฮาตะตอบ
“แต่ฉันว่าเกือบแล้วนะ” ฮายามะส่ายหน้าไปมากับคนที่ดื้อเล่นกับตนซะหลายรอบทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่ไหว...แต่แบบนี้ก็ดีแฮะ ดีกว่าอีกฝ่ายเซ็งเขาจนทิ้งให้เขาเล่นบาสคนเดียวอ่ะนะ “นี่ก็ค่ำแล้ว...กลับเลยไหม?”
“ก็ดีครับ” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ
“งั้นตามนี้” ฮายามะเอ่ยพร้อมกับ...
“เหวอ!” ...อุ้มตัวฟุริฮาตะขึ้นจากพื้นหน้าตาเฉย...แถมอุ้มท่าเจ้าหญิงด้วยแหน่ะ “ฮ...ฮายามะซัง! จะอุ้มผมทำไมคร้าบบบบ!?”
“ก็นายดูเหมือนหมดแรงกลับบ้านนิ” ฮายามะตอบไปตามตรงแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ผมกลับบ้านเองได้ครับ! ช่วยวางผมลงทีเถอะ!” ฟุริฮาตะโวยลั่น...โธ่! ถ้าโดนใครเห็นเข้าล่ะก็น่าอายจะตาย!
“ไม่สนหรอก~~~” ฮายามะลากเสียงยาว
“ถ้าอุ้มผมไปถึงบ้านจริงมีหวังคุณขึ้นรถไฟกลับเกียวโตไม่ทันแน่ครับ!” ฟุริฮาตะเอ่ยเตือนเผื่อว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจไม่อุ้มตนกลับบ้านจริงๆ
“ถ้าไม่ทันก็ค้างบ้านนายไง” ฮายามะตอบหน้าตาเฉย
“เล่นงี้เลยเหรอครับ!?” ฟุริฮาตะเริ่มปวดหัวกับรายนี้แล้วสิ
“ช่ายยยยย” ฮายามะยิ้มร่า
“งั้นอย่างน้อยก็ปล่อยผมเดินเองเถอะครับ!” ฟุริฮาตะที่พอเดาได้ว่าพูดไปอีกฝ่ายก็คงไม่ฟังเอ่ยต่อรอง
“ไม่อ้าววววว” ฮายามะส่ายหน้าวืดพร้อมเริ่มก้าวขาเดินออกจากสนามบาส
“ฮายามะซัง!!!” ฟุริฮาตะแว๊ดลั่นใส่คนที่อุ้มตนพร้อมพยายามดิ้น....เสียแต่ดูไม่เป็นผลเลย แถมท่าทางแบบนี้ยังทำให้ฮายามะหัวเราะร่ากว่าเดิมอีกต่างหาก
จนในท้ายที่สุด...ฟุริฮาตะก็เถียงปนบอกทางกับฮายามะไปตลอดทางนั้นแหละ
“...” ภายในซอยแห่งซึ่งเงียบสงบ ในเวลานี้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งเกิดอาการกินจุดขึ้นมาเมื่อพอมาเปิดประตูบ้านตามเสียงกริ่งก็พบกับเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลคนหนึ่งยืนอยู่โดยในอ้อมแขนนั้นอุ้มเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นน้องชายตนเอาไว้ “เออ...โคจัง ไหงโดนอุ้มกลับมาล่ะ?”
“ขอไม่ตอบนะ” ฟุริฮาตะกุ่มหน้าตัวเองด้วยความอายสุดแสนที่ถูกอุ้มตลอดทางจนมาถึงที่นี่
“แล้วนี่...ใครเนี่ย?” ชายหนุ่มเหล่มองคนผมสีคาราเมล
“สวัสดีครับ! ผมฮายามะ โคทาโร่จากทีมบาสราคุซันครับผม!” ฮายามะเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างร่าเริงตามประสาเจ้าตัว
“อา สวัสดี ฉันชื่อเคียวเป็นพี่ของโคจังน่ะ” เคียวแนะนำตัวกลับตามมารยาท “แล้วนี่...วางน้องฉันลงได้ยัง?”
“ยังครับ ยังไม่อยากวาง” ฮายามะส่ายหน้าวืด
“ทำไม?” เคียวขมวดคิ้วน้อยๆ
“อุ้มฟุริแล้วเหมือนอุ้มชิวาว่าดี เลยไม่อยากว่างฮ้าฟ” ฮายามะตอบแบบขวานผ่าซากสุดและ...เล่นซะทำให้ฟุริฮาตะเริ่มอยากต่อยคนขึ้นมาตงิดๆ
“ผมไม่ใช่ชิวาว่านะครับ!” ฟุริฮาตะโวยลั่นเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน โดยที่นายเคียวนั้น...
“วะฮ่าฮา! เอาจริงดิ!?” ...หลุดก๊ากออกมาแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น
“พี่ไม่ต้องหัวเราะเลยครับ!” ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ย “แล้วพี่ไม่ไปทำงานหรือไงครับ? วันนี้โดนให้เข้ากะดึกไม่ใช่เหรอครับ?”
“กำลังจะไปนี่แหละ” เคียวรีบแว่บไปที่ประตูรั้วแทนก่อนที่น้องชายตนจะเอาลูกบาสในมือปาใส่หัวตนเข้า “ปิดประตูบ้านล็อกดีๆ ล่ะ อ๋อและก็นะ...วันนี้นายให้เพื่อนนายนอนที่นี่ดีกว่านะโคกิ เมื่อกี้ฉันได้รับแจ้งว่ามีเรื่องชวนให้พวกหน้าเหี่ยวไมเกรนขึ้นเกิดขึ้นแถวนี้น่ะ ดังนั้นอย่าให้หมอนี่เดินทางกลับดึกๆ ดื่นๆ เลยเถอะ”
“เลิกเรียกเจ้านายตัวเองแบบนั้นสักทีเถอะครับ...” ฟุริฮาตะบ่นอย่างเหนื่อยใจขณะที่พี่ชายของตนแว่บหนีไปเสียแล้ว
“พี่นายนี่เฮฮาดีเนอะ” ฮายามะเอ่ยยิ้มๆ ...ถึงตอนแรกจะดูน่ากลัวนิดๆ แต่ไปๆ มาๆ ดันมาดแตกจนเขาอดขำตามไม่ได้เสียนิ
“เฮฮาเกินน่ะสิครับ” ฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมา “และคุณช่วยปล่อยผมลงเถอะครับ จะอุ้มไปถึงไหนครับเนี่ย?”
“ไม่รู้อ่ะ รู้แค่อยากอุ้ม” ฮายามะตอบตามตรงพร้อมก้าวขาเข้าไปในตัวบ้านพร้อมปิดประตูล็อกให้ชนิดที่ไม่คิดจะถามเจ้าของบ้านที่อยู่ในอ้อมแขนตนแม้แต่น้อย
“คุณนี่มัน...” ฟุริฮาตะกรอกตาไปมาอย่างไม่รู้จะว่าไงกับคนผมสีคาราเมล “...เอาเป็นว่าตอนนี้คุณต้องปล่อยผมลงครับ ไม่งั้นจะไม่มีข้าวเย็นให้กินนะครับ”
“งั้นปล่อยก็ได้” ฮายามะที่เห็นแก่กิน (เฮ้ยๆ! เอาดีๆ สิ! // ฮายามะ) รีบปล่อยตัวอีกฝ่ายให้เท้าสัมผัสพื้นอีกครั้ง และทันทีที่เท้าแตะพื้นฟุริฮาตะก็จัดการลากคนผมสีคาราเมลไปนั่งแปะอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
“กรุณานั่งรอนิ่งๆ อย่าพังข้าวของในบ้านผมนะครับ เดี๋ยวผมไปทำกับข้าวแป๊บนะครับ” ฟุริฮาตะเอ่ยเตือนคนอายุมากกว่าราวเด็กๆ
“รับทราบ!” ฮายามะที่โดนชาวบ้านบ่นใส่จนชิน (?) พยักหน้ารับ ทางฟุริฮาตะเมื่อได้คำตอบก็เดินหายเข้าไปในอีกห้องและจากนั้นประมาณสิบนาที...
“มาแล้วครับ...มากินข้าวเย็นเถอะ” ...ฟุริฮาตะก็เดินกลับมาลากฮายามะไปกินข้าวพลางจับคนผมคาราเมลนั่งประจำที่ปานคุณแม่จับลูกน้อยมาทานข้าวอีกต่างหาก ส่วนฮายามะที่โดนทำแบบนี้ก็หาได้ใส่ใจนักและรีบกิน...เออ โซ้ยอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความหิวจากการที่ตนลืมกินข้าวเที่ยงในวันนี้นั้นเอง (กรรม // s) “ไม่ต้องรีบกินก็ได้ครับ เดี๋ยวติดคอหรอก”
“ไม่ติดหรอกน่า!” ฮายามะตอบกลับอย่างมั่นใจ
“งั้นกรุณาช้าๆ ลงหน่อยครับ แบบนี้มันทำให้ผมชักเสียวๆ ชอบกล” ฟริฮาตะเอ่ย...เขาว่าถ้ามีคนตายในบ้านเขาเพราะข้าวติดคอตายเนี่ยคงฟังดูตลกพิลึก
“น่าๆ” ฮายามะยิ้มร่า และยอมลดสปรีดการกินของตนลงเล็กน้อย “ว่าแต่...เมื่อกี้พี่นายบอกว่าเกิดเรื่องแถวๆ นี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วพี่นายออกไปคนเดียวแบบนั้นไม่เป็นไรดิ?”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ผมเป็นตำรวจน่ะครับ” ฟุริฮาตะตอบ
“อ๋อ” ฮายามะพยักหน้ารับ...ถึงว่าสิ บอกว่าเกิดเรื่องแล้วยังกล้าออกไปคนเดียวอีก “นี่ๆ ฟุริๆ ...พรุ่งนี้ไปเล่นด้วยกันอีกได้ไหมอ่ะ?”
“ใจคอไม่คิดกลับบ้านกลับช่องหรือไงครับ?” ฟุริฮาตะบ่นน้อยๆ กับคนที่ดูไม่มีท่าทีจะกลับบ้านตัวเองแม้น้อย...ถึงพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ก็เถอะ “ก็ได้อยู่หรอกครับ จะไปเล่นบาสที่สนามเดิมเหรอครับ?”
“เปล่า จะชวนไปสวนสนุกน่ะ” ฮายามะส่ายหน้าวืด
“สวนสนุก?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ
“ใช่ๆ พอดีฉันได้ตั๋วฟรีมาสีใบน่ะ” คนผมสีคาราเมลยิ้มร่า
“...แบบนั้นชวนพวกอาคาชิไม่ดีกว่าเหรอครับ?” ฟุริฮาตะคิดว่าไอ้การเที่ยวเล่นแบบนี้น่าจะเหมาะกับคนที่สนิกกันพอสมควรแล้วมากกว่าชวนคนที่เพิ่งคุยกันครั้งแรกแบบเขานะ
“ชวนแล้ว แต่อาคาชิบอกว่าไม่ไป พี่เรโอะกับเอย์จังถึงเอาตั๋วไปแล้วสองใบแต่ก็บอกว่าติดธุระมาไม่ได้แล้ว ถ่อไปหาคุณคิ้วบางก็โดนถีบออกมาอ่ะ” ฮายามะอธิบาย...ที่จริงอธิบายไม่หมดหรอก ความจริงคือเขาชวนใครก็พากัปฏิเสธกันหมดต่างหาก! กว่าจะตื้อจนยอมมาเที่ยวเล่นกับเขาได้ แค่สองคนก็แทบตายแล้ว! แล้วสองคนนั้นดันมาติดธุระอีก! นี่เขาดวงซวยหรือสองคนนั้นนัดกันขี้เกียจมาเนี่ย!? แต่คงไม่มั้ง พี่เรโอะมีความรับผิดชอบสูงจะตายไม่มีทางโดดไปเฉยๆ หรอก
“...” ฟุริฮาตะที่ได้ฟังคำบอกเล่าของอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ เท่านั้น “ครับ ได้ครับ...แต่ในวันพรุ่งนี้เมื่อเที่ยวเล่นกันเสร็จแล้วกรุณายอมขึ้นรถไฟกลับเกียวโตดีๆ นะครับ”
“รับทราบ!” ฮายามะขานรับอย่างร่าเริง “งั้นรีบกินแล้วไปนอนกันเถอะ!”
“ล้างจานกับอาบน้ำก่อนสิครับ!” ฟุริฮาตะเอ่ยเตือนก่อนที่อีกฝ่ายจะไปนอนโดยไม่อาบน้ำจริงๆ และแล้ว...การดูแลคนผมสีคาราเมลปานลูกของฟุริฮาตะก็เริ่มต้นอีกรอบ
ในช่วงเช้าอันแสนสดของวันอาทิตย์เหมาะสมแก่การนอนอึด (?) สักครึ่งวันยิ่ง ทว่าเด็กหนุ่มนามฟุริฮาตะ โคกิก็โดนนายฮายามะ โคทาโร่ปลุกแต่เช้าตรู่พร้อมร้องเร่งให้ฟุริฮาตะไปเที่ยวกับตนเร็วๆ จนสุดท้ายเจ้าตัวต้องจำยอมทำตามที่คนผมสีคาราเมลบอกอย่างช่วยไม่ได้และพอฟุริฮาตะแต่งตัวบวกพากันกินข้าวเช้า (แน่นอนว่าฟุริเป็นคนทำ) เสร็จแล้ว ฮายามะก็จัดการลากคนผมน้ำตาลออกจากบ้านไปยังสวนสนุกที่ตนพูดถึงเมื่อคืนทันทีราวกับกลัวว่าสวนสนุกมันจะย้ายตัวเองหนีอย่างไรอย่างนั้นแหละ...พอมาสิ่งแรกที่ฟุริฮาตะสังเกตเห็นคือ...
“ฮายามะซัง...นี่มันไม่เช้าเกินไปเหรอครับ?” ...สภาพสวนสนุกที่คนน้อยมากและมีผู้มาใช้บริการตอนนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“จะได้เล่นได้ครบไง!” ฮายามะตอบ
“นี่ใจคอจะเล่นหมดนี่เลยเหรอครับ!?” ฟุริฮาตะเริ่มอยากเอาหัวโขกต้นไม้ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยงานนี้
“แน่นอน~~ อุตสาห์มาทั้งที~~~” ฮายามะตอบด้วยท่าทีมั่นใจสุดแสน
“...” ฟุริฮาตะถึงกับคุมขมับด้วยความปวดจิตกับคำตอบที่ได้รับ “เฮ้อ เอาเถอะ ตามใจคุณแล้วกัน...แต่ผมว่าเช้าปานนี้เครื่องเล่นบางอย่างคงยังไม่เปิดหรอกครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก~~~ ตอนนี้อันไหนเปิดก็เล่นอันนั้นมันก่อนเลยยยย” ฮายามะยังคงยิ้มราตามปกติ ดวงตากลมโตสีเขียวเข้มกวาดมองหาเครื่องเล่นที่เปิดในยามนี้ “นี่ๆ! ฟุริๆ! นั้นๆ! มีเครื่องเล่นเปิดแล้ว! ไปตรงนั้นเถอะ!!!”
“อ่ะ! เดี๋ยวสิครับ!!!” ฟุริฮาตะโวยคนที่ลากตนวิ่งเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเสียงค้านของคนผมน้ำตาลคือเดิม จนสุดท้ายทั้งสองก็มาหยุดที่... “...ม้าหมุน....เหรอครับ?”
“ใช่~~~” ฮายามะลากเสียงยาว “มาเล่นด้วยกันเถอะ!!!”
“ครับๆ” ถึงแม้ฟุริฮาตะจะรู้สึกแปลกๆ ที่ผู้ชายตัวโตๆ มาเล่นอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ค้านอะไรและไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมม้าหมุนเพื่อให้ได้เล่นเครื่องเล่นตามประสงค์ของคนอายุมากกว่าจนสำเร็จแม้ว่าจะมีลูกค้าแค่พวกตนสองคนก็ตาม ซึ่งทุกอย่างก็ดูปกติถ้าไม่ติดว่า... “ฮ...ฮายามะซัง! อย่ายืนบนม้าหมุนสิครับ!!! อันตรายนะครับ!!!”
...นายฮายามะ โคทาโร่ดันไปยืนอยู่บนหลังท้าหมุนทันทีที่ทางเจ้าหน้าอนุญาตให้เข้ามาเล่นได้น่ะสิ!
“นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า!” ฮายามะตอบกลับมาแบบไม่ใส่ใจนัก
“เป็นสิครับ! มากด้วย!” ฟุริฮาตะทำเสียงดุเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีเด็กๆ ชอบเล่นแบบนี้บ่อยๆ เหมือนกัน” เจ้าหน้าที่หนุ่มซึ่งทำหน้าที่ควบคุมท้าหมุนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก แถมยังออกไปทางขำกับท่าทางราวเด็กๆ ของคนผมสีคาราเมลอีกต่างหาก
“เห็นไหมล่ะ~~~” ฮายามะลากเสียงยาว
“แต่ก็ไม่ควรครับ! ลงมานั่งดีๆ เลยครับ!” ฟุริฮาตะเริ่มอยากจะบ้าตายกับอีกฝ่ายขึ้นมาตงิกๆ...นี่ไม่กลัวหัวไปฟาดอะไรเลยเนอะ!
“ฟุรินี่ขี้บ่นเหมือนกันน้า~~~~” ฮายามะถึงแม้ตะบ่นแต่ก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจหรืออะไรแม้แต่น้อย
“ก็มันสมควรบ่นไหมล่ะครับ!?” ฟุริฮาตะสวนกลับแทบจะทันที
“เฮฮาดีแฮะ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ “เป็นคู่รักที่น่ารักกันดีเนอะ”
“ไม่ได้เป็นคู่รักกันนะครับ!!!” ฟุริฮาตะรีบแก้ความเข้าใจผิดนี่อย่างรวดเร็ว
“ฉันกับฟุริไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย~~~” ฮายามะเอ่ยเสริมขึ้นมา
“อ้าว? ก็เห็นว่ามาเช้าๆ กันสองคนแบบนี้เลยคิดว่าเป็นพวกที่อยากมาจีบกันแต่ไม่อยากให้ใครจับได้เสียอีก” เจ้าหน้าที่หนุ่มเลอกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ใช่สักหน่อยลุง พวกผมแค่อยากเล่นเครื่องเล่นให้ครบก่อนมืดเลยมาเช้าหน่อยแค่นั้นเอง~~~” ฮายามะอธิบาย
“แหม ฉันเพิ่งยี่ห้าไม้ต้องเรียกซะแก่แบบนั้นก็ได้” เจ้าหน้าที่สวนสนุกที่โดนเรียกเป็นลุงยังคงรอยยิ้มเหมือนเอ็นดูเด็กหนุ่มไว้บนดวงหน้า “ถ้าอยากเล่นเครื่องเล่นตอนช่วงนี้ก็มีแต่พวกเครื่องเล่นแบบหวานๆ สำหรับคู่รักเท่านั้นแหละ เพราะที่นี่คนส่วนใหญ่ที่มาเวลานี่มีแต่พวกอยากมาเดทกันแต่ไม่อยากให้ใครรู้น่ะ”
“งั้นก็ถือว่าเยอะอยู่น่ะสิฮ๊าฟ!?” ฮายามะตาวาวขึ้นมา เพราะแค่นับตามที่ตนรู้จักก็นับว่าเยอะพอสมควรแล้ว
“ก็ใช่อ่ะนะ” ชายหนุ่มยักไหล่น้อยๆ
“ฮายามะซัง...รู้นะครับว่าอยากเล่น แต่กรุณาอย่าดีใจจนโหนม้าหมุนเล่นสิครับ เดี๋ยวตกลงมาจริงๆ หรือ” ฟุริฮาตะเอ่ยเตือนเมื่อฮายามะโหนเสาของม้าหมุนเล่นจนตัวยื่นออกมาจากฐานหมุน
“ไม่ตกหรอกน่า~~~” ฮายามะยิ้มร่าพร้อมใช้จังหวะที่ตนหมุนไปใกล้จุดที่คนสองคนยืนอยู่คว้าตัวฟุริฮาตะขึ้นมาบนม้าหมุน “ฉันเร็วพอที่จะหลบจะหลีกนะเห็นไหม?”
“...แล้วนี่คุณจะลากผมเข้ามาทำไมครับ!?” ฟุริฮาตะโวยคนอายุมากกว่า...ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเขาเริ่มบ่นอีกฝ่ายจนเหมือนแม่บ่นลูกชอบกลเนี่ย?
“มาเล่นไง!” ฮายามะตอบก่อนที่จะ...อุ้มตัวฟุริฮาตะขึ้นแล้วโดดขึ้นบนตัวม้าของเล่นราวคาวบอยในหนัง “พอดีอยากลองอ่ะนะ~~~”
“เหวอ!” ฟุริฮาตะเกาะแขนคนผมสีคาราเมลหมับด้วยความกลัวตก “ฮายามะซัง! เล่นอะไรครับเนี่ย!? ปล่อยผมลงนะ!!!”
“ไม่เอา ฉันอยากลองเล่นบทเจ้าชายพาเจ้าหญิงหนีแบบในนิทานนิ” ฮายามะบอกไปตามตรง
“แล้วทำไมผมต้องเป็นเจ้าหญิงด้วยล่ะครับ!?” ฟุริฮาตะคิ้วกระตุกนิดๆ
“เพราะฉันรับบทเจ้าหญิงไม่ค่อยเหมาะไง” ฮายามะเอ่ย
“พูดอย่างกับผมเหมาะนักงั้นแหละครับ!” ฟุริฮาตะมั่นใจว่าหน้าอย่างตนไม่เหมาะกับบทเจ้าหญิงแน่นอนล้านเปอร์เซ็น!
“เหมาะกว่าฉันแล้วกัน” ฮายามะสวนกลับทันควัน
“...พวกเธอเป็นคู่ที่เหมาะกันดีเนอะ...ถ้าแต่งกันเมื่อไหร่อย่าลืมชวนล่ะ” ทางเจ้าหน้าที่สวนสนุกที่มองดูอยู่เอ่ยแซวเด็กหนุ่มทั้งสองที่เหมือนคู่รักที่กำลังจีบกันอยู่เล็กน้อย
“พวกผมไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ!” ฟุริฮาตะหันไปโวยเจ้าหน้าที่ของสวนสนุกแห่งนี้เล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาเถียงกับฮายามะต่อและ...จบด้วยความพ่ายแพ้ของฟุริฮาตะเนื่องจากฮายามะไม่ยอมปล่อยตัวคนผมน้ำตาลเลยจนกระทั่งม้าหมุนหมดรอบ
“สนุกดีเนอะ!” ฮายามะโดดลงจากแท่นหมุนของม้าหมุนอย่างร่าเริง
“คุณสนุกคนเดียวสิครับ” ฟุริฮาตะกุมหน้าตัวเองด่วยความอายกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“นั้นเพราะนายมัวแต่คิดอะไรยุบยิบต่างหากล่ะ ปล่อยตัวตามสบายบ้างก็ได้” ฮายามะเอ่ย
“อย่างคุณก็เกินไปครับ” ฟุริฮาตะมั่นใจว่าคงไม่มีใครร่าเริงได้เท่ารายนี้อีกแล้วแน่
“อย่าเพิ่งเถียงกันสิ ที่นี่เหมาะกับการมาเล่นสนุกมากกว่าการมาเถียงกันนะ” เจ้าหน้าที่สวนสนุกคนเดิมเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่จะได้ชมคู่รัก (?) คู่นี้ทะเลาะกัน “อ๋อ และวันนี้มีเครื่องเล่นเปิดใหม่นะครับ สนใจลองไปเล่นไหมครับ? เครื่องเล่นนั้นอยู่ในหมวดเครื่องเล่นสำหรับคู่รักพอดี”
“จริงเหรอครับ!? น่าสนุกจัง!” ฮายามะตาวาวขึ้นมาอีกระรอบพอรู้ว่ามีเครื่องเล่นใหม่ให้ลองเล่น “อยู่ทางไหนเหรอครับ!?”
“เลยร้านขายน้ำตรงนั้นไปหน่อยน่ะครับ” เจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนหน้าที่มาโปรโมดสวนสนุกของตัวเองแทนชี้ไปทางร้านขายน้ำใกล้ๆ
“ขอบคุณฮ้าฟ! ไปกันเถอะฟุริ!” ฮายามะออกตัววิ่งพร้อมลากคนผมน้ำตาลไปด้วย
“เดี๋ยวสิครับ! ช่วยเลิกอยู่ๆ ก็ลากผมไปมาสักทีเถอะครับ!” ฟุริฮาตะยังคงโวยไม่เลิกแต่ทางฮายามะก็ไม่สนใจเหมือนเดิมเช่นกัน ทำให้ฟุริฮาตะต้องวิ่งตามไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าเครื่องเล่นเครื่องหนึ่งที่...ดูเหมือนถ้ำมาก ดวงตาสีน้ำตาลใสจับจ้องยังป้ายตรงหน้า “ถ้ำทาซาน...?”
...ทาซานต้องป่าไม่ใช่เหรอ!? แล้วไอ้นี่มันมาอยู่ในหมวดคู่รักได้ไงเนี่ย!?...
“น่าสนุกเนอะ!” ฮายามะมองถ้ำตรงหน้าอย่างสนใจ
“สวัสดีครับ มาสองคนเหรอครับ?” เจ้าหน้าที่สวนสนุกผู้สวมชุดแบบมีฮู้ดรูปกอริล่า (?) ซึ่งเป็นหนึ่งในสองคนที่เฝ้าเครื่องเล่นนี้ส่งยิ้มให้ลูกค้าสองคนแรกของวัน
“คร้าบบบบ” ฮายามะขานรับ
“งั้นคุณเชิญตามผมมาเลยครับ ส่วนคุณคนผมน้ำตาลนั้นตามไอ้นี่ไปเลยครับ” ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ย
“อย่าฉันว่าไอ้นี่สิ เวลางานนะ” ชายอีกคนที่สวมชุดแบบเดียวกับคนแรกแต่เป็นรูปเสือทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
“เออ...ขอโทษครับ ทำไมต้องแยกกันเล่นเหรอครับ?” ฟุริฮาตะถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย
“อ๋อ พอดีเครื่องเล่นนี้เทียบได้เหมือนเกมอย่างหนึ่งน่ะครับ” เจ้าหน้าที่คนที่บ่นเมื่อครู่ตอบทันควัน
“เกม?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ
“คือเครื่องเล่นเหมือนกับบ้านกระจกนั้นแหละครับ คงเคยเล่นกันมาบางแล้วนะครับ?” ชายหนุ่มเลือกคำอธิบายแบบที่คนอายุอย่างอีกฝ่ายคงเข้าใจมากที่สุด
“ครับ” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ...สรุปถ้ำนี้คล้ายกับบ้านกระจกที่พอเข้าจะวกวนเหมือนเขาวนกตสินะ? แต่ในบ้านกระจกมันมีกระจกหลอกตาตามชื่อแต่นี่มันอะไรหว่า?
“ไม่อ่ะ มันคืออะไรน่ะ?” ฮายามะเอ่ยต่อจากฟุริฮาตะ สร้างความสงสัยให้กับใครหลายๆ คน
“ฮายามะซังไม่เคยบ้านกระจกเหรอครับ?” ฟุริฮาตะไม่คิดว่าพวกชอบเฮฮาแบบนี้จะไม่เข้าเข้าไปเที่ยวในเครื่องเล่นนั้นเลย
“ไม่อ่ะ ส่วนใหญ่พี่เรโอะบอกว่า ‘อย่าเข้าเลย เดี๋ยวหลงหรือไปทำอะไรของเขาเสียหายเอาทั้งสองตัวเลย’ น่ะ” ฮายามะเอ่ย
“...” ฟุริฮาตะได้เพียงยิ้มแห้งๆ ...ถ้าให้เดาสองตัวที่ว่านั้นคือตัวฮายามะกับเนบุยะเป็นแน่
“ไม่ยักคิดนะครับว่าจะยังมีคนไม่เคยเข้าเนี่ย...” เจ้าหน้าที่หนุ่มเอ่ย
“ฉันก็เพิ่งมาเคยตอนก่อนเข้าทำงาน แปลกตรงไหน?” คนในชุดเสือค้อนใส่เพื่อนร่วมงานตนเล็กน้อย “อธิบายง่ายๆ นะครับ บ้านกระจกคือเขาวนกตที่เต็มไปด้วยกระจก ด้วยนี่จะเป็นเขาวนกตที่จำลองให้สภาพเหมือนป่าภายในถ้ำครับ แต่จะต่างจากบ้านกระจกตรงที่ถ้ำนี้จะให้เล่นเป็นคู่ โดยจะจับทั้งสองแยกกันแล้วให้กุญแจกับแต่ล่ะคนไว้คนละดอก ซึ่งการออกจากถ้ำต้องมีกุญแจสองดอกเพื่อเปิดประตูตรงทางออกครับ”
“แล้วต้องหากันให้เจอถึงจะออกจากถ้ำได้เหรอครับ?” ฮายามะถาม
“ใช่ครับ แต่ถ้าพวกคุณหากันไม่เจอแล้วออกมาไม่ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงพวกผมจะไปพาพวกคุณออกมาเอง” คนในชุดเสือคนเดิมพยักหน้ารับ
“โอเคฮ้าฟ! เข้าใจแล้ว! งั้นแล้วเจอกันนะฟุริ!” ฮายามะพยักหน้ารับขยักขยอให้อีกฝ่ายพาเข้าเรื่องเล่นเร็วๆ
“ครับ...” พนักในชุดกอริล่ายิ้มแห้งๆ กับท่าทางเด็กเกินตัวของอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะพาไปยังประตูทางเข้าตามความประสงค์ของอีกฝ่าย
“...แฟนคุณน่ารักดีนะครับ” ชายในชุดเสือที่อยู่กับฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“ไม่ใช่แฟนครับ!” ฟุริฮาตะเถียงทันควัน
“อ้าว? งั้นเหรอครับ? เห็นมากันตอนนี้คิดว่าแฟนกันเสียอีก” ชายหนุ่มยื่นกุญแจดอกเท่าหนังสือเล่มหนึ่งให้ฟุริฮาตะพร้อมเดินนำไปยังประตูทางเข้าอีกฝั่ง
“แค่มาเที่ยวกันเฉยๆ ครับ!” ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยพลางรับกุญแจมาขณะที่เดิมตามหลังอีกฝ่ายต้อยๆ
“เหรอ~~~ น่าเสียดายเนอะ~~~” ชายหนุ่มทำหน้าเสียดายสุดแสน
“ไม่ต้องมาเสียดายแทนผมก็ได้ครับ!” ฟุริฮาตะคิ้วกระตุกนิดๆ ...ดูท่าคนในสวนสนุกอยากให้เขากับฮายามะเป็นแฟนกันเหลือเกิน!
“ก็มันน่าเสียดายจริงๆ นี่ครับ แฟนดูอารมณ์ดีแบบนั้นหายากนะ...” พนักงานหนุ่มเอ่ยอย่างขำๆ ขณะที่คนผมน้ำตาลเดินเข้าไปในเครื่องเล่น “...ตอนออกมาขอให้จีบกันติดแล้วนะครับ!”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงครับ!” ฟุริฮาตะโวยใส่คนที่ปิดประตูหนีไปแล้ว “ให้ตายเถอะ...ว่าแต่แบบนี้จะหากันเจอได้ไงเนี่ย?”
...อย่าว่าแต่หากันเลย หาทางออกจะเจอหรือเปล่าก็ไม่รู้!...
ฟุริฮาตะมั่นใจเลยว่าในสถานที่แบบนี้...เขามีแต่หลงกับหลง แค่ทางปกติเขาก็ยังหลงบ่อยๆ เลยแล้วแบบนี้จะเหลือเหรอ?
“เฮ้อ...” ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ “...เอาเถอะ...ลองสักตั้งแล้วกัน”
“ตกลงพื้นที่มันจะกว้างไปไหนเนี่ย!?” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลสบถออกมาอย่างหัวเสียแบบที่นานๆ ทีจะได้เห็นกับสถานที่แห่งนี้ที่...ยิ่งเดินยิ่งเหมือนป่าดงดิบขึ้นเรื่อยๆ เนี่ย! เหมือนจนน่ากลัวเลย! “ฮายามะซัง! อยู่ไหนครับ~~~~!!! ฮายามะซัง! ได้ยินแล้วตอบหน่อยครับ!!!”
...นี่คงไม่ต้องรอครบชั่วโมงแล้วรอให้ทางเจ้าหน้าที่พาออกไปจริงๆ ใช่ไหม?...
ตัวสำรองแห่งทีมบาสเซย์รินถอนหายใจออกมาเบาๆ พาเดินต่อไปด้วยความที่ว่าในเวลานี้โวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ เด็กหนุ่มตอนนี้มีแค่ทางเลือกสองทางคือตามหาคนผมสีคาราเมลที่ปานนี้ไปพังข้าวของ (?) ตรงไหนก็ไม่รู้กับรอให้เครื่องเล่นนี้หมดรอบเท่านั้น...ที่จริงฟุริฮาตะจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ติดว่าบรรยากาศเหมือนหลงป่าเนี่ยมันทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขาจะออกไปไม่ได้อีกเลยเนี่ย
“ฮายามะซัง! อยู่ไหนครับ! ฮายามะซัง!!!” ฟุริฮาตะตะโกนเรียกอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“ฟุริ~~~~” ...มีเสียงอันแผ่วเบาดังตอบกลับมา
“ฮายามะซัง?!” พอได้ยินเสียงตอบรับฟุริฮาตะใช้สกิลชิวาว่า (เลิกเรียกฉันว่าชิวาว่าสักทีเถอะ! // ฟุริฮาตะ , ไม่มีทางซะหรอก~ แกล้งนายสนุกดีออก~~ // s) วิ่งตามเสียงไปและเมื่อไปถึง... “...นี่ไปทำอะไรบนนั้นล่ะครับ!?”
...ก็พบว่ายามนี้ร่างของเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลถูกห้อยหัวลงมาจากบนต้นไม้ โดยที่รอบข้อเท้าเด็กหนุ่มมีวัตถุเป็นเส้นสีเขียวมัดอยู่
“ปีนขึ้นมาเล่นแล้วขาติดเถาวัลย์อ่ะ!” ฮายามะที่แม้จะโดนห้อยเสียจนน่ากลัวว่าจะเลือดตกหัวตายยังคงตอบด้วยสีหน้าร่าเริงดั่งเดิม
“แล้วปีนขึ้นไปทำไมครับ!?” ฟุริฮาตะทำหน้าปลงสุดแสน “อยู่นิ่งๆ นะครับ เดี๋ยวแกะเถาวัลย์ออกให้”
“จ้าาาาา” ฮายามะขารับแบบกวนๆ
“ไม่ต้องทำเสียงกวนเลยครับ” ฟุริฮาตะบ่นอุบขณะที่ปีนขึ้นต้นไม้เพื่อแกะเถาวัลย์ออกจากข้อเท้าอีกฝ่าย
“น่าๆ อย่าหัวเสียดิ...แอ๊ก!” ขณะที่ฮายามะกำลังพูดๆ อยู่นั่นเองร่างของเจ้าตัวก็ร่วงลงสู่พื้นตามแรงดึงดูดของโลกจนหัวกระแทกพื้นเต็มๆ (ดีไม่ตาย // s , ฉันไม่ยอมตายง่ายๆ หรอกน่า // ฮายามะ) “อุ๊ย~~~ เจ็บอ่ะ~~~”
“ข...ขอโทษครับ!” ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างล้นลานเนื่องจากไม่คิดว่าเมื่อครู่ที่ตนแค่ดึงเถาวัลย์เส้นเดียวจะทำให้ฮายามะร่วงไปได้
“ไม่เป็นไรๆ” ฮายามะที่พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เอ่ย “ว่าแต่เมื่อเจอกันแล้วก็หาประตูทางออกกันต่อเถอะ”
“...ครับ” ฟุริฮาตะพยักรับพลางปีนลงจากต้นไม้ แล้วเด็กหนุ่มทั้งสองค่อยเดินหาทางออกกันแต่...
“นี่ๆ ฟุริ...เราลองโหนเถาวัลย์เล่นเหมือนทาซานกันไหม?” ...ไม่ถึงสิบนาทีนายฮายามะ โคทาโร่เจ้าเก่าก็เริ่มอยู่ไม่สุขอีกตามเคย
“ไม่ครับ และอย่าเล่นเลย เดี๋ยวข้าวของในนี่ก็เสียหายหรอกครับ” ฟุริฮาตะปฏิเสธแบบแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“งั้นปีนต้นไม้?” ฮายามะถามต่อ
“ไม่ได้เหมือนกันครับ” ฟุริฮาตะส่ายหน้าวืด
“มุดดิน?” คนผมสีคาราเมลเอียงคอน้อยๆ
“คิดว่าตัวเองเป็นตุ๋นเหรอครับ!?” ฟุริฮาตะรู้สึกราวไมเกรนขึ้นก็งานนี้แหละพี่น้อง “กรุณาเดินเท้ากันแบบปกติๆ เถอะครับ ผมขอล่ะ”
“เอางั้นก็ได้” ฮายามะทำหน้ามุ่ยคล้ายเด็กถูกขัดใจ
“เฮ้อ...” ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอกเมื่อดูท่าอีกฝ่ายจะเลิกคิดที่จะไปก่อความเสียหายอะไรในเครื่องเล่นนี้และ...ฟุริฮาตะเริ่มรู้ซึ้งถึงสาเหตุที่มิบุจิ เรโอะไม่ยอมให้รายนี่เข้าเครื่องเล่นแบบบ้านดระจกแล้วสิ
“ถอนหายใจมากๆ ระวังแก่เร็วนะ” ฮายามะแซวอีกฝ่ายเล็กน้อย
“เพราะใครล่ะครับ?” ฟุริฮาตะอยากบอกเหลือเกินว่าคนที่ทำให้เขาถอนหายใจปานปลงโลกเนี่มันเพราะอีกฝ่ายนั้นแหละ!
“ว้าๆ อย่าว่ากันดิ” ฮายามะเอานิ้วจิ้มๆ แก้มอีกฝ่ายเล่น
“เลิกทำเป็นเล่นเถอะครับ...รีบหาทางออกเถอะ ผมเริ่มกลัวที่นี่แล้วสิ” ฟุริฮาตะปัดมือคนผมสีคาราเมลออกเบาๆ
“แค่ป่าในถ้ำเอง ไม่เห็นน่ากลัวเลย” ฮายามะบิดตัวไปมาคลายเมื่อยเล็กน้อย
“แต่สำหรับผมมันทำให้ประสาทเสียพอสมควรครับ” ว่าตามจริงไอ้สถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกราวอยู่ในหนังแนวเอาตัวรอดเนี่ยทำเอาฟุริฮาตะกลัวสุดๆ เลย แต่แค่ไม่ถึงอาการชิวาว่าออกแค่นั้นเอง (ชิโกะ! บรรยายดีๆ ให้ได้ตลอดบางเถอะ! // ฟุริฮาตะ , ไม่สนหรอก~~~ พ่อชิวาว่าน้อย~~~ //s , ชิโกะ!!! // ฟุริฮาตะ)
“เหรอ~~ งั้นรีบไปเถอะ...” ฮายามะเมื่อเห็นอีกฝ่ายบอกว่าไม่ชอบที่นี่ก็จับมือคนผมน้ำตาลแล้วพาออกวิ่งทันที ห้านาทีให้หลัง...เด็กหนุ่มทั้งสองก็มาอยู่หน้าต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งด้านบนต้นไม้นั้นมีวันถุที่คล้ายๆ ประตูติดอยู่
“ฮายามะซัง...คุณรู้อยู่แล้วเหรอครับว่าทางออกอยู่ที่นี่?” ฟุริฮาตะมองทางออกตรงหน้าตาแป่ว
“อื้อ ฉันเจอตอนปีนต้นไม้เล่นน่ะ” ฮายามะตอบอย่างภูมิใจมาก
“คุณเลยชวนผมโหนเถาวัลย์กับปีนต้นไม้สินะครับ?” ฟุริฮาตะกรอกตาไปมา...ถ้าให้เดาที่ชวนเขาเล่นนู้นเล่นนี้คงเพราะไม่อยากเดินมาแบบธรรมดาแหง ส่วนไอ้มุดดินคงแค่พูดขึ้นมาลอยๆ เพราะข้อเสนอก่อนหน้านั้นเขาปฏิเสธหมดแน่
“ตามนั้นเลย” ฮายามะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ “ฟุริส่งกุญแจมาหน่อยดิ”
“ครับๆ” ฟุริฮาตะยื่นกุญแจให้ฮายามะ คนผมสีคาราเมลก็รีบคว้ากุญแจในมืออีกฝ่ายและกุญแจในมือตนมาไขบานประตูตรงหน้า...เท่านั้นประตูบานน้อยก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
“เปิดแล้ว...” ฮายามะยิ้มร่าพร้อมจะนั่งย่องๆ บนกิ่งไม้และ... “...งั้นออกไปกันดีกว่า”
“เหวอ!” ...ดึงตัวนายฟุริฮาตะ โคกิขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เอาอีกแล้วนะครับ! ฮายามะซัง! ทำไมชอบอุ้มผมจริงครับเนี่ย!?”
“อย่างที่เคยบอก...อุ้มนายให้ความรู้สึกเหมือนอุ้มชิวาว่าดีอ่ะ” ฮายามะยักคิ้วกวนๆ สองขาก็เดินออกจากถ้ำแห่งนี้ไปด้วย
“ไม่เหมือนครับ!” ฟุริฮาตะเถียงกลับ
“ยิ่งโวยยิ่งเหมือนนะเนี่ย~~~” ฮายามะแหย่อีกฝ่ายเล่น...
“อ่ะ! ออกมาได้แล้วเหรอครับ?” ...และระหว่าที่เด็กหนุ่มทั้งสองกำลังเล่นกันอยู่นั้น นายพนักงานในชุดกอริล่าคนเดิมก็เดินมาทัก
“แหมๆ หวานกันถึงขนาดอุ้มกันเลยเหรอครับ?” พนักงานในชุดเสือเอ่ยแซว
“ไม่ใช่นะครับ!” ฟุริฮาตะรีบปฏิเสธทันควันก่อนที่จะโดนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“ฮาๆ เหมือนงั้นเหรอฮ้าฟ?” ส่วนฮายามะนั้นถึงแม้โดนแซวแบบนี้ก็ยังหัวเราะได้ดังเดิม
“ปฏิเสธสักนิดเถอะครับ! ฮายามะซัง!” ฟุริฮาตะแยกเขี้ยวใส่
“ฮาๆ พวกนายฮาดีเนอะ” คนในชุดเสือปล่อยก๊ากอย่างไม่แคร์ใคร
“อย่าหัวเราะคนอื่นเซ่!” นายชุดกอริล่าเขกหัวเพื่อนร่วมงานตนไปทีก่อนที่จะส่งยิ้มการค้าให้เด็กหนุ่มทั้งสอง “เป็นไงครับ...สนุกกับเครื่องเล่นไหน?”
“สนุกดีฮ้าฟ!” ฮายามะตอบพลางวางตัวฟุริฮาตะลงเพราะอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนกำลังจะโกรธตนแล้ว
“ก็สนุกดีครับ...ถ้าไม่ติดว่ามันเหมือนจริงเกิดไปน่ะนะ” ฟุริฮาตะเอ่ย
“จะได้ได้อารมณ์ไง” พนักงานหนุ่มหัวเราะเบาๆ พลางลูบเรือนผมสีน้ำตาลที่ทำหน้าเหมือนไม่ชอบใจอย่างเอ็นดู “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะครับ...”
“ไม่เป็นครับ! นี่เราไปเล่นตรงอื่นต่อเถอะ!” ฮายามะเอ่ยพร้อมดึงมือคนผมน้ำตาลออกวิ่งทันที
“เดี๋ยว! นี่ใจคอกะไม่พักเลยเหรอครับ!?” ฟุริฮาตะทำหน้าเหนื่อยใจในขณะที่ปล่อยให้อีกฝ่ายลากตนไปตามต้องการด้วยความขี้เกียจเถียง ทิ้งให้เจ้าหน้าที่ของสวนสนุกทั้งสองยืนยิ้มขำๆ กันอยู่เพียงสองคนเท่านั้น
หลังจากที่ออกมาจากถ้ำทาซานได้แล้วฮายามะก็ลากฟุริฮาตะไปเล่นเครื่องเล่นทุกอย่างที่ตนเดินผ่านซึ่งแน่นอนว่าฟุริฮาตะที่ออกอาการปลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ปล่อยเรื่องเลยตามเลยไป จนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงยามบ่ายที่แสนใสฮายามะและฟุริฮาตะถึงมานั่งพักที่สวนเล็กๆ แห่งหนึ่งภายในสวนสนุกนี้กัน
“เหนื่อยจังเนอะ...” ฮายามะเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“เล่นวิ่งไปทั่วตั้งแต่สวนสนุกเพิ่งเปิดประตูก็ไม่แปลกล่ะครับ” ฟุริฮาตะไม่คิดว่าจะมีใครเที่ยวเล่นขนาดนี้แล้วไม่เหนื่อยหรอก ถ้าไม่เหนื่อยเลยก็เกินคนไปหน่อยล่ะ
“นี่ฟุริ~~~” ฮายามะโดดลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำแป๊บนึงนะ~~~ จะเอาด้วยไหม?”
“ได้ก็ดีครับ” ฟุริฮาตะเอ่ย
“โอเค! งั้นเดี๋ยวมานะ!” ว่าแล้วฮายามะก็ใส่เกียร์ไรจูวิ่งไปในทันที
“...ฮายามะซัวนี่ร่าเริงดีเหลือเกิน” ฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจพลางมองแผ่นหลังของคนผมสีคาราเมลที่ห่างออกไป และ...วิสัยทัษฑ์ของฟุริฮาตะก็โดนบางอย่างลอยมาบังไว้ “อ่ะ!”
“ขอโทษนะคะ! ช่วยเก็บหมวกให้หน่อยค่า!” เสียงเอ่ยของใครสักคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้า
“ได้ครั...” ฟุริฮาตะหยิบหมวกที่ลอยมาติดบนหัวตนพอดีออกและจะส่งคืนให้เจ้าของ ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือเด็กสาวคนหนึ่งที่ตัวฟุริฮาตะนั้นรู้จัก...และเป็นคนที่เขาพยายามออกห่างนับตั้งแต่ ‘วันนั้น’ ด้วย
“...ฟุริฮาตะคุง?” เด็กสาวมองฟุริฮาตะอย่างตกใจเล็กน้อย
“มานามิซัง...” ฟุริฮาตะพึมพำออกมาเบาๆ กับเด็กสาวซึ่ง...เป็นรักแรกของตน เป็นคนที่จุดประกายให้เขาเริ่มเล่นบาสและ...
...เป็นคนที่ทิ้งเขาไปหาคนอื่นแทน...ก่อนที่เขาจะไปสู่จุดสูงสุดตามที่อีกฝ่ายเคยบอกให้เขาทำด้วย
“ไม่เจอกันนานนะ...สบายดีไหม?” มานามิที่ตั้งสติได้เอ่ยทักทายตามมารยาท
“ผมสบายดีครับ แล้วคุณล่ะครับ?” ฟุริฮาตะตอบพลางยื่นหมวกคืนให้อีกฝ่าย
“ฉันสบายดี ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย” มานามิรับหมวกคืน “นี่...มาคนเดียวเหรอ?”
“เปล่าครับ มากับเพื่อนน่ะครับ” ฟุริฮาตะตอบ
“งั้นเหรอ...” มานามิพยักหน้าเชิงเข้าใจและ...
“มานามิ! ขอโทษที่ให้รอนานนะ!” ...ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังมาทางหนุ่มสาวทั้งสอง
“อ่ะ! อื้ม! ไม่เป็นไรหรอก...” มานามิหันไปเอ่ยกับเด็กหนุ่มก่อนที่จะหันมายิ้มให้คนผมน้ำตาล “...ไปนะฟุริฮาตะคุง”
“ครับ ขอให้เที่ยวกันสนุกนะครับ” ฟุริฮาตะส่งยิ้มกลับไปพลางมองเด็กสาวที่วิ่งกลับไปหาเด็กหนุ่มก่อนที่รอยยิ้มบนดวงหน้าจะค่อยๆ หายไปมองทั้งสองเดินหายไปจากสายตา “อา แย่จัง...คิดว่าทำใจได้แล้วเสียอีก สุดท้ายก็ลืมไม่ได้ง่ายๆ สิน่า”
...ยังจดจำ...รักแรกที่ไม่สมหวังนี่อยู่ได้ บ้าจริง...
“อยากลืมจังแฮะ...” เด็กหนุ่มก้มหน้าต่ำเพื่อไม่ให้ใครเห็นหยาดน้ำตาที่เริ่มคลออยู่ในดวงตา
...ยิ่งจำยิ่งเจ็บ แล้วทำไม...เขายังไม่ลืมเสียทีล่ะ?...
“ฟุริ?” ระหว่างที่ฟุริฮาตะกำลังพยายามกลั้นอารมณ์ตนให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วนั้น ดวงหน้าของคนผมสีคาราเมลที่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้นทำให้คนผมน้ำตาลสะดุ้งโหยง “เป็นอะไรไปเหรอ!? ใครแกล้งตอนฉันไม่อยู่เหรอ!?”
“ฮายามะ...ซัง?” ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างเอ๋อๆ กับอีกฝ่ายมานั่งย่องๆ ต่อหน้าตนทั้งแต่ไม่เมื่อไหร่ไม่รู้ และยิ่งเอ๋ยกว่าเดิมเมื่อฮายามะยกมือข้างที่ว่างขึ้นลูบหัวตน “เอ๊ะ? ทำอะไรครับเนี่ย?”
“เห็นพี่เรโอะปลอบใครก็ทำงี้น่ะ ฉันเลยทำบ้าง” ฮายามะตอบ
“ปลอบผมเหรอครับเนี่ย?” ฟุริฮาตะมองคนผมสีคาราเมลที่ดูเหมือนไม่รู้จะสถานการณ์แบบนี้ด้วยความสึกขำน้อยๆ กับสีหน้าของคนที่ทำอะไรไม่ถูกนั่น “ฮาๆ ฮายามะซัง...ปกติเขาไม่ทำแบบนี้กับคนที่ไม่สนิกกันมากนะครับ”
“เอ้า? เหรอ?” ฮายามะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายจะดีขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว...อย่างน้อยก็หัวเราะได้ล่ะนะ “แต่ฉันทำไปแล้วถือว่าสนิกกับนายใช่ไหมอ่ะ?”
“แล้วแต่คุณจะคิดเลยครับ” ฟุริฮาตะเอ่ยพลางเช็ดหยาดน้ำตาที่คลออยู่ออก...รู้สึกว่าอารมณ์เขากลับมาคงที่เร็วกว่าที่คิดแฮะ สงสัยต้องขวบคุณฮายามะซังแล้วสิ
“ก็นะ” ฮายามะยักไหล่แล้วยื่นขวดน้ำให้ “เอ้าๆ กินน้ำ แล้วไปกินติมกันต่อด้วยดีไหม?”
“ไม่ไปเล่นต่อแล้วเหรอครับ?” ฟุริฮาตะรับขวดน้ำมาพลางถามคนที่เอาแต่เที่ยวเล่นแต่เช้ามาจนปานนี้
“ไม่อ่ะ ถ้านายเป็นแบบนี้ต่อให้ไปเล่นก็ไม่หนุกอ่ะ” ดวงตาสีเขียวเข้มจับจ้องยังคนผมน้ำตาลที่แม้สีหน้าดูดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ดวงหน้ายังคงแฝงด้วยความเจ็บปวดและแบบนี้คงให้เขาทำใจเล่นสนุกคนเดียวไม่ไหวหรอกและในความรู้สึกของเขาบอกว่า...อย่าปล่อยคนคนนี้อยู่คนเดียวเด็ดขาด “เพราะงั้นไปกินติมให้เย็นสมองกันสักห้าหกถ้วยเถอะ!”
“แค่ถ้วยเดียวพอครับ กินเยอะขนาดนั้นเดี๋ยวท้องเสียหรอก” ฟุริฮาตะขำกับความคิดของฮายามะจริงๆ งานนี้
“เอางั้นก็ได้~~~” ฮายามะฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นตามตน “ไปกันเถอะ~~~”
“...ครับ!” ฟุริฮาตะขานรับแล้ววิ่งตามฮายามะที่เริ่มออกตัววิ่งไปในที่สุด
“ขอบใจนะฟุริ! วันนี้สนุกมากเลย!” เสียงเอ่ยอย่างร่าเริงดังออกมาจากปากคนผมสีคาราเมง
“ครับ ไม่เป็นไรครับ...และนี่ซื้อตั๋วแล้วแน่นะครับ? หวังว่าคงไม่ซื้อผิดนะครับ?” ฟุริฮาตะถามอีกฝ่ายที่ตนลากกึ้งบังคับให้มาที่สถานีรถไฟหลังจากที่รายนี่เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกจนครบทุกอย่างจริงๆ แล้วอย่างคาดคั้นเล็กน้อย
“ไม่พลาดหรอกน่าาาา” ฮายามะชูมือแบบว่า ‘ไมต้องห่วง’ ให้
“ให้มันจริงเถอะครับ ไม่งั้นมีแววคุณโดนเจ้าหน้ารถไฟสอบสวนเละแน่ถ้าซื้อตั๋วผิดเนี่ย” ฟริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ฟุรินี่เหมือนแม่เลยเนอะ” ฮายามะยังคงยิ้มร่าตามปกติ
“ถ้านั้นเป็นคำชม ขอบอกว่าไม่น่าดีใจสักนิดเลยครับ” ฟุริฮาตะกรอกตาไปมา
“ก็มันเหมือนจริงนี่~~~~” ฮายามะลากเสียงยาวแบบน่าถีบสักทีเหลือหลาย
“ครับๆ” ฟุริฮาตะขานรับไปส่งพลางดึงแขนอีกฝ่ายเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนรถไฟเข้าสถานี “รถไฟมาแล้วครับ กรุณาอย่าล้ำเส้นเหลืองไปสิครับ มันอันตรายนะครับ”
“จ้าาาาาา” ฮายามะถอยกลับมาหลังเส้นเหลืองและไม่กี่วิต่อมารถไฟขบวนยาวก็วิ่งเข้ามาจอดด้วยความเร็วสูง เมื่อรถไฟหยุดลงและประตูถูเปิดออกฮายามะก็รีบเดินเข้าไป (เพราะไม่มีคนสวนออกมาในขบวนที่ตนกำลังจะขึ้น) ก่อนที่จะโดนถีบส่ง “งั้นไปนะฟุริ...เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะกลับมาเล่นด้วยใหม่”
“ครับ” ฟุริฮาตะเอ่ย...แม้จะรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่อีกฝ่ายคิดจะมาป่วนเขาเล่นอีกทั้งๆ ที่รายนี่น่าจะไปป่วนเพื่อนตัวเองมากกว่าเนี่ย
“อ๋อ! จริงสิ!” ระหว่างที่คิดอยู่นั้นฮายามะก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้คนผมน้ำตาลสะดุ้งโหยง
“หื้อ?” ฟุริฮาตมองฮายามะยื่นหัวออกมานอกประตูอย่างไม่กลัวโดนประตูหนีบอย่างสงสัยเล็กน้อยก่อนที่จะ...
จุ๊บ!
...ถูกฮายามะประทับจูบลงบนริมฝีปากตนซะงั้น
“แล้วเจอกันนะ!” ฮายามะดึงตัวเองกลับเข้าไปในขบวนรถไฟพร้อมส่งยิ้มร่าให้
“นี่ทำอะไรของคุณครับ!?” ฟุริฮาตะแว๊ดลั่นในขณะที่ประตูรถไฟปิดลงแล้วค่อยๆ เคลื่อนออกยากสถานนีอย่างช้าๆ ทางฮายามะก็ทำเพียงมองคนที่โวยวายด้วยใบหน้าแดงแจ๋ก่อนที่รถไฟจะออกด้วยความพอใจและ...
“...อา...ทำไปแล้วสิ” ...กุมหน้าตัวเองที่เริ่มร้อนพราวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ทำไมถึงทำแบบนั้นลงไปกันนะ?”
ในขณะที่ฮายามะ โคทาโร่กำลังสับสนในการกระทำของตัวเองอยู่นั้น เจ้าตัวไม่รู้เลยว่า...เมล็ดพันธุ์ที่เรียกว่าความรักไปฝังลงไปภายในใจเพื่อรอวันผลิบานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
End
CR. 松永冴
https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=50672023
ความคิดเห็น