ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #192 : [KuroFuri] Book

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.06K
      21
      18 ส.ค. 60

    Title :   Book

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Kuroko x Furihata

    Notes : S // สวัสดีจ้า! อันดับสองในการโหวตมาแล้วจ้า!!! (#โผล่มาจากท่อ)

    คุโรโกะ // (#สะดุ้งเล็กน้อย) นี่ถึงเวลาเริ่มโปรเจคแล้วเหรอครับ?

    s // ใช่แล้ว! เพราะงั้นลงไปแสดงเลยจ้า!!! (#เสกหลุมดำใส่)

    คุโรโกะ // ให้ไปแบบปกติสักครั้งไม่ได้หรือไงครับ?!!! (# โวยขณะที่ถูกหลุมดำดูดไป)

    s // (#หัวเราะร่ากับคำโวยเมื่อครู่) อ๋อ! เกือบลืม...ในฟิคนี้ฟุริอายุมากกว่าคุโรโกะนะจ๊ะ!!! และขอให้สนุกกันนะท่านผู้อ่านทุกท่าน!

    .....................................................................................

    Book

     

    จะกลับแล้วเหรอ? คุโรโกะ?” เด็กหนุ่มผมสีเพลิงคนหนึ่งเอ่ยทักคนร่างเล็กกว่าตนที่สะพายกระเป๋าขึ้นบ่าเตรียมที่จะกลับบ้านของตัวเอง ต่างจากเจ้าตัวที่ยังบ้าซ้อมบาสอยู่ในโรงยิมทั้งๆ ที่คนอื่นกลับไปหมดแล้ว

    ครับเด็กหนุ่มผมฟ้าหรือคุโรโกะ เท็ตสึยะอดีตผู้เล่นมายาแห่งทีมปฏิหาริย์ขานรับ

    งั้นก็กลับด...เฮ้ย! หายไปไหนแล้วเนี่ย!?” เด็กหนุ่มผมเพลิงที่กำลังจะเอ่ยกับคู่หูตนสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ คนผมฟ้าหายตัวไปเสียดื้อๆ นี่กะทำให้ตัวเองเป็นผีจริงๆ หรือไง!?”

    ...เปล่าสักหน่อย...คุณมองข้ามผมเองต่างหาก...

    คุโรโกะที่ความจริงยังไม่ได้ก้าวออกห่างจากคนผมสีเพลิงเท่าไหร่นักถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มก้าวเดินออกจากโรงยิมปล่อยให้คู่หูตนโวยวายอยู่คนเดียวไป เด็กหนุ่มผมฟ้าก้าวเดินอย่างใจเย็นออกจากรั้วโรงเรียนและเดินเลาะไปเรื่อยๆ ในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาเท่าไหร่ จนมาถึงยังร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งที่มีป้ายเขียนไว้หน้าร้านว่า 降本屋

    เด็กหนุ่มผมฟ้ายกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปในร้านอย่างคุ้นชิน แล้วเดินไปเลือกหนังสือตามปกติ...ว่าตามจริงคุโรโกะชอบร้านหนังสือร้านนี่พอสมควร เพราะว่าร้านนี้นั้นมีหนังสือหลากหลายมากไม่ว่าเก่าหรือใหม่ แม้กระทั่งหนังสือหายากบางเล่มยังมีเลยด้วยซ้ำ แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าตัวเลือกมาที่ร้านนี่ซะทีเดียว...

    อ่ะ! มาเลือกหนังสืออีกแล้วเหรอคุโรโกะซัง? ถ้าหาเล่มที่ต้องการไม่เจอจริงๆ บอกกันก็ได้นะ เดี๋ยวผมช่วยหา

    ...เพราะสาเหตุหลักที่เขามาที่นี่คือ...คุณเจ้าของร้านนี่ต่างหากล่ะ

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าผมอยากลองหาเองน่ะครับคุโรโกะส่งยิ้มบางๆ ให้เด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่เป็นเจ้าของร้านนี้

    งั้นเหรอ? งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับคนผมน้ำตาลค้อมศรีษะให้คุโรโกะเล็กน้อยก่อนเดินไปจัดหนังสือที่กองท่วมหัวตามปกติ...โดยไม่สังเกตดวงตาสีฟ้าที่จับจ้องที่ตนตลอดเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นแล้วถึงแม้โดนคนผมฟ้าแอบเนียนเดินตามติดก็ยังไม่รู้อีกต่างหาก

    ...ความรู้สึกช้าเหมือนเดิมเลยนะครับ ถ้าเป็นคนอื่นในสถานที่ที่ไม่มีอะไรให้ดึงดูดสายตาไปจากผม โดนตามโดนจ้องขนาดนี่คงรู้ตัวไปนานแล้วนะครับ...

    คุโรโกะคิดในใจอย่างปลงๆ ...ปลงกับทั้งเจ้าของร้านผมน้ำตาลทั้งตัวเองที่ดันมาทำตัวเป็นคนโรคจิตแอบมองชาวบ้านเนี่ย...

    ...ว่าตามจริงแล้วตัวคุโรโกะเองก็ไม่เคยคิดว่าตนจะสนใจใครจนอยากตามติดตามจ้องตลอดเวลาอย่างนี้หรอก แต่พอเมื่อสัปดาห์ก่อน...ที่เขาหลงเดินมั่วมาจนเจอร้านนี้แล้วมาเจอคุณเจ้าของร้านยิ้มทักยามที่เขาเข้ามาในร้านนั้น ไม่รู้ทำไมหลังจากนั้นกลายเป็นว่าเขาสลัดภาพของคนคนนี้ออกจากหัวไม่ได้เลย

    ...แต่ที่รู้แน่ๆ อย่างเดียวคือ...เขาอยากเจอคนคนนี้ทุกๆ วันก็เท่านั้นเอง

     

     

     

     

     

    เฮ้! เกือบมาสายนะคุโร...อ้าว! ไหงตาคล้ำแบบนั้นล่ะ!?” คางามิที่นั่งรอเรียนภายในห้องเรียนของตนตามปกติเอ่ยทักคนผมฟ้าที่เปิดประตูเดินเข้ามาในเวลาที่ช้ากว่าปกติพอสมควรก่อนที่จะแทบแว๊ดลั่นเมื่อเห็นสภาพคู่หูตนที่ราวกับอดหลับอดนอนมาทั้งคืน

    อา...อรุณสวัสดิ์ครับ คางามิคุงคุโรโกะส่งยิ้มแห้งๆ ให้คางามิพลางลากสังขารของตนไปนั่งประจำที่

    ไม่ต้องมาอาเลยเฟ้ย! ไหงตาเป็นแพนด้าแบบนั้นฟะ!?” คางามิถามแล้วถึงกับสะดุ้งโหยงในนาทีต่อมาเมื่อคุโรโกะเริ่มสัปงกจนหัวแทบโขกโต๊ะ เฮ้ยๆ! ไหวเปล่าเนี่ย!? ถ้าไม่ไหวก็ไปห้องพนาบาลเถอะ!”

    ผมไม่เป็นไรครับคางามิคุง...แค่พอดีมีเรื่องนิดหน่อยเลยนอนไม่พอน่ะครับ...” คุโรโกะเอ่ย...ที่จริงเรื่องที่ว่านี่ไม่นิดเลยล่ะ เพราะสาเหตุที่ทำเอาเขานอนไม่หลับนั้น...

    ...ดันเป็นเพราะเมื่อวานเขาดันเผลอไปจูบกับคุณเจ้าของร้านหนังสือน่ะสิ! ถึงตอนนั้นจะเพราะคุณเจ้าของร้านไม่ทันเห็นเขาแล้วเดินมาชนจนพากันล้มแล้ว...ปากประกบกันพอดีก็เถอะ ถึงแม้จะเป็นอุบัติเหตุแต่ก็อายนะ!

    ...ที่สำคัญกว่านั้นคือเขากลัวโดนหลบหน้านี่สิ! ถึงรายนั่นจะไม่ว่าอะไรก็เถอะแต่ถ้าเกิดเป็นงั้นจริงเขาลงแดงตายแน่!!! (?)

    ไม่นิดไม่หน่อยแล้ว! ไปนอนไป!” คางามิเอ่ยพร้อมจัดการแบกร่างเล็กๆ ของคู่หูตนไปห้องพยาบาลแบบไม่สนใจฟังคำค้านสักนิด เมื่อมาถึงห้องพยาบาลคางามิก็ทำการโยนคนผมฟ้าขึ้นบนเตียงทันทีพร้อมจัดท่านอนให้อีกฝ่ายอย่างเรียบร้อยสมเป็นแม่ของลูกในอนาคต (?) “นอนดีๆ ห้ามแอบแว่บไปเรียนล่ะ! อ๋อ! และคาบบ่ายนี้ไม่ได้เรียนนะ! ทางโรงเรียนเขาให้คนแต่ล่ะชมรมทำความสะอาดชมรมตัวเองน่ะ...ไม่รู้จะให้ทำความสะอาดไปทำไมทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี่ก็ทำความสะอาดไปแล้วแท้ๆ

    อย่าบ่นสิครับ ทางโรงเรียนเขาคงอยากให้ห้องชมรมสะอาดก่อนที่จะเข้าปีใหม่มั้งครับคุโโกะที่ตาใกล้ปิดอยู่ร่อมร่อเอ่ย

    อาจจะ...เอาเป็นว่าถ้าเกิดดีขึ้นแล้วก็ไปที่ชมรมล่ะ! แต่อย่าฝืนตัวเองเชียวไม่งั้นฉันฟ้องโค้ชแน่!” คางามิขู่คนผมฟ้าเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งไปเมื่อเสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นมา

    ครับๆ ...บ่นเป็นแม่เลยนะครับคุโรโกะบ่นอุบเล็กน้อยก่อนที่สติจะค่อยๆ หลุดลอยไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการอดนอน ก่อนที่จะตื่นมาอีกทีก็บ่ายสองแล้ว...เมื่อคุโรโกะเห็นว่าตนสลบมานานพอสมควรแล้วเจ้าตัวจึงทำการลุกขึ้นจากเตียง เดินออกจากห้องพยาบาลไปหาอะไรกินเล็กน้อยแล้วค่อยไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ในชมรมที่โรงยิมและทันทีที่เปิดประตูโรงยิมออกก็...

    อ่ะ! มาแล้วเหรอ?” ...ถูกเด็กหนุ่มหน้าหวานผมดำเอ่ยทักทันที เห็นว่าคางามิบอกว่าไม่สบายนิ? ดีขึ้นแล้วเหรอ?”

    ครับ ผมไม่เป็นไรแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงคุโรโกะเอ่ยด้วยหน้าตายตามปกติ

    ขอโทษอะไรกันล่ะ! เรื่องแค่นี้...อ่ะ! ขอโทษเพราะกลัว (มุขแป้กๆ ของรายนี่อีกตามเคย // s) มุขนี้แจ่ม!” อิสึกิ ชุนเล่นมุขสุดแสนจะไม่ขำใส่รุ่นน้องตนอย่างที่ทำทุกเมื่อเชื่อวัน

    “...ผมว่านั้นไม่นับเป็นมุขนะครับคโรโกะยิ้มแห้งๆ ...รู้สึกมุขนี้ฝืดกว่าทุกมุขที่เคยเล่นเลยหรือเปล่าเนี่ย?

    ใช่ ฟังยังไงก็ไม่น่าเป็นมุข...แต่นี่มันใช่เวลาเล่นมุขเหรอห๊ะ!?” เด็กหนุ่มสวมแว่นผมดำที่เดินมาเมื่อไหร่ไม่รู้สับเข้ากลางหัวเพื่อนตนทันที

    โอ๊ย! เจ็บนะ! นี่นายกะตีให้ความสูงฉันลดเลยหรือไง!?” อิสึกิร้องโอดครวญ

    ตีแค่นี้ไม่ลดหรอกน่า! แต่ถ้าโค้ชมาตีนี่ได้ลดทั้งความสูงทั้งหน้าตัวเองแน่! รีบมาช่วยกันทำความสะอาดเร็ว! จะได้เสร็จๆ แล้วรีบกลับ!” ฮิวงะ จุนเปย์กัปตันทีมแห่งทีมบาสเซย์รินแยกเขี้ยวใส่

    เออๆ ก็ได้อิสึกิทำหน้ามุ่ย

    งั้นรีบไปกันเลยทั้งสองคน!” ว่าแล้วฮิวงะก็จัดการลากทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องตนไปยังห้องเปลี่ยนชุดที่ทุกคนกำลังทำความสะอาดกันอยู่ แล้วจากนั้นก็พากันช่วยทำความสะอาดห้องแบบกันไม่ให้โค้ชสาวของตนเห็นอะไรที่ไม่ควรมีแบบคราวก่อนเข้า...ไม่งั้นได้กระอัดเลือดตายกันยกหมู่แน่

    อ๊ะ!” ระหว่างที่ทำความสะอาดกันอยู่นั้นคุโรโกะก็เอาไม้ปัดฝุ่นไปกระแทกโดนกล่องกล่องหนึ่ง จนกล่องใบนั้นร่วงใส่หัวตนเอง...

    ...วันนี้รู้สึกดวงตกจังนะครับ...ดูรายการดูดวงแบบมิโดริมะคุงบ้างดีไหมเนี่ย?...

    “...” มิโตเบะทำท่าร้อนร้นนิดๆ

    มิโตเบะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า?” คนหน้าแมว (?) แปลคำพูดอีกฝ่ายให้ฟังตามปกติ

    ไม่เป็นไรครับ แต่นี่มัน...” คุโรโกะมองแผ่นกระดาษเคลือบมันที่ตกกระจายออกจากกล่อง

    รูปถ่ายเมื่อตอนตั้งชมรมใหม่ๆ น่ะสึจิดะเอ่ยพลางหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู ไม่ได้เห็นนานแล้ว คิดถึงจังแฮะ

    “...ในห้องชมรมนี่ไม่ได้มีรูปถ่ายแค่สองใบแบบที่เจอคราวก่อนเหรอครับ?” คางามิถาม...จำได้ก่อนหน้านี่เขาเคยเห็นแต่รูปหมู่หนึ่งรูปกับรูปกัปตันทำทรงผมตลกๆ นี่นา?

    เปล่าหรอก ที่จริงเมื่อก่อนอาจารย์เขามาถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่นเยอะน่ะ แต่ช่วงหลังๆ อาจารย์บอกกล้องเจ๊งเลยไม่ได้ถ่ายเก็บไว้แบบเมื่อก่อนน่ะฮิวงะอธิบาย

    แต่รูปนี้เยอะเหมือนกันนะครับ...อุ๊บ! มีรูปรุ่นพี่โคงาเนะอิกำลังล้มหน้าทิ่มด้วย!” คาวาฮาระมองรูปภาพที่ตนหยิบขึ้นมาดูเมื่อครู่แล้วกลั้นขำสุดฤทธิ์

    เฮ้ย! โดนแอบถ่ายตอนไหนอ่ะ!?” คนถูกกล่าวถึงรีบคว้ารูปถ่ายมาดูทันที รูปนี้มันเมื่อตอนไหนเนี่ย!?”

    “...” มิโตเบะขยับปากแบบไร้เสียง

    อ๋อ ตอนที่หัดเล่นครั้งแรกนี่เองโคงาเนะอิพยักหน้ารับแบบเข้าใจ

    อื้ม...มีรูปเยอะจังนะครับ ส่วนใหญ่เป็นรูปตอนซ้อมสินะครับ?” คุโรโกะลองหยิบภาพหลายๆ ภาพมาดูก่อนที่จะสะดุดตากับรูปรูปหนึ่งเข้า เอ๊ะ? รูปนี้มัน...”

    ...รูปคุณเจ้าของร้านนี่หว่า! ไหงถึงมีรูปในนี่ได้เนี่ย!?...

    อะไรเหรอคุโรโกะ?” คางามิ่ยื่นหน้ามาดู หื้อ? นี่ใครล่ะเนี่ย?”

    อ๋อ รูปฟุริน่ะฮิวงะที่เห็นปฏิกิริยาของรุ่นน้องตนทั้งสองย่นหน้ามาดูอีกคนก่อนเอ่ยขึ้นมา

    ฟุริ?” คางามิทวนอย่างงงๆ

    ฟุริฮาตะ โคกิน่ะ หมอนี่เล่นตำแหน่งเดียวกับอิสึกิ มีความสามรถพอดูแต่เสียอย่างเดียวคือชอบสั่นเป็นชิวาว่าน่ะไอดะ ริโกะผู้เป็นโค้ชอธิบาย

    ...คุณเจ้าของร้ายชื่อฟุริฮาตะ โคกิเหรอ? อื้อ ได้ข้อมูลใหม่แล้ว...

    คุโรโกะฟังคำพูดของโค้ชตนพร้อมเก็บข้อมูล (?) ชาวบ้านอย่างเงียบๆ

    แล้วตอนนี้...เขาอยู่ไหนเหรอครับ? ไม่ยักเคยเห็นหน้าเลยคางามิถามต่อ

    ตอนนี้หมอนั้นเป็นกรรมการห้องสมุด ส่วนไม่เคยเห็นก็ไม่แปลกหรอกเพราะหมอนั่นลาออกจากชมรมไปแล้วริโกะตอบ

    เอ๊ะ? ลาออก? ทำไมอ่ะ?” คางามิขมวดคิ้วเป็นปม

    พอดีหมอนั่นบอกว่าต้องดูแลกิจการที่บ้านเลยจะมาเข้าชมรมแบบเมื่อก่อนไม่ได้น่ะ...ถึงหมอนั้นจะชอบเล่นบาสแต่ถ้าต้องเลือกหมอนั่นย่อมเลือกครอบครัวตัวเองอยู่แล้วล่ะอิสึกิที่ดูรู้เรื่องละเอียดกว่าคนอื่นยักไหล่เล็กน้อย ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นถ้าอยากรู้ตัวนายไปถามเจ้าตัวก็ได้นะ หมอนั้นเป็นพวกใจดี ซื่อๆ ไม่ว่าอะไรหรอก

    ห้องสมุด...แล้วทำไมขนาดผมยังไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะครับ?” คุโรโกะถามขึ้นมา...เขาก็เป็นกรรมการห้องสมุดเหมือนกันทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะ?

    ฉันว่านายคงบังเอิญไม่เคยได้เขาเวรห้องสมุดคู่กับฟุริเฉยๆ หรือไม่ก็ไปตอนที่ฟุริโดนชาวบ้านลากให้ไปช่วยงานล่ะมั้งเลยไม่เคยเจออิสึกิคาดเดาไปตามความน่าจะเป็น

    งั้นเหรอครับคุโรโกะพยักหน้ารับ...

    ...ดูท่าหลังทำความสะอาดเสร็จ...ต้องลองแอบไปดูที่ห้องสมุดแล้วสิ ถึงเขาไม่ได้เป็นเวรวันนี้ก็เถอะ...

     

     

     

     

     

    ในยามเย็นที่ผู้คนเริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันหลังจากที่ทำความสะอาดชมรมและโรงเรียนสำหรับพวกชมรมกลับบ้านนั้น เด็กหนุ่มผมฟ้าพร้อมกับ...คนผมเพลิง นายตัวประกอบหนึ่งและสอง (เอาคำเรียกดีๆ บ้างเถอะ! // คาวาฮาระ&ฟุคุดะ , ไม่สน เราอยากแกล้งพวกนาย // s) กำลังเดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังห้องสมุดซึ่งเป็นจุดหมายของพวกตน

    พวกคุณจะตามมาทำไมครับเนี่ย?” คุโรโกะเอ่ยถามเสียงเย็น ผมแค่อยากลอง ทักทายฟุริฮาตะซังแค่นั้นะครับ

    พวกฉันเองก็อยากเจอที่ชื่อฟุริฮาตะอะไรนั้นนิ...” คางามิเอ่ยคนแรก

    ยิ่งพอรุ่นพี่อิสึกิพูดเนี่ยยิ่งฟังน่าสนใจนะฟุคุดะเอ่ยต่อ

    และอยากรู้ด้วยว่านิสัยเป็นอย่างที่รุ่นพี่เขาพูดหรือเปล่าปิดท้ายด้วยคาวาฮาระ

    หรือเอาง่ายๆ คือ...แค่อยากรู้สินะครับ?” คุโรโกะสรุปง่ายๆ ด้วยหน้าตายสนิก

    ถูก!” ทั้งสามตอบดลับมาเป็นเสียงเดียวกัน

    ลังเลที่จะตอบสักนิดก็ได้ครับ...” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างลอยมากระทบหู...เสยงที่แสนจะคุ้นหู

    มีอะไรเหรอคุโรโกะ?” คนผมสีเพลิงที่เห็นคู่หูตนขมวดคิ้วอย่างน่ากลัวถาม

    พวกคุณได้ยินเสียงแบบผมไหมครับ?” คุโรโกะไม่ตอบอะไรแต่กลับถามกลับมาซะงั้น

    เสียง?” ปีหนึ่งของชมรมบาสเซย์รินทั้งสามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเงียบหูฟังเสียงที่ลอยแว่วมาภายในอาคารที่แทบไร้ซึ้งผู้คน

    เออแฮะ เสียงเหมือนคนกำลังเถียงกันอยู่เลยฟุคุดะเอ่ยเป็นคนแรก

    มีเรื่องอะไรกันหว่า?” คาวาฮาระเอียงคอน้อยๆ

    ลองไปดูเดี๋ยวก็รู้เนอะ คุ...เฮ้ย! หายไปไหนอีกแล้วเนี่ย!?” คางามิหันไปมองคนผมฟ้าข้างกาย หากแต่ว่า...กลับไม่พบคนที่ควรยืนอยู่ข้างตนเลย

    ...ขอโทษนะครับคางามิคุง แต่ตอนนี้ผมร้อนใจจนไม่อยากรอให้พวกคุณคุยกันเสร็จน่ะครับ...

    คุโรโกะที่วิ่งนำพวกคางามิออกมาเล็กน้อยแล้วได้ยินเสียงโวยวายดังแว่วตามหลังมาเอ่ยในใจก่อนที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อไปยังห้องสมุดซึ่งเป็นจุดหมายของตน และเมื่อมาถึงสิ่งที่คุโรโกะเห็นก็คือ...เด็กหนุ่มสองคนกำลังเถียงกันอยู่ โดยฝ่ายหนึ่งมีท่าทีคุมคามอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกฝ่ายซึ่งคุโรโกะคุ้นหน้าดีกำลังตัวสั่นงกๆ อย่างดูน่าสงสารสุดๆ

    โธ่! แค่หนังสือไม่กี่เล่มยวนๆ กันไม่ได้เหรอ?!” เด็กหนุ่มผมสีกาแฟเอ่ยเสียงดัง

    ...ขอโทษนะ แต่ไม่ได้หรอก...นายทำหนังสือเสียหายแบบนี้ต้องเสียค่าปรับนะดวงตาสีน้ำตาลใสของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว

    ไม่จ่ายเว้ย! นายแค่ยัดๆ หนังสือนี้กลับเข้าชั้นก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเสียหายจนกว่าจะมีคนอื่นมาเอาไปแล้ว!” คนผมสีกาแฟแค้นเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

    ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลถึงแม้จะกลัวแต่ก็ยังเถียงกลับ

    โอ๊ย! หนวกหูจริง!” อีกฝ่ายที่โดนเถียงกลับดูท่าจะมีน้ำโหเล็กน้อยผลักคนผมน้ำตาล

    อ่ะ! โอ๊ย!” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่ถูกผลักหลุดร้องออกมาเล็กน้อยขณะที่เริ่มเสียการทรงตัวและ...ล้มหัวไปฟาดขอบโต๊ะจนหยาดน้ำสีแดงข้นหลั่นไหลออกมา

    เหวอ! เป็นอะไรหรือเปล่าฟุริ!? ...ฉันขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ!” เด็กหนุ่มผมสีกาแฟสะดุ้งโหยงเนื่องจากไม่คิดว่าตนจะผลักแรงเสียจนอีกฝ่ายเจ็บตัวพลางถามอย่างลนลาน

    ไม่ได้ตั้งใจแต่เล่นซะฟุริฮาตะซังเลือดออกเลยนะครับ...” คุโรโกะที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอ่ยขึ้นมาเสียงเย็น...เย็นมากเสียด้วย

    เฮ้ย!!!” เด็กหสุ่มทั้งสองในห้องสมุดต่างสะดุ้งโหยงกับการปรากฏตัวของคนผมฟ้า มาเมื่อไหร่เนี่ย!? / คุโรโกะซัง!? มาอยู่นี่ได้ไง!?”

    ผมเรียนที่นี่นะครับ ทำไมจะอยู่ไม่ได้...นี่คุณไม่เคยสังเกตเครื่องแบบผมเลยใช่ไหมเนี่ย?” คุโรโกะเมินคนผมสีกาแฟแล้วเดินเข้าไปช่วยพยุยให้ฟุริฮาตะลุกขึ้น คุณไม่เป็นไรนะครับ? ให้ผมพาไปห้องพยาบาลไหม?”

    อ่ะ! ไม่ต้องหรอก...ฉันไม่เป็นไรฟุริฮาตะส่งยิ้มให้คนผมฟ้า

    งั้นเหรอครับ? แต่ผมว่าคุณควรไปทำแผลสักนิดนะครับ ส่วนคุณ...” ดวงตาสีฟ้าคมกริบราวกับจะเชือดเฉือดคนได้ตวัดมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีกาแฟ “...ถ้าคุณไปอยากเสียค่าปรับก็ไปซื้อเล่มใหม่มาคืนแทนสิครับ ถ้าซื้อแบบใหม่เอี่ยมมาให้ก็ไม่มีใครว่าหรอกนะครับ จะมาโวยวายทำให้คนอื่นเดือดร้อนทำไมครับ? ถ้าคุณยังมีสมองครบคงพอสำนึกได้นะครับว่าตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่ไหน?”

    เออ...ฉัน...” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนลงอย่างสำนึกผิด และในตอนนั่นเอง...

    นี่ - เกิด - อะ - ไร - ขึ้น - ย่ะ!!!!!!!!” ...เสียงตวาดแว๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับเด็กสาวผมน้ำตาลคนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างห้าวหาญจนผู้ชายแท้ๆ บางคนยังอาย ได้ยินว่ามีคนทะเลาะกันที่นี่เหรอห๊า!?”

    อะจึ๋ย! ...โค้ช!?” ฟุริฮาตะค่อยๆ กระดึบไปหลบหลังคนผมฟ้า

    นี่เมื่อไหร่จะเลิกเรียกแบบนี้เนี่ย!? บอกให้เรียกไอดะหรือไม่ก็ริโกะไง! ไม่สิ! นายเลือดออกนิ!? เกิดอะไรขึ้นบอกมานะย่ะ!” ไอดะ ริโกะผู้เป็นโค้ชของทีมบาสเซย์รินมองสภาพเพื่อนร่วมชั้นปีของตนที่เลือดอาบหน้าไปซีกหนึ่งอย่างเป็นห่วง

    เออ...ไม่มีอะไรหรอก แค่ล้มหัวฟาดโต๊ะน่ะฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ

    แต่ถ้าเอาตามจริงคือถูกผลักล้มแล้วหัวฟาดโต๊ะน่ะครับคุโรโกะอธิบายเสริมขึ้นมา

    กริ๊ด! มาเมื่อไหร่เนี่ยคุโรโกะ!?” ริโกะสะดุ้งโหยงเนื่องจากเพิ่งเห็นว่าลูกทีมหัวฟ้าของตนอยู่ด้วย

    ตั้งนานแล้วครับ...แล้วนี่โค้ชทำไมอยู่นี่น่ะครับ? พวกคางามิคุงล่ะครับ?” คุโรโกะที่ชินกับท่าทีของโค้ชตนถามหน้าตาย

    เห็นเอะอะโวยวายอยู่ตรงทางเดินเลยไล่ลงตึกไปแล้ว ไม่สิ...ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยนี่หว่า! รีบพาฟุริฮาตะคุงไปห้องพยาบาลเร็ว!” ริโกะแยกเขี้ยวใส่คนผมฟ้า

    ฉันไม่ได้เป็นไรนะโค้...เออ ไอดะ แค่เลือดออกนิดเดียวเอง...” ฟุริฮาตะออกอาการเหงื่อตกเล็กน้อย...ก็สาวเจ้ารายนี่น่ากลัวน้อยๆ เสียเมื่อไหร่ล่ะ “...เดี๋ยวเลือดก็หยุดไหลเองแหละ ไม่ต้องถึงขั้นไปห้องพยาบาลหรอก

    ฉันคงจะเชื่อนายอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่านายเป็นพวกกลัวคนอื่นเดือดร้อนจนตัวเองซวยตลอดน่ะริโกะค้อนใส่คนเจ็บแล้วไม่เจียม คุโรโกะคุงพาฟุริฮาตะคุงไปห้องพยาบาลที เดี๋ยวฉันขอ ซัดหมอนี่แป๊บนะ

    เออ...จะดีเหรอครับโค้ช?” คุโรโกะขมวดคิ้วเล็กน้อย...จะให้เขาทิ้งผู้หญิงไว้กับคนแบบนี้แค่สองคนเนี่ยนะ?

    ไม่ต้องห่วงน่า ที่จริงฮิวงะคุงกับอิสึกิคุงรออยู่หน้าห้องน่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นสองคนนั่นคงไม่ป๋อแป๋ขึ้นมากระทันหันหรอกมั้ง?” ริโกะซึ่งพอเดาสีหน้าคุโรโกะออกชี้ไปที่ตรงทางประตู

    โค้ช...จะนินทาอะไรช่วยเบาสักนิดก็ดีนะ!” เด็กหนุ่มสวมแว่นผมดำยื่นหน้าเข้ามา

    ไม่ไว้หน้ากันเลยนะ เห็นแบบนี้ก็อายเป็นนะเออ...อ่ะ! อายจนหน้าแตก! มุขนี่เข้าท่าแฮะ!” เด็กหนุ่มหน้าหวานยื่นหน้าเข้ามาอีกคนก่อนจะเล่นมุขแป้กๆ ตามปกติ

    เข้าทางกับผีสิ!” ฮวงะแยกเขี้ยวใส่อิสึกิแล้วส่งเท้าไปให้อีกฝ่าย...และแน่นอนว่าผู้มีอีเกิ้ลอายอย่างอิสึกิน่ะจะมีหรือที่หลบไม่ทัน?

    อย่าทะเลาะกันเสียงดังสิครับ...” คุโรโกะมองรุ่นพี่ตนที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน (?) พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ “...งั้นผมขอตัวพาฟุริฮาตะซังไปทำแผลก่อนนะครับ โค้ชช่วยจัดการทางนี้ให้ด้วยนะครับ

    อื้อ! ได้! ไม่มีปัญหา!” ริโกะโบกมือให้เป็นเชิงว่า รีบๆ ไปได้แล้วให้

    ขอบคุณครับคุโรโกะเมื่อได้รับอนุญาติก็รีบจัดการลากนายฟุริฮาตะ โคกิไปยังห้องพยาบาลแบบไม่คิดถามความสมัครใจของคนโดนพาไปเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

     

     

    ภายในห้องพยาบาลที่เงียบสงบที่เด็กหนุ่มผมฟ้าเข้ามาเป็นรอบที่สองของวัน ในยามนี้คุโรโกะ เท็ตสึยะอดีตผู้เล่นมายาแห่งทีมปฏิหาริย์กำลังยืนทำแผลให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอย่างเบามือ...เบามือที่สุดในชีวิตด้วยความที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ

    “...เสร็จแล้วครับฟุริฮาตะซังคุโรโกะเอาผ้าปิดแผลแปะลงบนบาดแผลเป็นการปิดท้ายก่อนที่จะเริ่มเก็บอุปการณ์ทั้งหมด

    ขอบคุณนะ...” ฟุริฮาตะส่งยิ้มให้คนผมฟ้า “...ว่าแต่คุโรโกะซัง...คุโรโกะซังเป็นคนของชมรมบาสเหรอ? รู้สึกจะรู้จักโค้...เออ ไอดะพอดูนิครับ?”

    ครับ ใช่ครับ อ๋อ และไม่ต้องพูดสุภาพกับผมนักก็ได้ครับ...มันแปลกๆ นะครับที่คนอายุมากกว่าพูดกับผมสุภาพขนาดนี้นะครับ...” ...บวกกับมันทำให้รู้สึกห่างเหินกันชอบกล

    แฮะๆ ขอโทษทีค...เออ โทษที พอดีทำงานที่ร้านหนังสือนานๆ แล้วมันติดน่ะฟุริฮาตะหัวเราะแห้งๆ

    งั้นเหรอครับ?” คุโรโกะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะ...เริ่มหาทางเนียน (?) ถามเรื่องของอีกฝ่าย แล้วจะว่าไป...เมื่อกี้ได้ยินคุณเรียกโค้ชว่าโค้ช? คุณเป็นคนของชมรมบาสด้วยเหรอครับ?”

    เคยเป็นน่ะครับ ตอนนี้ผมลาออกจากชมรมแล้วฟุริฮาตะตอบ

    ลาออก? ทำไมล่ะครับ?” คุโรโกะที่แกล้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนพยายามทำสีหน้างงๆ

    พอดีต้องดูแลร้านหนังสือนั้นแทนพ่อกับแม่น่ะ เลยไม่มีเวลามาเข้าชมรมแบบเมื่อก่อนฟุริฮาตะยักไหล่เล็กน้อย

    “...งั้นขอเสียมารายาทถามหน่อยนะครับ...พ่อแม่คุณไปไหนล่ะครับ?” คุโรโกะถาม...ถึงแม้รู้ว่าอาจเป็นเรื่องไม่ควรถามแต่คุโรโกะก็อยากรู้เรื่องอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด

    อย่าทำหน้างั้นสิคุโรโกะซ...” ฟุริฮาตะที่เห็นสีหน้าคุโรโกะกำลังจะพูดบางอย่าง แต่...

    เรียกคุโรโกะเฉยๆ ก็พอครับ” ...กลับโดนขัดเรื่องการเรียกชื่อเสียก่อน

    โอเคๆ คุโรโกะ...ที่นายถามนี่ก็ไม่ได้เสียมารยาทอะไรนักหรอกน่า ไม่ต้องทำหน้าเหมือนกำลังคิดมากว่าถามมากเกินไปหรือเปล่าหรอก...” ฟุริฮาตะเอ่ย “...พ่อแม่ฉันแค่หนีเที่ยวกันตั้งแต่ปีก่อนและอีกสามเดือนจะกลับ ส่วนพี่ชายฉันไปเรียนต่างประเทศเดือนหน้าถึงจะจบแล้วกลับมานี่น่ะ ช่วงที่ไม่มีใครอยู่ฉันเลยต้องดูแลกิจการแทนแค่นั้นแหละ

    “...” อึ้ง...อึ้งสิครับพี่น้อง คุโรโกะกล้าพูดเลยว่าไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้...

    ...นี่มันพ่อแม่โลกไหนเนี่ย!? ทิ้งลูกไว้บ้านคนเดียวแล้วหนีไปเที่ยวเนี่ยนะ!?...

    กำลังคิดประมาณว่าพ่อแม่ฉันเป็นพ่อแม่ประเภทไหนใช่ไหนล่ะ?” ฟริฮาตะถามอย่างรู้ทัน

    “...คุณทราบได้ไงครับ?” คโรโกะจับหน้าตัวเอง...เขาเผลอแสดงสีหน้าออกไปชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?

    ทุกคนที่ฉันเล่าเรื่องนี้ให้ฟังมักจะถามแบบนั้นน่ะฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ

    ...ก็สมควรล่ะครับ...

    คุโรโกะแอบเห็นด้วยกับคำพูดนั้นในใจ

    พ่อแม่ฉันที่หนีเที่ยวกันเนี่ยก็เพราะดันจับฉลากเสี่ยงโชคได้เลยถือโอกาสเที่ยวและไปดูหนังสือจากต่างประเทศเผื่อจะได้รู้ว่าเล่มไหนดีเล่มไหนเข้าท่าจะได้สั่งนำเข้าน่ะฟุริอาตะอธิบาย

    งั้นเหรอครับ ถ้าแบบนั้น...” คุโรโกะเอียงคอน้อยๆ “...พอคุณพ่อคุณแม่คุณกลับมาแล้ว...คุณก็กลับมาเข้าชมรมบาสได้สินะครับ?”

    ถ้าไอดะยอมก็ได้ล่ะนะ...แต่ฉันว่าปานนี้ฉันคงฝีมือตกลงไปเยอะแล้วล่ะฟุริฮาตะตอบไปตามจริง...ที่จริงเขายังอยากเล่นบาสต่อแต่ก็ไม่มั่นใจในฝีมือยามนี้เท่าไหร่นัก

    ตกลงไปยังไงคงไม่อ่อนกว่าผมหรอกครับ...” ...ถ้า 1 on 1 เนี่ยเขามั่นใจเลยว่า...ไม่มีคนเคยเล่นบาสคนไหนแพ้เขาหรอก! (แหม กล้าพูดจังเนอะ // s , เขาเรียกยอมรับความจริงครับ ไม่เหมือนบางคนปานนี้ยังไม่ปลงเรื่องความสูงสักที // คุโรโกะ , ใจร้าย! // s)

    ก็ไม่แน่นะฟุริฮาตะยักไหล่เล็กน้อย

    ไม่ต้องถ่อมตัวนักก็ได้นะครับคุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ...นิสัยน่ารักแบบไม่มีหยุดจริงนะครับ...ชักกลัวมาสักวันจะมีคนมาจีบแข่งเขาแฮะ...

    ไม่ได้ถ่อมตัวสักหน่อย ฉันพูดจริงต่างหากล่ะฟุริฮาตะเถียงกลับ

    ดูถูกตัวเองไปหน่อยนะครับคุโรโกะรู้สึกเหนื่อยใจนิดๆ ...เล่นคิดแบบนี้ชวนให้หงุดหงิดชะมัด ถ้างั้น... “...นี่ ฟุริฮาตะซัง...วันอาทิตย์นี้ว่างไหมครับ?”

    เอ๊ะ? อา...ว่างสิ ร้านหยุดวันอาทิตย์น่ะ ทำไมเหรอ?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ

    ไปเล่นสตรีทบาสเป็นเพื่อนพวกผมหน่อยครับคุโรโกะเอ่ยขอหน้าตายสนิก

    ได้สิ...เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะเผลอเออออตามคุโรโกะก่อนที่จะชะงัก เมื่อสมองประมวลได้ว่าที่อีกฝ่ายพูดเมื่อครู่คืออะไร

    ถือว่าตกลงนะครับ ห้ามกลับคำนะครับคโรโกะส่งยิ้มเจ้าเลห์ออกมา

    ถึงงะเนก็เถอะ แต่...” ฟุริฮาตะทำหน้าเหมือนลำบากใจเล็กน้อย

    งั้นเจอวันอาทิตย์ตอนแปดโมงที่สตรีทบาสแถวๆ มาจิเบอร์เกอร์นะครับ

    เดี๋ยวคุโรโกะ ฉันว่า...เฮ้ย! หายไปไหนแล้วล่ะ?! คุโรโกะ!!? กลับมาก่อนคุโรโกะ~~~~~~!!!!”

     

     

     

     

     

    จิ้บ...จิ้บ...

    เสียงนกน้อยดังขับขานอย่างร่าเริงต้อนรับวันใหม่ที่แสนสดใสโดย...มีเสียงกระหืดกระหอบดังปนกับเสียงของเหล่าปักษาทั้งหลายจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ใส่เกียร์ชิวาว่า (?) วิ่งสุดฤทธิ์ เพื่อไปยังสถานที่ที่ตนถูกคนผมฟ้านัดเอาไว้แบบไม่มีสิทธิ์ได้ปฏิเสธเมื่อสามวันก่อนให้ทันเวลา

    ...ให้ตายเถอะ...ทำไมต้องตื่นสายวันที่มีนัดทุกทีเนี่ย?!...

    ฟุริฮาตะ โคกินักเรียนปีสองแห่งโรงเรียนมัธยมปลายเซย์รินสบถในใจอย่างหงุดหงิดกับการที่ตนนั้นไม่ว่าครั้งไหนเมื่อนัดกับใครไว้มักตื่นสายตลอด ทั้งๆ ที่ในวันปกติออกจะตื่นเช้าแท้ๆ

    ...จะโดนคุโรโกะโกรธไหมเนี่ย!?...

    ฟุริฮาตะซัง!” เสียงตะโกนเรียกที่คุ้นหูทำให้ฟุริฮาตะสะดุ้งโหยง คุณวิ่งเลยสนามแล้วครับ! ทางนี่ครับ!”

    อ่ะ! โทษทีๆ แล้ว...” ฟุริฮาตะรีบหมุนตัววิ่งกลับไปหาคุโรโกะก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่คนเดียว “...นี่เพื่อนนาย...สินะ?”

    ...ถึงพอเดาออกว่ามีคนอื่นมาเพราะคำว่า พวกผมของคุโรโกะก็เถอะ...แต่เขาไม่คิดว่าเพื่อนคุโรโกะจะดูน่ากลัวแบบนี้!...

    อ่ะ! นี่เหรอคนที่กัปตันบอกเมื่อวันก่อนน่ะ?” เด็กหนุ่มผมสีเพลิงมองฟุริฮาตะอย่างสนใจ

    ใช่ครับ...และคุณอย่าจ้องมากสิครับ คุณทำให้ฟุริฮาตะซังกลัวนะครับดวงตาสีฟ้าค้อนใส่คนผมสีเพลิง

    อ่ะๆ โทษทีๆคนโดนว่ารีบเอ่นก่อนที่จะโดนคนเงียบแต่เกรียนแกล้งเอา เอาเป็นว่าสวัสดีนะ ฉันชื่อคางามิ ไทกะเป็นคู่หูของคุโรโกะน่ะ...ครับและถ้าเห็นว่าฉันไม่สุภาพหรืออะไรก็เตือนหน่อยก็ดี อย่ามาตีมาโขกมาตื้บแบบโค้ชกับคุโรโกะล่ะ...ครับ

    ...อื้ม ฉันฟุริฮาตะ โคกิ ยินดีที่ได้รู้จักนะฟุริฮาตะถึงแม้จะรู้สึกกลัวอีกฝ่ายนิดๆ แต่ก็ตอบกลับไปตามมารยาท

    อา ยินดีที่ได้รู้จักคางามิเกาหัวตัวเองนิดๆ นาย...เออ...จะให้เรียกว่ารุ่นพี่หรือเรียกอะไรดีอ่ะ?”

    เรียกฉันว่าฟุริเฉยๆ ก็ได้ ฉันไม่ว่าฟริฮาตะที่ไม่ถือเรียกการเรียกอยู่แล้วเอ่ย

    แต่นั้นออกจะเสียมารยาทไปหน่อยนะครับคุโรโกะไม่คิดว่าการให้คนอายุน้อยกว่าเรียกคนที่ไม่สนิกกันแถมอายุมากกว่าแบบนั้นจะเหมาะสมเท่าไหร่นัก

    งั้นเรียกรุ่นพี่ฟุริแล้วกัน...และไม่ต้องเตรียมมาแกล้งฉันเลยนะ! คุโรโกะ!” คางามิแว๊ดลั่นเมื่อคนผมฟ้าอุ้มลูกหมาสีดำขาวขึ้นมาเตรียมโยนใส่ตน

    ไม่ได้จะแกล้งสักหน่อยครับ แค่เตรียมตัวเผื่อเกิดว่าคุณทำตัวไม่ดีขึ้นมาจะได้ลงโทษได้ทันแค่นั้นแหละครับคุโรโกะจับเท้าเจ้าหมาน้อยไปแตะจมูกอีกฝ่าย

    เฮ้ย!!! เอาเบอร์สองไปไกลไกล๊!!!!” คางามิเมื่อโดนเจ้าลูกหมาตบจมูกก็รีบลี้ภัยไปหลบหลังคนผมน้ำตาลด้วยท่าทีกลัวสุดขีด

    อย่าแกล้งคนอื่นแบบนี้สิคุโรโกะ...เดี๋ยวคางามิซังเขาซ็อกตายหรอกฟุริฮาตะที่เอ๋อกินน้อยๆ กับการเห็นคนตัวใหญ่ๆ หนีลูกหมา แต่ก็ยังปรามคนผมฟ้าเนื่องจากพอดูออกว่าคนผมสีเพลิงนั้นกลัวจริงๆ ไม่ได้แกล้งทำ

    “...ขอโทษครับคุโรโกะทำหน้าหง่อยพลางวางเจ้าเบอร์สองลงพื้น

    ฟู่ รอดแล้ว...ขอบคุณที่ช่วยนะครับรุ่นพี่ อ๋อ! และะก็รุ่นพี่ไม่ต้องเติมซังท้ายชื่อผมหรอก มันฟังน่าขนลุกนะครับคางามิส่งยิ้มเทนชิ (?) ให้ฟุริฮาตะ

    อ๊ะ...ขอโทษ พอดีมันติดน่ะฟุริฮาตะส่งยิ่มแห้งๆ กลับไป

    ติดจากที่ร้านหนังสือเหรอครับ?” คุโรโกะถาม

    ก็นะ...ก็แบบปกติที่คนค้าขายเขาเป็นกันนั้นแหละฟุริฮาตะตอบและ...

    คุโรโกจจิ~~~~~~!!!!” ...จากนั้นไม่นานคนผมน้ำตาลก็เห็นเด็กหนุ่มผมสีเหลืองสดใสคนหนึ่งพุ่งเข้ามากอดคุโรโกะด้วยความเร็วแสง คิดถึงจางงงงงงงง!!!”

    แต่ผมไม่ครับ กรุณาออกไปห่างๆ ผมเลยครับคิเสะคุงคุโรโกะดันหน้าหล่อเหลาของคนผมเหลืองออก

    ใจร้ายอ่าาาาาาคิเสะร้องงอแงใส่อีกฝ่ายตามปกติ (?)

    นายอย่างอแงสิ คิเสะ...ถ้าเกิดโดนคุโรโกะคุงตื้บขึ้นมาเนี่ย ฉันขี้เกียจไปหาข้อแก้ตัวให้นะเด็กหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวที่เดินตามมาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

    รุ่นพี่โมริยามะก็!” คิเสะทำแก้มป่อง

    ไม่ต้องทำหน้าแบ๊วเลยครับ...ไม่ดูดีขึ้นหรอกคุโรโกะกัดคิเสะไปทีหนึ่ง

    คุโรโกจจิก็เอากับเขาด้วยเหรอ~~~” คิเสะเริ่มหงอยเมื่อโดนรุ่นพี่และเพื่อนตัวเองรุม

    เออนี่...เลิกเล่นกันก่อนดีไหม? พวกนายทำรุ่นพี่ฟุริงงเป็นไก่ตาแตกแล้วนะคางามิเอ่ยแทรกพลางชี้ไปยังคนผมน้ำตาลที่ยืนงงอยู่...ที่จริงเจออะไรแปลกๆ (?) แบบนี่ถ้าไม่งงเลยคงจะดูพิลึกมากกว่าแฮะ

    อ่ะ! โทษทีๆ ...ว่าแต่นั่นใครอ่ะ?” โมริยามะมองคนผมสีน้ำตาล

    เพื่อนคุโรโกจจิเหรอ?” คิเสะเอียงคอน้อยๆ

    เขาเป็นรุ่นพี่ผมครับ ชื่อฟุริฮาตะ โคกิ...” คุโรโกะแนะนำอีกฝ่ายสั้นๆ “...ฟุริฮาตะซัง คนหัวเหลืองนี่ชื่อคิเสะ เรียวตะเป็นเพื่อนสมัยม.ต้นของผม ส่วนคนผมสีดำเหลือบเขียวนี่ชื่อโมริยามะ โยชิทากะเป็นรุ่นพี่คิเสะคุงและ...แฟนของรุ่นพี่อิสึกิครับ

    อา ยินดีที่ได้รู้จักครับ...เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ? แฟนของอิสึกิ?” ฟุริฮาตะเอ่ยทักทายตามมารยาทก่อนที่จะฉุดคิดเรื่องคำพูดของคุโรโกะขึ้นมาได้ นี่อิสึกิมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย? จำได้ล่าสุดคนที่มีแฟนมีแค่สึจิดะคนเดียวเอง

    ล่าสุดของคุณคือปีก่อนนะครับฟุริฮาตะซังคุโรโกะยิ้มอย่างอ่อนใจกับคนซื่อตรงหน้าพลางเหล่มองไปยังนอกสนามที่มีคนผมดำหน้าหวานคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา

    ทุกคน!!!! ขอโทษที่มาช้านะ!!!!!” เด็กหนุ่มหน้าหวานเอ่ยพร้อมวิ่งสไลท์ (?) เข้ามารวมกลุ่มราวนักวิ่งทีมชาติ อ้าว!? นายมาด้วยเหรอฟุริ!”

    ถ้าไม่มาจะเห็นไหมล่ะ?” ฟุริฮาตะถามกลับอย่างกวนนิดๆ

    ฮาๆ เดี๋ยวนี้รู้จักเล่นมุขแล้วแฮะ! เมื่อก่อนออกจะซื่อบื้อแท้ๆเด็กหนุ่มตบบ่าฟุริฮาตะอย่างอารมณ์ดี

    อย่านินทากันต่อหน้าเลยสิฟุริฮาตะแยกเขี้ยวใส่...ซึ่งแน่นอนว่าหาความน่ากลัวไม่เจอแม้แต่น้อย

    อิสึกิคุง...อย่าเมินกันสิ!” โมริยามะที่รู้สึกราวกับว่าถูกลืมรีบโดดเกาะหลังคนหน้าหวานทันที

    เหวอ! จะมาเกาะผมทำไมครับ!? โมริยามะซัง!” อิสึกที่เกือบหงายเงิบแว๊ดลั่น

    ก็อิสึกิคุงไม่สนใจฉันนิ!” โมริยามะทำปากจู๋

    “...ปล่อยให้แฟนทะเลาะกันไปเถอะครับ...ในเมื่อมากันครบแล้วผมว่าเรารีบไปกันดีกว่าครับคุโรโกะมองคู่รักติ๊งต๊อง (?) เล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจเมินคู่ที่เถียงกันอยู่

    ไปไหนเหรอ?” ฟุริฮาตะเอียงคออย่างงงๆ

    ไปงานสตรีทบาสใกล้ๆ นี่ไง...ครับ คุโรโกะไม่ได้บอกเหรอ?” คางามิถามกลับ

    เห็นบอกแค่ว่ามาเล่นสตรีทบาสเป็นเพื่อนหน่อยน่ะฟุริฮาตะตอบไปตามตรง

    คุโรโกจจิ...” คิเสะสะกิดคนผมฟ้าเบาๆ “...ที่บอกฟุริฮาตะซังไปแบบนั้นน่ะ...มีแผนอะไรอยู่ในใจอีกแล้วใช่ไหม?”

    ...และแผนส่วนใหญ่ของรายนี่...ถ้าทำเนี่ยคือประโยชน์เข้าตัวล้วนๆ!...

    มีน่ะใช่ครับ แต่ผมไม่บอกคุณหรอกคุโรโกะเอ่ยอย่างเย็นชาแล้วแว่บไปเกาะแขนคนผมสีเพลิงและผมน้ำตาล เอ้า! รีบไปกันเถอะครับ...เดี๋ยวลงสมัครแข่งไม่ทันนะครับ

    อ่ะๆ ได้ๆ ไม่เห็นต้องรีบเลยคางามิที่เริ่มถูกลากบ่นนิดๆ ในขณะที่ฟุริฮาตะทไเพียงยิ้มแห้งๆ เท่านั้น

    เฮ้ย! อย่าทิ้งกันสิ!” คิเสะรีบวิ่งตามคุโรโกะที่ลากชาวบ้านออกจากสนามไปแล้ว

    อ้าว! รอด้วยสิ!!!” โมริยามะกับอิสึกิเมื่อเห็นว่าถูกทิ้งก็รีบวิ่งตามไปโดยทิ้งสตรีทบาสอันว่างเปล่าเอาไว้เบื้องหลัง

     

     

     

     

     

    “...ไม่ได้มางานแบบนี้ตั้งนาน คนยังเยอะเหมือนเคยแฮะดวงตาสีน้ำตาลใสกวาดมองไปรอบๆ

    ก็นายเล่นไม่ไปไหนนอกจากทำงาน งานและก็งานมาปีกว่าแล้วนิ วันที่ร้านนายหยุดก็เอาแต่จัดของในร้านจนฉันคิดว่านายจะสิงในร้านของบ้านนายจนตายซะอีกเด็กหนุ่มหน้าหวานเหน็บคนผมน้ำตาลเล็กน้อย

    ก็พูดเกินไป...ฉันไม่ได้อยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่มั้ง?” ฟุริฮาตะเถียงกลับ

    เหรอ~~~” อิสึกิส่งสีหน้าประมาณว่าไม่เชื่อเด็ดๆ ให้

    อย่าแกล้งฟุริฮาตะซังสิครับรุ่นพี่อิสึกื...” คุโรโกะที่โผล่มาระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ย “...คางามิคุงเขาลงชื่อทีมสมัครเสร็จแล้วนะครับ ตอนนี้ทางทีมงานเขาให้ลงรายชื่อว่าใครจะเป็นตัวตั้งต้นใครจะเป็นตัวสำรอง...ช่วยรีบมาลงชื่อหน่อยครับ

    โอเคๆ ได้ๆอิสึกิขานรับพลางหันไปหาคางามิที่ถือกระดาษแผ่นหนึ่งเดินมา คางามิ...นายอยากให้ใครเป็นตัวตั้งต้นบางล่ะ?”

    ไม่รู้ครับคางามิที่ไม่ชอบคิดอะไรให้มากความส่ายหน้าวืด

    จับฉลากดีไหม?” โมริยามะเสนอความเห็นขึ้นมา

    ไม่ดีมั้งครับคิเสะไม่คิดว่าความคิดนี่จะดีนัก

    งั้น...เอาเป็นนับตามตำแหน่งเลยแล้วกันอิสึกิถอนหายใจออกมาเบาๆ คางามิเอาตำแหน่งใต้แป้นไปเพราะตัวสูงสุด คิเสะเป็นตัวบุก โมริยามะซังเป็น SG คนเดียวงั้นเอาตำแหน่งนี้ไปเลยแล้วกัน คุโรโกะก็เล่นใต้เงาคนอื่นตามปกติ ส่วน PG เอาเป็นฟุริแล้วกัน

    เดี๋ยวๆๆๆๆ! ไหงเป็นฉันล่ะ!?” ฟุริฮาตะเมื่ออยู่ๆ ถูกโยนตำแหน่งให้โวยลั่น นายลงเองไม่ดีกว่าเหรอ!?”

    ไม่เอา นายน่ะหัดออกกำลังกายซะบ้าง เล่นมุดอยู่แต่ในร้านมาปีกว่าเนี่ยอิสึกิปฏิเสธอย่างเด็ดขาด และอย่ามาอ้างว่าจำวิธีเล่นไม่ได้เลย...ฉันแอบเห็นนายซ้อมคนเดียวที่หลังบ้านนายตอนดึกๆ บ่อยนะ

    นี่นายไปแอบดูมาเหรอ!?” ฟุริฮาตะเริ่มอยากเป็นลมขึ้นมาตงิดๆ

    ไม่ได้แอบ อย่าลืมสิทางหลังบ้านนายเป็นทางลัดไปบ้านฉันน่ะอิสึกิยิ้มร่า

    ไม่ต้องมาพูดเลย...ถ้าเกิดแพ้อย่าว่ากันแล้วกันฟุริฮาตะที่รู้ว่าเถียงไปก็เท่านั้นทำปากจู๋

    อย่าดูถูกฝีมือตัวเองนักเซ่อิสึกิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    นั้นสิครับ ผมว่าฟุริฮาตะซังฝีมือไม่แย่กว่าผมแน่นอนคุโรโกะที่ยังยืนขวางระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองอยู่เอ่ย

    ฉันก็ว่างั้น...คงไม่มีใครเล่นบาสสายบุ๋นได้เท่าคุโรโกะแล้วล่ะคางามิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    แน่นอน...อย่างคุโรโกะน่ะถึงมีคนคิดจะเลียนแบบคงยากจะเป็นอยู่ดี...” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทรกทำให้เด็กหนุ่มทั้งหลายพากันหันไปมองยังต้นเสียง “...แต่ให้ตายเถอะ...ทำไมต้องมาเจอหน้านายที่นี่เนี่ย?”

    พูดยังกับฉันอยากเจอนายงั้นแหละ! นี่มาได้ไงห๊า!?” คางามิโวยใส่ผู้มาใหม่หัวเขียวที่ชี้มาที่ตนอย่างเจาะจง

    พวกฉันมาเล่นสตรีทบาสเป็นเพื่อนมิยาจิซังน่ะ!” เด็กหนุ่มผมดำโผล่ออกจากด้านหลังคนผมเขียว ดวงตาสีฟ้าอมเทาจ้องมองที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตาแป๋ว แล้วนั้นใครอ่ะ? ไม่เคยเห็นหน้าเลย

    เขาเป็นรุ่นพี่ผมครับคุโรโกะตอบไปสั้นๆ ขณะที่เสียงประกาศตามสายดังขึ้นพอดิบพอดี ผมว่าเราอย่างมัวจ้อกันเลยครับ รีบไปตามที่เขาเรียกเถอะ...ส่วนมิโดริมะคุงกับทาคาโอะคุงรีบกลับไปหามิยาจิซังก่อนโดนอะไรปาหัวเถอะครับ

    ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วเฟ้ย!” มิโดริมะแว๊ดเล็กน้อยพร้อมแบกคนผมดำกลับไปกลุ่มตนทันที ด้วยความกลัวว่าจะโดนอะไรสักอย่างปาหัวจริงๆ

    “...พวกเราเองก็เอารายชื่อไปส่งก่อนถูกตัดสิทธิ์เถอะครับดวงตาสีฟ้ามองคนที่วิ่งฟุ่นตลบไปก่อนที่จะเบนสายตากลับมายังกลุ่มของตน

    อ่ะ! อื้อ!” ทุกคนพยักหน้ารับก่อนที่จะพากันวิ่งไปยังจุดรับใบรายชื่ออย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

    ฟุริฮาตัจจิซังนี่เก่งพอดูเลยนะ! ไม่เห็นเหมือนอย่างที่บอกเลย!”

    แค่บังเอิญน่า

    คุณถ่อมตัวไปหน่อยนะครับ ส่วนคิเสะคุง...ออกห่างฟุริฮาตะซังหน่อยครับ ไม่งั้นผมโทรฟ้องอาโอมิเนะคุงแน่

    หว่าๆ! อย่าฟ้องนะ!”

    “...แล้วไหงนายมาเกาะฉันแทนล่ะ?”

    นั้นสิ...คิเสะ โมริยามะซังก็ห้ามเกาะนะ

    ใจร้าย...ไปเกาะคางามิจจิก็ได้

    ไหงมาลงที่ฉันแทนเนี่ย?!”

    ก็คางามิจจิอย่างน้อยไม่มีทางถีบฉันแน่ล่ะ

    ฯลฯ

    เสียงถกเถียงกันเบาๆ ตามประสาวัยรุ่น (?) ดังขึ้นจากเด็กหนุ่มหกคนที่เดินเกาะกลุ่มกันออกมาจากสถานที่ที่ใช้สตรีทบาส โดยที่ยามนี่เด็กหนุ่มทั้งหลายเดินแบบแยกเป็นสามคู่อย่างเห็นได้ชัด...เช่นเด็กหนุ่มผมฟ้าเกาะแขนคนผมน้ำตาล เด็กหนุ่มหน้าหวานก็เกาะแขนคนผมสีดำเหลิอบเขียวไว้ ส่วนคนผมสีเพลิงก็ถูกคนผมเหลืองเกาะหลังเอาไว้จนรู้สึกราวกับว่ากำลังโดนโคอาล่าเกาะอยู่และแน่นอนว่าคางามิต้องหาทางเอาคนที่เกาะตนออกสุดฤทธิ์

    คิเสะ...ลงจากฉันสักทีสิเว้ย! ฉันยังไม่อยากโดนไอ้อาโฮ่มันเข้าใจผิดว่ากิ๊กกับนายนะเว้ย!” หลังจากที่และโกรดเด้นสีเหลือง (?) บนหลังตนมานานสองนานแต่ไม่สำเร็จก็โวยขึ้นมา

    โทรเรียกสามีคุณมาสิครับ รับรองว่าพอคิเสะคุณเห็นหัวแดงๆ ของอาคาชิคุงปุ๊บคิเสะคุงปล่อยปั๊บแน่นอนครับคุโรโกะเสนอความคิดเห็น

    แล้วฉันก็ได้นอนปวดเอวเป็นรายการต่อไปด้วยสิ!” คางามิมั่นใจว่าถ้าใช้วิธีตามที่คนผมฟ้าบอกจริง...ได้นอนปวดเอวไปหลายวันแน่!

    ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวคิเสะคุงไปนอนปวดเอวเป็นเพื่อนคุงเองเพราะอาคาชิไม่มีทางที่จะไม่หาคนมาลงโทษคิเสะคุงหรอกครับคุโรโกะเอ่ยหน้าตาย

    งั้นฉันไม่เกาะล่ะ! ห้ามเรียกอาคาชิจจิมาเชียวนะ!” คิเสะที่รับรู้ได้ถึงความซวยที่อาจพุ่งเข้าหาจนโดดลงจากหลังคางามิ

    ไม่สนครับ จะเรียกคุโรโกะตอบกลับอย่างเย็นชาพร้อมหยิบมือถือออกมาคล้ายจะโทรหาคนที่ว่าจริงๆ

    อย่าเชียวนะ!” เด็กหนุ่มหัวสีเพลิงและเหลืองรีบห้ามทันที

    น่าๆ อย่าทะเลาะกันสิฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ ให้คนอายุน้อยกว่าทั้งสาม

    ช่างพวกนี่เถอะฟุริ...เถียงกันแบบนี้บ่นออกอิสึกิที่เห็นฉากแบบนี้ประจำเอ่ย

    ใช่ๆ รีบรองได้ว่าสามคนนี่ไม่ฆ่ากันแน่นอนโมริยามะที่เคยชินกับเรื่องนี้เหมือนกันพยักหน้ารับ

    ไม่ฆ่าแต่แกล้งครับคุโรโกะแสยะยิ้มน้อยๆ

    นั้นน่ากลัวกว่าอีก!” คางามิแยกเขี้ยวใส่คนผมฟ้า

    นั้นสิ...ว่าแต่เมื่อกี้ก็เสียดายเนอะที่แพ้ทีมของมิโดริมัจจิเนี่ยคิเสะเห็นลางว่าได้ถูกแกล้งจริงๆ ในไม่ช้าแน่รีบเปลี่ยนเรื่องทันที

    นั้นสิเนอะ ห่างกันแต้มเดียวเองคางามิรีบต่อประเด็นอย่างรวดเร็วเพื่อให้คู่หูตนเลิกคิดที่จะแกล้งชาวบ้านเขา

    ถ้าอิสึกิลงอาจชนะนะนั้นฟุริฮาตะเอ่ย

    ก็อาจจะ แต่นายหยุดเล่นไปปีกว่าแต่สู้ทีมที่มีรุ่นปฏิหาริย์หนึ่งกับราชันย์ไร้มงกุฎอีกสองได้เนี่ยก็เก่งสุดๆ แล้วอิสึกิตบบ่าคนปมน้ำตาลเบาๆ

    นั้นสินะ พวกนั้นก็ธรรมดาเสียที่ไหนล่ะโมริยามะยอมรับเลยว่าสำหรับคนที่ไม่ได้ร่วมแข่งหรือฝึกซ้อมตามปกติมานานเป็นปีเนี่ย ได้แค่นี้ก็สุดๆ แล้ว

    อย่างน้อยมิยาจิซังกับทาคาโอะคุงก็ยังนับเป็นคนธรรมดาอยู่ครับคุโรโกะเริ่มเนียนเข้าไปชิดกับฟุริฮาตะมากกว่าเดิม

    ก็จริงอ่ะนะ...” คิเสะพยักหน้ารับพลางยกนาฬิกาข้อมือของตนขึ้นมาดู “...อ่ะ! ได้เวลาไปทำงานแล้ว...งั้นฉันไปก่อนนะทุกคน!”

    เออๆ แล้วอย่าโดนลแฟนคลับลากไปไหนอีกล่ะ!” โมริยามะเตือนพร้อมโบกมือไล่คล้ายๆ

    ครับผม!” คิเสะขานรับก่อนที่จะสิ่งจู๊ดหายไปอย่างรวดเร็ว

    “...เล่นเตือนแบบนั้นไปทำให้คุณดูเหมือนพี่คิเสะชอบกลนะครับอิสึกิแซวคนรักตนเล็กน้อย

    ถ้าฉันเหมือนพี่คิเสะ งั้นคาซามัตสึก็เหมือนแม่อ่ะสิโมริยามะหัวเราะออกมาเบาๆ

    ระวังคาซามัตสึซังมาได้ยินแล้วโดนถีบล่ะครับอิสึกิกล้าพนันเลยว่าถ้าคนที่ถูกอ้างถึงได้ยินคำพูดเมื่อกี้ล่ะก็...โดดถีบขาคู่ใส่คนรักตนชัวท์

    ไม่เป็นไร โดนบ่อยเด็กหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวยักไหล่เล็กน้อย โดยที่ในเวลาเดียวกันนี้เองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น โมริยามะจึงล้วงมือถือตนออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย โมชิโมชิ? หื้อ? คานาเดะซัง? มีอะไรเหรอครับ? ...เอ๊ะ? พี่เผลอเดินหลับในไปชนเสาอีกแล้ว? โอเคๆ เดี๋ยวผมไปรับพี่เขานะครับ ตอนนี้ช่วยดูพี่อย่าให้พี่เขาเดินตกท่อที่ไหนล่ะครับ อ่ะๆ รู้ครับว่าพี่ไม่ซี้ง่ายๆ แต่ผมไม่อยากจูงคนตกท่อกลับบ้านให้ชาวบ้านเขามองนะครับ ครับๆ แค่นี้ครับ

    พี่คุณเผลอหลับระหว่างเดินอีกแล้วสินะครับ?” อิสึกิที่ถึงแม้ฟังบทสนทนาเพื่อคร้าวๆ ก็พอเดาออกว่าเรื่องอะไรถาม คราวนี้อะไรล่ะครับ?”

    อื้อ คราวนี้ชนเสาแค่นั้น ยังไม่มีเรื่องปวดหัวเพิ่ม...” โมริยามะตอบ “...บางทีฉันว่าฉันควรหาทางแก้ไอ้นิสัยประหยัดพลังงานเกินเหตุของพี่บ้างแล้วล่ะ

    ผมว่าคุณควรทำตั้งนานแล้วนะครับอิสึกิกรอกตาไปมา เอาเป็นว่าผมไปช่วยคุณด้วยแล้วกัน...ผมกลัวว่าจะเป็นแบบคราวก่อนที่มีนักเลงตาถั่วเห็นพวกคุณเดินไปกันสองคนแล้วมาไถ่ตังค์จนสุดท้ายโยชิกิซังเลยตื้บเรียงตัวน่ะครับ

    คงไม่มีพวกตาถัวมาบ่อยนักมั้งโมริยามะเอ่ย

    ไม่แน่นะครับ...เอาเป็นว่าพวกฉันไปก่อนนะคุโรโกะ คางามิ ฟุริ กลับบ้านกันดีๆ ล่ะอิสึกิทำเสียงดุใส่คนรักตนเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยลารุ่นน้องและเพื่อนตน

    ครับ / อื้อเด็กหนุ่มทั้งสามขานรับพลางมองคนที่เดินจากไปอีกสองคน

    “...ดูคนลดลงเรื่อยๆ เหมือนในหนังผีดีเนอะฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

    ถ้าหายไปแบบไม่มีสาเหตุนี่ใช่เลยล่ะครับ...” คุโรโกะต่อมุขหน้าตาเฉย “...และถ้าเกิดคางามิไปอีกคนก็จะเหลือแค่ผมกับฟุริฮาตะซังสองคนคล้ายตัวหลักในหนังเป๊ะเลยครับ

    อย่าพูดให้หลอนสิ!” คางามิผู้กลัวผีแว๊ดใส่คู่หูตนก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อวัตถุสี่เหลี่ยมในกระเป๋ากางเกงของตนสั่น เด็กหนุ่มผมสีเพลิงจึงรีบคว้าโทรศัพท์พกพาของตนออกมากดรับทันที โมชิโมชิ? เอ๊ะ? ทัตสึยะ? มีอะไร...เห๋?! มารออยู่หน้าห้องฉันแล้ว!? ทำไมมาไม่บอกกันเล่า! โธ่! โอเค! เดี๋ยวไป!”

    “...คุณได้ไปเป็นรายต่อไปแล้วครับ คางามิคุงคุโรโกะมองคนผมสีเพลิงที่กำลังเก็บมือถือตัวเองนิ่งๆ

    ก็บอกว่าอย่าพูดให้หลอนไง!” ดวงตาสีเพลิงค้อนใส่คนผมฟ้า เอาเป็นว่าฉันไปก่อนล่ะ! ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ! คุโรโกะ! รุ่นพี่ฟุริ! ไปล่ะ!”

    “...” เด็กหนุ่มทั้งสองมองคนที่วิ่งจากไปอีกคนนิ่งๆ ก่อนที่จะหันหน้ามามองกันเอง

    เออ...จะไปไหนกันดีล่ะคุโรโกะ?” ฟุริฮาตะเอ่ยเปิดบทสนาเป็นคนแรก

    ไม่รู้สิครับ คงเป็นที่ร้านของคุณนั้นแหละครับคุโรโกะตอบไปตามตรง

    วันนี้ร้านปิดนะฟุริฮาตะเลิกคิ้วเล็กน้อย...คิดจะไปซื้อหนังสือทั้งที่ร้านปิดหรือไง?

    ใช่ครับ แต่ถ้าเจ้าของร้านอย่างคุณให้เข้าก็อีกเรื่องนะครับคุโรโกะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

    หรือง่ายๆ คือนายอยากไปที่ร้านหรือไม่ก็อยากตามฉันกลับบ้านเฉยๆ สินะ?” ฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ กับคำตอบที่ได้รับ

    ถูกครับ ดังนั้นอย่าคิดไล่ผมเสียให้ยากเลยคุโรโกะส่งสีหน้าประมาณว่า ต่อให้ไล่ยังไงผมก็ไม่ไปหรอกครับให้

    ไม่ไล่หรอกน่า...ว่าแต่คิดอะไรอยากตามฉันเล่นเนี่ย? หาทางตื้อฉันให้กลับเข้าชมรมหรือไง?” ฟุริฮาตะถามพลางเดินกลับบ้านตนโดนมีคุโรโกะเดินอยู่ข้างๆ

    นั้นส่วนหนึ่งครับ ส่วนเรื่องโค้ชไม่ต้องห่วง ผมขอมาแล้วและโค้ชอนุญาติแล้วด้วยครับคนจืดจางเอ่ย

    นายไปถามมาจริงๆ เหรอ...” ฟุริฮาตะกรอกตาไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะนึกสะกิดใจกับคำพูดเมื่อครู่ขึ้นมาได้ “...แต่เมื่อกี้นายบอกว่าส่วนหนึ่ง? แล้วอีกสาเหตุที่ตามฉันคืออะไรเหรอ?”

    ไม่บอกครับคุโรโกะปฏิเสธหน้าตาย

    ง่ะ! บอกหน่อยไม่ได้เหรอ?” ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ย

    ไม่ได้ครับ แต่ถ้าคุณรู้ตัวหรือถึงเวลาเมื่อไห่ผมจะบอกแล้วกันครับคุโรโกะเอ่ยอย่าางมีเล่นัยน์

    ฟ้งดูลับลมคมในจังแฮะฟุริฮาตะบ่นอุบ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยกับคุโรโกะไปเรื่อยๆ ตามประสาที่เป็นคนสบายๆ พอสมควร

    จนกระทั่งมาถึงยังหน้าบ้านหรือหน้าร้านหนังสือของฟุริฮาตะเด็กหนุ่มทั้งสองก็หยุดบทสนทนาของพกตนลงทันที...เมื่อเห็นว่าในตอนนี้มีคนสองคนกำลังยืนด้อมๆ มองๆ เข้าไปภายในร้านด้วยท่าทีแปลกๆ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจสักนิด

    “...ฟุริฮาตะซัง...นั้นใช่คนรู้จักคุณหรือเปล่าครับ?” ดวงตาสีฟ้าใสจับจ้องไปยังกำลังหาทางงัดแงะประตูอยู่ พร้อมควักโทรศัพท์ออกมาเตรียมโทรหาตำรวบ

    ไม่นะ ไม่รู้จัก...และนายอย่าเพิ่งคิดโทรเรียกตำรวจเลย เขาอาจแค่หลงทางหรือมาหาคนผิดร้านก็ได้ฟุริฮาตะที่กลัวว่าอาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเอ่ยดักเอาไว้

    งั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าผมเห็นท่าไม่ดีผมจะแอบโทรหาตำรวจและลากคุณหนีทันทีเลยนะครับคุโรโกะทำเสียงเข้ม

    ที่จริงนายหนีคนเดียวก็ได้นะ มีโอกาสรอดกว่านะชิวาว่าน้อย (?) บ่นนิดๆ ก่อนเดินไปหาชายวัยกลางคนสองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านตน เออ...ขอโทษครับ! วันนี้ร้านนี้ปิดนะครับ!”

    “!!!” ชายทั้งสองสะดุ้งโหยงและหันขวับมามองฟุริฮาตะด้วยใบหน้าที่มีเหงื่อแตกพลักๆ เออ รู้ว่าปิด...คือลุงแค่ เออ แค่มาหาญาติน่ะ! ญาติลุงเขาเป็นเจ้าของร้านนี้น่ะ! แล้วลุงทำกุญแจที่ญาติลุงให้ไว้หายเลยไม่รู้จะเข้ายังไง

    ...โกหกได้หน้าด้านมากครับ...ถ้าเกิดเป็นญาติกันจริงไม่มีทางที่คุณจะไม่รู้จักฟุริฮาตะซังหรอกครับ...

    คุโรโกะคิดในใจพลางกดโทรหาตำรวจทันทีเมื่อแน่ใจว่าสองคนนี้เป็นโจรแน่

    งั้นเหรอครับ?” ฟุริฮาตะยกยิ้มเล็กน้อย...ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่คุโรโกะรู้สึกว่ารอยยิ้มคราวนี้ดูมันจะเหี้ยมๆ ชอบกล แล้วคุณ...กรุณาบอกชื่อคนที่มาหาหน่อยได้ไหมครับ? เดี๋ยวผมติดต่อให้ ผมมีเบอร์ติดต่อครอบครัวของเจ้าของร้านนี่ทุกคนเลยนะครับ

    เออ...ไม่ล่ะๆ ไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวพวกลุงหาทางเข้าไปเองชายหนุ่มรีบเอ่ยปฏิเสธทันที

    ทำไมล่ะครับ? ให้ผมติดต่อหาคนมาเปิดประตูให้ง่ายกว่านะครับ...ถ้าเกิดสุมสี่สุมห้าหาทางเปิดเองระวังโดนเข้าใจว่าเป็นขโมยนะครับฟุริฮาตะยังคงประดับรอยยิ้มไว้บนใบหน้า

    เออ...คือ...” ชายหนุ่มที่ดูท่าจะไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้วเริ่มแสดงสีหน้าน่ากลัวออกมา “...โธ่เว้ย! ทำเสียเรื่องหมด! ไอ้เด็กบ้า!!!”

    ฟุริฮาตะซัง!!!” คุโรโกะหลุดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองหยิบประแจที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อก่อนหน้านี้ออกมาฟาดใส่ฟุริฮาตะ...ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างแทนทันทีที่เห็นเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหลบได้อย่างคล่องแคล่วพร้อมจับแขนแล้วยกตัวอีกฝ่ายทุ่มลงกับพื้นอย่างแรงพร้อมตวัดขาไปฟาดหน้าชายอีกคนเป็นจังหวะต่อไปอย่างลื่นไหล จากนั้นก็เริ่มตื้บชายทั้งสองจนสลบไป ...เออ พอเถอะครับฟุริฮาตะซัง เดี๋ยวพวกเขาก็ตายหรอกครับ

    ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำให้ถึงตายไม่ได้หรอก อย่างมากก็แค่บาดเจ็บ...แต่ถ้าพี่ฉันเป็นคนจัดการก็อีกเรื่องอ่ะนะฟุริฮาตะเตะร่างของชายทั้งสองลอยละลิ่วไปชนกับประตูร้านตัวเองเป็นการส่งท้ายก่อนที่จะ เดินมาหาคุโรโกะ

    คุณนี่โหดเอาเรื่องเลยนะครับ...” คุโรโกะส่ายหน้าไปมา...เอาเถอะ อย่างน้อยก็โหดน้อยกว่าคนหัวแดงๆ บางคนล่ะ “...เอาเป็นว่าเราหาเชือกมามัดสองคนนี้ก่อนแล้วรอให้พวกตำรวจมาหิ้วไปเถอะครับ

    ไม่ต้องมั้ง แค่นี้คงขยับไม่ได้อย่างน้อยสักสองชั่วโมงล่ะนะฟุริฮาตะยักไหล่เล็กน้อย

    แต่กันไว้ดีกว่าแก้ครับ...” คุโรโกะดุคนอายุมากว่าก่อนที่จะเดินไปหาชายทั้งสองที่ไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้พร้อมเชือกที่เอามาจากไหนไม่รู้  “...มาช่วยผมมัดหน่อยสิครับ

    อ่ะ! ได้ๆ!” ฟุริฮาตะที่เห็นท่าทางทุลังทุเลของคุโรโกะะขานรับ พร้อมเดินไปคว้าเชือกจากมือคุโรโกะมามัดเอง

    “...คุณนี่ดูเก่งด้านต่อสู้ดีนะครับ แถมยังมัดชาวบ้านอย่างเชี่ยวชาญ (?) อีกคนจืดจางหัวฟ้ามองคนที่ใช้เวลาไม่กี่วิก็มัดคนสองคนได้อย่างแน่นหนาเสียแล้ว...ต่างจากเขาที่แค่คนเดียวยังไม่มีปัญญาเลย

    แฮะๆ พอดีพี่ฉันบอกให้ฝึกไว้น่ะฟุริฮาตะส่งยิ้มแห้งๆ ให้รุ่นน้องตน

    พี่คุณ?” คุโรโกะทวนอย่างงงๆ

    อื้อ ใช่...ก่อนพี่ฉันไปต่างประเทศน่ะอยู่ๆ ก็จับฉันฝึกต่อสู้น่ะ...เล่นฝึกซะฉันติดนิสัยเหี้ยมๆ มานิดๆ เลยฟุริฮาตะเอ่ย

    แล้วพี่คุณจับคุณฝึกต่อสู้ทำไมครับเนี่ย?” คุโรโกะถาม...ที่จริงก็แค่ถามไปงั้นแหละ เขาพอเดาสาเหตุออกอยู่หรอก

    เห็นบอกว่า พี่ห่วงว่าน้องจะโดนฉุด (?) ตอนพี่ไม่อยู่อ่ะ! ดังนั้นฝึกไว้หน่อยเถอะ! พี่จะได้ไปเรียนได้อย่างไม่กังวลใจน่ะ!’ ...” ฟุริฮาตะอธิบาย “...แต่พอคิดๆ แล้วก็น่าโมโหพี่แฮะ เห็นฉันเป็นผู้หญิงหรือไงถึงจะโดนฉุดเนี่ย

    ผมว่าพี่คุณทำถูกแล้วล่ะครับ...” ...เพราะนิสัยอย่างคุณทำเอาคนอื่นหวั่นไหวง่ายๆ เลยนะครับ

    ทำไมอ่ะ?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ

    ก็อย่างน้อยคุณก็ป้องกันตัวเองได้ไงคุโรโกะตอบสั้นๆ ง่าย

    มันก็ใช่อยู่หรอกฟุริฮาตะไม่เถียงว่ามันจริงดังที่คนผมฟ้าว่าจริงๆ

    จะว่าไป....ถ้าคุณต่อสู้เป็นทำไมที่ห้องสมุดคุณไม่ตอบโต้อะไรเลยล่ะครับ?” คุโรโกะเอ่ยถามเมอนึกถึงได้ว่าไม่กี่วันก่อนอีกฝ่ายเพิ่งโดนทำร้ายจนบาดเจ็บมา

    อ๋อ ฉันเห็นว่ามันไม่จำเป็นน่ะเลยไม่ลงมือฟุริฮาตะตอบอย่างซื่อๆ

    ใจดีไปแล้วนะครับคนผมฟ้าถอนหายใจออกมาเบาๆ ...

    ...แต่สำหรับผมเนี่ย เล่นซะเลือดตกยางออกแบบนั้นก็ควรเอาคืนบ้างนะครับ...

    คงงั้นอ่ะนะฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ

    ยอมรับง่ายไปนะครับ...แต่...” ดวงตาสีฟ้าใสจับจ้องที่คนผมน้ำตาล “...น่าเสียดายอยู่นะครับ ที่คุณดันสู้เก่งพอดูเนี่ย

    ทำไมอ่ะ?” ฟุริฮาตะถามอย่างงงๆ ...เมื่อกี้ยังบอกว่าดีอยู่เลยที่เขาเคยฝึกต่อสู้มา แล้วนี่มาเสียดายอะไรหว่า?

    เพราะถ้าแบบนี้...ตอนคุณอยู่กับผมก็กลายเป็นว่าผมถูกคุณปกป้องสิครับ...” คุโรโกะเอ่ยด้วยเสียจริงจัง “...ผมน่ะ...อยากเป็นฝ่ายปกป้องคุณมากกว่านะครับ

    อะ...เอ๊ะ?” ชิวาว่าน้อยทำหน้างงๆ หมายความว่าไง?”

    ...ทำไมคำพูดมันเหมือนในมังงะโชโจวบางเรื่องเลยเนี่ย?!...

    เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองครับคุโรโกะยิ้มอย่างมีเล่นัยน์

    คุโรโกะอ่ะ!” ฟุริฮาตะทำแก้มป่อง ในขณะที่คุโรโกะก็ทำเพียงมองภาพตรงหน้าอย่างขำๆ ...

    ...ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงเวลาเมื่อไหร่ผมบอกคุณแน่...

    ...พอถึงเวลาที่ผมพร้อมและ...มั่นใจว่าจะปกป้องคุณได้เมื่อไหร่...

    ...ตอนนั้นผมจะไม่ยอมให้คุณไปหาคนอื่นนอกจากผมแน่ครับ...

    ...ฟุริฮาตะซัง...ที่รักของผม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

    CR. かお
    https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=63274713


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×