คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #184 : [???] WD 2
Title : WD 2
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : All+Shiko
Notes : เรื่องยาวมาแล้วจ้า! ยังคงความมั่วบวกไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม กรุณาทำใจก่อนอ่านจ้า!
ปล. ตอนนี้เริ่มออกทะเลล่ะ
.....................................................................................
WD 2
จิ๊บ...จิ๊บ...จิ๊บ...
เสียงนกน้อยดังขึ้นอย่างจอแจต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส…แต่ดูท่าจะไม่สดใสเท่าไหร่นักกับเด็กหนุ่มหกคนที่กำลังนั่งหน้าเครียดระหว่างนั่งรับประทานอาหารเช้าอย่างผิดวิสัยปกติของแต่ล่ะคนสุดแสน
“ทำหน้าเครียดเชียวนะพวกนาย...กลัวโดนลากไปกินในน้ำหรือไง?” หญิงสาวที่ทนบรรยากาศราวอยู่ในงานศพเช่นนี้ไม่ไหวเอ่ยออกมาเป็นคนแรก
“ก็ใครจะอารมณ์ดีทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องเอาตัวเองไปอ่อยซอมบี้เล่นล่ะฟะ? และไอ้ลากไปกินในน้ำเนี่ยมันตัวเงินตัวทองแล้วเฟ้ย!” คนผมสีทองหม่นสบถออกมาเบาๆ
“นั้นสิน่อ พอนึกภาพตัวเองโดนพวกนั้นไล่ล่าแล้วใครมันจะไม่เครียดล่ะน่อ” หลิวมั่นใจว่าร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครอยากโดนไอ้ตัวที่ฆ่าไม่ตายไล่หรอก!
“เราไง” แต่ดูเหมือน...จะมีข้อยกเว้นเกิดขึ้นเสียแล้ว
“บ้าๆ อย่างเธอน่ะยกเว้น!” ไฮซากิแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวที่ตอบกลับมาแบบนี้หน้าตาเฉย
“ช่วยมีสามัญสำนึกแบบคนปกติสักสามวิเถอะ” นิจิมุระคุมขมับด้วยความปวดหัวสุดแสน
“เราก็มีนะ~~~” ชิโกะลากเสียงยางด้วยท่าทางดี้ด๊าจนน่าหมั่นไส้
“ไม่น่าเชื่อสักนิด!” คราวนี้เสียงตอบกลับดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มทุกคนในที่แห่งนี้
“อย่างชิโกจจิเนี่ยต่อให้อยู่กลางดงซอมบี้คงยังยิ้มร่าได้อยู่เลยมั้งเนี่ย” คิเสะมั่นใจเลยว่า...สาวเจ้าถ้าอยู่กลางดงซอมบี้จริงคงไล่เชือดซอมบี้เล่นแทนเสียมากกว่าหนีอีก!
“ยัยนี่บ้าเกินลิมิตไปไกลแล้ว ทำใจเถอะ” อาโอมิเนะตบบ่าคนผมเหลืองเชิงปลอบ
“แหม ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ...เดี๋ยวแกล้งซะนิ” ชิโกะแยกเขี้ยวพร้อมเตรียมเสกอุปกรณ์ในการแกล้งชาวบ้านออกมา
“อย่านะเฟ้ย!” คิเสะกับอาโอมิเนะที่มีแววจะโดนแกล้งเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกันพร้อมวิ่งไปหลบหลังคนผมทอง ทำให้คนที่โดนจับเป็นโล่จำเป็นค้อนใส่คนอายุน้อยกว่าทั้งสองวงเบ้อเร้อ
“เอ้าๆ อย่ามัวเล่นกันสิ...ตอนนี้ได้เวลาออกแล้วนะ” อาคาชิที่เห็นความวุ่นวายจะลอยมาอยู่รำไรรีบหาทางห้ามทัพ “ออกไปยังจุดทกำหนดช้า ระวังโดนบทมันบังคับให้ไปด้วยวิธีแปลกๆ ล่ะ”
“งั้นไปล่ะ!” เหล่าเด็กหนุ่มที่โดนให้ทำหน้าที่อ่อยซอมบี้ (?) ในวันนี้เมื่อได้โอกาศก็รีบวิ่งไปที่ประตูและปีนบันไดลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“ทีแบบนี้สามัคคีกันเชียว” โกะมองภาพตรงหน้าอย่างขำๆ
“ก็กลัวเธอแกล้งกันนิ” ฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมาด้วยความปลงกับคนที่อารมณ์ดี แกล้งคนได้ทุกสถานการณ์ “ทางเราเองเถอะ...จะทำอะไรระหว่างรอพวกนั้นดี?”
“ไม่รู้สิ เล่นไพ่ไหม?” ชิโกะถามพลางเสกใบออกมาหลายสำรับ
“ดี!” ทุกคนที่กลัวเบื่อขานรับในทันใด
“แต่คราวนี้ไม่เอาอีแก่นะ...โป๊กเกอร์ดีกว่า” มิยาจิเสนอ
“เราเล่นไม่เป็น” ชิโกะเอ่ย
“เดี๋ยวสอนให้” มิยาจิตอบกลับก่อนที่จะ...เริ่มตั้งวงเล่นไพ่ฆ่าเวลากันทั้งหมู่ในเวลาต่อมา
ทางเหนือของเมือง (อาโอมิเนะ&คิเสะ)
“หวังว่าไอ้ที่โผล่มาจะไม่เยอะเท่าไหร่นะ” เสียงบ่นิบอิบดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมเหลืองที่เดินลากอาวุธด้ามยาวของตนไปตามพื้น
“ฉันก็หวังว่างั้น” อาโอมิเนะที่ไม่อยากโดนตัวอะไรไล่เป็นฝูงเหมือนกันพยักหน้ารับ หูก็พลันได้ยินเสียงบางอย่างแว่วเข้ามาทำให้เด็กหนุ่มผมน้ำเงินหันขวับไปยังต้นเสียง และสิ่งที่ปรากฏเข้าสู่สายตาทำให้ดวงหน้าเข้มๆ ซีดลงถนัดตา “คิเสะ...ฉันว่าความหวังของเราจะไม่เป็นจริงแล้วล่ะ”
“หื้อ?” คิเสะหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ แล้วเบนตาสายไปตามที่คนผมน้ำเงินมอง...และถึงกับหน้าซีดลงอีกคน “เฮ้ย! ยกทัพมาเลยเหรอ!?”
“เผ่นเหอะ! เยอะเกิน~~~!!!” อาโอมิเนะรีบดึงมือคนผมเหลืองแล้วใส่เกียร์หมาออกวิ่งหนีจากซอมบี้ฝูงใหญ่ แต่ทว่า... “ไหงยิ่งวิ่งมันยิ่งเยอะวะ!?”
...เหล่าซอมบี้ที่ไล่ตามมากลับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับแยกร่างได้
“อ...เอาไงดี!?” คิเสะถามพลางดึงแขนคนที่ลากตนให้หยุดเมื่อเห็นบางอย่างมาดักตรงหน้า “ชิบ! โดนล้อมแล้ว!”
“ต้องสู้แล้วสิ” อาโอมิเนะตั้งท่าเตรียมรับมือพวกศพเดินได้ “หวังว่าจะไม่เยอะเกินจนต้องเรียกยัยชิโกะมานะ”
“ฉันก็หวังว่างั้น” คิเสะกระชับด้ามหอกในมือและเริ่มสู้กับซอมบี้ทั้งหลาย แต่พอสู้ไปสักพัก...
“คิเสะ! หอกของนายจะฟาดหัวฉันแล้วโว้ย!” ...สองหนุ่มก็เริ่มทะเลาะกันเองเสียแล้ว
“โทษทีๆ!” คิเสะเอ่ยพลางตวัดหอกไปฟาดฟันพวกที่พุ่งเข้ามา “โธ่! เยอะเกินไปแล้วนะ!”
“คิเสะ! มานี่!” อาโอมิเนะเมื่อเห็นว่าศัตรูมีเยอะเกินกว่าที่พวกตนจะสู้ได้ เอชแห่งทีมโทโอวก็ปีนขึ้นไปบนเสาพร้อมยื่นมือให้คนผมเหลือง
“อื้ม!” คิเสะรีบคว้ามือที่ยื่นมาทันที อาโอมิเนะเองเมื่อดึงคิเสะขึ้นมาได้ก่อนพาอีกฝ่ายปีนจากเสาไปยังตึกที่อยู่ใกล้ๆ แล้วเดินไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง
“รีบเข้ามาเร็ว!” อาโอมิเนะถีบหน้าต่างจนเปิดออกก่อนที่จะเข้าไปข้างในแล้วปิดล็อกในเวลาต่อมา “ให้ตายเถอะ...มาเยอะพอๆ กับเมื่อวานเลย”
“แต่เมื่อวานมีคนช่วยเยอะกว่านี้นะ” คิเสะกรอกตาไปมา “เอ๊ะ? เดี๋ยว...ที่นี่มันคุ้นๆ นะ เหมือนกับ...”
“ม่านรูด” อาโอมิเนะหยิบของในห้องขึ้นมาดู “และใช่แหง อุปกรณ์ครบซะ...เอากลับไปสักอันไหม?”
“ทะลึ้งแล้ว! เอาไปวางที่เดิมเลยนะอาโอมิเนจจิ!” คิเสะแว๊ดลั่นเมื่อเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายชูขึ้นมา...เอาเซ็สทอยถือให้ดูหน้าด้านๆ เลยนะ!
“รู้แล้วๆ ดุเป็นแม่เชียว” อาโอมิเนะรีบวานของนั้นลงที่เดิมก่อนโดนเมียงอน
“ใครเป็นแม่นายห๊า!?” คิเสะแยกเขี้ยวใส่
“นายไง...” อาโอมิเนะมองท่าทางคนที่โวยวายราวเด็กๆ อย่างขำๆ “...เหมือนแม่เลย...แม่ทูลหัวของฉันล่ะนะ”
“อ...อย่าแกล้งกันสิอาโอมิเนจจิ!” คิเสะหน้าแดงวาบขึ้นมากับคำพูดของอีกฝ่ายพลางเบ้หน้าหนี
“ก็ไม่ได้แกล้งสักหน่อย จะเอาจริงเลยต่างหาก” อาโอมิเนะกอดคิเสะจากด้านหลัง พร้อมกับมือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้ออีกฝ่าย
“ยิ่งแล้วใหญ่เลยไอ้หื่นมิเนะ!” คิเสะดิ้นพล่านๆ “นี่กลางดงซอมบี้แล้วยังจะเล่นอีก!”
“มันเข้ามาไม่ได้หรอกน่า” อาโอมิเนะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
“แล้วถ้ามีพวกมันแอบอยู่ในนี้อยู่แล้วล่ะ?!” คิเสะเถียงกลับพลางหาทางแงะมือปลาหมึกของอีกฝ่ายออก
“ไว้ว่ากันอีกทีถ้าเป็นแบบนั้นน่ะ” อาโอมิเนะที่ดูจะหาได้ใส่ใจเรื่องนี้นักเริ่มล้วงมืออีกข้างเข้าไปในกางเกงคนผมเหลือง
“ใจเย็นไปแล้ว! อ...อื้อ! เดี๋ยวสิ!” คิเสะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาจับส่วนสำคัญของตนไว้
“ถึงนายห้ามฉันก็ไม่ทำตามหรอกนะ” อาโอมิเนะใช้จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังโวยปลดกางเกงของคิเสะจนร่นไปกองกับพื้น
“เฮ้ย! จ...จะใส่เข้ามาเลยเหรอ!?” คิเสะเริ่มหน้าซีดเมื่อมีบางอย่างใหญ่ๆ มาจ่อที่บั้นท้ายตน
“ใช่ จะได้ไม่เสียเวลาไง” อาโอมิเนะตอบหน้าตาเฉยพร้อมกับ...เสียบสิ่งนั้นเข้าไปในตัวอีกฝ่ายโดยไม่คิดฟังคำค้านใดทั้งสิ้น
“อ๊า!” คิเสะหลุดร้องออกมาอย่างมิอาจห้าม “จ...เจ็บ! ช้าหน่อย! ช้าหน่อยสิอาโอมิเนจจิ!”
“คงช้าไม่ไหวล่ะนะ” อาโอมิเนะนอกจากจะไม่หยุดการกระทำของตนแล้วยังเร่งจังหวะเข้าไปอีกทำให้คิเสะหลุดร้องครางออกมาไม่หยุดก่อนที่จะ...ปล่อยน้ำอุ่นๆ เข้าไปในตัวอีกฝ่ายแล้วค่อยๆ ถอนกายออกมา ทางคิเสะเมื่อไม่มีอะไรดึงรั้งตนแล้วก็ทรุดลงกับพื้นทันที “คิเสะ? ยืนไหวไหม?”
“...” คิเสะนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น
“คิเสะ?” อาโอมิเนะจับบ่าคนที่ดูสั่นแปลกๆ ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อด้วยตาสีเหลืองคู่สวยตวัดมองมายังต้นอย่างโกธา
“อาโอมิเนจจิคนบ้า! หน้าไม่อายที่สุด!!!” คิเสะมองคนผมน้ำเงินด้วยน้ำตาคลอเบ้าและ...
เพี้ยะ!
“คิเสะ~~~ ฉันขอโทษ~~~”
“ไม่ต้องเลย คนลามก”
“คิเสะอย่างอนดิ~~~”
“ไปไกลๆ เลยไอ้อาโฮ่เอ้ย!”
“อย่าว่างั้นสิ~~~”
“ไม่ต้องมาพูดกับฉันด้วย!”
“คิเสะ~~~~”
เสียงถกเถียงกันเบาๆ ดังขึ้นมาจากเด็กหนุ่มผมเหลืองที่เดินเชิดหน้าหนีคนบางคนและคนผมน้ำเงินซึ่ง...บนใบหน้ามีรอยแดงปรากฏเป็นรูปมืออย่างชัดเจนกำลังง้ออีกฝ่ายสุดฤทธิ์
“คิเสะ...” อาโอมิเนะทำหน้าราวกับจะใกล้ตายอยู่ร่อมร่อ...หลังจากเถียงกันภายในม่านรูด (?) จนซอมบี้เบื่อพวกเขาแยกไปหมดจนมาเดินง้อกันจนปานนี้คิเสะยังไม่ยอมพูดกับเขาดีๆ เลยสักคำ! “...อย่าโกธรฉันเลยนะ~~~ ฉันขอโทษ~~~”
“หึ!” คิเสะสะบับหน้าหนี
“คิเสะ~~~” อาโอมิเนะลากเสียงอย่างออดอ้อนจนน่าขนลุก
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย! ห้ามเข้าใกล้ในระยะสามเมตรด้วย!” คิเสะแยกเขี้ยวใส่พร้อมถอยห่างจากคนหายไปกับความมืดได้
“ง่ะ!” อาโอมิเนะทำท่าทางจ่อยๆ
“ไม่ต้องง่ะเลย! นี่ถือว่าทำตัวเองนะ!” คิเสะทำแก้มป่องก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นหน้าราวกับจะเฉาตายของอีกฝ่าย “เฮ้อ...ก็ได้ แต่อย่ามีครั้งหน้าล่ะ”
...สุดท้ายก็เป็นฝ่ายใจอ่อนอีกตามเคยสิน่า!...
“เย้!” อาโอมิเนะโห่ร้องลั่นเมื่อคนผมเหลืองยอมยกโทษให้พร้อมพุ่งเข้าไปกอดในทันใด
“เฮ้ยๆ อย่ามาเนียนเลยอาโอมิเนจจิ” คิเสะผลักอาโอมิเนะออกเล็กน้อย “รีบไปกันได้แล้ว เดินให้ทั่วๆ เสร็จแล้วจะได้กลับ”
“รับทราบ~~~” อาโอมิเนะลากเสียงอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินสำรวจต่อตามที่ศรีภรรยาบอก ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ ตามทางแบบไม่รู้จุดหมายก่อนที่ดวงตาสีน้ำเงินจะเหลือบไปเห็นบ้างอย่างเข้า ทำให้เอชแห่งโทโอวต้องคว้าแขนของคิเสะเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายมาดูในสิ่งที่ปรากฏเข้าสู้สายตากับตน “คิเสะๆ มาดูนี่สิ...”
“มีอะไร?” คิเสะมองคนที่กระตุกแขนตนอย่างแปลกใจ
“นั้นน่ะนั่น” อาโอมิเนะบู้ใบ้ไปยังซอกตึกๆ แห่งหนึ่ง
“เอ๊ะ? นั่นมัน...” ดวงตาสีเหลืองแสดงถึงความงุนงงอย่างชัดเจนเมื่อมองตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วะบกับ...ร่างของชายคนหนึ่งในชุดฮากามะสีน้ำเงินยืนอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง “...มีคนที่ยังไม่เป็นซอมบี้อยู่ด้วยเหรอ?”
“ไม่รู้...” อาโอมิเนะส่ายหน้าวืดก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่ตนจ้องอยู่หันขวับมาทางตน “...ฮ...เฮ้ มองมาทางนี้แล้วแหน่ะ”
“หวังว่าจะไม่เข้าใจว่าเราเป็นซอมบี้แล้วไล่เชือดเรานะ” คิเสะถามเสียงแห้ง
“ไม่แน่ใจวะ” อาโอมิเนะเหงื่อตกนิดๆ ขณะที่ร่างนั้นทำท่าจะเดินมาหาเด็กหนุ่มทั้งสอง ทำให้คนผมน้ำเงินเห็นสิ่งที่เหน็บที่เอวอีกฝ่ายอย่างชัดเจน “ม...มีดาบด้วยล่ะ”
“...” คิเสะพอรู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธก็... “ชิโกจจิ~~~ ช่วยฉันที~~~”
“เฮ้ย! โทรหายัยนั้นเลยเหรอ!?” ...ควักมือถือออกมาโทรหาคนที่น่าจะมาถึงได้เร็วที่สุดทันที
“แหงสิ! ถ้าให้สู้กับคนจริงๆ ฉันไม่เอานะเฮ้ย!!!” ไม่ว่ายังไงคิเสะก็ขอบายเรื่องที่ต้องฆ่าคนหรือทำร้ายใครเอาไว้เรื่องหนึ่งล่ะ ซอมบี้ยังไงก็ได้แต่คนเป็นๆ เนี่ยไม่เอาเด็ดขาด!
“เออ...ขอโทษทีนะ...”
“ชะแว๊กกกก!!!” เด็กหนุ่มทั้งสองร้องลั่นกับเสียงทักที่อยู่ๆ มาใกล้ตัวตนเมื่อไหร่ไม่ทราบพลางวิ่งไปหลบหลังเสาตามสัญชาตญาณก่อนที่จะจ้องมองไปยังต้นเสียง...ซึ่งพอมองดีๆ แล้วคนตรงหน้าดูเป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับตน ผิวขาว ผมสีออกน้ำเงินผูกเป็นหางม้าสูง ดวงตาสีน้ำเงินโทนอ่อนกว่าอาโอมิเนะ เจ้าตัวอยู่ในชุดที่ราวกับตำรวจชินเซ็นกุมิในยุคเอโดะและพันผ้าพันคอสีขาวเอาไว้
“...” เด็กหนุ่ม (?) มองคนทั้งสองที่หนีตนอย่างแปลกใจ “...ข้าแค่จะถามว่าที่นี่ที่ไหนแค่นั้นเองนะ ไม่ต้องตกใจนักก็ได้”
“ไม่ได้จะเอาดาบมาฟันหัวพวกฉันใช่ไหมอ่ะ?” คิเสะมองผู้มาใหม่อย่างระแวงนิดๆ
“ไม่หรอกน่า” พอโดนถามแบบนีอีกฝ่ายก็ส่งสีหน้าแปลกใจออกมาและตอบกลับไปเช่นนี้...
“ใช่ คงไม่ฟันหัวพวกนายให้เปลืองแรงหรอก” ...ก่อนที่จะมีเสียงหวานๆ ดังขึ้นที่ด้านหลัง...ของหนุ่มบาสทั้งสองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เฮ้ย!!!” คิเสะกับอาโอมิเนะสะดุ้งโหยงพร้อมฟาดอาวุธในมือใครต้นเสียง
“อันตรายนะเฟ้ย!” คนเกือบโดนเชือดโดดหลบอาวุธทั้งสองชนิดอย่างง่ายดาย “และนายเก็บดาบด้วย! เราไม่ใช่ศัตรูนะ!”
“...” เด็กหนุ่มที่ตกใจกับการที่รายนี่โผล่มาจนเผลอชักดาบออกมาเหมือนกันมองผู้มาใหม่อย่างไม่ไว้วางใจ
“ไหงมาเร็วแท้! ชิโกะ!” อาโอมิเนะที่ตอนนี้ไม่สนใจใครมีอาวุธอะไรทั้งสิ้นแว๊ดใส่สาวเจ้า
“ก็เห็นร้องเหมือนโดนเชือดเราเลยลองวาปมาเอา” ชิโกะเอ่ย ดวงตาหลังเลนท์แว่นจับจ้องไปยังคนที่ยังไม่ยอมเก็บดาบ “แล้วนี่...ยามาโตะโนะคามิ ยาสุซาดะ? ไหงมาอยู่แดนนี่ได้ฟะ?”
“เจ้ารู้นามข้าได้ไง?” ยามาโตะมีท่าทีไม่ไว้ใจกว่าเดิม
“เอาเป็นว่ารู้แล้วกัน แต่ก่อนอื่น...ขอดูข้อมูลก่อนว่าไหงนายถึงหลงมาที่นี่” ชิโกะที่ไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่ายเสกแท็บเล็ตออกมาจากความว่างเปล่าทำให้ยามาโตะสะดุ้งโหยง “...ความชิบหายมาเยือนอีกล่ะ”
“มีอะไรเหรอชิโกจจิ?” คิเสะมองสีหน้าราวคนจิตตกของหญิงสาว
“เมื่อวานเราอ่านบทไม่เคลียร์น่ะ เลยไม่รู้ว่า...ไอ้หัวทองเปลวนั้นมันให้คนจากฮงมารุร่วงมาที่นี่ด้วยแปดคนน่ะสิ! เกิดนึกคึกอะไรฟะ!? เห็นดูเรื่องนี้อยู่เลยส่งมาแถมหรือไง!!?” ชิโกะแว๊ดลั่นพลางเก็บแท็บเล็ตของตนไป “แบบนี้จะมีใครตีกันตายไปก่อนไหมวะ!?”
“ฮงมารุ? อะไรอ่ะ?” อาโอมิเนะเกาหัวอย่างงงๆ
“ที่อาศัยของข้าเอง” ยามาโตะเอ่ยพลางเก็บดาบ...เนื่องจากดูแล้วคนกลุ่มนี้จะรู้จักที่นี่มากกว่าตน จะสู้ไปตอนนี้ตนก็มีแต่เป็นฝ่ายเสียเปรียบแถมอาจหาทางกลับไม่ได้อีก “ว่าแต่เจ้า...ชิโกะสินะ? เจ้าพอรู้วิธีกลับไหม? ถ้าข้ากลับไปช้าข้ากลัวว่านายท่านจะเป็นห่วงเอา”
...ไอ้ที่นายท่านสอนว่าถ้าหลงมาในที่แปลกๆ ให้พยายามเกาะติดคนในพื้นที่ไว้ดูจะได้ใช้ก็ยามนี้แหละ...
“มีน่ะมี แต้ไว้อธิบายทีหลัง...ตอนนี้ต้องหาพวกของนายที่หลงมาก่อน” ชิโกะเอ่ย
“มีใครบ้างล่ะ?” ยามาโตะถาม...นอกจากคนมีคนอื่นหลุดมาด้วยหรือ?
“นอกจากนายก็มี...” ชิโกะเอียงคอน้อยๆ ราวกับกำลังคิดชื่อของแต่ล่ะคนอยู่ “...คะชู คิโยมิสึ , อิสึมิโนะคามิ คาเนะซาดะ , โฮริคาวะ คุนิฮิโระ , ฮิสะมารุ , ฮิเกะคิริ , อิชิคิริมารุและนิคคาริ อาโอเอะน่ะ”
“...ต้องหาพวกนั้นก่อนสินะ?” คิเสะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรู้ว่าตนได้งานเพิ่มเสียแล้ว...ว่าแต่ทำไมชื่อพวกนี่มันคุ้นๆ หูหว่า? เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ตามนั้น...” ชิโกะยักไหล่น้อยๆ พลางเสกเคียวด้ามยาวออกมาและ...ตวัดไปฟันบางสิ่งอย่างรวดเร็ว “...โอ๊ะโอ๋? มากันอีกเลี้ยว”
“คิดว่าไปที่อื่นกันหมดแล้วเสียอีก!” อาโอมิเนะกับคิเสะร้องเป็นเสียงเดียวกันเมื่อหันไปเห็นว่าสิ่งที่หญิงสาวฟันคืออะไร
“เยอะกว่าตอนแรกอีก” คิเสะทำหน้าห่อเหี่ยวพร้อมกระชับหอกในมือตนเตรียมฟาดพวกศพเดินได้ที่...โผล่มาจากไหนไม่รู้ฝูงใหญ่เลย
“พวกนี่คือ?” ยามาโตะที่ดูท่าจะไม่รู้จักพวกนี้หันไปถามสองหนุ่มหนึ่งสาวที่เตรียมรับมีเต็มขั้น
“ซอมบี้ไง เอาง่ายๆ คือศพเดินได้...” ชิโกะอธิบายสั้นๆ “...พวกนี่ไม่มีชีวิต เพราะงั้นจัดการไปโลด ไม่งั้นโดนจับกินเป็นหมูหันไม่รู้นะ~~~”
“ข้ารู้สึกไปเองหรือเสียงเจ้ามันฟังดูกวนๆ เนี่ย?” ยามาโตะคิ้วกระตุกนิดๆ
“ยัยนี่กวนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก” อาโอมิเนะมั่นใจเลยว่าถ้าวันไหนรายนี้ไม่กวนชาวบ้าน...ตัวปลอมชัวท์
“เอ้าๆ อย่ามัวบ่นน่า มันมารุมกินโต๊ะจีนพวกเราแล้วนะ” ชิโกะบู้ใบ้ไปยังฝูงซอมบี้ที่พุ่งมางับคอตน ซึ่งแน่นอนว่าสาวเจ้าแม้จะบ้าหน่อยๆ ก็ไม่ยอมยืนเฉยๆ เอาเคียวผ่าร่างนั้นจนแยกเป็นสองซีก
“งั้น...” ยามาโตะชักดาบออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อซอมบี้เริ่มาหาตน “...คอขาดไปซะ!!!”
“หมอนี่โคตรน่ากลัวเลยเว้ย!!!” อาโอมิเนะถึงกับหน้าซีดเมื่อคนที่ดูเรียบร้อยเมื่อครู่ใช้ดาบฟาดฟันศพเดินได้อย่างบ้าเลือด
“เหมือนอาคาชิจจิเลย...” ...เชือดได้โหดเหมือนกันเด๊ะ!
“สำหรับรายนี่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก” ชิโกะที่เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ารายนี่เป็นไงเวลาสู้หัวเราะออกมาเบาๆ “เราก็มารีบจัดการกันเถอะ”
“อื้ม!” เด็กหนุ่มขานรับก่อนที่จะเริ่มลงมือสู้ทันที และ...ศึกครั้งนี้ดูท่าจะอีกยาวไกล
ทางใต้ (หลิวกับฟุคุอิ)
“มาถึงก็ซวยเลยน่อ” เสียงสั่นๆ ดังออกจากปากเด็กหนุ่มสูงราวสองเมตร หยาดเหงื่อเม็ดน้อยๆ เริ่มไหลซึมออกมาอย่างไม้ชาดสายจากความตรึงเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“นั้นสินะ...ทำไม...” เด็กหนุ่มผมสีทองหม่นพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย “...ต้องเจอไอ้พวกนี่พอดีด้วยวะ!?”
ฟุคุอิอยากจะบ้าตายจริงๆ งานนี้กับการที่เดินก้าวเข้ามาในเขตนี้ตามที่หญิงสาวคนเดียวของกลุ่มบอกเพียงไม่นานก็ดันเจอกับร่างเน่าเปื่อยฝูงใหญ่ราวควายป่ามารุมเข้าให้...ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองจากทีมบาสโนเซ็นทั้งสองต้องออกแรงกวาดล้างพวกที่หมายจะมากินพวกตน ทว่ายิ่งทั้งสองจัดการพวกนั้นไปมากเท่าใดจำนวนก็ยิ่งมาเพิมขึ้นเรื่อยๆ ราวกับแตกตัวได้
“เผ่นกันเถอะน่อ เยอะเกินน่อ” หลิวหันไปเอ่ยกับรุ่นพี่ผมทองของตนหลังจากเห็นท่าว่าคงไม่มีทางสู้ได้แล้วในกรณีหนี
“เห็นด้วยวะ” ฟุคุเอ่ยก่อนที่จะ...ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีโดนลากหลิวที่วิ่งช้ากว่าตนมาด้วย
“มันตามมาด้วยอ่ะ!” หลิวหันกลับมองพวกที่ตามหลังมาอย่างหวั่นๆ
“ทำไมพวกนี่เร็วกว่าตัวเมื่อวานอีกวะ!?” ฟุคุอิสบถออกมาเบากับตัวที่ไล่ตามตนมา ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมกวาดหาทางหนีจนกระทั่งไปสะดุดกับต้นไม้ต้นหนึ่งเข้า “มาหลบนี่เร็ว!”
“อื้ม!” หลิวมองคนผมทองที่ปีนไม้เร็วอย่างกับลิงแล้วรีบปีนตามขึ้นไปก่อนเหล่าซอมบี้จะมาถึง เมื่อขึ้นมาบนต้นไม้ได้แล้วเด็กหนุ่มชาวจีนก็มองลงไปยังเบื้องล่างว่าพวกซากศพจะปีนขึ้นมาได้ไหม...และผลคือเหล่าซอมบี้ทำได้เพียงข่วนโค่นต้นอย่างเจ็บใจเท่านั้น “โชคดีที่มันปีนมาบนนี้ไม่ได้นะเนี่ย”
“แต่เราจะอยู่บนนี้ตลอดไม่ได้เหมือนกันแหละ” ฟุคุอิมองข้างล่างพลางคิดหาวิธีหนีถ้าหากพวกที่ดักรออยู่นี้ไม่ยอมไปยังจุดอื่น
“ก็คงได้แต่รอพวกนี่ไปล่ะน่อ” หลิวเอ่ย “แต่ระหว่างรอ...มาทำอะไรๆ กันดีไหมน่อ?”
“...” ฟุคุอิชะงักกับคำพูดของอีกฝ่ายก่อนที่จะ...ตบศีรษะคนข้างกายอย่างแรง “อย่าพูดสองแง่สองง่ามดิวะไอ้บ้า!”
“เจ็บน่อ แค่ล้อเล่นเอง...” หลิวบ่นอุบอิบพลางลูบหัวตนเองอย่างเจ็บ...ฟุคุอินี่เขินโหดชะมัด
“ไม่ต้องเลยเว้ย!” ฟุคุอิโวยใส่อีกฝ่ายและ...การเถียงกันประจำวัน (?) ของทั้งสองก็เริ่มขึ้นก่อนจบลงด้วยการ... “โอ้ย! เถียงกับนายแล้วปวดหัวเว้ย!”
...ทีนายฟุคุอิ เคนสุเกะเกิดอาการขี้เกียจเถียงต่อนั้นเอง
“ฟุคุอิปวดหัวเป็นด้วยเหรอ?” หลิวเอียงคอน้อยๆ
“ฉันก็คนนะเฟ้ย!” ฟุคุอิแยกเขี้ยวใส่
“โอ๋ๆ อย่างอนอั๊วดิ อั๊วแค่ล้อเล่น” หลิวหัวเราะออกมาเบาๆ
“ใครงอนแกวะ!” ฟุคุอิยกเท้าถีบอีกฝ่ายไปทีหนึ่งก่อนจะโดดลงจากต้นไม้เมื่อเห็นว่าเหล่าซอมบี้ขี้เกียจชมการเถียงกันของพวกตนหรืออย่างไรไม่ทราบจนไปกันหมดแล้ว “เอ้า! มันไปกันแล้ว! รีบหาทางออกจากที่นี่เถอะ”
“จ้าที่รัก~~~♡” หลิวโดดลงมาจากต้นไม้อีกคน
“เดี๋ยวปั๊ดถีบ!” ฟุคุอิค้อนวงเบ้อเร้อก่อนที่จะเริ่มออกเดินเพื่อไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด ทว่าเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเมื่อพอเดินเลาะตามทางที่เป็นทางกลับที่พักตนไปดันมาเจอฝูงซอมบี้อีกฝูง...ซึ่งมากกว่ารอบแรกเสียอีก “...นี่ความซวยยังไม่หมดใช่ไหมเนี่ย!?”
“เอาไงดีน่อ? เผ่นอีกรอบไหม?” หลิวถามพลางเอาทวนในมือฟาดใส่ซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาหาตัวแรก
“ม...” ...ไม่มีทางหนีพ้นหรอกเว้ย! เยอะขนาดนี้!
นี่คือสิ่งที่ฟุคุอิอยากพูดออกมา แต่ไม่ทันที่จะได้พูดก็...
“นี่มันตัวบ้าอะไรกัน!?” ...มีเสียงใครบางคนแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ทราบครับ! ที่แน่ๆ คือพวกนี่เป็นศัตรูครับ!” หลังจากเสียงแรกผ่านไปเสียงที่สองก็ดังต่อขึ้นมาติดๆ
“นั่น...” ฟุคุอิรี่ตามองไปยังต้นเสียงและพบว่า...ในยามนี้นอกจากพวกตนและเหล่าซอมบี้ ได้มีในชุดแปลกๆ สองคนกำลังสู้กับเหล่าศพเดินได้อย่างสูสีอยู่ โดยคนหนึ่งเป็นชายร่างสูงผมสีดำยาวสรวย ตาสีฟ้า ในมือถือดาบฟาดฟันศัตรูอย่างชำนาญ อีกคนตัวเล็กกว่าคนแรกมีผมสั้นสีดำสนิก ดวงตาสีฟ้า ดูว่องไวพอสมควร ถึงแม้เจ้าตัวจะใช้ดาบสั้นแต่ก็จัดการซอมบี้ได้ไม่น้อยหน้าคนแรกเลย “...ทำไมมีมนุษย์คนอื่นอยู่ที่นี่ได้!? ยัยชิโกะไม่เห็นบอกเลยว่ามีด้วย!”
“ไม่รู้น่อ ที่แน่ๆ สองคนนั้นเก่งน่อ!” หลิวมองทั้งสองที่จัดการซอมบี้ได้จำนวนมากอย่างสบายๆ ต่างจากพวกตนที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุงลิบลับ
“ขอบคุณที่ชม”
“ได้ยินด้วยเหรอ!?” หลิวสะดุ้งโหยงเมื่อชายคนผมยาวหันมายิ้มให้ตนซะงั้น
“พูดซะดังคงไม่มีทางที่จะไม่ได้ยินหรอก” ชายคนเดิมเอ่ยอย่างติดกวนนิดๆ
“ว่าแต่พวกคุณ...รู้หรือเปล่าครับพวกนี่เป็นตัวอะไรกันแน่ครับ? เหมือนมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์แบบนี้...” ชายที่ตัวเล็กกว่าคนแรกเอ่ยถามฟุคุอิกับหลิวอย่างสงสัย
“พวกนี่เรียกว่าซอมบี้น่อ” หลิวตอบก่อนที่...จะโดนคนผมทองตีหลังดังป๊าบ “โอ๊ย! เจ็บนะฟุคุอิ...ตีอั๊วไหมอ่ะ?”
“พูดกับคนแปลกหน้าให้มันสุภาพหน่อยเซ่!” ฟุคุอิดุใส่คนอายุน้อยกว่า
“ฟุคุอิบ่นเป็นแม่เลยน่อ” หลิวบ่นเล็กน้อย
“ใครเป็นแม่นายวะ!?” ฟุคุอิโวยลั่นกับคำพูดของอีกฝ่าย
“เออ...อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยครับ...” ชายผมสั้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองเริ่มทะเลาะกันก็พยายามห้าม แต่ดูเหมือนทงสองจะไม่สนแม้แต่น้อยจน...
“ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวก็หยุดเองแหละ” ...มีเสียงหวานๆ ดังขึ้นมาเสียดื้อๆ จากทางด้านหลัง
“เฮ้ย!” ทุกคนหลุดร้องเสียงดังลั่นและ...ฟาดอาวุธใส่ต้นเสียงตามสัญชาตญาณทันที และแน่นอนเป้าหมายที่ว่าไม่บ้าพอยืนเฉยๆ ให้โดนเฉาะหัวแน่
“หว่าๆ! อันตรายนะย่ะ!” คนที่เกือบตายอนาถเมื่อครู่โดดตีลังกาไปด้านหลังของเหล่าคนเอาอาวุธฟาดใส่ตน “เดี๋ยวปั๊ดแกล้งเสียนิ!”
“ก็ใครใช้ให้มาเงียบๆ เล่า! แล้วมาได้ไงห๊าชิโกะ!?” ฟุคุอิพอเห็นท่าทางกวนโอ๊ยของสาวเจ้าแล้วอย่างเอากระบอกยาวในมือตนฟาดรายนี่สักทีสองทีจริง
“วาปมา แล้วนี่...” ดวงตาหลังเลนต์แว่นตวัดมองยังบุคคลแปลกหน้าทั้งสอง “...ทางนี่เป็นอิซึมิโนะคามิ คาเนะซาดะกับโฮริคาวะ คุนิฮิโระเหรอ?”
“หื้อ? รู้จักพวกข้าหรือ?” ชายผมยาวถาม
“แน่นอนอิซึมิ” ชิโกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนสุดแสน
“ไหงเรียกข้างั้นล่ะ!?” อิซึมิโนะคามิ คาเนะซาดะโวยลั่นเมื่อสาวเจ้าเรียกตนอย่างสนิกสนมหน้าตาเฉยทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
“มันสั้นดีนิ” ชิโกะตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก
“งั้นเรียกคาเนะแทนเถอะ!” คาเนะที่รู้สึกแปลกๆ กับคำเรียกนี้เอ่ย...ที่จริงเจ้าตัวอยากให้อีกฝ่ายเรียกตนแบบเต็มๆ หรืออะไรแบบนี้มากกว่า แต่ลางสังหรณ์กลับบอกว่ารายนี่อยากให้ทำอะไรควรปล่อยไปเป็นการดีที่สุด
“ก็ได้” ชิโกะที่เห็นว่าชื่อนี่ก็สั้นดีพยักหน้ารับ
“เดี๋ยวๆ นะอาชิโกะ...รู้จักกันเหรอ?” หลิวถามขึ้น
“เรารู้ แต่พวกนี่ไม่รู้จักเราหรอก” ชิโกะตอบ
“ลื้อรู้ แต่สองคนนี้ไม่รู้? มันอะไรกันน่อ?” หลิวเกาหัวตัวเองอย่างงงในคำพูดของสาวเจ้าที่ดูลับลมคมในชอบกล
“แล้วทำไมชื่อสองคนนี้...ถึงเป็นชื่อดาบล่ะ?” ฟุคุอิถามต่อ...มันแปลกเกินไปหน่อยนะที่คนสองคนดันมาชื่อเหมือนดาบพอดีเนี่ย
“ไว้เดี๋ยวอธิบายทีหลังแล้วกัน รอให้ครบก่อนแล้วค่อยบอกทีเดียว” ชิโกะแสยะยิ้มประมาณว่า ‘เดี๋ยวเล่าให้ฟังแน่ และชวนปวดจิตชัวท์’ มาให้
“ก็ได้...ยังไงง้างปากเธอก็ยากจะตายชัก” ฟุคุอิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ความวุ่นวายมีแววมาเยือนแต่ไกลเลยแฮะ
“ก็รู้ดีนิ” ชิโกะยิ้มร่าพลางสะบับมือไปมาเล็กน้อยและ...ทันใดนั้นก็มีหลุมขณะใหญ่ปรากฏอยู่ใต้เท้าบุคคลทั้งห้า “งั้น...ไปกันเถอะ!”
“เฮ้ย! ไปทางดีๆ บ้างเถอะยัยบ้า!” ฟุคุอิที่เริ่มร่วงลงสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงแว๊ดลั่น
“ก็มันเร็วดีนิ!” ชิโกะตอบอย่างร่าเริง
“นี่มันอะไรกันครับ!? หลุมนี่มันอะไรกัน!?” โฮริคาวะเอ่ยถามอย่างงุงงง หากแต่ก็ไม่มีท่าทีตื่นตนกมากนัก
“เดี๋ยวก็รู้...” ชิโกะเอ่ยก่อนที่...จะมาถึงยังปากทางพอดี ซึ่งแน่นอนว่าปากทางที่ว่านี้สูงกว่าพื้นราวๆ สามเมตร ทำเอาเด็กหนุ่มแห่งทีมบาสโยเซ็นต่างร่วงลงมาไม่เป็นท่า ส่วนอีกสองหนุ่มหนึ่งสาวสามารถลงพื้นได้โดนสวัสดิภาพ ไม่ได้วัดพื้นโชว์ชาวบ้าน “...และถึงแล้วจ้า!”
“ไม่ต้องมาพูดเลย!” ฟุคุอิที่ร่วงลงมาแบบแทบหลังหักโวยพลางกวสดสายตาไปรอบๆ และก็รู้ทันทีร่วงมาที่ใดเมื่อเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาสองคนกำลังยืนนวดขมับตัวเองกันอยู่ “แล้วนี่...ทางเหนือของเมืองสินะ?”
“ถูกครับฟุคุอิซัง” คนผมเหลืองหรือนายคิเสะเจ้าเก่าเอ่ยตอบคนอายุมากกว่า
“ไง...สภาพพอดูเลยนะพวกเจ้า” ยามาโตะโบกมือทักด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“อ่ะ! ยามาโตะโนะคามิหรือ? ไหงทำหน้าปวดจิตแบบนั้นล่ะ?” คาเนะพอเห็นว่าคนรู้จักตนอยู่ที่นี่ก็ทักกลับ พลางมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจสุดแสน
“พอดีข้า...โดนป่วนนิดหน่อยน่ะ” ยามาโตะยิ้มแห้งๆ ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า ‘อย่าพูดให้นึกถึงมันอีกเลยเถอะ’ อย่างชัดเจน
“ฝีมืออาชิโกะสินะ?” หลิวเดาได้ไม่ยากว่าคนที่ทำให้ชาวบ้านปวดจิตนั้นคือใคร
“ตามนั้นแหละครับ” อาโอมิเนะยักไหล่น้อยๆ
“น่าๆ อย่าบ่นกันสิ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวหรอก” ชิโกะที่เป็นต้นเหตุเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“ถามจริงว่านี่ปาก?” แต่ล่ะคนที่เผชิญความปวดจิตจากรายนี้มาแล้วอดค้อนใส่เสียมิได้
“ปากสิ เห็นเป็นอะไรล่ะ?” ชิโกะยักคิ้วกวนๆ ก่อนหูพลันได้ยินบางอย่างเข้า ทำให้เจ้าตัวต้องหันไปมองยังต้นเสียง “อาหย่า รู้สึกเรามีแววได้ออกแรงอีกแล้วนะ ไม่งั้นมีแววได้เก็บเก็บใครบางคนแทนแหง”
“หื้อ?” ยามาโตะเลิกคิ้วแล้วหันไปทางที่หญิงสาวมองและ...ถึงกับเอ๋อกินเมื่อเห็นว่าห่างออกไปม่ชายในชุดดำแดงกำลังสู้กับเหล่าซอมบี้เพียงลำพังอย่างยากลำบากเนื่องจากจำนวนที่เยอะเกิน ผมยาวสีออกน้ำตาลมัดหลวมๆ สะบับไปตามเคลื่อนไหว ดวงตาสีแดงสดฉายแววเคร่งเครียด แต่ทั้งหมดนั้นยังไม่สำคัญเท่ากับการที่อีกฝ่ายดันเป็นคนที่ตนรู้จักดี “เฮ้ย! คิโยมิสึ!? ไหงโดนรุมทึ้งแบบนั้นฟะ!?”
“เสน่ห์แรงซอมบี้เลยหลงมั้ง” ชิโกะหัวเราะคิกคัก “อย่างไรเสีย...เดี๋ยวเราจัดการซอมบี้ ส่วนนายไปลากหมอนั้นมารวมกลุ่มแล้วอธิบายสถานการณ์คราวๆ ให้หน่อยแล้วกัน”
“...อย่าทำอะไรให้ข้าปวดจิตอีกล่ะ” ยามาโตะมองหญิงสาวนิ่งๆ สักพักก่อนถอนหายใจออกมาแล้วมุ่งไปลากตัวคนที่โดนซอมบี้ลุมออกมาตามที่อีกฝ่ายบอก ทางสาวเจ้าเองก็เรียกเคียวด้ามเดิมออกมาคล้ายกับว่าตอนนี้ถูกใจบทยมทูตของตนแล้วตามไปอีกคน
“...ก่อนหน้านี่ชิโกะไปทำอะไรมาน่ะ?” ฟุคุอิพอเห็นสาวเจ้าไปแล้วก็ถามกับคนผมเหลืองและน้ำเงินซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้าที่พวกตนจะมา
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่...” อาโอมิเนะยิ้มแห้งๆ “...เกิดอาการขี้เกียจสู้เลยเสกคลื่นยักษ์มากวาดซอมบี้น่ะ”
“เท่านั้นไม่พอยังเป็นคลื่นน้ำมนต์อีก เล่นให้เห็นซอมบี้ละลายต่อหน้าโคตรสยอง แถมตอนเสกเล่นไม่เตือนอะไรกันเลยจนพวกผมต้องหาทางหลบกันเองเนี่ย” คิเสะเบ้หน้าเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “ถึงแม้รู้ว่าต่อให้หลบไม่ทันก็คงไม่เป็นไรเพราะชิโกจจิไม่ยอมให้ตายง่ายๆ แน่ แต่มันก็ชวนจิตตกอยู่ดี”
“ทำไมฟังไปฟังมารู้สึกสยองนางจังแฮะ” คาเนะคิ้วกระตุกนิดๆ
“ผมก็ว่างั้น” โฮริคาวะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและ...
“แว๊ดดดดด” ...หลังจากนั้นไม่ถึงสิบวิก็มีเสียงร้องลั่นดังขึ้น ทำให้ทุกชีวิตสะดุ้งโหยง
“หื้อ!?” แต่ล่ะคนมองไปยังต้นเสียงก่อนที่จะ...วิ่งสุดชีวิต! เมื่อเห็นว่าต้นเหตุของเสียงร้องเมื่อครู่มาจากอะไร “เฮ้ย! อะไรฟะ!?”
“ยัยชิโกะเอาอีกแล้ว! เกิดขี้เกียจอีกหรือไง!?” อาโอมิเนะเริ่มน้ำตาแตก...รอบก่อนคลื่นยักษ์ คราวนี้พายุ! ถ้าเกิดขี้เกียจคราวหน้าจะเป็นอะไรฟะ!?
“เปล่า! คราวนี้ไอ้ตัวแปลกๆ นั่นมันพูดได้ด้วย! แล้วพอมันพูดว่า ‘ยัยเตี๊ย’ นางก็เสกนี่ออกมาเลย!” ยามาโตะที่หนีตายจากพายุมาอธิบายพร้อมลากเพื่อนของตนที่ดูตื่นตนกมาด้วย
“คำพูดมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องโดนคำต้องห้ามสำหรับยัยนั้นด้วยฟะ!?” อาโอมิเนะอยากบ้าตายด้วยความที่รู้ดีว่า...ไอ้คำนั้นทำให้สาวเจ้าโกรธได้ขนาดไหน!
“ว่าแต่ปกติซอมบี้มันพูดได้ด้วยเหรอ!?” คิเสะถาม...ไม่ยักเคยได้ยินว่าซอมบี้พูดได้ด้วย!
“ไม่รู้น่อ!” หลิวส่ายหน้าวืด
“ใช่เวลาเถียงเรื่องนี้ไหม!? หาที่หลบเร็ว!” ฟุคุอิแว๊ดใส่คนอายุน้อยกว่าแต่ล่ะคนที่เถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งๆ ที่พายุขนาดน้องๆ เฮอริเคนตามหลังมาติดๆ
“แล้วที่ไหนเล่า!?” คาเนะที่ไม่อยากเล่นลมในตอนนี้มองซ้ายมองขวาหาที่ซ่อน...ถึงปกติเขาไม่ชอบการหนีอะไรแบบนี้ แต่กับหายนะระดับภัยธรรมชาติขอยกเว้นเถอะ!
“ไม่ทราบครับ! นึกไม่ออกเหมือนกันครับ!” โฮริคาวะในยามนี้นึกไม่ออกเลยว่าจะหนีไปทางใด
“เอาที่นั้นไหม!?” คนที่ถูกลากมาอย่างไม่รู้อีโหน่งอีเหน่ชี้ไปยังตึกๆ หนึ่ง
“คะชูซัง...ที่นี่มันจะรอดเหรอครับ?” โฮริคาวะถาม
“ไม่รู้! เห็นนายท่านบอกถ้าพายุเข้าให้หลบใต้ที่ๆ ที่มันแข็งแรงน่ะ!” คะชู คิโยมิสึตอบ
“ไม่พ้นหรอก! อย่างยัยนั้นมีทางเดียว...” อาโอมิเนะเอ่ยพลางเหล่มองชาวจีนที่วิ่งข้างๆ ตน “...ข้อโทษล่วงหน้านะครับฟุคุอิซัง!”
“อะไ...” ฟุคุอิที่ไม่เข้าใจคำพูดของคนผมน้ำเงินหันไปถาม แต่ไม่ทันพูดจบประโยคก็ถูกร่างใหญ่ๆ ของเด็กหนุ่มชาวจีนล้มทับเข้าให้แถม...ปากดันประกบกันพอดีอีก “...แว๊ดดดด! ทำอะไรห๊าไอ้ตี๋บ้า!?”
“อั๊วเปล่านะ! อาโอมิเนะถีบอั๊วมาต่างหาก!” หลิวรีบผละออกมาเมื่อฟุคุอิทำท่าจะง้างหมัดใส่ตน
“ไม่เห็นต้องอายเลยฟุคุอิ~~~ น่าจะต่ออีกนิดนะ ไม่ทันสะใจเลย” ระหว่างที่คู่รักต่างไซส์ (?) กำลังจะเริ่มทะเลาะกันนั้นก็มีเสียงที่บ่งบอกถึงความเสียดายสุดแสนดังขึ้นมา
“เฮ้ย! มาเมื่อไหร่เนี่ย!?” แต่ล่ะคนสะดุ้งโหยงแล้วหันขวับไปยังต้นเสียง...หรือก็คือหญิงสาวเจ้าเก่ารายเดิมที่มานั่งย่องๆ อยู่ข้างๆ ฟุคุอิเมื่อไหน่ไม่รู้
“เมื่อกี้” ชิโกะยิ้มร่าพลางชูมือถือของตนขึ้นมา “และทันถ่ายรูปเมื่อกี้ด้วย...เดี๋ยวส่งให้มิยาจิดีไหม?”
“ให้มันขำก๊ากหรือไง!? อย่าเชียวนะ!” ฟุคุอิพุ่งไปหมายคว้าโทรศัพท์จากหญิงสาว แต่มีหรือคนอย่างชิโกะ อาคากิจะไม่รู้ทัน เจ้าตัวรีบโดดหลบในทันใด
“...แค่นี้ก็หยุดแล้ว?” คาเนะหันไปถามคนผมน้ำเงินโดนเมินคนผมทองที่กำลังพยายามแย่งมือถือจากหญิงสาว โดยมีเด็กหนุ่มชาวจีนพยายามห้ามไป
“ครับ พอดีชิโกะชอบเรื่องแบบนี้น่ะครับ” อาโอมิเนะที่ชินกับเรื่องนี้แล้วพยักหน้ารับ
“ถ้าแค่นี้น่าจะบอกแต่แรก เดี๋ยวจัดให้ชมเลย” คะชูกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อย่าเชียวนะคิโยมิสึ ไม่งั้นข้าฆ่าเจ้าแน่” ยามาโตะค้อนใส่คนที่พูดเมื่อครู่
“เจ้าทำไม่ได้หรอก” คาชูเอ่ยอย่างท้าทาย
“แน่ใจ?” ว่าแล้วยามาโตะก็ชักดาบแล้วฟัดกับคะชูในทันที
“น่าๆ อย่าทะเลาะกันสิครับ” โฮริคาวะพยายามเอ่ยห้าม “แต่ที่จริงถ้าให้ทำแค่นี้ผมกับคาเนะซังก็ทำได้นะครับเนี่ย”
“คุนิฮิโระ...นายก็อย่าทำเลยเถอะ” คาเนะที่เห็นแววว่าความซวยจะลอยมาหาตนรีบเอ่ยห้าม
“...ดูท่าจะได้ความวุ่นวายใหม่แล้วล่ะอาโอมิเนจจิ” คิเสะยิ้มแห้งๆ พลางมองภาพที่เพื่อนสามคนของตนกำลังทะเลาะกัน ยามาโตะกับคะชูเริ่มสู้กัน ส่วนคาเนะกับโฮริคาวะกำลังพูดคุยปนเถียงเล็กน้อย
“นั้นสิเนอะ” อาโอมิเนะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วลากคิเสะไปหาที่นั่งชม (?) เพื่อรอเวลากันไป
ทางตะวันออก (นิจิมุระกับไฮซากิ)
“ทางนี้ว่างจังแฮะ” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกจากปากคนผมเทา
“นั้นสิเนอะ” นายหน้านก (เฮ้ยๆ เอาดีๆ เซ่! // นิจิมุระ) พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เมื่อตั้งแต่เดินมายังยังจุดหมายที่ถูกกำหนดไว้จนปานนี้...ยังไม่อะไรโผล่มาเลย! แมลงสาปสักตัวก็ไม่มี!
“น่าจะมีตัวอะไรโผล่มาบ้างแฮะ แบบนี้มันน่าเบื่อจัง” ใช่ว่าไฮซากิจะพิศวาสการโดนซอมบี้ไล่นักหรอก แต่การให้มาเดินเฉยๆ อย่างไม่มีจุดหมายแบบนี้มันโคตรน่าเบื่อเลย!
“นั้นสิ” นิจิมุระถอนหายใจออกมาเบาๆ “แต่ยังไงก็ต้องเดินให้รอบล่ะนะ จะได้ไม่โดนดึงกลับมารอบสอง”
“เบื่อโว้ย!” ไฮซากิโวยลั่นขึ้นมาเล่นๆ
“ถ้าเบื่อนักก็เอางี้ไหม?” นิจิมุระที่เห็นท่าทางเบื่อขนแทบคลั่งของรุ่นน้องตนกระตุกยิ้มคล้ายมีแผนชั่วร้ายบางอย่าง
“เอาไง?” ไฮซากิถามกลับ
“ก็มา...ทำอะไรสนุกๆ กันไง^^” ว่าแล้วนิจิมุระก็กอดคนผมเทาจากด้านหลังพร้อมกับมือเริ่มคืบคลานเข้าไปในเสื้อของอีกฝ่าย
“เฮ้ยๆ ลามกแล้วไอ้รุ่นพี่บ้า!” ไฮซากิพยายามดึงมือที่ล้วงในเสื้อตนออก
“ว่าใครบ้าหื้อ?” นิจิมุระซุกมืออีกข้างเข้าไปในกางเกงคนผมเทา
“เฮ้ย! จับอะไรของคุณเนี่ย! นิจิมุระซัง! ปล่อยเลยนะ!” ไฮซากิหน้าร้อนวาบขึ้นมากับการกระทำของรุ่นพี่ตน
“ไม่วะ ฉันอยากกดแก” นิจิมุระปฏิเสธหน้าตาเฉย...แบบที่ไฮซากิอยากจะเสยหน้าเสียสักที ถ้าไม่ติดว่าไม่เคยชนะรายนี้ได้เลยสักครั้งอ่ะนะ
“อย่างน้อยอย่าเอามันกลางแจ้งเด้อ!” ไฮซากิแว๊ดลั่น “อย่ามาหื่นตอนนี้ดิ!”
“ก็เบื่อไม่ใช่เหรอ?” นิจิมุระถามกลับ
“ไม่เบื่อแล้ว! ปล่อยเลย!” ไฮซากิเอ่ย...เขายอมเบื่อตายดีกว่าโดนกดในที่แบบนี้ล่ะวะ!
“ก็ได้ ดูท่าเราจะหมดเวลาเล่นแล้วสิ” นิจิมุระปล่อยมือจากคนผมเทาอย่างเสียดายพลางเหล่มองไปเบื้องหน้าที่...เหล่าศพเดินได้ซึ่งถามหาเมื่อครู่ยกขบวนมาพอดี
“โผล่มาได้จังหวะดีแฮะ” งานนี้ไฮซากิรู้สึกขอบคุณไอ้พวกนี้จริงๆ ที่โผล่มาทำให้เขาไม่โดนรุ่นพี่จอมหื่นกดเนี่ย “มาลุยกัน!”
“จัดไป!” นิจิมุระเขวี้ยงลูกตุ้มหนามของตนใส่เหล่าซอมบี้ทันที เช่นเดียวกับไฮซากิที่หยิบกรงเล็บสัตว์ป่ามาใส่แล้วพุ่งเข้าไปร่วมวงด้วยอีกคนและการต่อสู้ระหว่างคนกับซอมบี้ก็เริ่มขึ้น จากนั้นพอผ่านไปสักพัก...ทั้งคู่ก็จัดการซอมบี้เสียจนสิ้นได้สำเร็จโดนง่าย เนื่องจากเป็นพวกสู้เก่งกันทั้งคู่
“เรียบร้อย” ไฮซากิเป่าปากน้อยๆ ...ยังดีที่มันมาไม่เยอะนักนะเนี่ย
“ไปต่อเถอะ” นิจิมุระเอ่ย...เขาไม่คิดว่าแค่ให้จัดการพวกนี่แล้วกลับได้เลยหรอก
“อื้อ” ไฮซากิพยักหน้ารับพลางเดินสำรวจเมืองกันต่อ ซึ่งทุกอย่างก็ดูปกติดีจนกระทั่ง...
“นิจิมุระซัง...” ...เมื่อมาถึงยังจุดๆ หนึ่งไฮซากิก็ดึงแขนเสื้อคนอายุมากกว่าเอาไว้
“ว่า?” นิจิมุระถามกลับสั้นๆ
“ในเมืองนี้มีมนุษย์คนอื่นนอกจากเราเหรอ?” ไฮซากิถาม
“ไม่รู้สิ ทำไม?” นิจิมุระไม่คิดว่าอยู่ๆ รายนี้จะถามเรื่องนี้ขึ้นมาเองหรอก
“ก็นั้น...” คนผมเทาชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป “...ดูยังไงก็ไม่ใช่ซอมบี้แหง”
“คนจริงๆ ด้วย” พอนิจิมุระมองตามที่อีกฝ่ายชี้ไปก็สังเกตเห็นร่างของชายผู้มีผมสีเขียวเข้มมัดเป็นหางม้าในชุดเครื่องแบบคล้ายทหารที่มีผ้าคลุมสีขาวปิดไหล่ไปข้างหนึ่งคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนต้นไม้นั้น “ไปทักไหม?”
“ก็ลองดิ” ไฮซากิยักไหล่น้อยๆ
“พูดให้มันดีๆ บ้างเถอะ” นิจิมุระเขกหัวคนผมเทาไปทีด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่จะสาวเท้ายาวๆ ไปยังใต้ต้นไม้นั้นและ...ตะโกนเรียกคนที่นั่งชิวล์ๆ บนต้นไม้ในทันใด “เออ ขอโทษครับ! คุณครับ!”
“หือ?” คนถูกเรียกก้มลงมามองเด็กหนุ่มจากด้านบน ทำให้ทั้งสองเห็นดวงหน้าออกหวานที่ถูกผมปิดไว้ครึ่งหนึ่งอย่างชัดเจน และทั้งคู่ก็สังเกตถึงนัยน์ตาสีเหลืองที่ดูราวสัตว์จำพวกงูอย่างน่าแปลกใจของอีกฝ่าย “สวัสดี เรียกข้าหรือ?”
“เออ ครับ...” นิจิมุระขานรับ “...คุณมาทำอะไรแถวนี้ครับ? มันอันตรายนะครับ”
“ถ้าเอาตามจริงข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาที่นี่ได้ไง” ชายผมเขียวหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับไม่รู้ถึงอันตรายของเมืองนี้จริงๆ
“ไม่รู้?” นจิมุระทวนอย่างงงๆ
“ใช่แล้ว” อีกฝ่ายตอบและในขณะนั้น...
“อาโอเอะ~~~~” ...ก็มีเสียงร้องดีงขึ้น ทำให้ทุกชีวิตหันไปมองยังต้นเสียง...และภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาตงิกๆ ในขณะที่คนผมเขียวเพียงหัวเราะเบาๆ เท่านั้น “ช่วยข้าด้วย!!!”
“โอ้ เอาตัวอะไรกลับมาด้วยเนี่ย? อิชิคิริมารุ?” คนผมเขียวที่ถูกเรียกว่าอาโอเอะถามชายผมน้ำตาลในชุดที่เหมือนแพทย์สมัยโบราณที่วิ่งหนีมา
“ไม่ใช่เวลามาเล่นนะครับ! พวกนี่มันอันตรายนะ!” นิจิมุระโวยใส่คนที่ใจเย็นผิดเวลาเล็กน้อย
“มาอีกฝูงแล้วสิ” ไฮซากิพุ่งเข้าไปฟาดกรงเล็บใส่เหล่าศพเดินได้ทันที
“เฮ้ย! นี่ฟันไปเลยหรือ!?” คนโดนไล่เมื่อครู่สะดุ้งโหยงเมื่อเด็กหนุ่มผมเทาโจมตีใส่สิ่งที่ไล่ตนเมื่อครู่
“ใช่สิ! พวกนี้ซอมบี้นะเฮ้ย! ไม่ต้องไปสนมันหรอก!” ไฮซากิโวยใส่คนที่ดูเอ๋อในสายตาตน
“เอาง่ายๆ นะครับ...พวกนี้เป็นศพเดินได้ และมันกินคนเป็นอาหารครับ!” นิจิมุระอธิบายสั้นๆ พร้อมทุ้มตุ้มหนามของตนใส่ซอมบี้ที่เริ่มเข้ามาใกล้
“สรุปต้องกำจัด?” อาโอเอาะสรุปง่ายๆ สั้นๆ
“ใชครับ!” นิจิมุระพยักหาารับ
“งั้น...เราเล่นด้วยดีไหม? อิชิกิริมารุ?” อาโอเอะยิ้มน้อยๆ พลางโดดลงมาจากต้นไม้
“ถ้าพวกนี่มิใช่มนุษย์ก็จัดการเลยเถอะ” อิชิคิริมารุชักดาบเล่มใหญ่ของตนออกมาฟาดฟันใส่เหล่าซอมบี้อย่างรวดเร็ว
“อ้าว! อาวุธก็มีแล้วเมื่อกี้หนีทำไมเพ่!?” ไฮซากิเมื่อเห็นคนตัวโตกว่าตนใช้ดาบจัดการซอมบี้ได้อย่างชำนาญราวกับนักรบในสมัยอดีตกาลก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ก็ข้าไม่อยากทำร้ายมนุษย์นิ...” อิชิคิริมารุตอบ
“ใช้ตาหรืออะไรมองพวกนี้เป็นคนกันเนี่ย!?” ไฮซากิไม่เคยคิดว่าจะมีคนบ้าที่ไหนมองร่างเน่าๆ แบบนี้เป็นคนไปได้เลย
“อย่าเพิ่งทะเลาะกับชาวบ้านสิวะ! มาช่วยกันก่อน!” นิจิมุระแว๊ดใส่รุ่นน้องผมเทาของตน
“นั้นสิน้าาา” อาโอเอะชักดาบออกจากฝักอย่างใจเย็น แม้ว่าเหล่าซอมบี้เริ่มมารุมตนแล้วก็ตาม “รู้สึกพวกนี้ชอบรุมสินะ?”
“ใจเย็นไปแล้วครับ!” นิจิมุระแว๊ดลั่นเมื่อเห็นว่าคนผมเขียวโดนรุม ครันจะช่วยก็ทำไม่ได้เนื่อยงจากอาวุธของตนนั้นเสี่ยงต่อการทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่เป็นไรหรอก” อาโอเอะตวัดดาบผ่าร่างของศพเดินได้ออกเป็นชิ้นๆ “พวกนี่...ไม่คนามือข้าหรอก”
“นั้นสิๆ ถ้าจัดการพวกซอมบี้ระดับกากนี่ไม่ได้คงเสียชื่อดาบหมด” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเสริมคำพูดของอาโอเอะเมื่อครู่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้แต่ล่ะชีวิตในที่นี่สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย!” สองหนุ่มอดีตผู้เล่นทีมบาสเทย์โควหันขวับไปยังต้นเสียงและพบว่ายามนี้มีหญิงสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาดียืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ชิโกะ!?”
“แล้วเห็นเป็นใครล่ะ?” ชิโกะยักคิ้วอย่างกวนๆ
“ไม่ต้องมากวนเลย! มาไงเนี่ย!?” ไฮซากิโวยใส่สาวเจ้าที่ความจริงควรรออยู่ที่ที่พักมากกว่ามาอยู่ที่แห่งนี้
“วาปมา และที่มานี่พอดีมีเรื่องนิดหน่อย...” ดวงตาหลังกรอบแว่นตวัดมองยังชายผู้ใช้ดาบเป็นอาวุธทั้งสอง “...ทางนี้เป็นอิชิคิริมารุกับนิคคาริ อาโอเอะสินะ?”
“รู้จักพวกข้าหรือ?” อิชิคิริมารุถามอย่างแปลกใจที่หญิงสาวเรียกชื่อพวกตนได้อย่างถูกต้องทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
“รู้สิ อย่างน้อยก็ระดับหนึ่งล่ะ” ชิโกะหัวเราะคิกคัก
“จะเอาไงไว้ทีหลังเถอะยัยบ้า! มาจัดการพวกนี่ก่อน!” นิจิมุระโวยใส่สาวเจ้าเล็กน้อย ขณะที่เหล่าซอมบี้เริ่ทเพิ่มจำนวนขึ้น
“จ้าๆ ขี้บ่นจริง” ชิโกะเบะปากเล็กน้อยก่อนจะ...เรียกเคียวด้ามยาวของตนออกมาฟาดใส่เหล่าซอมบี้ แล้วค่อยไปตะลุมบอนกับร่างไร้ชีวิตอย่างเมามันส์ในเวลาต่อมา
“...” อาโอเอะชะงักเมื่อศัตรูที่ตนจัดการเมื่อครู่โดนสาวเจ้าสอยไปแล้ว แถมสาวเจ้ายังไล่กวาดซอมบี้ตัวอื่นๆ ไปเรื่อยราวเก็บแต้มอย่างไม่ยั้งมือ...ที่สำคัญดูเจ้าตัวจะสนุกกับการกวาดล้างนี้อีกต่างหาก “นางเก่งจังเนอะ”
“ครับ ยัยนั้นเก่ง” นิจิมุระไม่เถียงว่ารายนี้เก่ง...โดยเฉพาะเรื่องทำให้คนอื่นปลงบวกปวดจิตนี่เก่งมากเลยล่ะ
“เก่งแต่บ้าน่ะสิ ยัยนี่บ้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ไฮซากิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“อย่ามัวเล่นสิ ช่วยนางกันก่อนไหม?” อิชิคิริที่โดนแย่งเหยื่อ (?) ไปเหมือนกันถาม...ถึงดูท่าหญิงสาวจะไม่เป็นอะไร แต่ให้ผู้หญิงสู้คนเดียวคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
“สำหรับรายนั้น...ไม่ต้องหรอกครับ” นิจิมุระที่รู้นิสัยของชิโกะดีว่าถ้าไปช่วยตอนนี้...คงได้แต่ไปเกะกะเสียมากกว่าเอ่ย
“ทำไม?” อิชิคิริมารุขมวดคิ้วน้อยๆ
“เพราะ...” ไฮซากิเหล่มองไปด้านหลังคนถามเมื่อครู่พร้อมกับ...
“...จัดการหมดแล้วจ้า!” ...ที่สาวเจ้าที่ไปลุยฝูงซอมบี้คนเดียวเมื่อครู่เดินกลับมารวมกลุ่มพอดี
“จริงสิ!? เร็วมาก!” อิชิคิริมารุหันขวับไปมองโดยรอบและพบว่าศัตรูโดนกำจัดจนสิ้นแล้วจริงๆ ...นี่พวกเขาหยุดคุยกันแป๊บเดียวเองนะ! ไหงจัดการเร็วแท้!?
“ก็นะ...” ชิโกะสะบับมือน้อยๆ และ...ก็บังเกิดหลุมที่ใต้เท่าของทุกชีวิตในที่นี่ “...เอาล่ะ พวกเราก็ได้เวลาไปกันแล้ว!”
“เฮ้ย! เดี๋ยว!” นิจิมุระพยายามเอ่ยห้าม...แต่ว่าดูจะช้าไปนิด เนื่องจากร่างของทุกคนได้ร่วงลงมาในหลุมเสียแล้ว
“นี่ไปทางปกติบ้างเถอะยัยชิโกะ!!!” ไฮซากิแว๊ดใส่สาวเจ้าที่ไม่เคยทำอะไรปกติแบบชาวบ้านเลย
“...นี่คืออะไร?” อาโอเอะแม้จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ก็ยังถามอย่างใจเย็น
“วาปไง เราขี้เกียจเดินเลยใช้วิธีนี้...ถึงจุดหมายทันใจ” ชิโกะตอบพร้อมกับทุกชีวิตมาถึงปลายทางพอดี ซึ่งแน่นอนว่าพอหลุดออกมาจากหลุมที่หญิงสาวเสกทุกคนก็พากันสะดุ้งโหยงเมื่อรู้ถึงความสูงของจุดที่พวกตนโผล่กับพื้นเบื้องล่างแล้วนั้นทำให้ต้องพากันหาทางลงพื้นโดนสวัสดิภาพอย่างเร่งด่วน...และโชคดีที่เหล่าหนุ่มๆ หาท่าลงโดยขาแตะพื้นกันได้แทนเอาหัวลง “โอ้ ลงดีทั้งหมู่แฮะคราวนี้”
“ก็เธอเล่นแกล้งฉันเป็นว่าเล่นต้องมีพัฒนาบ้างสิวะ!” ไฮซากิแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวนางเดียวของกลุ่มที่ยังยิ้มลั้นลาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ส่วนฉันปลงกับเธอไปนานแล้ว” นิจิมุระที่ตอนนี้ปลงจนไม่รู้จะปลงยังไงแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เข้าใจคำว่าหัวใจเกือบวายก็งานนี้แหละ” อิชิคิริมารุนวดขมับน้อยๆ ราวคนไมเกรนขึ้น
“มาวิธีนี้สนุกดีแฮะ แล้ว...” อาโอเอะที่ดูจะไม่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของหญิงสาวนักกวาดตาไปรอบๆ ก่อนที่จะส่งสีหน้างุนงงออกมาเมื่อเห็นชายสี่คน...ซึ่งเป็นคนที่ตนรู้กำลังยืนทำหน้าเหมือนกินยาขมกันอยู่ “...พวกเจ้าไหงดูปวดจิตงั้นล่ะ?”
“เปล่า อย่าพูดถึงมันเลย” ยามาโตะคุมขมับน้อยๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่สาวเจ้าจะไปลากพวกที่เหลือมานี่...ซึ่งพวกเขาโดนป่วนพอสมควรเลย จากหญิงสาวคนนี้เนี่ย
“ฝีมือยัยชิโกะสินะ?” ไฮซากิหันไผถมคนผมเหลือง
“แล้วโชโงะคุงคิดว่ามีคนอื่นที่ทำให้ชาวบ้านปวดจิตกันทั่วหน้าได้?” คิเสะถามกลับ
“ไม่คิด” เอาจริงๆ แล้วไฮซากิก็ไม่คิดว่าจะมีใครป่วนได้เท่านั้นนี้อีกแล้วล่ะ
“แหม นินทากันต่อหน้าเชียวนะ” ชิโกะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “แต่เอาเถอะ...คราวนี้จะปล่อยไปก่อน ตอนนี้ที่สำคัญคือต้องหาตัวอีกสองคนให้เจอก่อนไปก่อเรื่อง”
“อีกสอง?” นิจิมุระเลิกคิ้วน้อยๆ
“ใครหรือ?” อาโอเอะถามต่อ...ดูจากสีหน้าที่ดูไม่รู้เรื่องของคนหน้านก (เอาดีๆ ให้ได้ตลอดบ้างเถอะ! // นิจิมุระ) แล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าคนที่หายไปอาตเป็นคนในกลุ่มตนมากกว้า
“ฮิสะมารุกับฮิเกะคิริน่ะ” ชิโกะตอบ
“สองคนนั้นหรือ?” อาโอเอะลากเสียงยาวอย่างเข้าใจ
“ใช่ และรีบไปหากันเถอะไม่งั้นแกล้งนะ” ชิโกะยิ้มร่าประมาณว่า ‘ใครช้าจะแกล้งทันทีเลย’ มาให้
“งั้นรีบไปกัน!” หกหนุ่มบาสบวกสี่หนุ่มโบราณ (?) รีบเอ่ยพร้อมผลันหลังหญิงสาวให้เดินนำ ทำให้ชิโกะปล่อยก๊ากอย่างไม่กั๊กกับภาพที่เห็นก่อนที่จะเดินไปเป็นคนนำทางตามปกติ
“รีบเชียวนะ” อาโอเอะเอ่ยแซวเพื่อนตนที่ดูร้อนร้นแปลกๆ
“พอดีข้าไม่อยากโดนนางแกล้งรอบสองน่ะ” ยามาโตะกล้าพูดเลยว่าหลังจากโดนแกล้งมารอบหนึ่งแล้ว...เขาไม่อยากโดนรายนี้แกล้งอีกเลย!!!
“สมควร” นิจิมุระส่ายหน้ไปมาอย่างหน่ายๆ ขณะที่ขาก้าวตามหญิงสาวไป เช่นเดียวกับหนุ่มๆ คนอื่นๆ ที่ก็รีบตามไปเช่นกันด้วยความกลัวว่าหากช้าจะโดนแกล้งเอา
“หลงไปไหนวะเนี่ย?” คำบ่นเงมาจากหญิงสาวที่...โดดขึ้นไปบนต้นไม้เพื้อตามหาคนราวลิงก่อนที่จะโดดลงมารวมกลุ่มอีกรอบ
“หรือโดนซอมบี้เล่นงาน?” นิจิมุระลองตั้งข้อสัญนิฐานดู
“ไม่มีทาง พวกดาบนี้เก่งจะตาย” ชิโกะมั่นใจว่าคนที่ตนตามหาไม่มีทางยืนบื้อให้ซอมบี้ขบกัวเป็นแน่
“แต่ถ้าดวงซวยเจอตัวที่พูดได้แบบคราวนั้นก็ไม่ไหวนะ” ยามาโตะเอ่ย เนื่องจากถ้าเจออย่างในคราวนั้นคงมีลังเลว่าพวกนั้นใช่มนุษย์หรือเปล่าบ้างล่ะ
“เอาไงกันต่อดี? เราหากันมานานแล้วนะ” คิเสะมองซ้ายมองขวาไปเรื่อยจนคอแทบเคล็ดแล้วถาม
“นั้นสิ...งั้นเรากลับไปบอกให้ทุกคนช่วยตามหาดีไหม? คนเยอะๆ น่าจะทำให้หาได้ทั่วถึงกว่ามั้ง?” ชิโกะเสนอ...อย่างไรเสียคนช่วยหาเยอะๆ น่าจะดีกว่าในการหาคนกันเพียงแค่นี้ในเมืองใหญ่ล่ะ
“ความคิดดีนิ” อาโอมิเนะเอ่ย
“ข้าก็ว่าดีนะ” ยามาโตะพยักหน้ารับ...สำหรับสถานที่แบบนี้ซึ่งมีศัตรูจำนวนมหาศาลแบบนี้ควรมีพวกมากกว่านี้จริงๆ
“ตามแต่เถอะ” คนอื่นๆ ที่เหลือเลือกที่จะตามใจหญิงสาวไป
“งั้นตกลงตามนี้” ชิโกะพอได้รับคำตอบก็...
“แว๊ด! ไปทางปกติบ้างเถอะยัยชิโกะ!!!” ...ทำการเปิดวาปขึ้นมาในทันใด จนทุกชีวิตร่วงหล่นสู่ความมืดมิดเบื้องล่าง
“ก็มันเร็วดีนิ” ชิโกะยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจเช่นเคย
“ข้าควรปลงนางที่ทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวไหม?” อิชิคิริมารุหัวเราะอย่างจิตหลุดนิดๆ
“เอาตามความคิดข้า...ควรอย่างยิ่งเลย” ยามาโตะที่เผชิญความบ้าของสาวเจ้ามาเยอะที่สุดในกลุ่มตนถอนหายใจออกมาเบาๆ
“น่าๆ อย่าบ่นน่า” ชิโกะยังคงยิ้มร่าแม้ถูกบ่นในขณะที่...
โครม!
...มาถึงปลายทางของวาปพอดี ทว่าดูท่าคราวนี้จะเปิดวาปในตำแหน่งที่ต่ำไปหน่อยทำให้หลายๆ คนลงไม่เป็นท่า เว้นเพียงหญิงสาวเพียงนางเดียวที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนเลยเอาขาลงพื้นได้โดยสวัสดิภาพ
“ดูท่าคราวนี้กะตำแหน่งปากวาปผิดไปหน่อยแฮะ” ชิโกะหัวเราะร่าพลางมองคนที่ร่วงลงมาจากวาปกับตนก่อนที่จะกวาดตาไปรอบๆ “โอะโอ๋? ดูท่าเราเจอคนที่ตามหาแล้วล่ะ”
“หื้อ?” เหล่าหนุ่มๆ หลุดร้องออกมาอย่างงุนงงก่อนที่จะมองตาหญิงสาวไปและ...ถึงกับเอ๋อกินเมื่อเห็นว่ายามนี้พวกตนมาอยู่หน้าบ้านต้นไม้...
...และนั้นคงไม่ชวนงงเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ที่โค้นต้นไม้มีเด็กหนุ่มผมแดงกำลังเอากรรไกรด้ามยักษ์สู้กับชายผมสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งใช้ดาบเป็นอาวุธ โดยมีเด็กหนุ่มผมน้ำตาลกำลังคุยกับคนผมสีเขียวอ่อนยืนชมอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
“นั้นอาคาชิจจิสู้กับใครอยู่น่ะ?” คิเสะมองเพื่อนตนที่ดูสนุกเหลือหลายกับการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความแปลกใจ
“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่ารู้สึกเหมือนเห็นสิงโตสองตัวเลย” อาโอมิเนะส่ายหน้าวืด
“คู่หนึ่งฟัดกัน คู่หนึ่งคุยกันด้วยท่าทางลันลาสุดแสน...ต่างกันคนล่ะขั้วเลยแฮะ” นิจิมุระเกาหัวตัวเองนิดๆ
“ไอ้ชิวาว่ามันเข้ากับคนง่ายพอเข้าใจอยู่ที่ไปคุยกับชาวบ้านแบบนั้น แต่ไหนอาคาชิมันความดันต่ำไปสู้กับเขาได้วะ?” ไฮซากิไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คนผมน้ำตาลดูจะเข้ากับคนอื่นได้ แต่ไอ้หัวแดงนี่สิ
“ทำบ้าอะไรกันฟะ?” ฟุคุอิไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อคุณคิดอะไรถึงไปทะเลาะกับชาวบ้านแบบนี้
“แต่มันส์ดีน่อ” หลิวมองคนที่สู้กันราวชมหนัง
“ไปสู้กับเด็กแบบนั้น ฮิเกะคิริคิดอะไรอยู่เนี่ย?” คะชูคุมขมับอย่างไม่เข้าใจคนที่สู้กันอยู่เลยสักนิด
“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าอาวุธของคนผมแดงนั้นแปลกพิลึกเลย” ยามาโตะมองกรรไกรยักษ์ตาแป่ว...ดูยังไงมันไม่น่าเอามาเป็นอาวุธได้เลยสักนิด
“สูสีกันดีเนอะสองคนนั้น” อิชิคิริมารุรู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มผมแดงจริงๆ ที่สามารถสู้กับฮิเกะคิริได้มากถึงเพียงนี้
“นั้นสินะ ชักอยากร่วมวงแล้วสิ” อาโอเอะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ให้ตายสิ สองนี่...” ชิโกะมองสองคนที่ทะเลาะกันโดยไม่สังเกตตนเลยแม้แต่น้อยและ... “...หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!”
“โอ๊ย!” ...เสกกะละมังอันใหญ่หล่นใส่หัวคนที่สู้กันอยู่ทันที
“อาคาชิ! / ท่านพี่!” คนที่ยืนคุยกันข้างสนามแข่ง (?) เมื่อครู่รีบวิ่งไปช่วยเมื่อได้ยินเสียงร้องและเห็นว่าคนที่สู้กันก่อนหน้านี่พากันลงไปกองกับพื้นพลางเอามือคุมหัวทั้งคู่ “เป็นอะไรหรือเปล่า!? / ครับ!?”
“อูย~ ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่อะไรมาฟาดหัวเนี่ย?” ฮิเกะคิริเอ่ยพลางมองหาสิ่งที่กระแทกหัวตนเมื่อครู่ และก็เห็นกะละมังอันใหญ่แบบทำหัวคนแตกได้ตกอยู่ใกล้ๆ “หล่นมาจากไหนเนี่ย?”
“นี่กะให้หัวปูดเลยหรือไงชิโกะ?” อาคาชิที่รู้ว่าเหตุการณ์แปลกๆ มักเกิดขึ้นจากใครค้อนใส่หญิงสาวขณะที่คนผมน้ำตาลค่อยๆ ช่วยพยุยให้ตนลุกขึ้นอย่างร้อนร้น
“ก็ดันมาฟัดกันหน้าบ้านจนน่ากลัวว่าจะทำข้าวของเสียหายเองนิ” “แล้วนี่...ไหงนายกับฮิเกะคิริถึงทะเลาะกันได้เนี่ย?”
“ฮิเกาะคิริ?” อาคาชิทวนอย่างไม่รู้ว่าที่เจ้าถึงนั้นคือใคร
“นามข้าเอง” คนที่ฟัดกับอาคาชิเมื่อครู่ยิ้มร่า “แต่เจ้าเอากะละมังมาโยนใส่หัวพวกข้าได้ไงโดยไม่รู้ตัวเนี่ย?”
“เสกเอา และนายเลิกค้อนใส่เราเลยฮิสะมารุ! แค่กะละมังไม่ทำให้พี่เจ้าสมองเสื่อมจนจำชื่อนายไม่ได้มากกว่านี้แล้ว!” ชิโกะตอบก่อนหันไปยักคิ้วกวนๆ ใส่คนผมสีเขียวอ่อน
“อย่ามาว่าท่านพี่นะ! ว่าแต่รู้ได้ไงเนี่ย!?” ฮิสะมารุถึงกับฉงกเมื่อสาวเจ้ารู้ว่าพี่ชายตนจำชื่อไม่ได้ ทั้งๆ ตอนที่รายนี้มาถึงจนปานนี้พี่ชายยังไม่ได้เรียกชื่อตนสักครั้งแท้ๆ
“เออ...ใจเย็นๆ ก่อนครับ” ฟุริฮาตะที่กลัวจะมีการวางมวยขึ้นรีบห้าม...ที่ห้ามไม่ใช่อะไร กลัวหญิงสาวก่อเรื่องชวนสติแตกขึ้นแค่นั้นแหละ “ชิโกะก็อย่าเพิ่งแกล้งชาวบ้านสิ...แล้วพวกด้านหลังนั้นคือ?”
“เก็บได้น่ะ” ชิโกะเอ่ย “และเพราะพวกนี่ทำให้เรางานงอกขึ้นมาอีกเรื่องแล้วด้วย”
“หมายความว่าไง?” อาคาชิถาม...ไอ้งานงอกที่ว่าไม่ต้องคิดให้ปวดหัวก็รู้เลยว่าเรื่องใหญ่ชัวท์
“เดียวบอกทีเดียวกับทุกคนไปเลย แต่ตอนนี้นายช่วยบอกก่อนได้ไหมว่าทำไมถึงมาฟัดกันหน้าบ้านห๊า? ไม่บอกคราวนี้เราจะแกล้งล่ะนะ~~~” ชิโกะลากเสียงยาวพร้อมทำท่าเตรียมเสกอะไรสักอย่างออกมาหากอีกฝ่ายช้า
“อย่าลากเสียงสิ หลอนนะนั้น...” อาคาชิถอยห่างจากสาวเจ้าเล็กน้อย “...ที่สู้กันนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอก แค่คนคนนี้อยู่ๆ โผล่มาแล้วเกิดคุยถูกคอเลยโดนชวนให้เป็นคู่ซ้อมดาบให้เท่านั้นแหละ”
“แค่นั้น?” ชิโกะเลิกคิ้วน้อยๆ
“อื้อ” คนผมแดงพยักหน้ารับ
“...นี่ลงผิดท่าหัวกระแทกพื้นมาหรือเปล่าเนี่ย? อาคาชิเพิ่งเคยสู้รบของจริงเมื่อวานเองนะ” ชิโกะเหล่มองคนผมสีเหลืองอ่อนที่ยังยิ้มหน้าแป้นอยู่
“ก็ไม่คิดอะไร แค่เห็นแววว่าน่าจะเป็นคู่ซ้อมให้ได้เท่านั้นแหละ” ฮิเกะคิริตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ต่างจากคนผมสีเขียวอ่อนข้างๆ ที่จ้องสาวเจ้าตาเขม่น
“เหรอ...” ชิโกะขานรับก่อนที่จะหันไปแยกเขี้ยวใส้คนที่จ้องตนไม่เลิก “...ฮิสะมารุ ถ้านายไม่เลิกเขม่นเรา เราจะแกล้งนายล่ะนะ~~~”
“แกล้ง?” ฮิสะมารุเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดนั้น...คิดว่าจะแกล้งเขาได้หรือ?
“หมายถึงยังไงหรือ?” ฮิเกะคิริที่เพิ่งโดนกะละมังตกใส่หัวจากฝีมือสาวเจ้าก่อนหน้านี้ถาม
“ก็ตามที่พูด และรับรองว่าน้องนายไม่เป็นอะไรแน่นอนแล้วกันนอกจาก...แบบนี้อ่ะนะ” ชิโกะสะบับมือน้อยๆ และ...
“เฮ้ย! ฮิสะมารุ!?” ...ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นจนเหล่าสหายของคนผมเขียวอ่อนหลุดร้องออกมากันเป็นแถว
“อะไรหรือ?” ฮิสะมารุที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและอะไรที่ทำให้ชาวบ้านตกใจถาม
“บ...บนหัว...” คะชูชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่อีกฝ่าย
“หัว?” ฮิสะมารุลองเอามือคล้ำๆ บนหัวตัวเองและ...ถึงกับคิ้วขมวดเมื่อสัมผัสโดนกองอะไรสักอย่างเข้า
“เออ นี่ครับ...” ฟุริฮาตะยื่นกระจกจากไหนไม่รู้ให้ “...ดูเองเถอะครับ”
“เฮ้ย! มันมาอยู่บนหัวข้าได้งายยยย!?” ฮิสะมารุร้องลั่นทันทีที่เห็นภาพของตนที่สะท้อนในกระจกนั้นมีหูสัตว์โผล่ขึ้นมาบนศรีษะตน!
“ก็เพราะชิโกะอยากแกล้งคุณไงครับ” ฟุริฮาตะที่มักเป็นคนที่ถูกสาวเจ้าแกล้งส่งยิ้มแห้งๆ ให้
“ดูดีนี่ปิโยะมารุ” ฮิเกะคิริจับหูสัตว์บนหัวน้องตัวเองเล่น ทำให้คนโดนจับสะดุ้งโหยง
“ฮิสะมารุต่างหากท่านพี่! นี่เจ้า! เอามันออกจากหัวข้าเลยน้าาาา!!!” ฮิสะมารุแก้ชื่อตนตามปกติก่อนหันไปโวยใส่หญิงสาวตัวต้นเหตุ
“ไม่เอาอยากแกล้งนาย...เอาหางด้วยดีไหม?” ชิโกะยิ้มร่าพลางทำท่าเหมือนจะเสกสิ่งที่ว่าขึ้นมาจริงๆ
“ไม่ดี!” ฮิสะมารุที่พอรู้ฤทธิ์ของหญิงสาวแล้วว่าสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจนึกรีบส่ายหน้าวืด
“ชิโกะเลิกแกล้งชาวบ้านได้แล้วน่า เธอมีเรื่องจะคุยอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ฟุริฮาตะพยายามห้ามความบ้า (?) ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกว่านี้
“ก็จริง แต่...อยากแกล้งคนมากกว่า” ชิโกะตอบ
“ถามความสมัครใจข้าบ้างเถอะ!” ฮิสะมารุลี้ภัยไปหลังพี่ชายตน
“ถ้าถามจะเรียกว่าแกล้งเหรอ?” ชิโกะยักคิ้วอย่างกวนๆ พลางสะบับมือไปทีนึง “เอ้าๆ หยุดก็ได้ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนกินยาขมเลย”
“หายไปเสียที” ฮิสะมารุถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นภาพสะท้อนจากกระจกที่ฟุริฮาตะยื่นให้ส่องต่ออย่างรู้งานนั้นหูสัตว์ได้หายไปแล้ว
“น่าเสียดายอยู่เหมือนกันแฮะ” ฮิเกาะคิริทำเสียแบบเสียดายจริงๆ
“เรามีขาย เอาไหม?” ชิโกะควักรูปหลายใบจากไหนไม่รู้ออกมาโชว์
“เฮ้ย! ถ่ายไปตอนไหน!?” ฮิสะมารุแว๊ดพร้อมพุ่งไปหมายจะชิงมาก่อนที่ภาพน่าอายจะหลุดไปสู่ใคร แต่คนตัวเล็กกลับโดดข้ามหัวอีกฝ่ายแล้วไปยืนหน้าฮิเกะคิริซะงั้น
“ไม่บอก” ชิโกะหัวเราะหึๆ พลางยื่นรูปให้คนผมเหลืองอ่อน
“ถ่ายสวยนิ...ขอหมดได้ไหมเนี่ย?” ฮิเกะคิริมองภาพถ่ายตาวาว...จะไม่ให้ตาวาวได้ไงในเมื่อในรูปถ่ายนี้มีทุกมุม แถมแต่ล่ะมุมเด็ดๆ ทั้งนั้นด้วย!
“ได้ แต่แพงนะ” ชิโกะสวมวิญญาณแม่ค้าขายของทันใด
“ลดให้ข้าหน่อยสิ” ฮิเกะคิริต่อ...ที่จริงต่อไปงั้นๆ แหละ ต่อให้แพงเขาก็จะเอา
“ไม่เอาอ่ะ แต่จะยอมให้เซ็นไว้ก่อนหรือไม่ก็...” ชิโกะเริ่มยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ
“ถ่ายวิดีโอตอน×××กับแฟนให้ดู ก็จะยกให้ฟรีเลย” อาโอมิเนะที่ยืนชมมาตลอดเอ่ยต่ออย่างรู้ทันในความคิดหญิงสาว
“ถูก” ชิโกะพยักหน้ารับหน้าตาเฉย
“เอาจริง...ดิ?” เหล่าหนุ่มๆ ที่ไม่รู้ตัวตนของหญิงสาวนักถามอย่างเอ๋อๆ ด้วยเหงื่อตกนิดๆ
“จริงครับ ยัยนี่ชอบแบบนี้” ฟุคุอิพยักหน้ายืนยัน
“อื้ม...น่าสนใจเหมือนกันนะ” ฮิเกะคิริแสยะยิ้มน้อยๆ
“อย่าคล้อยตามสิท่านพี่!” ฮิสะมารุรีบห้ามด้วยใบหน้าแดงแจ๋...เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าแฟนที่ว่าของฮิเกะคิริคือผู้ใด
“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังดีไหม? ฉันเริ่มอายแทนแล้วนะ...” ฟุริฮาตะเอามือกุมหน้าน้อยๆ ด้วยความเหนื่อยใจ
“ก็ได้ งั้นเรารีบขึ้นไปด้านบนแล้วคุยเรื่องของพวกนี่กันเถอะ...” ชโกะที่เล่นจนหน่ำแล้วหรืออย่างไรไม่ทราบยอมยุติเรื่องนี้ลงง่ายๆ และทำท่าจะขึ้นไปบนบ้านแต่ก็ชะงักคล้ายเพิ่งนึกอะไรออกเสียก่อน “...อ๋อ จริงสิ อาคาชิ...นายลืมคืนวิดีโอเราแหน่ะ”
“อ้าว ก็เห็นเงียบคิดว่าไม่เอาแล้วเสียอีก” อาคาชิโยนวิดีโอเครื่องน้อยให้สาวเจ้า
“เรื่องอะไรจะไม่เอาล่ะ” ชิโกะรับสิ่งที่ถูกโยนมาอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว! นี่ถ่ายกันไว้จริงๆ เหรอเนี่ย!?” ฟุริฮาตะหน้าแดงวาบด้วยความที่รู้ว่า...วิดีโอที่พูดถึงนั้นคืออะไร
“ขอโทษนะโคกิ แต่แบบนี้ดูท่าจะดีต้อสุขภาพจิตสุดน่ะ” อาคาชิเอ่ย
“ถึงงั้นก็เถอะ” ฟุริฮาตะไม่เถียงว่านี่ดีต่อสุขภมพจิตจริงๆ แต่มันน่าอายนะ!
“อย่าคิดมากน่า เดี๋ยวแก่เร็วนะ” ชิโกะสะบับมือน้อยๆ ก่อนที่วิดีโอในมือจะหายแว๊บไปกลางอากาศทำเอาหลายๆ คนสะดุ้งโหยงและ... “ไปกันเถอะ!”
“เฮ้ย! ขึ้นลงแบบคนปกติหน่อยสิ!” ...สาวเจ้าก็โดดขึ้นไปด้านบนต้นไม้สูงอย่างรวดเร็ว
“แบร่! ไม่สนหรอก!” ชิโกะแล่บลิ้นใส่แล้ววิ่งหนีเข้าบ้านไป
“เฮ้อ คิดแง่ดี...ดีกว่าตอนยัยนั้นโดดลงจากตึกล่ะวะ” ฟุคุอิบ่นออกมาเบาๆ ก่อนที่จะไล่ต้อนแต่ล่ะคนให้ขึ้นไปบนบ้าน...โดยบางคนนั้นไต่ต้นไม้ราวนินจาขึ้นไปแทนด้วย แต่ก็ดีกว่าวิธีของสาวเจ้าเยอะ จากนั้นเมื่อขึ้นมาบนบ้านครบและหญิงสาวเองก็จัดการให้ทุกคนในกลุ่มมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้วเริ่มทำการจับเข่าคุยกันทันที
“อื้ม...เริ่มอธิบายตรงไหนก่อนดีหว่า?” พอทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วชิโกะก็เป็นคนเอ่ยเปิดประเด็นคนแรก
“เอาแต่เริ่มเลยเถอะครับ พวกผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” โฮริคาวะเอ่ย
“อธิบายยากแฮะ เพราะพวกนายเพิ่งเคยเข้ามาในแดน (ฟิค) ของเราด้วย...งั้นเอาง่ายๆ คือเรามีของที่ทำให้ชาวบ้านเล่นตามบทที่เราเขียนราวละครฉากหนึ่งได้ และมีไอ้บ้าบางตัวมาเล่นไอ้ของที่ว่าของเราจนทำให้หลุดมาที่นี่น่ะ” ชิโกะพยายามอธิบายแบบที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจ “ปกติเราจะควบคุมเฉพาะโลกของไอ้พวกนี้ แต่ไอ้บ้านั้นดันเขียนพวงเข้ามาว่ามีพวกนายหลงมาที่นี่ด้วยเลยทำให้พวกนายหลุดมาที่นี่น่ะ”
“ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจแฮะ” คาเนะเกาะหัวตัวเองน้อยๆ
“เอาเป็นว่ามีคนทำให้พวกนายหลุดมาที่นี่ก็แล้วกัน” ชิโกะที่ขี้เกียจอธิบายรอบสองบอกไปปัดๆ “และในเมืองนี้พอเราอ่านอย่างละเอียดแล้วก็ได้ข้อมูลเพิ่มว่ามีซอมบี้แบ่งออกเป็นสามระดับคือระดับล่างที่ทำได้แต่เดินตามเอื่อยๆ ระดับกลางวิ่งตามได้ มีกำลังเพิ่มขึ้น ส่วนระดับสูงมีออฟชั่นเสริมแค่พูดได้กับฉลาดขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น...ใครมีคำถามอะไรไหม?”
“ซอมบี้คืออะไร?” คะชูถามต่อ
“ศพเดินได้น่ะ แถมกินคนเป็นอาหารด้วย” ชิโกะเอ่ย
“แล้ว...มีทางออกจากที่นี่ไหม?” ฮิสะมารุเป็นคนถามคนต่อไป...เนื่องจากคิดว่าติดในที่แบบนี้นานๆ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“มี แต่ต้องรออีกราวๆห้าหกวันถึงจะออกไปได้” ชิโกะยักไหล่น้อยๆ “มีอะไรอีกไหม?”
“งั้นฉันขอถามต่อ...ไหงพวกนี่ถึงมีชื่อเป็นดาบล่ะ?” ฟุคุอิถามในเรื่องที่ตนสงสัยมาแต่แรกและจนปานนี้ยังไม่ได้คำตอบ
“เอาง่ายๆ คือพวกนี่เป็นดาบไว้...ประมาณวิญญาณสิงของที่เกิดในดาบน่ะ” ชิโกะเอ่ย...ที่จริงตอนแรกเจ้าตัวจะบอกว่าประมาณเดียวกับพวกสัตว์อังเชิญในเกม แต่กลัวว่าต้องตอบพวกดาบอีกว่าเกมคืออะไร
“แต่ไม่ยักเหมือนผีน่อ...โอ๊ย! เจ็บน่อ!” หลิวคุมหัวอย่างเจ็บๆ เมื่อฝักดาบหลายฝักลอยมากระแทกหัวตน
“ว่าใครเป็นผีก่อนล่ะ?” คะชูแยกเขี้ยวใส่
“ปากเสียเอง ช่วยไม่ได้” ฟุคุอิที่ไม่คิดช่วยรุ่นน้องตัวเองแม้แต่น้อยซ้ำเติมไปอีกคน
“ฟุคุอิอ่ะ!” หลิวทำแก้มป่องก่อนพุ่งเข้าไปอ้อนคนผมทองตามปกติ
“...ช่างคู่รักติ๊งต๊องนั้นแล้วมาคุยกันต่อเถอะว่าจะเอาไงกันต่อ? เธอไม่ได้เตรียมการในเรื่องนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ?” มายุสุมิเมินคนที่ทะเลาะกันแล้วหันมาถามสาวเจ้าต่อ
“ก็ใช่ แต่ไม่เป็นไร...” ชิโกะเรียกอุปกรณ์คู่กายของตนออกมากดๆ พิมพ์ๆ อะไรสักอย่างในแท็บและจากนั้นก็มีเสียงดังโครมดังขึ้นทำให้หลายๆ คนสะดุ้งโหยง “...เดี๋ยวเราเพิ่มให้”
“...เสกบ้านอีกหลังออกมาเหรอ?” เหล่าหนุ่มๆ มองอกไปนกบ้านและเห็นว่า...ยามนี้มีทางเชื่อมและบ้านต้นไม้เพิ่มขึ้นมาอีกหลัง
“เออดิ ไม่งั้นพวกนี้ได้นอนในห้องนี่แทนแหง” ชิโกะเก็บแท็บเล็ตตนไปเมื่อหมดหน้าที่ “ส่วนพวกของใช้ส่วนตัว...เราเสกแบบว่าของอะไรจำเป็นกับพวกนายก็โผล่มาหมดแล้วกัน เราไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้าง โอเคนะ?”
“ยังไงก็ได้...” หนุ่มดาบพยักหน้ารับ...อย่างไรเสียยามนี้พวกเขามีทางเลือกไม่มากนักหรอก
“งั้นก็ดี งั้นต่อไป...ต้องแนะนำตัวกันสินะ?” ชิโกะเอ่ย
“ฉันว่าอันนั้นต้องทำเป็นอย่างแรกมากกว่าอย่างสุดท้ายแบบนี้นะ” มิบุจิดรอกตาไปมา
“น่าๆ อย่าบ่นน่า...เป็นเป็นว่าเราชิโกะ อาคากิและบอกก่อนนะว่าอาคากิน่ะนามสกุลเรา อย่าคิดว่าเราชื่อนี่ล่ะ” ชิโกะเอ่ยแนะนำตัวเป็นคนแรกด้วยน้ำเสียงกวนๆ ...กวนเสียจนบางคนอยากหาอะไรปาหัวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเห็นความบ้าของรายนี้และรู้ว่ารายนี้หลบได้แถมมีแกล้งตนกลับด้วยล่ะก็นะ
“อย่าแกล้งคนสิ ชิโกะ” อาคาชิถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มแนะนำตัวเองแล้วจากนั้นหนุ่มๆ บาสก็ค่อยแนะนำตัววนกันไปจนครบทุกคน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ส่วนผม...โฮริคาวะ คุนิฮิโระครับ” โฮริคาวะซึงตัวเล็กสุดในกลุ่มดาบขณะนี้เอ่ยแนะนำตัวเป็นคนแรกของกลุ่ม
“อิซึมิโนะคามิ คาเนะซาดะ” คาเนะเอ่ยต่อจากคู่ขา เอ้ย! คู่หูตน
“ยามาโตะโนะคามิ ยาสุซาดะ” ยามาโตะเอ่ยพลางถอยห่างสาวเจ้าที่ทำหน้าเหมือนอยากแกล้งคนเล็กน้อย
“คะชู คิโยมิสึ” คะชูแนะนำตัวพร้อมถอยห่างหญิงสาวไม่ต่างกัน...ก็แหงล่ะ เจอครั้งแรกก็โดนรายนี้ทำให้ต้องหนีตายจากพายุใครมันจะไม่จิตตกล่ะ
“นิคคาริ อาโอเอะ...คิดว่าชื่อข้าแปลกใช่ไหมล่ะ?” อาโอเอะหัวเราะเบาๆ
“อิชิคิริมารุขอรับ” อิชิคิริมารุยิ้มให้แต่ล่ะคนอย่างเป็นมิตร
“ฮิเกะคิริ” ฮิเกะคิริที่ก่อนหน้าไปสู้กับชาวบ้านหน้าตาเฉยยังคงรอยยิ้มบนดวงหน้าตามปกติ
“ฮิสะมารุ...และเจ้าอย่าเตรียมทำท่าจะแกล้งข้าสิ!” ฮิสะมารุแยกเขี้ยวใส่ชิโกะที่ทำหน้าอยากแกล้งเต็มที่ ต่างจากคนอื่นที่แค่เหมือนจะเท่านั้น
“แหม ก็เราอยากแกล้งนายนิ~~~~” ชิโกะลากเสียงยาว
“ไม่ต้องเลย!” ฮิสะมารุหลบหลังพี่ชายตนที่หัวเราะอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรอย่างว่อง
“อย่าแกล้งคนสิชิโกะ ตอนนี้มาคุยเรื่องก่อนที่เธอจะไปหาพวกคิเสะดีกว่าเนอะ...” มิบุจิจับบ่าหญิงสาวไว้ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปแกล้งใครเข้าจริงๆ “...คงไม่ลืมนะว่าก่อนไปคุยเรื่องอะไรกันอยู่?”
“ลืมบ้างก็ได้!” ชิโกะรีบมุกออกจากเงี้ยมือคนหน้าสวย
“อย่าหนีนะชิโกะ!” มิบุจิวิ่งตามคนที่โดดหนีราวโดนผีเข้าไปทั่วบ้าน
“...เกิดอะไรขึ้นอ่ะ?” คิเสะหันไปถามแต่ล่ะคนซึ่งไม่ได้โดนให้ออกไปไหนที่ทำหน้าราวปลงโลกสุดแสน
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ก่อนหน้านี้พวกฉันนั่งเล่นไพ่กันแล้วเล่นไปเล่นมาอยู่ๆ มิบุจิมันก็ทักว่าหัวชิโกะดูยุ่งๆ น่าจะหวีสักหน่อย...และยัยนั่นก็ผีเข้าหรืออะไรไม่รู้หนีทั่วบ้านนี่แหละ” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แค่หวีผมเนี่ยนะ?” คนที่เพิ่งกลับมาบวกกับคนที่เพิ่งเคยมา ณ ที่แห่งนี้แต่ล่ะคนขมวดคิ้วเป็นปม...แค่หวีผมมันจะอะไรนักหนาล่ะ?
“ก็ชิโกะเป็นพวกไม่ชอบแต่งตัวนี่นะ” ฮายามะที่กำลังชมการไล่ล่า (?) อย่างสนุกสนาน “และคงเข็ดจากการที่พี่เรโอะจับแต่งปานตุ๊กตาคราวก่อนด้วย”
“...หาความเป็นผู้หญิงปกติไม่เจอจริงๆ” ไฮซากิรู้สึกเหนื่อยใจกับรายนี้จริงๆ ...ผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมาตลอดชีวิตเนี่ยต่อให้ไม่ชอบแต่ตัวยังไงก็ยังไม่ปล่อยให้หัวยุ่งแบบนี้นะ!
“แล้วจะเป็นไรเล่า!” ชิโกะที่ได้ยินเสียงบ่นอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจลอยมาเถียงกลับ
“เป็นไม่เป็นไม่รู้! แต่อย่างน้อยหวีผมสักนิดเถอะ! นี่หัวยุ่งขนาดนี้หวีครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เนี่ย!?” มิบุจิถืออาวุธพิฆาต...ซะที่ไหน แค่หวีด้ามหนึ่งเตรียมหวีหัวยุ่งๆ ของหญิงสาวโวยลั่นและยังคงไล่จับอีกฝ่ายต่อไป
“วันก่อน!” ชิโกะยังอุตสาห์บ้าจี้ตอบกลับไป
“ตั้งแต่ก่อนหลงมาที่นี่เนี่ยนะ!?” มิบุจิแว๊ดลั่น...นี่ทั้งหนีซอมบี้ ลุยกับซอมบี้ ล่าสัตว์ เชือดสัตว์นี่ไม่ได้คิดจะแงะไอ้ที่ติดผมออกเลยหรือไง? “มาหวีผมเผ้าให้เรียบร้อยเสียดีๆ!”
“ไม่เอา~~~” ชโกะวิ่งหนีต่อ แต่แล้วคราวนี้...ไม่ทันหนีไปไหนก็ถูกฮิสะมารุที่เดินมาตอนไหนไม่รู้ล็อกแขนไว้เสียจนขาลอยจากพื้น “เฮ้ย! ล็อกแขนเราทำมายยยยย!?”
“อยากแกล้งเจ้ากลับน่ะ” ฮิสะมารุที่เกือบโดนแกล้งเสียหลายรอบตอบ
“จับดีๆ นะ ขอหวีผมชิโกะสักนิด...ผมก็ยาวกลับไม่ชอบหวีผม” มิบุจิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...นี้ขนาดจับเด็กเล็กๆ มาหวีผมยังไม่ยากเท่ารายนี้เลย...
...แต่ยังดีที่รายนี้ดูท่าจะเกิดอาการขี้เกียจขึ้นมาก่อน เลยไม่ใช้วาปหนีไปไหนเนี่ย
“ถ้ายังไม่พันกันก็ไม่เป็นไรหรอกน่า และคะชู! นายจะเอายาทาเล็บมาทาเล็บเราทำไม!?” ชิโกะทำหน้ามุ่ยใส้มิบุจิก่อนจะหันไปโวยใส่นายคะชู คิโยมิสึที่เอายาทาเล็บจากไหนไม่รู้มาทาเล็บตนเสียแล้ว
“ก็เห็นว่าไหนๆ ก็แต่งแล้วเลยเอาให้หมดไปเลย...แต่เล็บเจ้านี่สั้นกุดไปหน่อยนะ” คะชูบ่นเล็กน้อยแบบไม่สนใจเสียงโวยวายมากนัก
“นี่คือยาวแล้วสำหรับเรานะ!” ชิโกะเถียงกลับ
“ยาวกว่าส่วนเนื้อหน่อยเดียวเนี่ยนะ? ไว้ยาวกว่านี้เถอะ” คะชูไม่คิดว่าเล็บสั้นจนแทยติดเนื้ออยู่ร่อมร่อเนี่ยจะเรียกว่ายาวได้หรอก “มือก็เรียวดี ถ้าไว้เล็บยาวกว่านี้น่ารักแน่”
“ใครมันจะไปสนเรื่องแบบนั้นอย่างเจ้าล่ะ” ยามาโตะกรอกตาไปมากับคำพูดเมื่อครู่
“แต่ผู้หญิงก็ควรสนใจเรื่องนี้บ้างนะ” ถ้าสำหรับผู้ชายมิบุจิไม่เถียงว่าคงไม่จำเป็นมากนักแต่สำหรับผู้หญิงแท้ๆ เต็มร้อยแบบนี้นี่มันก็ควรนะ “นิ่งๆ สิชิโกะ!”
“ไม่เอาอ่ะ!” ชิโกะโวยวายราวเด็กๆ
“...ดูท่า...จะอีกยาวเลยนะเรื่องนี้” อาโอเอะมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วความขำสุดแสน
“นั้นสิเนอะ” ฮิเกะคิริยังคงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วมองน้องชายตนที่ร่วมวงไปแกล้งหญิงสาวต่อไป
เวลาผ่านไปจนล่วงเลยมายามเย็น เหตุการณ์วุ่นๆ ในวันนี้...ที่วุ่นที่สุดมาจากหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มก็จบลงด้วยการถูกหนุ่มผู้รักสวย (?) สองคนจับแต่งเสียเต็มที่และแน่นอนหลังว่านั้นทำเอาสาวเจ้าโวยวายไปยกใหญ่ ถ้าไม่ใช่ว่าชิวาว่าประจำกลุ่ม (?) ช่วยห้ามปรามและกล่อมให้ชิโกะไปทำอาหารเย็นเนื่องจากใกล้มืดแล้วคงไม่แครวได้ชมความบ้าของรายนี้รอบสองเป็นแน่
“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ” เมื่อทานอาหารค่ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเด็กหนุ่มทุกคนก็เอ่ยเช่นนี้ตามมารยาทแล้วช่วยเก็บจานชามไปล้างก่อนที่จะมานั่งจับเข่าคุยกันอีกรอบ
“เห็นบ้าๆ ไม่คิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย” ยามาโตะที่ได้รับชมความบ้าของรายนี้มามากเอ่ย
“บ้าแล้วผิดหรือ?” ชิโกะยักคิ้วอย่างกวนๆ
“เอ้าๆ อย่าทะเลาะกันสิ...ว่าแต่พรุ่งนี้มีใครซวยล่ะ?” ฟุคุอิที่ขี้เกียจชมการทะเลาะกันของชาวบ้านถามขึ้นมา
“คู่อาคาชิ คู่มิบุจิและคู่ของคางามิน่ะ” ชิโกะหลังไปอ่านทบทวนบทดีๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรโผล่มาอีกและจำเนื้อหาที่ต้องเจอได้หมดแล้วเอ่ย
“...ที่พูดนิหมายถึงอะไร?” พวกหนุ่มดาบที่ไม่รู้เรื่องอะไรถามขึ้น
“คืออย่างนี้...ทุกวันในแดนนี้ไอ้พวกนี่ต้องไปเดินเล่นในเมืองซอมบี้อย่างน้อยวันล่ะสองคู่น่ะ อย่างพวกที่ไปเจอพวกนายวันนี้ก็คือพวกที่ต้องไปเดินเล่นแบบนี้เหมือนกัน” ชิโกะอธิบาย
“แล้วมันจะไม่อันตรายหรือ?” ฮิสะมารุถาม...ถึงเท่าที่ดูนายหัวแดง (อาคาชิ) จะเก่งก็จริง แต่การกลางดงศัตรูที่ไม่รู้มีจำนวนเท่าใดจำนวนแค่นี้สำหรับคนธรรมดาถือว่าอันตรายพอดู
“อันตรายน่ะใช่ แต่ถ้าไม่ไปเองก็จะมีบางอย่างมาบังคับให้พวกนี้ต้องไปยังจุดหมายเหมือนเดิม” ชิโกะตอบก่อนที่จะหันไปพูดกับคนทำหน้าที่อ่อยซอมบี้ในวันพรุ่งนี้ต่อ “จุดหมายพรุ่งนี้...อาคาชิไปทางเหนือ มิบุจิไปทางใต้ คางามิไปทางตะวันออก”
“แล้วพวกข้าไม่มีงานเหรอ?” ฮิเกะคิริถามขึ้น
“ไม่มีอ่ะ หรือจะเอา?” ชิโกะถามกลับ
“เอาดิ!” เหล่าหนุ่มดาบตอบแทบจะทันใด...ก็แหม มาอยู่บ้านเขาฟรีๆ ก็ยังไงๆ อยู่ แถมให้อยู่เฉยๆ ก็น่าเบื่อจะตายชัก ไปหาศัตรูฟันเล่น (?) น่าจะสนุกกว่าอีก
“งั้นไปทางตะวันตกแล้วกัน ไม่มีใคร ส่วนให้ใครไปนั้นใช้วิธีจับฉลากเอาดีไหม?” ชิโกะที่ไม่คิดอะไรมากถามพวกนี้ไปเดินเล่นในเมืองผี...เพราะอย่างน้อยก็เก่งกันอยู่แล้วถาม
“ตกลงตามนั้น” เหล่าหนุ่มดาบพยักหน้ารับ
“งั้น...” ชิโกะสะบัดมือน้อยๆ และกระบอกไม้ไผ่เจ้าเก่ารายเดิมก็ปรากฏขึ้นในมือสาวเจ้า “...มาจับฉลากกันเลยดีกว่าเนอะ ใครได้ไม้เลขหนึ่งคือไปพรุ่งนี้ เลขสองวันถัดไป เลขสามถัดไปอีกส่วนเลขสี่ประเดิมปิดวันสุดท้ายก่อนกลับ”
“ได้” หนุ่มๆ ทั้งแปดพากันจับก้านไม้ในกระบอกออกมาอย่างรวดเร็ว และผลที่ได้คือ...
“ไชโย! ข้าได้!” ...ยามาโตะกับคะชูคู่หูคู่ฮา (?) ได้ไปเป็นคู่แรก
“เสียดายจัง...ข้าได้เลขสอง” อาโอเอะมองเลขสองบนไม้ตนอย่างเสียดายจริงๆ
“น่าๆ” อิชิคิริมารุที่ได้เลขสองเช่นเดียวกันปลอบ
“ได้เลขสามแฮะ” คาเนะเกาหัวตัวเองน้อยๆ อย่างเซ็งๆ
“ได้เลขเดียวกันเลยครับคาเนะซัง” โฮริคาวะยิ้มร่า ดูท่าจะไม่สนลำดับที่ต้องไปเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับเรื่องที่ตนจะได้ไปกับใคร
“จับออกมาเป็นคู่กันพอดีเลยเนอะ ว่าไหมน้องชาย?” ฮิเกะคิริที่ได้ลำดับสุดท้ายถามด้วยรอยยิ้ม
“นั้นสินะครับ” ฮิสะมารุพยักหน้ารับ...ดูเป็นคู่ๆ กันเกินไปด้วย!
“เอ้าๆ เมื่อได้ลำดับกันแล้วก็เอานี่ไป...ใช้เป็นกันไหม?” ชิโกะเสกโทรศัพท์เครื่องน้อยออกมาแล้วโยนให้หนุ่มๆ แต่ล่ะหน่อที่มั่นใจได้เลยว่าไม่มีแน่นอน
“นี่มัน...โทรศัพท์มือถือ?” อิชิคิริมารุที่เกือบรับสิ่งที่โยนมาไม่ทันพลิกสิ่งที่ได้รับมาไปมา
“ใช้เป็น นายท่านเคยสอนอยู่...ทำไมหรือ?” คะชูถามอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายให้สิ่งนี้กับพวกตนทำไม
“โอเค งั้นอธิบายง่ายๆ คือตนนี้จะบอกเส้นทางที่พวกนายต้องไป และมีปัญหาอะไรก็โทรหาเรา เราจะไปช่วยเข้าใจนะ?” ชิโกะอธิบายแบบรวบรัดและเข้าใจง่าย
“เข้าใจ แต่วิธีโทรให้เจ้าช่วยขอเป็นวิธีสุดท้ายเถอะ” ยามาโตะถอนหายใจออกมาเบาๆ ...โทรให้เด็กผู้หญิงมาช่วยนี่คงไม่ไหวนะ
“ไหงงั้นล่ะ!” ชิโกะทำแก้มป่อง
“ก็ตามที่พูดนั้นแหละ” ยามาโตะกรอกตาไปมา
“เอ้าๆ อย่าทะเลาะกันสิ...และแยกย้ายไปนอนกันได้แล้ว” คาซามัตสึที่เกรงว่าเรื่องวุ่นวายจะตามมาอีกพยายามปราม
“จ้าๆ แหม บ่นเป็นแม่เชียวนะคาซามัตสึ” ชิโกะเอ่ย
“ใครเป็นแม่ห๊า!? ยัยชิโกะ!” คาซามัตสึแยกเขี้ยวใส่
“นายไง” ชิโกะแล่บลิ้นก่อนที่จะ...โดดหลบลูกถีบจากคาซามัตสึอย่างรวดเร็ว
“...พวกเราก็แยกย้ายเถอะ” อาคาชิที่ปลงหรืออะไรสักอย่างกับสาวเจ้าแล้วเอ่ยขึ้นมา
“อื้ม” ทุกชีวิตพยักหน้ารับก่อนที่จะพากันแยกย้ายไปที่พักใครที่พักมัน โดยปล่อยเจ้าและคาซามัตสึเล่นกันไป (?)
ทางที่พักของหนุ่มดาบ
“ดูท่าจะออกแบบมาดีพอสมควรเลยนะครับ” โฮริคาวะเอ่ยขึ้นมาหลังจากเดินเข้ามาภายในที่พักที่สาวเจ้าจัดให้...ซึ่งภาพลักษณ์ดูแตกต่างจากที่เห็นภายนอกลิบลับ
“นั้นสิเนอะ...ถึงภายนอกไม่เหมือนแต่ภายในเหมือนที่ฮงมารุเลยหลังนี้” คาเนะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“คงอยากให้เราอยู่อย่างไม่อึดอัดมั้ง” คะชูลองเปิดประตูห้องที่แยกเอาไว้เอาดูและปรากฏห้องนอนแบบญี่ปุ่นอย่างที่ตนอยู่ประจำ
“ใจดีพอดู” ยามาโตะตอนแรกคิดว่าจะทำส่งๆ ให้เสียอีก
“ถ้าความบ้าไม่มาบังไว้มิดนะ” ฮิเกะคิริคิดว่าถ้ารายนั่นตัดความบ้ากับความขี้แกล้งออกคงเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลย
“นั้นสิ ถ้าไม่บ้าสักหน่อยเป็นหญิงงามแน่” อาโอเอะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“หญิงงาม? ข้าว่ารายนั่นต่อให้ไม่บ้าก็คงยากนะ” ฮิสะมารุที่โดนแกล้งจากสาวเจ้าไม่คิดว่ารายนั่นจะเป็นอย่างว่าได้หรอก
“แต่ก็อาจได้มิใช่หรือ?” อิชิคิริมารุเอ่ย
“ไม่มีทางเสียล่ะ” ฮิสะมารุค้านกัวชนฝาเลยเรื่องนี้
“แต่ก็เป็นไปได้จริงๆ นะครับ”
“แต่...เอ๊ะ? เมื่อครู่ใครพูดน่ะ?” ฮิสะมารุที่กำลังจะเถียงกลับชะงักเมื่อมีเสียงของใครบางคนดังขึ้นและนั่นไม่ใช่เสียงคนในกลุ่มตนเสียด้วย
“ผมเองครับ” เสียงเดิมดังขึ้นพร้อมกับ...เด็กหนุ่มผมฟ้าที่มาอยู่ข้างฮิสะมารุเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
“เฮ้ย! มาเมื่อไหร่กัน!?” เหล่าหนุ่มดาบแว๊ดลั่น...สัญชาตญาณการป้องกันพวกเขาก็ยังอยู่ดีนะ ไหงถึงไม่รู้ถึงตัวตนของรายนี่เลยล่ะ!?
“เดินตามมาแต่แรกแล้วครับ พอดีชิโกะกับคาซามัตสึซังทะเลาะกันหน้สห้องผมจนเข้าไม่ได้ ผมเลยเดินตามพวกคุณมาแทนครับ” คุโรโกะ เท็ตสึยะผู้แสนจืดจางตลอดกาลเอ่ยหน้าตายสนิก
“ทำไมไม่รู้ตัวเลยล่ะเนี่ย?” ฮิเกะคิริถามอย่างแปลกใจ
“พอดีผมจืดจางไปหน่อยน่ะครับ เลยไม่มีใครสังเกตเห็น” คุโรโกะตอบอย่างเคยชิน
“แล้วที่บอกว่าเป็นไปได้จริงๆ นี่...หมายความว่าไงหรือ?” ยามาโตะถามเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนคุยกันก่อนหน้านี่...ที่ว่าถ้าสาวเจ้าเพียงคนเดียวในที่นี่หายบ้าคงดี แล้วคนผมฟ้าดันพูดเหมือนมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่ชิโกะหายบ้าไงครับ...คราวนั้นเล่นหลอนกันเป็นแถบๆ เลย” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในปีใหม่ที่ผ่านมา (จากตอนนี้จ้า ใครจำไม่ได้กดที่รูปหัวใจเลย ♡)
“เอ๊ะ? เคยเป็นจริง? แล้วตอนนางหายบ้านี่เป็นไงหรือ?” อาโอเอะถามด้วยความอยากรู้
“ก็เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย...เรียบร้อยจนน่ากลัว แถมขี้กลัวด้วยครับ” คุโรโกะรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในคราวนั้น
“แล้วทำไมอยู่นางหายบ้าล่ะ?” ฮิสะมารุไม่คิดว่าไอ้อาการบ้าๆ บอๆ นั้นจะหายได้ง่ายๆ หรอก
“ตอนนั้นพอดีชิโกะโดนของพิศวงนิดหน่อยน่ะครับ แล้วความจำย้อนกลับไปตอนม.ต้นที่เจ้าตัวยังไม่บ้าน่ะครับ” คุโรโกะอธิบาย “ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าชิโกะไม่บ้าแล้วจะเรียบร้อยจนน่ากลัวขนาดนั้นน่ะครับ”
“เอ๋~~~ ขนาดนั้นเลยหรือ?” ฮิเกะคิริถามและในท้ายที่สุด...ไปๆ มาๆ ก็เกิดวงนินทาสาวเจ้าเพียงนางเดียวในที่นี่ขึ้นภายในบ้านพักหลังนี้
ทางห้องคิเสะกับอาโอมิเนะ
“ไม่คิดเลยนะเนี่ย...ว่าจะเจอคนอื่นหลงมากับเราด้วยเนี่ย” อาโอมิเนะบ่นเล็กน้อยพลางนอนแผ่เต็มเตียงแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น
“นั้นสิ ตอนแรกกลัวแทบตายแหน่ะ” คิเสะทิ้งตัวลงข้างๆ คนผมน้ำเงิน
“เล่นซะนายต้องโทรหายัยชิโกะเลยนิเนอะ” อาโอมิเนะแซวนิดๆ “ว่าแต่คิเสะ...เรามาต่อจากตอนกลางวันนี้ไหม?”
“...” พอเจอคำถามนี้คิเสะก็หน้าแดงวาบขึ้นมาพร้อมปาหมอนใกล้ๆ มือใส่หน้าคนที่พูดอะไรออกมาแบบไม่อายฟ้าอายดิน “อาโอมิเนจจิคนลามก! พูดอะไรออกมาห๊า!? แค่ตอนกลางวันยังไม่พอหรือไง!?”
...แค่นี้ก็อายจะตายแล้วโว้ย!...
“ยังอ่ะ ขออีกนะ” อาโอมิเนะตอบทันทีแบบไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ไม่!” คิเสะเองก็ปฏิเสธทันใด
“น่านะคิเสะ” อาโอมิเนะขออย่างออดอ้อน
“ไม่!” คิเสะยังคงยืนยันคำเดิม
“คิเสะ~~~~” อาโอมิเนะลากเสียงยาวแบบพยายามทำให้ดูน่าสงสารมากที่สุด
“ไม่มีวัน!” คิเสะทำตาดุใส่
“คิเสะ~~~~~” อาโอมิเนะก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ส่งลูกอ้อนใส่ไปอีกชุด
“หยึย!” คิเสะสะดุ้งเล็กน้อยกับสายตารายลูกหมาของอีกฝ่าย...พอโดนมองแบบนี้รู้สึกผิดขึ้นมาดื้อๆ เลยวุ้ย! “ก...ก็ได้! รอบเดียวนะ!”
...โว้ย! เกลียดนิสัยใจอ่อนนี่จริงโว้ย!...
“เย้!” อาโอมิเนะร้องลั่นด้วยความดีใจและ...จากนี้จะเป็นเช่นใดต่อคงเดากันออก เพราะงั้นเชิญจิ้นกันเองเลยจ้า!
ทางห้องหลิวกับฟุคุอิ
“นี่ๆ ฟุคุอิๆ” เสียงเรียกเบาๆ ดังจากเด็กหนุ่มสูงราวสองเมตรที่กำลังกอดคนผมทองที่ตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขน
“เติมซังด้วยสิฟะ มีอะไร?” ฟุคุอิเอ่ยอย่างเคยชินก่อนถามกลับไป
“อั๊วอยากกินฟ...” หลิวทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่า...
“ไม่ได้” ...กลับถูกคนผมทองปฏิเสธก่อนที่จะพูดจบเสียอีก เนื่องจากรู้ว่าที่เด็กหนุ่มชาวจีนกำลังต้องการในขณะนี้คืออะไร
“ทำไมอ่ะ?” หลิวทำหน้าหงอย
“เพราะนี่มันเป็นบ้านที่ยัยชิโกะเสกไงฟะ!” ฟุคุอิหันไปแยกเขี้ยวใส่...นี่คิดบ้าอะไรจะทำกันในบ้านคนอื่นเนี่ย!? แค่คราวก่อนก็อายจนอยากเอาหน้ามุดดินหนีแล้วเว้ย!
“ไม่เห็นเป็นไรเลยน่อ” หลิวไม่คิดว่าสาวเจ้าที่เสกบ้านหลังนี้ขึ้นมาจะว่าหรอกถ้าทำอะไรกันขึ้นมาจริงๆ
“เป็นสิฟะ! อย่าเชียวนะเว้ย! ไม่งั้นฉัน...ฉัน...” ฟุคุอิพยายามคิดหาทางรอดจากการนอนเอวเคล็ดในวันรุ่งขึ้นอย่างด่วนจี๋ “...ตอนกลับไปตอนพักเที่ยงฉันจะไปกินข้าวโอคามุระมันแทนนะเว้ย!”
“หว่า! ไม่เอาน่อ!” หลิวร้องโวยวายทันทีที่โดนขู่เช่นนี้ “ไม่ทำแล้วก็ได้! อย่าไปหากัปตันกอริล่านะ!”
“เออๆ ก็ได้ๆ” ฟุคุอิถอนหายใจอย่างโล่งอกที่วิธีนี้ได้ผลก่อนที่จะหันไปปลอบรุ่นน้องตนที่เริ่มงอแงจนจะกลายเป็นเด็กโข่งเบอร์สองแทน
ทางห้องนิจิมุระและไฮซากิ
“นิจิมุระซัง! นี่มันอะไรกานนนนนน!?” คำโวยปนสารพัดคำด่าดังออกจากเด็กหนุ่มผมเทาที่...ถูกมัดมือติดกับหัวเตียงและพยายามดิ้นพล่านๆ ให้หลุดจากสิ่งที่พันธณาการตนในยามนี้...
...ให้ตายเถอะ! กลับห้องมาทำไมจู่ๆ ถึงต้องโดนไอ้รุ่นพี่บ้าหน้านกนี่จับมัดแบบนี้ฟะ!?...
“คิดว่าไงล่ะ?” นิจิมุระถามกลับด้วยสีหน้ากวนโอ๊ยสุดแสน
“ไม่ต้องมากวนเลยไอ้รุ่นพี่บ้า! มัดฉันทำมายยยยย!?” ไฮซากิแว๊ดลั่น...ที่จริงสภาพแบบนี้เขาก็พอเดาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่อยากให้สิ่งที่เดานั้นเกิดขึ้นจริงๆ เลย!
“ฉันอยากเล่น SM กับแกวะ” นิจิมุระตอบหน้าตายสนิก
“จะบ้าเหรอเพ่! นี่ไปเอาของแบบนี้มาจากไหนกัน!?” ไฮซากิเริ่มหน้าซีดกับอุปกรณ์แต่ล่ะอย่างอีกฝ่ายเอาออกมาจากไหนไม่รู้
“ให้ชิโกะเสกให้ แลกกับอะไรคงรู้นะ” นิจิมุระหัวเราะหึๆ
“ไม่รู้ก็บ้าล่ะ!” ไฮซากิกล้าพนันเลยว่าสาวเจ้าเพียงนางเดียวที่รู้ถึงความซวยของตนต้องขอให้รายนี้ถ่ายวิดีโอตอน ××× เขาแหง!
“เข้าใจก็ดี งั้นเริ่มล่ะนะ” นิจิมุระว่าแล้วก็เริ่มเปลือยผ้าอีกฝ่ายในทันใด
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว~~~~!!!” ไฮซากิร้องโหนหวนราวกำลังจะถูกเชือดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่กิจกรรมยามค่ำคืนของทั้งสองจะเริ่มต้นขึ้น...และกว่าจะจบลงคงอีกนาน
TBC.
กลัวเบื่อกันเพราะเป็นเรื่องยาวเลยมาตอบเม้นแบบคราวก่อนจ้า!
Ken ซัง : ตามที่บอก...แล้วแต่อารมณ์น่ะจ้า แต่เราว่าจบเรื่องยาวแล้วจะลงโปรเจค all furi ก่อน แล้วค่อยคัดลงเรื่องที่มีคนมาขอไว้ทีหลังน่ะจ๊ะ
YU NAMI ซัง : เชิญเลยๆ #ยื่นซีดีแถมเสกโรงหนังห้ามิติ (?) ให้ชม
praifah16 ซัง : โมริยามะไปอย่างส... , ยังไม่ตายนะเฮ้ย! // โมริยามะ
Lilina konome ซัง : พอดีอยากเปลี่ยนคนซวยตอนเปิดเรื่องบ้างน่ะ 555
ภาพตัวละครจากเกม touken ranbu จ้า เผื่อใครไม่รู้จัก
ยามาโตะโนะคามิ ยาสุซาดะ
คะชู คิโยมิสึ (คนใส่ผ้าพันคอแดง)
นิคคาริ อาโอเอะ
อิชิคิริมารุ
Cr. [Anime Cartoon] Touken Ranbu - Hanamaru - 01 [www.snipertopanime.net]
อิสึมิโนะคามิ คาเนะซาดะ
Cr. [Anime Cartoon] Touken Ranbu - Hanamaru – 04 [www.snipertopanime.net]
โฮริคาวะ คุนิฮิโระ
Cr. [Anime Cartoon] Touken Ranbu - Hanamaru – 11 [www.snipertopanime.net]
ฮิเกะคิริ (ซ้าย) ฮิสะมารุ (ขวา)
Cr. http://tourandanshi.tumblr.com/post/143868723883/higekiri-hizamaru
ความคิดเห็น