ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    +คนแคระกับสโนวไวท์ทั้งเจ็ด+

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter1 : แม่มด&หนี

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 51


    Chapter 1

    กาลครั้งหนึ่งที่อาจจะนานมาแล้ว ในสมัยที่มนุษย์ยังมีจิตใจดีกว่านี้ โลกยังสวยงามกว่านี้ น้ำมันยังไม่แพงขนาดนี้ ยังมีอาณาจักรที่แสนสงบสุข มั่งคั่ง ร่ำรวยอยู่อาณาจักรหนึ่ง ประชาชนมีความสุขและไม่เคยมีสงครามมานานมาแล้ว ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปหมด แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่พระราชาที่ทรงปกครองเมืองด้วยความเป็นธรรมทรงมีพระโอรสอยู่พระองค์หนึ่ง...

    พระโอรสที่แม้จะมีพระชนมายุครบ 20 ชันษาแล้ว ยังไม่ทรงอภิเษก

    ตามกฎมลเทียรบาลของอาณาจักรเจ้าชายทุกพระองค์จะต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงที่คู่ควรเมื่ออายุครบ 18 ปี

    และนี่....คือปัญหาใหญ่เพียงปัญหาเดียวของอาณาจักรนี้......



    ..............................................................

    "อะไรนะเสด็จพ่อ ลูกทูลไปเป็นร้อยหนได้แล้วนะ ว่าลูกจะไม่อภิเษก!!!"

    เสียงเจ้าชายรัชทายาทตัวปัญหาดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องทรงงานของพระราชา

    "แต่เจ้าต้องเข้าใจ มันเป็นประเพณี ถ้าเจ้ายังยืนยันจะไม่อภิเษก พวกขุนนางก็จะเตรียมการเสนอเรื่องปลดเจ้าออกจากตำแหน่งรัชทายาท"

    พระราชาทรงตรัสด้วยน้ำเสียงนึ่งๆแต่หนักแน่น

    "ช่างหัวบิดาขุนนางพวกนั้นเถอะ!!! ดูแม่เจ้าหญิงแต่ละคนที่เสด็จพ่อเสด็จแม่ทรงหามาให้สิ ไม่โง่จนน่าถีบ ก็เอาแต่ใจจนน่ารำคาญ"

    เจ้าชายตรัสด้วยคำพูดที่ไม่สมกับเป็นราชนิกูลก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด พระราชบิดาเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง...

    "จะโทษใครไม่ได้หรอก ก็ในเมื่อเจ้าหญิงดีๆเขา...."

    "....ไม่อยากแต่งงานกับลูก"

    เจ้าชายต่อประโยคให้จนจบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองพ่อลูกคุยกันเรื่องนี้ ส่วนเหตุผลที่ไม่มีเจ้าหญิงดีๆองค์ไหนอยากแต่งงานกับเจ้าชายแห่งอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ก็เพราะ...

    เจ้าชายพระองค์นี้ทรงสูงเพียง 160 เซนติเมตร..

    ไม่มีเจ้าหญิงฉลาดๆที่ไหนอยากแต่งงานกับชายที่ตนต้องโน้มตัวลงมาจุมพิตหรอก...

    หน้าตา.........เขาคือเจ้าชายที่รูปงามที่สุดพระองค์หนึ่ง ผมสีทอง ตาสีฟ้า ใบหน้าขาวหมดจด เขาถูกทาบทามจะโมเดลลิ่งชื่อดังของอาณาจักรตั้งแต่อายุยังไม่ถึง10ขวบ

    ความสามารถ.....ไม่มีใครกล้าคัดค้านความสามารถของเขาผู้ล้มมังกรไฟได้ตั้งแต่อายุ 7 ปีแน่นอน

    คุณธรรม.......เขาคือเจ้าชายที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ล่าสุดเพิ่งช่วยเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟให้ไม่หนาวตาย ทำให้ชื่อเสียงด้านความดีเลี่ยงลือไปทั่วอาณาจักร

    ที่ขาดก็เพียง.........ส่วนสูง

    160 เซนติเมตร อาจจะดูไม่เตี้ยนัก แต่ถ้าเทียบกับเจ้าชายอาณาจักรอื่นๆที่สูงกับ 180-190 เซนฯ เขาจะกลายเป็นคนแคระไปในทันที

    เฮ้อ...ไม่ว่าจะใช้เวทมนต์เพิ่มความสูงอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เขาก็ยังไม่สูงขึ้นแม้แต่น้อย

    "เอาล่ะไม่ต้องพูดมาก พรุ่งนี้เจ้าจะต้องดูตัวกับเจ้าหญิงโรเซีย แห่งเมืองทะเลสาบสีฟ้า ถึงจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ก็เป็นเมืองที่สวยงามมาก เพราะฉะนั้น แต่งๆกับเขาไปเถอะ"

    เจ้าชายตัวปัญหาไม่พูดอะไรแต่บิดขี้เกียจแล้วเดินหาวออกไปจากห้อง

    กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ช่างน่าเบื่อ

    ไม่มีเจ้าหญิงดีๆหลงเหลืออยู่แล้วรึไงเนี่ย มีแต่พวกสมองกลวง วันๆเอาแต่เย็บปักกับปั้นหน้าไร้เดียงสาซึ่งไม่ได้มีความน่ารักเอาซะเลย

    น่าเบื่อ..น่าเบื่อ..

    เจ้าชายเดินไปตามทางของปราสาทพลางคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อย เขาผ่านอุทยานหลวงอย่างไม่ใส่ใจนัก โดยไม่รู้ตัวเจ้าชายก็ได้พบกับอุโมงค์ท้ายวัง

    เป็นอุโมงค์ที่เขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ซึ่งมันก็ไม่แปลก เพราะในปราสาทแห่งนี้มีห้องเป็นพันๆห้อง มีทางลับอีกเป็นร้อย

    แต่เขารู้สึกอยากเข้าไปในอุโมงค์นั้น

    เจ้าชายผลักประตูไม่เก่าๆตรงหน้าอุโมงค์แล้วก้าวเดินเข้าไป ภายในเป็นห้องๆหนึ่งที่ในห้องมีแต่ฝุ่นหยากไย่เต็มไปหมด ตรงกลางห้องมีเครื่องปั่นด้ายและหญิงชรานางหนึ่ง

    หญิงชรานางนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา

    "จ..เจ้า...เป็น..ใคร"

    เจ้าชายทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับหญิงชราแล้วส่งน้ำที่พกติดตัวมาให้

    "เอ้ายาย ดื่มน้ำก่อน"

    หญิงชรารับไปแต่ไม่ดื่ม แต่กลับมองหน้าเขาอย่างสงสัย

    "เจ้าเป็นใคร"

    หญิงชราถามอีกครั้ง แต่แปลกที่เป็นน้ำเสียงปกติที่ไม่แหบพร่าอีกต่อไป

    "ฉันก็เป็นเจ้าชายของเมืองนี้ไง อ้าว..ยายก็พูดธรรมดาได้นี่ ทำไมต้องทำเสียงแหบด้วยล่ะ"

    หญิงชรายิ้มยิงเหงือก เพราะฟันหมดปากแล้ว

    "ก็มันเป็นบทน่ะสิ หญิงแก่ในนิทานต้องพูดเสียงแบบนั้นทุกคนนั่นแหละ"

    เจ้าชายขมวดคิ้วแบบงงๆ แต่ก็ไม่ทันได้พูดอะไร หญิงชราก็ลุกยืนพร้อมไม้เท้าเก่าๆอันหนึ่ง เธอโบกไม้นั้นหนึ่งที ห้องทั้งห้องก็สว่างไสวและสะอาดขึ้นทันที

    "เอ้า มานั่งคุยกันก่อน นานแล้วนะเนี่ยที่ไม่มีใครมาหาข้า"

    เจ้าชายขมวดคิ้วอย่างสงสัยแล้วถามไปว่า

    "แล้วยายเป็นใครล่ะเนี่ย"

    หญิงชรานั่งลงหลังเครื่องปั่นด้าย

    "เจ้ารู้จักเรื่องของเจ้าหญิงนิทรามั้ย"

    เจ้าชายพยักหน้า "รู้จักสิ เรื่องที่มีเจ้าหญิงโดนแม่มดสาปให้ตายเพราะเข็มปั่นด้ายตอนอายุ15 เพราะไม่ยอมเชิญนางไปงานเลี้ยงวันเกิด แต่นางก็แค่หลับไปแล้วสุดท้ายก็มีเจ้าชายมาจุมพิตใช่มั้ย ไม่อยากจะคุย เมืองฉันเนี่ยแหละ
    ต้นตำรับของนิทานเจ้าหญิงนิทราเชียวนะ ทวดของยายทวดของทวดของน้องของอาฉันนั่นแหละเจ้าหญิงนิทราตัวจริง" ไม่พูดเปล่า ยังยืดอกอย่างภูมิใจอีกด้วย

    หญิงชราถอนหายใจแล้วพูดว่า

    "เฮ้ออ ก็เพราะอย่างนี้แหละ ข้าถึงต้องขังตัวเองอยู่นี่ ข้าน่ะเป็นลูกของหลานของเหลนของโหลนของแม่มดคนที่สาปทวดของยายทวดของทวดของน้องอาเจ้าให้เป็นเจ้าหญิงนิทราไงล่ะ"

    หญิงชราเคาะไม้สองสามที โต๊ะก็โผล่มาอยู่กลางห้องแล้วมีน้ำชาและขนมเค้กสองที่อยู่บนโต๊ะ

    "หาาา ยายเนี่ยนะ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมยายมาอยู่ที่นี่"

    เจ้าชายมุ่นคิ้วอย่างสงสัย

    หญิงชรายกน้ำชาขึ้นจิบ แล้วตักเค้กเข้าปากหนึ่งคำ แล้วจึงพูดต่อไปว่า

    "ข้าน่ะต้องไปสาปเจ้าหญิงออโรร่าที่26ให้เป็นเจ้าหญิงนิทรา ในวันเกิดของเจ้าหญิงนั่นมีข่าวแจ้งมาว่าจะจัดงานวันเกิดให้ยัยเจ้าหญิงนั่นโดยเชิญแม่มดแค่หกคน ข้าเป็นแม่มดคนที่เจ็ดตามลำดับพอดี แต่ข้าก็ไม่ได้รับเชิญ จริงๆแล้ว
    ข้าก็ไม่ได้อยากไปงานหรอกนะ ข้าอยากจะนอนอยู่บ้านกินคุกกี้กับอ่านการ์ตูนเกย์มากกว่า แต่ข้าต้องไปงานเพื่อสาปเจ้าหญิงนั่นตามคำสอนของบรรพบุรุษ"

    หญิงชราจิบน้ำชาอีกครั้งราวกับต้องการยั่วต่อมอยากรู้ของเจ้าชาย ซึ่งมันก็ได้ผล

    "เล่าต่อสิยาย"

    เจ้าชายเร่ง

    หญิงชรากระแอมพอเป็นพิธี

    "ทีนี้ ข้าก็เลยไปที่งานเลี้ยงนั่น แต่ข้าก็ไม่ได้สาปเจ้าหญิง นั่นเป็นเพราะ..เอ่อ..อะ..คือ.."

    หญิงชราหน้าแดง

    "เพราะอะไรล่ะยาย"

    เจ้าชายถาม

    "เพราะข้ามัวแต่กินอาหารในงานและเต้นรำกับพระเจ้าอาของเจ้าหญิงคนนั้นจนเพลินเลยลืมสาปน่ะสิ"

    เจ้าชายหัวเราะพรวด

    "ฮะ ฮ่าๆๆๆ ยายเนี่ยเหมือนฉันเลย ฉันเองก็เผลอแบบนั้นอยู่บ่อยๆเหมือนกัน"

    "เออ นั่นแหละ เพราะข้าไม่ได้สาป วันต่อมาข้าเลยไปที่วังอีกครั้ง ตามประเพณีตอนนั้นเจ้าหญิงที่ไม่ถูกสาปจะเป็นเจ้าหญิงที่ดีไม่ได้ พระราชาเลยเชิญข้าไปสาปนางอีกครั้ง แต่ก็เป็นความผิดพลาดของข้าอีกนั่นแหละ นางถูกสาปให้ตายเพราะเข็มปั่นด้ายทิ่มตอนอายุ20แทนที่จะเป็น15เพราะข้าจำคำสาปผิด"

    หญิงชราตัดเค้กเข้าปากอีกคำแล้วเล่าต่อว่า

    "ตามบทแล้วแม่มดจะต้องปลอมตัวเป็นช่างปั่นด้ายอยู่ที่อุโมงค์หลังวังแห่งนี้ ข้าก็มาตามหน้าที่ของข้า แต่ยัยเจ้าหญิงนั่นไม่มาซักที ข้าก็เลยต้องอยู่ในนี้ตามหน้าที่ต่อไปไงล่ะ"

    ถึงตอนนี้เจ้าชายเข้าใจแล้วว่าทำไม เขายิ้มแล้วบอกหญิงชราว่า

    "ก็แหงล่ะนางจะมาได้ยังไง เมืองนี้มีกฎว่าเจ้าหญิงเจ้าชายทุกพระองค์ต้องแต่งงานตอนอายุ18 แต่ยายดันไปสาปให้นางโดนเข็มทิ่มตอนอายุ20 นางก็เลยไม่มาที่นี่ตอนอายุ20 นี่ถ้ายายสาปถูกต้องนางก็จะโดนเข็มทิ่มก่อนที่จะอภิเษกน่ะสิ"

    แม่มดชราพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "กฎอะไรไม่รู้งี่เง่าดีแท้ เพราะงี้สิข้าถึงต้องอยู่ที่นี่มาตั้งเกือบพันปี"

    เจ้าชายรีบเสริมว่า

    "ใช่ๆ เพราะไอ้กฎบ้านี่แหละทำให้ฉันถูกจับแต่งงานกับเจ้าหญิงปัญญาอ่อนพวกนั้น เฮอะ พวกเจ้าหญิงดีๆนี่หายไปไหนหมดนะ"

    หญิงชราได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าตกใจ

    "หา เจ้าอายุถึง18แล้วเรอะ ข้านึกว่ายัง14-15อยู่เลยเชียว ก็เห็น..เอ่อ..ตัวไม่สูงขนาดนี้"

    เจ้าชายถอนหายใจแล้วทำหน้าจริงจัง

    "เฮ้อ ก็อย่างที่เห็นแหละยาย ฉันออกจะเตี้ยขนาดนี้ เจ้าชายที่ดีควรจะสูงกว่านี้อีกซักหน่อย ก็เลยไม่มีเจ้าหญิงดีๆที่ไหนอยากจะแต่งงานด้วยไงล่ะ"

    หญิงชราเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

    "เจ้าไม่อยากแต่งงานงั้นรึ"

    เจ้าชายถอนหายใจอีกครั้ง

    "ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป ทำไมเสด็จพ่อกับพวกขุนนางต้องบังคับแต่งงานด้วยวะ ชายไม่ปลื้มม"

    หญิงชราเคาะไม่เท้าอีกทีแล้วชาบนโต๊ะก็หายไปแต่มีไอศครีมซักเดย์โผล่ขึ้นมาแทน หญิงชราหยิบเชอรี่ขึ้นมากินแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า

    "เจ้าก็หนีไปซะสิ"

    เจ้าชายมองหญิงชราที่กำลังเอาช้อนเขี่ยไอศครีมเข้าปากอย่างตกใจ

    "ห๊ะ หนีหรอยาย"

    หญิงชราดูดช้อนหนึ่งทีแล้วตอบว่า

    "ใช่ เจ้าก็หนีออกจากอาณาจักรนี้ไปซักพัก รอให้ท่านพ่อของเจ้าและบรรดาขุนนางในวังทั้งหลายเห็นว่าการเป็นเจ้าชายที่ดีไม่จำเป็นจะต้องอภิเษก การหายหน้าไปซักพักจะทำให้พวกนั้นเห็นความสำคัญของเจ้าไงล่ะ"

    เจ้าชายทำหน้าเหมือนลังเลใจ

    "แต่..การหนีไม่ใช่ทางออกที่ดีเลยนะ"

    หญิงชราตักสตอเบอรี่เข้าปากแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

    "ใช่ การหนีไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่บางทีมันก็จำเป็น บางเหตุการณ์หนีซะยังจะดีกว่าอยู่ตายอย่างไม่ฉลาด เป็นไง ข้าพูดคมมั้ยล่ะ ประโยคนี้ข้าคิดตั้งสองปีเชียวนะ ว่ะฮ่าๆๆ"

    ว่าจบก็หัวเราะจนเห็นเหงือกทั้งปาก ในขณะที่เจ้าชายลอบคิดอยู่ในใจว่า

    กูจะเชื่อคนแบบนี้ดีมั้ยวะ?

    จริงอยู่การหนีไม่ใช่ทางออกที่ดูเท่เอาเสียเลย แต่เขามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ

    เขาไม่อยากแต่งงานเพราะถูกบังคับ เขาอยากจะรู้ว่าจริงๆแล้วคนที่แต่งงานกันเพราะความรักนั้นรู้สึกอย่างไร การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องเหมาะสม หรือตามประเพณีใดๆ แต่การแต่งงานคือการอยู่ด้วยกันและเข้าใจซึ่งกันและกันบนความรักต่างหาก...นี่คือสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอด

    เขาจะไม่มีวันยอมเป็นตุ๊กตายัดนุ่นที่โดนบังคับจิตใจเด็ดขาด

    เขาตัดใจแล้ว….

    "ยาย ถ้าจะหนีควรจะทำยังไง"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×