ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~* What should I Do ? - * - ทำไงได้ก็ใจมันรัก *~

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : จิงโจ้น้อย

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 48


    What should I do ?

    ทำไงได้ก็ใจมันรัก

    ตอนที่ 1 จิงโจ้น้อย



    ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ฉันเฉิดฉายอยู่ที่โรงเรียนนี้ ฉันไม่เค้ย…ไม่เคยที่จะปล่อยให้ผู้ชายหน้าตาดี ๆ รอดพ้นไปจากสายตามหัศจรรย์ของฉันได้ อะไรกัน…สาวสวย หุ่นดี มีชาติตระกูลอย่างฉัน ผิดเหรอที่จะมองคู่ครองที่เหมาะสมกับตัวเอง ผิดเหรอไง…

    ไม่ว่าจะเป็นแปดหนุ่มหล่อกลุ่มคุกกี้ที่หล่อระเบิดระเบ้อจนดังข้ามโรงเรียนหรือแก๊งสามหนุ่มเนื้อทองที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ หลายคน ก็ไม่รอดพ้นฉันไปได้เลยสักคน หมายถึงไม่รอดพ้นสายตาน่ะ แหะ ๆ …หรือแม้แต่หนุ่มหน้าตาดีแต่ไม่เด่นดังที่ซุกซ่อนอยู่ตามหลืบของโรงเรียน ฉันก็ค้นพบมาหมด แล้วทำไม้…ทำไม…

    ฉันถึงไม่เคยเห็นอีตานี่เลยนะ… ฉันปล่อยให้รอดพ้นไปได้ไง้

        

    ตอนที่ฉันเจออีตานี่ครั้งแรก ก็ตอนที่ฉันเปลี่ยนคาบเรียนย้ายจากตึกหกไปตึกแปด ระหว่างทางฉันก็คุยกับเพื่อนสาวกระหนุงกระหนิงตามประสาสาวสวยปกติ แต่จู่ ๆ เรดาร์ตรวจพบความหล่อหนุ่ม ๆ ของฉันก็ส่งสัญญาณดังขึ้นมา

        

    ติ๊ด ติ๊ด ๆ

        

    พอเงยหน้าขึ้นมา มองซ้าย มองขวา ฉันก็เจอ…เจ้าชายของฉัน

        

    “เฮ้ย นั่นใครวะ จิ๋ว นักเรียนใหม่เหรอ”

    นักเรียนใหม่แหงม ๆ เกิดมาไม่เคยเจอ ใคร้…จะหน้าตาดีเท่า นอกจากพี่ท้อป…หนึ่งในแปดหนุ่มคุกกี้ของฉัน งุงิงุงิ

        

    “ไหนวะแก”

        

    “คนนั้นไง ที่กำลังวิ่ง ๆ อยู่ใต้ตึกแปดนั่นอ่ะ”

        

    ยัยจิ๋วทำหน้าตาประมาณว่า เอาอีกละยัยนี่…แต่ก็ยอมตอบ “นักเรียนใหม่ไหนแก นั่นมันไอ้โจ้ไง…ก็เรียนด้วยกันอยู่ตอนม.ต้นน่ะ”

        

    “โจ้ไหนวะ” มีหลายโจ้เว้ย ใครจะใส่ใจจำ อีกอย่างตอนม.ต้นมีนักเรียนชื่อโจ้แล้วหล่อขนาดนี้ด้วยเหรอวะ ถ้ามีฉันก็จำได้อ่ะดิ่

        

    “ก็โจ้ที่เรียนห้องสองเก่าไง”

        

    “เฮ้ย…จริงเหรอ…” พอดีฉันอยู่ห้องสิบห้าเก่าอ่ะนะ ไม่รับรู้ข่าวสารห้องต้น ๆ หรอก

        

    “ตอนนั้นมันใส่แว่น สิวเยอะ แล้วก็ดัดฟันด้วย พอมาตอนนี้ก็…ดูดีขึ้นนิดหน่อย” ไอ้คำว่าดูดีของยัยจิ๋วเหมือนมันพูดไม่เต็มปากยังไงก็ไม่รู้

        

    “จริงเหรอวะ” ฉันมองผู้ชายที่เห็นไกล ๆ จิงโจ้น้อยของฉันกำลังเล่นปาน๊อตกับเพื่อน ๆ อยู่ใต้ตึกแปด อุ๊ย…ดูรอยยิ้มสิ น่าร้ากก…  

        

    “ฉันโคตรชอบเลยว่ะแก”

        

    ยัยจิ๋วเบ้ปาก ทำเอาฉันหมดมู้ด “ทำไมวะแก ออกจะน่ารัก แกทำหน้างั้นทำไมวะ”

        

    “กับพี่ท้อปนี่ฉันไม่ว่าเลยนะ เพราะพี่ท้อปหล่อจริง แต่กับไอ้โจ้ นี่แกคิดอะไรอยู่วะ หน้าตามันโคตรบ้านเลยนะเว้ย”

        

    “ไม่เห็นจะบ้านเลย แกน่ะมันเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ของดีอยู่ตรงหน้าไม่คว้าไว้ก็เสียดายนะเว้ย” ฉันยิ้มกริ่ม ฉันนี่ช่างเป็นสาวสวยที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ

        

    “แกอย่าบอกนะว่าแก…”

        

    “จิ๋ว…แกช่วยฉันนะ” ฉันเกาะแขนยัยจิ๋ว ส่งสายตาแบบว่าออดอ้อนสุดฤทธิ์

        

    “เฮ้ย…” ไอ้จิ๋วทำหน้าต๊กกะใจทันที “ฉันคิดอยู่แล้วว่าแกต้องมาขอความช่วยเหลือ…”

        

    ฉันปล่อยมือออกจากการเกาะกุมแขนของยัยจิ๋วทันที “อะไรวะ แล้วแกจะทิ้งเพื่อนสาวหน้าตาดีของแกให้ตกอยู่ในห้วงรักที่แสนทรมานอย่างนี้น่ะเหรอ”

        

    จิงโจ้น้อยของฉันกำลังหลบอยู่หลังเสา ไม่ให้เพื่อนปาลูกปิงปองโดน แก้มสีคล้ำแต่อมชมพูแบบนั้นดูน่าหยิกชะมัดเลย นี่ นายหน้าห่วย ห้ามปาลูกปิงปองใส่จิงโจ้น้อยของฉันนะ …นายหน้าห่วยคือเพื่อนของจิงโจ้น้อยเอง ก็หน้ามันห่วยนี่นาให้เรียกว่านายสุดหล่อรึไง

        

    “ตกอยู่ในห้วงรัก” ยัยจิ๋วทำเสียงล้อเลียน “ชิส์ ฉันไม่ช่วยแกหรอกย่ะ ถ้าอยากรู้จักนักก็วิ่งเข้าไปทักเลยสิ ขอเล่นปาน๊อตด้วยได้ไหมค้า”

        

    “จิ๋ว” ฉันร้องคราง “นี่แก สาวสวยเค้าไม่ทำอย่างนั้นกันนะ แกจะให้ฉันเป็นฝ่ายทักผู้ชายก่อนได้ยังไง” ยัยจิ๋วนะยัยจิ๋ว ตัวก็จิ๋วสมชื่อ แล้วยังสมองจิ๋วตามไปด้วยอีกเรอะ !!!

        

    “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง” ยัยจิ๋วส่งสายตาประมาณว่ารำคาญฉันเต็มทน

        

    “วางแผนสิแก”

        

    “ยังไงวะ แผนของแกอ่ะ”

        

    “นั่นมันเป็นเรื่องที่แกต้องคิด”

        

    “เฮ้ย พิณ ได้ไงวะ เรื่องของแก แกมาให้ฉันช่วยคิดแบบนี้ได้ไง” ยัยจิ๋วโวยวายขึ้นมาทันที

        

    ฉันเกาะแขนยัยจิ๋วอีกรอบ พลางคลอเคลียเหมือนลูกแมวน้อย “นะนะนะ จิ๋ว แกเป็นเพื่อนฉันนะ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ ฉันอยากรู้จักจิงโจ้น้อยจริง ๆ นะ”

        

    “จิงโจ้น้อย…?”

        

    “ก็โจ้ไงเล่า”

        

    “แกก็ทำเองสิวะ ทำไมต้องมาขอความช่วยเหลือจากฉันด้วย”

        

    “ก็นั่นแหละ ฉันเป็นคนทำ แต่แกเป็นคนคิดไง นะนะนะ จิ๋วนะ”

        

    ยัยจิ๋วเบี่ยงตัวหลบ ถอดรองเท้าเตรียมจะขึ้นตึก แต่ฉันก็ยังคงอ้อนยัยจิ๋วต่อไป “ฉันยอมให้แกสวยกว่าวันนึงเลยก็ได้เอ้า…”

        

    “ย่ะ ฉันอยากได้ตายล่ะ พิณ”

        

    อะไรยะ สวยกว่าฉันวันนึงนี่ถือว่าเป็นบุญมากแล้วนะ… “อ๊าาาา…จิ๋วววว ช่วยฉานนนด้วยยย”

        

    “ไม่…แกคิดเองทำเอง…”

        

    ระหว่างที่เถียงกันอยู่นั่นแหละ ใครก็ไม่รู้ก็วิ่งปร๋อตัดหน้าฉันกับยัยจิ๋วไป เสียงผู้ชายดังขึ้น “STOP !!!~”

        

    ฉันกับยัยจิ๋วยืนนิ่งเลยวุ้ย เออ…สต๊อปก็สต๊อป ฉันมองหน้าคนที่วิ่งตัดหน้าฉันกับยัยจิ๋วไปเมื่อกี้ ก็คือนายหน้าห่วยนั่นเอง อะไรวะ…อีตาหน้าห่วยนั่นมันกำลังใช้ฉันกับยัยจิ๋วเป็นเกราะกำบังเหรอไง

        

    “ไอ้บูม ออกมาเลย อย่า ๆ ฟาล์วนะเว้ย” เสียงผู้ชายทุ้ม ๆ ดังขึ้น ฉันหันกลับไปดู กิ๊ด…จิงโจ้น้อยนี่นา หุหุ ห่ะ ๆ มือของจิงโจ้น้อยกำลูกปิงปองไว้แน่นเลยแฮะ ดูจากสถานการณ์แล้ว อีตาบูมหน้าห่วยนี่แหละที่อยู่ใกล้ที่สุดอ่ะ ฉันพยายามใช้เท้าเขี่ยให้อีตาบูมออกไปให้พ้น ๆ เกราะกำบังแสนสวยเลิศอย่างฉันกับยัยจิ๋ว ออกไปเลยนะแก จิงโจ้น้อยของฉันต้องไม่เป็นคนแพ้ ออกไป ชิ้ว ๆ

        

    “ช่วยไม่ได้ มึงสต๊อปช้าเอง” อ๊าย อีตานี่ หน้าด้านที่สุด มาหาว่าจิงโจ้น้อยฉันพูดสต๊อปช้าหรือยะ ฉันเลยใช้เท้าเขี่ยหนักขึ้น ๆ ออกไปเลยนะ นายหน้าห่วย

        

    “เฮ้ย แกจะยืนอยู่อย่างนี้อีกนานไหม” จิ๋วกระซิบกระซาบ

        

    “ก็…จิงโจ้น้อยบอกให้สต๊อปอ่ะ” ฉันพูดขณะที่เท้าก็เขี่ยไอ้หน้าห่วยนั่นไม่เลิก

        

    สงสัยจิงโจ้น้อยจะรำคาญนายหน้าห่วยหรือยังไงไม่ทราบ พี่แกเขวี้ยงลูกปิงปองมาด้วยความเร็วสูง ฉันเชียร์ให้โดนนายหน้าห่วย แต่จู่ ๆ

        

    “โอ๊ย…”

        

    จิงโจ้น้อยเขวี้ยงลูกปิงปองแรงหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ไปโดนหัวยัยกะปิ ที่ยืนถอดรองเท้าอยู่ไม่ไกลจากฉันนัก ชิส์ ทำเป็นร้องโอดโอย ยัยสำออย…

        

    “อ่าว ขอโทษครับ” จิงโจ้น้อยวิ่งมาเก็บลูกปิงปองจากยัยกะปิ ความจริงยัยกะปิ มันไม่ได้ชื่อกะปิหรอก แต่ว่าชื่อหญิง แล้วตัวมันขาวแบบเกินจริง ฉันก็ประชดเรียกมันว่ากะปิซะเลย

        

    “ไม่เป็นไรค่ะ” ยัยกะปิคืนลูกปิงปองให้จิงโจ้น้อยของฉัน ก่อนจะขึ้นตึกไป หนอย…ๆ ยัยนี่อะไรเนี่ย แล้วจิงโจ้เป็นอะไรละนั่น เคลิ้มอะไรฮะ…

        

    ชิส์…หงุดหงิดชะมัด “จิ๋ว ดูสิ”

        

    “เออ ฉันเห็น”

        

    “ฉันเกลียดยัยกะปินี่ที่สุดเลย ที่สำคัญ พี่ท้อปเคยชมว่ายัยนี่น่ารักด้วยแหละ”

        

    “เออ ฉันรู้”

        

    ลืมบอกไปว่ายัยจิ๋วก็ปลื้มพี่ท้อป หนึ่งในแปดหนุ่มหล่อกลุ่มคุกกี้เหมือนฉัน ต่างกันหน่อยตรงที่ยัยจิ๋วชอบมากกว่าฉันไปหน่อยนึงเท่านั้นเอง

        

    “แล้วอะไรล่ะ ๆ น่าหมั่นไส้ชะมัด” ยัยกะปิ หล่อนตายแน่ ฉันจะสับหล่อนเป็นชิ้น ๆ

        

    “เอ่อ…” เสียงผู้ชายดังขึ้น อะไรเนี่ย ไอ้หน้าห่วยนี่ยังไม่ไปอีกเหรอ

        

    “อะไรอีกละ” ฉันตะคอกด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก “แล้วยืนเป็นบื้ออะไรอยู่ตรงนี้ตั้งนานเนี่ย ฉันกับเพื่อนจะขึ้นตึก”

        

    “เธอเหยียบเท้าฉันอยู่” นายหน้าห่วยกัดฟันพูดด้วยหน้าตาแหย ๆ

        

    “อุ๊ย…” จริงด้วย ฉันไปเหยียบเท้าอีตานี่เมื่อไหร่กัน “เอ่อ ขอโทษนะ…”

        

    “ไม่เป็นไร” ไอ้หน้าห่วยพูด แต่หน้าก็ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ชอบไอ้โจ้มันเรอะ”

        

    “เอ๋…”

        

    “ฉันถามว่าเธอชอบไอ้โจ้มันเรอะ”

        

    อะไรของนายนี่มันนะ… “ชอบไม่ชอบแล้วเกี่ยวอะไรกับนายเล่า”

        

    “เปล่า…ฉันแค่อยากรู้ แล้วก็รู้แล้วด้วยว่าเธอชอบไอ้โจ้มัน”

        

    “เฮ้ย” ฉันตกใจ ไอ้หน้าห่วยนี่จะมาไม้ไหนเนี่ย “นายจะทำอะไร”

        

    “ก็บอกไอ้โจ้มันไง” นายหน้าห่วยพูดหน้าซื่อ ๆ

        

    “อย่านะ” ฉันห้ามทันที

        

    “ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ” นายหน้าห่วยหัวเราะ จิ๋วที่ยืนข้าง ๆ ฉันแล้วก็เงียบมานานเริ่มสะกิด

        

    “ชอบไม่ชอบเกี่ยวกับนายด้วยเล่า” ฉันโวยวาย หงุดหงิดยัยกะปิก็หงุดหงิด แล้วนายหน้าห่วยนี่ก็ยังจะมากวนประสาทฉันอีก “เออ ฉันชอบโจ้ ฉันชอบ แล้วไง นายจะทำไม”

        

    ยัยจิ๋วอื้อ ๆ อ้า ๆ  อะไรไม่รู้ สะกิดฉันแรงเลยทีนี้ “อะไรจิ๋ว ถ้าจะขึ้นเรียนก็ขึ้นไปก่อน ฉันขอจัดการนายกวนประสาทนี่สักหน่อย เฮ้ย…” ทีนี้ฉันก็รู้เลยว่ายัยจิ๋วสะกิดฉันเพื่ออะไร

        

    ลูกปิงปองตกกระทบพื้นดังเป๊าะ ๆ ๆ ท่ามกลางความเงียบที่เข้ามาย่างกรายแทน

        

    “โจ้…”

        

    อีตาจิงโจ้น้อยมายืนอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยัยจิ๋วเอามือทาบหน้าผาก พึมพำว่า “ฉันเตือนแกแล้ว ฉันเตือนแกแล้ว” ในขณะที่นายหน้าห่วยหัวเราะก๊ากก๊าก ออกมาเสียงดังน่าหนวกหู

        

    ลูกปิงปองกลิ้งหลุน ๆ มาแทบเท้าฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมา ส่งให้นายโจ้อย่างไม่รู้จะทำอะไรดี นายโจ้ยื่นมือมา ฉันเลยวางลูกปิงปองไว้บนมือนายนั่นแล้วก็พูดว่า “สต๊อป” เบา ๆ ก่อนจะคว้าตัวยัยจิ๋ววิ่งขึ้นตึกไปด้วยความอาย

        

    ทิ้งไว้ให้จิงโจ้น้อยของฉันยืนตะลีงอย่างนั้น แล้วนายหน้าห่วยก็หัวเราะก๊ากอย่างไม่หยุดอยู่ตรงนั้นเอง







    “ฉันช่วยเธอไม่ได้แล้ว ยัยพิณ แกทำตัวแกเอง” ยัยจิ๋วโวยวายขึ้นมาทันทีที่ฉันไปคุกเข่าขอความช่วยเหลือ

        

    “ม่ายย ศิษย์พี่ อย่าทิ้งศิษย์น้องไปสิเพคะ” นี่ฉันกำลังจะเป็นบ้าแล้วเหรอเนี่ย

        

    “เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เองสิ” จิ๋วว่าหน้าตาย ขณะที่กำลังเดินออกไปหน้าประตูโรงเรียน

        

    “แล้วทำไมฉันต้องไปปะทะคารมกับนายหน้าห่วยนั่นด้วยนะ เซ็งชะมัดเลย” ฉันเริ่มหงุดหงิด “คนสวยอย่างฉัน คนสวยอย่างฉัน”

        

    ฉันเริ่มพล่ามไปเรื่อย จิ๋วทำหน้าเหมือนหมดอารมณ์ “แกจะเครียดอะไรวะ มันก็เหมือนสารภาพรักนั่นแหละ แกพูดไปแล้วก็รอฟังคำตอบจากไอ้โจ้มันก็แล้วกัน”

        

    “จิ๋ววว…” อ๊ากกก นี่ฉันเครียดจริง ๆ นะเนี่ย อะไรวะ ฉันก็เพิ่งจะเจอจิงโจ้น้อยวันนี้ แล้วภายในวันเดียวกันนี้ ฉันก็ตะโกนบอกรักโจ้ปาว ๆ ใต้ตึกแปด โดยที่เจ้าตัวก็อยู่ตรงนั้น ที่สำคัญ เหมือนกับว่านายจิงโจ้น้อยจะไม่ได้รู้จักฉันสักนิด แล้วก็อึ้งไปเลยที่ฉันตะโกนบอกรักนั่นน่ะ ไม่จริงงง…ฉันจะโดนเกลียดหรือเปล่า

    ฉันก็แค่ชอบที่โจ้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากคนที่ฉันไม่สามารถใช้เรดาร์จับกระแสความหล่อได้กลายเป็นคนที่มีกระแสความหล่ออย่างรุนแรงยามเมื่ออยู่ใกล้ ๆ

        

    ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ยทีเนี้ย…

        

    “แก้ปัญหาด้วยตัวเองละกัน บาย ๆ นะเพื่อนเลิฟ เจอกันวันจันทร์”

        

    ยัยจิ๋ว ยัยเพื่อนรัก ทิ้งฉันเลยนะยัยบ้านี่ แล้วยังไงล่ะ ชิส์…พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ วันต่อไปก็วันอาทิตย์ ดีหน่อยที่จะไม่ได้เจอหน้าจิงโจ้น้อยสองวัน หุหุ ห่ะห่ะ ก๊าก กั่กกั่กกั่ก อยากร้องไห้จังวุ้ย…ฮือ ๆ

        

    ซวยทั้งขึ้นทั้งล่องเลยแฮะ กลับมาบ้านฉันก็โดนแม่ด่า ๆ ๆ แล้วก็ด่า หงุดหงิดโว้ย ฉันรำคาญจัดเดินขึ้นห้องแล้วปิดประตูขังตัวเองไว้ซะเลยนี่แน่ะ

        

    แล้ววันจันทร์ฉันจะไปโรงเรียนยังไงล่ะเนี่ย ถ้าเจอหน้าจิงโจ้น้อยฉันจะทำหน้ายังไงดี หรือว่าฉันจะหลบหน้าเค้าไปเลย ไม่เอาอ่ะ เป็นไปไม่ได้หรอก โว้ยยย…

        

    ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อหาเหตุผลดี ๆ ที่จะไปขอโทษ แล้วฉันจะขอโทษยังไงดีล่ะ



    “ขอโทษนะ โจ้ นายไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันก็แค่พูดเล่น” ฉันก็ไม่ได้พูดเล่นนี่นา ฉันก็ปิ๊งจิงโจ้น้อยเข้าจริง ๆ

    “โทษนะโจ้ ฉันแค่หงุดหงิดกับนายบูมมันง่ะ นายอย่าถือสาคำพูดฉันเลยนะ” แล้วฉันจะบอกทำไมล่ะว่าฉันหงุดหงิดนายบูมอ่ะ

    “โจ้ ขอโทษนะ” โคตรจะธรรมดา



    อะไรวะ ฉันจะทำยังไงดีวะเนี่ย เพื่อนฉันคนเดียวก็ยังไม่คิดจะช่วยเหลือ แล้วฉันต้องมานั่งปั้นคำขอโทษอีกเพื่ออะไรเนี่ยยยย…



    ในเมื่อเซ็งจัด ฉันเลยไปค้น ๆ หนังสือรุ่นที่ฉันทิ้งร้างค้างเติ่งมันไว้ใต้ก้นลิ้นชักมานานแรมปีอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี พอเจอหนังสือรุ่นก็ปัดฝุ่นนิดหน่อย ก่อนจะพลิก ๆ ไปดูที่ห้องสอง ไหนวะ โจ้…

    อ๊า…เจอแล้ว อุ๊บส์…หน้าโคตรน่าเกลียดเลยว่ะ ใส่แว่นด้วย แล้วก็หน้าบวม ๆ ก๊าก ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหล่อเฟี้ยวขนาดนี้ตอนม.ปลาย

        

    ฮือ…ภาพพจน์สาวสวยของฉันหายไปเป็นหมอกควันตั้งแต่วินาทีที่ฉันตะโกนบอกว่าชอบจิงโจ้น้อยกับนายหน้าห่วยนั่น ชิส์…

        

    คิดไปคิดมา นายหน้าห่วยนั่นแหละ เลวสุด !!

        

    ยัยกะปิด้วย คอยดู วันจันทร์ฉันจะตามจองล้างจองผลาญเธอ ฮือ…

        

    จิงโจ้น้อยของช้านนน….







    ทุกอย่างมันพลาด พลาดตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ฉันนอนคิดคำขอโทษจิงโจ้น้อยทั้งคืนจนผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกวันก็เก้าโมงกว่าแล้ว แม่ฉันก็บ่น ๆ หาว่าฉันตื่นสาย โคตรหน้าเบื่อ…

    พี่ฉันหัวเสียแต่เช้าเรื่องอะไรก็ไม่รู้…ดูเหมือนว่าจะทะเลาะกับแฟนมาหรืออะไรยังไงนี่แหละ แล้วก็มาพาลเอากับฉัน ทำไมฉันต้องมาอารมณ์เสียแต่เช้าด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยล่ะ

    กริ๊ง…เสียงโทรศัพท์ดังแต่เช้า ใครจะโทรมาวะ…แน่นอนต้องไม่ใช่ของฉันแน่ ๆ

        

    “แกไปรับสิ ยัยพิณ”

        

    “พี่พาทย์แหละไปรับ”

        

    “แกแหละ”

        

    “พิณไม่ว่าง เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่น่ะ พิณกำลังซักผ้าอยู่นะ”

        

    “ฮึ้ย” พี่พาทย์กดสต๊อปหนังฝรั่งที่กำลังดูอย่างได้อารมณ์ แล้วลุกไปรับโทรศัพท์ “ถ้าเป็นของแก ตายแน่”

        

    “ว่าไง” พี่พาทย์ยกหูโทรศัพท์แล้วก็ถามอย่างหาเรื่อง ไอ้พี่บ้าเอ๊ย รับโทรศัพท์ทั้งที พูดเพราะ ๆ ไม่เป็นหรือไงนะ พี่พาทย์ฟังสายชั่วครู่ ก่อนจะส่งสายตาอาฆาตมาทางฉัน “ไอ้พิณ ของแก”

        

    พี่พาทย์ขบกรามพูดอย่างน่ากลัว ความจริงพี่ฉันก็อารมณ์เสียแต่เช้าแล้ว และก็เป็นโรคจิตอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าพี่แกดูหนังอยู่อย่าให้ใครไปรบกวน ทีนี้โทรศัพท์ที่ดังก็รบกวนพี่แก พี่แกเลยอารมณ์เสียมากขึ้นเป็นเท่าตัว

        

    ฉันเดินตัวลีบไปรับโทรศัพท์ ในใจก็หวั่นว่าพี่ฉันต้องฆ่าฉันแน่ ๆ แต่ไม่ว่ะ กลับไปเดินดูหนังต่อหน้าตาเฉย ปกติจะมีหยิกบ้างล่ะ ชกบ้างล่ะ แปลกพิกลแฮะ

    ว่าแต่ใครโทรศัพท์มานะ คงจะเป็นไอ้จิ๋ว พี่แกคงคิดแผนการดี ๆ ออก…

        

    “เฮ้ย ว่าไง จิ๋ว แกคิดอะไรออกแล้วเหรอ” ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างอารมณ์ดีขึ้น แผนการไอ้จิ๋วมักจะแยบยล และใช้ได้ผลอย่างร้ายกาจ

        

    “คิดอะไรออกเหรอครับ” ชะอุ๋ย เสียงผู้ชาย ใครหว่า…

        

    “เฮ้ย…” ฉันร้องออกมาเบา ๆ  “โทรผิดป่าวคะ อาจจะชื่อพิณเหมือนกันแต่คนละเบอร์”

        

    “ถ้าเป็นพิณที่เราต้องการพูดด้วย เบอร์นี้ก็ถูกแล้วครับ” เสียงผู้ชายฟังดูสุภาพจัง แล้วเสียงจ้อกแจ้กข้างหลังทำไมมันดังนักวะ

        

    “เฮ้ย บอกไปเลย ๆ” เสียงผู้ชายคุ้นหู ดังขึ้นในโทรศัพท์ “อะไรวะ ไม่กล้าห่าไร มานี่ กูเอง”

        

    เหมือนจะเป็นเสียงแย่งโทรศัพท์กันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดนายผู้ชายที่มีเสียงคุ้นหูก็เป็นฝ่ายชนะ “ไง ยัยเถื่อน…จำฉันได้ไหม”

        

    อ๊ายย…ใครกันเนี่ย ปากมอม มาว่าฉันเถื่อนได้ไง น่าเกลียดที่สุด

        

    “ขอโทษ ใครเป็นยัยเถื่อน แล้วนายเป็นใครมิทราบ”

        

    “ว่างเปล่า” จู่ ๆ นายนั่นก็ถาม

        

    “ทำไม มีอะไร ว่างไม่ว่างไม่ใช่เรื่องของนาย”

        

    “เปล่า ไอ้โจ้มันตั้งใจจะชวนแกมาเดินเล่นด้วยอ่ะ จะไม่มาเหรอ โอ้…โอเค” เฮ้ย เสียงนายหน้าห่วยเหรอ แล้วโจ้ไหน จิงโจ้น้อยของฉันเหรอ…

        

    “เฮ้ย เดี๋ยว ๆ โจ้ไหนแก”

        

    “ก็โจ้ สุดที่เลิฟเธอไง ยัยเถื่อน ว่าไงจะมาไหม ชวนเพื่อนเธอมาด้วยก็ดีนะ ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ”

        

    “ไปสิไป ชวนจิ๋วเหรอ ได้ ๆ … ที่ไหนล่ะ โอเค แล้วเจอกัน”

        

    ไฉนใดเล่าฉันจะไม่ตอบรับกลับไป กรี๊ดดดด…ถ้าเป็นฝันก็ขอให้อย่าตื่นเลยสาธุ…

        

    ฉันหอบร่างอันมีความสุขของตัวเองขึ้นไปบนบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะต้องสวยที่สุดเลย ไชโย…หุหุ ห่ะหะ ก๊าก ๆ ๆ ๆๆๆ ตอนนี้มีความสุขที่สุดเล้ยย

        

    รอก่อนนะจ้ะ จิงโจ้น้อย สุดที่เลิฟของช้านนน…
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×