ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    K I L L - S H O T

    ลำดับตอนที่ #1 : forloren

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 64



    ll I completely lost to you. ll

    ____________________________________________________

    APPLICATION



    " ฉันเกลียดที่คนพวกนั้นชอบทำเป็นรู้ดี ทั้งที่พวกเขาไม่ได้แม้แต่จะรู้จักชื่อของฉันด้วยซ้ำ "

    " กว่าจะหาใครสักคนที่รักและใส่ใจเราจริง ๆ ได้มันยากมากนะ..
    เพราะงั้นไง มันถึงน่าหงุดหงิดที่พวกงี่เง่านั่นจะคิดว่าฉันโง่จนดูไม่ออก ว่าพวกหล่อนอยากได้ของ ๆ ฉันน่ะ "

    [ Role: 03 Mania l Kise Ryouta ]
    _________________________________________________

    ชื่อ TH | ENG : โคะโจ ฮารุมิ l Kocho Harumi


    ชื่อเล่น :  

    • ฮารุมิ l Harumi [มักบอกให้ทุกคนเรียกตัวเองด้วยชื่อต้นเป็นปกติอยู่เเล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้ยินใครเรียกว่าโคะโจมานานมากเเล้วล่ะ]

    • เฮสเทีย l Hesteia [เพื่อนที่อยู่อเมริกามักเรียกเธอแบบนี้ เพราะไม่ถนัดออกเสียงชื่อญี่ปุ่นของเธอกันสักเท่าไหร่]


    อายุ : 16 - year - old


    โรงเรียน : Seirin High School


    ชั้นปี : 1st


    ส่วนสูง / น้ำหนัก : 177 cm. l 62 kg.


    วันเกิด : 23th, May


    กรุ๊ปเลือด : B


    ลักษณะภายนอก :

    'คุณไม่สามารถมองคนอื่นนอกจากเธอได้หรอก' ผู้ชายคนนั้นพูดไว้เเบบนั้น, และตอนที่เขาเหลือบไปสบเข้ากับดวงตาสีชมพูเพทายคู่นั้น เขาก็พบว่ามันจริงทั้งหมด โคะโจ ฮารุมิ เเทบจะเป็นตัวตนของคำว่า 'มนต์สะกด' โดยสมบูรณ์ ริมฝีปากสีอ่อนที่บางครั้งก็ประดับด้วยสีสันสดใสชวนให้ลิ้มลอง เหยียดยิ้มมุมปากน้อย ๆ ชวนให้หลงใหลแต่ก็เข้าถึงได้ยาก ใบหน้าขาวผ่องสะสวย ประดับเครื่องหน้าไว้อย่างสมบูรณ์แบบ จมูกเล็กรั้นเชิดกับปลายหางตาที่ยกสูงน้อย ๆ บ่งบอกว่าเป็นคนดื้อรั้นใช่เล่น เส้นผมที่ยาวเลยบ่าเล็กน้อยมีสีน้ำตาลอ่อนและมีกลิ่นหอมของเชอร์รี่จากแชมพู มันเข้ากันได้ดีกับน้ำหอมกลิ่นผลไม้ที่ฮารุมิมักฉีดอยู่เสมอ ผิวพรรณนวลเนียน ขาวสะอาดตาอีกทั้งยังไร้ซึ่งรอยตำหนิใด ๆ จุดเด่นอีกอย่งาคือมือทั้งสองข้างของเธอ ฮารุมิเป็นเด็กสาวที่มีมือสวยมาก หลาย ๆ คนมักชมเธอในเรื่องนี้เสมอ แต่มันก็สื่อได้อีกทางว่าเธอไม่ค่อยจะได้จับทำงานลำบากอะไรสักเท่าไหร่ ในส่วนของรูปร่างนั้น ฮารุมิจัดได้ว่าเป็นสาวเรือนร่างนางแบบคนหนึ่ง ทั้งในเรื่องของส่วนสูงเเละสัดส่วน ถือได้ว่ากินขาดเลยล่ะนะ

    แฟชั่นของเธอเป็นอะไรที่ชวนให้จับตามอง เพราะเข้ากันได้ดีกับทุกลุค ฮารุมิเลยมีเสื้อผ้าหลากสไตล์แขวนไว้ในตู้เธอเต็มไปหมด แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นเสื้อผ้าที่เน้นไปทางเสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวสะดวก และระบายอากาศได้ดี อาจจะเป็นเสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ หรือเสื้อเชิ้ตเปิดไหล่กับกระโปรงยีนส์สั้นเหนือเข่าสักตัวและรองเท้าบูธส้นสูง อีกสไตล์ที่เธอชอบแต่งก็คือพวกแนวสตรีท แต่เธอไม่ชอบการแต่งเป็นสาวหวานเท่าไหร่นักหรอกถ้าพูดกันตามตรง ฮารุมิมีสกิลการแต่งหน้าที่ดีเพราะศึกษามาจากคนเป็นแม่ เธอเลยมักตบเเต่งใบหน้าของเธอเเบบพอเหมาะเสมอตามวัยอันสมควร เว้นแต่ว่าถ้าอยู่นอกสถานศึกษาก็จะจัดเต็มบ้างแล้วแต่โอกาสว่าจะเเต่งไปไหนอะไรยังไง ซึ่งความที่ว่าหน้าดีแต่พื้นฐาน พอยิ่งแต่งก็เลยยิ่งสวยโดด ให้อารมณ์สาวมั่นแอบเปรี้ยวเบา ๆ ไม่น้อยเลยล่ะ

    สำหรับเรื่องของเครื่องประดับ ฮารุมิเองก็มีสะสมไว้เยอะพอ ๆ กับพวกเสื้อผ้าของเธอนั่นแหละ เเละเธอก็มีเก็บไว้เป็นคอเลคชั่นให้เข้าคู่กับพวกเสื้อผ้าแต่ละสไตล์ที่เธอสวมใส่ด้วย จะมีแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นเองที่เธอใส่ไว้ตลอด เช่น ต่างหูรูปดอกไม้บริเวณหูขวาที่เธอชอบมันมาก ๆ ถึงขนาดใส่ไว้ติดตัวตลอด กับแหวนคู่รักสองวงบนนิ้วชี้กับนิ้วโป้งซ้ายของเธอนั่นเอง


    ลักษณะการพูด : 

    โดยปกติแล้วโทนเสียงของฮารุมิจะค่อนข้างต่ำกว่าเด็กสาวทั่วไป เธอไม่ใช่คนเสียงแหลม แต่ก็เป็นคนที่พูดเสียงดังฟังชัด สำเนียงการพูดภาษาญี่ปุ่นของฮารุมิจะมีความติดอเมริกันเข้ามาด้วยนิดหน่อยด้วยความเคยชิน เธอไม่สามารถพูดรัว ๆ อย่างรวดเร็วด้วยภาษาญี่ปุ่นได้ เพราะเธอค่อนข้างอ่อนภาษาญี่ปุ่น ถ้าตอนไหนปรี๊ดแตก หรือหลุดจริง ๆ ก็ชอบพรวดภาษาอังกฤษออกมา ทับศัพท์กันเป็นว่าเล่นอีกต่างหาก ปกติเเล้วฮารุมิไม่ค่อยลงหางเสียงสักเท่าไหร่ กับคนอายุมากกว่าก็มีที่ลืม ๆ ไปบ้างด้วยเหมือนกัน เธอชอบแทนตัวเองว่า 'ฉัน' เรียกคนอื่นว่า 'เธอ' หรือ 'นาย' ไม่ก็ 'คุณ' ในกรณีที่อีกฝ่ายอายุมากกว่า ฮารุมิติดนิสัยเรียกชื่อต้นของอีกฝ่าย ซึ่งถ้าไม่อยากให้เธอเรียกก็ต้องบอกเธอตรง ๆ ไม่งั้นเธอจะไม่รู้ว่ามันไม่ค่อยสุภาพ น้ำเสียงส่วนมากก็จะราบเรียบเป็นหลักติดเฉื่อยนิดหน่อย ดูไม่หือไม่อืออะไรนัก เพียงแค่สามารถเหวี่ยงขึ้นลงได้ตามอารมณ์ที่ค่อนข้างจะแปรปรวนของเจ้าตัว เรื่องคำสบถก็..มีให้เห็นบ้าง แต่ไม่เยอะนักหรอก ถ้าไม่อยากด่าใครจริง ๆ ฮารุมิก็คงไม่ด่า แต่ถ้าอยากด่าขึ้นมา เธอก็พร้อมด่าแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเหมือนกันนะ..

    example 1; can I take a seat?

    ภายในคลาสเรียนวันนี้ดูเป็นวันที่ครึกครื้นกว่าทุกที นักเรียนมากมายต่างทยอยเข้ามาด้านในตัวห้องเรียน ส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจคุยกับเพื่อนด้วยเสียงดังเกรียวกราว เหมือนกับเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังสนุกสนานอยู่กับเรื่องของเด็กหนุ่มหน้าตาดีบนหน้าจอมือถือ จนกระทั่งใครสักคนขยับเท้าเดินเข้ามาใกล้นั่นแหละ

    "เฮ้"

    เนื้อเสียงหวานหากแต่ติดกว่าโทนเสียงทั่วไปของสตรีเพศดังขึ้น เรียกให้คนทั้งกลุ่มหันไปมอง ก่อนพวกเขาจะพากันสะดุ้งเมื่อได้สบกับดวงตาสีชมพูเพทายคู่สวยเข้า ร่างสูงปราดเปรียวยืนจ้องพวกเธออยู่ไม่ห่าง โคะโจ ฮารุมิ เหลือบสายตามองไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ถูกจับจ้องเอาไว้

    "ช่วยเขยิบหน่อยจะได้รึเปล่า พอดีตรงนี้มันที่ของฉันน่ะ"

    "..โทษที"

    เด็กสาวคนที่นั่งอยู่เป็นอันต้องลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับพวกเพื่อนของเธอที่ต้องขยับเท้าสืบหนีเมื่อเด็กสาวคนนั้นเดินแทรกพวกเธอเข้ามากลางวง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ของตนพร้อมกับหยิบข้าวของของตนออกมา ท่าทีเฉยเมยกับใบหน้าติดดุนั่นเอาทำเอาหลายคนอดจะเหลือบสายตามองสบกันเองไม่ได้ พวกเขาเดินถอยห่างออกไปอีกทาง พึมพำอะไรสักอย่างที่ตัวฮารุมิซึ่งหยิบแอร์พอร์ดขึ้นมาใส่ไม่ทันได้ฟัง

    "ทำมาเป็นพูดสั่ง..น่ารำคาญชะมัด"


    example 2; I can handle this.

    เสียงกรี๊ดดังสนั่นอยู่รอบตัว หากแต่ฮารุมิที่นอนเคว้งอยู่กลางสนามหญ้ากลับรู้สึกเหมือนไม่ได้รับรู้อะไรเข้ามาในหัวสักเท่าไหร่ ดวงตาหรี่หนีแสงอาทิตย์จ้าจากบนฟ้า เธอเกิดคำถามกับตัวเองว่าทำไมเธอถึงนอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนี้ รอจนมีใครสักคนวิ่งเข้ามาหา เขาฉุดตัวเธอให้ลุกขึ้น ฮารุมิเซเล็กน้อย รู้สึกว่าโลกหมุนติ้วในขณะที่คนที่ช่วยพยุงเธอขึ้นมานั้นมีสีหน้าซีดเผือดอย่างกับศพ

    "ทำไมต้องมองเหมือนเห็นผีด้วย" ฮารุมิถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอมองหนุ่ม ๆ ชมรมเบสบอลที่พากันสบตากันเองแบบไม่มีใครคิดพูดอะไรออกมาเลย เด็กสาวได้แต่เอียงคอทำหน้างง ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกนึง "ถ้าไม่มีอะไรฉันไปแล้วนะ"

    "เดี๋ยว ๆ! ฉันว่าเธอไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่าไหม"

    ใครสักคนตะโกนโหวกเหวกขึ้นมา รั้งปลายเท้าเด็กสาวไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ฮารุมิคิดตาม แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม ถึงเธอจะมึนหัวไม่หายจริง ๆ ก็เถอะ แต่แค่นี้มันไม่น่าเป็นอะไรมากสักหน่อยนี่นา..เด็กสาวคิดในขณะที่ตั้งใจจะบอกป่ายปัดปฏิเสธ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความอุ่นจากของเหลวซึ่งไหลย้อยหยดเข้ามาในดวงตา มันทำให้ฮารุมิสะดุ้งโหยง รีบยกมือป้ายของเหลวดังกล่าวออกมาทันที

    "อะไรเนี่ —"

    ..เลือด?

    .....

    ตึง!!

    "ใครก็ได้ตามหมอที ตรงนี้มีคนเป็นลม!!!"


    example 3; again...?

    "ขอโทษนะนอร์แมน พอดีอาจารย์เรียกคุยเรื่องงานน่ะ รอนานรึเปล่า"

    เด็กสาวที่วิ่งพรวดออกมาจากโรงเรียนพร้อมข้าวของที่ดูพะรุงพะรังเอ่ยถามแฟนหนุ่มของเธอ ในระหว่างที่เดินฮารุมิก็มัวแต่ง่วนอยู่กับการเก็บยัดของใส่กระเป๋า เพราะกลัวว่าแฟนหนุ่มอย่างนอร์แมนนั้นจะรอนานเกินไป เธอถึงได้รีบออกมาเเบบนี้ แต่ทว่าในเวลาต่อมามือของเธอก็ต้องหยุดอัตโนมัติ เมื่อได้ยินเสียงของใครสักคนดังแทรกขึ้นมาว่า

    "ช้าเป็นบ้าเลย" เสียงแหลมซึ่งหวีดสูงขึ้นด้วยความขัดใจเอ่ยขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสของเจสสิก้า, เพื่อนสาวของนอร์แมนจ้องมาที่เธอด้วยความหัวเสีย ก่อนที่หล่อนจะหันไปเกาะแขนนอร์แมนด้วยความสนิทสนม ท่ามกลางสายตาของเธอที่จ้องอยู่

    "บอกแล้วไงนอร์แมน นายน่ะควรไปเที่ยวกับพวกฉัน —"

    "จะกอดแขนเเฟนฉันอีกนานไหม?"

    สาวเชียร์หลีดเดอร์ประจำโรงเรียนหันไปมองตามเสียงเรียกด้วยแววตาหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ แต่เเล้วเธอก็ต้องกรี๊ดออกมาซะแทนเมื่อต้นแขนอีกข้างถูกกระชากอย่างแรงจนเผลอปล่อยมือออกจากแขนของเพื่อนชาย เสียงร้องอุทานดังขึ้นรอบตัว หากฮารุมิก็ไม่คิดสนใจ เธอบีบแขนอีกฝ่ายแน่นจนมันขึ้นรอยจ้ำ ดวงตาสีสวยฉายแววแข็งกร้าวอย่างไม่ปิดบังตอนที่กระซิบบอกหล่อนออกไปว่า

    "ถ้าฉันยังเห็นเธอมามาเกาะแกะนอร์แมนไม่เลิกอีกล่ะก็ ฉันจะตบเธอให้คลำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู"

    ใบหน้าสะสวยที่ตบแต่งเครื่องสำอางค์หนาเตอะนั่นซีดเผือดลงทันตา เจสสิก้าไม่กล้าแม้แต่ร้องกรี๊ดลั่นอย่างเคยด้วยซ้ำตอนที่เธอผลักหล่อนออกไปอีกทาง ทุกคนไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น แม้แต่นอร์แมนก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ได้แต่ปล่อยให้ฮารุมิจับมือเขาเเล้วดึงให้ด้วยกันเท่านั้นเอง


    example 4; this is your fault!

    ดวงตาคู่สวยสั่นระริกพอ ๆ กับขาสองข้างซึ่งยกอยู่เหนือพื้นด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดกลาง มือสองข้างเกาะเเขนคนข้างตัวไว้แน่นพอ ๆ กับที่เขาขยำชายเสื้อเธอไว้ไม่ปล่อยอย่างกลัวว่าถ้าเผลอปล่อยมือ ไม่เธอก็เขานั่นแหละที่จะตกลงไปด้านล่าง สองหนุ่มสาววัยสิบสี่ต่างเผชิญปัญหาหนัก เมื่อพวกเขาก้มลงมองพื้นเบื้องหลัง และพบเข้ากับศัตรูสี่ขาตัวฉกาจกำลังส่งเสียงเห่า โฮ่ง! อย่างดุร้าย (?) อยู่นับสิบตัวตอนนี้

    "เพราะเธอคนเดียวเลยยัยบ้า!" แล้วในที่สุดใครคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวจนเริ่มสติแตกจนได้ เด็กหนุ่มหันมาด่าเธอด้วยความเหลืออด ถึงอย่างนั้นก็ยังเกาะเสื้อเธอไว้เเน่นไม่ปล่อย ใบหน้าเขาซีดเผือด แต่มีเเรงเหลือมากพอจะหันมาด่าเธอแน่ ๆ ก็เหมือนกับที่ฮารุมิหันไปว้ากกลับอย่างไวทั้งน้ำตาคลอเบ้านั่นแหละ

    "ห๊า!? ที่มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่านายไปเหยียบหางมันเข้าก่อนรึไงเล่า!"

    "ก็ถ้าเธอไม่พาวิ่งจนหลงไปเจอมันทั้งฝูงเเล้วจะเป็นเเบบนี้เรอะ!"

    "สรุปคือจะบอกว่าความผิดฉันเหรอ? คือนายจะโทษฉันใช่ไหมห๊ะ!?"

    "ก็เออเซ่!"

    เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นหนักกว่าเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงเห่าของเหล่าน้องหมาบนพื้นด้านล่างอีกแล้ว แต่เป็นมนุษย์บ้าสองคนที่ตีกันเองอยู่บนตู้คอนเทนเนอร์นั่น ตะโกนด่ากันปาว ๆ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนและชายเสื้ออีกฝ่าย กลายเป็นทะเลาะกันโชว์หมาซะอย่างนั้นอะ..


    example 5; can't explain this.

    บรรยากาศในช่วงเย็นภายในร้านขนมเค้กตรงหัวมุมถนนที่สามยังคงเป็นสถานที่โปรดและเวลาในฝันของฮารุมิไม่มีเปลี่ยน หากใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังตักเค้กแสนอร่อยใส่ปากกลับมีดูเฉยชา ฮารุมิกลืนของหวานเหล่านั้นลงไปด้วยความรู้สึกดาษลิ้นเหมือนกับมันเป็นกระดาษ ดวงตาจ้องมองเก้าอี้ว่างเปล่าเหม่อลอยออกไปไกล ท่าทีแบบนั้นทำให้เจ้าของร้านอดจะมองด้วยความสงสัยเสียไม่ได้ ว่าอะไรกันนะทำให้ลูกค้าประจำคนนี้นั่งนิ่งไปแบบนั้น

    "เป็นอะไรไปเหรอ หรือว่ามันไม่อร่อยเหมือนทุกที" หญิงสาวเดินมาถามเธอด้วยความเป็นกันเอง เรียกให้ฮารุมิเงยหน้าขึ้นสบตากับคุณเจ้าของร้านได้ไม่ยาก หากแต่เธอก็ไม่ได้ตอบกลับมาในทันที ฮารุมิมีสีหน้าครุ่นคิด เหมือนว่าเธอก็สับสนอยู่เหมือนกัน

    "ไม่รู้เหมือนกันค่ะ.."

    อึดอัด..แล้วก็ฟุ้งซ่าน

    หัวสมองไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน ดวงตายังเห็นเป็นภาพเขา ฮารุมิได้ยินเสียงของคุณผู้จัดการร้านเป็นเสียงของนอร์แมนด้วยซ้ำในตอนแรก

    "มันรู้สึก..อธิบายไม่ถูกเลย.."

    น้ำตาหยดลงมากระทบกับเค้กรสหวานที่รู้สึกว่าขมพร่ากว่าทุกที ทั้งที่คิดว่าไม่เป็นไร ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากเลิกกันแล้วก็นึกว่าจะสบายดี แต่กลับรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในที่ ๆ เดิมของเรา ที่เดิมที่ยังเหมือนอย่างเคยทุกอย่าง..เว้นแค่เขาที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยเท่านั้นเอง..


    อุปนิสัย : 

    • everyone looks at her and nobody talks.

    เป็นเรื่องที่ซุบซิบพูดคุยกันอยู่อย่างหนาหู ถึงเด็กสาวลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นคนนั้น ใบหน้าสวยคมโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาสีชมพูเพทายของเธอที่ไม่ได้มองไปที่ใครเลย ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า โคะโจ ฮารุมิ หรือที่เรียกกันบ่อย ๆ ว่า เฮสเทีย คนนั้นน่ะมักนั่งอยู่คนเดียวเสมอ ไม่ใช่ว่าเธอเป็นพวกไม่เข้าสังคม แต่เป็นผู้คนรอบข้างต่างหากที่มักเลือกเว้นระยะห่างกับเธอ เหตุผลหนึ่งจากหลาย ๆ เหตุผลก็เพราะฮารุมิมีใบหน้าที่เรียบตึงอยู่เสมอ หลายคนบอกว่าเธอชอบทำหน้าเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่างตลอดเวลา และมันดูน่ากลัวเกินกว่าจะทำให้ใจกล้าไปชวนคุยได้ อีกทั้งน้ำเสียงที่ต่ำกว่าเด็กสาวทั่วไปก็ฟังห้วนสั้นเสมอเลยด้วย

    เธอมักจะทำตัวมั่นอกมั่นใจอยู่เสมอ ฮารุมิทำทีเหมือนกับว่าไม่จำเป็นต้องให้ใครช่วยอะไรเลย แต่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเธอนั้นสามารถทำมันเองได้ เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาร้องขอความช่วยเหลือจากใคร และการรับความช่วยเหลือในเรื่องที่ไม่จำเป็นมักทำให้รู้สึกอึดอัดมากกว่ายินดี อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก ริมฝีปากสวย ๆ มักเอ่ยทุกคำที่เธอคิดอยู่ภายในใจออกมา และบางทีก็ออกจะตรงเกินไปจนทำให้บางคนรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ดูไม่ค่อยรู้ตัวนักหรอกว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างปากร้ายใช้ได้เลยทีเดียว เพียงแค่เธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่ชอบด่าทอคนอื่นเสียหน่อย เพียงแค่พูดออกไปตามเนื้อผ้า เเล้วก็ไม่เก่งเรื่องการพูดรักษาน้ำใจ หรือการพูดเวิ่นเว้ออะไรพวกนั้นสักเท่าไหร่แค่นั้นเอง

    แต่เพราะความที่เธอไม่เคยกลัวใครเลยนั่นแหละ มันถึงทำให้ทุกคนทำได้แค่มองเเล้วพูดกันลับหลัง โดยที่ไม่มีใครสักคนจะกล้าเข้าไปหาเรื่องเธอตรง ๆ เพราะฮารุมิมักจะทำตามใจตัวเอง ดังนั้นเธอเลยไม่สนเรื่องกฎเกณฑ์เท่าไหร่ ป็นคนที่สายเลือดนักไฟท์มันไหลอยู่เต็มอก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนที่พุ่งเข้าไปหาเรื่องใครเขามั่ว ๆ ฮารุมิไม่ได้ชอบการทะเลาะวิวาท แค่คนรอบตัวเธอนั่นแหละที่ชอบคิดว่าเธอไม่เป็นมิตร หาว่าเธอไปมองหน้าบ้างล่ะ ทำตัวกวนโมโหบ้างล่ะ ทั้งที่ฝ่ายนั้นเองนั่นแหละที่เริ่มก่อน มันจึงไม่ใช่เรื่องเลยที่เธอจะนั่งเฉย ๆ ให้คนเข้ามาทำร้ายตัวเองเอาได้ ฮารุมิไม่ใช่นางเอก เธอเป็นคนที่พร้อมปกป้องตัวเองถ้าโดนตั้งเเง่ใส่ แต่ก็เพราะท่าทีที่ดูแรงเกินไปแบบนั้นล่ะ คนพวกนั้นถึงเอาเรื่องของเธอไปซุบซิบได้ง่ายดายกันนัก ทั้งที่ไม่ได้รู้อะไรเลยแท้ ๆ ด้วยซ้ำน่ะ

    • she has unpredictable mood swings.

    ฮารุมิมักมีเรื่องที่ไม่ชอบใจเยอะกว่าเรื่องที่ชอบใจ จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมใบหน้าของเธอถึงดูบึ้งตึงอยู่เเบบนั้นตลอดเวลา เพียงแค่อากาศร้อนเกินไป มันก็ทำให้เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาได้เเล้ว อารมณ์ของฮารุมิเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนเอาซะเลย เธอแปรปรวน เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวร้อน เเล้วเดี๋ยวก็เศร้า ดูเข้าใจยากนิดหน่อยในเรื่องของอารมณ์ เพราะฮารุมิมักคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่ในหัว ไม่ใช่แค่เรื่องที่เจออยู่ตอนนั้น แต่หมายถึงทุกเรื่องในอดีตลามไปยันอนาคต บางทีกำลังอารมณ์ดีอมยิ้มนิด ๆ อยู่กับตัวเองเพราะเย็นนี้มีอาหารมื้อโปรด แต่ดันเผลอนึกขึ้นมาได้ว่าโดนทำโทษทำความสะอาดโรงยิมเลยต้องกลับบ้านช้า ฮารุมิก็สามารถสับสวิตซ์อารมณ์ให้กลายเป็นบูดบึ้งได้ง่าย ๆ ซึ่งมันก็สามารถทำให้สดใสได้ง่ายพอกันถ้ารู้วิธีล่ะก็ แน่นอนว่ามันไม่ได้ยากอะไรเลย แค่รู้ใจเธอสักหน่อยก็ไม่ยากเเล้วล่ะ

    อารมณ์ของฮารุมิมักขึ้นอยู่กับสิ่งรอบตัวเธอ รวมถึงผู้คนด้วย วันไหนที่อากาศดี ฮารุมิก็จะอารมณ์ดี แต่ถ้าวันไหนฝนตกรถติด หรือพายุหิมะเข้า ฮารุมิก็จะหมดอารมณ์ นอนเปื่อยเป็นผักตายซากไปทั้งวันแบบไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ต่อให้พยายามขุดจากเตียงแม่คุณก็จะไม่ขยับเด็ดขาด หลอดพลังงานติดลบสุด ๆ ในวันฝนตกหิมะถล่ม เคยถึงขนาดแอ๊บว่าป่วยเพราะไม่อยากไปเรียนวันฝนตกด้วยซ้ำ แต่ในทางตรงกันข้าม ฮารุมิจะกระตือรือร้นมากในฤดูใบไม้ผลิ เธอยิ้มง่ายขึ้นเมื่อเห็นดอกไม้ หัวเราะกับมุกตลกที่บางทีก็ทำหน้างงใส่ ดังนั้นทุกคนรอบตัวฮารุมิเลยจำขึ้นใจเลยว่า ถ้าอยากชวนเธอไปไหน หรือชักจูงหลอกล่อ (?) อะไรสักอย่าง ให้เช็คสภาพอากาศกับสิ่งรอบตัวดี ๆ ก่อน เเล้วจะรู้ได้ว่าฮารุมิหงุดหงิดอยู่ไหม หรือว่าเป็นเวลาที่ควรพูดถึงรึเปล่าน่ะ แล้วก็ฮารุมิจะเป็นคนที่จับอารมณ์คนได้ไว ถ้าคนใกล้ตัวกำลังเศร้า เธอก็จะรู้ เเล้วฮารุมิก็จะพาลรู้สึกแย่ไปด้วย มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบเขามาวอแว ชวนคุณเล่นนู่นเล่นนี่เพื่อผ่อนคลายคุณตอนที่คุณดูหมองกว่าทุกวันบ่อย ๆ ยังไงล่ะ อย่างกับแมวไม่มีผิดเลยล่ะ

    นอกจากนี้แล้วอารมณ์อันเเสนแปรปรวนของฮารุมิยังมักแสดงออกมาในตอนที่เธออินกับเพลงหรือหนังมาก ๆ ขอเสียอย่างหนึ่งตั้งเเต่เด็กยันโตคือไม่มีใครมาคอยขัดใจฮารุมิ เธอจึงเป็นเจ้าแม่ unpredictable ขั้นสุด ฮารุมิอาจจะอินหนังเรื่องหนึ่งมาก ๆ แล้วก็โทรไปบอกแม่ของเธอว่าเธอจะไปทะเลนะ ซึ่งคงไม่มีใครว่าอะไรถ้าตอนนั้นมันไม่สามทุ่มเเล้ว แถมแม่คุณยังเป็นพวกไม่รู้ร้อนรู้หนาว ความตระหนักรู้ด้านสิ่งอันตรายต่ำติดลบอีกต่างหาก กว่าจะนึกออกว่าต้องโทรบอกแม่ว่าออกมาข้างนอก อีกสองป้ายรถเมล์ก็จะถึงที่หมายเเล้วเรียบร้อย เรียกได้ว่าทำชาวบ้านเขาปวดประสาทบ่อยมากเลยล่ะยัยคนนี้น่ะ

    • but no one knows how much she feels lonely.

    ฮารุมิเหมือนกับแมว แต่ก็เป็นแมวที่ขี้เหงาและต้องการการเอาใจใส่ ภายนอกเธอดูหยิ่งไม่ชอบยุ่งกับใคร แต่ดวงตาคู่นั้นก็มักมองหาคนรู้จักเพื่อจะได้ไปอยู่ใกล้ ๆ ฮารุมิสามารถเป็นตัวเองได้มากขึ้นเมื่อเธออยู่กับคนสนิท แต่คอมฟอร์ทโซนของฮารุมิไม่ใช่ครอบครัว และไม่สามารพูดได้ว่าเป็นเพื่อน ๆ หรือคนรัก ในเมื่อเธอเองก็ไม่มีสองสิ่งนั้นเหมือนกัน ฮารุมิไม่เก่งเรื่องเสเเสร้ง เธอไม่ชอบที่คนพูดถึงเธอในด้านแย่ ๆ จากการฟังคนอื่นมา ดังนั้นเธอจึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา และมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับคนที่เข้ามาแค่เพียงหวังประโยชน์ เพราะเธอคนนี้ถ้าให้ใจแล้วก็ให้ไปเสียหมด ไม่เคยเผื่ออะไรเอาไว้เลย เธอถึงเจ็บจะเป็นจะตายตลอดตอนที่คนที่คิดว่าเป็นเพื่อนเอาเธอไปนินทาเสีย ๆ หาย ๆ ในตอนหลัง สุดท้ายเเล้วฮารุมิก็ตั้งปราการกั้นตัวเองไว้จากคนรอบตัวด้วยท่าทีเเข็งกระด้าง ขีดเส้นที่ไกลเสียยิ่งกว่าเดิม ทำให้แทบไม่มีใครกล้าพอเข้ามารู้จักตัวตนที่ลึกไปกว่าจากที่เห็นภายนอก และกลายเป็นว่าเธอเองนั่นแหละที่ต้องเหงาอยู่ลำพังไปในท้ายสุด

    เด็กคนนี้มักจะโหยหาความรักความเอาใจใส่อยู่เสมอ พอโดนใครเมินก็จะเคืองคน ๆ นั้นไปเลย เพราะเธอชอบเวลาที่มีคนนึกถึงเธอ แค่เวลามีคนตามงานแล้วเเท็กชื่อเธอในแชทกลุ่ม ฮารุมิก็ใจฟูขึ้นมาได้ง่าย ๆ แล้ว เหมือนเด็กที่มีความสุขได้แค่กับเรื่องง่าย ๆ แต่ก็มีค่ามากสำหรับเธอ คนที่เอาใจใส่มักทำให้เด็กคนนี้หัวใจเต้นเร็วได้มากกว่าคนทั่วไปเป็นสิบเท่า เธอระแวดระวังเวลามีคนเข้ามาหา แต่ก็ไม่ใช่คนที่ดูคนได้เก่งขนาดนั้น ฮารุมิไม่ใช่คนที่ฉลาดในด้านการใช้ชีวิต เรื่องการเรียนเธออาจไม่แย่ แต่ในเรื่องนี้เธอคงต้องฝึกเพิ่มอีกสักหน่อยล่ะนะ..มันค่อนข้างน่าเป็นห่วงสำหรับเธอที่ถ้าเขามาทำดีด้วยหน่อย ก็สามารถสับสนเเละคิดขึ้นมาว่า 'หรือคน ๆ นี้จะเป็นคนดีกว่าที่เธอคิดไว้นะ?' เรื่องตลกคือสัญชาตญาณของฮารุมิเเรงเสมอตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรก เธอมักรู้สึกฉุกใจขึ้นมาว่าอีกฝ่ายดูแปลก ๆ เหมือนจะไม่น่าคบ แต่พอรู้จักเเล้วก็ไม่วายเผลอเปิดใจให้ แล้วก็เป็นเธออีกนั่นแหละที่ผิดหวังซ้ำ ๆ ไม่เลิกสักที

    ฮารุมิเจอคนมาหลายจำพวกมาก ๆ ทั้งพวกนิสัยดีแต่กลัวเกินกว่าจะคบกับเธอ ทั้งคนที่ไม่อยากซวยโดนไม่ชอบหน้าไปด้วยกับการมาคบเธอ หรือกระทั่งพวกนิสัยไม่ดีที่จ้องเเต่จะทำร้ายเธอ แล้วพอเธอลุกสู้หน่อยก็มาทำบีบน้ำตาเเสร้งเป็นคนเจ็บพวกนั้น มันทำให้ฮารุมิเหนื่อยกับการพยายามเข้าหา เธอจึงหยุดยืนอยู่แค่ที่เดิมของเธอ ไม่เข้าไปหาใคร แต่ก็สามารถปล่อยให้คนที่กล้าพอเข้ามาทำความรู้จักเธอได้เช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเธอยังโหยหาใครสักคนที่เข้าใจเธอได้จริง ๆ อยู่ ฮารุมิไม่ได้อยากอยู่คนเดียว ตอนไปเดินเที่ยว เธอก็มีเพื่อนช่วยกันเลือกซื้อของ แล้วก็หัวเราะสนุกกับการเถียงเรื่องมื้อเที่ยงวันนี้ว่าจะกินอะไรดี แต่ถึงอย่างนั้น การหาเพื่อนสำหรับเธอมันก็คงยากเกินไปจริง ๆ นั่นแหละมั้ง..?

    • a little girl who can survive but not so long.

    ทักษะพิเศษของฮารุมิคือเรื่องของการเอาตัวรอดที่เหมือนจะไม่รอด (?) ตั้งเเต่เด็กยันโต สิ่งที่เคยชินที่สุดนั่นคือการอยู่คนเดียว ทั้งในและนอกบ้านหรือกระทั่งกับที่โรงเรียน ฮารุมิผู้ขี้เบื่อและ mood drop กับสภาวะจำเจได้ง่าย ๆ เลยไม่สามารถทนหมกตัวในบ้านได้ตลอดไป เวลาที่อยู่คนเดียวไปนาน ๆ ฮารุมิมักจะมีความคิดแว้บเข้ามาในหัว เป็นความคิดที่ชั่ววูบและดูบ้ามากสำหรับบางอย่าง เรื่องบ้ากว่านั้นก็คือเธอมักจะทำตามความคิดชั่ววูบพวกนั้นมากกว่าการคิดทบทวนอย่างดี ฮารุมิค่อนข้างจะตัดสินใจไวไม่น้อย เธอใจง่ายและมือไวไปนิด ถ้านึกอยากทำอะไรก็จะลุกขึ้นมาทำเลย เดี๋ยวนั้น ทันทีทันใด ไม่ต้องคิดซ้ำอะไรทั้งนั้น ความขี้เกียจหรือความกังวลใจจะไม่สามารถหยุดเธอได้ เว้นแต่ว่าวันนั้นฝนจะตกหิมะจะถล่มเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยมีอาการขี้เกียจเท่าไหร่ เวลาใครชวนไปไหนก็คือไปหมดเลย เพราะไม่อยากอยู่บ้านแค่นั้นเอง ต่อให้ต้องไปนั่งงงอีกทีว่าเธอมาทำอะไรที่นี่นะ? ฮารุมิก็คิดว่ามันดีกว่าการอยู่บ้านเฉย ๆ อยู่ดีนั่นแหละ

    ฮารุมิไม่ง้อคน ถ้าขอเเล้วไม่ช่วยก็จะช่างมันไปเลย เป็นพวกชอบเสาะหาวิธีแก้ไปเรื่อย ๆ เคยขอแม่ให้พาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าแต่แม่ไม่ว่าง เธอก็นั่งจ๋องไปสักพักแล้วก็ลุกไปหยิบกระเป๋า หยิบรองเท้าเเล้วเดินไปโบกรถเมล์ขึ้นเองเลย ฮารุมิค่อนข้างจะโอนเอียงไปทางสายผจญภัยม่ได้ตื่นเต้นกับการเห็นสิ่งใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ นะ แต่ต้องบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยซะมากกว่า ฮารุมิเคยนั่งรถหลงป้ายเลยไปไกลลิบ แต่เธอก็ไม่มีท่าทีกระวนกระวายเลย ใจเย็นมากกับสถานการณ์แบบนี้ อินเนอร์แบบว่าเสิร์ชเน็ตเอาเดี๋ยวก็ได้เองแหละ ไม่ก็เดินไปถามทางคนโน้นคนนี้ที คือหลงเก่งแหละ เพราะชอบไปในที่ที่ไม่เคยไป แต่ก็กลับบ้านมาได้โดยสวัสดิภาพแถมหิ้วของที่ไปช็อปมาพะรุงพะรังกลับมาด้วยอีกต่างหาก น่าเหลือเชื่อสุด ๆ ไปเลยล่ะเเม่คุณคนนี้

    แต่ขอโทษเถอะ, ไอ้ความไม่เกรงอะไรเลยบนโลก (ยกเว้นของที่กลัวจริง ๆ) นั่นมันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ..ใครจะรู้ล่ะว่าฮารุมิจะกลับมาได้เหมือนเดิมทุกรอบรึเปล่า แถมสกิลการใช้ชีวิตของเธอยังกลาง ๆ ค่อนไปทางต่ำอีกต่างหาก เธอทำอาหารกินเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าฮารุมิไม่รวยขนาดเปย์ของต่าง ๆ กับจ่ายค่ารถได้ไม่อั้น เธอคงซวยไปนานแล้ว อีกอย่าง ไม่มีใครรับประกันได้ด้วยว่าฮารุมิจะไม่บังเอิญไปเจอคนไม่ดีเข้า ถึงจะห้าวจัดขนาดที่ว่าพร้อมตบกับทุกคนที่เข้ามาหาเรื่อง แต่เธอก็ไม่ได้เป็นมวยหรือเป็นลูกศิษย์เส้าหลินนะ ถึงจะได้สามารถสู้กับพวกผู้ชายตัวโต ๆ ได้น่ะ เพราะฉะนั้น ขอเถอะนะฮารุมิ เลิกซนสักทีเถอะ! คนอื่นเขาหัวใจจะวายตายกันหมดเเล้วนะ!

    • she's a naughty girl that always tries to find something new.

    อย่างที่บอกว่าฮารุมิจะไม่สามารถทนกับสภาวะจำเจได้ ไม่ได้แบบไม่ได้เลยจริง ๆ เธอมักมองหาอะไรใหม่ ๆ มาทำอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการเปลี่ยนสีน้ำยาทาเล็บกับรูปแบบให้อีปิคขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ หรือการเปลี่ยนงานอดิเรกเล่นไปเรื่อยก็ตาม ฮารุมิไม่ใช่คนมีพื้นฐานด้านจิตใจเเข็งแกร่งนัก สามารถโดนหลอกล่อได้ด้วยโฆษณาชวนเชื่อได้ง่าย ถ้านั่งอ่านไปเรื่อยแล้วดันเกิดสะดุดตา หรือมีสักประโยชน์ที่สเปคขึ้นมา เธอก็พร้อมโอนเงินติ๊ดเดียวจบได้เหมือนกัน ฮารุมิไม่ค่อยสนเท่าไหร่ว่าเธอจะทำอะไรได้ดีบ้าง เธอคิดแค่ว่าเธออยากทำ เพราะฉะนั้นเธอก็จะทำ ถ้าทำได้ไม่ดีก็ช่างมัน ถ้าไม่ชอบก็เลิกทำไปสิ เรียกได้ว่าโนสน โนแคร์มาก ๆ ปฏิกิริยาผิดหวังต่ออะไรพวกนี้คือเป็นลบสุด ๆ

    คืออันที่จริงแม่คุณก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรแต่แรกแล้วแหละ ฮารุมิไม่ใช่คนเก่งอะไรนี่นา เธอรู้ตัวว่านอกจากหน้าตาที่สวยมาก (ชมตัวเองบ่อยด้วยว่าเป็นคนสวย) เธอก็ไม่ค่อยจะเก่งอะไรอย่างอื่นอีกสักเท่าไหร่ แต่เธอก็คิดนะว่าความไม่เก่งมันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาหยุดให้เราทำอะไรสักอย่างที่อยากทำอะ พอเธอมีต้นทุนเธอก็เลยคว้าทุกโอกาสที่อยากคว้ามาเท่านั้นเอง ฮารุมิมีความกล้าหาญผสมบ้าบิ่นในตัว การลองทำอะไรใหม่ ๆ ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว มันน่าตื่นเต้นในตอนเเรก แต่เธอก็มักจะเบื่อได้ไว ฮารุมิจึงมีข้อเสียในด้านนี้อยู่บ้างที่ดูไม่ใช่คนปักหลักกับอะไรสักเท่าไหร่ แต่ถ้ามีของที่ชอบ เธอก็จะชอบมาก ๆ เหมือนกันนะ

    เรื่องบางเรื่องก็พอทำได้ดีอยู่บ้าง ฮารุมิมีความฝัน นอกเหนือจากการมีเพื่อนเกินสิบคนก็คือการได้เป็นดีไซเนอร์ ฮารุมิจะทุ่มเทให้กับความฝันของเธอมากเป็นพิเศษ อันดับความสำคัญของเธอคือ หนึ่งความฝัน สองตัวเธอเอง สามพ่อแม่ สี่คนที่รักและสนิท ฮารุมิจะมีช่วงพีคที่อินกับการฝึกวาดดีไซน์ของเธอมาก ๆ หรือไม่ก็ติดดูพวกวิดีโอแฟชั่นโชว์มาก ๆ ถึงขนาดว่าเผลอลืมกินข้าวไปเลยก็มี แถมถ้าไปกวนก็จะหันมาแยกเขี้ยวใส่ด้วย แต่เพราะเธอดูมีความสุขมากในตอนที่ไล่ตามความฝัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนรอบตัวไม่อยากขัดใจเธอสักเท่าไหร่ แต่บางทีนี่ก็นะ..ชอบอดหลับอดนอนทำงานพิเศษวาดรูปที่รับจ็อบมาเล่น ๆ (แต่ดันโคตรจริงจัง) แล้วก็มาความดันตกใส่ตลอดอะ เธอไม่นอนเองก็อย่ามาขู่สิเฮ้ย คนมันกลัวนะ พูดจริง ๆ

    • because she falls in love, so she became a jealous one.

    อารมณ์ของฮารุมิมักเป็นไปอย่างรุนแรง แต่บางครั้งก็มากเกินไปจนหลายคนรู้สึกรับมือไม่ไหว หนึ่งในความรู้สึกที่ฮารุมิมักควบคุมไม่ได้ นั่นคือความรู้สึกหึงหวงของเธอ เธอเป็นคนที่ขี้หึงมาก ฮารุมิไม่ใช่พวกชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เธอก็แค่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับคนของเธอ เวลาที่มีผู้หญิงมาวอแวกับแฟนก็มักมีสีหน้าทะมึนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ฮารุมิก็ยังพออดทนได้ถ้าเธอมองเเล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น อาจจะเป็นเรื่องงานหรืออะไรแบบนั้น แค่ว่าถ้ามันล้ำเส้นเมื่อไหร่ เธอก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปบวกได้เหมือนกันก็แค่นั้นเอง

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ฮารุมิมีเรดาห์จับผิดที่แรงมากในเรื่องของความรัก เธอมักจะสังเกตคนที่ชอบอยู่ตลอด ดังนั้นจึงมองเห็นความเปลี่ยนไปรอบตัวเขาได้อย่างชัดเจน กลิ่นน้ำหอม ท่าทาง คำพูด การแสดงออก ล้วนแต่ทำให้เอะใจขึ้นมาเมื่อพบว่ามันแปลกไปจากเดิม ฮารุมิมักศึกษาเรื่องของคนที่เธอชอบ ก็เลยรู้ว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร มีสเปคผู้หญิงแบบไหน พอเห็นผู้หญิงแบบที่ว่ามาข้องแวะด้วยเธอก็จะกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที กลัวว่าเขาจะเผลอไปใจเต้นกับหล่อนรึเปล่า เเละเพราะตัวฮารุมิไม่เคยชินกับความได้รักความรัก เธอจึงหวงแหนมัน ในขณะเดียวกันก็กลัวด้วยว่าตนอาจเผลอทำความรักหลุดมือไปได้ เธอจึงไม่ชอบใจเลยที่มีคนมายุ่งวุ่นวายกับคนของเธอ แถมผู้หญิงพวกนั้นบางคนก็ชอบทำตาใสบอกว่า 'ไม่มีอะไรสักหน่อย' ทั้งที่มือก็ยังมาเกาะแกแฟนเธอไม่เลิก บอกตามตรงว่าเห็นแล้วเส้นความอดทนมันจี๊ด ๆ เจียนจะขาดมันทุกสามวินาทีเข้าให้

    ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฮารุมิก็พอคุยและยอมลงให้กับคนรักของเธอได้บ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้คือเธอไม่เคยใจเย็นได้เลยสักที ถ้าทะเลาะกันเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็จะใหญ่โตบานปลายตลอด ซึ่งเธอก็แค่อยากได้ความสบายใจ ไม่ให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงพวกนั้นที่แสดงออกว่าอยากได้เขามันก็แค่นั้น แต่บางครั้งคำพูดกับทีท่าของฮารุมิก็แรงเกินไปจนทำให้แฟนเธอรู้สึกเหนื่อยที่จะทะเลาะกันในเรื่องนี้ อีกทั้งถ้าเกิดงอนกันเรื่องนี้ขึ้นมา ฮารุมิก็มักจะไม่ง้อ เพราะเธอคิดว่าตนไม่ผิด แฟนเก่าของเธอมักจะเป็นฝ่ายง้อเธอเสมอและสัญญาว่าจะเว้นระยะห่าง ซึ่งมันก็ทำให้ฮารุมิสบายใจได้ เพราะเธอเชื่อในคนของเธอ แต่ไม่เชื่อในตัวผู้หญิงพวกนั้น ซึ่งสุดท้ายมันก็..ลงเอยอีหรอบเดิมทุกทีนั่นแหละนะ

    • and it's so hard to move on from the past.

    เธอผู้ที่รักแล้วก็รักเสียหมดใจ เธอผู้ให้ไปแล้วไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งอาจต้องรับกลับคืนมา การหาใครสักคนที่รักและใส่ใจเธอมันยาก แต่ก็ดูเหมือนมันจะยากเสียยิ่งกว่ากับการรักษาความรักนั้นเอาไว้ ฮารุมิพยายามอย่างถึงที่สุดเสมอเพื่อจะรักษาความรัก แต่บางสิ่งในตัวเธอก็มักทำให้เธอเสียความรักนั้นไป การที่เธอเลิกกับแฟนเก่าไป ลึก ๆ ในใจเธอก็พอรู้ตัวนั่นแหละว่าส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของเธอ ถึงอย่างนั้นก็ยังรักศักดิ์ศรีเกินไปและเชื่อมั่นจนเกินไป ฮารุมิแสร้งทำหน้าเมินไม่สนใจ เธอทำเป็นใจแข็งตอนที่อีกฝ่ายขอตัดความสัมพันธ์ กลับไปใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ของเธอ สมองนั้นหลอกร่างกายว่าทุกอย่างยังคงโอเค ฮารุมิก็ยังคงแบบ โคะโจ ฮารุมิ คนเดิมที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการหายไปของคนสำคัญ ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด

    เธอดูเข้มแข็งเหลือเกินตอนที่เธอยังใช้ชีวิตของเธอต่อไปได้อย่างเดิมทั้งที่ผ่านเรื่องเลวร้าย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเธอก็คงรู้ดีที่สุดใช่รึเปล่า? หัวใจที่ชืดชา สภาวะอารมณ์ที่ดรอปตลอด ทั้งที่ฝนไม่ได้ตกเลยแท้ ๆ แต่ฮารุมิก็ยังไม่อยากทำอะไรเลยอยู่ดี ต่อให้เป็นของที่อร่อยแค่ไหนก็กลืนไม่ลง นั่นก็เพราะว่าอารมณ์ของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงน่ะสิ ความเศร้าเป็นสิ่งที่ทำให้ฮารุมิไม่เป็นตัวเองได้มากที่สุด บางครั้งเธอก็เหม่อลอย ดูสับสนกับตัวเองและฟุ้งซ่านอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ที่ตกค้างอยู่ในหัว แล้วจู่ ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมาได้ดื้อ ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังดูไม่เป็นอะไรอยู่เลย เรียกได้ว่าเสียศูนย์อย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะ

    ฮารุมิยึดติดในความรัก เธอไม่ใช่คนที่ก้าวไปข้างหน้าได้ง่าย ๆ ด้วยคำว่าวันพรุ่งนี้มันจะดีขึ้น ต่อให้เธอหลอกร่างกายของเธอได้ เธอก็หลอกหัวใจไม่ได้อยู่ดี ถึงอย่างนั้นเธอก็ชอบเเสร้งทำเป็นสบายดี วิธีการที่ฮารุมิเลือกใช้มากที่สุดคือการทำให้ตัวเองยุ่งเข้าไว้ พอผ่านไปหลายอาทิตย์เข้า ไอ้อาการเจ็บช่วงแรก ๆ มันก็จะซาลงไปเองนั่นแหละ แค่ว่าไม่หายสนิทสักที..แถมเธอยังไม่กล้าทิ้งความทรงจำสมัยเก่า ๆ ไปอีกต่างหาก เป็นพวกที่ตัดไม่ขาด และต้องใช้เวลานานในการรักษาแผลใจก็ว่าได้ล่ะมั้ง..ตัวเธอน่ะ


    ประวัติ :

    [ found it ]


    ชอบ : 

    • ฤดูใบไม้ผลิ [อากาศที่เธอชอบที่สุดคืออากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฮารุมิชอบสีสันที่สดใสโดยรอบทั่วที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูสวยงามไปหมด โดยเฉพาะกับที่ญี่ปุ่น ฮารุมิมักจะอารมณ์ดีได้ง่ายในช่วงฤดูนี้ ไม่รู้ทำไมนี่สิ]

    • ขนมหวาน [ฮารุมิคลั่งของหวานมาก เธอกินหวานจนบางทีคนรอบตัวก็งงว่ากินเข้าไปได้ไง ถ้าให้ฮารุมิสั่งชานม เธอก็จะบอกว่า ขอหวาน 200% ไปเลย หรือไม่ถ้าให้สั่งเค้ก เธอก็จะจิ้มเลือกมาไม่ต่ำกว่าสามชิ้นเเน่ ๆ ดังนั้นเพื่ออนาคตที่ดีของสุขภาพ อย่าให้ฮารุมิสั่งของหวานเองเลยเถอะนะ..]

    • แฟชั่นต่าง ๆ [ความฝันของฮารุมิคือการได้เป็นดีไซน์เนอร์ ดังนั้นเธอจึงสนใจพวกเรื่องเสื้อผ้าอะไรพวกนี้มาก ทั้งจากนิตยสารและเเฟชั่นโชว์เลย]

    • การช็อปปิ้ง [เหมือนกับได้ระบายความเครียดอย่างหนึ่งก็ว่าได้ ฮารุมิช็อปเก่งสุด ๆ ถ้าหาตัวเธอที่บ้านไม่เจอ ก็แปลว่าเธออยู่ห้างนี่แหละ]

    • น้ำแครอท [เเม่เคยบอกว่ากินเเล้วจะแข็งแรง แต่ชิมไปชิมมา ไม่รู้ทำไมติดใจ ไปหาซื้อมาดื่มทุกเช้าไปแล้วนี่สิ..]

    • ออกกำลังกาย [ฮารุมิรู้สึกว่ามันทำให้เลือดเธอสูบฉีดดี แล้วพอเหงื่อออกเยอะ ๆ หัวใจเต้นเเรงเข้าหน่อยก็ทำให้ปลอดโปร่ง แถมยังทำให้สุขภาพดีด้วย ดังนั้นฮารุมิจะไม่ปฏิเสธการชวนไปออกกำลังกายใด ๆ ก็ตาม ที่สำคัญคือเธอชอบออกมาวิ่งช่วงค่ำ แล้วก็ออกกำลังในโรงยิมใกล้บ้านประจำด้วย]

    • คนหล่อ (?) [ขอพูดแบบไม่อ้อมค้อมว่ามองเเล้วเพลินตามาก บางทีก็วูบ ๆ เซ ๆ นิดนึงเพราะคาริสม่ามันแรง ได้มองได้เหลือบดูบ่อย ๆ ก็บริหารเอนโดรฟินดีเหมือนกัน —]

    • ทำเล็บ [สมัยอยู่อเมริกาเป็นเจ้าแม่ตัวจี๊ดเรื่องเล็บมาก เล็บยาว เล็บเจล เล็บเพ้นท์อะไรก็ทำมาหมดเเล้ว แถมเข้าอีกต่างหาก พอมาอยู่ญี่ปุ่นแล้วโดนบอกให้ตัดเล็บคือช็อคโลกแตก ซึมไปหลายวันไม่พอ นั่งนับรอวันปิดเทอมจะได้ไปทำเล็บใหม่อีกต่างหากนั่น..]


    ไม่ชอบ : 

    • การสนทนาที่เป็นทางการ [ฮารุมิไม่เก่งเรื่องการพูด โดยเฉพาะการใช้ภาษาญี่ปุ่นพูด ดังนั้นการสนทนาที่เป็นทางการจึงมักทำให้เธอรู้สึกมึนเบลอ ฟังไม่เข้าใจแถมตอบไม่ค่อยได้อีกต่างหาก มักหลีกเลี่ยงอะไรแบบนี้เป็นประจำเลยล่ะ]

    • ของดอง [มันเปรี้ยวแล้วก็มีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกแปลก ๆ..แค่เอามาตั้งร่วมสำรับก็ขมวดคิ้วเเล้ว]

    • ยาเม็ด [ฮารุมิกลืนไม่ลง เธอก็เลยไม่ค่อยยอมกินยาสักเท่าไหร่น่ะสิเวลาที่เป็นหวัดขึ้นมา]

    • อาหารทะเล [ฮารุมิคิดว่ามันไม่อร่อย โดยเฉพาะปูที่กินแล้วรู้สึกว่าไม่รู้จะกินทำไม เพราะมันก็ไม่ได้อร่อยเลยสักกะติ๊ดในความคิดเธอ]

    • เสื้อแขนยาว/กางเกง,กระโปรงยาว [ก็ฮารุมิเป็นพวกขี้ร้อนน่ะสิ เลยใส่พวกเสื้อผ้ามิดชิดไม่ค่อยได้เท่าไหร่]

    • วันที่ฝนตก/หิมะตก [พลังงานจะดรอปมาก รู้สึกไม่อยากไปไหนเลย อยากนอนเปื่อยโง่ ๆ บนเตียงไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง]

    • เวลาที่มีคนมายุ่งกับคนคุย/แฟนของตัวเอง [บางคนปากก็ทำพูดว่าไม่ได้คิดอะไรแต่ชอบหวังอะไรมากกว่านั้นตลอด มันทำให้เธอไม่สบอารมณ์น่ะสิ]


    เกลียด : 

    • เรื่องทะเลาะของพ่อแม่ [เธอเบื่อที่พวกเขาเอาแต่ทุ่มเถียงจิกกัดกันทุกครั้งที่เจอหน้า ถึงจะหย่าไปแล้วความสัมพันธ์ก็ยังพังพินาศไม่เปลี่ยน มีแค่ลูกสาวที่ต่างคนต่างไม่ยอมยกให้กันเป็นเครื่องยึดติดเอาไว้เท่านั้นเอง]

    • คนที่ดีแต่นินทาชาวบ้าน [ปากมีก็พูดกันไปเถอะ..ทั้งที่ไม่ได้มารู้อะไรเรื่องของเธอด้วยแท้ ๆ]


    กลัว : 

    • สุนัข [ฮารุมิกลัวสัตว์ประเภทนี้มาก ยิ่งตัวใหญ่ก็จะยิ่งกลัว เธอรู้สึกว่าเวลาที่มันพุ่งเข้าหาเธอไม่ว่าด้วยจุดประสงค์อะไรนั้นล้วนแต่เหมือนว่าตัวเองกำลังโดนสิงโตพุ่งใส่ (?) ไม่มีผิด แค่เห็นมันอยู่ในระยะสายตาฮารุมิก็ถอยกรูดไปไกลลิบเเล้วนั่น]

    • เลือด [กลัวมาก มากแบบมากกก ถ้าเห็นเลือดไหลก็คือจะภาพตัดทันที สลบล้มตึงลงไป ณ ตอนนั้นทันทีเลย]


    แพ้ : 

    • เกสรดอกไม้ [มีอาการจามเบา ๆ และคันคะเยอตามผิวเมื่อสัมผัสเข้ากับเกสรดอกไม้ มักต้องสวมเเมสก์ผ้าไว้เสมอเมื่อถึงฤดูดอกไม้บาน เป็นความคับข้องใจอย่างหนึ่งของฮารุมิ เพราะเธอนั้นชอบฤดูใบไม้ผลิมาก แต่กลับไปเที่ยวไหนไม่ค่อยได้เพราะอาการเเพ้ของเธอเองนี่สิ l ถ้ามีอาการคันคะเยอ สามารถใช้ยาแก้คันที่พกติดตัวไว้ตลอดทาเพื่อแก้อาการได้ แต่อาการจามนั้นจะต้องให้ฮารุมิสูดอากาศบริสุทธิ์ เธอถึงจะหายจามไปเอง]


    งานอดิเรก :

    • ถ่ายภาพจากกล้องฟิล์ม [หลังจากกลับมาญี่ปุ่น ฮารุมิสนใจการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มเป็นพิเศษ เธอมักพกกล้องฟิล์มตัวนั้นติดตัวไว้ถ่ายโน่นนี่ ทั้งวิว ผู้คน ของกิน และต่างนาอีกมากมาย แต่ก็มักจะลืมล้างภาพถ่ายอยู่เป็นประจำ แถมฝีมือก็ไม่ได้ดีเยี่ยมอะไรขนาดนั้น ก็เลยแอบมีภาพหวืด ๆ อยู่บ้างนี่สิ]

    • เลี้ยงเเคคตัส [ไม่รู้จะทำอะไรเลยสั่งแคคตัสจากเน็ตมาเลี้ยงเล่น ๆ แถมมีเเววจะงอกเเคคตัสเพิ่มอีกต่างหากนั่น]

    • อ่านนิตยสาร/ดูแฟชั่นโชว์ [ตัวฮารุมิชอบอะไรแบบนี้มากเป็นทุนเดิม เธอเลยชอบคลุกคลีกับของที่ชอบเป็นพิเศษ]

    • ช็อปปิ้ง [วิธีคลายเครียดอันดับหนึ่งของ โคะโจ ฮารุมิ จะช็อปในเน็ตหรือเดินทัวร์ห้างก็ได้ ถ้าว่างปุ๊บก็คว้ากระเป๋าเงินเเล้วโดดขึ้นรถไปโลด]

    • เปิดช่องแชเเนลในยูทูปดูไปเรื่อย [ยูทูปรันอะไรขึ้นมาเธอก็ดูไปหมดแหละ วันดีคืนดีเจอช่องทำอาหาร ดูเสร็จแล้วก็เกิดฮึกเหิมนึกอยากทำกินเองก็มี (ถึงจะทำครัวระเบิดตลอดเลยก็เถอะ..) กล้องฟิล์มที่เริ่มมาติดก็เพราะเห็นรีวิวจากยูทูปด้วย เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้ฮารุมิสนใจเรื่องต่าง ๆ รอบตัวเธอได้นั่นเอง]


    ความสามารถพิเศษ : 

    • บาสเกตบอล [เธอเล่นเป็นเพราะได้ไทกะสอนให้ตอนอยู่ที่อเมริกา ไม่ได้เก่งระดับนักกีฬาอะไร แต่ก็ถือว่าดีกว่าคนทั่วไประดับหนึ่ง]

    • แต่งหน้า [ฮารุมิแต่งหน้าเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหนก็ตาม เพราะเธอได้เรียนรู้มาจากช่างแต่งหน้ามืออาชีพระดับโลกอย่างแม่ของเธอเองยังไงล่ะ]

    • วาดภาพ [โดยเฉพาะพวกการวาดออกแบบชุดเสื้อผ้าหรืออะไรพวกนั้น เธอทำได้ดีมาก ๆ มีหัวสร้างสรรค์สุด ๆ]

    • วิชาคณิตศาสตร์ [ไม่ใช่แค่คิดเลขเร็ว แต่หมายถึงเรื่องการแก้สมการหรือทำการวิเคราะห์โจทย์อะไรพวกนั้นด้วย ฮารุมิได้เลือดพ่อมาเยอะ ดังนั้นวิชาคณิตสำหรับเธอจึงเป็นอะไรที่ง่ายมาก เรียนแค่แป๊บเดียวก็เข้าใจได้เเล้ว แถมเธอยังศึกษาเนื้อหาจากตำราของพ่อนำวิชาเรียนในห้องไปก่อนอีกต่างหาก]


    สเปคคนที่ชอบ : ถ้าพูดในเรื่องนิสัย ฮารุมิชอบคนที่เทคเเคร์เธอได้ดี แล้วก็ใส่ใจเรื่องของเธอ แต่เนื่องจากเด็กสาวถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ผู้หญิงตัวสูง ดังนั้นเธอเลยชอบมองหาคนที่ตัวสูงกว่าตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก (สักสิบเซนต์ขึ้นจะดีมาก) แต่ถ้าเตี้ยกว่าแล้วนิสัยเข้ากันได้ อันนั้นเธอก็ไม่เกี่ยงหรอก อีกเรื่องก็คือ เธอมักจะใจสั่นได้ง่ายกับคนหน้าตาหล่อดูดีเกินพิกัด เอาง่าย ๆ ก็แพ้ผู้ชายหล่อหุ่นดีตัวสูง จำพวกนายแบบหรือนักกีฬาอะไรทำนองนั้นนั่นแหละ 


    สถานที่ ๆ อยากจะไปในเดทแรก : เทศกาลกลางคืน (คล้าย ๆ กับพวกเทศกาลงานวัดญี่ปุ่นค่ะ เเต่จะออกแนวสตรีทวัยรุ่น มีร้านอาหารตั้งเเล้วก็พวกวงดนตรีสดอะไรพวกนั้นมากกว่า ทั้งนี้ก็ไม่ได้อยู่จนดึกดื่นอะไรหรอก ไปช่วงเย็น ๆ แล้วกลับสักประมาณหัวค่ำเพราะหนีอากาศร้อนเฉย ๆ แล้วก็ช่วงนี้ฮารุมิอยากถ่ายทิวทัศน์กับบรรยากาศในเทศกาลกลางคืนด้วยน่ะค่ะ ก็เลยเลือกที่นี่)


    เพิ่มเติม : 

    • ความหมายของชื่อนั้นได้ถูกกำหนดไว้ว่า: โคะโจ - ผีเสื้อ l ฮารุมิ - ฤดูใบไม้ผลิ, อันสวยงาม l โคะโจ ฮารุมิ - { ผีเสื้อวสันต์ } / เฮสเทีย - ผู้รักครอบครัว

    • ฮารุมิเป็นลูกครึ่ง ญี่ปุ่น - อเมริกัน พ่อเป็นคนญี่ปุ่น ส่วนเเม่เป็นคนอเมริกัน พูดได้สองภาษาคือ อังกฤษกับญี่ปุ่น แต่อันที่สองนี่พูดไม่รู้เรื่องสักเท่าไหร่

    • เรื่องที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิตของฮารุมิคือเธอสอบวิชาคณิตได้คะแนนเต็มทุกครั้งมาตั้งแต่เด็ก (ซึ่งเจ้าตัวก็ภูมิใจกับมันมาก ๆ เลยด้วย)

    • ฮารุมิมีบล็อกส่วนตัวของตัวเองอยู่ ชื่อบล็อกว่า 'Hesteia Jenze' เอาไว้ลงภาพวาด เขียนบันทึก ทำโน่นทำนี่เล่นไปเรื่อย เดี๋ยวนี้กลับญี่ปุ่นก็ลงพวกภาพฟิล์มให้ดูด้วย (ถึงบางโพสจะเอาไว้บ่นเวลาถ่ายหวืดก็เถอะ) บล็อกของเธอค่อนข้างได้รับความสนใจพอสมควร มีคนติดตามอยู่ราว ๆ ห้าพันผู้ใช้งานได้

    • ถึงฮารุมิจะต้องอยู่บ้านคนเดียวบ่อย ๆ แต่แม่คุณน่ะทำอาหารไม่เป็นหรอกนะ..อันที่จริงแค่เหยียบขาเข้าไปในครัวก็สามารถทำครัวระเบิดได้แล้ว สิ่งเดียวที่ฮารุมิใช้เป็นก็มีแค่ไมโครเวฟเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น ถ้ายังอยากมีชีวิตรอดดูหน้าหลาน ก็อย่ากินอาหารที่เธอทำเลยเถอะนะ..

    • ฮารุมิยังคงอยากมีเพื่อนเหมือนเดิม แต่นอกจากไทกะกับทัตสึยะเเล้ว ก็หาเพื่อนคนอื่นเพิ่มไม่ได้เลยยันปัจจุบันนี่แหละ (..)

    • เห็นแบบนี้แล้วแต่ฮารุมิเป็นเด็กที่เรียนเก่งพอสมควรเลยนะ ผลการเรียนเธออยู่ลำดับต้น ๆ ตลอด กลับมาที่ญี่ปุ่นก็ปรับตัวเรื่องการเรียนได้ไวมาก นอกจากวิชาวรรณกรรมกับภาษาญี่ปุ่นเเล้ว ฮารุมิก็ทำได้ดีเหมือนอย่างเคยนั่นแหละ

    • ความสนิทสนมของ โคะโจ ฮารุมิ และ คากามิ ไทกะ เป็นไปในแบบของ 'ยามศึกเราร่วมรบ ยามสงบเรารบกันเอง' ตอนที่เจอหน้า ถ้าเธอไม่โดนไทกะว้ากใส่ ก็จะเป็นคากามินั่นแหละที่โดนฮารุมิเจาะส้นเข็มใส่เท้าเข้า แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันดีมาก ๆ คู่หนึ่งเหมือนกันล่ะนะ..

    • ฮารุมิกลับมาที่ญี่ปุ่นโดยขอแม่เธอว่า ต้องการไปเรียนม.ปลายที่นั่น และเมื่อเรียนจบเธอก็จะกลับไปอเมริกาเเม่ของเธอจึงยอมอนุญาต ทั้งนี้ปัจจุบันฮารุมิอาศัยอยู่คนเดียวที่คอนโดซึ่งคุณพ่อซื้อเอาไว้ให้ เนื่องจากโรงเรียนที่สอบติด (เซย์ริน) อยู่ไกลจากบ้านที่คุณพ่ออาศัยอยู่มากเกินไป

    • ถ้าจะถามว่าทิ้งแหวนที่เคยซื้อไว้คู่กับนอร์แมนไม่ลงใช่ไหม? ก็จะตอบชัด ๆ เลยว่าใช่ หลักฐานก็เห็นอยู่คาตาคือฮารุมิเอามันมาสวมคู่กับแหวนอีกวงของเธอ แถมยังกลัวหายถึงขนาดว่าติดนิสัยต้องคอยจับเช็คที่นิ้วตลอดอีกต่างหาก แต่พอคนอื่นถามว่าแหวนอีกวงน่ะมันของใคร เธอก็จะบอกว่า 'ไม่ได้ซื้อมาให้ใคร แค่อยากได้แหวนผู้หญิงแต่มันเป็นแหวนคู่ก็เลยซื้อมาให้หมด บังเอิญเสียดายเลยหยิบมาใส่' อะไรประมาณนั้น (เอาง่าย ๆ ก็คือแถสีข้างถลอกนั่นแหละ — )

    • Kocho Family:

            Kocho Zutsume (Alive / 40 yrs.) - ศาสตราจารย์วิชาคณิตศาสตร์ระดับอุดมศึกษา

            Nataleia Jenze (Kocho Nataleia) (Alive / 40 yrs.) - ช่างแต่งหน้าชั้นนำที่ทำงานในวงการฮอลลีวู้ด

    +

    _______________________

    O T H E R  P R O F I L E

    _______________________

    Norman Becker [16 yrs.]

    Status :: Alive

    { อดีตแฟนเก่าของฮารุมิ เขาเป็นคนที่เป็นสุภาพบุรุษและมักเอาใจใส่เธอยิ่งกว่าใคร ๆ

    ทั้งสองนั้นเข้ากันได้ดี ถึงอย่างนั้นด้วยจุดเล็กน้อยเพียงจุดเดียวที่ผิดพลาดกันไป ก็ทำให้ทุกอย่างนั้นกลายเป็นเหมือนกับเรื่องโกหกได้อย่างง่ายดาย.. }

    +

    Role Play

    สวัสดีค่ะ ฉันชื่อสุมิเระ มาอิ หรือจะเรียกว่า 'ไวโอเล็ต' ก็ได้ เป็นผู้ก่อตั้งชมรมนี้ขึ้นมาค่ะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ? 

    : ดวงตาสีชมพูเพทายกะพริบตาขึ้นลงเบา ๆ สักสามสี่ครั้งคล้ายกำลังปรับจูนสมองตัวเอง คนที่ไม่ทันได้ฟังอะไรสักเท่าไหร่นิ่งไปพักหนึ่ง ดวงตาสบมองกับฝ่ายนั้นนิ่งไม่ขยับไหว แต่ก่อนที่สถานการณ์จะกลายเป็นความอิหลักอิเหลื่อ เธอตรงหน้าก็ฉีกยิ้มไม่ยินดียินร้ายออกมา  "โคะโจ ฮารุมิ" เธอพูดชื่อของตัวเองออกไป ก่อนชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ "แต่ว่าคุณจะเรียกฉันว่าฮารุมิก็ได้นะ ฉันไม่คิดมากหรอก" ว่าจบ เด็กสาวก็หยักไหล่เบา ๆ เป็นการยืนยันคำพูดของเธอเมื่อสักครู่


    เป็นชื่อที่น่ารักดีนะคะ ฉันคิดอย่างนั้นนะ (หัวเราะ) ก่อนที่จะกรอกใบสมัคร ฉันขอถามคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนนะคะ คำถามแรก ทำไมคุณถึงตัดสินใจที่จะเข้าชมรมนี้คะ?

    : คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยตอนที่ได้ยินคำชมนั้น จะว่าไงดีล่ะ..ไอ้เธอมันก็ไม่ค่อยชินเวลามีคนมาชมด้วยนี่สิ ก็ปกติมีแต่จะโดนด่านี่นา..จะว่าไปเมื่อกี้พี่สาวคนสวยคนนี้เขาถามเธอว่าอะไรนะ.. "โทษที พอดีเมื่อกี้ฉันฟังไม่ทันน่ะค่ะ ช่วยพูดอีกรอบได้ไหม?" ฮารุมิเอ่ยกับรุ่นพี่สาว ก่อนที่เธอจะร้อง 'อ้อ' ออกมาเมื่อฝ่ายนั้นช่วยทวนคำถามให้อีกครั้ง แต่เธอไม่ได้ตอบออกไปทันทีหรอก เพราะสมองมันดันนึกถึงหน้าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดตั้งแต่การบินกลับมาญี่ปุ่นยันการมาสมัครเข้าชมรมที่เห็นผ่าน ๆ ตามาแบบไม่รู้อะไรเลยนี่เข้าน่ะสิ..อ่า ควรบอกไปเหตุผลไปเลยรึเปล่านะ

    ..แต่คิดไปคิดมา เธอมาที่นี่เพื่อให้ตัวเองลืมเรื่องของหมอนั่นนี่นา งั้นไม่ต้องพูดถึงก็ได้มั้ง?

    "ฉันเพิ่งกลับญี่ปุ่น ไม่ค่อยรู้ที่ทางเท่าไหร่ วัน ๆ เลยได้แต่นอนอยู่บ้านเเล้วมันดันว่างสุด ๆ ทีนี้ก็ดันไปเจอ advertisement ของชมรมเข้าพอดีก็เลยลองมาดูน่ะค่ะ"


    คำถามข้อที่สอง คุณได้คาดหวังอะไรจากการเข้าชมรมในครั้งนี้รึเปล่าคะ? 

    : "ก็.." ปลายนิ้วยกขึ้นจับคางเอาไว้ด้วยท่าทีเชิงครุ่นคิด ฮารุมิพยายามถามตัวเองว่าเธอมีเหตุผลพิเศษอะไรอีกไหมนอกจากความใจกล้าบ้าบิ่นกับสติขาด ๆ เกิน ๆ ของเธอเอง ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ได้สามารถให้คำตอบอะไรได้มากมายหรอก "..คงเป็นแฟนสักคนไม่ก็เพื่อนใหม่ล่ะมั้ง?" อืม..ก็นัดบอดนี่นา สองอย่างนี้น่าจะหาง่ายและตรงตัวสุดแล้วล่ะ..ถึงตลอดชีวิตสิบหกปีเศษที่ผ่านมานี่เธอจะหาแทบไม่ได้เลยก็เถอะ..


    คำถามข้อที่สาม คุณคิดว่าคู่เดทที่คุณจะได้เจอ จะตรงกับที่คุณวาดฝันไว้มั้ยคะ? และคุณหวังว่าจะได้เจอกับคนแบบไหนเหรอ?

    : "หล่อ — เอ๊ย ไม่ หมายถึงคนที่ดูดี ดูมีสไตล์ อะไรประมาณนั้น" ฮารุมิกลืนน้ำลายตัวเองลงคอไปแทบไม่ทันกับความในใจที่เผลอโพล่งออกไป เด็กสาวนั้นลืมซะสนิทใจว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่อเมริกาเเล้ว แถมไอ้ความในใจเมื่อตะกี้นี้น่ะถ้าพูดออกไปตรง ๆ ล่ะก็..มีหวังโดนมองด้วยสายตาแปลก ๆ แบบทุกทีอีกแหง..เด็กสาวคิดพลางเหลือบตาหนีออกไปอีกทาง เธอเริ่มดูอ้ำอึ้งขึ้นมา แต่ก็ยังพึมพำพูดเสริมเข้าไปอีกว่า

    "แต่อันที่จริงจะเป็นแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นนั่นแหละมั้ง..แค่ไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียวก็พอแล้วล่ะค่ะ"


    คำถามข้อที่สี่ คุณคาดหวังไว้ว่าอยากจะให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับคู่เดทลงเอยยังไงคะ?

    : "ใคร ๆ ก็คาดหวังตอนจบที่สวยงามกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ" เสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอดังขึ้นจากเด็กสาวผู้ได้รับคำถามมา ฮารุมิหลุบตาต่ำ จ้องมองมือของตนที่เอื้อมไปแตะแหวนสองวงบนมือข้างซ้ายโดยอัตโนมัติ แหวนสองวงที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับว่าเป็นวงเดียวกัน ผิดแค่ขนาดที่แตกต่างกันระหว่างไซส์ของผู้หญิงกับผู้ชายเท่านั้นเอง

    ทุกคนน่ะคาดหวังให้ตอบจบของความรักสวยงาม แต่ถึงอย่างนั้น..ความรักก็ไม่ได้จบลงด้วยดีเสมอไปอยู่ดี..


    คำถามข้อที่ห้า ถ้าหากว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณลงเอยด้วยดี คุณอยากจะบอกอีกฝ่ายว่ายังไงคะ หรือถ้ามันไม่ใช่อย่างที่คุณหวัง คุณอยากจะบอกอะไรกับเขา โอ๊ะ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ อย่างหลังฉันแค่ถามเพราะอยากรู้เท่านั้นเอง

    : ฮารุมิเงียบ สีหน้าของเธอดูนิ่ง หากแววตาก็ปรากฏร่องรอยของการครุ่นคิด ในขณะที่เด็กสาวเรือนผมสีม่วงสวยตรงหน้านั่งรอคำตอบของเธออย่างใจเย็น จนท้ายสุดแล้วเด็กคนนั้นก็ยอมเงยหน้าขึ้นสบตากับเธออีกครั้ง และมอบคำตอบของตนให้มาในที่สุด

    "ฉันไม่มีคำพูดอะไรที่เป็นพิเศษ.." ริมฝีปากพึมพำแผ่วเบา นึกถึงสิ่งที่อยู่ในหัวและพยายามเรียบเรียงมันออก "ถ้ารักก็คือรัก ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากแสดงออกให้เขารู้ว่าฉันรักเขา และเขาเป็นแค่คนเดียวที่ฉันจะรักจริง ๆ"

    ดวงตาหลับลงชั่วขณะ ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้งในเวลาต่อมา

    "แต่ถ้าหากเราจบกันไม่ดี..ก็คงไม่พูดอะไรมาก"

    "แค่แยกย้ายกันไป วันนี้เราไม่ใช่สำหรับกันเเละกัน วันข้างหน้าเราก็คงเจอคนที่ใช่สำหรับเราเอง"

    รอยยิ้มบางคลี่ออกมาครู่ขณะ และไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ตอนที่กล่าวประโยคสุดท้ายออกมา

    "แต่ถ้าตอนที่อยู่คนเดียวแล้วเขารู้สึกว่าตอนมีกันเเละกันมันดีกว่า..ฉันก็อยากบอกเขานะว่าจะลองกลับมาเริ่มกันใหม่อีกครั้งก็ได้น่ะ"


    คำถามข้อสุดท้าย คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนคะ? อ้อ แล้วคิดว่าฉันเป็นคนยังไงเหรอ? (ฮา)

    : "ฉันเหรอ คงเป็นพวกเพื่อนไม่คบล่ะมั้ง" ใบหน้าสวยนิ่งสนิทขณะเอ่ยปากตอบออกไป ก่อนที่ฮารุมิจะหลุดหัวเราะพรืดตอนเห็นสีหน้าติดเหวอของคุณประธานชมรม เธอโบกมือไปมาประมาณว่าอย่าไปสนเลย เธอก็แค่พูดเล่นเท่านั้นแหละ "จะว่าไงดีล่ะ ฉันเป็นคนตรง ๆ น่ะค่ะ คิดอะไรก็ชอบพูดไปเลย แถมยังชอบเผลอทำหน้าดุอีกคนก็เลยกลัว ๆ กันน่ะ" ฮารุมิยกนิ้วชี้สองข้างขึ้นมาจิ้มลงบนแก้มตัวเอง ก่อนลากลงไปที่มุมปากแล้วดันขึ้นน้อย ๆ จนเหมือนกับรอยยิ้มที่แอบติดตลกไม่หยอก "แต่เห็นแบบนี้ฉันไม่กัดนะคะ เป็นมิตรจะตายไป" แน่นอนว่าประโยคหลังนั่นน่ะเธอล้อเล่น..

    "ส่วนรุ่นพี่ก็..อืม..นั่นสินะ" ดวงตาสีชมพูเพทายเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย ฮารุมิเท้าเเขนกับหัวเข่าของเธอเพื่อรองรับใบหน้าที่ขยับเอียงลง ดวงตาจ้องช้อนสบเข้ามองกับคนที่ตอนนี้นั่งนิ่งค้างไปซะแล้ว เด็กสาวยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะให้ข้อสรุปแสนสั้นออกมาว่า

    "น่ารักดีล่ะมั้งคะ?"


    ขอบคุณสำหรับการตอบคำถามนะคะ กรอกใบสมัครตรงนั้นให้เรียบร้อยคุณก็จะได้เป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ชมรมนี้นะคะ!

    +

    Talk with Vrissa

    สวัสดีค่ะ ไรต์มีนามปากกาว่าวริสซ่านะคะ จะเรียกวริสก็ได้ค่ะ คุณผู้ปกครองชื่ออะไรกันบ้างคะ?

    : สวัสดีค่ะคุณวริสส รันรันเองนะคะ ♥


    ก่อนอื่นเลย ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ แล้วทำไมถึงเลือกที่จะส่งลูก ๆ มาในบทนี้เอ่ย?

    : ส่วนตัวเราเป็นแฟนคลับ KnB ค่ะ! ปีสองปีก่อนก็ส่งมันแทบทุกเรื่องที่เป็นหนุ่มบาสเลย (แต่เดี๋ยวนี้เงียบมาก ฮือ) ยิ่งเป็นคุณวริสเเต่งก็ยิ่งอยากส่งเลยค่ะ แล้วก็คิเสะเนี่ยเป็นเมนเราค่ะ ที่สำคัญคือชอบคาร์แรคเตอร์บทนี้ที่สุด เราก็เลยตัดสินใจลงบทนี้นั่นเองค่ะ เย้


    ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลูกของตัวเองกับคู่เดทลงเอยด้วยความสัมพันธ์แบบไหนคะ?

    : อยากให้จบด้วยดีนะคะ แบบจะให้ฮารุมิอกหักซ้ำสองเด้งก็สงสารยัยเขาน่ะค่ะ แง 555555 หรือไม่ถ้าตอนนี้ยังไม่ได้ ให้แยกย้ายกันไปโตเเล้ววนกลับมาเจอกันอีกรอบก็ได้ค่ะ — /โดนตีฐานเรื่องมาก.


    ถ้าน้องไม่ติดบทที่ต้องการ จะให้ยัดบทให้หรือจะรับกลับดีคะ? (แต่โอกาสที่จะไม่ติดก็น้อยนะ .___.)

    : รับกลับดีกว่าค่ะคนนี้ แหะ


    อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง (ที่เกี่ยวข้องกับน้อง) เป็นพิเศษมั้ยคะ? 

    : อยากเห็นน้องมุ้ปอร (?) จากแฟนเก่าค่ะ เพราะถึงตอนนี้ฮารุมิจะเลิกมาเเล้วแต่ก็ยังคิดถึงคนเก่าอยู่ลึก ๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ เลยอยากให้น้องมองอนาคตมากกว่าอดีต อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ 


    สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณที่ให้ความสนใจในฟิคเรื่องนี้นะคะ! ขอให้ติดบทที่ต้องการกันทั่วทุกคน ไว้เจอกันในคอมเมนต์นะคะ ♡

    ____________________



    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×