ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แมวหนุ่มสุดที่รัก เมี้ยว ~ (รักคร้าบ)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 52


    ตอนที่ 1
    ศาลเจ้าหลังคาสีทองแวววาวสะดุดตายามต้องแสงแดด ถูกตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาหลังโรงเรียนมัธยมคินริว ศาลเจ้าดังกล่าวนั้นมีนามเดียวกับโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ซึ่งศาลเจ้าคินริวถูกเล่าขานมาว่า เกิดเรื่องมหัศจรรย์อันเหลือเชื่อขึ้นมาแล้วรุ่นต่อรุ่น แต่เรื่องมหัศจรรย์ที่ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์แต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นกับเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าของศาลเจ้าในแต่ละรุ่นกำชับนักหนาว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์จรจัดเข้ามาในเขตศาลเจ้าเด็ดขาด แต่ถึงจะห้ามซักแค่ไหน ก็เกิดเรื่องวุ่นขึ้นในแต่ละรุ่นไม่หยุดหย่อน
    และคราวนี้ล่ะก็ถึงคราวประธานนักเรียนหญิงแห่งโรงเรียนมัธยมคินริว ผู้น่าเกรงขามของโรงเรียน นามว่า คินริว คาซึมิ หญิงสาววัย 16 ปี มัธยมปลาย ปี1 ที่เป็นถึงหลานสาวเพียงคนเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียนคินริวรวมทั้งเจ้าของศาลเจ้าคินริวอีกเสียด้วย ที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันแสนวุ่นวายในไม่ช้านี้บ้างล่ะนะ
     
                    แสงแดดยามบ่ายของฤดูหนาวบนทางเดินอันกว้างขวางที่ปกคลุมไปด้วยเงาร่มของต้นไม้ที่ถูกปลูกเรียงรายอย่างสวยงาม ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวก็ตามแต่ต้นไม้แต่ละต้นก็แข่งกันผลิใบสีเขียวชอุ่ม ช่างให้ความรู้สึกสุขสบายทุกครั้งสำหรับผู้คนที่เดินผ่านถนนเส้นนี้
                    “อุ๊ย!” สาวน้อยท่าทางสง่าที่กำลังเดินสบายอารมณ์อยู่ ถูกชายผู้ไร้เรียงนามชนไหล่เข้าให้เต็มเปา
                    “ขอโทษครับ รุ่นพี่คาซึมิ ขอโทษครับ” ชายหนุ่มหันมากล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ด้วยความเกรงกลัวในชื่อเสียงของรุ่นพี่ของตนที่ได้รับตำแหน่งเป็นถึงประธานนักเรียนผู้เพียบพร้อม แถมยังเป็นหลานสาวผู้อำนวยการผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบ แล้วซ้ำร้ายยังหวงหลานสาวอย่างกับอะไรดี
                    ชายหนุ่มเกิดอาการตาลีตาเหลือก ถึงกับวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต คาซึมิอารมณ์เสียขึ้นมาทันตา
                    “เฮอะ! อะไรกันเนี่ย ทำเป็นกลัวฉันไปได้ ไม่ใช่ผีซะหน่อย”
                    ในทุกๆวัน คาซึมิต้องทนกับสายตาหวานหยาดเยิ้มของเหล่าลูกหลานเศรษฐีที่จ้องมองมาเหมือนกับโรคจิตก็ไม่ปาน ก็ด้วยความที่คาซึมิมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ผมยาวสลวย แถมสายตาดีไม่ต้องใส่แว่นอีกซะด้วย ผิดกับประธานนักเรียนโรงเรียนอื่นที่สวมแว่นหนาเตอะ
                    และในที่สุดเธอก็รอดพ้นสายตาพวกนั้นเมื่อเดินมาจนถึงหน้าประตูศาลเจ้าที่ทั้ง 2 ข้างประดับด้วยรูปปั้นที่ถูกแกะสลักเป็นรูปมังกรทองด้วยฝีมืออันปราณีต แต่ด้วยความเก่าแก่ทำให้มีรอยตำหนิเกิดขึ้นในบางส่วน และเสี้ยววินาทีนั้นเอง สายตาของเธอที่เปรียบดั่งเรดาร์ ก็สังเกตเห็นรอยดินสอตรงลำตัวสวยงามของมังกรทองทางขวามือเพียงแค่กวาดสายตามองแวบเดียวเท่านั้นเอง
                    “ฮึ้ย! ไอ้พวกมือปอน เป็นอย่างนี้ทุกที ถ้าเจอตัวล่ะก็ คอยดู!” คาซึมิบ่นอุบพลางเดินเข้าไปในตัวบ้านที่ตั้งอยู่ด้านหลังของศาลเจ้า บ้านของเธอมีอายุที่เก่าแก่อยู่พอควร จึงมีลักษณะเป็นบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และก่อนที่จะถึงตัวบ้านจะต้องข้ามสะพานโค้งที่สร้างจากไม้ชั้นดีไปเสียก่อน ซึ่งสะพานนี้เหมาะสำหรับในการชมพระจันทร์เป็นอย่างยิ่ง เพราะสายน้ำที่มาจากน้ำตกขนาดเล็กที่อยู่ห่างออกไปนั้น เป็นน้ำจากธรรมชาติที่ใสสะอาด จึงทำให้สามารถสะท้อนแสงจันทร์ได้อย่างสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
                    “คุณปู่คะ” คาซึมิเดินหาคุณปู่ที่มีนิสัยปรวนแปรง่ายจนทั่วบ้านก็ไม่พบ ขนาดเงายังไม่แม้แต่จะโผล่มาให้เห็นด้วยซ้ำ
                    “เฮ้อ หายไปไหนนะ” เมื่อหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ ก็จำต้องจัดการลบรอยดินสอบนตัวมังกรทองเองคนเดียวอีกแล้ว “ปวดหัวจัง”
                    คาซึมิเดินโงนเงนไปยังน้ำตกที่มีน้ำไหลลงมาไม่ขาดสาย แต่กระแสน้ำก็ไม่แรงจนเกินไปนัก เธอเหวี่ยงถังไม้ลงไปในน้ำเพื่อจะรองน้ำขึ้นมาใช้ แต่เชือกเจ้ากรรมก็ดันหลุดจากมือซะนี่
                    “เฮ้ย ไม่นะ!” คาซึมิกระโดดเข้าคว้าโดยไม่ทันคิดว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง “เฮือก! กรี๊ด!” ตู้ม! “เย็นๆๆ” เธอตัวสั่นเทาเพราะความหนาวเย็นของน้ำตก ทำให้ปากของเธอเริ่มซีด เธอพยายามย่างเท้าขึ้นเนินหินอย่างยากลำบากเอาการ สาเหตุก็มาจากเจ้าลมหนาว ที่พัดโชยมากระทบร่างที่เปียกปอนของหญิงสาว
                    “เมี้ยว ~” และแล้วอะไรบางอย่างก็จับหมับเข้าที่ข้อเท้าของเธอเอาไว้ยามที่เธอปีนขึ้นมายืนบนพื้นดินได้แล้ว
                    “หืม? เมี้ยวเหรอ” คาซึมิแปลกใจขึ้นทีละน้อย เธอค่อยๆหันมอง และพอเธอได้เห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็ถึงกับต้องยืนตะลึงงันอยู่หลายตลบ
                    สิ่งที่นอนคว่ำหน้าอยู่นั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นคนอยู่วันยังค่ำ แถมยังเป็นผู้ชายอีกซะด้วย ถึงหน้าตาดูท่าว่าจะหล่อก็เถอะ ยังไงเธอก็รับไม่ได้อย่างแน่นอน ก็สิ่งที่เธอเห็นก็คือ ผู้ชายแก้ผ้าล่อนจ้อนทั้งตัวน่ะสิ แบบนี้มันยากเกินกว่าสายตาหญิงสาวจะทนรับได้
                    ถังน้ำในมือคาซึมิหล่นพื้นทันที
                    “กรี๊ด! โรคจิต! ปล่อยฉันนะ!” คนที่ตกใจมักจะทำอะไรโดยไม่คิด ก็เหมือนกับคาซึมิแหละนะ ก็เธอดันถีบผู้ชายคนนั้นซะเต็มแรงจนตกน้ำไปเลยน่ะสิ เธอเหลียวหลังวิ่งกลับเข้าบ้านแทบจะทันทีที่ถีบเสร็จ ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นนอนแช่อยู่ในน้ำตกที่หนาวเหน็บซะอย่างนั้น
                    เมื่อคาซึมิเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เธอก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้
                    “น้ำเย็นขนาดนั้น เจ้าจิตวิปริตนั่นจะตายมั้ยเนี่ย” คาซึมิวิ่งย้อนกลับไปยังน้ำตกอีกครั้ง สิ่งที่เธอกำลังกลัวไม่ใช่อื่นใด นอกเหนือจากการที่จะต้องมีคนมาตายอยู่ใกล้บ้านของตน
                    พอคาซึมิไปถึงน้ำตกใสๆนั้น ก็ไม่พบร่างของชายหนุ่มเสียแล้ว
                    “เฮ้อ ไปซะได้ก็ดี เจ้าโรคจิตนั่นน่ะ” คาซึมิยิ้มร่าสบายอกสบายใจขึ้นมาทันใด ขณะที่เธอเตรียมกลับไปยังบ้าน ก็พลันต้องชะงักฝีเท้าลง พร้อมกับมองอะไรบางอย่างนุ่มๆ ที่กำลังงัวเงียอยู่ตรงเท้า เมื่อเธอมองชัดๆ ก็พบว่าอะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็คือ แมวน้อยสีดำนั่นเอง
                    คาซึมิไม่ค่อยจะชอบแมวดำเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับใจร้ายถีบมันตกน้ำหรอก
                    “เมี้ยว ~ “
                    “อะไรจ๊ะ เจ้าแมวน้อย หลงทางเข้ามาเหรอ ตัวเปียกเชียว ไปเข้าบ้านเช็ดให้แห้งดีกว่านะจ๊ะ” และแล้วแมวดำตัวนั้นก็ถูกนำไปเป่าแห้งด้วยไดร์เป่าผม ลมร้อนๆของมันทำให้เจ้าแมวน้อยถึงกับหางชี้ฟูด้วยความกลัว
                    เมื่อขนของเจ้าแมวน้อยแห้งสนิท คาซึมิก็สังเกตเห็นว่า เจ้าแมวน้อยท่าทางจะไม่สบายซะแล้วล่ะ
                    “หลานเอ้ย” ปู่ที่มีท่าทางอ่อนโยนเคาะประตูห้องเรียกหลานสาวเพียงคนเดียวของตน ถึงแม้ว่าประตูบานเลื่อน ‘ฟุสุมะ’ ที่จำจากกระดาษแบบสมัยก่อนนั่นจะเปิดแง้มอยู่ก็ตาม แต่คุณปู่ก็มักจะต้องเคาะประตูก่อนตามมารยาท
                    “เข้ามาสิคะปู่”
                    เมื่อปู่เปิดประตูเข้ามา สายตาที่ไม่แก่ตามอายุ ก็มองเห็นวัตถุสีดำเคลื่อนที่อยู่บนตักของหลานสาว
                    “โอ้ แมวน้อยสีดำ...” ปู่ยิ้มได้สักพัก “อะไรนะ! แมวดำ! โอ้ หลานรักของปู่ หลานเอาสิ่งอัปมงคลเข้ามาในบ้านได้ยังไงกัน!” อารมณ์ของคุณปู่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ท่านร้องโวยวายเสียงดังจนหูของแมวดำเริ่มกระดิกขึ้น
                    “คุณปู่คะ!” คาซึมิร้องเรียกปู่ด้วยความคิดที่ว่า จะสามารถทำให้ปู่ของตนหยุดโวยวายเสียที แต่เธอก็คิดผิดถนัด ปู่ตะคอกลั่น
                    “ไล่มันออกไป!”
                    “คุณปู่!” เจ้าแมวดำกระโดดออกจากตักของคาซึมิ และกระโดดออกจากหน้าต่างห้องนอนชั้น 2 ลงไปยังชั้นล่าง เมื่อคาซึมิเห็นลูกแมวตกใจกระโดดหนีออกไปทั้งๆที่กำลังไม่สบาย ก็รู้สึกโกรธคุณปู่ขึ้นมาตระหงิกๆ “คุณปู่บ้า! ! !”
                    “โอ๊ะ! หลานรักของปู่ ~ หลานว่าปู่...ว่าปู่...” คุณปู่ทนเห็นสายตาอันไม่เป็นมิตรของหลานสาวไม่ไหว เลยเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางซึมเศร้า ผิดกับเมื่อครู่นี้ลิบลับ
                    คาซึมิเริ่มรู้สึกผิดที่ตวาดใส่ปู่ของตนไปแบบนั้น แต่ก็ยังคงโกรธอยู่ดีที่ปู่ชอบทำตัวขวางโลกซะเหลือเกิน
                    “ปู่นะปู่ ชอบเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นเป็นตาแก่ไปได้ เอ๊ะ! แต่ก็แก่จริงๆนั่นแหละ ไม่สนละ ฉันจะต้องเลี้ยงเจ้าแมวดำที่น่าสงสารนั่นให้ได้ ยังไงฉันก็ต้องมีอิสระของฉันบ้าง ปู่น่ะ ห้ามๆๆๆๆ ไปซะทุกเรื่อง การเรียนฉันก็ทำได้ดี แถมแมวนี่...ถึงจะไม่ค่อยชอบแมวดำ แต่คราวนี้ฉันจะต้องเลี้ยงมันให้ได้!”
                    คาซึมิเดินออกจากบ้านเพื่อตามหาเจ้าแมวน้อย แต่บรรยากาศโดยรอบไม่เป็นใจเอาซะเลย เพราะขณะนี้อากาศก็เริ่มหนาวขึ้น ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกที ทุกที ในที่สุดเวลาแห่งค่ำคืนก็มาเยือน
                    “เจ้าแมวน้อยจะอยู่มั้ยเนี่ย จู่ๆก็วิ่งหนีไปแบบนั้น” พอคาซึมิเดินมาถึงน้ำตกสายเดิมก็ฉีกยิ้มด้วยความดีใจ เธอวิ่งหอบจนควันลอยออกจากปากเรียวเล็กตามจังหวะลมหายใจ ในที่สุดเธอก็เห็นหูของเจ้าแมวน้อยในความมืดได้ชัดเจน แต่มันหลบอยู่ในพงหญ้า จึงทำให้เห็นเพียงหู 2 ข้างที่โผล่ออกมา
                    คาซึมินึกสนุกจึงเอามือจับหูทั้ง 2 ข้างนั้นเบาๆ หูนั้นกระดิกทันทีเมื่อสัมผัสกับมือนุ่มของหญิงสาว
                    “เมี้ยวๆ ออกมาสิ” ทันใดนั้น หัวของมันก็โผล่ออกมาจากพงหญ้า และนั่นก็ถึงกับทำให้คาซิมิแทบช็อค
                    ...นั่นมันเจ้าโรคจิตเมื่อกี้นี่นา!...
                    “ช่วย ผม ด้วย ~ หนาว”
                    “หา? นี่ฉันไม่ช่วยคนโรคจิตหรอกนะ”
                    “ผม เมี้ยว ~ ม่าย ช่าย โระ จิต”
                    “อะไรนะ ไม่ใช่โรคจิต แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ มานอนอยู่แถวนี้ทำไมกัน แล้วยังร้องเมี้ยวอีก ประสาทละ” คาซึมิหันหลัง เตรียมพร้อมที่จะก้าวเดินจากไป ณ จุดนั้น
                    “ผม ม่าย ช่าย โระ จิต นะ เมี้ยว ~”
                    “เมี้ยวอีกแล้ว” คาซึมิแปลกใจ “ก็ได้ ไม่โรคจิตก็ไม่โรคจิต งั้นนายถอดหูนั่นออกซะ แล้วฉันจะช่วยนาย” หญิงสาวหันมามองหน้าชายหนุ่ม ครั้นเมื่อชายหนุม่เงยหน้าขึ้นมองหน้าคาซึมิ ก็ทำเอาคาซึมิตาค้าง
                    ...แม้กระทั่งตากับเขี้ยวยังเหมือนแมวอีกเหรอเนี่ย...
                    “ผม ถอด มะ ด้าย” ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนพร้อมกับมีอะไรบางอย่างสะบัดอยู่หลังพงหญ้า
                    “ว้าย!” แล้วสิ่งที่มีลักษณะเหมือนหางแมวนั่นก็ทำเอาคาซึมิตกใจไปอีก 1 ตลบ
                    “เมี้ยว ~”
                    “อะ...เอ่อ...รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” คาซึมิปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่ตรงนั้นไปพักใหญ่ และกลับมาพร้อมกับมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งติดมือมาด้วย
                    “เอาไปใส่ซะ ของน้องชายฉันเอง” คาซึมิโดยเสื้อผ้าใส่ชายหนุ่มแล้วมองอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
                    ชายหนุ่มรีบรับชุดนั้นมาสวมทันที “เสด แล้ว”
                    คาซึมิหันหน้าไปมองก็ถึงกับตกใจอีกครั้งกับรูปร่างหน้าตาของเขา หูสีดำที่กระดุกกระดิกกับหางที่สะบัดไปมา เขี้ยว 2 ซี่ที่แหลมคม และที่สำคัญ ดวงตาแมวที่น่าหลงใหลนั่น
                    ...เจ้านี่มันโรคจิตนะ เรามองว่าเขาหล่อได้ยังไง...
                    “คาซึมิหลานอยู่ไหน ปู่อนุญาตให้หลานเลี้ยงแมวก็ได้...นะ...เจ้าหลาน! ! !” แย่แล้วล่ะ ปู่ดันมาเห็นคาซึมิอยู่กับชายหนุ่ม 2 ต่อ 2 ซะแล้ว ในสายตาของปู่น่ะชอบมองอะไรเกินความจริง อย่างเช่นตอนนี้ คุณปู่เห็นว่าพวกเขา 2 คนกำลังคุยจู๋จี๋กันอย่างสนิทสนม
                    “ปู่คะ! อย่าเข้าใจผิดนะคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับอีตาบ้าโรคจิตนี่นะ” คาซึมิปัดมือร้องอย่างรนราน
                    “โอ๊ะโอ๋! เจ้านี่!” คุณปู่ขยับแว่นตาขึ้นมาพลางมองชายหนุ่มหัวจรดเท้าเป็นการใหญ่
                    “เจ้าคือแมวดำตัวเมื่อกี้แน่เลย คงตกน้ำอีกล่ะสิท่า...”
                    “เมี้ยว ~” ชายหนุ่มตอบ เมี้ยว ส่วนคาซึมิได้แต่ยืนแข็งทื่อราวกับหิน
                    “ปู่คะ เจ้าบ้าโรคจิตกับแมวดำ ทำไมนะคะ?”
                    “หลานยังไม่รู้งั้นเหรอ หลานปู่แท้ๆ แค่นี้น่าจะรู้นะ เฮ้อ” คุณปู่ได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทางไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของหลานสาว
                    “ปู่จะเล่าตำนานเรื่องนึงให้หลานฟังนะ น้ำตกของศาลเจ้าเราน่ะ มีตำนานเล่าขานกันมานานว่า เทพเจ้ามังกรได้สร้างน้ำตกนี้ขึ้นมา ซึ่งฤทธิ์ของน้ำตกนี้สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย กลายเป็นมนุษย์ได้ แต่ถ้าโดนน้ำตกนี้อีก ก็จะกลับกลายเป็นสัตว์อีกครั้ง เทพเจ้ามังกรได้สั่งพวกสัตว์ทั้งหลายว่า จะสามารถเป็นมนุษย์ได้เพียงครั้งเดียว ถ้าอยากกลับเป็นสัตว์ดังเดิมอีกก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากกลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็จงเป็นครึ่งสัตว์ครึ่งมนุษย์เสีย...”
                    “งั้นปู่ก็หมายความว่า เจ้าหมอนี่” คาซึมิชี้นิ้วมาที่ชายหนุ่ม พร้อมกับพูดว่า “เป็นแมว.....”
                    “ใช่แล้วหลาน...เอ้อ...ปู่ขอโทษหลานนะ ที่ไม่ยอมเข้าใจหลานเลย คราวนี้ปู่จะให้หลานเลี้ยงแมวได้ตามใจชอบ ก็หลานถึงกับโกรธปู่ขนาดนั้น คงอยากเลี้ยงแมวมากน่ะสินะ อย่าให้ปู่เห็นว่าหลานเอาพ่อแมวหนุ่มนี่ไปทิ้งเชียวนะ” ตอนแรกฟังเหมือนปู่จะยอมเข้าใจแล้ว ถึงคาซึมิอยากเลี้ยงแมวก็เถอะ แต่เจ้าแมวดันกลายเป็นครึ่งมนุษย์ไปซะแล้ว
                    ยามที่คาซึมิคิดจะปฏิเสธ ปู่ของเธอก็ดันรู้ทันซะก่อน “ไม่งั้นหักค่าขนม 3 เดือน” คาซึมิได้แต่คอตกมองหน้าปู่กับแมวที่กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามสลับกันไปมา เธอแทบอยากจะร้องไห้
                    ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของช้านนนนน...
     
     

     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติชมด้วยนะคะ

    เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการแก้ไขต้นฉบับให้ดีขึ้นค่ะ

    ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนถึงจุดนะคะ

    ไว้จะมาอัพตอนที่ 2 ในเร็วๆนี้ค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×