คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF] LONELY :: Kiss
LONELY
มันนานมาแล้ว ที่ผมต้องจากกับเขา..
ถึงอย่างงั้น ผมก็ยังได้เห็นเขาผ่านทางจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บ่อย ๆ
แค่ได้เห็นหน้า ได้ฟังเสียงอบอุ่นนั้น
แค่เท่านั้น มันก็ทำให้รอยยิ้มของผมเผยออกมาได้
แม้ผมจะเป็นคนที่แสดงความรู้สึกไม่เก่งเท่าไหร่
แต่ผมก็อยากจะบอกกับเขา
ว่าผมรัก และคิดถึงมากแค่ไหน
มันเขินนะ พวกคุณว่ามั้ยครับ...??
ถึงปลายฤดูฝนแล้ว แต่ทุกวันเม็ดฝนก็ยังคงตกลงมาไม่หยุด อากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนเป็นหวัดได้ไม่ยากนัก รวมทั้งผมเองก็เช่นกัน...
ผมกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นใหญ่ในเวลาที่ฟ้าเริ่มมืด พร้อมกับชายหนุ่มอีกคน ร่มคันใหญ่ถูกกางขึ้นเหนือศีรษะของผม โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนถือให้ เราเดินคุยกันอยู่นานตั้งแต่ที่ห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ มาจนเกือบถึงอพาร์ทเมนต์ของผม
“ว่าแต่พี่เถอะ มาเดินกับผมแบบนี้ พี่ยูชอนจะไม่โกรธเอาหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วยกยิ้มขำ ทุกทีที่เขาเดินกับผม จำต้องพูดถึงเรื่องนี้ทุกที
“พี่เคยบอกเรื่องนี้กับเขามาหลายรอบแล้วนะมินโฮ ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ยูชอนต้องเข้าใจอยู่แล้ว” ผมว่าพลางกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น
“แต่พี่ยูชอนก็ดูท่าจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่หนิครับ” ผมมองใบหน้าของน้องชายที่พูดด้วยน้ำเสียงงอน
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ขอบคุณที่มาส่งนะมินโฮ” ผมพูดแล้วล้วงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีด
“ไม่เป็นไรครับ ก็พี่ไม่สบายอยู่นี่” เขาเอ่ยกับผมด้วยรอยยิ้ม แล้วยืนรอจนผมเข้าบ้านไปเช่นทุกครั้ง
“ไปไหนมาอีก” ผมยังไม่ทันที่จะถอดแว่นสีชาและหมวกไหมพรมใบอุ่นออก เสียงทุ้มที่เป็นเอกลักษณ์ก็พูดขึ้น
“ไปซื้อของกับมินโฮมาครับ” ผมว่าพลางชูเสบียงที่อยู่ในมือด้วยรอยยิ้ม
“พี่ยังไม่อนุญาต ยังไม่หายดีไม่ใช่หรอไง เดี๋ยวยูชอนมันก็ด่าพี่ตายพอดี” พี่ยุนโฮดุผมก่อนที่จะส่ายหัวไปมา
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวผมก็หายแล้ว พี่ยุนอย่ามาเว่อร์” ผมก้มลงถอดรองเท้า แล้ววางไว้ด้านข้าง จะว่าไปก็ปวดหัวเหมือนกันนะ..แย่จัง
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว เดี๋ยวไข้จะไม่ลดนะ” พี่ยุนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แต่ถึงยังไง มันก็ยังอบอุ่นสู้เสียงของเขาไม่ได้สักนิด... ผมเดินไปอาบน้ำอยู่ครู่หนึ่งแล้วออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่
ขายาวพาร่างของผมมานั่งอยู่บริเวณโต๊ะหนังสือตัวกว้างในห้องนอน มือข้างหนึ่งของผมหยิบสมุดสีเข้มที่วางอยู่บนโต๊ะมากางหน้าที่ว่างเปล่าออก มือถือปากกาสีเข้มบรรจงเขียนตัวหนังสือลงไปในไดอารี่เล่มหนาอย่างตั้งใจ ไดอารี่ที่เคยใช้ร่วมกับเขา ใบหน้าของผมถูกฉาบด้วยรอยยิ้มทุกครั้งที่ตัวหนังสือถูกวาดลงไปบนแผ่นกระดาษ
“ชางมิน กินยารึยัง” เสียงทุ้มจากพี่ชายร่างสูงพอ ๆ กับผมเอ่ยขึ้น มือข้างหนึ่งของผมจำต้องปิดสมุดเล่มโตลงแล้ววางปากกาในมืออย่างรวดเร็ว ผมหันไปทางต้นเสียงแล้วระบายยิ้มอ่อน
“ครับพี่ยุน” ผมเอ่ยด้วยเสียงแหบน้อย ๆ พลางกระชับผ้าพันคอที่ช่วยเพิ่มความอุ่นแก่ร่างกายให้ปิดมิดชิดมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงผมก็ยังไม่ได้แตะมันเลยแม้แต่น้อย
“รีบไปนอนได้แล้วนะ เดี๋ยวเจ้านั่นมันจะเป็นห่วง” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะกว้าง
“พี่ก็เหมือนกันแหละ” ผมเดินไปที่เตียงเดี่ยวสีครีมอ่อนที่เข้ากับห้อง แล้วทรุดกายลง ความรู้สึกปวดแปลบแล่นขึ้นมาในหัวของผม ผมเอามือกุมที่ศีรษะของตัวเองก่อนที่จะล้มลงบนเตียงนุ่ม
“เฮ้อ---“ ผมถอนหายใจยาว เป็นจังหวะเดียวกับที่เครื่องมือสื่อสารของผมดังขึ้น
พี่ยูชอน <3
มือของผมกดรับอย่างไม่มีความสุขนัก คงเป็นเพราะพิษไข้ที่รุมเร้าผมอยู่เป็นแน่ พี่ยูชอนมักจะโทรมาเวลานี้เสมอ ถึงมันจะไม่บ่อยนักก็ตาม ผมระบายยิ้มอ่อนพลางกรอกเสียงลงไปในเครื่องมือสื่อสาร
“ครับ”
(ยังไม่หายอีกหรอ สามวันแล้วนะครับ ทำไมเสียงแย่แบบนี้) น้ำเสียงอบอุ่นถูกส่งมาทางปลายสาย ผมขมวดคิ้ว
“พี่รู้ได้ยังไงครับ พี่ยุนใช่มั้ย” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่
(ทำไมเราถึงไม่ยอมบอกพี่ ไม่ได้กินยาใช่มั้ยครับ) หน้าของผมยิ่งบูดมากขึ้น ผมเบื่อคนรู้ทันจริง ๆ
“ก็ผมไม่ได้เป็นอะไรหนิฮะ”
(โกหกไม่ดีนะครับ เสียงแย่ขนาดนี้ยังเถียงพี่อีก กินยาซะ พี่เป็นห่วงเรานะ)
“พี่ยูชอน”
(ครับผม)
“ผมปวดหัว เมื่อไหรพี่จะ..ก...กลับมา” น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ผมไม่ได้อยากร้องไห้ต่อหน้าเขาสักนิด ผมไม่อยากอ่อนแอ ผมปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ แล้วพยายามควบคุมไม่ให้เสียงของผมสั่นไปมากกว่านี้
(อย่าร้องไห้สิ ตอนนี้พี่อยู่ปลอบเราไม่ได้หรอกนะ นะครับ...เด็กดี ไปกินยาซะ พี่จะรอนะ)
“ม..ไม่ได้ร้องซักหน่อย”
(นางฟ้าของใครน้า ทั้งดื้อ ทั้งยังไม่ยอมรับความจริงอีก) น้ำเสียงอบอุ่นนั้นหยอกล้อกับผม
“พี่ยูชอนอ่า แต่ผ..”
(ไม่มีแต่ทั้งนั้นครับ เดี๋ยวนี้ล้าดื้อกับพี่แล้วหรอ) ผมเบะปาก แต่เขาก็ไม่เห็นอยู่ดีนั่นแหละ...
“ก..ก็ได้” ผมวางเครื่องมือสื่อสารไว้ที่หัวเตียง แล้วยกมือปาดน้ำตาที่เปรอะอยู่บนพวงแก้ม พลางเดินไปหยิบยาในถุงที่ยังอยู่ครบทุกเม็ดมา พร้อมน้ำแก้วหนึ่ง เม็ดยาถูกแกะออกแล้วเข้าสู่โพรงปากของผม ผมดื่มน้ำอึกใหญ่จนหมดแก้วแล้วนำมันไปเก็บเข้าที่ พลางเดินกลับมาที่หัวเตียง ผมคว้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาอีกครั้ง
“มาแล้ว” ผมกรอกเสียงลงไป แล้วล้มลงนอนอีกครั้ง เปลือกตาของผมปิดลงช้า ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
(ดีมากครับ ช่วงนี้ก็อย่าซ้อมหนัก ๆ หละ เดี๋ยวจะไม่หาย)
“อื้อ---“ ผมลากเสียงยาว
(ง่วงแล้วหรอครับ งั้นพี่ไม่กวนแล้วนะ)
“ไม่เอา ไม่ง่วง อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะ ผมเหงา”
(ไม่สบายก็ต้องรีบนอนสิครับ นะครับคนเก่ง อย่าดื้อสิ)
“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว” ผมรู้สึกว่าปลายสายคิดอยู่นานพอควร หวังว่าพี่เขาจะยอมอยู่กับผมก่อนนะ...
(ไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องไปนอน พี่จะอยู่รอจนกว่าชางมินจะหลับ โอเคมั้ย) ผมระบายยิ้ม สุดท้ายพี่ยูชอนก็ยังคงตามใจผมเหมือนเคย ผมจะเสียนิสัยมั้ยเนี่ย
“ขอบคุณฮะ” ผมพลิกกาย แล้วกอดตุ๊กตาไก่ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ตุ๊กตาที่แทนร่างกายของเขา แต่ถึงยังไง ความอบอุ่นของเขาก็ยังส่งมาไม่ถึงหัวใจของผมซักที
(คิดถึงนะครับ หายไว ๆ หละ)
“ฮะ”
“อือ-----“ ผมหลับไปเมื่อไหร่กันนะ เมื่อคืนผมฝันดีด้วยแหละครับพี่ยูชอน...ผมฝันว่าพี่มาหาผม แล้วก็ดูแลผมทั้งคืนเลย อุ่นมากเลย....
“อ๊ะ” สัมผัสแบบนี้...กลิ่นนี้
พ...พี่ยูชอน
“ว้า ดันตื่นก่อนพี่ซะแล้ว แย่จัง อุตส่าห์แอบมาหาแท้ ๆ เชียว” แขนแกร่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จนตอนนี้ใบหน้าของผมแนบกับอกอุ่น
“พ..พี่ยูชอน ผมยังเป็นหวัดอยู่นะ เดี๋ยวก็ติดหรอก”
“ยอมรับแล้วหรอครับ” เขาระบายยิ้ม แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นแทบหน้าผากผม
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามเสียงห้วน
“ไข้ยังไม่ค่อยลดเลยนะ อย่างงั้นพี่จะนอนกอดเราทั้งวันเลยดีมั้ย”
“เฮ้ย ไอ่ไก่ แหม ปล่อยหน่อยไม่ได้เลยนะเว่ย ให้มาได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังมาให้น้องอู้งานอีก” เสียงทุ้มของพี่ยุนตะโกนเข้ามาทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ผมรู้สึกถึงน้ำเสียงอิจฉาปนน้อยใจนั่นได้อย่างชัดเจน
“ผัวเมียเขาจะสวีทกัน อย่าขัดดิวะ ไปเลยไอ่ยุน เมียกูยังไม่หาย ดูแลประสาอะไรวะ” พี่ยูชอนพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ
“เออ! ไม่กวนแล้วก็ได้วะ ก็ใครหละบอกว่าไม่ให้ยุ่ง เฮอะ!!” น้ำเสียงตัดพ้อของพี่ยุนพูดขึ้น แล้วประตูก็ถูกกระแทกปิดลงดังเดิม
“พี่ยูชอนไปพูดอย่างงั้นได้ไงครับ” ผมพูดด้วยเสียงอ่อน
“ก็มันจริงหนิครับ...เดี๋ยวพี่มาเช็ดตัวให้นะ” พี่ยูชอนกดริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากร้อนของผมแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำข้าง ๆ ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มพร้อมหลับตาลง...ปวดหัวอีกแล้วสิ
“ครับ” ผมตอบรับเบา ๆ แล้วคว้าเจ้าไก่ตัวใหญ่มากอดอีกครั้ง
“ฮ..ฮื้อ---“ ผมรู้สึกถึงสัมผัสเย็น ๆ บนใบหน้าของผม เปลือกตาที่หนักอึ้งของผมลืมขึ้นช้า ๆ
“นอนต่อนะครับคนดี” เสียงนุ่มของเขาก้องอยู่ในหัวของผม ผมหลับตาลงตามที่เขาบอกโดยไม่คิดเถียง เพราะตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วจริง ๆ
“ย..เย็น” ผมยกมือขึ้นรั้งมืออุ่นของเขาไว้
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวไข้เราจะไม่ลดนะ ให้พี่เช็ดตัวก่อน” ผมค่อย ๆ คลายมือผมออกแล้วนอนนิ่ง ๆ ให้พี่ยูชอนเช็ดตัวให้ สัมผัสเย็นไล่ไปตามใบหน้าของผม จนมาถึงลำคอร้อน
“อะ พี่ยูชอน ทำอะไร“ ผมรู้สึกถึงสัมผัสร้อนที่กำลังลุ่มล่ามอยู่บนเสื้อของผม มันทำให้ประสาทสัมผัสของผมตื่นอย่างรวดเร็ว
“เช็ดตัวไงครับ ไม่เอาน่า วันนี้พี่ไม่แกล้งเราหรอก” ใบหน้าของเขาโน้มลง จมูกโด่งกดลงใบที่แก้มของผม
“ก..ก็มันหนาวหนิ” ผมตอบกลับอย่างอาย ๆ รอยยิ้มอุ่นเผยขึ้นอีกครั้ง พร้อมดวงตาที่หรี่เล็กลง
“พี่ยูชอนอย่าขำสิ” พี่ยูชอนหุบรอยยิ้มลง แต่ดวงตาของเขาก็ยังเป็นประกายสดใสเสมอ มืออุ่นคว้าที่ลำแขนของผม ก่อนค่อย ๆ ช้อนกายของผมขึ้น
ผ้าผืนเดิมค่อย ๆ เช็ดไล่จากแผ่นอกของผมลงไปยังหน้าท้องอย่างเบามือ จากนั้นจึงไล่ไปตามแผ่นหลังของผม เสื้อตัวใหม่ถูกสวมที่ลำตัวของผม ช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้ไม่น้อยเลย ยิ่งถ้าเป็นเสื้อที่พี่ใส่ให้...
“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยเสียงเบา พี่ยูชอนเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มให้ผม
“เปลี่ยนจากคำว่าขอบคุณเป็นคำว่า ‘รัก’ ได้มั้ยครับ..” ผมเริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นบนใบหน้า ผมคงจะไข้ขึ้นหนักแล้วแน่เลย
“เดี๋ยวพี่ไปทำข้าวต้มให้เรากินนะ” น้ำเสียงที่ตัดพ้อทำให้ผมเริ่มรู้สึกประหลาด
“พี่ยูชอนฮะ...” ผมคว้าข้อมือแกร่งนั่นไว้ เขาหันหน้ากลับมาหาผม
“รักครับ” ผมเอ่ยแล้วก้มหน้าลง ทำไมหน้าผมถึงร้อนได้ขนาดนี้นะ
“ปาร์คยูชอนก็รักชิมชางมินครับ” น้ำเสียงอบอุ่นทำให้ก้อนเนื้อในอกของผมเต้นจนจับจังหวะไม่ได้
“ผมไปด้วยนะ” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม
“เถียงเราไม่ได้อีกหละสิ” พี่ยูชอนเอ่ยด้วยร้อยยิ้มอบอุ่น มือข้างหนึ่งของเขาช้อนตัวผมขึ้น ผมรีบคว้าที่เสื้อตัวบางของเขาไว้เพื่อกันไม่ให้ร่างของผมต้องหล่นลงพื้นเสียก่อน
“แล้ววันนี้ไม่มีงานหรอ มาหาผมแบบนี้เดี๋ยวจะโดนเขาว่าเอานะ” ขาของเขาชะงักลงทันทีที่ผมถามคำถามออกไป
“มีสิครับ แต่พี่อยากดูแลเรามากกว่า ถึงโดนว่าก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“พี่ยูชอนฮะ”
“ก็ชางมินยังไม่หายหนิครับ”
“พี่ยูชอนไปทำงานเถอะ ผมอยู่ได้หน่า ผมโตขนาดนี้แล้ว นะครับ”
“ก็ได้ครับ แต่พี่จะรอชางมินกินข้าวกินยาเสร็จก่อนนะครับ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วรีบพาผมไปนั่งบนโต๊ะอาหาร ไม่นานร่างสมส่วนนั่นก็เดินออกมาพร้อมข้าวต้มชามหนึ่ง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยไปทั่วพื้นที่เล็ก ๆ ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้ผมได้ ถึงจะไม่มากนักก็ตาม
“พี่ป้อนนะ” เขานั่งลงข้าง ๆ ผม แล้วตักข้าวคำเล็ก ๆ ขึ้นมา ริมฝีปากได้รูปเป่าเบา ๆ พร้อมยื่นช้อนคันเล็กมาจ่อที่ปากของผม ผมรับมันเข้าไปในโพรงปากอย่างเต็มใจ
“พอกินได้มั้ยครับ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้าขึ้นลงน้อย ๆ พี่ยูชอนก็ระบายยิ้มกลับมาเช่นกัน ไม่นานข้าวต้มก็พร่องลงจนหมด พี่ยูชอนยื่นเม็ดยาที่แกะเตรียมไว้มาให้ผม ผมรับมันมาพร้อมแก้วที่บรรจุน้ำอุ่น ๆ
“ขอบคุณครับ พี่ยูชอนไปทำงานได้แล้วนะ ทีหลังไม่ต้องมาหาแล้วนะครับ โทรมาก็พอ” ผมระบายยิ้มอ่อน เขาพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนที่จะคว้าแว่นสีดำสนิทมาใส่ รอยยิ้มอบอุ่นนั้นกำลังจะจากผมไปอีกครั้ง..ยิ่งพบเจอ ก็ยิ่งโหยหา
ผมมองแผ่นหลังของเขาที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ พร้อมน้ำตาที่ไหลลงบนพื้นโต๊ะสีขาวสะอาด
...เหงา อีกแล้ว....
“กลับไปแล้วหละสิ” พี่ยุนเดินออกมาจากห้องแล้วตรงมาที่ห้องอาหาร ผมปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วเงยหน้ามองร่างสูงโปร่งพลางระบายยิ้มเพื่อบอกว่าผมไม่เป็นอะไร
“ไม่เป็นไรแน่นะ” ผมยังคงยืนยันคำเดิม... วันที่เคยสดใสกลับดูมืดหม่นลงถนัดตา ผมเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงที่โต๊ะหนังสือตัวเดิม แต่ผมก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
มือของผมคว้าที่สมุดไดอารี่เล่มหน้าขึ้นมาพลางเปิดหน้าที่คั่นไว้ออก ลายมือที่คุ้นตาประจักษ์แก่สายตาของผม ทุกตัวหนังสือถูกเขียนขึ้นอย่างบรรจง ผมสัมผัสถึงมันได้ดี
ชางมิน...นางฟ้าของพี่
พี่คงไม่มาตอบช้าไปใช่มั้ยครับ... คงต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ
ที่ปล่อยให้หน้าก่อน ๆ เว้นว่างไว้ ความจริงพี่ก็อยากจะตอบมันทั้งหมดนะ...
แต่พี่แค่ไม่มีเวลาพอที่จะตอบมันเท่านั้นเอง
พี่ว่าเช้านี้พี่ต้องโดนชางมินไล่ไปทำงานแน่ ๆ เลยขอเขียนฝากไว้ก่อนนะครับ
เราหนะ โตแล้วนะ ต้องดูแลสุขภาพให้มาก ๆ
ดูสิ ไม่สบายอีกแล้ว จนพี่ทนไม่ไหว เลยต้องมาหาเราจนได้
ไอ้ยุนมันเมสเสจไปบอกพี่ด้วยรู้มั้ย
ว่าชางมินออกไปตากฝนซื้อของกับเจ้ามินโฮมา
อย่าออกไปไหนต่อไหนกับมินโฮบ่อยได้มั้ยครับ
พี่รู้ว่าชางมินคงเบื่อที่จะพูดเรื่องนี้แล้ว...แต่พี่ไม่ชอบจริง ๆ นะ
ต่อไปนี้ต้องอย่าทำให้พี่เป็นห่วงนะครับ
พี่รู้ดีว่าเราคงไม่มีเวลาให้กันเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แต่พี่ก็ยังคิดถึงเราทุกวัน ยังรักเราทุกวัน
....และจะรักเรามากขึ้นด้วย แต่พี่ง่วงแล้วแหละครับ
ขอไปนอนกอดนางฟ้าที่นอนซมอยู่บนเตียงก่อนนะครับ <3
ความอบอุ่นจากเนื้อกระดาษยังไม่จางหายไป ผมรู้สึกถึงมันได้ดี ผมอ่านทีละตัวหนังสืออย่างตั้งใจ พร้อมน้ำตาที่หยดลงมาเรื่อย ๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไว้
บอกตอนนี้ยังทันมั้ยครับ..ชางมินคิดถึงพี่ยูชอน
------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายฟิคเรื่องนี้มันก็จบลง สั้นไปมั้ยเนี่ย...
เป็นฟิคที่อาจจะไม่ได้เริ่มด้วยความสุข และก็อาจจะไม่ได้จบด้วยความสุข
แต่ในความทุกข์ มันก็ยังมีเรื่องให้เราสุขใจได้ (รึเปล่า = =)
เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าตัวเองจิตตกยังไงชอบกล
คิดฟิคไม่ออกเลยจริง ๆ ค่ะ ได้แค่นี้จริง ๆ
หวังว่าจะชอบกันนะคะ เนื้อเรื่องมันอาจจะแหกจากชื่อไปซะหน่อย
ขอบคุณนักอ่านทุกคนนะคะที่คอยติดตาม
อ่านแล้วคอมเมนต์ติชมกันซักนิดน้า คงไม่เสียเวลาใช่มั้ยคะ
มาตอบเมนต์กันหน่อยดีกว่า หลังจากรู้สึกว่าห่างหายไปนาน = =
ของที่เมนต์ไว้ในตอนนี้ ขอรวบไปตอนหน้าเหมือนเดิมนะคะ
GR*A*CE ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ แล้วตอนนี้ปิดเทอมรึยังเอ่ย??
loveminmin ถ้าชอบก็อย่าลืมติดตามต่อไปนะคะ >< ขอบคุณมากเลยค่ะ
michu ชินเมนต์มาซะยาวเลย 555 แต่เราก็ชอบอ่านนะ ขอบคุณมากเลยค่ะที่ชอบฟิคของเรา ดีใจมากเลย ขอให้ผลสอบออกมาดีนะคะ ช่วงนี้อารมณ์มันก็เป็นแบบนี้แหละเนอะ
{Queen}*,,[คิมแจ]๕๕+ ยังไงพวกเราก็ทำได้แค่นี้แหละเนอะ เชื่อใจ แล้วก็รอ..ไปเรื่อย ๆ คนแต่งเองแต่งไปก็เศร้าไป 555 ไม่รู้ว่ามันบ้ารึเปล่า = =
MuMPlE ขอบคุณที่ติดตามฟิคของเราน้า ชอบก็อย่าลืมแวะมาอ่านหละ (บังคับ 5555) ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ เราเองก็ได้ข่าวดีมาแล้ววิชานึง ขอบคุณมากเลยค่า
ความคิดเห็น