ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF TVXQ] The Story of Shim Changmin

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] WAITING :: Kiss

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 53


    WAITING

     

     

                การรอคอย...ทุกคนคงเคยพบเจอกับคำนี้

    แต่จะมีใครที่เฝ้ารอใครอีกฝ่ายเหมือนผมมั้ย

    ผมกำลังเฝ้ารอใครคนหนึ่ง ที่ดูไม่ห่างไกลสักเท่าไร

    แต่ในความเป็นจริง....

    การที่รู้สึกเหมือนเขายังอยู่ใกล้ๆ

    มันทำให้ผมเจ็บปวดทรมานเป็นที่สุด

                ทุกครั้งที่เขาติดต่อมาหาผม

    มันทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาแห่งความอ่อนแอออกมาเสมอ

    เส้นทางของเราที่เคยมาพบพาน ณ จุดที่ตัดกัน

    บัดนี้มันล่วงเลยมาแล้ว

    และผมกับเขา ก็เริ่มห่างจากกันเรื่อย ๆ

                            รู้สึกไหม...ว่าทรมาน

     

     

     

                    “เจ้าหมอนั่นติดต่อมาอีกแล้วหรอ” เสียงทุ้มนุ่มของพี่ชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ที่ผมได้ยินอยู่ทุกวันพูดกับผมที่นั่งอยู่ในห้องด้วยดวงตาแดงก่ำ

                    ตอนนี้ผมกับพี่ยุนโฮต้องอยู่ในคอนโดกว้าง ๆ กันเพียงสองคน ขาดไร้ซึ่งความอบอุ่น นับวัน ผมยิ่งรู้สึกว่าห้องกว้างแห่งนี้เริ่มมืดและหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผม..คงรู้สึกไปเอง มีเพียงชั่ววูบเท่านั้น ที่ผมได้รับข้อความนั่น แล้วทำให้หัวใจที่หนาวเย็นของผมอบอุ่นขึ้นมาบ้าง

     

                            ชางมิน...เป็นยังไงบ้าง ฮยองสบายดีนะ คิดถึงเรามากด้วย

                เราก็คงสบายดีใช่รึเปล่า คงทำงานหนักน่าดูเลยสิ

                ฮยองอยากกอดเรามากเลยนะ ตอนนี้หนะ หนาวมากเลย

                ดูแลตัวเองด้วยหละ...ฮยอง

     

     

                    ข้อความที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน ที่ถูกส่งให้ผมทุกวี่วันก็ยังคงแฝงด้วยไออุ่นจากผู้ที่บรรจงพิมพ์ส่งมาให้เสมอ ผมอมยิ้ม พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา

                    “ผมก็หนาวเหมือนกันฮะ ฮยอง...ฮยองไม่ค่อยสบายไม่ใช่หรอไง ทำไมถึงบอกว่าสบายดีหละฮะ โกหกอีกแล้วนะ” ผมพูดกับตัวเองเบา ๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีคนที่จะมาฟังถ้อยคำของผมอยู่ข้าง ๆ ผมนั่งลงบนโต๊ะหนังสือเย็นเฉียบแล้วดึงกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มาเขียนด้วยปากกาด้ามเดิม

     

                                    ฮยองโกหกอีกแล้วนะ

                แต่ผมก็คิดถึงเหมือนกันฮะ คิดถึงมาก..

     

     

                    ข้อความที่เขียนลงอย่างบรรจงก็ยังคงเปรอะคราบน้ำตาของผมอยู่ทุกวัน ผมเช็ดมันออกอย่างเบามือ แล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นแปะไว้ที่บอร์ดเล็ก ๆ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยกระดาษสีต่าง ๆ มากมาย ผมอยากให้เขาเห็นจัง ว่าผมก็คิดถึงเขามากพอ ๆ กับที่เขาคิดถึงผม...

     

                    “นอนได้แล้ว ดึกมากแล้วนะ” พี่ยุนโฮยื่นแก้วที่ใส่นมร้อน ๆ ไว้ให้ผม เหมือนกับที่พี่ยูชอนเคยทำให้ผมทุกวัน ผมรับมันมาไว้ในมือ แล้วเป่าเบา ๆ บนผิวนมที่เริ่มเกาะกันเป็นแผ่น ไอน้ำลอยขึ้นมากระทบใบหน้าของผม ผมดื่มนมแก้วนั้นจนหมดแล้วยื่นแก้วให้พี่ยุนโฮด้วยความเคยชิน

                    “ฮยอง...” ก่อนที่พี่ยุนโฮจะนำแก้วนมเปล่า ๆ ไปล้าง ผมก็ดึงชายเสื้อนอนสีเขียวอ่อนของเขาไว้ พี่ยุนโฮหันกลับมาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

                    “ฮยองไม่คิดถึงแจจุงฮยองหรอ” พี่ยุนโฮระบายยิ้มให้ผม ผมรู้สึกถึงความเศร้าที่ส่งผ่านออกมาจากรอยยิ้มนั่น

                    “คิดถึงสิ คิดถึงเหมือนที่ชางมินคิดถึงเจ้ายูชอนมันแหละ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกับผมด้วยความอ่อนโยน

                    “แต่ทำไมฮยองถึงไม่ติดต่อกับแจจุงฮยองเลยหละฮะ” พี่ยุนโฮหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมา แล้วยื่นให้ผมดูด้วยรอยยิ้ม แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธไป

                    “ฮยองก็คงทำเหมือนที่ยูชอนฮยองทำให้ผมสินะฮะ...แล้วแจจุงฮยองตอบกลับมาบ้างรึเปล่า”

                    “ตอบสิ ตอบทุกข้อความเลย บางที่ยังส่งมาหาฮยองเองด้วยซ้ำ” พี่ยุนโฮยิ้มอีกแล้ว...ผมยิ้มรับ

                    “แต่เราเองก็ควรที่จะส่งไปหาหมอนั่นหน่อยก็ดีนะ พี่ว่ามันก็คงอยากได้ข้อความจากเราเหมือนกัน”

                    “แล้วมันจะไม่ไปรบกวนยูชอนฮยองหรอฮะ” พี่ยุนโฮลูบศีรษะของผมแล้วยิ้มขำ

                    “ถึงจะรบกวน แต่ถ้าเป็นข้อความจากชางมิน ยูชอนต้องดีใจแน่ ไม่รบกวนหรอก ดีว่าให้นายมาเขียนใส่โพสต์อิทติดไว้บนนั้นทุกวันซะอีกนะ” พี่ยุนโฮมองที่กระดานไม้เล็ก ๆ ที่มีข้อความอยู่เต็มไปหมด

                    “ขอบคุณนะฮะ”

                    “รีบไปนอนดีกว่านะ เดี๋ยวหมอนั่นจะเป็นห่วงเอา” ผมพยักหน้า แล้วเดินไปที่เตียงอย่างว่าง่าย พี่ยุนโฮเองก็ไปนอนเช่นกัน

     

     

                    ผมนอนลงที่เตียงนุ่ม แล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา นิ้วของผมกดลงไปบนแป้นด้วยความชำนาญ ผมระบายยิ้มออกมาอีกครั้ง หัวใจเริ่มเต้นถี่ขึ้นจนผมเองก็แปลกใจ

     

                            ขอโทษนะฮะ ที่ไม่ได้ตอบฮยองเลย

                ความจริงแล้ว..ผมกลัวว่าฮยองจะรำคาญหนะ

                แต่ผมก็คิดถึงฮยองนะฮะ รักมาก ๆ ด้วย

                ผมเองก็หนาวเหมือนกันฮะ...

                ถ้าฮยองอยู่กับผม ผมคงจะอุ่นกว่านี้แน่เลย ^^

     

     

                    ผมกดส่งไป แล้ววางเครื่องมือสื่อสารไว้บนหัวเตียง เปลือกตาของผมปิดลงช้า ๆ ด้วยจิตใจที่โล่งขึ้น แต่ไม่นานเสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมลืมตาช้า ๆ แล้วหยิบมันขึ้นมา

     

                                ฮยองนึกว่าเราจะไม่ตอบซะแล้วสิ

                รู้มั้ยว่าฮยองเป็นห่วงเรามากแค่ไหน

                กลัวว่าเราจะไม่ได้ข้อความที่ฮยองส่งไปให้ซะแล้ว

                ถ้าเป็นชางมินส่งมา ยังไงฮยองก็ไม่เบื่อหรอก

                แต่นี่ก็ดึกมากแล้วนะ ทำไมชางมินของฮยองถึงนอนดึกแบบนี้หละครับ??

                รีบนอนได้แล้วนะ รักนะครับ <3

     

     

                    ผมมองข้อความนั่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมพี่ยุนโฮถึงอยากให้ผมตอบข้อความหาพี่ยูชอนนักหนา หัวใจของผมเต้นแรงขึ้น มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

                    ผมตัดสินใจส่งข้อความกลับไปหาพี่ยูชอนอีกครั้ง...แต่หากมันเป็นเหตุผลเพราะการทำแบบนี้ มันกลับยิ่งทำให้ผมอยากเจอเขามากขึ้นด้วยซ้ำไป ข้อความของเขาก็ยังทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาออกมาเสมอ อยากเจอ อยากกอด อยากพูดคุย มันเกินความรู้สึกที่ผมจะพูดออกมาจริง ๆ

     

                            แล้วทำไมฮยองยังไม่นอนหละฮะ ฮยองไม่สบายไม่ใช่หรอ

                ฮยองจะโกรธผมมั้ย ถ้าผมจะบอกคำนี้กับฮยอง

                เลิกส่งข้อความมาได้มั้ยฮะ...ผมไม่ชอบเลย

                มันทำให้ผมอยากเจอฮยอง เพราะยังไง มันก็สู้คุยกับฮยองจริง ๆ ไม่ได้

                ผมไม่อยากต้องการเจอฮยองไปมากกว่านี้

                ผมรู้ว่ามันก็ไม่ดีกับเราทั้งสองฝ่าย แต่ฮยองฮะ...

                ผมอยากให้ฮยองรู้ว่า ทุกวันของผม ผมยังรักและคิดถึง

                ผมจะรอ จนกว่าผมกับฮยองจะได้เจอกันนะฮะ

     

     

                    ผมกดส่งข้อความนั่นไปทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เสียงสะอื้นของผมดังก้องอยู่ในห้องกว้างที่โอบล้อมไปด้วยความเงียบสงัด ใบหน้าของผมซุกลงกับหมอน มือของผมกำเครื่องมือสื่อสารในมือจนแน่น ความอบอุ่นเริ่มจางหายไปทีละน้อย

                    มือถือในมือของผมเริ่มสั่นอีกครั้ง ตามด้วยเสียงเพลงที่ต่างออกไปจากครั้งแรก

     

                                                    สายเข้า “ยูชอนฮยอง<3

     

                    หน้าจอกระพริบไปมา ผมมองหน้าจอมือถือนั่นด้วยภาพที่พร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่บังอยู่ มือของผมเริ่มสั่น ผมลังเลที่จะรับมัน จนเสียงเพลงเงียบหายไป แต่ไม่นานนัก มันก็เริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง

                    นิ้วของผมกดรับมันอย่างไม่มั่นใจนัก ผมนำเครื่องมือสื่อสารแนบหูไว้ช้า ๆ พร้อมกลั้นเสียงสะอื้นไว้

                    (ชางมิน...ตอบฮยองหน่อยสิ) น้ำเสียงอบอุ่นที่ติดจะแหบหน่อย ๆ ทำให้ความพยายามของผมหมดลง เสียงสะอื้นเริ่มดังอีกครั้ง พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

                    “อึก...ฮึก” ผมสะอื้นหนักขึ้น แต่ก็ยังคงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป

                    (ร้องไห้ทำไมครับ...ใครทำอะไรชางมินของฮยอง)

                    “ฮึก ฮ..ฮยอง....ฮยอง” ความอดทนของผมหมดลง ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่อ่อนลง

                    (อย่าร้องไห้สิครับ คนดี เดี๋ยวไม่สวยนะ)

                    “ฮยองใจร้าย..ฮือ....ม..ไม่สบายไม่ใช่หรอไง...อึก..โกหก...โกหกทำไม” ผมคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าผมจะพูดอะไร ตอนนี้สมองของผมมันหนักไปหมด

                    (ฮยองไม่ได้โกหกนะครับ บอกได้รึยังว่าร้องไห้ทำไม) น้ำเสียงจากปลายสายทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วง

                    “ฮึก..ก็คิดถึงไงเล่า!....อึก อยากเจอไว ๆ” ผมตะโกนใส่เครื่องมือสื่อสารลงไป มือข้างหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ

                    (ทำไมถึงไม่อยากให้ฮยองติดต่อไปหละครับ...คิดถึงกัน คุยกันมันไม่ดีหรอ) น้ำเสียงติดจะน้อยใจของเขาเอ่ยกับผม มันทำให้ผมรู้สึกผิด..จริง ๆ นะ

                    “ฮึก...ก็..ก็ฮยอง..ทำผมเจ็บ..ผมเจ็บ เวลาที่ได้แค่ส่งข้อความไปหา ได้แค่คุยกัน...อึก..ไม่ได้กอดกัน....ไม่มีฮยองอยู่ข้าง ๆ” น้ำเสียงอู้อี้ของผมเอ่ยกลับไปพร้อมหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง

                    (ชางมินยังเชื่อใจฮยองอยู่ใช่มั้ยครับ) ผมรู้สึกถึงความหนักแน่นในคำพูดนั่น ผมพยักหน้ากับตัวเอง

                    “ฮะ..ผมเชื่อ...ฮึก”

                    (เราต้องได้เจอกันแน่ครับ ถ้าชางมินไม่อยากให้ฮยองส่งข้อความมาหา งั้นฮยองคงโทรมาหาได้ใช่มั้ยครับ) พี่ยูชอนยังคงสุภาพกับผมเสมอ ยังคงอ่อนโยน และอบอุ่น...

                    “ก..ก็ได้ฮะ...”

                    (ชางมินครับ...ฮยองเองก็คิดถึงเรามากนะ..อยากกอดเรา อยากนอนกับเราเหมือนแต่ก่อน) ผมคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ยฮะฮยอง ทำไมเสียงของฮยองสั่นจังเลยฮะ

                    “ฮยอง..ฮยองร้องไห้หรอฮะ”

                    (ฮยองของชางมินหนะ เข้มแข็งจะตายครับ เรานั่นแหละ...ที่ชอบทำให้ฮยอง..เป็นห่วง)

                    “ไม่เอา..ฮ...อึก..ฮยองอย่าร้องไห้สิ....”

                    (เราเองก็ร้องไห้อีกแล้วนะ รีบนอนเถอะครับ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฮยองจะโทรไปปลุกนะครับ)

                    “ก็ได้ฮะ...ฮยอง..อึก....รัก..นะฮะ” ฮยองก็ยังคงเป็นฮยองคนที่เข้มแข็งเพื่อผมเสมอ...

                    (ครับ รักเราเหมือนกัน ฝันดีนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา)

                    “ฮะ..ฮยองรักษาตัวด้วยนะ” ผมกลืนเสียงสะอื้นลงไป แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดในความคิดของผม เครื่องมือสื่อสารถูกกดตัดไป ผมซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม พร้อมน้ำตาสายอุ่นที่ไหลจนชุ่มหมอน ความอบอุ่นเพียงชั่ววูบหายไปอีกครั้ง...

                    ไม่ทันไร เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมหยิบมันขึ้นมา

     

                                เลิกร้องไห้ได้แล้วครับ

                นอนเถอะนะคนดี รักครับ..

     

     

                    ผมอ่านข้อความแล้วระบายยิ้มพร้อมคราบน้ำตา พี่ยูชอนมักจะเหมือนรู้ทันผมอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ผมไม่ชอบเลยจริง ๆ ความรู้สึกแบบนี้ เมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดกันนะ...ทั้งผม และเขา จะต้องรออีกนานเท่าไหร่กัน

                    เปลือกตาของผมปิดลงช้า ๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่นานนักร่างกายของผมก็เข้าสู่การพักผ่อนอีกครั้ง พักผ่อนแค่เพียงร่างกาย...

     

    ............................................................................................

     

     

                    เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นอีกครั้ง เปลือกตาบางค่อย ๆ เปิดขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นควานหาสิ่งที่ยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด ผมกรอกเสียงลงไปด้วยความงัวเงีย

                    “ชางมินฮะ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

                    “เดี๋ยวนี้เลยหรอฮะฮยอง...ก็ได้ฮะ” ผมลุกขึ้นจากเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน พาร่างกายของตัวเองไปชำระล้างความล้าที่เกิดขึ้นในใจของผม...ถึงมันจะช่วยไม่ได้เยอะนัก

                    ไม่นานนัก ผมก็กลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ ผมคว้าหมวกและแว่นตากันแดด แล้วเดินออกจากอาคารไปยังสถานที่นัดหมายในเวลาไม่นาน

                    “ฮยองทำไมต้องเรียกผมออกมาแต่เช้าหละฮะ” ผมขยี้ตาเบา ๆ แล้วมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของพี่ชาย

                    “เข้าไปข้างในก่อนสิ” ผมเดินตามแรงจูงของพี่ยุนโฮไปในร้านอาหารที่พวกเราเคยนั่งทานอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ

                    “เดี๋ยวสิฮะฮ...แจจุงฮยอง..” หัวใจของผมเต้นโครมด้วยความรู้สึกดีใจ ร่างของผมปรี่เข้าหาพี่ชายหน้าหวานอย่างไม่รีรอ พร้อมสวมกอดด้วยความคิดถึง

                    “ทำไมถึงมาได้หละฮะ”

                    “ก็วันนี้วันอะไรหละ แจก็เอาแต่รบเร้าให้มาอยู่นั่นแหละ” ผมหันไปหาต้นเสียงที่ผมจำได้อย่างแม่นยำ

                    “จุนซูฮยอง” ผมสวมกอดพี่ชายอีกคนที่เสมือนเพื่อนของผมเวลาเหงาด้วยรอยยิ้ม ถ้าทั้งแจจุงฮยองและจุนซูฮยองมา แล้วฮยองก็ต้องมาด้วยสิ

                    “แล้วยูชอนฮยองหละฮะ ยูชอนฮยองอยู่ไหน” ผมถามกลับไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นโครมเสียจนผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่ทำไมสีหน้าของทุกคนถึงดูผิดหวังนักหละ

                    “ชางมิน..ยูชอนมันไมได้มาหรอก” ความรู้สึกดีใจเมื่อครู่หายไปชั่วพริบตา น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้ง...ทำไมต้องเป็นฮยอง ที่ไม่ได้มาหาผม ทำไมผมถึงต้องรออยู่คนเดียว

                    “ฮยองล้อเล่นรึเปล่าฮะ ทำไมยูชอนฮยองถึงไม่ได้มาหละ”

                    “ฮยองก็ไม่รู้เหมือนกันชางมิน...ขอโทษนะ” พี่แจจุงลูบหัวผม แล้วกอดปลอบเบา ๆ ตอนนี้ตัวของผมชาไปหมด ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงไปเสียดื้อ ๆ หัวใจที่เต้นโครมเพราะความตื้นเต้นผ่อนจังหวะลงอย่างรวดเร็ว

                    “ไม่มาจริง ๆ หรอฮะ...” ผมเริ่มรู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผะผ่าว ความรู้สึกเดียวในตอนนี้คือ ผมรู้ว่าผมจะต้องรีบออกจากร้านนี้ไปให้เร็วที่สุด

                    ขายาวของผมรีบวิ่งออกมาจากด้านในสุดของร้านที่จองเอาไว้อย่างเป็นส่วนตัว พลันชนกับร่างหนึ่งเขา กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของผมเต้นแรง แต่ผมกลับไม่ใส่ใจมากนัก

     

                    “ขอโทษฮะ..อ๊ะ” ผมต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อรู้สึกถึงแรงฉุดของอีกร่างหนึ่ง หัวใจของผมเต้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ผมค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ใบหน้าที่ผมเฝ้าคิดถึงกำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขาพาผมมายังสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่เงียบสงัด...สถานที่แห่งความทรงจำของผม

                    “หนีฮยองทำไม” น้ำเสียงอุ่นที่ติดจะแหบอยู่บ้างนั้นเอ่ยขึ้นทันทีที่ฝีเท้าของเขาหยุดลง มันทำให้น้ำตาที่เกือบจะเหือดแห้งของผมต้องไหลออกมาอีกครั้ง....เขาถอดแว่นตาสีชาที่ผมใส่อยู่ออกพร้อมกับหมวกสีเข้ม

                    “....” พี่ยูชอนคว้าร่างของผมเข้ากอดไว้จนแน่น แต่ความรู้สึกอึดอัดกลับไม่เกิดขึ้นกับผม มีเพียงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ทั่วทั้งก้อนเนื้อด้านซ้ายนี่ ผมกอดตอบร่างกายอุ่นนั่นด้วยความคิดถึง ใบหน้าของผมซุกลงบนบ่ากว้างพร้อมปล่อยสารธารอุ่นออกมาอย่างไม่อายใคร

                    “ร้องไห้อีกแล้วนะ” มือข้างหนึ่งของพี่ยูชอนยกขึ้นลูบบนศีรษะของผม แต่มันกลับทำให้ผมต้องร้องไห้หนักขึ้น

                    “ฮึก...มาทำไมไม่บอก...” ผมพูดด้วยเสียงอู้อี้ ทั้ง ๆ ที่ยังซบอยู่บนอกอุ่น

                    “ก็มาแล้วนี่ไงครับ”

                    “เมื่อเช้า..ฮึก....ไหนบอกว่าจะโทรมาปลุกไง...อึก” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเง้างอน พลางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นแห่งความดีใจเอาไว้

                    “พี่โทรไปแล้วนะ เราต่างหากที่ไม่ยอมรับสายหนะ เด็กขี้เซา” พี่ยูชอนจับใบหน้าของผมเฉยขึ้น แล้วเช็ดน้ำตาให้ผม เขาระบายรอยยิ้มที่ผมคิดถึงให้

                    “ก..ก็ไม่รู้..หนิฮะ” ผมเว้นจังหวะการหายใจเนื่องจากความเหนื่อยอ่อน แล้วหลบสายตาออกจากดวงตามีเสน่ห์นั่นที่จ้องมายังผม..ก็มันเขินหนิฮะ

                    “รักนะครับ...” ใบหน้าของพี่ยูชอนโน้มลงมาใกล้ดวงหน้าของผมมากขึ้นจนผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนของเขา ริมฝีปากอุ่นนิ่มค่อย ๆ สัมผัสกับกลีบปากของผมอย่างแผ่วเบาจนแนบชิดกัน เหมือนกับทุกครั้ง สัมผัสอบอุ่นนั่นยังคงอ่อนโยนกับผม และเหมือนกับว่ามันจะดูดเรี่ยวแรงของผมไปซะทุกครั้งด้วย ผมจับบ่ากว้างนั่นไว้เพื่อค้ำยันกายของตัวเอง

                    “อื้อ..ฮยองเป็นหวัดอยู่นะ..อะ..อืม....” ผมเอ่ยกับพี่ยูชอนด้วยดวงหน้าร้อน ๆ ผมเดาได้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมจะต้องกลายเป็นสีแดงเรื่อแน่

                    “ฮยองไม่เป็นไรซะหน่อยครับ” พ้นคำตอบ ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงอีกครั้ง พร้อมส่งลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากของผม ผมรู้สึกว่าร่างได้ถูกตรึงลงสู่เบื้องล่างอย่างช้า ๆ เปลือกตาของผมค่อย ๆ ปิดลงทีละน้อยเพื่อรับสัมผัสนั่น

                    “อ.......อื้ม...” ผมครางออกมาเหมือนเช่นทุกครั้งที่ลิ้นร้อนของเราทั้งสองฝ่ายเกี่ยวพันกัน มือของพี่ยูชอนยังคงกดลงที่ท้ายทอยของผมเพื่อรับสัมผัสนั่น ส่วนมืออีกข้างก็ยังคอยพยุงร่างของผมไว้เช่นเดิม

                    “อืม...” เสียงครางทุ้มต่ำของพี่ยูชอนทำให้หัวใจของผมเต้นระส่ำได้เสมอ ปลายนิ้วของผมกดลงบนบ่าของเขา ลำแขนข้างเดิมที่คอยพยุงร่างของผมไว้รั้งกายผมให้แนบชิดมากขึ้นจนเราแทบจะเป็นคนเดียวกัน ผมได้ยินเสียงหัวใจของพี่ยูชอนที่เต้นประสานกับหัวใจของผม ทั้งเร็วและแรง...

                    “อ..ฮ..อืม...ฮยอง.....” เขาถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากอุ่นของผมให้ผมได้หายใจ ใบหน้าของผมร้อนไปหมด ผมหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาจูบซับคราบน้ำใสที่ไหลออกมาจากขอบปากของผมเหมือนเช่นทุกครั้ง

                    “ผมก็รักฮยองฮะ...” ผมโน้มใบหน้าเข้าสัมผัสที่ริมฝีปากอุ่นอย่างเงอะเงิ่น แต่ก็ได้พี่ยูชอนช่วยประคับประคองไว้ให้ เขารับสัมผัสจากผมอย่างใจเย็น แล้วตอบรับผมด้วยความชำนาญ แต่ผมก็จำต้องดันร่างนั้นออกเบา ๆ ด้วยความเขินอาย

     

     

                                กอด แทนกานได้พบพานกันอีกครั้ง

                จูบของฮยอง แทนคำว่ารักและความคิดถึง

                สัมผัสอุ่น แทนเวลาที่ขาดหาย

                เสียงหัวใจ แทนคำมั่นสัญญาและความเชื่อใจ

                จูบของผม แทนคำว่ารักที่อยากตอบแทน

     

     

     

                    “พ..พอแล้วฮะ” ผมเอ่ยด้วยลมหายใจติดขัด พี่ยูชอนระบายยิ้มออกมา

                    “ครับ” พี่ยูชอนช้อนตัวผมขึ้นแล้วพาไปที่ม้านั่ง ทำให้ผมต้องดึงเสื้อตัวหนาไว้ เขาวางร่างของผมลงอย่างเบามือ พร้อมนั่งลงข้าง ๆ ผม

                    “ฮยอง...” ผมพูดพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นถี่ระรัว

                    “ครับ?..” คิ้วของพี่ยูชอนเลิกขึ้น ใบหน้าหล่อยังคงแสดงถึงความสงสัยที่ปิดไม่มิด

                    “ขอบคุณนะฮะ..ที่ยังรักผม ที่กลับมาหาผม...ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ”

                    “ฮยองก็ขอบคุณชางมินเหมือนกันนะ..ที่ชางมินยังรอฮยองคนนี้อยู่” พี่ยูชอนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นกว่าครั้งไหน ๆ

     

     

    ................................................................

     

    จบลงแล้วกับฟิคไร้สาระอีกเรื่อง T T มันเป็นฟิคที่สั้นจริง ๆ

    ช่วงนี้ทุกคนคงเต็มไปด้วยความรู้สึกคล้าย ๆ กันสินะคะ

    ทั้งคิดถึง เฝ้ารอ อยากให้กลับมาเหมือนเดิม มันคือสิ่งที่เราอยากถ่ายทอดออกมา

    แต่เราเองก็อาจจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีซักเท่าไหร่ ^ ^”

    ยิ่งบวกกับการสอบด้วยแล้ว ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ หลายคนคงยิ่งเครียดเพิ่มขึ้น

    ทั้ง HoMin ทั้ง JYJ ทุกอย่างยิ่งวุ่นวายขึ้นเรื่อย ๆ

    ยังไงก็สู้ ๆ นะคะรีดเดอร์ทุกคน ไรเตอร์ขอสู้ด้วยคน !!!!

    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกวิว และทุกคอมเมนต์นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×