คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Please Love Me :: Kiss
อา sf คงจะหายไปนานเลยนะคะ 555 พอดีเห็นคุณ maplesyrup มาตอบคอมเมนต์ของเรา
ก็เลยมาแต่งรีบมาแต่ง sf ต่อซักหน่อย เดี๋ยวจะลืมไปก่อน ความจริงแล้ว ช่วงนี้เราก็ตัน ๆ อยู่เหมือนกันค่ะ : p
มัวแต่รีไรท์ toxic จนลืม sf ไปเลย (ขอสารภาพบาป T T)
................................................................................
Please Love Me
ณ โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโซล เมืองหลวงปัจจุบันของเกาหลี เสียงดังเซ็งแซ่ของนักเรียนช่วงชั้นต่าง ๆ ดังก้องไปทั่วบริเวณเนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก นักเรียนชั้นมัธยมตอนปลายในช่วงชั้นสุดท้ายกำลังยืนอออยู่ด้านหน้าอาคารเรียนหลังใหญ่ด้วยสีหน้าเบิกบานกันเป็นแถบ
ร่างบอบบางในชุดเครื่องแบบของโรงเรียน เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ตัดกับเนคไทสีเลือดนก คลุมทับด้วยเสื้อสูทสีเหลืองครีมที่ตัดกับผิวสีน้ำผึ้งเนียนใส บริเวณอกด้านซ้ายปักตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนอยู่ ขายาวที่ถูกปกปิดด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำสนิทก้าวเข้ารั้วประตูโรงเรียนไปอย่างรีบร้อน
“ชางมินนนนน~” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนที่เขาจำได้ขึ้นใจ ทำให้ใบหน้าหวานต้องหันไปตามเสียงเรียกอย่างจำใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมกับเสียงฮึดฮัดในลำคอ
“มีอะไร” เสียงหวานตอบห้วนสั้น พร้อมกับปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบดังปกติ ผิดกับอีกฝ่ายที่ยิ้มหน้าระรื่นจนตาหยี แล้วกระโดดเข้ากอดชางมินอย่างเต็มรัดเต็มเหนี่ยว
“ปีนี้เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วนะ คิดถึงนายมากเลยรู้มั้ย” ร่างนั้นพูดในขณะที่กำลังกอดอีกฝ่าย แต่ชางมินกลับแสดงสีหน้าเอือมระอาปนรำคาญ
“ยูชอน...” น้ำเสียงถูกกดลงต่ำ ร่างบางเรียกคนที่มีศักดิ์ทางอายุเป็นพี่เรียบ ๆ มือบางดันร่างของอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตน
“แค่เนี้ยมาทำเสียงดุใส่ ผมนายยาวขึ้นอีกแล้วนะ” ร่างสมส่วนคลายอ้อมกอดออก แล้วลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ตอนนี้ยาวประบ่าเนียนอย่างสนุกมือ
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ตัวนายเองก็รู้ดีไม่ใช่หรอไง” ชางมินเปรยตามองร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียใจและผิดหวัง
“ไม่เอาน่า อย่าล้อเล่นกับฉันสิ อย่างน้อยนายกับฉันก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไม่ใช่หรอไง” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงเอ่ยขึ้น ชางมินยิ่งขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“อย่ามาทำตัวลุ่มล่ามกับฉัน ฉันบอกนายไปแล้วนะ ว่าฉันไม่ได้ชอบนาย เลิกมาตอแยกับฉันสักที” ดวงตาคู่สีน้ำตาลสบกับยูชอนตรง ๆ อย่างก้าวร้าว แต่ยูชอนก็ยังคงพยายามยิ้มสู้
“แต่ฉันคงทำแบบที่นายบอกไม่ได้หรอกนะ นายก็รู้ดี ว่ารักแล้วมันเลิกกันง่าย ๆ ซะที่ไหน” คำตอบเดิมที่ยูชอนพร่ำบอกชางมินซ้ำ ๆ แต่กลับไม่ทำให้กำแพงที่ร่างบางสร้างขึ้นพังลงมาแม้แต่น้อย
“งั้นนายก็ควรจะรู้ไว้เหมือนกัน ว่าจะเกลียดใคร มันก็ไม่เลิกง่าย ๆ เหมือนกัน ยิ่งกับคนที่เคยเป็นเพื่อนรักที่เชื่อใจนักหนาแล้วด้วย” ชางมินว่าพลางรีบปลีกตัวไปอีกด้าน แต่ยูชอนก็ยังไม่เว้นที่จะเดินตามตัวร่างบางไปติด ๆ
“นี่ ยูชอน ถ้านายเลิกเดินตามฉันสักวัน ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ นายทำให้เวลาส่วนตัวของฉันแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว แล้วนายต้องการอะไรอีก” ชางมินพูดโดยไม่หันไปมองใบหน้าของยูชอนแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะสังเกตว่านับวัน รอยยิ้มของยูชอนเริ่มจางหายลงไปทีละน้อย
“....” ไม่มีเสียงทุ้มโต้กลับมาดังเคย ยูชอนได้แต่ถอนหายใจยาว ขายาวหยุดชะงักลงตามอย่างชางมินว่า ปล่อยให้คนที่ตนเองรักเดินทิ้งระยะห่างไปเรื่อย ๆ ร่างบางเหลียวมองทางด้านหลังเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ายูชอนเลิกตามมาแล้ว จึงเดินแฝงเข้าไปในกลุ่มนักเรียน....
“จุนซู~ อ่าว พี่ยุนโฮ พี่แจจุง สวัสดีครับ” ร่างบางทักทายเพื่อนสนิทที่สอบเทียบชั้นมาพร้อมกับตนและรุ่นพี่ของตนด้วยรอยยิ้มที่แตกต่างกับเมื่อก่อนสิ้นเชิง
“สวัสดีครับ วันนี้ชางมินมาสายจังนะ” เสียงโทนเบสจากยุนโอซักขึ้น ชางมินจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ กลับไป
“งั้นผมขอตัวจุนซูไปละนะครับ บ๊ายบายครับพี่แจจุง พี่ยุนโฮ” ชางมินไม่รอคำตอบรับ รีบลากเพื่อนสนิทของตนออกจากบริเวณนั้นโดยเร็ว โดยไม่วายที่จะมีเสียงแหลมเล็กของจุนซูบ่นอยู่ไม่ขาด
“เฮ้ ชางมิน ทำไมนายถึงรีบลากฉันออกมาแบบนี้เล่า มีเรื่องกับยูชอนอีกแล้วหรอไง” จุนซูพูดราวรู้ทัน เรียกสีหน้าบึ้งตึงจากชางมินได้อย่างง่ายดาย ร่างบางลากจุนซูให้เดินตามมาเรื่อย ๆ จนถึงโรงอาหารด้านหลังอาคาร
“จุนซู ฉันจะทำยังไงดี ปีนี้ก็ต้องอยู่กับนายนั่นอีกทั้งปี ฉันจะทนได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้านายนั่นมันมาตามตื๊อฉันทุกวันแบบนี้ ไม่แย่เลยหรอ” ร่างบางกล่าวด้วยน้ำเสียงโอดครวญอันเป็นเอกลักษณ์ แล้วโยกตัวจุนซูไปมา
“ถ้านายคิดแบบนั้นก็บอกนายนั่นไปตรง ๆ ก็หมดเรื่อง ไม่เห็นต้องมานั่งลำบากใจแบบนี้เลยนี่นา” จุนซูออกความเห็นตามจริง แล้วจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ดูไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้สักเท่าไรนัก
“โธ่ จุนซู นายก็เห็นฉันบอกหมอนั่นอยู่ทุกวัน ไม่เห็นมันจะยอมเลิกตามตื้อฉันเลยสักนิด”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะถามคำถามนายข้อนึงนะชางมิน” ร่างบางมองหน้าเพื่อนสนิทแล้วผงกหัวหงึก ๆ แทนคำตอบ
“ถ้านายกับยูชอนไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนหละ นายจะรู้สึกยังไงกับเขา ชางมิน” จุนซูถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่นาน ๆ ทีจะหลุดออกมาจากริมฝีปากบางสักครั้ง ชางมินสะดุ้งน้อย ๆ กับคำถามที่เค้าไม่เคยคิดว่าจะถูกถามออกมาจากปากของเพื่อนรัก และเป็นคำถามที่เขาไม่เคยคิด
“....” มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ หัวสมองที่แม้โจทย์ปัญหาทางวิชาการยาก ๆ ยังแก้ได้ง่าย ๆ กำลังประมวลผลอย่างหนัก คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างเคยตัว นัยน์ตาสีน้ำตาลหุบลงต่ำอย่างไม่แน่ใจนัก
“นายคิดดูให้ดี ๆ นะ ก่อนที่จะเสียคนรักไป ตอนนี้เราไปเรียนกันก่อนเถอะ” จุนซูตบหลังชางมินเบา ๆ เป็นการสะกิดเรียกให้ร่างนั่นเดินตามเขาไป...
>>>flash back<<<
มัธยม 5:: 5/1A
นักเรียนมากมายกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ปิดภาคเรียน จนกระทั่งถึงเวลาเข้าเรียน ประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก ทำให้นักเรียนเหล่านั่นต้องรีบกุลีกุจอเข้าที่ของตน
“เอ้า ๆ นั่งกันดี ๆ หน่อย ยังไม่ทันไรส่งเสียงดังอย่างกับนกแตกรัง” เสียงอาจารย์หนุ่มทักทายนักเรียนอย่างเป็นกันเองพร้อมระบายยิ้มเป็นมิตรให้
“พวกเธอคงจะรู้ข่าวนักเรียนใหม่ของห้องเราแล้ว..เข้ามาได้แล้ว” อาจารย์หนุ่มว่าพลางขยับกรอบแว่นอย่างเคยตัว แล้วประตูบานเลื่อนก็ถูกผลักออกอีกครั้ง
ชายรูปร่างสูงโปร่ง ที่มีผิวกายสีขาวจัดตัดกับกลุ่มผมสีดำสนิทที่ดัดเป็นลอนน้อย ๆ ยาวลงมาระต้นคอ ใบหน้าเรียวได้รูปยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่น บวกกับดวงตาที่เป็นประกาย แฝงความเจ้าเล่ห์ทำให้ดูมีเสน่ห์หน้าค้นหายิ่งขึ้น เขาแต่งกายในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนเหมือนกับทุกคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง ขายาวก้าวเข้ามาอย่างคนเจียมเนื้อเจียมตัว
“สวัสดีครับ ผมปาร์ค ยูชอน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” รอยยิ้มพิฆาตถูกส่งออกไปทำเอาสาว ๆ ในห้องเคลิบเคลิ้มเป็นแถว ๆ แม้กระทั่งคนที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดอย่างชางมินยังแอบอิจฉาในเสน่ห์ที่น่าหลงใหลนั่น ทุกคนในห้องต่างก็ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันดังสนั่น
“โหย ชางมิน นายดูดิ หมอนั่นดูดีเป็นบ้า ดูดิ หญิงกรี๊ดตรึม” จุนซูที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าหันมาพูดกับชางมินด้วยสายตาอิจฉาเล็ก ๆ เพราะอย่างตัวเองถึงแม้จะเป็นผู้ชาย กลับมีแต่คนชมว่าสวยบ้าง น่ารักบาง จนอดที่จะอายไม่ได้
“อืม ฉันก็ว่างั้นแหละ” ชางมินว่าพลางขยับกรอบแว่นบางขึ้น แล้วหันไปสนใจกับหนังสือเล่มที่อยู่ในมือต่อ
“เอาหละ เงียบ ๆ กันหน่อย...ยูชอน ไปนั่งด้านริมหน้าต่างนั่นแล้วกันนะ ตรงที่ยังว่างอยู่หนะ” อาจารย์ชี้ไปบริเวณที่นั่งริมหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องออกมาพอประมาณ ยูชอนโค้งหัวลงน้อย ๆ แล้วเดินไปประจำที่ของตน
ปึก!
กระเป๋าถูกวางลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี พร้อมกับหย่อนกายลงที่เก้าอี้ตัวเก่ง ยูชอนหันไปมองหน้าเพื่อนใหม่เล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยคำทักทาย
“สวัสดี ฉันปาร์ค ยูชอน นายหละ” ยูชอนว่าพลางมองเพื่อนที่นั่งข้างกายของตนอย่างพินิจ ใบหน้าได้รูปที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นช่างดูดีเสียเหลือเกินสำหรับเขา แพขนตางอนยาวที่เรียงเป็นแนวอยู่บนดวงตากลมโต จมูกที่รั้นน้อย ๆ รวมถึงริมฝีปากบางแต่กลับดูเอิบอิ่ม ที่ช่วยขับให้ผิวสีน้ำผึ้งเนียนนั่นดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ผมที่ถูกซอยระต้นคอระหงส์หยับไหวน้อย ๆ ยามต้องลมที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่
ชางมินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือวิชาการเล่มโปรด แล้วก็ต้องตกใจกับเพื่อนใหม่ที่มานั่งข้างกาย แต่เขาก็ยังคงระบายยิ้มเป็นมิตรไปให้ ยูชอนมองใบหน้าหวานนั่นอย่างเคลิบเคลิ้ม
“อ่อ สวัสดี ฉันชางมิน...ชิม ชางมิน ยินดีที่ได้รู้จัก” น้ำเสียงหวานถูกเอ่ยออกมาทำเอาก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของยูชอนเต้นโครมจนจับจังหวะไม่ได้ ยูชอนพยักหน้าน้อย ๆ ชางมินจึงหันไปสนใจกับตำราเรียนตรงหน้าต่อ
“เฮ้ นายลืมฉันไปรึเปล่า ฉันคิม จุนซู นะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน มีอะไรสงสัยหนะ ก็ถามหมอนี่ได้นะ ฉลาดเป็นกรด” จุนซูกล่าวเสียงใส พร้อมชี้นิ้วไปทางชางมิน
“ฉันปาร์ค ยูชอน”
“ฉันรู้แล้วน่า ก็นายแนะนำตัวอยู่ที่หน้าห้องแล้วไม่ใช่หรอไง พอ ๆ จะเริ่มเรียนแล้ว” จุนซูยิ้มตาหยีให้ยูชอน แล้วหันกลับไปทางด้านหน้าห้องเรียนอีกครั้ง
นับแต่วันนั้น หลังจากที่มีจุนซู และชางมินแล้ว ก็ยังมียูชอนที่เป็นเพื่อนสนิทคนใหม่มาอยู่ร่วมด้วยอีกคน ช่วงเวลาที่น่าจดจำผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ยูชอนเดินกลับบ้านพร้อมชางมินและจุนซูอย่างปกติ หลังจากไปส่งจุนซูแล้ว ทั้งสองร่างก็เดินไปตามถนนสายยาวเรื่อย ๆ จนมาถึงบ้านที่คุ้นตาอีกหลัง บ้านของชางมิน
“งั้นฉันไปก่อนนะ กลับบ้านดี ๆ ด้วย อย่าไปหลีสาวที่ไหนหละ” ชางมินกล่าวแล้วระบายยิ้มอย่างรู้ทัน แต่ใบหน้าของยูชอนกลับไม่ยิ้มตามด้วยเหมือนวันก่อน ๆ
“นายเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัยเหมือนกับที่คนปกติถามกัน
“ชางมิน ฉันมีอะไรจะบอกนาย นายเคยจำเรื่องคน ๆ นั้นที่ฉันเล่าให้ฟังได้มั้ย” ยูชอนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้หัวใจชางมินกระตุกวูบ เขาเคยสงสัยมาตลอดว่ายูชอนรู้สึกยังไงกับเขา รวมถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ ชอบล้อกัน และเรื่องของคนคนหนึ่งที่ยูชอนเคยเล่าให้ชางมินฟังตลอดเวลา
“....” ความเงียบเป็นเพียงคำตอบ ในใจเพียงแค่สวดภาวนาให้ไม่ใช่ตนอย่างที่คิดก็เท่านั้น
“คนคนนั้นคือนาย ฉันรักนายชางมิน เป็นแฟนกับฉันนะ” ยูชอนว่าพลางโผเข้ากอดร่างบอบบางนั่นด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความหมายต่าง ๆ นานา ชางมินกลับยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ เขาพยายามทำใจกับเรื่องนี้มาแล้วก็จริง แต่มันกลับไม่สำเร็จอย่างที่ว่า เขากำลังโกรธ ชางมินผลักกายยูชอนออกอย่างแรงจนร่างร่างนั่นเซถลาไป
“นายจะบ้าหรอไงห๊ะ ฉันเป็นผู้ชายนะเว่ย ผู้ชายที่ไหนจะมารักผู้ชายด้วยกัน” ชางมินตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย
“แต่ฉันรักนายจริง ๆ นะชางมิน รักผู้ชายด้วยกันมันผิดมากหรอไง”
“ใช่ ผิดสิ ผิดมาก ๆ ด้วย ความรักของเรามันเป็นไปไม่ได้ยูชอน นายก็รู้ดี ฉันกับนายมันเพื่อนกัน อย่ามาพูดตลกแบบนี้กับฉัน” ชางมินว่าพลางหันหลังให้ ขายาวรีบก้าวออกจากชายหนุ่มตรงหน้าทันที แต่ยูชอนกลับรีบคว้าเอวบางเอาไว้ มือหนาอีกข้างคว้าเข้าที่ท้ายทอยของร่างบางแล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากอิ่มนั่น
เขารู้ดีว่าไม่ควรที่จะทำมัน แต่หลังจากนี้ไป เขาอาจจะมองหน้าชางมินไม่ติดเสียด้วยซ้ำ อย่างน้อย เข้าก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับอีกฝ่าย ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขา
ลิ้นสากค่อย ๆ สอดเข้าไปในโพรงปากหวานที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แล้วตวัดกวาดความหอมหวานภายในโพรงปากอย่างชำนาญ ชางมินถึงกับเคลิ้มไปในสัมผัสอ่อยโยนนั่น ร่างกายค่อย ๆ อ่อนเปลี้ยลงราวกับควบคุมไม่ได้ หัวใจเต้นโครมไปมาอย่างไม่เป็นจังหวะ
แต่เมื่อเขารู้สึกตัว กลับใช้แรงที่มีผลักร่างสูงที่ไม่ทันตั้งตัวออกอย่างแรงทำให้ยูชอนต้องเซถลาไป ส่วนตนก็ยืนหอบหายใจรินอยู่ด้านหน้าโดยใช้ฝ่ามือบางจับประตูรั้วบ้านค้ำร่างตนเอาไว้ มืออีกข้างยกขึ้นปาดน้ำใสที่ไหลลงมาตามขอบปากบางอย่างรังเกียจ
“ฉ...ฉันขอโทษ” ยูชอนเอ่ยขึ้นอย่างสำนึกผิดแต่ชางมินกลับมองร่างตรงหน้าด้วยสายตาผิดหวัง
“นายไม่ควรทำกับฉันแบบนี้ยูชอน ไปได้แล้ว อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” เสียงหวานเอ่ยสั่น พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างรังเกียจ...รังเกียจตัวเอง
ยูชอนเดินจากไปอย่างว่าง่าย เพราะเขาก็รู้ดีว่าตัวเองได้ทำผิดมหันต์ลงไป ความรู้สึกดี ๆ ที่ชางมินเคยมีให้เขาได้หายไปจนหมด แม้แต่คำว่าเพื่อน ยูชอนเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันกลับคืนมายังไง
โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้น พร้อมกดเบอร์ที่คุ้นเคยอีกเบอร์หนึ่ง..คิม จุนซู เสียงสัญญาณดังขึ้นเป็นจังหวะให้รู้ว่ากำลังติดต่อกับอีกฝ่ายอยู่ ไม่นานนัก ปลายสายก็รับขึ้น
(ว่าไง ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะโทรมาหนิ) จุนซูเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคย
“จุนซู ฉันบอกชางมินไปแล้ว” น้ำเสียงเศร้าเอ่ยขึ้น ทำเอาปลายสายตกใจยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
(น..นายบอกชางมินไปแล้ว.. แล้วเขาว่ายังไงบ้าง)
“ฉันเผลอจูบเขาไปด้วย... ฉันจะทำยังไงดีจุนซู ฉันมองหน้าชางมินไม่ติดแล้ว” น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ มีเพียงเสียงเท่านั้น ที่สั่นจนผิดแปลกไป
(เฮ้ย นายพูดจริงรึเปล่าเนี่ย ซวยหละสิ ซวยๆๆๆๆ) น้ำเสียงของปลางสายก็ดูท่าจะเครียดไม่น้อยไปกว่ายูชอน แม่ยกของยูชอนกับชางมินอย่างจุนซู เรื่องแค่นี้จะยอมได้ซะที่ไหน
“ฉันจะถอดใจดีมั้ย..”
(ยูชอน นายจะบ้ารึเปล่า แค่นี้จะถอดใจง่าย ๆ หรอไง นายเคยยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ด้วยหรอไงกันห๊ะ เคยมีใครมั้ยที่นายจีบไม่ติดหนะ)
“ก็ฉันไม่เคยเข้าหาใครก่อนหนิ”
(ไม่รู้หละยูชอน ฉันยกชางมินให้นาย แต่นายก็ต้องจับชางมินไว้ให้อยู่ด้วย ไม่งั้นนายตายแน่) น้ำเสียงงอน ๆ จากทางปลายสายทำให้ยูชอนสบายใจขึ้น
“จริงสินะ ฉันคือปาร์ค ยูชอน ใครจะมาปฏิเสธฉันได้ที่ไหน ขอบคุณมากนะจุนซูเพื่อนรัก” ยูชอนพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสกว่าเก่าแล้วตัดสายไป
ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ตามตื้อชางมินไม่ขาด แม้จะมีคนผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่ยูชอนกลับตอบปฏิเสธไปหมด แม้จะโดนชางมินปฏิเสธมาเป็นร้อยครั้ง แต่เขาก็ยังคงตามง้อต่อไป โดยที่หวังว่าสักวันชางมินจะหันมามองเห็นความพยายามของเขาบ้าง
>>>flash come<<<
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รอใคร แต่สมุดโน้ตของชางมินในวันนี้ก็ยังคงแทบจะว่างเปล่า ไม่เหมือนกับวันก่อน ๆ ที่ผ่านมา เหมือนกับใจของตัวเขา ชางมินยังคงมองเหม่อไปที่นอกหน้าต่างบานใหญ่ด้วยความคิดมากมาย หัวสมองที่ว้าวุ่นทำงานหนักเสียจนปวดหนึบอย่างช่วยไม่ได้ ชางมินเริ่มยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเอง สติเริ่มกลับมาอีกครั้ง ปากกาในมือเริ่มขยับขึ้น แต่ผ่านไปไม่นานก็หมดคาบเรียนลง
ร่างบางฟุบลงบนโต๊ะเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้ง ๆ ที่ในวันนี้แทบจะไม่ได้เรียนหนังสือเลยด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าตอนเรียนเป็นไหน ๆ ยูชอนที่คอยแอบมองอยู่ก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้เช่นกัน จะไม่ให้เห็นได้ยังไง ในเมื่อจุนซูช่วยให้เขาได้นั่งข้างชางมินไปอีกปีเต็ม ๆ
“นี่ ชางมิน วันนี้คึกยังไงขึ้นมาหละ ถึงไม่เรียนหนังสือ แถมมานอนฟุบอยู่อีก เที่ยงแล้ว ฉันหิวข้าว~” จุนซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังเป็นพิเศษเพื่อปลุกให้เพื่อนตรงหน้าตื่น แต่ชางมินกลับส่ายหัวไปมาเป็นการปฏิเสธเท่านั่น
“ก็ได้ ๆ เดี๋ยวฉันซื้ออะไรขึ้นมาฝากก็แล้วกัน ปะ ยูชอน” จุนซูรีบคว้ามือของยูชอนแล้วลากไปโรงอาหารด้วยกัน
หลังจากเดินออกมาจากอาคารเป็นที่เรียบร้อย ยูชอนที่มีแววตาสงสัยก็ทำท่าจะถามคำถามขึ้นทันที แต่มีหรือ คนอย่างคิม จุนซูจะไม่รู้ว่าเพื่อนของตนสงสัยอะไรอยู่
“เมื่อเช้า ฉันถามชางมินไปว่า เขาคิดยังไงกับนาย แล้วก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ชางมินจะคิดมากจริง ๆ ฉันเห็นแววตาของชางมินดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ นายอาจจะมีหวังก็ได้นะยูชอน” จุนซูกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“แต่ว่านายจะทำให้ชางมินเครียดไปรึเปล่าจุนซู นายก็เห็นนี่ ว่าชางมินดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
“แหม ๆ เบื่อจริง ๆ ไอ่คนขี้ห่วงขี้หวง งั้นเราไปถามผู้มีประสบการณ์กันเป็นไงหละ”
“ผู้มีประสบการณ์..” ยูชอนเอ่ยขึ้นลอย ๆ เป็นการถาม แต่ไม่ทันไรก็ได้คำตอบจากจุนซูทันที
“พี่แจจุง พี่ยุนโฮ~” เสียงหวานใสของจุนซูดังมาแต่ไกล ทำเอาทั้งสองร่างที่นั่งอยู่ไกล ๆ ถึงกับเอือมระอาแทน
“ว่าไงหละ เสียงมาแต่ไกลเชียวนะ” ยุนโฮเอ่ยขึ้นทันทีที่จุนซูและยูชอนวิ่งมาถึงโต๊ะที่พวกเขาทั้งสองกำลังนั่งอยู่
“ผมมีคนต้องการให้ปรึกษาเรื่องความรักครับ พี่ช่วยหน่อยน้า เดี๋ยวผมขอตัวไปซื้อข้าวก่อน นายเอาเหมือนเดิมใช่มะยูชอน เดี๋ยวฉันรีบมา” จุนซูกล่าวตัดบทแล้วปล่อยให้ยูชอนอยู่กับแจจุงและยุนโฮ
“มีอะไรอีกหละเรา ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยโดนใครเค้าปฏิเสธ เจ้าชางมินอีกแล้วหรอไง” แจจุงว่าอย่างคนรู้ทัน ยูชอนนั่งลงฝั่งตรงข้ามร่างทั้งสองแล้วพยักหน้าหงึก ๆ
“งั้นพี่แจจุงช่วยเล่าเรื่องตอนที่พี่กับพี่ยุนโฮคบกันให้ผมฟังหน่อยสิครับ” ยูชอนเอ่ยถามอย่างคนต้องการประสบการณ์ มีหรือที่คนอย่างยุนโฮจะไม่ช่วย แต่แจจุงกลับหน้าเหวอไปทันตา
“ไม่ได้ ๆๆๆ/ไม่มีปัญหา” ฝ่ายหนึ่งปฏิเสธสุดตัว ส่วนอีกฝ่ายพยักหน้าแล้วยิ้มระรื่น
“จะบ้าหรอไงเล่ายุนโฮ... น่าอายจะตาย” แจจุงว่าพาลหน้าก็ขึ้นสีเรื่อยอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งกระตุ้นให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของยูชอนทำงานมากขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่จุนซุเดินมาถึงโต๊ะทันที
“อ่าว พี่แจเป็นไรรึเปล่าครับ หน้าแดง ๆ นะ” มาถึงก็โยนระเบิดลูกแรกใส่แจจุงทันที จุนซูกล่าวพลางหัวเราะคิกคักกับท่าทางเขิน ๆ ของรุ่นพี่หน้าสวย
“แหม มาได้จังหวะพอดีเลยนะเรา เรื่องมันก็คือ..”
“เรื่องอะไรหรอครับ” จุนซูเอ่ยขัดขึ้น ทำเอายูชอนมองตาขวางใส่ทันที
“ฟังไปเหอะน่า จุนซู” ยูชอนเอ่ยขึ้นอย่างคนโดนขัดอารมณ์ พี่ชายเจ้าของเสียงทุ้มจึงเริ่มเล่าต่อ
“แจจุงหนะ เป็นคนมาจีบพี่ เขาเริ่มจีบตั้งแต่พี่อยู่ ม.4 ก็พอ ๆ กับที่เราจีบชางมินนั่นแหละยูชอน ตั้งแต่วันแรกของเปิดเทอมก็เข้ามาสารภาพรักกับพี่” ยุนโฮว่าพลางระบายยิ้มอย่างนึกขำ เมื่อหวนคิดถึงภาพในอดีต
“พี่แจจุงหนะหรอมาจีบพี่ยุน” จุนซูกล่าวด้วยความตื่นเต้น แล้วตั้งใจฟังที่ร่างสูงกำลังจะเล่าต่อ ผิดกับแจจุงที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับดวงหน้าแดงก่ำ
“อืม เขาเข้ามาสารภาพรักแล้วก็ทำข้าวกล่องมาให้พี่ด้วย พี่ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ที่อยู่ดี ๆ เพื่อนที่ไม่เคยอยู่ห้องเดียวกันเลยมาสารภาพรักแบบนี้ แต่ข้าวกล่องของแจจุงก็ทำให้พี่ประทับใจมากจริง ๆ ตอนนั้นพี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าแจจุงเป็นผู้หญิงคงจะดีน่าดู”
“แจจุงเป็นผู้ชายแล้วมันผิดตรงไหนกันห๊ะ ไอ้หมีบ้า” แจจุงว่าพลางตีไปที่ต้นแขนแกร่งดังป้าป ทำเอาจุนซูและยูชอนสะดุ้งโหยง
“ไม่ผิดครับไม่ผิด ก็แจจุงของผมออกจะสวยเกินหน้าเกินตาซะขนาดนี้.. แจจุงหนะ มาตามง้อพี่ทุกวันเลย ทั้งอาหาร ขนม ของขวัญต่าง ๆ นานา จนวันนึง พี่ก็เริ่มรำคาญขึ้นมา เลยเผลอตะคอกใส่แจจุงไปซะแรง วันนั้นตอนที่พี่กลับบ้านไปก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่วันถัดมาพอพี่ไม่เห็นหน้าแจจุงเหมือนทุกวันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ในตอนแรก พี่ก็แค่คิดว่ามันเป็นความผูกพัน เพราะก่อนหน้านั้นพี่ได้เจอแจจุงทุกวันมาเกือบเทอมนึงเต็ม ๆ แต่พอผ่านไปหลายวันเข้าเรื่อย ๆ ก็กลายเป็นว่าพี่ต้องไปหาแจจุงซะเอง นึกแล้วก็ตลกเหมือนกันนะ ที่ตอนแรกเขาเป็นฝ่ายมาตามตื้อพี่ แต่ในที่สุด พี่ก็ต้องไปขอคืนดีกับเขาแทน...”
“แล้วพี่ยุนไปขอพี่แจคืนดียังไงครับเนี่ย” ยูชอนเอ่ยถามขึ้น ยุนโฮยิ้มกับมาให้แล้วเหลียวมองหน้าแจจุงน้อย ๆ
“กุหลาบหนะ ในตอนแรกพี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย พี่เลยต้องสืบไปทั่ว ถามคนนู้นที คนนี้ที ว่าแจจุงชอบอะไร จนพี่มารู้ว่าแจจุงหนะ ชอบกุหลาบขาวเอามาก ๆ” ยุนโฮพูดไปยิ้มไปแล้วเอาแขนข้างหนึ่งโอบเอวบางไว้ จนคนฟังแอบอิจฉาไปตาม ๆ กัน
“พี่ยุนโฮนี่โชคดีจังนะครับเนี่ย แต่กรณีของเจ้ายูชอนมันน่าสงสารกว่าเยอะเลย อิยะฮ่าๆๆ” จุนซูส่งเสียงหัวเราะเป็นเอกลักษณ์ จนยูชอนค้อนขวับ
“รอไปอีกหน่อยเถอะน่ายูชอน พี่ดูคนไม่ผิดหรอก ชางมินก็แอบมีใจให้นายอยู่เหมือนกัน โชคดีหละน้องรัก พี่ไปก่อนนะ” แจจุงเอ่ยขึ้นแล้วรีบลุกออกจากเก้าอี้ตัวยาวก่อนที่มือปลาไหลของยุนโฮจะลวนลามเขาไปมากกว่านี้
“แจอะ อย่าเพิ่งงอนยุนสิ พี่ไปก่อนนะยูชอน จุนซู” ยุนโฮรีบลุกตามแจจุงไปติด ๆ ยูชอนและจุนซูอดที่จะหัวเราะกับการทำตัวเป็นเด็ก ๆ ของรุ่นพี่ทั้งสองเสียไม่ได้
หลังจากที่แจจุงและยุนโฮพ้นออกจากบริเวณไป ความเงียบก็เข้าคลอบคลุมพื้นที่เล็ก ๆ จุนซูถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ยูชอนเองก็ตกใจไม่น้อย
“ยูชอน... นายรู้มั้ยว่าทำไมฉันอยากช่วยนาย”
“...” ยูชอนส่ายหัวแทนคำตอบ
“ตอนแรก...ฉันเองก็แอบชอบนายเหมือนกันนะ” จุนซูว่าพลางระบายยิ้มอย่างนึกขำความคิดของตัวเอง แต่ยูชอนกลับแปลกใจเสียยิ่งกว่าเดิม
“แล้วทำไมนายถึงช่วยฉันหละ” ยูชอนมองลึกเข้าไปในดวงตาใสบริสุทธิ์ ราวกับกำลังค้นหาคำตอบจากภายในนั้น ซึ่งดูแล้ว จุนซูเองก็ไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย
“ก็เพราะความรักที่นายแสดงออกให้ชางมิน และแววตาของชางมินที่มองนายยังไงหละ ฉันเห็น แล้วก็รู้มาตั้งนานแล้วด้วย นายจะให้ฉันทำยังไงหละ แย่งนายมาจากชางมิน โดยที่นายก็ไม่ได้รักฉัน หรือว่าจะให้นายกับชางมินรักกัน ถ้านายเป็นฉัน ฉันคิดว่านายก็คงทำไม่ต่างกับฉันหรอก ยูชอน”
“ขอโทษนะจุนซู นายเป็นคนดีมากจริง ๆ ขอบใจนายมากด้วย”
“เอาหละยูชอน แล้วนายจะทำยังไงกับชางมิน ดูจากกรณีของพี่แจกับพี่ยุนแล้ว ของนายดูลำบากกว่าเยอะเลยนะ” จุนซูมองหน้ายูชอนที่ตอนนี้ได้แต่ถอนหายใจยาว
“สงสัยฉันคงต้องเลิกจริง ๆ แล้วหละ” ยูชอนเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งน้ำเสียงที่ส่งผ่าน ทั้งสีหน้า แววตา จุนซูรับรู้มันได้ดี ยูชอนกำลังจะถอดใจ
“นายจะเลิกง่าย ๆ แบบนี้หรอไงห๊ะ ฉันอุตส่าห์ลงแรงช่วยไปตั้งเท่าไหร่ แค่นี้หมดความพยายามแล้วหรอไง ถ้านายรักชางมิน ก็ต้องทำให้ชางมินมีความสุขไม่ใช่หรอไง”
“แต่ความสุขของชางมิน อาจจะเป็นโลกที่ไม่มีฉันก็ได้” ยูชอนระบายยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่เคยเห็นยูชอนในมุมแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้มันดูจริงจังจนเกินไป
“มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ อายุมากกว่าซะเปล่า ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ไปได้แล้ว ไปหาชางมินกัน” จุนซูพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคยแล้วลากยูชอนให้วิ่งตามไป
.
.
ร่างบางยังคงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในสมองนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เขาอยู่กับยูชอน เขายอมรับว่ายูชอนทำให้เขามีความสุขเสมอ คอยตามง้ออยู่ตลอดเวลา แม้คำพูดตัดรอนของเขาจะตัดกำลังใจของยูชอนไปเท่าไหร่ แต่ยูชอนกลับทำเป็นไม่สนใจเสียทุกครั้งไป
‘ความรักของเพื่อนมันเป็นไปไม่ได้’ คำพูดที่ชางมินเคยพร่ำบอกยูชอนอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ยูชอนก็ยังตามดูแลเขาไม่ขาด แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำนั่นซักเท่าไหร่ก็ตามที แต่สัมผัสที่ยูชอนมอบให้กลับอบอุ่นมากกว่าใคร ๆ ที่เขาเคยพานพบมา
น้ำตาสายเล็กหยดลงมาจากดวงตาคู่งามเสียดื้อ ๆ ชางมินรู้สึกถึงความร้อนที่ขอบตาและความเปียกชื้นบริเวณใบหน้าของตนเอง มือบางยกขึ้นปาดออกอย่างลวก ๆ ในใจพยายามพร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอ ว่าไม่ได้รักผู้ชายที่ชื่อปาร์ค ยูชอน เขากำลังกลัว... ชางมินลูบปกหนังสือเล่มหนาไปพลาง
‘พยายามจะหลอกตัวเองเท่าไหร่ แต่ความจริงก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่วันยังค่ำ ฉันต้องยอมรับรึเปล่านะ ว่าฉัน...รักนาย’ ร่างบางฟุบลงบนโต๊ะอีกครั้ง
“ชางมิน~” เสียงแหลมสูงเอ่ยขึ้นมาทันทีที่ประตูบานเลื่อนถูกผลักออกเบา ๆ ตามด้วยร่างเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาพร้อมกับร่างสมส่วนอีกร่างหนึ่ง ชางมินสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มโตอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“อ่ะนี่ ข้าวกลางวันนาย ขอโทษนะ พอดีมาช้าไปหน่อย” เสียงใสหัวเราะแห้ง แล้วยื่นข้าวกล่องที่บรรจุอยู่ในโฟมสีขาวสะอาด ชางมินรับมันไว้แล้วเอ่ยขอบคุณ แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเปิดมันออกกินซักนิด ร่างบางหันไปสนใจกับตำราเรียนเล่มหนาอีกครั้ง ทำท่าว่าจะอ่านมัน แต่ถึงพยายามมากเท่าไหร่ กลับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
“ไม่กินซักหน่อยหรอไง เดี๋ยวจะเรียนไม่ไหวนะ” จุนซูเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แล้วเปิดข้าวกล่องออก กลิ่นหอมจากอาหารลอยคลุ้งไปทั่ว แต่กลับไม่ทำให้ชางมินรู้สึกอยากกินขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ร่างบางส่ายหัวไปมา
“ขอโทษนะจุนซู แต่ฉันกินไม่ลงจริง ๆ”
“นายเป็นอะไรรึเปล่าชางมิน กินหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายนะ” ยูชอนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ค่อยอยากพูดกับชางมินในช่วงเวลานี้ซักเท่าไหร่ แต่ก็ตัดสินใจที่จะพูดออกไป
“ก็บอกว่ากินไม่ลงไงเล่า” เสียงชางมินเริ่มแข็งขึ้นมาเมื่อผู้เอ่ยถามเป็นยูชอน ชางมินว่าแล้วก้มหน้าลง มือบางยกขึ้นกุมที่ขมับอีก เสียงออดดังขึ้นเป็นคำตอบแทนว่าหมดเวลาของเขาในตอนนี้แล้ว....
เวลาไม่กี่ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีส้มสด เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ทุกคนภายในห้องเก็บของแล้วรีบเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว รวมถึงจุนซูและยูชอน แล้วรีบวิ่งกุลีกุจอออกจากห้อง
ร่างบางถอนหายใจยาวเมื่อสิ้นเสียงออด ชางมินนึกโกรธตัวเองไม่น้อย ที่วันนี้แทบจะไม่มีอะไรเข้าสมองเลย นอกจากเรื่องของยูชอน ร่างบอบบางจัดแจงเก็บของลงในกระเป๋าคู่กายแล้วสะพายขึ้นบ่าเตรียมกลับบ้านไปพักผ่อนให้เบาสมองเสียหน่อย แต่เมื่อมองไปยังโต๊ะเพื่อนรักของตน กลับไม่มีแม้แต่เงา
Rrrrrrrrrrrrrrrr
เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้น ชางมินรีบหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หน้าจอเครื่องมือสื่อสารปรากฏรูปซองจดหมายขึ้น ‘คุณมี 1 ข้อความ’ นิ้วเรียวยาวรีบกดเปิดดู
((ขอโทษนะที่รีบลงมาก่อน เดี๋ยวเจอกันข้างหลังนะชางมิน พอดีฉันนัดพี่แจกับพี่ยุนไว้...จุนซู))
ชางมินอ่านข้อความจบแล้วนึกโมโหเพื่อนตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่จะทำอะไรไม่บอกกล่าวกันให้ดีเสียก่อน แต่มันกลับดูเหมือนนิสัยประจำของจุนซูไปเสียแล้ว ร่างบางเดินออกจากห้องไปด้านหลังอาคารทันที
เมื่อขายาวก้าวมาถึงด้านหลังอาคารเรียนแล้ว ดวงตาคู่คมก็เริ่มสำรวจหาเพื่อนของตัวเอง แต่กลับไม่เจอร่างที่คุ้นเคย คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ ไม่ทันไรมือปริศนาคู่หนึ่งก็ปิดที่เปลือกตาบางของชางมิน ภาพที่เคยแจ่มชัด บัดนี้กลับเหลือเพียงความมืดมิด
ชางมินสะดุ้งตัวโยนแล้วพยายามแกะฝ่ามือนั่นออกจากตัวเขา กลิ่นกายที่แสนคุ้นเคยยามเข้าใกล้ทำให้ชางมินรู้ตัวได้ไม่ยาก ร่างบางยิ่งมีทีท่าไม่พอใจเสียยิ่งกว่าเก่า
“ปาร์ค ยูชอน เอามือออกเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง” ชางมินเอ่ยขึ้นกับคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเริ่มทำงานหนักขึ้นอย่างไร้เหตุผล
“นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน” น้ำเสียงทุ่มเอ่ยกระซิบข้างใบหู จนชางมินเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว
“ก็รู้แล้วกันน่า จะมีใครที่ไหนอีก จะมาเล่นแผลง ๆ กับฉันนอกจากนาย” เสียงหวานยังคงเถียงร่างที่ปิดตาตนเองไว้แน่น เมื่อรู้ว่าถึงจะพยายามแกะมือคู่นั้นสักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“ครับ ก็คงเป็นอย่างที่ชางมินพูดจริง ๆ นั่นแหละ” ยูชอนว่าพลางคลายมืออกจากดวงตากลมโต
“จะเอาอะไรอีก จุนซูอยู่ไหน” ชางมินเอ่ยอย่างหัวเสีย
“ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากความจริงจากหัวใจนาย... ชางมิน นายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่” น้ำเสียงจริงจังทำให้ชางมินต้องชะงักลง ใบหน้าหวานก้มลงมองที่ผืนหญ้าสีเขียวสด เวลาผ่านไปเนิ่นนานโดยมีความเงียบเป็นคำตอบ จวบจนชางมินพูดออกมา
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาย” น้ำเสียงที่ตอบไปกลับไม่มีความหนักแน่นเหมือนเคย..เขากำลังหวั่นไหว
“ชางมิน ฉันขอ..ร้อง.../เลิกมายุ่งกับฉันสัก...อึก..ที” น้ำเสียงหวานที่ตวาดลั่นกลืนหายลงไปด้วยเสียงสะอื้น สายธารงดงามที่เหือดแห้งไปแล้วไหลออกมาจากดวงตากลมโต ชางมินกำลังจะเดินจากไป...
“ฉันรักนาย...” มือแกร่งดึงร่างของอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่จะโอบกอดคนตัวบางไว้ ชางมินไม่ได้มีทีท่าขัดขืนเหมือนเคย ใบหน้าหวานซุกลงกับอกแกร่งแล้วปล่อยให้น้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลออกมาชุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาวของยูชอน เสียงหัวใจเต้นโครมครามเสียจนได้ยินชัดเจนไปถึงโสตประสาท
“ฮึก...เจ้าบ้า...นายทำฉันปวดหัวอยู่เรื่อยเลย...อึก..ทำไมฉันต้องร้องไห้ก็ไม่รู้...” ชางมินพูดน้ำเสียงอู้อี้ แต่ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ยูชอนเห็น และเข้าใจมันได้ดี ความรู้สึกเดียวกันกับเขา...รัก
“เจ้าเด็กบ้า กว่าจะคิดได้นะ รู้มั้ยว่าฉันเกือบจะเลิกแล้ว ถ้าไม่เห็นนายในตอนนี้ ฉันอาจจะปล่อยนายไปแล้วก็ได้” เสียงนุ่มเอ่ยออกมาอย่างอบอุ่น ทำเอาหัวใจของคนฟังเต้นระทึก มือหนายกขึ้นลูบศีรษะคนรักของตนอย่างทะนุถนอม
“อยากเลิกก็เลิกไปสิ..ใครเค้าจะมาสนกันเล่า” คำพูดแกมประชดเล็ก ๆ ถูกเอ่ยออกมาจากเด็กปากคอเราะร้ายไม่ตรงกับใจตรงหน้า
“ถึงไม่มีใครสน แต่นายก็ยังสนฉันอยู่ไม่ใช่หรอไง หืม..” มือหนาข้างหนึ่งละออกจากเอวบางแล้วเชยคางมนของอีกฝ่ายขึ้นให้มาสบตา
“ยังไม่ได้ยินจากปากนายเลยนะ คำว่ารักหนะ” ถามอย่างคนทวงของขวัญ ยูชอนระบายยิ้มอย่างมีความสุข แล้วจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่าย
“อือ..” มีเพียงเสียงยอมรับในลำคอเป็นคำตอบ และแน่นอนว่ายูชอนเองก็ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนั่นเสียเท่าไหร่
“ถ้าไม่ตอบ...จูบนะ” ยูชอนพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นเหมือนเคย แต่กลับทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีจัดอย่างไม่มีเหตุผล
“อือ..รัก..อ...อื้ม...” ริมฝีปากอิ่มเข้ากดลงทาบทับกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว โดยที่คนในอ้อมกอดยังไม่ทันตั้งตัว เสียงครางประท้วงดังขึ้นในตอนแรก แต่ถูกกลืนหายไปแทนที่ด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าหวาน
ยูชอนส่งลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจภายในโพรงปากหวานอย่างชำนิชำนาญ ลิ้นร้อนกระหวัดเกี่ยวรัดกับลิ้นของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนและร้อนรุ่มไปในเวลาเดียวกัน ชางมินเองก็ตอบรับอย่างไร้เดียงสา ยูชอนกดท้ายทอยของอีกฝ่ายให้แลกสัมผัสกันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“..อ..อือ..” เสียงครางหวานเล็ดลอดออกมาจากในลำคอด้วยความเคลิบเคลิ้ม แขนยาวยกขึ้นพาดบนบ่าของอีกฝ่ายเพื่อพยุงกายเอาไว้ เอวบางของตนก็ถูกยูชอนรัดไว้อย่างแน่นหนาเช่นกัน
“อ...ฮ้า..” เสียงหอบหายใจโรยรินดังมาจากร่างบางตรงหน้า ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดอย่างเห็นได้ชัด ยูชอนโน้มใบหน้าเข้าไปดูดซับน้ำใสที่ไหลออกมาจากมุมปากของอีกฝ่าย
“คราวนี้จะบอกได้รึยังห๊ะ” ยูชอนเอ่ยพลางโน้มหน้าเข้าไปอีกรอบ ชางมินใช้มือทั้งสองข้างยันกายของยูชอนไว้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าอายซ้ำสองในบริเวณเช่นนี้
“อื้อ.. รักยูชอน” ชางมินเอ่ยเสียงเบาด้วยความเขิน แต่กลับได้ยินแจ่มชัดก้องไปในใจของอีกฝ่าย
“ฉันก็รักนาย..ชางมิน” เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของจุนซู แจจุง และยุนโฮที่ดีใจกับภารกิจที่ประสบความสำเร็จ
'ขอบใจนายมากนะ จุนซู แล้วก็พวกพี่ด้วย พี่แจจุง พี่ยุนโฮ...'
-The End-
จบไปอีกเรื่องแล้ว ดีใจจังเลย 5555
แต่งไปก็จะหลับไป พิมพ์ถูกบ้างผิดบ้าง ก็ยังงง ๆ ตัวเองอยู่เหมือนกัน
ความจริงเราอยากให้มันยาวกว่านี้อีกซักหน่อย
แต่เขียนได้แค่นี้เอง ตอนแรกที่เขียนออกมาถึงประมาณกลางเรื่อง
เราคิดไว้ว่าเรื่องนี้มันคงจะยาวซักที แต่มันก็ออกมาสั้นอีกจนได้
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่ติดตามกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ด้วยค่ะ จะพยายามปรับปรุงนะคะ
ความคิดเห็น