ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fantasy Network

    ลำดับตอนที่ #4 : Should 4 of us? สี่ซี้ อย่ามา ซี.ซี.

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 53


    Should 4 of us? สี่ซี้ อย่ามา ซี.ซี.

    กาน : ฮ้าววววววววววววววววววววววว
        ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ระเบียงหน้าห้อง กานก็เยียดแขนขึ้นมา ก่อนที่เหมือนจะมองหาที่เงียบสงบซักที่ ที่อยู่ใกล้ๆ จะได้งีบหลับก่อนที่เค้าจะล้มลงเพราะหน้ามืดอย่างมีสาเหตุ
    นนท์ : เฮ้ย เป็นอะไรไปวะ วันนี้เห็นเงียบๆไป
    กาน : อ๋อ คือเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย พอดี...
    นนท์ : หยุดๆๆ ให้พูดต่อนะ ดูอนิเมะจนไม่ได้นอนหลับเลยใช่ปะ
        นนท์คัดจังหวะที่กานจะพูดก่อนที่จะเติมคำในประโยคของกานให้เต็มสมบูรณ์
    กาน : สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันนาน พอดีอาทิตย์นี่ทั้ง Clann*d, Pri*m Ark, Sh*na Second ออกกันมาหลายตอนเลย แถมเมื่อวานนี่ก็ว่างอยู่พอดี ก็เลยนั่งดูมันแทบทั้งคืน
        กานในตอนนี้คงเฮฮาตามปกติไม่ออก เสียงของกานค่อนข้างลากยาวราวกับเป็นคนเมากำลังพูดอยู่ ตาคล้ำๆของเขาที่มาจากการที่ไม่ได้นอนเลย (ปกติก็ไม่ค่อยได้นอนอยู่แล้ว) มันแทบบ่งบอกได้ว่ากานในตอนนี้มันถึงที่สุดแล้ว แล้วตอนนี้ก็กำลังจะบรรจงโน้มตัวลงนอนตรงที่นั่งข้างระเบียงทางเดินที่ยาวไปทั้งแถบ
    นนท์ : แต่ว่านายลืมไปรึป่าว... (ไอ้นนท์ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยนิดๆ) วันนี้ส่งชีสเลขนะ หวังว่านายคงทำมาแล้วนะ
        หูของกานกระดิกเหมือนกับแมวที่นอนอยู่แล้วดันได้ยินเสียงของเจ้าของเรียกหาพอดี คงคิดว่าทำไมต้องเรียกตอนที่กำลังจะนอนด้วยน่า ถ้าแกเป็นแมวก็คงคิดอย่างนั้น แต่พอดีด้วยความเป็นมนุษย์และนักเรียนม.ปลายอยู่ ทำให้ปฏิกิริยาต่างจากที่เปรียบเทียบไว้
    กาน : เฮ้ย จริงดิ ซวยแล้ว ดันลืมซะได้
        กานก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ทำเอาสภาพที่อ่อนล้าเมื่อกี้หายวับไปกับตา และแน่นอนว่าทางออกของเขาก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง
    กาน : นนท์.... (รีบทำตาเหมือนลูกหมาตกน้ำเลยนะ) นายทำมาแล้วใช่มั้ย ขอลอกหน่อย
    นนท์ : เราก็จะมาขอลอกนายเหมือนกันเฟ้ย โอ้ย ไม่น่าหวังพึ่งคนอย่างนายเลยฟะ
        คงจะผิดที่คาดไว้ จากที่นนท์คิด เพราะในกลุ่ม มีกานที่ค่อนข้างเก่งวิชาคำนวณมากที่สุด รองลงมาก็เป็นนนท์กับไค ส่วนเมย์นี่ อ่อนวิชาคำนวณมากที่สุด
    กาน : งั้น'ใจมากที่บอก น่าจะบอกให้ช้ากว่านี้นะ
        กานหัวเราะแห้งๆ พาลคิดว่ามันพอกันทั้งคู่เลยนี่นะ คนนึงไม่ได้ทำเพราะลืม อีกคนก็จะมาหวังลอกตอนเช้า เฮ้อ~
    นนท์ : เลิกบ่น แล้วมาทำเลขก่อนดีกว่า เดี๋ยวก็ส่งไม่ทันกันพอดี

    ตัดมาอีกด้านหนึ่ง
    "ไกร ครูวานไรหน่อยสิ ช่วยขนชีสให้ครูหน่อย เอาไปไว้ที่โต๊ะครูนะ..."
        หลังจากอาจารย์ท่านนึงไหว้วานจบ ก็ยื่นกองเอกสารต่างๆนานาให้ไค แล้วเดินหายไปทันที ส่วนไคก็เป็นพวกที่ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็นด้วย ก็รับๆมาทันอย่างนั้น ทั้งๆที่ อีกเดี๋ยวเค้าต้องไปประชุมกับชุมนุมการละคร เพื่อเตรียมงานแสดงในวันงานโรงเรียน แล้วไคดันได้รับเลือกเล่นเป็นบทของตัวเอก ไม่ใช่พระเอกนะ แค่เป็นบทที่มีความสำคัญลงมาจากพระรอง แถมยังมีบทพูดน้อยพอควร เหล่าสาวๆ แฟนคลับของไค คงเสียดายกันเป็นแถบๆแน่ ถ้าเรื่องนี้ถูกรู้เข้า

        อย่างที่รู้ๆกันว่าไคเป็นคนที่ช่วยกิจกรรมของชุมนุมต่างๆนานามากมาย เพราะเนื่องด้วยอย่างแรก เป็นคนที่ปฏิเสธอะไรไม่ค่อยเป็น ส่วนอย่างถัดมา ก็คือพอไปช่วยงานแล้ว ดันได้เป็นหัวหน้างาน เพราะเพื่อนๆต่างสนับสนุนให้ไคเป็น ด้วยเหตุผลว่าไคมีความสามารถในการทำงาน บริหารจัดการของเขาที่ทำได้อย่างดี ความรับผิดชอบที่มีอยู่ท่วมท้น และความสามารถพิเศษต่างๆนานา ที่เพียบพร้อมไปหมดซะทุกอย่าง ถ้าจะให้เรียงรายชื่อกิจกรรมที่ไปช่วยก็มีมากมายเสียเหลือเกิน หลักๆก็มีชุนมุนสารวัตร ที่เปรียบเหมือน GB (General เบ้) ของโรงเรียนที่ต้องช่วยงานโรงเรียนทุกครั้ง นักแสดงในชุมนุมการละครที่มักจะถูกยัดเยียดบทให้เป็นพระเอกอยู่เสมอๆ และที่เด็ดกว่านั้นคือ หัวหน้าหน่วยปราบปรามพิเศษแห่งสารวัตรนักเรียน(ชื่อโครตเท่ห์เลย) ที่ได้รับอนุญาติจากทางโรงเรียนให้ใช้กำลังในการหยุดเหตุร้ายได้ แต่มักจะต้องเป็นกรณีที่ร้ายแรงจริง ซึ่งก็มักจะมีเป็นพวกนักเรียนตีกันเอง หรือตีกับโรงเรียนอื่น ก็เถอะ เนื่องด้วยไคเป็นคนตรง เลยได้รับตำแหน่งนี้ไป และคาดว่าคงไม่มีตำแหน่งนี้ต่อไป หากไคจบจากโรงเรียนนี้ไปแล้ว พอมาดูๆแล้ว ก็เยอะใช่ย่อยนะเนี่ย แต่น่าเสียดายที่ดันมีจุดอ่อนอย่างไม่ค่อยถูกกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เอาเสียเลย แต่ก็ดันกลายเป็นจุดเด่นให้กลับเหล่าแฟนๆ ได้เชยชมกัน ทำไมหรอ ก็เวลาต้องใช้เครื่องมือพวกนี้ ไคก็ต้องวานคนอื่นช่วยใช่มั้ยล่ะ แน่นอน เหล่าสาวๆทั้งหลาย ก็หาโอกาสช่วยอยู่แล้ว (จะเรียกว่าหลอกใช้ผู้หญิงเป็นได้มั้ยนา~)

    "เฮ้อ ประชุมกันเสร็จซะที" ไคเหยียดแขนขึ้นสูงเพื่อให้ความตึงเครียดและความเหนื่อยล้าออกไปจากร่างกายเค้าทั้งหมด ก่อนที่เพื่อนคนนึงจะเดินเข้ามาหา
    "ไกร ขอไรอย่างดิ นายช่วยรับบทเป็นพระเอกเรื่องนี้หน่อยได้ปะ" เจ้าเพื่อนตัวดี ที่ดันเป็นประธานชุมนุมนี้ กล่าวคำขอร้องที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่คิดจะทำละครเรื่องนี้มา มันเคยถามมาแล้วกี่ครั้ง นี่ก็แทบนับไม่ถ้วนแล้ว
    "เฮ้ยๆ พอๆ เราไม่อยากรับบทนั้นเฟ้ย ขี้เกียจพูดเยอะ แค่เรามาช่วยงานนี้ก็เต็มที่แล้วนะ" ไค รีบปัดคำขออย่างทันที เค้าไม่อยากรับบทที่มันสะดุดตามากนั้น หลักๆก็เพราะพอถูกพวกแฟนคลับจ้องกันทีนี่ มันทำเอาเค้าเกร็งเอาเรื่องเลย ลองคิดดูก็แล้วกันว่าแค่ขึ้นเวทีต่อหน้าสาธารณชน แล้วยังถูกจับจ้องเป็นพิเศษอีก มันทรมานแค่ไหน
    "น่าๆ มีคนเค้าขอกันมาเยอะ ไอ้เราก็รีบปิดข่าวที่นายไม่ได้เล่นเป็นพระเอกไม่อยู่แล้วน่ะ ช่วยๆกันหน่อยดิ" ไอ้เพื่อนคนนี้ก็อ้อนวอนกันสุดๆ เลย หลายๆคนเห็นภาพนี้แล้วชักสงสัยแล้วสิ ว่าใครเป็นประธานชุมนุมนี้กันแน่
    "ช่างเถอะ เอาเป็นว่า นายลองกลับไปคิดดูก่อนก็แล้วกันน่าน่ะ เผื่อนายจะเปลี่ยนใจ" ท่านประธานที่ไม่ค่อยมีราศีความเป็นประธานเอาเสียเลย (เฉพาะในตอนนี้เท่านั้นนะ) ดันตัวออกจากไคเพราะเกรงว่าเดี๋ยวคนอื่นๆจะคิดว่าสองคนนี้เป็นพวกโฮโม รึไม่ก็ Yaoi อันที่จริงเค้าก็อยากสร้างข่าวแบบนั้นอยู่เหมือนกัน เป็นการ discredit ไคภายในตัว แต่พอดีมันมีชีวิตในวัยหนุ่มอันแสนสดใสของเค้าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ก็เลยไม่อยากจะเล่นด้วยซักเท่าไหร่น่ะ (คิดดูล่ะกันว่าจากชีวิตวัยหนุ่มที่แสนธรรมดากลับมาแปดเปื้อนเพราะข่าวแบบนี้ มันน่ามั้ย)
    "ถึงนายพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ชั้นไม่เอาอยู่ดีแหละน่า" ไครีบลุกขึ้นมาแล้วเตรียมตัวเดินออกไปจากห้องชุมนุม
    "งั้นชั้นไปก่อนล่ะ วันนี้ขอพักหน่อยก็แล้วกัน" ไคยกมือบอกลาเพื่อให้ประธานชุมนุมรู้ว่า 'วันนี้เขาขอพักให้เต็มที่หน่อย ดังนั้นช่วยอย่าเรียกตัวมาถ้าไม่จำเป็น' นี่คือสัญญาณมือที่มักจะบอกเป็นนัยๆไว้ทุกครั้ง แม้ไคไม่ได้เป็นคนกำกับไว้เองก็ตาม

    เสียงอ็อดแอ็ดของประตูเหล็กที่ปิดกั้นระหว่างทางบันไดกับดาดฟ้า บ่งบอกให้คนที่อยู่ใกล้ๆรู้ว่ามีคนขึ้นไปดาดฟ้า ก่อนที่มันจะถูกปิดลงอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้เสียงมันดังไปกว่าเดิมให้พวกอาจารย์รู้ตัว
    "เฮ้อ~~" เสียงถอนหายใจย้าวยาวของไคที่แอบหลบมาที่ดาดฟ้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกเรียกตัวไปช่วยงานอะไร ก่อนจะเข้าแถวยามเช้า อย่างน้อยๆ ก็มีที่นี้ที่เดียวที่เค้าจะอยู่ได้อย่างสงบ
    ฟุบ....
    ไคโน้มตัวลงนอนกับพื้น หน้าสู้ฟ้า แต่เค้าก็เอามือมาบังตาไว้ เพราะแสงที่ส่องลงมามันจ้าจนแสบตา ไปๆมาๆ เค้าก็เพิ่งรู้สึกได้ ว่าทิวทัศน์ที่เค้าเห็นตอนนี้ มันก็ดูสวยงามจนเค้าเกิดรู้สึกหลงใหลขึ้นมาซะแล้วสิ
    ปิ๊ปๆ ปิ๊ปๆ ....
    เสียงมือถือรุ่นเก่าๆของเค้า (จำไม่ได้เหมือนกันว่ารุ่นอะไร) ดังขึ้นเพื่อบอกเจ้าของว่ามีข้อความเข้ามา และถ้ามันไม่ใช่จากพวกศูนย์บริการรึอะไรพวกนั้น ก็คงเป็นข้อความมาจากกานแน่ๆ เพราะมันเป็นคนเดียวที่ชอบส่งข้อความ มากกว่าโทรหา
    ติ๊ด...
    ไคกดอ่านข้อความที่เข้ามาด้วยตาหลี่ๆใกล้จะหลับของเขาเพราะบรรยากาศมันเป็นใจให้ ก่อนที่จะส่งสายตาไปเห็นข้อความประโยคหนึ่งเข้า
    *เฮ้ย ไค เราขอชีสเลขจากกระเป๋านายไปลอกก่อนนะ* แค่ข้อความนั้นเท่านั้น ไคถึงกับสะดุงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะนึกขึ้นได้ว่าเค้าเองก็ยังทำไม่เสร็จเหมือนกัน (ย้ำว่าทำไม่เสร็จนะ ไม่ใช่ไม่ทำ) แต่เค้าดันหน้ามืดซะก่อน ก้อเล่นลุกขึ้นมาพรวดพราดขนาดนั้น หลังจากที่พอปรับตัวได้ ก็รีบเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดออก แต่ว่า...
    "ว้าย!" อย่าเพิ่งนึกว่าไคมันเป็นเกย์น่ะ เพราะคนที่ร้องออกมาเป็นคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตู และแน่นอนว่าเป็นผู้หญิงชัวร์ๆ
    "โทษทีๆ เมย์ เป็นอะไรรึเปล่า" ไครีบยื่นมือให้เพื่อจะพยุงตัวสาวน้อยที่ล้มอยู่ตรงหน้าขึ้นมา ซึ่งระหว่างนั้น เค้าก็เพิ่งสังเกตดีๆว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เมย์ อ้าวเผลอทักว่าเป็นเมย์ไปแล้วซะงั้น
    "อ่ะ ไม่เป็นไรคะ พี่ไกร" เธอลุกขึ้นมาขณะเดียวกับที่ผมของเธอที่ปิดหน้าเธอในตอนแรกที่ล้มลงไปก็เผยให้เห็นหน้าเธอ ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นรุ่นน้อง เพราะเมื่อกี้เธอเรียกไคว่า "พี่ไกร"
    "งั้นขอโทษด้วยนะครับ พอดีพี่รีบน่ะ" ไครีบขอโทษอย่างสุภาพ และเป็นธรรมชาติ อาจเป็นเพราะเค้าถูกฝึกมาให้มีมารยาทแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆมั่ง ไม่เหมือนใครบางคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทเลย
    (กาน : ฮัดเช้ย!!! ใครนินทาฟะ)
    "พี่ไกรค่ะ ช่วยรับนี่ไว้ด้วยค่ะ" สาวน้อยยื่นถุงห่อเล็กๆใส่มือไคก่อนที่จะรีบวิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาไคงงๆทำอะไรไม่ถูกอยู่สักพัก แม้เค้าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งก็เถอะ แต่เล่นจู่โจมสายฟ้าแลบแบบนี้ก็อึ้งๆอยู่เหมือนกัน

    ครืดดดด
    เสียงเปิดประตูของห้องเรียนประจำ ประกอบกับเสียงเครื่องถ่ายเอกสารฉบับมือปั่น มือหนึ่งปั่นสำเนาไป อีกมือหนึ่งกำหนดจุดให้มั่น สายตาก็ค่อยๆกวาดไปเหมือนกับแถบไฟที่เลื่อนไปมาตอนถ่ายเอกสาร (เปรียบเทียบได้สุดยอด)
    ไคก็มาถึงห้องมาอย่างสวัสดิภาพ ก่อนที่เห็นเพื่อนตัวยุ่ง 2 คนกำลังนั่งลอกงานของเขาอย่างเมามันส์
    "อ้าว ไค กลับมาแล้วหรอ ชีสเลขนายทำไม่ครบเลยน่ะ รีบๆเอาไปทำซะ จะได้ลอกต่...อ........." กานรีบยื่นชีสของไคให้ ในขณะที่เค้าเองก็นั่งทำส่วนไคทำเสร็จแล้วต่อ แต่ไม่ทันไรก็...
    "นี่นาย หัดทำเองบ้างสิเฟ้ย" ไคหมดความอดทนแล้ว เลยซัดหมัดใส่หัวกานสักลูกให้หายแค้น ส่วนนนท์ก็ขอเลี่ยงออกมาอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้โดนลูกหลง
    "ง่า ไค มันเจ็บนะ...." "หัดมีมารยาทในการยืมของๆคนอื่นซะบ้างสิ ไม่ใช่หยิบไปแล้วค่อยมาบอก อีกอย่าง นายก็เก่งเลขไม่ใช่หรอฟะ ทำไมไม่ทำเอง" ไครีบไล่ต้อนกานให้จนมุม เพราะเห็นได้ชัดเลยว่ากานมันจะหาข้อแก้ตัวอยู่
    "เออ คือ....." "แล้วก็ไม่ต้องพูดเลยนะ ว่าเมื่อวานดูการ์ตูนหรือเล่นเกมส์ เพราะชั้นฟังนายจนเอียนแล้ว" จี้จุดอ่อนของกานเข้าอย่างจังพอดีอีก เค้ากำลังจะใช้ข้อแก้ตัวนั้นอยู่พอดี สุดท้ายก็จนตรอกซะได้
    "เอ้าๆ ยอมก็ได้ ข้อที่เหลือเดี๋ยวเราทำเองก็แล้วกัน" รอบนี้กานขอยอมแต่โดยดี ดูท่าไคมันจะรู้ไต๋กานหมดแล้วนะเนี่ย จะไม่ให้ไม่รู้ได้ไง ในเมื่อกานมันเปิดเผยเองซะขนาดนั้น ความจริงไคมันก็อยากจะตบมือกับนนท์เพื่อเป็นการประกาศชัยชนะแต่ว่ามันก็ทำไม่ได้ เพราะนนท์เองก็จำเลยในคดีนี้เหมือนกัน
    "เฮ้อ~~~ นายนี่จริงๆเลย" ไคถอนหายใจอย่างหน่ายๆ กับเพื่อน 'ตัว' นี้จริงๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงบนที่นั่งของเค้าเอง แล้วก็วางถุงห่ออะไรบางอย่างที่เพิ่งได้มาไว้กลางโต๊ะ พลางคิดในใจว่าจะเปิดดูตอนนี้เลยดีมั้ย
    "เฮ้ย ไค นี่นายได้ของขวัญอะไรมาอีกแล้วหรอ เดือนนี้นายได้ของจากผู้หญิงมาตั้ง 5 ครั้งแล้วนะ วันก่อนก็เพิ่งได้มาแมบๆ" นนท์ที่หลบอยู่นาน เข้ามาแซวไคก่อนคนแรก อันที่จริงนนท์มันอิจฉาต่างหากที่ไคมันเนื้อหอมยิ่งกว่าอะไรดี
    "นายนี่ยังอุตสาหจำไว้ด้วยหรอว่าเดือนนี้ชั้นได้ของขวัญมากี่ชิ้นแล้ว" ไคอดอึ้งไม่ได้ที่นนท์อุตสาหจำไว้ให้ ทั้งๆที่เค้าไม่ได้จำไว้เลยด้วยซ้ำ นี่แหละน้า คนมันเนื้อหอม ได้รับของขวัญจากสาวๆมาเยอะ ก็เหลือจำไม่ได้ ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่นานปีมีหนจะได้ ว่าแล้วก็เผลอมามองที่กานที่นั่งทำงานอยู่โดยไม่ทันได้สนใจบทสนทนาของทั้งคู่ มันจะมีผู้หญิงหน้าไหนบ้างว้า ที่จะไปหลงชอบกานมันเข้า เหอะๆ แค่คิดก็นะ....
    "น่าๆ อย่าไปสนใจนักเลย รีบเปิดดูดีกว่า ว่าข้างในเป็นอะไร" นนท์ก็รบเร้าจัง ดูท่าจะไม่เปิดไม่ได้แล้ว ไคก็คลายปมเชือกที่มัดห่อไว้ก่อนที่จะอ้าปากห่อออกอย่างช้าๆ เพราะตั้งใจจะกวนนนท์เล่น ก็มันอยากเร่งนัก ก็กวนมันเล่นสักหน่อย
    "หื้อ!!" พอเปิดออกมา ทั้งคู่ก็ตะลึงกับสิ่งที่ได้มา มันเป็นขวดเล็กๆที่ข้างในบรรจุด้วยเม็ดทราย ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเม็ดอะไรสักอย่างที่เล็กเท่ากับเม็ดทราย เพราะมันมีสีแตกต่างไปหมด จนเหมือนขวดนี้เป็นสายรุ่ง แสงที่ประกายแวววับภายในขวด เพราะแสงอาทิตย์ส่องลงมาสะท้อนเม็ดเล็กที่อยู่ข้างใน สีสันที่บรรจุอยู่ในข้างเหมือนกับถูกจัดวางให้ผสมปนมั่วไปหมด แต่กลับเรียงตัวกันได้สวยงามจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งคู่จ้องมองมันอยู่นาน เพราะตะลึงกับความสวยงามของมัน
    "เอ๋ นี่ของไคหรอ สวยดีนี่นา" เมย์ที่เพิ่งมาถึง เข้ามาหาเพราะเห็นทั้งคู่กำลังดูอะไรบ้างอย่างอยู่
    "อ้าว เมย์ วันนี้มาสายจังนะ" นนท์หันมาทักทาย ก่อนที่จะหันกลับมาดูเจ้าขวดนี้ต่อ เพราะยังสงสัยอยู่ว่าข้างในนี้มีอะไรอีกรึเปล่า
    "อืม เพิ่งมาเนี่ย ว่าแต่พวกนายทำเลขกันเสร็จรึยัง"
    .
    ..
    ...
    ความเงียบเข้ามาบรรจบเอาในตอนท้าย ทั้งคู่เองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังทำเลขกันไม่เสร็จเลยนี่นา
    "อย่าบอกนะ ว่าพวกนายเองก็ยังทำไม่เสร็จ" เมย์ที่พอรู้คำตอบแล้ว เพราะความเงียบมันตอบให้เรียบร้อยแล้ว ก็มองมาที่ทั้งคู่พลางเผื่อถามย้ำอีกทีว่าเป็นความจริงรึเปล่า
    "เออ...คือ..." "เสร็จแล้ว!!!" เสียงที่อยู่นอกวงอยู่นาน รู้สึกว่าก่อนหน้านั้นมันจะตะโกนคำว่า'เสร็จแล้ว' เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย แต่ไม่ทันได้ฟัง ไม่ใช่ใครอื่น กานไง อัศวินขี่ม้าขาวที่ช่วยชีวิตทุกคนในตอนท้าย (เวอร์ๆ)
    "อ้าว กาน ทำเสร็จแล้วหรอ ขอลอกหน่อยสิ" เมย์รีบหันไปหาที่พึ่งสุดท้ายก่อนใคร ปล่อยให้สองหนุ่มกำลังงงๆกันอยู่ว่า ทำไมกานมันทำเสร็จไวจัง ทั้งๆที่ข้อที่ไคทำค้างไว้อยู่นี่ก็ประมาณ 4-5 ข้อ ที่ล้วนเป็นข้อยากๆทั้งนั้นเลย ก็นะ ไอ้กานมันเก่งเลขชนิดที่ว่าเหมือนมีคอมอยู่ในสมองของมัน นี่ถ้าไม่ติดที่ว่ามันเป็นโอตาคุซะก่อนนี่ ท่าทางจะพอไปแข่งโอลิมปิกวิชาคณิตศาสตร์ได้เลยนะเนี่ย
    "แล้ว... นั้นคืออะไรหรอ" คราวนี้กานหันมาถามถึงขวดเจ้าปัญหาของไคมั่ง เค้ามองอยู่แวบนึงก่อนที่ตาจะเป็นประกาย เหมือนค้นพบอะไรบ้างอย่าง
    "เฮ้ยๆ นั้นนายหยิบไปทำอะไรน่ะ" ไม่ทันไร กานก็รีบตะแขงขวดเพื่อตรวจให้แน่ชัดว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ซึ่งก็พบว่ามีเศษกระดาษเล็กๆอยู่ข้างใน
    "โห่ จดหมายรักในขวดสีรุ่งซะด้วย เข้าใจคิดดีแหะ นึกว่าของพวกนี้จะมีแต่ในอนิเมะซะอีก"
    "เฮ้ยๆ กานรีบบอกดูเลยดีกว่า ว่ามันเขียนว่าอะไร" ไอ้นนท์ก็รบเร้าจัง ทั้งๆที่น่าๆจะรู้กันอยู่
    "ชั้นว่าก็ไม่พ้นคำว่า ชั้นชอบไกร (ไค) อยู่แล้วแหละ ไม่ก็อะไรประมาณนั้น" เมย์ก็ลอกงานไป วิเคราะห์ให้เจ้าตัวชอบสอดรู้สอดเห็นได้ฟัง
    "นั้นสิน่ะ เฮ้อ กับคนที่เนื้อหอมอยู่แล้วนี่ มันไม่ค่อยน่าตื่นเต้นซักเท่าไหร่เลย อย่างว่าแหละ ไคมันชอบไปโปรยเสน่ห์ไปทั่ว" กานคิดได้ตาม ก็โยนขวดสีรุ่งให้ไคไป ปล่อยให้นนท์มันเคืองๆเพราะว่ามันอิจฉาไคก็ตายอยู่แล้ว
    "ว่าใครหา! ชั้นไม่ได้ไปโปรยเสน่ห์ที่ไหนสักหน่อย" ไครีบแก้ตัวทันที เพราะความจริงเค้าไม่ได้ไปจีบใครที่ไหนเลย (มั่ง)
    "ถึงนายพูดอย่างนั้น หลักฐานมันก็เห็นๆกันอยู่" นนท์ส่งสายตาเคืองๆมาที่ไค เพราะตัวเองไม่เคยได้อะไรแบบนี้บ้างเลย จะมีแต่ไปให้คนอื่น ไม่เคยเลยที่จะมีผู้หญิงมาเข้าหา
    "นั้นสินะ" กานเดินกลับไปที่โต๊ะอย่างเซ็ง เพราะวันนี้ก็ไม่ต่างกับวันธรรมดาๆของเค้า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย
    "อุ๊บ!!" อยู่ๆกานก็ทรุดตัวลงโดยที่แขนพาดไว้ที่โต๊ะได้ทันพอดี
    "เฮ้ยๆ กาน เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ" นนท์รีบถามก่อนเลย พลางคิดว่า ขออย่าให้มันปล่อยมุกอะไรมาเล้ย
    "ไหวมั้ยเนี่ย กาน" เมย์รีบถมซ้ำทันที เพื่อดักคอกานไว้ก่อน
    "อ๋อๆ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร แค่นึกถึงอนิเมะที่ดูเมื่อวานแล้วมันก็อดขำไม่อยู่" กานหันมาพร้อมกับน้ำตาคลอและรอยยิ้มที่มุมปาก สักพักก็ปล่อยก๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
    "เหอะๆ แล้วพอจะเล่าให้ฟังได้ปะ เห็นแบบนี้ แล้วมันคาใจแหะ"
    "แน่ใจน่ะ นนท์ นี่ถือว่าเป็นการสปอยน่ะ" กานรีบบอกก่อนทันที เพราะนี้ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับโอตาคุที่ดีสำหรับกาน (ดีตรงไหนฟะ ก็เดี๋ยวจะบอกอยู่แล้วเนี่ย)
    "เออน่า เล่ามาเหอะ ชั้นเองก็อยากฟัง" เมย์ที่เพิ่งลอกเสร็จงาน (ไวชิบ) ก็ส่งชีสให้ไคต่อ แล้วหันมาฟังกานอย่างตั้งอกตั้งใจ
    "ก็นะ..."
    ...
    ..
    .

    *********************************** คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้ จะมีการสปอยอนิเมะเรื่อง Clann*d ตอนที่ 15 หากผู้ใดไม่ต้องการที่จะอ่าน สามารถข้ามไปถึงบรรทัดที่มีแนวดอกจันได้ทันที ************
    ...
    ...
    ...
    ...

    "ก็นะ เรื่องนี้ พระเอกมันชอบเล่นบาสมาก แต่มีอุบัติเหตุบาดเจ็บที่แขน ทำให้ยกแขนสูงกว่าไหล่ไม่ได้ ทีนี้ เพื่อนพระเอกมันอยากโชว์ออฟให้นางเอกเห็น ก็เลยชวนพระเอกมาเล่นบาสแข่งในโรงเรียนด้วยกันน่ะ"
    "อือๆ" ทั้งนนท์และเมย์ฟังอย่างใจจดใจจ่อ เพราะอยากรู้ว่ามันน่าขำตรงไหนกันแน่ ถึงขนาดทำให้กานขำจนทรุดตัวได้ขนาดนี้
    "แล้วที่นี้ พระเอกมันไม่อยากเล่นอยู่แล้ว ก็พยายามเลี่ยงๆ แล้วเพื่อนพระเอกมันก็ตื้อสุดๆ ตามติดไปทุกที่ ขนาดตอนพักกลางวันมันยังเอาลูกบาสวางไว้บนถาดอาหารเข้ามาชวนพระเอกเลย แล้วก็นะ พอตอนเลิกเรียนน่ะ..." กานทิ้งช่วงให้ได้หายใจก่อนแปปนึง
    "เพื่อนพระเอกมันก็มาชวนอีก พระเอกก็เลยรีบหนีออกมา แล้วดันเจอกับนางเอกพอดี ก็เลยลากนางเอกหนีไปด้วย..." รู้สึกถึงตรงนี้แล้ว กานจงใจเว้นช่วงเองน่ะ
    "แล้วพอหนีพ้นแล้ว พระเอกก็บอกความจริงกับนางเอกไปว่า เพื่อนพระเอกคนเนี่ย มันเป็นเกย์"
    "หา!!" ทั้งคู่งุนงงกับประโยคสุดท้ายของที่กานเล่า แต่ก็นั่งฟังต่อดู "แล้วก็บอกต่อว่าที่จริงมันใช้ข้ออ้างเล่นบาสด้วยกัน เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับพระเอกมัน"
    "แล้วทีนี้ มันก็ good timing พอดี เพื่อนพระเอกมันก็ตามหาเจอพอดีน่ะ" พอกานเล่าถึงตรงนี้ เมย์ก็เริ่มเห็นภาพถัดไปลางๆแล้ว มันพอจะรู้แล้วล่ะ ว่ามันเป็นยังไงต่อ ส่วนนนท์ก็กำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ก็ยังคาดเดาไม่ออก
    "ก็น่ะ นางเอกก็พยายามปกป้องพระเอกเต็มที่ เพราะคิดว่าเพื่อนพระเอกจะแย่งพระเอกไป ส่วนเพื่อนพระเอกเซ้าซี้จะให้ได้ บทสนทนาตอนแรกมันอาจแปลกๆ แต่มันก็ยังอุตสาห์เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดีเลย สุดท้ายนางเอกก็เลยบอกไปว่า 'ชั้นเป็นแฟนกับพระเอกน่ะ' อะไรประมาณเนี่ย" นั้นแหละเมย์ก็พึมพำที่มุมปากทันที ราวกับบอกว่า "กะแล้ว"
    "แล้วเพื่อนพระเอก ก็ซ็อกสุดๆ เพราะมันแอบหลงรักนางเอกอยู่ไง มันก็วิ่งหนีไปเลย" หลังจากที่กานสิ้นสุดการสปอยของมันเสร็จ เมย์เป็นคนแรกที่แอบขำๆนิดๆ แต่ก็ไม่แสดงออกมา ส่วนนนท์นิ่งค้างอยู่สองสามวิ เพื่อจัดเรียงข้อมูลก่อนสักพัก ก่อนที่จะปล่อยก๊ากออกมาให้เห็น ส่วนกานที่พอคิดถึงฉากแต่ละฉากที่มันเล่า มันก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เอามือกุมท้องเพราะตอนนี้มันขำจนท้องแข็งแล้ว
    "เฮ้ยๆ พวกนายนี่ อยู่กับเงียบๆหน่อยไม่ได้รึไงกันน่ะ" ไคที่อยู่นอกวง รีบบอกก่อนที่คนอื่นๆ จะหันมามองกันหมด คงจะซุบซิบกันอยู่สินะ ว่าสามคนนี่มันขำอะไรกันนักหนา บ้ารึเปล่า

    ...
    ...
    ...
    ...

    **********************************************************************************************************************************************************************************************

    .
    ..
    ...
    "♪♫ ดังโงะ ♪♫ ดังโงะ ♪♫ ดังโงะ ..." หลังที่กำลังเซ็งๆ กานก็เปิดเพลงในมือถือไป ร้องตามไป พร้อมกับส่ายหัวเป็นจังหวะๆ ดูเหมือนพวกไม่ปกติ (ก็ไม่ปกติอยู่แล้วนิ)
    "อะไรของนายอีกล่ะ" ไคมองกานอยู่ห่างๆ รู้สึกสยองกับสิ่งที่กานทำอยู่ตอนนี้ยังไงก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะที่ส่ายหัวไปมา มันเหมาะกับเด็ก ไม่ก็พวกตัวการ์ตูนมากกว่า กับเด็กโขงอย่างกานแบบนี้ มันไม่เข้ากันอย่างรุนแรง
    "ก็เพลง  Dango Daikazoku ครอบครัวดังโงะสุขสันต์ ของเรื่อง Clann*d ที่เราเพิ่งสปอยให้นนท์กับเมย์ฟังไง" กานบอกไปพร้อมกับกำลังเคลิ้มๆกับเพลง
    "แล้วทำไมนายต้องส่ายหัวด้วยฟะ" นนท์ถามบ้าง เพราะมันไม่เข้ากันจริงๆแหละ จริงๆนนท์อยากจะพูดว่า พอเถอะ มันน่าอายจะตาย
    "ก็เพลงมันจังหวะเข้าพอดีอ่ะ แถมเพราะด้วย"
    "ก็จริงน่ะ ชั้นว่าเพลงก็เพราะดี เหมือนเพลงกล่อมเด็กยังไงก็ไม่รู้" เมย์เห็นด้วยกับกาน เพราะเป็นคนเดียวที่สนใจแต่เพลงไม่ทันได้สนใจท่าทางของกานที่มันกำลังทำอยู่ซักเท่าไหร่
    "รู้สึกว่าเคยอ่านที่ไหนก็ไม่รู้ จำไม่ได้ เห็นว่าเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมเด็กเก่าๆมาก่อน แล้วเอามาร้องใหม่เป็นเพลงปิดของเรื่องนี้ เอาไว้เราเอาเรื่องนี้มาให้ดู แล้วจะเห็นว่าเค้าทำภาพประกอบเพลงได้เข้ากันจริงๆ" กานร่ายยาวพร้อมกับอดใจไม่ไหวที่จะเอาภาพประกอบเพลงนี้มาให้เพื่อนๆทั้งสามได้ดู
    "เออ จะว่าไป โคนั* มูวี่ 11 ที่ร้านฝั่งตรงข้ามโรงเรียนออกมาแล้วนิ ยังไม่เห็นนายไปซื้อเลย" เมย์เพิ่งนึกขึ้นได้ก็เลยถาม
    "อ๋อ นั้นหรอ มันเป็น VCD เราไม่ชอบซื้อ รอDVDออกมาแล้วค่อยซื้อดีกว่า"
    "แล้วทำไมนายต้องซื้อเป็น DVD ด้วยล่ะ มันต่างกันตรงไหนหรอ"
    "ถามได้น่ะ นนท์ ก็เพราะว่า VCD มันเป็นพากย์ไทยน่ะสิ เราเลยไม่ชอบซื้อ"
    "หา!" นนท์อึ้งๆกับที่กานพูดออกมา เพราะยังไม่เข้าใจความหมาย
    "ก็พากย์ไทย์ มันไม่ได้อารมณ์ แถมเสียงพากย์ของแต่ละคนหลายครั้งก็ไม่เข้า ฟังพากย์ญี่ปุ่นนี่สิ ถึงจะได้ใจ แถมได้อารมณ์กว่าด้วย เสียงพากย์ก็เข้ากับตัวละคร แถมยังได้ความรู้สึกที่ยังเป็นของดั้งเดิมอยู่ด้วย"
    "เออๆ พอเข้าใจอยู่หรอกน่ะ ว่ามันยังไง แต่นายนี่ มันบ้าได้ใจจริงๆเลย" ไคที่ฟังอยู่ก็อยากจะชื่นชมความเป็นเอกลักษณ์ของตัวกานหรอกนะที่เป็นพวกชอบเข้าถึงลายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ แต่ว่ามันก็ชื่นชมไม่ออก เพราะสุดท้ายมันก็วนกลับมาที่เรื่องของการ์ตูนอยู่ดี
    "ไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมีของแถมอื่นๆอีก ซึ่งก็แล้วแต่โชคว่า T*GA จะใส่อะไรเป็นของแถมบ้าง แต่ส่วนใหญ่มันให้อะไรมา เราก็ชอบเก็บไว้หมด ไว้เป็น Collection แม้จะไม่ดีเท่ากับของแถมของญี่ปุ่นเลยก็เถอะ" กานยกนิ้วชี้ขึ้นมาเหมือนเป็นการบอกก่อนว่ายังมีอย่างอื่นอีก แล้วก็ร่ายยาวต่อ
    "แต่ว่าน่ะ หลังๆนี้ T*GA ก็ชอบทำให้เราเสียอารมณ์อยู่พอควร" รู้สึกว่ากานมันเริ่มเหนื่อยแล้ว จะไม่เหนื่อยได้ไง ก็เล่นใส่อารมณ์ไปพร้อมกับพูดไป แถมด้วยท่าทางเป็นบางช่วง ก็สมควรอยู่หรอก
    "..." ทั้งสามคนเงียบราวกับจงใจให้เงียบยังไงอย่างนั้น
    "ไม่ถามสักหน่อยหรอ ว่ามันยังไง" กานรีบชิงถามก่อน เพราะเห็นเงียบไปซึ่งก็รู้ว่าทั้งสามพยายามไม่ถามไปมากกว่านี้ เพราะขืนถามต่อ ก็ยาวสิครับ รู้ๆอยู่ ว่าถ้าคุยกับกานเรื่องพวกนี้ ต้องเตรียมพร้อมเรื่องเวลาให้ดีเสียก่อน แต่ว่าตอนนี้มันจะได้เวลาเข้าแถวตอนเช้าแล้ว ไม่รีบไป เดี๋ยวได้โดนอาจารย์ฝ่ายปกครองมากวนไล่อีก
    "ชั้นว่า รีบลงไปเข้าแถวก่อนดีกว่าน่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย" นนท์รีบบอกก่อน เพราะเค้ามีประวัติกับอาจารย์คนนี้มามากที่สุดในกลุ่ม แม้จะไม่กี่ครั้งก็เถอะน่ะ
    "งั้นชั้นลงไปก่อนน่ะ พอดีต้องไปคุมน้องที่เชิญธงด้วย" ส่วนไคก็มีภารกิจสำคัญประจำวันดึงตัวตลอดทุกเช้า เนื่องจากบุคคลที่ทำการเชิญธงก็คือชุมนุมสารวัตรนักเรียนที่ขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัย และความอึดยิ่งกว่าร.ด. ซึ่งไคก็อยู่ในชุนนุมนี้ด้วย อีกทั้งเป็นหัวหน้าหน่วยปรามปราบพิเศษที่ได้รับอนุญาตให้กำลังในการหยุดเหตุการณ์รุนแรงได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ภาพลักษณ์ของไคในสายตาน้องๆเป็นเหมือนประธานชุนนุม ก็เลยต้องไปคุมทุกเช้า ตามคำขอร้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ (ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของประธานชุมนุมแท้ๆ)

    หลังเข้าแถว...
    "หนังสือพิมพ์คร้าบ~ หนังสือพิมพ์~" เสียงร้องของเด็กหนุ่มม.ต้นคนนึงร้องดังมาแต่ไกล หลังจากที่เข้าแถวกันเสร็จ เค้ายื่นอยู่ตรงหน้าบันไดอาคารข้างๆกับกองหนังสือพิมพ์กองหนึ่งที่ถูกแบ่งส่วนมาไว้ที่มือเค้า เผื่อที่จะขายให้กับนักเรียนด้วยกันนั้นเอง
    "ขอเล่มนึง" เมย์ตะโกนบอกก่อนที่จะยื่นเงินให้แล้วก็ได้รับหนังสือพิมพ์มาฉบับหนึ่ง หลายๆคนคงสงสัยใช่ม้า ว่าหนังสือพิมพ์อะไร ก็เป็นหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนที่เขียนโดยนักเรียนเอง ซึ่งก็มีสาระและไม่มีสาระบ้างล่ะ หลายครั้งถูกอาจารย์สั่งห้าม แต่ก็เพราะมันได้เงินเยอะนี่น่ะ ก็เลยมีบรรณาการให้กับโรงเรียนส่วนหนึ่งไป จะถามว่าใครเป็นคนริเริ่ม ก็เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่านี่แหละ ที่เป็นคนเริ่มเขียนเอง พิมพ์เอง ขายเอง จนพัฒนากลายเป็นแบบนี้ ก็น่ะสำหรับของพวกนี้ ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะสนใจเป็นพิเศษ ทำไมหรอ ก็มันแอบมีสกู๊ปเกี่ยวกับรักๆใคร่ๆอยู่ด้วยนิ ประมาณว่าใครคบกับใครอยู่ (มันจะก้าวก่ายเกินไปรึเปล่าเนี่ย) หัวข้อหนุ่มที่น่ากอดที่สุด หนุ่มฮอต อะไรประมาณเนี่ย ก็โรงเรียนสหฯนิ จะไม่ให้มีเรื่องพวกนี้ก็แปลกอยู่แล้ว
    "มาทายกันดีกว่าว่าปีนี้จะเหมือนเดิมมั้ย" เมย์บอกให้กับสองหนุ่มที่มักจะมีหัวข้อเดียวที่น่าลุ้นที่สุด เพราะเป็นเรื่องของคนในกลุ่มเอง เพียงแต่สำหรับนนท์กลับหวังเป็นอย่างอื่นมากกว่า ให้ทายสิ ว่าเป็นสกู๊ปเกี่ยวกับอะไร

    "โอ้ ออกมาแล้วหรอเนี่ย ขออ่านด้วยสิ" ไคที่เดินตามมาทีหลัง เห็นพอดีว่าเพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มซื้อหนังสือพิมพ์มา ก็เลยอยากอ่านเพื่อติดตามเรื่องกิจกรรมต่างๆในโรงเรียน
    "ไค ปีนี้ก็อีกแล้วนะ" กานกับเมย์แอบยิ้มอย่างมีลับลมคมนัย ส่งสายตามาที่ไค ราวกับเป็นรหัสที่รู้ๆกันเฉพาะกลุ่มยังไงก็ไม่รู้
    "อีกแล้วหรอ" ไคไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูของตัวเอง เลยถามทวนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ทุกคนคงสงสัยแล้วสิว่าสรุปมันเรื่องอะไรกันแน่ งั้นขอเฉลยเลยล่ะกัน
    "เอ้า! ดู ปีนี้แค่เดือนแรก นายก็ถูกขึ้นเป็นหนุ่มฮอตที่สุดในโรงเรียนแล้วน่ะ" เมย์ยื่นให้ไคเห็นชัดๆไปเลย จะได้ไม่ต้องถามซ้ำอีก
    "เฮ้ย!!!" ไคยังอึ้งกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันเป็นรูปของเค้าขึ้นอยู่หน้าหนังสือพิมพ์อยู่เต็มๆ "ก็ว่าอยู่ ว่าพวกนั้นถามรูปชั้นไปทำไม ที่แท้...." ไคอดนึกแค้นไม่ได้ ที่ไปเสียรู้ให้กับพวกรุ่นน้องที่มันขอถ่ายรูปไคไว้ (พูดเหมือนถูกล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายเลยแหะ)
    "ไค..." นนท์เอามือทั้งสองข้างตบที่ไหล่ของไค ทำเอาน่าสงสัยว่านนท์มันจะมาดีหรือร้ายกันแน่
    "บอกหน่อยสิ ว่านายไปโปรยเสน่ห์ของนายยังไง ถึงได้เป็นนี้ หา!!" น้ำเสียงช่วงแรกๆก็ดีอยู่หรอก แต่มาช่วงท้ายทีนี้คงจะใส่ความรู้สึกหมั่นไส้กับความรู้สึกแค้นเคืองที่ไคมันเนื้อหอมกว่าเข้าครอบงำ
    "แล้วชั้นจะรู้มั้ยฟะ อยู่ๆก็เป็นแบบนี้เอง ชั้นไม่ได้ไปทำอะไรสักหน่อย" ไคปฏิเสธเสียงแข็งทำเอานนท์รู้สึกอยากฆ่าขึ้นมา เพราะเค้นถามทีไร ก็ตอบมาแบบนี้ทุกที "บอกมา!!!!!" แต่นนท์ยังไม่ละทิ้งความพยายาม
    "เราว่าก็ไม่แปลกหรอก ไอ้ไคมันไปช่วยงานไหนต่อไหน ก็มีคนรู้จักไปทั่ว เก่งก็เก่ง หน้าตาก็ดี กิจกรรมก็เด่น กีฬาก็ใช้ได้ จะไม่ให้มันเนื้อหอมได้ไง" กานนั่งบ่นอุบอิบอยู่ห่างๆ ไม่ใช่ว่าอิจฉาหรอกนะ เพราะเค้าไม่อยากเป็นแบบไคอยู่แล้ว (วุ่นวายตายชัก) แต่รำคาญนนท์ที่มันแทบจะคลั่งทุกครั้งที่แพ้ไคเรื่องนี้ ก็นะ เฮ้อ~ มีเพื่อนแบบนี้ก็น่าเหนื่อยใจอยู่แหละ
    "เอาล่ะ ทีนี้มาดูของฝั่งผู้หญิงมั่งดีกว่า" เมย์รีบพลิกไปหน้าถัดไปที่เป็นรายชื่อของสาวๆที่เป็นที่นิยมในโรงเรียนตามลำดับ คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่า คุณเธอเค้าหวังอะไรอยู่
    "ให้ตายยังไงเธอก็สู้ยัยหลิน ประธานนักเรียนไม่ได้หรอก มันห่างไกลเกินไป" นนท์รีบทับถมทันที เพราะยังไงมันก็รู้ๆกันอยู่ ซึ่งจริงๆแล้วเมย์ไม่ได้หวังเป็นที่นิยมอันดับ 1 หรอก แต่หวังอย่างน้อยไว้ว่าน่าจะติด 1 ใน 10 อันดับแรกเท่านั้นเอง
    "หา! ประธานนักเรียนรุ่นนี้ เป็นผู้หญิงหรอ?" กานที่จะเรียกว่าเจ้าแห่งการตกข่าวทั่วไป (ก็ดันตามแต่ข่าวอนิเมะนี่เนอะ) ก็ถามขึ้นมาทันที ด้วยความซื่อบื่อส่วนตัวหรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่ก็น่าจะโดนดัดนิสัยใหม่สักที เผื่อจะดีขึ้น
    "นายนี่ ไม่เคยตามข่าวเลยรึไง เลือกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว นายยังไม่รู้อีกหรอ" เนื่องจากว่าโรงเรียนนี้ มีระบบให้เลือกประธานนักเรียนตั้งแต่ม.5 เพื่อที่จะได้ทำงานได้เต็มที่ในช่วงเทอมแรกของม.6 แล้วพอเทอมถัดมาก็เลือกตั้งรุ่นถัดไปมาทำงาน จะได้ไม่ติดขัดหรือขาดตอนการทำงาน ก็เลยคิดว่าอย่างกานน่าจะรู้แล้วซะอีก
    "อ้าว เราก็นึกว่านายได้เป็นประธานนักเรียนซะอีกนะ ไค ก็เห็นว่าน่าจะได้เป็นนิ"
    "ก็ทำไงได้ล่ะ ชั้นไม่อยากเป็นนิ ถึงแม้จะมีคนเชียร์เยอะก็เถอะ"
    "ก็เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ตอนที่นับคะแนนถึงได้มีคนไม่ออกเสียงตั้งเยอะจนเกือบจะมากกว่าประธานนักเรียนซะอีก" เมย์เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่เลือกตั้งที่เธอก็พยายามเชียร์เพื่อนสาวของเธอแบบเอาเป็นเอาตาย ใจหายใจคว่ำเหมือนกันที่เห็นการนับคะแนนในวันนั้น
    "ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วน่า ตอนนี้รีบไปเรียนอังกฤษก่อนเถอะ เดี๋ยวโดนด่าอีก" ไครีบชวนเพื่อนไปเรียนหลังจากที่ตัวเค้าเตรียมหนังสือไปพร้อมหมดแล้ว แต่ทั้งสามคนยังไม่ทันได้เตรียมอะไรเลย ให้ตายสิ

    เข้าสู่คาบเรียน วิชาภาษาอังกฤษ

    "เออ เพิ่งสังเกตุนะ ว่าในหนังสืออังกฤษ Super Go*l มันมีบทหนึ่งที่ชื่อว่า Scho*l Day ที่เป็นชื่อของเกมส์ด้วย รู้สึกว่ามันออกเป็นอนิเมะแล้วนิ ใช่ปะกาน" นนท์นึกขึ้นมาได้ เพราะเค้าอยู่ในวงการเกมส์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าน่ะ เกมส์นี้มันเป็นเกมส์แนว'นั้น' ไม่ใช่หรอ แล้วนนท์ไปรู้จักได้ไงล่ะเนี่ย ช่างมันก่อนเถอะ เพราะตอนนี้บรรยากาศเปลี่ยนไปจากทุกทีที่ เพราะกานมันเงียบแปลกๆ ทั้งๆที่คุยเรื่องที่มันถนัดแท้ๆ    *ปล. ไม่บอกก็คงรู้ว่าเกมส์แนวไหนน่ะ แต่ถ้าไม่รู้ก็บอกใบ้ไว้นิดว่าเป็นเกมส์จีบสาว (ส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันในหมู่โอตาคุกันมากกว่า คนนอกจะไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไหร่ รึเปล่าหว่า) *แถมให้อีกว่ามักเป็นเกมส์จำกัดอายุนะครับ
    แปะ! ... กานเอามือสองข้างไปตบที่ไหล่ของนนท์ บรรยากาศที่แปลกๆทำให้ชวนคิดว่ามันจะออกแรงบีบไหล่เข้าใส่รึเปล่ายังไงอย่างนั้น
    "นนท์..." คราวนี้กานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ จนรู้สึกแปลกใจ "อะไรเหรอ..."
    "ถ้าเป็นเพื่อนกันจริง ขอร้องล่ะ อย่าเอ๋ยชื่อนี้ออกมาอีก"
    "อ้าว ก็เห็นเป็นเกมส์ดังด้วยไม่ใช่เหรอ เป็นเกมส์อนิเมะตลอดทั้งเกมส์นิ ทำไมนายถึงไม่ชอบล่ะ" นนท์ถามด้วยความแปลกใจ เพราะเกมส์แนวนี้ ปกติผู้ชายไม่ค่อยจะเกลียดสักเท่าไหร่นิ
    "ก็จะไม่ให้ชอบได้ไงฟะ ไอ้โตะฯ (ย่อมาจากชื่อพระเอก 'อิโ*ะ') มันเล่น *ปิ๊ป* กับผู้หญิงทุกคนในเรื่องหมดเลย แม้แต่เซ็ตสึ*ะจังก็โดนไปด้วย ทั้งๆที่แทบจะใช้กล้องจุลทรรศส่องหาความดีมันแทบไม่ได้สักนิดแบบนั้น แต่ก็ดันมีผู้หญิงมาชอบตั้งหลายคน คิดแล้วแค้นเ..ฟ้....." ตุบ!! "อ็อก!" พูดไม่ทันจบ ก็โดนหนังสือเล่มหนาๆทุบใส่ที่หัวอย่างไม่ปราณี จะเป็นใครได้อีกนอกจากโอโจซามะแห่งกลุ่ม เมย์นั้นเอง
    "นายนี่น่า พูดเรื่องน่าอายแบบนั้นไม่อายปากบ้างเลยรึไงกัน"
    "เหอะๆ โหดจัง" ไคที่อยู่นอกวงอยู่ก็อดนึกไม่ได้ว่า ในกลุ่มนี้มีเมย์คนเดียวนี่แหละที่ไคไม่กล้ายุ่งด้วย ก็โหดซะขนาดนั้นนี่ ใครจะกล้าหือ

        ยามพักเที่ยงที่มาถึงพร้อมๆกับเสียงระฆังที่ดังกังวานนั้นได้ดังขึ้นก่อนที่ร่างของนักเรียนชายสองคนจะเดินตรงออกจากห้องเรียนด้วยความรวดเร็วราวกับว่ากำลังรอสิ่งนี้อยู่นานแล้ว  กานต์กับนนท์นั้นเดินผ่านร่างของนักเรียนคนอื่นที่เดินสวนมาในยามช่วงปล่อยพักที่แสนวุ่นวายนี้  ไคนั้นต้องทำงานกิจกรรมอะไรซักอย่างเลยแว่บหายไปคนแรก  กับเมย์ที่ไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงของเธอก็เลยไม่อยู่อีกคนหนึ่ง  เหลือแต่พวกเขาสองคนต้องเดินไปกินข้าวตามประสาชายโสดที่ไม่น่ารื่นรมย์ใจเท่าไหร่  แต่นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ  บรรยากาศที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจแบบนี้นั้นไม่เคยทำให้เขาชอบเลยแม้แต่น้อย  นนท์นั้นเกาหัวอย่างหงุดหงิดขณะที่เดินอ้อมฝูงชนขนาดใหญ่มาลงบันไดข้างที่ไม่ค่อยจะมีคนแทน  แม้ว่าทางนั้นจะอ้อมกว่าแต่ถ้าแลกกับความสงบแล้วมันก็ถือว่าคุ้มอยู่  กานต์เองที่เดินตามเขามานั้นก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน
    "ให้ตาย......อาจารย์ปล่อยช้าเป็นบ้า" นนท์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด  วิชาสุดท้ายที่เขาเรียนก่อนจะพักเที่ยงนั้นคือวิชาเลขซึ่งอาจารย์ก็ไม่รู้ว่าไปฟิตมาจากไหนมาถึงแม้ว่าจะออดดังแล้วดังอีก  เขาก็ยังคงมุ่งหน้าสอนสู้ชีวิตทั้งๆที่เด็กทั้งห้องนั้นใจหลุดไปอยู่ที่โรงอาหารเรียบร้อยแล้ว
    "นั่นสิ  แต่ชั้นไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขอยู่แล้ว" กานต์พูดพร้อมๆกับรอยยิ้มที่ชวนน่าหมั่นไส้อยู่เหมือนกัน  ตัวกานต์นั้นค่อนข้างเก่งเลขซึ่งตรงจุดนี้นั้นมันช่างต่างจากตัวของเขาอย่างสิ้นเชิง  อะไรก็ตามที่มีตัวเลขและการคำนวนคือสิ่งที่เขาต้องการวิ่งหนีให้ห่างจากมันให้มากที่สุด
    "ก็นายเก่งนี่หว่า" นนท์พึมพัมออกมาขณะที่เดินเลี้ยวอ้อมระเบียงอีกทาง  ป่านนี้โรงอาหารคงจะเต็มหมดแล้ว  วิชาเลขนี่ชอบทำชีวิตเค้าแย่ทุกทีเลย
    "เอ๋  นั่นมันอะไรน่ะ" กานต์พูดขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาหาพวกเขาตามทางระเบียงที่เดินอยู่นี้  ถ้าพูดกันตรงๆแล้วนั้นเธอเป็นคนที่น่ารักมากคนหนึ่ง  เรือนผมสีดำที่ดูยาวสลวยของเธอนั้นปลิวไสวไปมาขณะที่เธอวิ่ง  รู้อยู่ว่าไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง.....แต่เธอดูเหมือนวิ่งตรงมาหาพวกเขาจริงๆ
    "หลีกทางหน่อยค่ะ  มีเรื่องด่วน" เด็กสาวคนนั้นรีบพูดขึ้นพร้อมๆกับแหวกพวกเขาเพื่อวิ่งต่อไป  จนทำเอาทั้งนนท์และกานต์แปลกใจ  ว่าแต่มีเรื่องอะไรเนี่ยถึงต้องรีบขนาดนี้  นนท์เหลียวหลังไปมองต่ออย่างสงสัยว่าเธอจะไปทางไหนกันแน่  แต่ยังไม่ทันไรสาวน้อยนั้นก็หยุดวิ่งก่อนที่จะหันหน้ามาหาพวกเขาราวกับเพิ่งนึกได้
    "คุณทั้งสองคนรีบมานี่ด่วนเลยค่ะ....." ยังไม่ทันจะได้ตอบรับอะไรจากคำถามของเด็กสาวตรงหน้านี้  เธอก็ใช้แขนทั้งสองข้างและกำลังที่มากเกินความคาดหมายกับร่างที่ผอมบางของเธอนั้นลากเขาทั้งสองคนไปตามทางระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว
    "นี่เธอคงไม่คิดจะเอาชั้นไปขายที่ชายแดนหรอกนะ" นนท์เอ่ยขึ้นขณะที่เขากำลังถูกเด็กสาวตรงหน้าลากไปอย่างมุ่งมั่น
    "คือ......เพื่อนชั้นถูกพวกคนไม่ดีไถเอาเงินน่ะค่ะ  เห็นพวกคุณท่าทางจะพอพึ่งพาได้ก็เลยอยากให้ไปช่วยหน่อยน่ะ"เด็กสาวคนนั้นพูดขึ้นขณะที่พาพวกเขาเลี้ยวหัวมุมตึกไปยังมุมอับแสงของตึกที่ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนเดินเท่าไหร่เพราะว่ามันมืดและเต็มไปด้วยพวกนักเรียนที่มาซ่องสุมกัน
    "ตะ.....ตรงนี้ล่ะค่ะ" เด็กสาวหยุดเดินขณะที่ห่างไปอีกหลายเมตรตรงมุมตึกนั้น  ผู้หญิงอีกคนหนึ่งกำลังถูกพวกนักเลงสี่ห้าคนกำลังข่มขู่เอาเงินอยู่  เด็กสาวคนนั้นยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวขณะที่เหล่าอันธพาลนั้นจ้องมองเธอด้วยความหื่นกระหายราวกับหมาป่าที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ
    "กานต์....." นนท์ที่พอเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้านั้นก็ร้องเรียกเพื่อนข้างตัวทันที
    "หา? อะไรหรอ" กานทำหน้างง อย่างไม่รู้ว่านนท์กำลังหมายถึงอะไร
    "รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำไง" นนท์ถามไป โดยรอคอยคำตอบจากกานที่ตัวเองคิดไว้ แต่กลับได้คำตอบที่ตรงกันข้าม
    "อ้อ ต้องไปบอกอาจารย์ให้มาช่วยใช่ปะ"
    "ใช่ซะทีไหนเล้า!" นนท์อยากจะเขกหัวกานสักที ให้มันรู้กาลเทศะบ้างว่ามันควรต้องทำอะไร อันที่จริงกานเป็นพวกเกลียดการมีเรื่องมากที่สุด แต่สำหรับนนท์ มันเกลียดพวกที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษต่อผู้หญิงที่สุด และก็ไม่ชอบด้วยที่เห็นผู้หญิงถูกขมขู่แบบนี้ น้องจ้า เธอเลือกคนช่วยถูกคนและผิดคนในคราวเดียวกันน่ะ
    "เออๆ รู้แล้วๆ" กานก็ต้องจำยอมไป เพราะมันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนิ

    "เฮ้ย! หยุดอยู่แค่ตรงนั้นแหละ" นนท์ตะโกนขึ้นขณะที่โผล่หน้าออกมายืนตระหง่านค้ำร่างของเหล่านักเลง  พอมายืนอยู่ตรงจุดนี้แล้วถึงได้เห็นอย่างชัดๆว่าพวกมันมีกันทั้งหมด 5 คนเท่านั้น  ฝ่ายเรามีสองนี่รู้สึกว่าจะเสียเปรียบอยู่  แต่มาถึงขั้นนี้แล้วคงจะถอยไม่ได้แล้วล่ะนะ
    "เฮ้ย  มีพวกพระเอกมาแน่ะ  จะขอเวลาเก๊กเท่อีกซักหน่อยไหมล่ะ" นักเลงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆขณะที่เหล่าพรรคพวกของมันละสายตาจากเหยื่อหันหน้ามามองชายหนุ่มสองคนที่กำลังยืนนิ่งอย่างไม่สนใจ แต่ก็แฝงความชั่วช้าในน้ำเสียงของพวกมัน
    "ขอโทษที  บังเอิญว่าชั้นชอบเป็นตัวโกงมากกว่า" เพียงพริบตานั้นร่างของนักเลงที่พูดเมื่อครู่นี้ก็ถูกนนท์กระโดดถีบจนลอยกระเด็นไปกลิ้งคลุกฝุ่นกับพื้นทันที  นั่นราวกับสัญญาณเริ่ม  พวกชายหนุ่มนักเลงวิ่งตรงมาพร้อมๆกับใช้อาวุธในมือทั้งท่อนไม้และมีดพุ่งตรงเข้าใส่ทั้งสองทันที
    "อั่ก....." เสียงของอันธพาลคนหนึ่งได้ดังขึ้นเมื่อกานเบี่ยงตัวหลบคมมีดที่ฟาดมาก่อนที่จะซัดศอกอัดท้องมันไปเต็มแรง "โทษทีน่ะ" สิ้นสุดประโยคของกาน มันก็กระอักก่อนที่จะลงไปนอนกับพื้นโดยที่ไม่สามารถร้องอะไรออกมาได้ เพราะจุก เลยนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นเฉยๆ  กานต์เดินตรงไปอย่างช้าๆพร้อมๆกับเบี่ยงตัวหลบวิถีอาวุธต่างๆที่เหล่านักเลงส่งมาอย่างง่ายดาย พอได้จังหวะก็ซัดเข้าที่ท้องไปอีกหนึ่ง โดยที่สภาพไม่ต่างกับคนที่แล้วเลย เห็นพูดอย่างงั้นก็เถอะ กานมันก็เก่งพอตัวเลย ทั้งๆที่เป็นคนเกลียดการตีกันแท้ๆ แต่ว่าที่ใช้ศอกเป็นอาวุธนี่ เพราะมันประหยัดแรงและได้ผลมาก ถ้าโดนที่ท้องไปก็คงจุกไปนาน
    "เหลืออีกสาม....." นนท์นึกในใจขณะที่คว้าไม้ที่หล่นอยู่กับพื้นนั้นมากันกับมีดที่ฟาดมาหมายจะฟันหัวของเขาไว้  ไม้เนื้อแข็งกับมีดนั้นประสานกันก่อนที่นนท์จะกระแทกมันกลับไปพร้อมๆกับฟาดไปที่ร่างของมันเต็มแรง  อีกคนที่อ้อมมาทางด้านหลังของเขานั้นถูกเขาหมุนตัวเอาไม้ฟาดหน้าไปอีกคนหนึ่งจนถูกแรงฟาดลอยละลิ้วไปกลิ้งกับพื้นอย่างหมดท่า
    "ดูท่าพวกแกจะลืมไป  แต่แม่สาวนี่ยังอยู่กับพวกชั้นนะ" นักเลงที่ยังเหลืออยู่คนสุดท้ายได้พูดขึ้นพร้อมๆกับที่ทั้งกานต์และนนท์หันหน้ามามองต้นเสียงของมัน  และพบกับร่างของนักเลงนั้นกำลังเอามีดจ่อที่คอของสาวน้อยผู้โชคร้ายคนนั้นที่ตอนนี้หน้าซีดด้วยความกลัวจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว  ชายหนุ่มนักเลงแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังได้เปรียบแล้ว  แต่เพียงชั่วพริบตานั้นเขาก็รู้สึกอะไรบางอย่างที่พุ่งเฉี่ยวแก้มเขาด้วยความเร็วสูงจนมองแทบไม่ทัน
    "ปล่อยเธอซะ......ไม่งั้นนัดต่อไปไม่ใช่แค่เฉี่ยวแน่" นนท์หยิบปืน BB gun  ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นั้นพูดขึ้นพร้อมๆกับหันปากกระบอกปืนพกเล็งไปที่ร่างของนักเลงเบื้องหน้าอย่างไม่ลังเลพร้อมๆกับจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นจนรู้สึกได้  อันธพาลตรงหน้านั้นรับรู้ถึงเลือดอุ่นที่ค่อยไหลซึมออกมาจากการที่ถูกกระสุนเฉี่ยวก่อนที่จะกัดฟันกรอดพร้อมๆกับผลักร่างของสาวน้อยที่เป็นตัวประกันมาทางที่นนท์อย่างฉับพลัน
    "ชิ....." นนท์สบถขณะที่รับร่างของสาวน้อยผู้โชคร้ายที่กำลังจะเสียหลักนั้นไว้  ทันใดนั้นเองสายตาเขาก็เห็นร่างของนักเลงนั้นฉวยจังหวะพุ่งตามมา  เขารู้ดีว่าถ้าสวนกลับไปตอนนี้มีหวังเด็กสาวคนนี้ต้องถูกลูกหลงไปด้วยอย่างแน่นอน  เขาได้แต่เหวี่ยงเธอไปไว้เบื้องหลังขณะที่เขาหันหน้ามาใช้มือคว้ามีดที่มันกำลังจะฟันลงมาไว้อย่างกล้าหาญ  เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่พุ่งพรวดมาที่มือนั้นก่อนที่จะเห็นว่ามือของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดจนเป็นสีแดง  นนท์มองหน้ามันที่กำลังตกใจที่เห็นเขากำลังเอากล้าเอามือมาหยุดมีดมันอย่างบ้าๆแบบนี้  เพราะถ้าพลาดทีมีหวังได้เจ็บหนักแน่ๆ
    "นะ....นาย...." เด็กสาวตะลึงตาค้างเมื่อเห็นว่าชายที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรกนั้น  กลับไปเอามือรับคมมีดแทนตัวเธอ  เสียงเลือดหยดลงพื้นเป็นจังหวะได้ดังขึ้นพร้อมๆกับนนท์ที่ฝืนแค่นยิ้มออกมาทั้งที่ตัวเองก็เจ็บไม่ใช่น้อย  โชคดีที่มันฟันมาทำให้แผลไม่ลึก  แต่เลือดก็ไหลออกมาไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย
    "........ปึ๊ก......" นนท์ที่กำลังคิดจะใช้อีกมือนั้นหันปากกระบอกปืนไปยิงนักเลงตรงหน้านั้นกลับถูกนักเลงที่อ่านการเคลื่อนไหวของเขาออกแล้วเตะเสยปืนหลุดจากมือของเขาไปพร้อมๆกับเงื้อมีดมาอีกครั้ง  บ้าเอ้ย.....คราวนี้เขาหลบไม่พ้นแน่
    "ผัวะ !!!!" หมัดลุ่นกระแทกหน้าของนักเลงหนุ่มนั้นไปอย่างเต็มแรงก่อนที่ร่างของเขานั้นจะกระเด็นกลิ้งกับพื้นอย่างไร้การควบคุม  พร้อมๆกับไคที่เดินตรงมาอย่างสง่างามด้วยท่าทางเรียบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจอันลึกล้ำจนหาก้นบึ้งไม่ได้
    "พอแค่นี้ดีกว่าน่ะ ถ้าไม่อยากนึกเสียใจทีหลัง" ไคพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยพลังอำนาจที่ยั่งไม่ถึง สร้างบรรยากาศที่น่ากลัวปกคลุมบริเวณรอบๆไว้หมด
    "มันยังไม่จบหรอก...." นักเลงหนุ่มคนนั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนมาได้ก่อนที่จะมองไปที่ไคอย่างเคียดแค้น
    "มันจบตั้งนานแล้วต่างหาก......." นนท์ที่พุ่งไปรับปืนที่ถูกเตะเสยไปนั้นดังขึ้นด้านหลังของมัน  พร้อมๆกับปากกระบอกปืนเย็นๆจะถูกกดจ่อไปที่หัวของมันอย่างไร้ความปราณี
    "ไม่ต้องห่วง  อีกซักพักอาจารย์ก็จะมาแล้ว อยู่นิ่งซะเถอะ" ไคบอกขึ้นขณะที่นนท์มองไปที่ร่างของมันด้วยสายตาเย็นชา มันเป็นงานของไคในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสภาสารวัตรนักเรียน หน่วยปราบปรามพิเศษ
    "ชั้นว่าปล่อยมันไปดีกว่า....ขืนอาจารย์มาเห็น ชั้นจะแย่เปล่าๆ เพราะเล่นใช้ปืนBBgunในโรงเรียนแบบนี้" นนท์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนที่จะถอนปากกระบอกปืนออกมาจากนักเลงตรงหน้า  ถ้าเกิดว่าอาจารย์มามันคงจะไม่เป็นผลดีกับตัวเขาและเพื่อนอีกสองคนแน่ๆ
    "หมายความว่าจะถอนตัวสินะ  ตามใจนายละกัน"ไคยักไหล่ราวกับยอมรับความคิดของนนท์  ซึ่งคงจะยุ่งยากอย่างที่พูดจริงๆเมื่อเราก็ลงมือหนักเกินกว่าเหตุไปเยอะเลยด้วย  แถมแต่ละคนก็ผิดกฏโรงเรียนกันไปหลายข้อถึงแม้ว่าจะอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวก็คงไม่เข้าท่าอยู่ดี
    "ชั้นจะจำพวกแกไว้......ชั้นจะเอาคืนพวกแกอย่างสาสมเลย"นักเลงคนนั้นพึมพัมด้วยความเจ็บแค้นอย่างแสนสาหัสพร้อมๆกับมองหน้าพวกเขาทีละคนด้วยความอาฆาต  
    "งั้นก็รีบๆมาเอาคืนด้วยล่ะ  บังเอิญว่าชั้นไม่ใช่ที่รับฝากของของใครซะด้วยสิ"นนท์ที่กำลังหันหลังเดินไปก็ประกาศให้พวกนั้นได้ยินพร้อมกับไคและกานต์ยิ้มอย่างอดขำไม่ได้ที่นนท์พูดไปอย่างนั้น

    "เฮ้อ~ นายไปที่ห้องพยาบาลด้วยล่ะ นนท์" ไคบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะแผลที่มือนนท์มันไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยไว้เฉยๆได้
    "เออๆ รู้แล้วๆ" นนท์ตอบกลับไป พร้อมกับพยายามหาทางปิดแผลเค้าเองก่อน ขืนออกไป คนอื่นได้สงสัยกันพอดีว่านนท์ไปได้แผลอะไรมา
    "แต่แกก็บ้าบิ่นดีน่ะ กล้าเอามือรับมีดด้วย" กานยังอดทึ่งเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่ได้ เป็นเค้าเองก็ไม่กล้าพอที่จะรับมีดแบบนั้นแน่
    "เรื่องอะไรที่ชั้นจะให้ผู้หญิงโดนลูกหลงไปด้วยล่ะ"
    "เออ..." เสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาขัดจังหวะของทั้งสามคน
    "ข...ขอบคุณมากน่ะค่ะ ที่มาช่วย" แม้เธอจะหมายถึงทั้งสามคน แต่ครั้งนี้ไคกับกานยกคำขอบคุณนั้นให้นนท์คนเดียวไป นนท์เองก็คงรู้ได้จากความเงียบของทั้งสองคน
    "ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าก็ระวังตัวด้วยล่ะ ถ้าเกิดเห็นพวกนั้นรีดไถ่เงินอีก เรียกพวกเราได้เลย"

    "ขออนุญาติคร้าบ~" กานขานไม่ดังจนเกินไป หลังจากที่เปิดห้องพยาบาลอย่างเงียบๆ มองหาอาจารย์ที่ดูแลห้อง ส่วนนนท์ก็เข้ามาโดยพยายามใช้มือข้างหนึ่งปิดมือที่เป็นแผลไว้
    "อ้าว L มีอะไรหรอ" อยู่ๆเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่รูปร่างผอมๆ หน้าตาพอประมาณก็เข้ามาทักจากมุมห้อง
    "โอ๊ส ดุษ ดีเลย ช่วยทำแผลให้เพื่อนเราหน่อย" หนุ่มที่ชื่อดุษ พอรับคำสั่งมาพลางดูลักษณะแผลของนนท์ ก็ไปเตรียมเครื่องมือทำแผลทันที ดุษเป็นเพื่อนในชุมนุมเดียวกับกาน เห็นว่าเป็นหลานเจ้าของร้านปืนด้วย เลยทำให้รู้จักพวกตำรวจกับทหารเยอะ พูดง่ายๆก็คือเส้นสายดีนั้นเอง
    "มีเรื่องกันหรอ" ดุษถามอย่างรู้ดี เพราะเค้าเองก็มีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะไปมีเรื่องกับโรงเรียนอื่นมากกว่า ไม่สิ เด็กโรงเรียนอื่นเป็นฝ่ายหาเรื่องเองมากกว่า
    "ก็... นิดหน่อยน่ะ" นนท์ตอบไปอย่างไม่ใส่ใจ พลางกัดฟันอย่างสุดชีวิตเมื่อดุษใช้สำลีที่ชุบแอลกอฮอล์เช็คบาดแผลให้ ความเจ็บปวดตอนที่รับมีดที่ด้านชาไปแล้ว กลับมาอีกครั้ง และปวดแสบขึ้นกว่าเดิมอีก
    "ถ้าอาจารย์มาเห็นได้โดนสอบสวนแน่ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น"
    "เออๆ งั้นก็ช่วยๆปิดปากไว้ด้วยล่ะ" กานประสานมือเข้าด้วยกันให้อยู่ในรูปไหว้ พร้อมกับขอร้องดุษเพื่อนในชุมนุมของเขา
    "อืมๆ โอเค ใช้ผ้าปิดไว้อย่างงี้แหละ คิดว่าคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ แผลก็ไม่ลึกมาก" หลังจากดุษจัดการอะไรเสร็จ ก็เก็บเครื่องมือของเค้าเข้าที่เดิม พลางส่งสายตาบอกเป็นนัยๆว่า รีบๆออกไปซะก่อนที่อาจารย์จะกลับมาดีกว่า

    "นนท์ นี่นายไปทำอะไรมาน่ะ" พอเห็นแผลที่มือของนนท์ เมย์ก็อดสงสัยไม่ได้
    "อ้อ เล็กน้อยน่า อย่าใส่ใจเลย" นนท์ตอบตัดไป พลางลำบากใจเหมือนกันที่จะให้เมย์รู้เรื่องนี้ กานเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกไปดีมั้ย ส่วนไคก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ควรบอก
    "นี่อย่าบอกน่ะว่าไปมีเรื่องกันมา" เมย์ตอบอย่างรู้ทัน ไม่อะไรบ้างเลยรึไงที่คุณเธอจะไม่รู้
    "ก็นิดหน่อยน่ะ พอดี มันเป็นเหตุสุดวิสัย" กานตอบแทนนนท์ พลางกำลังหาทางเปลี่ยนเรื่องคุยอยู่
    "ช่างเถอะ พวกนายก็อย่าทำให้ชั้นเดือดร้อนก็แล้วกัน" เมย์รีบตัดจบทันที ทิ้งประโยคให้ทั้งสามหนุ่มงงกันเล็กน้อย จะไปเดือดร้อนอะไรเธอคร้าบ~
    "เออว่าแต่ วันเสาร์นี่พวกนายไปดูหนังด้วยกันปะ" เมย์เอ๋ยปากถามพร้อมกับหยิบกระเป๋าของเธอเตรียมพร้อมไปเรียนต่อ
    "อืม ไปดิ ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว" นนท์ตอบก่อนเป็นรายแรก อย่างไม่ต้องคิดอะไร เพราะเสาร์นี้ เค้าไม่มีกำหนดการไปไหนอยู่แล้ว
    "ของเราก็ได้น่ะ ไค นายล่ะ" กานหันไปถามไคทันที เพราะปกติไคมักจะเป็นคนที่มีธุรกิจรัดตัวแทบตลอดเวลา
    "โอเค ก็ดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้พักบ้าง" ไคตอบไป พลางคิดถึงสภาพที่เค้าเป็นมาอยู่ทุกวันนี้ มันสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการพักผ่อนบ้างแล้วล่ะ
    "ว่าแต่จะไปที่ไหนล่ะ เซ็นทรัลดีม่ะ" นนท์เสนอ เพราะเป็นถิ่นที่เค้าชำนาญที่สุดแล้ว
    "ไม่อ่ะ Major ดีกว่า พอดีเรามีบัตรลดอยู่ด้วย" เมย์หยิบบัตรลดออกมาให้เห็นเพื่อเป็นการยื่นยันอีกที เพราะในสามหนุ่มนี้ มีกานนี่แหละ ที่ขี้เหนียวที่สุด (ถ้าไม่ใช่เกี่ยวกับการ์ตูนที จะงกโครตๆ)
    "แล้ว Major มันที่ไหนหรอ" (กาน) "Major อยู่แถวไหนหรอ" (นนท์)
    ...
    ..
    .
    ประโยคที่ทำเอาไคกับเมย์อึ้งค้างอยู่ไป 3 วิ ก่อนที่จะมองนนท์กับกานไปที่สายมองที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ จะว่าไงดีอ่ะ เจ้าพวกนี้ไม่รู้จัก Major รึไงกัน
    "อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นได้ปะ ก็คนมันไม่รู้จักจริงๆนี่นา" (กาน) "ไม่ใช่น่ะเฟ้ย เรารู้จักแต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ต้องไหน" (นนท์)
    "แล้วมันต่างกันตรงไหนฟะ" ไครีบดักนนท์ที่กำลังลนเพราะถูกมองแบบเดียวกับกาน ที่เป็นพวกกบในกะลาไม่รู้จักโลกภายนอก อะไรประมาณนั้น
    "ให้ตายเถอะ แล้วชั้นจะเอายังไงกับพวกนายดีเนี่ย" เมย์ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ พลางคิดว่าคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่ชวนพวกนี้ เฮ้อ เหนื่อยใจจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×