คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Only girl with 3 boys, สามหนุ่มกับดอกไม้
Only girl with 3 boys, สามหนุ่มกับดอกไม้
ในเช้าอันแสนสดใส เสียงพูดคุยและทักทายดังขึ้นอย่างกับนกกระจอกแตกรังตามประสาเวลาเจอเพื่อนเมื่อไหร่ปากมันหุบไม่ลงเมื่อนั้น สถานที่แห่งหนึ่งในโรงเรียนที่ถือว่ามีความสงบเป็นที่หนึ่ง โต๊ะไม้สีน้ำตาลวางเรียงรายมากมาย แต่ที่มากกว่านั้นคือชั้นหนังสือสูงท่วมหัวที่วางอย่างเป็นระเบียบไปตลอดแนวตามหมวดของหนังสือเหล่านั้นและบนนั้นก็มีหนังสือมากมายแน่นขนัดอยู่บนตู้ ยิ่งในเวลาเช้าอย่างนี้น่าจะมีความเงียบอยู่คู่กับมัน แต่อาจไม่ใช่เช้านี้ ในเมื่อ...
“นายมาทำอะไรที่นี่ หะไค”
เสียงที่ส่อถึงความโมโหของสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มนามเมย์
“หือ อาราย~”
น้ำเสียงงัวเงียพร้อมหัวดำๆซึ่งในขณะนี้ยุ่งเหยิงเกินบรรยายเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะไม้ที่ฟุบอยู่
“ฉัน ถาม ว่า มา ทำ อะ ไร ที่ นี่”
เสียงย้ำถามที่ละคำอย่างคนที่รู้นิสัยเพื่อนดีว่าต้องใจเย็นๆกับคนพึ่งตื่น แต่ดูเหมือนคำถามนั้นจะปลุกคนขี้เซาได้อย่างดี
“เฮ้ย เมย์ กี่โมงแล้ว”
“เกือบ 7โมงแล้วมีอะไรล่ะ”
คิ้วเริ่มขมวดมุ่นอย่างสงสัย
“อ๊าก ก็ฉันต้องไปหาอาจารย์อะดิ เนี่ยเดี๋ยวต้องไปช่วยเรื่องงานกิจกรรมที่จะจัดในอีกไม่กี่วันด้วย เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ปาเข้าไปเกือบตี2เพราะนั่งปั่นงานที่อาจารย์ขอให้ช่วย เมื่อเช้าก็มาตั้งแต่6โมง เนี่ยมาทำงานที่ค้างไว้ แล้วเห็นอาจารย์ห้องสมุดแกได้หนังสือมาใหม่นี่ นั่งช่วยจัดเข้าตู้ตั้งแต่มาถึง แล้วมาเผลอหลับไปเนี่ยล่ะ นัดจารย์ไว้7โมงด้วย”
เสียงร่ายยาวของคนไม่เคยมาดหลุดแต่ต้องมีหลุดวันนี้ยังดังต่อไป มือก็เก็บรวบรวมของบนโต๊ะมากมายลงกระเป๋าอย่างเร่งรีบ
แล้วร่างสูงๆก็เดินอย่างเร่งรีบจากไป แต่ยังทำหน้าที่เพื่อนที่ดีโบกมือบ๊ายบายอย่างรวดเร็วด้วย แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็อยู่ในสายตาคนหลายคู่โดยเฉพาะสาวๆที่มานั่งดูเจ้าคนเพิ่งตื่นพร้อมเสียงนินทาอีกเล็กน้อยให้รำคาญใจเล่น
“ผู้หญิงคนนั้นใครน่ะ สนิทกับพี่ไกรจังเลย แถมเรียกไคๆด้วย”
“ไม่รู้ล่ะ แต่คงไม่ใช่แฟนมั้ง ไม่เห็นเหมาะกันเลย”
และยังมีอีกมากมายตามมา
“เฮ้ เมย์มาเช้าจังนะ”
เสียงทักของเพื่อนสาวที่อยู่ชมรมเดียวกันดังขึ้น
“อืม”
“แหม อารมณ์ไม่ดีแต่เช้าเลยนะ ถูกนินทาอีกล่ะสิ”
เพื่อนของเธอแซวอย่างรู้ทัน
“อืม เบื่อ คนอยากมาห้องสมุดอ่านหนังสือแท้ๆ แต่ต้องมีนั่งฟังคำนินทาไร้ข้อเท็จจริงเนี่ย”
เสียงถอนหายใจดังต่อมาอีกเฮือก
“แหม ก็เป็นหญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มนั้นนี่ เฮ้ยว่าแต่อ่านเรื่อง***จบยังล่ะ”
พอเปลี่ยนเรื่องปุ๊บ ดูเหมือนอารมณ์ของเมย์จะเปลี่ยนไปทันที การจ้อเรื่องหนังสือในดวงใจก็ดังต่อไป แถมยังมีเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาคุยเรื่อยๆ ยิ่งสมาชิกชุมนุมที่เป็นเพื่อนร่วมก๊วนมากันเยอะเท่าไหร่ เสียงคุยของทั้งกลุ่มก็มากขึ้นตามไปด้วย
ถึงแม้ในกลุ่ม 4 คนที่มีกาน นนท์ ไคและเมย์จะสนิทกันมาก แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีกลุ่มของเพื่อนตนเองอยู่ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรอื่นหรอก เพียงแต่ทั้งหมด ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเลยในตอนม.ต้น และยิ่งอยู่กันคนละชุมนุมทำให้ต่างฝ่ายต่างก็มีเพื่อนของตนเอง แต่ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมทั้งสี่ถึงสนิทสนมกันได้ เพราะทั้งสี่เป็นเพื่อนที่เรียนมาจากโรงเรียนประถมเดียวกัน พ่อแม่ก็ซี้กัน เป็นเหตุให้พอขึ้นมาม.ปลายมาอยู่ห้องเดียวกันเลยมารวมกลุ่มกันได้อีก
พอกลับมาที่ห้อง เธอก็เอาปึกกระดาษนิยายที่เพื่อนเอามาให้ มาอ่านต่อทันที แต่ไม่ทันไรการอ่านของเธอก็ถูกรบกวน
“โย่ เมย์แกอ่านอะไรอ่ะ”
เสียงของนนท์ถามด้วยความสงสัย แต่ยังไม่จะตอบเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นมาพร้อมประโยคประจำตัว
“โอไฮโย่”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร
แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครเอ่ยแทรกขึ้นร่างสูงของคนหน้าตาดีประจำกลุ่มก็เดินโซเซมาทรุดนั่งโดยไม่สนใจใคร
“เป็นอะไรไปอ่ะไค”
เสียงถามของกานก็ดังขึ้น แต่ไม่มีเสียงตอบรับเพราะเจ้าตัวกำลังฟุบไปบนโต๊ะ เดือดร้อนให้เมย์ที่รู้เรื่องราวร่ายยาวถึงความเหนื่อยของไคออกมาเป็นฉากๆ
“...ก็นั้นล่ะ แล้วก็เห็นวิ่งออกจากห้องสมุดไปเฉยเลย”
คราวนี้พอเล่าจบก็หันไปมองคนฟุบที่เริ่มเงยหัวยุ่งๆขึ้นมา
“มันไม่จบแค่นั้นน่ะสิ”
เสียงไคที่เริ่มเล่าเรื่องต่อ
“พอฉันออกจากห้องสมุดไปหาอาจารย์ ก็ต้องวิ่งไปช่วยยกงานลงมาจากชั้น6 มาให้อาจารย์ที่ชั้น 1 วิ่งขึ้นชั้น 5 ไปเอารายงานอะไรสักอย่างจากอาจารย์หมวดภาษาไทย ไปส่งห้องวิชาการ แล้วก็ต้องวิ่งเอาเก้าอี้จากชั้น1ไปไว้ห้องประชุมใหญ่ เห็นว่าวันนี้มีคนมาดูงาน แล้วก็ไปนั่งคุยกับอาจารย์เรื่องงานกิจกรรมต่อ คิดว่าฉันควรเหนื่อยมั้ยล่ะ”
น้ำเสียงเหนื่อยสุดๆก็ถามขึ้น กับบรรดาเพื่อนที่ทำหน้าปุเลี่ยนกับงานที่มันต้องรับผิดชอบ
“เอ้า ชาเขียว กินป่ะ ติดมาพอดี”
เมย์พูดพร้อมยื่นขวดน้ำให้กับไคที่รับแล้วบอกขอบคุณไวๆ ก่อนกระดกไปทั้งขวดนั้นล่ะ
“เออ ใช่ เห็นนั่งอ่านตั้งนานแล้วนะ เธออ่านอะไรล่ะ”
กานถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไคมันมา ก็เลยลืมไป ตกลงเธออ่านอะไรอยู่ล่ะ”
เสียงนนท์ถามก็สนใจไม่แพ้กาน ที่เห็นอาการอ่านไปยิ้มไปของเพื่อนสาว
“อ้อ ไอนี่อ่ะนะ”
ว่าพลางชูปึกกระดาษหนาๆ ที่ดูเหมือนจะซีร็อกมาจากต้นฉบับที่ดูหนาเอาเรื่อง
“ก็เป็นเรื่องแปลจาก ญี่ปุ่นน่ะ เพื่อนที่ชมรมมันเอามาให้ กานสนใจป่ะ พอดีเพื่อนมันเก่งญี่ปุ่นเลยแปลมาให้อ่านกัน”
พอบอกว่ามาจากญี่ปุ่นเท่านั้นล่ะ กานหูผึ่ง คว้าหมับไปอ่านอย่างตั้งใจ โดยไม่ฟังเสียงโวยวายที่ดึงกระดาษไปจากมือเมย์เลย
“ตกลงมันเรื่องอะไรล่ะ”
นนท์กระซิบถามอย่างอยากรู้
“เดี๋ยวก็รู้”
เมย์ยิ้มกริ่ม อย่างเดี๋ยวก็เห็นอาการกานต์ ไม่นานจากนั้นหลังจากที่หน้ากานต์เริ่มมีปมที่คิ้ว เสียงร้องดังลั่นก็ดังขึ้น
“เฮ้ย”
พร้อมกับมือสบัดปึกกระดาษออกจากมือ ดีที่นนท์รับไว้ได้
“ไอกาน ใครให้แกปาทิ้ง ห๊า นี่ของมีค่านะ”
เสียงแหวของเมย์ดังขึ้น
“ตะ ตะ แต่ นั้นมันนิยายYยาโอย นะ”
สิ้นเสียงกานปุ๊บ นนท์ที่กำลังถือนิยายนั้นอยู่ก็วางปึกกระดาษลงปั๊บอย่างกับของสิ่งนี้เป็นอาวุธชีวภาพที่ไม่ควรไปแตะต้อง
“แล้วไง ก็มันสนุกนี่ เห็นว่าเรื่องนี้ดังเหมือนกันนะ เพื่อนมันอุตส่าเอามาให้อ่าน”
จบคำ เมย์ก็หยิบปึกกระดาษขึ้นมา โดยมองสีหน้าเพื่อน แต่ละคนด้วยท่าทางขำๆ ก็นะกานทำหน้าเหมือนเจอเรื่องสยองเข้าไป ไคตื่นเต็มตามองมาด้วยสายตาแปลกๆ ดูเหมือนนนท์จะปกติสุด มองด้วยความแปลกใจน้อยๆ แต่ท่าทางวางลงทันทีนี่สิ คงทำให้นนท์รู้สึกว่าตัวถูกแปดเปื้อนยังไงก็ไม่รู้
“เมย์ เธออ่านอะไรทำนองนี้ด้วยหรอ”
เสียงไคถามอย่างแปลกใจมากๆ
“ก็อ่านนะ ไม่เห็นแปลกเลย ก็พอๆกับที่กานมันนั่งอ่านการ์ตูนฮาเร็ม ผู้หญิงทั้งเรื่อง หรือนนท์ที่นั่งเล่นเกม H โคตรๆ ตัวเอกโนตม เห็นม่ะ ไม่เห็นแปลกเลย”
“เออ ชักจะจริงนะ”
นนท์เริ่มคล้อยตาม
“อืมๆ”
กานต์พยักหน้าหงึกๆก่อนพูดค่อว่า
“ถ้ากลุ่มเราคนที่ไม่ปกติที่สุดคงเป็นไคนั้นล่ะ”
“ฉันมันไม่ปกติตรงไหน ห๊า”
ไคถามอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วพอมองไปรอบๆกลุ่มตัวเองก็ต้องกุมขมับ หรือที่ไอพวกนี้พูดมามันจะจริงทุกประการฟะ สามคนนี้ปกติทุกคน มีแต่เราที่ผิดปกติ ไคคิดอย่างกลุ้มๆ
ช่วงเวลาพัก 50 นาทีหลังชั่วโมงเรียนครึ่งเช้าได้ผ่านไป
"งืม~~~"
กานนั่งทำท่ากำลังใช้ความคิดพลางทำเสียงงืมๆอยู่ตามลำคอ ทำเอาน่าสงสัยพอควร
"หือ! มีอะไรหรอ"
ไคมองมาที่กานพอดี ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
"พอดีมาลองๆคิดดูน่ะ ถ้าเกิดเราโดนสารภาพรัก เราจะรู้สึกยังไง"
ไอ้คำว่า "โดนสารภาพรัก" นี่แหละที่ทำเอาทุกคนไม่อยากจะคิด ใครมันจะบ้าหลงรักเจ้าโอตาคุเสื่อมๆคนนี้ฟะ
"แล้วก็เลยลองคิดดูว่าถ้าเป็นพวกนายเวลาโดนสารภาพรักจะรู้สึกยังไงก็บ้าง"
"ถ้าเป็นเราหรอ..."
นนท์รีบคิดก็คนแรก พลางคิดถึคงสาวในสเป็คของเค้ามายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเข้ามาสารภาพในแบบฉบับที่เค้าต้องการ
"ของเราก็คงจะปลื้มสุดๆเลยล่ะ"
หลังจากจินตนาการเสร็จก็รู้สึกเคลิ้มๆอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววันจริงๆเล้ย~
"แล้วเมย์ล่ะ"
กานหันไปถามเมย์มั่ง
"ของชั้นหรอ..."
ดูท่าทางคุณหนูจะใช้เวลาคิดนานอยู่สักพัก คงจะคิดถึงผู้ชายในสเป็คไม่ออกมั่ง ก็เจ๊แกไม่มีความโรแมนติกซะเลย (พูดงี้ หาเรื่องหรอ - by may)
"ไม่รู้สิ ยังไม่เคยมีประสบการณ์สักเท่าไหร่ เลยบอกไม่ถูก"
นี่สิน่ะ ที่เรียกว่าเป็นคำตอบของเด็กดี น้องๆทั้งหลายควรจดจำนำไปใช้น่ะจ๊ะ (เหอะๆ)
"ส่วนของเราก็คง..."
"หยุดเลยไค"
ไคกำลังจะพูดในส่วนของตัวเองบ้าง แต่ก็ถูกกานขัดจังหวะซะก่อน
"ทำไมฟะ"
"นนท์ ช่วยตอบแทนที"
กานหันไปทางนนท์ ส่งสายตาให้รู้ว่านนท์น่าจะตอบได้ดีกว่า
"นายน่ะ มีคนอื่นมาเรียงคิวสารภาพรักเยอะอยู่แล้วนิฟะ ตรูไม่อยากฟังความเห็นของนาย"
เหอะๆ พอรู้คำตอบขึ้นมา ก็ทำเอาไคกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที เพราะจะปฏิเสธไม่ค่อยได้ แม้มันเป็นเรื่องจริงที่เค้าก็อยากก็ปฏิเสธเต็มทีก็เถอะ
"ว่าแต่แล้วของนายล่ะ กาน"
เมย์อยากลองฟังความเห็นของกานดูบ้าง อยากรู้นักว่าอย่างมันจะจินตนาการผู้หญิงในสเป็คมันออกรึเปล่า ขอแบบที่มันจะเข้ามาชอบเจ้ากานได้ ก็หาได้ยากเต็มที่แล้ว
"ของเราหรอ"
ทั้งสามคนลุ้นระทึกกับคำตอบของกานเล็กน้อย จะไม่ให้ลุ้นได้ไง อย่างมันจะมีอารมณ์โรแมนติกเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไปได้ก็แปลกแล้ว
"เราก็คงอึ้งสุดๆเลยล่ะ"
"หา!!!"
ไม่เข้าใจคำตอบนักหรอก แต่ก็พอรู้ว่ามันเป็นปกติของคนที่ไม่น่าจะมีคนชอบแต่อยู่ๆก็ถูกสารภาพรักแล้วล่ะ
"ก็อย่างเราจะมีคนมาชอบก็แปลกอยู่แล้วใช่ป่าวล่ะ เกิดมีใครมาชอบเราขึ้นมาก็คงอึ้งสุดๆเลยล่ะ"
เออๆ รู้ตัวก็ดีแล้ว ทั้งสามคนคิดในใจอย่างพร้อมเพียง ก็สมแล้วล่ะ ที่เป็นกาน
แน่นอนว่าทั้งสี่คนขึ้นไปรวมตัวที่ดาดฟ้าเพื่อพักผ่อนกับช่วงเวลาเรียนที่แสนเบื่อหน่าย และหาอะไรกินเล่นพร้อมรับลมไปให้สดชื่น ก่อนที่ต่างคนจะต่างกลับบ้านไป จะมีแต่ไคคนเดียวนี่แหละ ที่ต้องทำงานโรงเรียนต่อไป
“เออใช่ ลืมไปเลย เอ้าไค”
เสียงเมย์ดังขึ้นพร้อมห่อของขวัญเล็กๆโยนไปที่หน้าไคที่รับอย่างงงๆ
“อะไร ของขวัญ? เนื่องในโอกาส?”
เสียงไคดังอย่างงงๆ
“เดี๋ยวทำไมไคได้คนเดียวล่ะ แล้วเราสองคนล่ะ”
กานต์โวยขึ้นมา
“ใช่สิ ไคมันหล่อนี่ อย่างพวกเราไม่ได้หรอกจริงมั้ย”
นนท์ที่โอบคอกานต์งึมงำๆกันสองคน โดยไม่ฟังคำตอบของเมย์
“ไม่ใช่ย่ะ นี่ไม่ใช่ของฉัน รุ่นน้องเขาฝากมาให้ไคมัน”
แทนที่จะดีขึ้นนนท์กับกานต์ยิ่งบ่นพึมพำทำนองว่า มันก็ได้จากผู้หญิงเหมือนกันนั้นล่ะ
“ใครเอามาให้น่ะ”
ไคถามขึ้นพร้อมเขย่าเบาๆ
“น้องม.3 น่ารักเลยล่ะ แต่ไม่รู้ชื่อนะ อยู่ๆก็ยัดใส่มือแล้วบอกว่า ฝากให้พี่ไกรด้วยนะคะ แล้วก็วิ่งไปเลย”
เมย์ตอบพลางหยิบเลย์ที่เพิ่งซื้อมาเข้าปาก
“ระวังนะเว้ย อาจจะเป็นน้ำมันพลายก็ได้ เปิดมาปุ๊บอันตรายนะ”
เสียงนนท์ดังขึ้น ประมาณว่าถึงตรูไม่ได้ขอกวนหน่อยก็ยังดีฟะ
“นายไปอ่านหนังสือนิยายกับเมย์มากไปหรือเปล่า”
กานต์แซวขึ้นมา จริงๆกานต์ก็ไม่รู้สึกอะไรมากมายอยู่แล้ว
“อ้าวๆ หาเรื่องๆอย่าโยนมาที่ฉันนะยะ”
“แล้วตกลงอะไรล่ะ”
“แกะดิ”
เสียงเชียร์อย่างอยากรู้
“มันจะดีหร๊อ”
ไคถามอย่างกวนๆ
“ดีดิ แกะดิอยากรู้”
“แล้วถ้าเป็นน้ำมันพลายอย่างที่นายว่ามาล่ะ ให้ทำไง”
ไคยังกวนไม่เลิกจนเพื่อนๆเริ่มหมั่นไส้ จนกานต์ลุกขึ้นเริ่มล็อกคอไค ส่วนนนท์ก็ไปยื้อแย่งของในมือมา ถึงจะรู้ว่าสู้ไคไม่ได้ก็อยากแหย่เล่นหน่อย ไคก็ไม่ยอมปล่อย กลายมาเป็นว่าสามคนไม่มีใครสนใจเมย์จนได้ยินเสียงถ่ายรูปดังมาหลายใบนั้นล่ะ
“แหม เหมือนกอดกันสามคนเลยนะ เอารูปนี้ไปขายให้น้องๆที่ชอบไคดีกว่า หึๆ”
เสียงหัวเราะบ่งบอกความชั่วร้ายแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสามที่ค้างไปแล้ว แล้วดูเหมือนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่มาเป็นหญิงหนึ่งเดียว แต่คิดหรอว่าคนอย่างเมย์จะกลัว
“อ้ะๆ อย่าเข้ามาแย่งนะ อยากได้ชื่อว่ารังแกผู้หญิงหรอ แถม ผู้ชายตั้ง3คนแย่งกล้องถ่ายรูปผู้หญิงคนเดียว กล้าหร๊อ อย่าลืมนะว่าถ้าฉันเอาเรื่องไปฟ้องคุณแม่ของพวกนาย แล้วใครจะชนะ”
ยืดอกพร้อมเสียงที่กำชัยชนะทำให้ทั้ง3กัดฟันกรอดๆ แต่ก่อนที่จะมีใครฆ่ากันตายก่อนประตูดาดฟ้าก็เปิดออกพร้อมร่างของเด็กสาวสองคน
“เมย์ แกอยู่นี่จริงด้วย เห็นมั้ยจ๋าบอกแล้วมันอยู่นี่”
เด็กสาวเจ้าของผมยาวประบ่าแต่รวบอย่างเรียบร้อยและแว่นหนาสไตรน์อินเทรนสีม่วงดำพูดกับอีกคน
“อืม รู้แล้วมีตาก็มองเห็น เฮ้ยเมย์ไปยัง คนอื่นๆกำลังรอกันอยู่”
เด็กสาวผมยาวสลวยถึงกลางหลังและรวบเรียบร้อย และท่าทางห้าวๆตะโกนเรียก
“อืม ไปๆ เฮ้ยกาน นนท์ ไคไว้มาแก้แค้นทีหลังนะ ส่วนภาพจะเอาไปขึ้นดิสเพลในเอมวันนี้ล่ะ 555 ไปและๆ”
ว่าจบเมย์ก็เดินไปหาเพื่อนๆปล่อยให้ทั้ง3นั่งมองหน้ากันและกุมขมับ
“แล้วเอาไงดีล่ะ”
กานถามขึ้น
“ไม่เอาไงหรอก แต่เอาเรื่องไอกล่องนี้ก่อนดีกว่า”
ไคว่าจากนั้นทั้งสามจึงมองหน้ากันก่อนมองกล่องเจ้าปัญหาอีกครั้ง
..............................................................................................
“เออ ว่าแต่มันรออะไรเราล่ะ”
เมย์ถามเพื่อนทั้งสอง
“โหย น้องเมย์ลืมแล้วหรือไงว่าวันนี้นัดไปไหน ห๊า”
พอจ๋าพูดเตือนเมย์ก็ถึงบางอ้อ จริงๆวันนี้เมย์นัดกับเพื่อนๆไปนั่งกินเซเว่นเซ่นและไปเดินซื้อของกันและลืมสนิมเลย
ในเวลาปกติที่เมย์ไม่อยู่กับพวกกาน นนท์ และไคจะมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งรวมเมย์ด้วยก็คือ 9 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด เรียกว่ากวาดผู้หญิงในห้องไปเกือบหมดในกลุ่มนี้เพราะในห้องมีผู้หญิงไม่มากนัก จากนั้นทั้งหมดจึงไปห้างสรรพสินค้าใกล้โรงเรียน
“เฮ้ยๆไปกินติมก่อนนะ ค่อยไปซื้อของ กองทัพเดินด้วยท้อง หุๆ”เสียงจากเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น
“ว่าแต่วันนี้แฟนแกไปไหนล่ะ กิ๊บ”
แพรถามขึ้น พร้อมเสียงสนับสนุนถามคนสวยประจำกลุ่ม
“ไปเล่นเกมน่ะ เดี๋ยวนัดเจอกันขากลับน่ะ”
กิ๊บตอบ และก่อนที่เมย์จะหันไปถามเพื่อนอีกคนสาวน้อยเจ้าของหน้าผากกว้างและเหล็กดัดฟันที่มีชื่อว่าน้ำ ก็นึกขึ้นได้ว่ามันเพิ่งเลิกกันไป
“ไม่เอาน่าน้ำ วันนี้เรามาเที่ยวกันนะ อย่าทำหน้างั้นดิ ไปๆ ไปกินไอติมกัน”จากนั้นทั้งหมดจึงเคลื่อนขบวนไปที่ร้าน
ขณะที่นั่งกินกันอยู่
“ว่าแต่จะถามนานแล้วนะ เมย์ถามไรอย่างดิ”
เพื่อนคนนึงถามขึ้น
“แกชอบใครในสามคนนั้นป่ะ”
เป็นที่รู้กันว่าหมายถึงใคร
“บ้าป่าว ไม่เลยซักนิด เค้าคบกับมันจนรู้ไส้รู้พุงแล้ว ไม่ต้องไปเป็นแฟนกันหรอก รู้ว่ากานมันต้องซื้อการ์ตูนทุกวัน แม้จะต้องเจียดตังแค่ไหนก็ตาม นนท์ทุกเย็นล่ะไปอยู่ได้ร้านเกม ไม่ก็โน่นหน้าคอมที่บ้านมัน ไคก็นั้นล่ะวิ่งวุ่นเป็นเด็กกิจกรรมก็ลำบากทำอะไรทีเดี๋ยวคนโน่นคนนี้ถามหา แต่ไม่รู้ทำไมไอสามคนนี้ดันเรียนเก่งทุกคนเลย เบื่อ”
“เบื่อเรื่องไรอ่ะ”
ใครคนหนึ่งถามขึ้น
“มันเก่งเกินไป ไอเราบางทีนั่งอ่านหนังสือแทบตาย คะแนนสู้ไอ้พวกนี้ไม่เห็นได้”
จากนั้นดูเหมือนเมย์จะเก็บกดมานานปฏิบัติการนินทาชาวบ้านจึงเริ่มขึ้น
“ว่าแต่ไคน่ะมีแฟนยังอ่ะ”
เสียงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไม่นี่ จะไปมีได้ไงเทคแคร์ผู้หญิงก็ไม่เป็น ความเป็นสุภาพบุรุษก็น้อย ดีแต่หน้าตาล่ะสิ”
“เฮ้ย แกหมั่นไส้เป็นการส่วนตัวรึป่าววะเมย์”
“อืม คงใช่”
เมย์ตอบรับทันที เพราะเธออยู่กับไคแทบทุกวัน ไม่เห็นจะมองเธอเหมือนผู้หญิงสักครั้งเลย
“เออ นี่ๆ ภาพถ่ายที่เราถ่ายกันคราวที่ไปดรีมเวิลมาแล้วนะ”
เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไหน ดูดิๆ”จากนั้นทั้งหมดก็สุมหัวกันดูรูปที่เพิ่งถ่ายมาจากการไปเที่ยวช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
“พวกเรานี่ก็บ้าเนอะ ถ่ายไปได้ไงเฉียด3ร้อยรูปวันเดียวเนี่ย”
“ถูกเลย ถ้าไปจะไอพวกสามคนนั้นนะ อย่าหวังเลยถ่ายรูปเนี่ย แค่นั่งเฉยๆก็ถูกมันลากล่ะ”
เมย์พูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าถึงเมย์จะบ่นยังไง สามคนนั้นก็เพื่อนซี้ที่ถ้าใครมาว่าไม่ได้ เข้าทำนองฉันว่าได้แต่คนอื่นไม่ ไม่งั้นมีเจ็บ แต่ถ้าเป็นคนในกลุ่มนินทาตัวเธอเอง ก็ไม่ปล่อยเหมือนกัน แถมมีบทลงโทษที่แสนโหดร้ายเตรียมไว้แล้วด้วย ซึ่งทั้งสามหนุ่มนั้นก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าเป็นยังไง
"เออใช่ เมย์ เธอดู 'Death N*te L ch*nge the world' ยัง"
เหล่าเพื่อนสาวเธอถามอย่างอดใจไม่ไหว ที่จะนำหัวข้อหนังเรื่องนี้มาคุยกัน
"ยังเลยย่ะ ไม่ทันมีเวลาไปดูเลย ว่าจะไปดูวันเสาร์เนี่ย"
หลังจากเมย์ตอบ เพื่อนๆเธอก็ห่อเหี่ยวไปตามๆกัน พร้อมกับนึกเสียดายแทนเมย์ที่ยังไม่ได้มีโอกาสไปดู
"ว่าแต่เธอจะไปดูกับใครล่ะ รึว่า..."
"ก็คงกับพวกนั้นแหละ เห็นว่ายังไม่ได้ไปดูกันเลย นี่เธอมองแบบนี้ หมายความว่าไง หา!"
เมย์ตอบกลับไป ก่อนที่จะเพิ่งสังเกตุเพื่อนๆของเธอที่กำลังมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
"แหม ดีจังเลยน่ะ มีหนุ่มตั้งสามคนอยู่เคียงข้างตลอดเวลาเลยนิ"
เสียงหัวเราะแปลกๆนี่แหละ ตัวดี ทำเอาเมย์เคืองพอควร ระยะหลังๆนี้ รู้สึกว่าเธอจะถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ หรือว่าช่วงนี้เธออยู่พวกนั้นบ่อยเกินไปรึเปล่าหว่า
"ชั้นบอกแล้วไง ว่าพวกนั้นเป็นแค่เพื่อน โธ่ บอกตั้งกี่ครั้งถึงจะเชื่อเนี่ย"
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดในยามเย็นรึเปล่า ที่ทำให้ใบหน้าของเมย์เต็มไปด้วยสีแดง ที่เหมือนกับผลเชอร์รี่บนไอศครีมตรงหน้าเธอ เอ~ ชักอยากรู้แล้วสิว่าสีแดงนั้นเป็นสีหน้าเธอจริงๆรึเปล่าเนี่ย ถ้าใช่นี่... (แหม น่ารักจริงๆ)
ความคิดเห็น