ยุง - ยุง นิยาย ยุง : Dek-D.com - Writer

    ยุง

    ผู้เข้าชมรวม

    239

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    239

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.ย. 50 / 20:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ยุง

       

                  ผมนั่งท้าวคางเหม่อมองธาตุอากาศรอบๆตัว วันนี้นั่งคิดอะไรไม่ออกมานานแล้ว เบื่อๆเซงๆ อยากอยู่คนเดียว เมื่อเช้าแม่ผมบังคับให้ไปนั่งฟังธรรมเช้าวันอาทิตย์ บ่ายนี้ผมว่าจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกับเพื่อน แต่แม่ผมบังคับให้เฝ้าบ้าน เพราะท่านจะไปงานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อน น่าเบื่อจริงเว้ย

                      เสียงหึ่งๆเข้ากระทบโสดประสาทหูของผม ผมเอามือปัด สักพักเสียงนั้นก็จู่โจมที่หูอีกข้าง สร้างความน่ารำคาญเป็นล้นพ้น ผ่านไปสักพัก ผมรู้สึกเจ็บๆคันๆที่ขา ผมรู้ได้โดยไม่ต้องมอง.......ยุงนั่นเอง

                      เจ้ายุงตัวน้อยกำลังดูดเลือดผมทีน่องอย่างเอร็ดอร่อย ผมยิ้ม เสร็จกูละทีนี้ ผมเงื้อมือขึ้น เล็งตำแหน่งให้ดีๆ ฝาดเต็มแรงไปที่ยุงตัวนั้น  เพี้ยะ ผมฝาดลงไปแล้ว ยิ้มอีกครั้ง ขยับมือขึ้นเพื่อดูผลงานของตัวเอง......ว่างเปล่า ไม่มีซากยุงแบนแต๊ดแต๋ ติดอยู่ที่น่องหหรือฝ่ามือของผม.....พลาดหรือนี่ บ้าที่สุด สงสัยต้องไปตัดแว่นแล้วมั้งเรา

                      เมื่อไม่มีอะไรทำ ผมนั่งเฉยๆอีกครั้ง เหม่อมองธาตุอากาศเช่นเคย ไม่นานนักยุงเจ้ากรรมตัวเก่าก็บินผ่านหน้าผม อย่างไม่มีเหตุผล ผมมองตาม สวมวิญญานนักล่าอักครั้ง......นักล่ายุง

                      ยุงน้อยเกาะที่ขอบโต๊ะ ผมฝาดเข้าเต็มฝ่ามือ ไม่โดน เอาใหม่ คราวนี้มันบินไปบินมาบนหัวผม ผมตั้งฝ่ามิอทั้งสองห่างกันหนึ่งฟุต รอจังหวะเหมาะ ตบเข้าเต็มแรง แต่.....ต้องผมกับความว่างเปล่าอีกครั้งเมื่อแบมืออกมา พลิ้วจริงโว้ยยุงตัวนี้ แต่วันนี้เป็นไงเป็นกัน ผมชักอารมณ์ขึ้น

                      ผมเปิดฉากรบกับยุงตัวนั้นอยู่อีกไม่ต่ำกว่า 10 นาที ผมลองทุกวิธี บางครั้งฟาดด้วยความเร็วสูง บางครั้งผมลงทุนเปิดขาอ่อนล่อให้มันมากินเลือด จะได้ตีเหมาะๆ แต่ไม่สำเร็จ ผ่านไปอีกสิบหว่านาที ผมชักเหนื่อย จำได้ว่าเคยอ่านเจอในเรื่อง The Old man and the sea ว่าชายแก่คนหนึ่งสามารถต่อสู้อยู่กับปลายักษ์ได้นานเป็นวันๆ นี่ผมกำลังต่อสู้กับยุงตัวเดียวมาเพียงครึ่งชั่วโมง ทำไมผมจะสู้ไม่ได้ อีกอย่างผมยังไม่แก่ด้วย เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผมนึกสงสัยว่ายุงตัวนั้นมันจะเหนื่อยบ้างไหม แน่สิ มันต้องเนื่อยอยู่แล้ว มันก็มีชีวิตไม่ใช่หรอ ความคิดนั้นทำให้ผมสะดุด แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อ เจ้ายุงบินผ่านหน้าผมอีกครั้ง คราวนี้ผมพุ่งมือขวาออกไปโดยสัญชาติญาน รวดเร็วปานงูเห่าฉก เจ้ายุงน้อยอยู่ในกำมือของผมแล้ว อยู่ในกำมือจริงๆไม่ใช่เพียงคำเปรียบเทียบ

                      ชั่วอึดใจต่อมาผมนึกว่าจะทำยังไงกับมันดี และก็พบว่ามีสามทางเลือก หนึ่งคือ กำมือให้ให้แน่นขึ้นเรื่อยๆหรืออีกทางเลือกที่คล้ายๆกันคือ กำไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ตายเอง ส่วนทางเลือกสุดท้าย ปล่อยมันไป

                      แต่ ผมควรจะปล่อยมันไปหรอ ที่ผมตั้งหน้าตั้งตารบกับมันมาตั้งนานก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรอ พิฆาตมันลง แล้วนี่ผมกลายเป็นพวกชอบฆ่าสัตว์ไปแล้วรึเปล่า ผมไม่แน่ใจ นึกถึงคำที่หลวงตาพูดตอนไปฟังธรรมเมื่อตอนเช้ากับแม่ “บาปกรรมนั้น เราดูกันที่เจตนา หากไม่มีเจตนาย่อมไม่มีกรรม”........เจตนา......เจตนา.....แน่นอนผมมีเต็มเปี่ยม เจตนาที่จะฆ่ามัน ที่จะเอาชีวิตมัน งั้นก็แปลว่าผมควรจะปล่อยมันไปซินะ จะได้ไม่บาป แต่เดี๋ยวก่อนผมเคยอ่านเจอที่ไหนนะว่ายุงนั้นเป็นพสหะนำโรคหลายชนิด และยุงตัวนึงสามารถแพร่พันธุ์ได้หลายแสนตัวถ้าอยู่ในสภาพที่เหมาะสม งั้นก็แปลว่า ถ้าผมปล่อยมันไป มันตัวนี้อาจจะให้กำเนิดลูกหลาน ซึ่งอาจจะกัดใครสักคนที่มีโรคอะไรสักอย่างที่อาจจะเป็นพาหะที่มันแพร่ได้ ซึ่งอาจจะไปกัดคนอื่นต่อ ซี่งอาจจะทำให้เขาคนนั้นเป็นโรค “อาจจะ” เยอะเหลือเกินในกรณีหลังนี้ แต่มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ

                      ถ้ายังงั้นแล้วแบบไหนที่ผมควรจะทำปล่อยมันหรือว่าฆ่ามัน ชั่วบัดดลนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผมปล่อยมันไป อะไรสักอย่างบอกให้ผมทำแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรผมคิด กับการตัดสินชีวิตยุงน้อยตัวหนึ่ง ผมแบมือออก ปลดปล่อยหนึ่งชีวิตออกไป แต่....

                      ยุงตัวนั้นแน่นิ่งเสียแล้ว ไม่ขยับ ดูเหมือนว่าจะตายไปแล้ว อะไรกัน..... ไม่น่าเป็นไปได้ ผมไม่ได้บีบมือแรงขนาดนั้น หรือว่าจะขาดอากาศ ไม่น่าใช่ เพราะมันก็มีช่องให้อากาศเข้ามาพอสำหรับชีวิตน้อยๆนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ ผมรู้สึกเสียใจ อีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าทำไมต้องเสียใจกับเรื่องเล็กน้อยตรงหน้า แต่ยังไงก็ตามผมเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

                      ผมเดินไปยังถังขยะ เพื่อที่จะทิ้งร่างยุงน้อยลงไป ยังรู้สึกเสียใจไม่หายกับสิ่งที่ทำลงไป ขณะที่ผมกำลังจะปัดร่างของยุงน้อยลงถังขยะ ปีกของมันก็ขยับ ตามมาด้วยขาและเอออออออ ก็ขาอีก ชันตัวขึ้น แล้วบินออกไปจากมือของผม ช่วงเวลานั้นทำให้ผมไม่มีวันลืม ความรู้สึกของการได้ไถ่โทษ ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายด้วยวิธีใดๆ ผมตื้นตันไปทั้งหัวใจ ไม่นานนักมันก็บินจากไปทางหน้าต่าง ในคืนที่เห็นดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางเวหา ผมมองมันบินขึ้นไปสู่เบื้องบน เมื่อชีวิตหนึ่งฟื้นจากความตาย บอกได้เลยว่า ผมรู้สึกโล่งอกอย่างมาก ที่ชีวิตน้อยๆนั้นไม่แหลกคามือของผม ต่างจากตอนที่ผมตัดสินชีวิตมันในตอนแรก และ ในตอนนั้นเองที่ ผมคิดว่าตัวเอง อย่างน้อยก็เข้าใจความหมายของชีวิตในระดับหนึ่ง ความรู้สึกที่สามารถทำให้ชีวิตเบื้องหน้าหลีกพ้นความตาย 

                       วันต่อมาเป็นวันที่ผมต้องเลือกคณะที่จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ดูจากคะแนนคร่าวๆแล้ว ผมสามารถเลือกคณะใดก็ได้ โดยไม่ต้องคิดมาก ผมก็ตัดสินใจได้

                 "นายแพทย์ ฐานนท์ กรุณามาที่แผนกฉุกเฉิน ค่ะ" เสียงประกาศดังไปทั่วบริเวณ 

                  อ่ะ ผมต้องไปทำงานต่อแล้วล่ะครับ

               


                       
                     

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×