บทนำ
ในโลกคู่ขนานที่เต็มไปด้วยสิ่งมหศจรรณ์ที่ไม่คาดฝัน
โลกที่ยังมีเวทมนต์ พลังจิต พลังวิญญาณ เทพ มาร ปีศาจ ภูติ และอีกสารพัดเกินกว่าที่จินตนาการจะคาดเดาที่ยังปกปิดตัวตนเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้
มีเรื่องราวของเทพ ซึ่งเทพเผ่าพันธุ์นี้เป็นเทพชั้นต่ำที่คอยปกป้องรักษาโลกแห่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นโลกที่วิญญาณอันบริสุทธิ์อาศัยและโลกแห่งสวรรค์อันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าเทพบุตรและเทพธิดามาโดยตลอด
เผ่าพันธุ์เทพชั้นต่ำนี้เรียกเผ่าพันธุ์ตนเองว่า 'มิชั้นนารี่'
เผ่าพันธุ์เทพชั้นต่ำนี้คอยปกป้องคุ้มครองโลกแห่งแสงและโลกแห่งสวรรค์มานานนับตั่งแต่ทั้งสองโลกได้ก่อกำเนิดเคียงคู่กับเผ่าพันธุ์เทพชั้นต่ำอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีนามว่า 'วาลคิวรี่'
ทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้ลงสนามรบเพื่อฆ่าฟันเหล่าปีศาจและวิญญาณมืดมานานหลายครั้งหลายหน
เผ่าพันธุ์มิชั้นนารี่เป็นเผ่าพันธุ์พิเศษที่มีบุตรเกิดมาเป็นเพศชายล้วน มีบทบาทสำคัญในด้านการต่อสู้ที่คอยจู่โจมเหล่าศตรูที่บังอาจบุกดินแดนสวรรค์และดินแดนแห่งแสงให้ดับดิ้นใต้คมศาตราอย่างองอาจดุจวีรบุรุษย์จนได้รับนามว่าเป็นคมหอกศักดิ์สิทธิ์แห่งทวยเทพ
หน้าที่หลักของเหล่ามิชั้นนารี่คือการโจมตี ทำลาย ก่อกวน สืบข่าว แทรกซึม ละอีกมากมายที่เป็นงานเกี่ยวกับการเสี่ยงตายในค่ายศตรู
หากว่ามิชั้นนารี่คือหอกแห่งสวรรค์ เหล่าวาลคิวรี่ก็คือโล่แห่งสวรรค์ที่ยืนเคียงข้างกันได้อย่างองอาจและเหมาะสม
เผ่าวาลคิวรี่นั้นเป็นเทพธิดาชั้นต่ำที่เกิดขึ่นมาเป็นสตรีเพศทุกตน มีความสามารถในด้านการป้องกันและการช่วยเหลือเพื่อนร่วมรบได้อย่างยอดเยี่ยม มีหน้าที่ป้องกันผู้บุกรุกและคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆ
หน้าที่หลักของพวกเธอคือการป้องกัน รักษา คุ้มกัน วิเคราะห์ ประดิษฐ์ คำนวณ และอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือกองทัพให้ประสบแต่ชัยชนะ
ทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างเหมือนถูกรังสรรค์ให้เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นคู่ครองซึ่งกันและกันด้วยการรังสรรค์ให้เป็นศีลปะกรรมชิ้นเอกของพระเจ้าที่สรรสร้างขึ้น
ทันทีที่ทั้งสองแต่งงานกันจนเกิดบุตร บุตรที่ลืมตาดูโลกนั้นจะมีพลังอำนาจของหนึ่งในสองเผ่าพันธุ์อย่างเต็มเปี่ยมซึ่งแล้วแต่ว่าจะเกิดมาเป็นเพศอะไร หากเป็นบุรุษเพศก็จะได้รับสายเลือดและความสามารถของเผ่าพันธุ์มิชั้นนารี่มาอย่างเต็มเปี่ยม แต่หากเป็นสตรีเพศก็จะได้รับพลังและสายเลือดจากเหล่าวาลคิวรี่มาอย่างเต็มที่
วิธีเลือกคู่ครองนั้นก็แสนจะง่ายดาย เพราะแรกเริ่มเดิมทีแล้วทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามตามแบบสายเลือดแห่งทวยเทพที่ใหลเวียนไม่ว่าจะทางฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายแม้ว่าจะมีระดับความหล่อเหลาหรืองดงามที่ตกต่างกัน ทั้งสองเผ่านั้นเห็นหน้าที่แสนจะดูหล่อเหลาหรืองดงามอันเพอร์เฟ็คนั้นจนชินตานับตั่งแต่กำเนิดขึ้นมาในแดนสวรรค์และแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นไม่สนใจรูปร่างหน้าตาของฝ่ายคู่ครองเท่าใหร่นักยกเว้นหน้าตางดงามดุจราวกับเทพบุตรหรือเทพธิดาชั้นสูงระดับขุนนางหรืออัศวินก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สิ่งที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นให้ความสนใจมากที่สุดก็คือความแข็งแกร่ง
สิ่งที่สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามให้หันมาสนใจได้มีเพียงอย่างเดียว...นั่นคือพลัง!!
มิชั้นนารี่และวาลคิวรี่แต่ละตนนั้นมีขีตจำกัดในด้านพลังอำนาจที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ปราถนาที่จะได้ครอบครองคู่รักที่มีขีดจำกัดด้านพลังและฝีมือการต่อสู่ที่เหนือกว่าตนทั้งสิ้น
การของแต่งงานตามหลักของทั้งสองเผ่าพันธุ์คือการประลอง!!
หากฝ่ายชายต้องการแต่งงานกับฝ่ายหญิงก็ต้องขอท้าประลองเพื่อแสดงฝีมือและพลังให้อีกฝ่ายยอมรับหรือเหนือกว่าให้ได้ถึงจะคว้าหัวใจหญิงสาวมาครอบครองตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าอัศวินแห่งสรวงสวรรค์ แต่ถึงแม้จะทำให้อีกฝ่ายยอมรับในฝีมือได้แต่หากอีกฝ่ายไม่ตกลงแต่งงานก็ถือได้ว่ากินแห้ว
ยกเว้นการท้าประลองที่สามารถโค่นฝ่ายตรงข้ามให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบและขาวสะอาด นั่นหมายถึงฝ่ายผู้พ่ายแพ้จะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการขอแต่งงานของอีกฝ่ายได้เลย
แน่นอนว่ากฏอัศวินแห่งสวรรค์ไม่ได้บังคับให้ฝ่ายชายไปขอท้าประลองกับฝ่ายหญิงเพื่อขอแต่งงานอยู่ฝ่ายเดียว แต่หากฝ่ายหญิงสนใจขอแต่งงานกับฝ่ายชายก็สามารถไปขอท้าประลองใส่ฝ่ายชายได้เช่นกัน
แต่ทว่าในยุคสมัยสงคราม 'แปดพิภพอาร์ล๊อก' หรือที่นับถอยหลังจากยุคสมัยปัจจุบันไปราวๆ 30 ปี
มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่พิภพสวรรค์ พิภพศักดิ์สิทธิ์ พิภพภูติ พิภพอสูร พิภพมนุษย์ พิภพมาร พิภพอาถรรณ์ และพิภพปีศาจที่แบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายคอยสู้รบกันมาอย่างยาวนานนับหมื่นปีถึงคราวแตกหัก
เหล่าประชากรภพสวรรค์ ภพศักดิ์สิทธิ์ ภพภูติร่วมมือกันก่อตั่งเป็นกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความร่วมมือจากเผ่าพันธุ์จากพิภพอสูรและพิภพมนุษย์เพียงแค่ครึ่งเดียว เพื่อต่อต้านการรุกรานจากกองทัพอาถรรณ์ที่มีประชากรจากภพปีศาจ ภพมาร และภพอาถรรณ์เป็นกองทัพซึ่งมีประชากรจากภพอสูรและภพมนุษย์อีกครึ่งหนึ่งร่วมอยู่
เหตุการในตอนสุดท้ายของสงครามคือการระเบิดครั้งใหญ่ที่ทำให้ฝ่ายกองทัพอาถรรณ์ต้องพ่ายแพ้ มันถูกเรียกว่าเหตุการณ์ 'ระเบิดแปดพิภพ เรโนร์ว่า' ซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากทั้งสองฝ่ายรวมกันเป็นจำนวนมากมายกว่าแปดหลัก ซึ่งแม้ฝ่ายกองทัพอาถรรณ์จะล่าถอยไปจากความเสียหายที่มากเกินไปจนทำให้กองทัพศักดิ์สิทธิ์จะได้ชัยชนะ แต่ความเสียหายของเหล่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ก็มีมากมายมหาศาลไม่แพ้ฝ่ายศตรู
และชัยชนะในครั้งนั้นก็ได้รับมาพร้อมๆกับ 'บาป' ที่เหล่าทวยเทพ ภูติ มนุษย์ อสูรและเหล่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ซึ่งต่างต้องก้มหน้าด้วยความละอายกับชีวิตที่สูญเสียไปเพราะเล่ห์กลของฝ่ายตรงข้ามจนเกิดเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าทวยเทพและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ย้อนรอยกลับไปในช่วงก่อนเกิดสงครามขั้นแตกหักของทั้งสองฝ่าย เหล่ามิชั้นนารี่ทุกตนนั้นในฐานะของนักรบที่มีหน้าที่คอยหาข่าวสารการเคลื่อนใหวของกองทัพศตรูได้ทำการแฝงตนเข้าไปอยู่ในกองทัพของศตรูนับตั่งแต่แรกเริ่มของสงครามและทำหน้าที่ส่งข่าวการเคลื่อนใหวของกองทัพอาถรรณ์มาอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่ และนั่นทำให้กองทัพของเหล่าทวยเทพต่างรับมือกับการโจมตีในแต่ละครั้งของเหล่ากองทัพอาถรรณ์ได้อย่างหมดจด
เหล่ามิชั้นนารี่ต่างต้องยอมเสียศักดิ์ศรีแห่งความเป็นเทพของตนในการแทรกซึมเพื่อสืบข่าวด้วยการหันคมดาบฟาดฟันปีกของตนให้ขาดสะบั้นเพื่อตัดพลังแห่งเทพที่แผ่กระจายออกมาจากปีก และยังหันไปฝึกฝนพลังอำนาจมืดเพื่อกลมกลืนกับฝ่ายศตรู
เหล่าทวยเทพต่างยกย่องการกระทำของเหล่ามิชั้นนารี่จนสร้างศิลาบันทึกเรื่องราวของการเสียสละในครั้งนี้เพื่อนเป็นการสรรเสริญในใจกลางเมืองหลองของภพสวรรค์และภพศักดิ์สิทธิ์
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานับหมื่นๆปี เหล่ามิชั้นนารี่ต่างทำหน้าที่เป็นสายส่งข่าวของกองทัพได้ย่างดีตลอดมา จนถึงช่วงเวลาก่อนถึงสงครามแตกหักขั้นสุดท้ายราวๆ 50 ปี
ในยุดสมัยนั้นภายในกองทัพศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเทพ เทวฑูต อสูรสมิง มนุษย์และภูติต่างไปมาหาสู่กันตลอดในระยะเวลาหลายหมื่นปีที่ผ่านมาจนเกิดการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์มากมาย และมีแม่ทัพเผ่าเทวฑูตตนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในหน้าผู้นำกองทัพศักดิ์สิทธิ์ได้ไปหลงเสน่ห์ของสตรีเผ่าพันธุ์มนุษย์ ด้วยความหลงใหลซึ่งกันและกันทำให้ทั้งสองแต่งงานกันในที่สุด
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าสตรีเผ่ามนุษย์ผู้นี้กลับเป็นทาสที่ขายวิญญาณให้กับปีศาจ!!
ด้วยความเสน่หาทำให้แม่ทัพนั้นเอ่ยข้อมูลกองทัพไปจนหมดสิ้น นางได้นำข่าวสารทั้งหมดไปสู่กองทัพอาถรรณ์จนทำให้เกิดวิธีการรับมือเหล่ามิชั้นนารี่ที่แฝงตัวเข้ามาได้อย่างแยบยล
แผนการต่างๆที่เหล่ามิชั้นนารี่ที่ส่งกลับมายังกองทัพนั้นเริ่มมีผิดพลาดมากขึ้นด้วยฝีมือข่าวลวงของเหล่าแม่ทัพฝ่ายศตรูที่จงใจปล่อยออกมา และเมื่อมีความผิดพลาดมากขึ้นก็ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยภายในตัวของเหล่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ซึ่งค่อยๆสะสมเอาไว้ในจิตใจของผู้คนได้อย่างดีเยี่ยม
และเพียงไม่นานความเคลือบแคลงสงสัยนั้นก็เข้าสู่จุดที่จะเติบโตเป็นต้นอ่อน สาวงามชาวมนุษย์ผู้เป็นทาสของปีศาจก็เริ่มแผนการชักจูงความคิดให้แม่ทัพหนุ่มเริ่มมีความคิดเรื่องการทรยศของเหล่ามิชั้นนารี่
นางค่อยๆยุยงพร้อมกล่อมความคิดของแม่ทัพจนเกิดความเกลียดชังเหล่าสายลับในค่ายศตรูขึ้นด้วยเสน่ห์มนต์ดำที่ถูกเคลือบไว้ด้วยม่านบางๆที่ชื่อว่ามารยา อ้างเหตุผลว่านางเป็นห่วงชีวิตของสามีที่ต้องเผชิญหน้ากับการทรยศหักหลังและความสูญเสียของกองทัพที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากข่าวสารที่ผิดพลาดที่ผิด แม่ทัพเทวฑูตที่ถูกกล่อมจนเมล็ดแห่งความเคลือบแคลงสงสัยเริ่มแตกยอดเป็นต้นอ่อนแห่งความเกลียดชัง
ในช่วงเวลานั้นเองที่สตรีเผ่ามนุษย์ได้นำเหตุการต่างๆพร้อมข่าวสารทั้งหมดของกองทัพอาถรรณ์ จนกองทัพอันศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียและความผิดพลาดต่างๆนาๆซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับกองทัพมาก่อนนับจากเริ่มสงคราม
ด้วยเหตุการณ์ที่พอเหมาะผสานเข้ากับข่าวสารเรื่องการทรยศ ผู้คนก็ต่างโกรธแค้นและเกลียดชังเหล่ามิชั้นนารี่อย่างรุนแรงจากข่าวลวงที่ถูกปล่อยออกมา
แท่นลงนามสรรเสริญเหล่ามิชั้นนารี่ที่ถูกสร้างเอาไว้ใจกลางเมืองหลวงทั้งสองภพนั้นถูกผุ้คนทำลายไม่มีชิ้นดี และผู้นำในการพาคนไปทำลายแท่นนั้นก็คือเหล่าวาลคิวรี่ที่มีสีหน้าเย็นชาให้กับแท่นสรรเสริญเผ่าพันธุ์ของสหายที่เคยร่วมรบมาด้วยกันด้วยสายตาที่ผิดหวังและเกลียดชัง
แม่ทัพเทวฑูตกระจายความคิดที่ว่าเหล่ามิชั้นนารี่ทรยศต่อกองทัพไปทั้วกองทัพดั่งการรดน้ำพรวนดินให้กับเมล็ดแห่งความเคลือบแคลงสงสัยในตัวของผู้คน เมื่อทำการรดน้ำพรวนดินครั้งแล้วครั้งเล่าสุดท้ยก็เกิดต้นอ่อนขึ้น ยิ่งรวมกับเหตุผลต่างๆที่แม่ทัพแห่งภพศักดิ์สิทธิ์ใช้นำมาอ้างแล้วทุกคนก็ต่างหลงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเหล่ามิชั้นนารี่ได้ทรยศกองทัพศักดิ์สิทธิ์
ช่วงเวลาก่อนเกิดการปะทะของกองทัพเพื่อตัดสินของทั้งสองฝ่ายราวๆหนึ่งสัปดาห์ แม่ทัพแห่งเผ่าพันธุ์เทวฑูตได้เสนออุบายเรียกตัวเหล่ามิชั้นนารี่กลับมายังกองทัพเพื่อสังหาร แผ่นการนี้ได้รับเสียงตอบรับจากทุกฝ่ายและเหล่าวาลคิวรี่ได้อาสาตนเองเป็นเพชรฆาตที่จะสบั้นหัวใจของเผ่าพันธุ์เพื่อนร่วมรบที่เคียงข้างกันมาช้านาน
ในที่สุดสารลับก็ถูกส่งออกไป เหล่ามิชั้นนารี่ต่างรับคำสั่งและถอนตัวออกจากกองทัพฝ่ายโลกปีศาจเพื่อกลับไปเป็นทัพแนวหน้าให้กับกองทัพแห่งทวยเทพตามคำสั่ง
แต่ทันทีที่มาถึงจุดนัดพบในพิภพมนุษย์ พวกเขากลับถูกโอบล้อมด้วยคมหอกและดาบของเผ่าพันธุ์มิตรสหายที่เคียงบ่าเคียงใหล่มาช้านาน
การฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผลได้เริ่มขึ้น เหล่ามิชั้นนารี่ที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันระวังได้ถูกสังหารไปมากมายคล้ายใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจำนวนมากมายมหาศาล แต่ถึงแม้จะกลับมาตั้งหลักได้ก็ไม่อาจโจมตีได้อย่างสุดฝีมือเนื่องจากเผ่าพันธุ์ของพวกเขามีสายสำพันธ์ที่แน่นแฟ้นระว่างอีกฝ่ายมานานก่อให้เกิดความลังเลที่เกาะกุมความคิดละจิตใจ
และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เหล่ามิชั้นนารี่แทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์จนเหลือเพียงไม่กี่ตนที่หนีรอดไปได้ ซึ่งทั้งหมดที่หนีไปได้นั้นมีจำนวนเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบตนเท่านั้นที่หนีรอดจากการไล่ล่า
งานเฉลิมฉลองก่อนสงครามปิดฉากจะเกิดขึ้น เหล่าทหารกองทัพศักดิ์สิทธิ์ต่างเรื่อนเริงบันเทิงใจกันกับการกวาดล้างเหล่าผู้ทรยศ เหล่าวาลคิวรี่ต่างยิ้มแย้มดื่มกินกันอย่างสนุกสนานหลังจากกำจัดผู้ทรยศต่อกองทัพแห่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์จนราบคาบ
เมื่อวันเปิดศึกครั้งสุดท้าย แม้มีความวุ่นวายเล็กน้อยเกี่ยวกับการหายตัวไปของแม่ทัพเผ่าพันธุ์เทวฑูตแต่ก็ถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
กองทัพที่ผู้คนต่างเผ่าพันธุ์มากมายต่างเผ่าพันธุ์เริ่มเดินขบวนเป็นกองทัพอันน่าเกรงขามทั้งสองฝ่ายจนกลายเป็นแรงกดดันที่ข่มกันไปมาไม่ยอมถอยให้กันและกัน
ตามหลักของสงครามจะเปิดให้มีการเจรจาเป็นครั้งสุดท้าย ภาพมายาที่เกิดขึ้นจากเวทมนต์ทำให้เกิดภาพของปีศาจในร่างมนุษย์ที่ผมสีเขียวเช่นเดียวกับนัยน์ตา มีหน้าตางดงามดั่งเทพบุตรหากว่าไม่มีเขาทั้งสองข้างที่งอกออกมาเหนือใบหูกับปีกนกขนสีดำถึงห้าคู่ซึ่งอยู่ในชุดหรูหราพร้อมมงกุฏที่เป็นสัญลักษณ์ของราชาเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ทางฝั่งของกองทัพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ฉายภาพของชายหนุ่มผมสีทองในชุดสีขาวขลิบทอง ที่กลางแผ่นหลังมีปีกสีขาวถึงห้าคู่ซึ่งมีผมสีน้ำตาลเช่นเดียวกับนัยน์ตา บนศรีษะมีมงกุฏและที่มือซ้ายมีไม้เท้าขนาดใหญ่สูงเทียบเท่ากับผู้ถือ ที่ยอดไม้เท้ามีสัญลักษณ์รูปปีกที่กางออกจนสุดในวงแหวนอันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงฐานะราชาแห่งเผ่าพันธุ์เทพ
ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันด้วยวาจาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเปิดศึก แต่ก่อนที่ภาพมายาจะดับไปราชาปีศาจกลับยิ้มเยาะพร้อมยกของขวัญบางอย่างขึ้นมา
ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็น 'ของขวัญ' ที่ราชาปีศาจแสดงออกมา
ของขวัญนั่นคือซากศพของชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดของอัศวินสีเงินขลิบทองสวยงาม แต่ในตอนนี้นั้นผู้สวมใส่นั้นกลับคอตกห้อยแกว่งไปมาพร้อมกับบาดแผลที่ลำคอด้านซ้ายจนเห็นได้ว่าคนซีกซ้ายนั้นขาดโดยสมบูรณ์
ทุกคนต่างหน้าซีดเมื่อเห็นใบหน้าของศพเพราะ...นั้นคือซากศพของอัศวินแม่ทัพแห่งเผ่าพันธุ์เทวฑูต!!!
และที่ข้างกายของราชาปีศาจก็คือสตรีเผ่ามนุษย์ที่แต่งงานกับแม่ทัพเทวฑูต!!
ทหารกองทัพศักดิ์สิทธิ์ต่างยืนนิ่งด้วยสายตาตกตะลึง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งสติคำพูดของราชาปีศาจที่เริ่มแจกแจงถึงเหตุการณ์ที่แท้จริงของเหล่าปีศาจที่ใช้เล่ห์กลหลอกลวงกองทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดพร้อมกับการเยาะเย้ยด้วยเสียงหัวเราะที่ก้องกังวานไปทั่วสนามรบ
เหล่าทหารในกองทัพศักดิ์สิทธิ์ต่างรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาดไปทั่วร่างจนหยุดนิ่งอยู่ในอาการตกตะลึง ภายในเหมือนถูกเมือที่มองไม่เห็นคว้านบางอย่างไปจากร่างกายจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ค่อยๆปรากฏขึ้น
และคนที่เจ็บปวดที่สุดคงไม่พ้นเผ่าพันธุ์ที่เคยมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความไว้เนื้อเชื่อใจถึงขนาดยินดีที่จะคว้านหัวใจของตนเองแทนอีกฝ่ายได้อย่างวาลคิวรี่
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ความเจ็บปวดของกองทัพก็กลับกลายเป็นความเกลียดชังทั้งน้ำตา สงครามได้เริ่มขึ้นพร้อมกับเสียงกู่ร้องของเหล่าวาลคิวรี่ ธิดาเทพนักรบผู้สังหารพวกพ้องแห่งสายสำพันธุ์จนสูญสิ้น
หลังสงครามในครั้งนั้น...แท่นศิลาแห่งการสรรเสริญของเหล่ามิชั้นนารี่ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
มันถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยน้ำมือและหยาดน้ำตาของเหล่าเทพธิดา แต่แท่นศิลารูปหกเหลี่ยมสีขาวที่เคยเต็มไปด้วยนามของผู้เสียสละซึ่งถูกสลักเป็นอักษรสีทองกลับเลือนหายไปกลายเป็นแท่นหินสีขาวที่ไร้ซึ่งนามของเหล่าผู้เสียสละในครั้งนั้น เนื่องจากแท่นศิลาที่ถูกทำลายไปนั้นได้ถูกบดขยี่จนกลายเป็นฝุ่นละอองด้วยน้ำมือของพวกเธอเอง
แท่นลงนามแห่งวีระชนที่ถูกตั้งขึ้นภายในภพสวรรค์และภพศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง และยังถูกสร้างเพิ่มเติมขึ้นในเมืองหลวงของเหล่าภูติและมนุษย์
แต่แม้ว่าจะได้รับการสรรเสริญมากเพียงใด ความแค้นของเหล่าเหล่ามิชั้นนารี่ที่เหล่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่ได้สร้างเอาไว้ก็ไม่มีวันลบเลือนหายไป แผลเป็นจาดความภักดีที่เคยศรัทธาบัดนี้กลับมอบความเจ็บปวดมาให้ยามที่เพื่อนพ้องและพี่น้องทั้งหลายถูกสังหารฟาดฟันจนล้มตายไปต่อหน้าต่อตา
นัยน์ตาสีแดงทับทิมส่องประกายด้านชาดุจคนตายทั้งๆที่ในอดีตเคยเป็นสีฟ้าสดใสในชุดคลุมเก่าๆขาดๆมองร่างของเหล่าเทพธิดาในชุดนักรบสีเงินลวดลายสวยงามจำนวนมากมายนับร้อยตนกำลังนั่งชันเข่า มือขวาของพวกนางยกขึ้นทาบอกซ้ายตำแหน่งหัวใจอันเป็นสัญลักษณ์แสดงความเคารพของเหล่าอัศวิน ใบหน้าของพวกนางแต่ละตนนั้นมีน้ำตาใหลเต็มอาบแก้มสองสายพร้อมกับริมฝีปากที่พึมพัมเอ่ยคำขอโทษซ้ำๆกันไปมา
แต่แม้ว่าจะขอโทษไปกี่ร้อยกี่พันครั้ง ความไว้เนื้อเชื่อใจที่ถูกทำลายลงไปนั้นก็ไม่อาจกลับคืนมาได้อีกเป็นครั้งที่สอง
ร่างในชุดคลุมเก่าๆขาดๆนั้นมองแท่นลงนามแห่งวีระชนด้วยสายตาเย็นชาดุจคนตาย
"ในโลกมนุษย์มีคำกล่าวไว้ว่า 'โอกาสนั้นเราให้ผู้อื่นได้นับไม่ท่วน แต่ความเชื่อใจ...เรากลับให้ผู้อื่นได้เพียงแค่ครั้งเดียว' ดูท่าว่ามันจะจริงสินะ?" เสียงที่เอ่ยออกมานั้นเป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่แสนไพเราะแต่เย็นชา แสงอาทิตย์ค่อยๆเผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่งดงามที่เต็มไปด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นไร้อารมณ์ แววตาที่คมเข้มรับเข้ากับนัยน์ตาสีแดงที่พร่ามัวดั่งศพแต่ก็แฝงไปด้วยพลังอำนาจที่มากมายมหาศาล ยิ่งรวมกับร่างกายที่ไม่อ้วนไม่ผอมซึ่งกำลังสมส่วนในชุดสีดำยิ่งทำให้กลายเป็นความงดงามอันแสนลี้ลับที่มีแรงดึงดูดชวนหน้าค้นหา
"จงอย่าเอ่ยรำพันคำขอโทษ เพราะมิอาจลบเลือนแผลในหัวใจ
กาลผ่านไปไร้ซึ่งวันหวนกลับคืน พร้อมวันคืนแห่งความตายไร้เมตตา
แม้จะร้องให้เป็นสายเลือดก็ไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้อีก เช่นเดียวกับนามของเหล่านักรบที่ถูกทรยศด้วยสองมือของพวกเธอจะไม่มีวันได้ปรากฏบนแท่นจารึกนามของเหล่าวีระชนอีกเป็นครั้งที่สอง"
ร่างสูงในเงาของตึกค่อยๆเลือนหายไปในเงามืด ทิ้งไว้เพียงความวุ่นวายของเหล่าเทพธิดาที่กระจายออกไปตามหาหลังได้รับคำพูดเป็นเสียงกระซิบจากสายลมอันแผ่วเบา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น