เข็มทิศแห่งหัวใจ - เข็มทิศแห่งหัวใจ นิยาย เข็มทิศแห่งหัวใจ : Dek-D.com - Writer

    เข็มทิศแห่งหัวใจ

    การเดินทางของความรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    199

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    199

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.ค. 51 / 17:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เข็มทิศแห่งหัวใจ

                     “เหมียว...
                      เสียงทุ้ม ๆ ของชายหนุ่มดังแว่วขึ้น ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงเบา ๆ ที่เคล้าคลอสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ในร้านหนังสือ

      ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งนั้น

                      มันฟังดูคล้ายน้ำเสียงที่เคยคุ้นเคย จนทำให้หญิงสาวที่ยืนพินิจหนังสือท่องเที่ยวเล่มกะทัดรัด ต้องเงยหน้าขึ้นมาจากตัวอักษรในหนังสือที่อยู่ในมือ และหันมองรอบกายครู่หนึ่ง ก่อนที่จะบอกตัวเองว่าเธอคงหูฝาด และก้มหน้าลงดูหนังสืออีกครั้ง
                      มีคนคนเดียวในโลกนี้ ที่เรียกเธอว่า
      เหมียว แทนชื่อเล่น แมว ตามที่ครอบครัวและเพื่อนของเธอคนอื่น ๆ เรียกกัน

      และเธอก็ไม่ได้เจอกับคนคนนั้นมานานเหลือเกิน จนเขาได้กลายเป็นเหมือนภาพเก่าที่ถูกเก็บซุกไว้ในมุมความทรงจำของเธอ
                      และแมวก็ไม่มั่นใจนักว่า หากได้เจอกันอีกครั้ง เขาจะยังอยากทักทายเธอ หรือจะยังคงเรียกเธอว่า
      เหมียว
      หรือเหมือนเดิมหรือไม่
                     
      เหมียว... เสียงที่ดังขึ้นใกล้ตัวกว่าเดิม ทำให้เธอรีบเงยหน้าหันไปมองทางที่มาของเสียงด้วยความตกใจ  

                      ใช่ เหมียวจริง ๆ ด้วย...

                      แมว ตกใจจนหนังสือแทบหลุดออกจากมือ หัวใจเธอเต้นรัว ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

                     ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ ณ วินาทีนั้น แม้จะดูแปลกตา ด้วยผมสั้นที่ถูกจัดให้เข้าทรง และชุดทำงานเสื้อเชิร์ตสีขาวกับ

      เน๊คไทสีเข้ม และการเกงแสล็คสีดำ ซึ่งทำให้เขาดูภูมิฐานและมีอายุ แต่แววตา และรอยยิ้มอันอบอุ่นของเขา กลับเป็นสิ่งที่เธอมีคุ้นเคยอย่างยิ่ง และได้ค้นพบในวินาทีนั้นว่า เธอไม่เคยลืมเลือนเลย
                     
      ... หญิงสาว อ้าปากเหมือนพยายามจะพูดอะไรออกมา แต่ก็เงียบไป ทำให้ชายหนุ่มระเบิดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
                     
      เราเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นเลยหรือ... 
       

                                                                                      ๏๏๏๏๏๏

                      ใบไม้สีน้ำตาลไหม้ที่แห้งกรอบและบอบบาง ทอดทิ้งตัวลงมาจากกิ่งตนไม้  หมุนติ้วราวนักกระโดดน้ำระดับโลกก่อนที่จะค่อย ๆ คล้อยตัวลงสู่พื้นดิน รวมตัวเป็นอีกส่วนหนึ่งของพรมใบไม้แห้งที่คลอบคลุมฟุตบาทสองข้างทาง                                              
                      “เร็วสิ ป๋อ เดี๋ยวไปไม่ทันนะ
      แมวร้องเสียงดัง ก่อนจะกึ่งฉุด กึ่งลาก ชายหนุ่มผมยาวที่สะพายเป้ และหอบกระดานที่แนบกระดาษวาดภาพ วิ่งไปข้างหน้า
                     
      ทำไมต้องรีบไปด้วยล่ะ
      ชายหนุ่มท้วงเบา ๆ
                     
      ก็เพื่อน ๆ อุตสาห์จัดงานเลี้ยงส่งทั้งที จะให้แมวไปสายได้ยังไงกัน ถามได้
      หญิงสาวต่อว่า ทีเล่นทีจริง
                     
      เหมียวก็ไม่ต้องไปสิ...
      ป๋อเอ่ยเบา ๆ แต่น้ำหนักของคำพูดเขาทำให้หญิงสาวผมยาวสลวย หันกลับมามองเขาตาขมัง
                     
      นายก็รู้ว่า คุณพ่อคุณแม่วางแผนเรื่องส่งแมวไปเรียนต่ออเมริกามาตั้งนานแล้ว นายยังจะมาพูดเล่นอย่างนี้อีกหรือ แมวต่อว่าเสียงเข้ม     
                     
      ...เราหมายถึง เหมียวก็ไม่ต้องไปงานเลี้ยงส่งสิ แล้วไปดูหนังกับเราแทนไง
      ชายหนุ่มยิ้มแหย ๆ แก้ตัว
                     
      ไม่ต้องเลยนะ นายป๋อ เรารู้ดีว่านายหมายความว่าอย่างไร ไม่ต้องมาทำเป็นไก๋
      หญิงสาวฟาดมือลงบนไหล่ของคู่สนทนาอย่างอารมณ์ดี นายก็เป็นอย่างนี้เสมอ ชอบเห็นอะไรเป็นเรื่องเล่น ๆ ไปหมด ว่าแต่นายเองได้คิดบ้างหรือยังว่า จะทำอะไรหลังเรียนจบ” 
                      แมวมองดูเพื่อนหนุ่มยักไหล่แทนคำตอบ
                     
      ป๋อต้องคิดบ้างแล้วนะ จะปล่อยให้ชีวิตตัวเองขึ้นอยู่กับโชคชะตา เป็นเหมือนใบไม้ที่ถูกสายลมหอบหิ้วไปอย่างไร้ทิศทางหรือจุดหมายได้อย่างไร หญิงสาวเพ่งมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มของป๋อ เราเป็นห่วงนายนะ...
                      ชายหนุ่มผมยาวพยักหน้ารับ พลางฝืนยิ้มและมองดูหญิงสาวหันหลังเดินนำหน้าไป เขาแอบถอนหายใจ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินตามเธอไปอย่างเงียบ ๆ  ด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น  

                                                                                      ๏๏๏๏๏๏

                      เหมียวเป็นไงบ้างป๋อ เอ่ยถาม พลางมองดูหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าบนโซฟาสีดำในร้านกาแฟเล็ก ๆ ไออุ่นจากกาแฟ    บนโต๊ะยังคงถักทอตัวขึ้นมาจากถ้วยสีครีมบนโต๊ะ ก่อนที่จะเลือนรางหายไป
                      ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าของแมวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมของเธอซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสีดำ
      ขลับ ได้กลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ไปแล้ว แต่ก็ยังคงเงางามและทอดกายลงอย่างเรียบง่ายบนไหลของเธอ  
                     
      ก็ดีคะ...
      หญิงสาว เอ่ยด้วยท่าทีและน้ำเสียงเขอะเขิน ท่าทางเธออึดอัดเหมือนวางตัวไม่ถูก
                     
      ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เราจะได้เจอเหมียวอีก ป๋อกล่าวอย่างจริงใจด้วยน้ำเสียงทีเปี่ยมไปด้วยความสุข กี่ปีแล้วนะเนี่ยะ...
      ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด
                      “เกินสิบปีแล้วนะ แมวเอ่ยขึ้น พลางหันมองดูผู้คนที่นั่งอยู่รอบ ๆ ร้านกาแฟแห่งนั้น
                     
      แล้วเหมียวกลับมาเมืองไทยได้นานหรือยัง
      ป๋อถามต่ออย่างชวนคุย
                     
      เรากลับมาได้สองสามปีแล้วล่ะ
      หญิงสาวฝืนยิ้ม
                     
      เหรอ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ป๋อแซวอย่างอารมณ์ดี
                     
      หญิงสาวมองหน้าคู่สนทนาด้วยความฉงน
                     
      ทำอย่างกับนายติดต่อได้ง่ายนักแหละ...
      แมวตัดพ้อเจ้าของคำถามในใจ 
                      แล้วตอนนี้เหมียวทำงานหรือเปล่านะ ชายหนุ่มถามต่อ
                      แมวนิ่งไปครู่หนึ่ง รู้สึกสับสนกับการที่ถูกเรียกว่า
      เหมียว อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ยินใครเรียกเธออย่างนั้นมาเนิ่นนาน     
      เธอไม่เคยรู้ว่าทำไม ป๋อ ถึงเรียกเธอเช่นนั้น และไม่เคยเอ่ยปากถามเขา 
                      เพราะลึก ๆ ในใจแล้ว เธอก็รู้สึกดีที่มีชื่อพิเศษ ที่ใครคนหนึ่งใช้เรียกเธอโดยเฉพาะ
                     
      เราก็เป็นช่างภาพฟรีแลนซ์นะ...
      เธอตอบในที่สุด
                     
      จริงหรือ น้ำเสียงของชายหนุ่มตื่นเต้น เห็นมั้ย เราเคยบอกเหมียวแล้วใช่มั้ย ว่าเหมียว มีพรสวรรค์เรื่องการถ่ายภาพ เราดีใจจริง ๆ เลย
      เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่ขาว ๆ
                      รอยยิ้มของป๋อ พลอยทำให้แมวรู้สึกสบายใจขึ้นและพลอยอดยิ้มไปด้วยไม่ได้
                     
      แล้วที่เหมียวไปเรียนมาล่ะ
      เขาซักต่อ แต่นิ่งไปเมื่อเห็นว่าคำถามของเขาลบรอยยิ้มของหญิงสาวลงทันที
                     
      เรียนจบ บริหารธุรกิจมา เราก็ไปทำงานเอกชนอยู่ปีสองปี... เธอถอนหายใจ แต่รู้สึกว่า มันไม่ใช่ เราทนไม่ได้กับการที่ต้องนั่งคุดคู้อยู่แต่หน้าคอมพ์ หรือต้องนั่งประชุมในออฟฟิต เราก็เลยลาออกมา ลองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและอยากทำบ้าง...

                     
      หลังจากที่ทำในสิ่งที่พ่ออยากให้เราทำมาแล้ว...
      เธอเสริมเบาๆ จนเป็นเหมือนเพียงเสียงกระซิบกับตัวเอง
                     
      แล้วป๋อล่ะ ตอนนี้ ทำอะไรอยู่
      แมวเป็นฝ่ายถามบ้าง เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้น
                     
      เราเหรอ... ชายหนุ่มเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ และทอดสายตามองดูถ้วยกาแฟ 2 ใบที่อยู่บนโต๊ะ ตอนนี้ เราทำงานแผนกประชาสัมพันธ์ในบริษัทเอกชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

                     
      จริง ๆ เหรอ แมวถามอย่างไม่อยากเชื่อ เป็นไปได้ไงนี่
                      ก็ไม่รู้สิ...
      ชายหนุ่มยักไหล่
                     
      เหมือนชีวิตพวกเราสับเปลี่ยนกันเลยนะ...
      แมวตั้งขอสังเกตเงียบ ๆ      
                     
      นั่นสินะ...
      ป๋อพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างครุ่นคิด
                      แมวตั้งท่า เหมือนกับจะถามอะไรต่อ แต่ก็เงียบไป ปล่อยให้กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟ และเสียงเพลงเบาๆ คล้อเคล้าด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะจากผู้คนรอบข้างเข้ามาแทนที่บทสนทนาของเธอและเพื่อนเก่าอย่างจำยอม

                                                                                                ๏๏๏๏๏๏

                      ชายหนุ่มผมยาวที่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมา  ปัดเส้นผมที่ตกลงมาปิดหน้าผาก ให้เข้าที่ พลางมองดูหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางวงล้อมของเพื่อนฝูงและญาติมิตร
                     
      โชคดีนะจ๊ะ แมว เขาได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น
                     
      ตั้งใจเรียนนะ

                     
      อย่าเอาแต่เที่ยวละ

                      ป๋อยืนเขินชะเง้อ มองดูเพื่อนและญาติคนและคนเล่าเดินเข้าไปอวยพรและแสดงความหวังดีกับแมว หรือเอาของขวัญมาให้เธอ พวกที่เรียนมาด้วยกันก็ยืนกระเซ้าเย้าแหย่กันอย่างสนิทสนม ที่เป็นญาติบ้างก็ดึงแมวเข้าสู้อ้อมกอดและอวยพรให้เธอโชคดี ป๋อมองเห็นพ่อและแม่ของแมวยืนคุยกับญาติ ๆ อยู่ใกล้ ๆ ลูกสาวและหันมามองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ พ่อของเธอเป็นคนรูปร่างบึกบึน ตัวสูงใหญ่ หน้าตาจริงจัง ทำให้ทุกคนที่รู้จักแมวพอจะเดาได้ว่า เธอได้รับใบหน้าที่อ่อนหวานและดวงตาที่สวยงามคู่นั้นจากแม่ของเธอแน่นอน
                      ป๋อเคยพบกับพ่อกับแม่ของแมวแล้ว สองสามครั้ง แต่ก็ดูเหมือนพ่อของเธอจะไม่ค่อยพอใจเขาสักเท่าใด และจากสายตาของพ่อแมว เขาก็พอเดาได้ว่า ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะผมของเขาที่ยาวพอ ๆ กับผมของแมว และอีกส่วนหนึ่งก็คงเพราะท่าทางของเขาที่ดูเป็นศิลปินสูง จนเหมือนไม่ค่อยจะเอาเรื่องเอาราว ไปไหนก็หอบเอากระดานรองและแผ่นกระดาษวาดภาพตลอด
                      เมื่อชายหนุ่มเห็นเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันคุยกับแมวเสร็จแล้ว เขาจึงได้จังหวะ ละทิ้งความสบายใจของการยืนอยู่คนเดียว ก้าวเข้าไปหาแมวในทันที
                     
      เหมียว...
      ป๋อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ทันทีที่มาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อนสาว
                     
      อ้าวป๋อ เป็นไงบ้าง
      แมวยิ้มทักทายอย่างอารมณ์ดี
                      ชายหนุ่มยิ้มแทนคำตอบ และยกมือขึ้นยื่นกล่องเล็ก ๆ ที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษห่อของขวัญสีฟ้าใสที่ใครเห็นก็สามารถบอกได้ว่าเป็นฝีมือของคนห่อที่ไม่ชำนาญการณ์ และติดโบว์สีทองพอเป็นพิธี
                     
      ให้เราเหรอ
      แมวถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
                      หนุ่มผมยาวรู้สึกตื่นเต้น หัวใจเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ พยักหน้ารับแทนคำตอบ และรู้สึกโล่งใจราวยกภูเขาออกจากอก ทันที
      ที่กล่องนั้นได้ย้ายไปอยู่ในมือของแมว
                      ป๋อรู้สึกถึงสายตาของคนรอบข้างที่หันมาจับจ้องอยู่ที่เขาและแมว ด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น
                     
      มันคืออะไรน่ะป๋อ... แมวถามด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น เปิดเลยได้มั้ย

                      คำถามของเธอทำให้หัวใจที่กลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติของชายหนุ่ม ประหม่าและเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง
                     “ไว้เดี๋ยว เหมียวค่อยไปเปิดบนเครื่องก็ได้... ป๋อบอกสั้น ๆ
                     
      เปิดเลยสิแมว...
      เสียงลุ้นของเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ดังขึ้น ในขณะที่หลายคนเริ่มเดินมาล้อมรอบแมว ด้วยความสงสัย
                     
      เราว่า เหมียวค่อยเปิดทีหลังดีกว่านะ...
      ป๋อพยายามเน้นย้ำ
                      เขาได้แต่ยืนมองดูหญิงสาว บรรจงใช้นิ้วอันเรียวยาวคลี่กระดาษห่อของขวัญสีฟ้า ที่เขาเพียรใช้ความอดทนและความสามารถเท่าที่มีอยู่ห่ออย่างดีที่สุด ออกช้า ๆ ทำให้กล่องกำมะหยี่สีดำที่อยู่ด้านในปรากฏกายต่อผู้คนที่ยืนรออยู่รอบข้าง
                      แมวเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผมยาวเจ้าของกล่องของขวัญดังกล่าวครู่หนึ่ง และทำท่าจะแง้มกล่องดังกล่าวเปิดออก
                     
      มันเป็นเข็มทิศน่ะ...
      ป๋อเอ่ยออกมาในที่สุด ด้วยน้ำเสียงที่สะท้อนถึงความปวดร้าว 
                     
      นายป๋อ นายนี่ท่าจะบ๊องจริง ๆ นะเนี่ยะ... เสียงเย้ายวนของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นมาทันที แมวเขาจะไปเรียนต่อนะเว้ย ไม่ได้ไปออกค่าย
                     
      ป๋อรู้สึกราวกับว่าคำพูดถากถางของเพื่อนคนนั้น ทำให้เขาตัวเล็กลง และเสียงหัวเราะทุกเสียงที่ตามมาก็ยิ่งทำให้เขาตัวเล็กลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเหมือนคนแคระในหมู่ยักษ์ เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ราวกับมีอะไรไปจุกอยู่ที่คอหอย
                      ภาพของแมวที่พลอยหัวเราะไปกับเพื่อน ๆ อย่างอารมณ์ดี มันบาดลึกลงไปในหัวใจ ป๋อ กำหมัดแน่นพยายามระงับความรู้สึกที่พลั่งพลูออกมาจากหัวใจ
                     
      โชคดีนะครับแมว...
      เขาเอ่ยเบา ๆ สบตากับแมวครู่หนึ่ง หวังว่าสายตาจะถ่ายทอดความรู้สึกที่เขาไม่สามารถจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำได้
                      และเพียงเสี้ยววินาทีถัดมา เขาก็เดินจากแมวและกลุ่มคนรอบกายเธอไปอย่างเด็ดเดี่ยว โดยไม่ได้หันกลับไปมองทางแมวอีกเลย

                                                                                      ๏๏๏๏๏๏

                     แมวนั่งมองดูเพื่อนเก่าที่นั่งจิบกาแฟอยู่ข้างหน้าเธอ และแทบไม่เชื่อว่าโชคชะตาจะนำพาให้ป๋อกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง ป๋อดูเปลี่ยนไปมาก เขาดูมีความมั่นใจ กล้าพูดกล้าคุยมากขึ้น แต่ดวงตาก็ยังฉายแววของคนช่างฝันเหมือนเดิม แม้ว่าป๋อที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอจะผมสั้นเรียบร้อย แต่เธอก็ยังคงเห็นภาพของป๋อที่ผมปลิวสไวในสายลม คอยเดินไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนเธอในมหาวิทยาลัย ตลอดระยะเวลาที่เธอไปเรียนต่อที่อเมริกา แมวได้พยายามติดต่อป๋อมาโดยตลอด ด้วยความหวังที่จะเอ่ยคำขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามบิน ในวันที่เธอออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในวันนั้น เมื่อหลายปีก่อน เธอส่งอีเมล์หาเขาเป็นระยะ ๆ และก็รอคอยอีเมล์ของเขา อย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งใช่วงแรกเธอก็จะได้รับเพียงอีเมล์ตอบที่เขียนด้วยคำห่างเหินราวกับเป็นอีเมล์ของคนห่างไกลที่เธอเพียงรู้จัก ไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่พอเนิ่นนานไป อีเมล์ของเขาก็ลดน้อยหายไป จนเป็นอีเมล์อวยพรปีใหม่ และวันเกิดเธอ ปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น จนในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ เลือนรางหายไปจากชีวิตเธอ และเมื่อเธอกลับมาถึงเมืองไทยก็ได้พยายามโทรศัพท์หาเขา แต่ก็พบว่าเขาได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ทำให้เข้าค่อย ๆ กลายเป็นคนในอดีตของเธอไปในที่สุด
                      แม้ว่า ป๋อจะเป็นเพื่อนที่เธอสนิทสนมด้วย และมีความรู้สึกดี ๆ ด้วยมากที่สุดคนหนึ่งในช่วงที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และมีหลายครั้งที่เธอรู้สึกราวกับว่า เขาและเธอน่าจะไปด้วยกันได้ดี แต่เธอไม่เคยแน่ใจว่า ป๋อจะมีใจให้กับเธออย่างจริงจัง อีกทั้งที่จริงแล้ว เธอเองก็ไม่เคยคิดจะมีใจให้กับป๋อ เพราะเขาดูเป็นคนที่สบาย ๆ ไร้ทิศทาง ไม่กระตือรือร้น แม้ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดีและจิตใจดีที่เธอสบายใจเสมอทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ แต่เธอไม่แน่ใจนักว่า หากคบกับป๋อในฐานะที่มากกว่าเพื่อนแล้ว คนอย่างเขาจะสามารถเป็นผู้นำ เป็นที่พึ่งพา พักพิงให้กับเธอได้หรือไม่ มิหนำซ้ำ เขาก็ไม่เคยได้เอ่ยปากบอกความรู้ที่แท้จริงของเขาให้เธอรู้ จนกระทั่ง คืนนั้น ที่สนามบิน
                      เธอเคยคิดกังวลว่า หากได้เจอกันอีกครั้ง เธอจะมองหน้าป๋อติดได้อย่างไร และพวกเขาจะยังคุยกันได้เหมือนเก่าหรือไม่ และในวันนี้ เธอก็ได้กลับมาเจอเขาอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ แต่เธอกลับไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ที่เธอเก็บไว้ในใจและตั้งใจจะบอกกับเขาออกมาเป็นคำพูดได้เลยแต่การที่ได้นั่งพูดคุยกับป๋อในบ่ายวันนี้นานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ทำให้ความรู้สึกดี ๆ สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยพลั่งพลูกลับมาอย่างรวดเร็ว และพิสูจน์แล้วว่า กาลเวลาและความห่างเหินไม่สามารถล้มล้างมิตรภาพและความจริงใจของคนสองคนได้  
                     
      แล้วตอนนี้ เหมียวมีครอบครัวหรือยัง... เสียงทุ้ม ๆ ของป๋อฉุดเหมียวออกจากภวังค์
                      เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ พยายามจะจับความรู้สึกบนใบหน้าหรือในสายตาของป๋อแต่ก็เห็นเขาเพียงนั่งรับฟังนิ่ง ๆ
                     
      ยังเลย เรารักความอิสระ รักที่จะอยู่ตัวคนเดียวนะ เลยยังอยู่ตัวเดียวอย่างนี้ไง
      เธอกล่าว
                     คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างมากกว่าเหตุผล พลางเค้นเสียงหัวเราะแก้เขิน
      แล้วป๋อหล่ะ...
      หางเสียงเธอแผ่วไปราวกับเกรงคำตอบของคู่สนทนา
                      รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของป๋อ ทำให้เขาดูเด็กลง
                     
      เรายังรอคอยคนที่เรารักอยู่....

                      น้ำตาบาง ๆ ก่อตัวที่ขอบตาของแมว เธอถอนหายใจเบา ๆ พลางปล่อยให้ความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งตรงขึ้นมาจากหัวใจครอบคลุมทุกอณูของร่างกายจนจนลุกซู่ไปทั้งตัว  

                                                                                      ๏๏๏๏๏๏

                      แมวดึงหัวเข็มขัดนิรภัยมาสวมเข้าที่ให้เรียบร้อย ก่อนเอนกายลงนั่งบนเบาะเครื่องบินช้า ๆ เธอหันไปมองทางพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ข้างกาย แล้วรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ กับการเดินทางที่ในที่สุดก็มาถึง
                      หญิงสาวถอนหายใจเสียงดัง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นที่สนามบิน ที่อยู่ดี ๆ ป๋อก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย หลังจากที่โดนเพื่อน ๆ ล้อเรื่องของขวัญที่เขามอบให้กับเธอ แมวไม่รู้ว่าทำไมป๋อถึงได้รู้สึกรุนแรงขนาดนั้น แต่สายตาที่เขามองเธอก่อนที่จะเดินจากไปนั้น มันทั้งเจ็บปวดและร้าวราน จนเธอทำให้เธอตกใจไม่น้อย
                      แมวล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงและค่อย ๆ หยิบกล่องกำมะหยี่ สีดำขนาดเท่าฝ่ามือของเธอออกมาเพ่งพินิจครู่หนึ่ง พลางอดสงสัยไม่ได้ว่า ป๋อคิดอะไร ถึงได้ไปซื้อเข็มทิศมาเป็นของขวัญให้เธอ
                      เครื่องบินเริ่มเคลื่อนตัวบนรันเวย์ เมื่อแมวใช้นิ้วแกะสลักที่ยึดฝากับตัวกล่องไว้ดัวยกัน และทันทีที่ฝากล่องกระเด้งเปิดออก และสายตาเธอสัมผัสกับของขวัญที่อยู่ข้างใน เธอก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระทึก แมวกัดริมฝีปากแน่น พยายามระงับความตื้นตันใจที่เอ่อล้นออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ เธอบรรจงใช้นิ้วหยิบเข็มทิศขนาดกะทัดรัดออกมาจากกล่อง
                      ผิวเผิน เข็มทิศที่อยู่ในมือเธอนั้นมองดูเหมือนเข็มทิศธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ แมวพบว่าปลายลูกศรนั้นถูกดัดแปลงให้เป็นรูปหัวใจสีแดงแทนหัวลูกศรธรรมดา และตัวอักษรบอกทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก บนหน้าปัด ก็ตั้งอยู่บนรูปหัวใจสีแดงสดใส ปลายนิ้วของแมวที่ถือเข็มทิศอยู่นั้น รู้สึกได้ว่ามีการสลักข้อความบางอย่างอยู่ด้านล่วง เธอจึงรีบพลิกมันขึ้นอ่านดู ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความความสุขและความอิ่มเอม และเพ่งอ่านมันผ่านม่านน้ำตา      
                     
      แด่เหมียว...
                      ไม่ว่านานเพียงใด
                      เราจะรอวันที่เข็มทิศนี้
                      นำเธอกลับคืนสู่อ้อมแขน
                      แห่งรักของเรา


                                                                                      ***************

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×