คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ไล่ล่า
ในเงามืดห่างจากแก๊งลูกไก่ไปเล็กน้อย ยี่ฟงเร้นกายเฝ้าสังเกตการณ์เพื่อรอโอกาสในการชิงทรัพย์ เขาส่งเสียง หึ เมื่อได้ยินดาบโลกันต์ประกาศกร้าว ทว่าในตอนนี้พวกมันทั้งห้าจำต้องฝืนร่างกายอันบอบช้ำลุกขึ้นยืนเนื่องจากความตายกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที ๆ แล้ว เหตุผลที่ยี่ฟงไม่ลงมือสังหารแก๊งลูกไก่อย่างเด็ดขาดแต่เลือกที่จะสร้างสถานการณ์เฉกเช่นในตอนนี้ขึ้นมาแทนก็เพราะต้องการจะให้พวกมันได้จดจำช่วงเวลาอันเลวร้ายเอาไว้
หากดาบโลกันต์กับสมุนไม่ยอมแพ้และยังคิดจะไล่ล่าเขาอีก จิตใต้สำนึกของพวกมันก็จะคอยย้ำเตือนว่าท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์มันเคยจบลงอย่างไร
อีกประการหนึ่ง ภายใต้ความกดดันเช่นนี้จะช่วยผลักดันให้แก๊งลูกไก่แตกหักกันรวดเร็วมากกว่าที่ควรจะเป็น
“เฮ้ย! รอฉันด้วยสิโว้ย” ดาบโลกันต์ตะโกนเรียกเหล่าสมุน ก่อนหน้านี้ตัวมันตายมาครั้งหนึ่งแล้ว เลเวลจึงน้อยกว่าสมุนทุกคนในปกครองเสียอีก
“ช้าไม่ได้หรอกหัวหน้า สัตว์อสูรฝูงใหญ่มันไล่มาถึงแล้ว!”
คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ใบหน้าของดาบโลกันต์แดงก่ำอย่างโกรธเคือง ไม่นานตัวมันก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังก่อนจะปรากฏเงาร่างนับไม่ถ้วนกระโจนเข้าใส่จากทุกทิศทาง ดาบโลกันต์ทราบในทันทีว่ามันไม่มีทางรอดแน่นอนแล้ว
“ไอ้พวก…!” เสียงของดาบโลกันต์ขาดหายไปเสียก่อนจะได้สบถคำสุดท้ายออกมา
สัตว์อสูรที่โถมมาเรื่อย ๆ พากันไล่ล่าเหยื่อที่เหลือรอดอย่างต่อเนื่อง เลือดที่เปรอะอยู่ตามร่างของเหยื่อคล้ายเป็นดั่งตัวชี้เป้า พริบตาก็บังเกิดเสียงร้องโหยหวนจากเพลเยอร์กลุ่มสุดท้ายขึ้นมาเป็นการบอกกล่าวให้ยี่ฟงทราบว่าไม่มีผู้รอดชีวิตจากเซอร์ไววัลเกมแม้แต่คนเดียว
“ทางสะดวก
ฮ่า ฮ่า”
ยี่ฟงเผยตัวจากที่ซ่อนและทะยานร่างกลับไปยังจุดที่เขาได้ปะทะกับแก๊งลูกไก่อีกครั้ง บนพื้นยังคงปรากฏศัสตราที่ศัตรูเผลอทำหล่นเอาไว้อยู่เช่นเดิม แม้ไอเทมจะร่วงหล่นจากตัวเพลเยอร์แล้วก็ตาม ทว่าคนอื่นก็ยังไม่มีสิทธิ์ครอบครองจนกว่าเจ้าของมันจะพลาดตายเสียก่อน แน่นอนว่ากระบี่ทั้งสาม หนึ่งหอก และสุดท้ายคือดาบอีกหนึ่งเล่มได้ตกเป็นของยี่ฟงแต่เพียงผู้เดียว
“กระบี่คลาส D! มีของดีเหมือนกันนี่หว่า”
ยี่ฟงกล่าวพลางเก็บศัสตราคลาส
E และ F ที่เหลือซึ่งไม่ต่างจากขยะลงในช่องเก็บของ ส่วนกระบี่คลาส D เขาย่อมไม่พลาดที่จะนำมันมาใช้แก้ขัดไปก่อน
“ลุงจะนำหน้าไปไกลเท่าไรแล้วเนี่ย เอาวะ
ได้โอกาสทดสอบพลังกายของตัวเองจริง ๆ ดูสักครั้งก็ดีเหมือนกัน”
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะและข้อเท้าคล้ายกำลังเตรียมตัว จากนั้นเขาจึงถีบเท้าส่งร่างพุ่งทะยานออกไปด้านหน้าสุดแรงเป็นครั้งแรก การเคลื่อนที่ของยี่ฟงราวกับนกที่ถลาเรียดผิวน้ำ ทุกก้าวที่ดีดออกล้วนทำให้ร่างของเขาลอยเหนือพื้นไปได้ครู่หนึ่งเลยทีเดียว ไม่ถึงสองนาทีชายหนุ่มก็กลับเข้าสู่เส้นทางสัญจรหลักอีกครั้ง พอไม่มีต้นไม้ขวางหน้าเหมือนตอนอยู่ในป่ายิ่งส่งให้ยี่ฟงเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
“สุดยอดเลยโว้ย! นี่แค่วิชาตัวเบาขั้นพื้นฐานเองนะเนี่ย”
ยี่ฟงกล่าวอย่างลิงโลด ชั่วครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจบางสิ่งได้
“คัมภีร์วิชาตัวเบา ฉันจะต้องได้มันมาเพิ่มความเทพของตัวเองให้มากขึ้นอีก นี่ฉันจะบินได้เลยรึเปล่าวะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ขณะกำลังเพ้อฝันกับตัวเอง ยี่ฟงก็ถูกสัตว์อสูรตามทางพุ่งเข้าโจมตีเป็นระยะ แต่ไม่มีตัวใดสามารถขัดขวางหรือรั้งเขาเอาไว้ได้เลย ทุกอย่างภายในเขตจงหยางแห่งนี้อ่อนแอเกินไปสำหรับยี่ฟงที่แม้จะเป็นเพียงยอดฝีมือระดับต่ำก็ตาม
ทางด้านของมังกรเฒ่า เนื่องจากเส้นทางที่ผ่านมายังไม่ปรากฏพื้นที่ซึ่งเหมาะแก่การตั้งแคมป์พักแรม เขาจึงต้องเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมั่นใจถึงความปลอดภัยของตัวเอง สำหรับเพลเยอร์ที่คิดจะพักแรมกลางป่ากลางเขาล้วนแต่ต้องคำนึงและท่องให้ขึ้นใจอยู่เสมอว่าพวกเขามีโอกาสที่จะถูกสัตว์อสูรบุกโจมตีแคมป์ที่พักได้ การเลือกสถานที่พักแรมจึงต้องให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุดเข้าไว้
‘ขืนยังเดินต่อไปมีหวังยี่ฟงมันตามมาไม่ทันแน่ ข้าคงต้องหยุดรอมันอยู่แถวนี้ไปสักพัก’ มังกรเฒ่าคิดในใจ
เมื่อตัดสินใจได้แล้วเขาจึงเลี้ยวเข้าไปนั่งพักพิงใต้ต้นไม้ข้างทางพร้อมกับนำขวดน้ำออกมาดื่ม แต่ในจังหวะที่ชายแก่ผ่อนคลายและลดการป้องกันตัวลงก็พลันได้ยินเสียงพุ่มไม้ด้านขวาขยับไหว เขาเร่งดีดร่างลุกขึ้นยืนอย่างตกใจพลางเพ่งสายตามองไปยังพุ่มไม้ที่ว่า
“ตัวอะไรวะ” มังกรเฒ่าเอ่ยเสียงเบา
หลังจากพินิจอยู่นานก็ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ชายแก่จึงคิดว่าตนกังวลมากไปเอง แต่พริบตาที่เขาทำท่าจะหันกลับไปเจ้านักล่าที่เฝ้ารอจังหวะสังหารก็กระโจนเข้าใส่พร้อมเสียงขู่คำราม คมเขี้ยวแหลมสะท้อนแสงจันทร์ ร่างกายทุกส่วนของมันปกคลุมไปด้วยขนสีดำจนกลืนไปกับเงามืดในยามราตรี
มังกรเฒ่าสะดุ้งโหยงได้แต่ยกแขนทั้งสองขึ้นปัดป้องเอาไว้ตามสัญชาตญาณ คมเขี้ยวจากนักล่าจึงฝังลงที่แขนของเขาอย่างแรงก่อนมันจะพยายามสะบัดศีรษะไปมาเพื่อกระชากเหยื่อให้ล้มลงกับพื้น หลังจากมันเผยตัวเข้าจู่โจมระบบจึงค่อยรายงานสถานะให้ทราบ
‘สัตว์อสูรเสือดำเลเวล 22 โจมตี’
“อ๊ากกก! ซวยฉิบหายเลยโว้ย”
มังกรเฒ่าส่งเสียงร้องขณะยื้อยุดกับเจ้าเสือดำอย่างไม่ยอมแพ้ กระทั่งเขาชำเลืองเห็นต้นไม้ใกล้ตัวจึงฝืนเหวี่ยงแขนส่งร่างของเสือดำกระแทกเข้ากับลำต้นไม้จนมันยอมคลายออก ส่วนมังกรเฒ่าเสียหลักจนต้องตะเกียกตะกายทิ้งระยะห่างออกไป จังหวะเดียวกับที่เสือดำกวดฝีเท้าตรงเข้าหาอย่างต่อเนื่องส่งให้ชายแก่ต้องรีบนำกระบี่คู่กายขึ้นมาเพื่อปลดปล่อยวิชายุทธ์โจมตีสวนกลับไป
“เพลงกระบี่ใบไม้ไหว!”
สิ้นเสียงก็บังเกิดคลื่นลมพัดพลิ้วดูดใบไม้ตามพื้นขึ้นมาอัดแน่นรวมกันอย่างว่องไว เมื่อมังกรเฒ่าทิ่มแทงกระบี่ใส่มวลอากาศจึงส่งผลให้กองใบไม้ทะยานเข้าหาเป้าหมายเบื้องหน้า เสือดำเมินเฉยต่อวิชายุทธ์ที่ไม่ต่างอะไรจากปาหี่ด้วยการกระโจนเข้าปะทะอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าร่างของมันกลับถูกเชือดเฉือนทันทีเมื่อสัมผัสกองใบไม้ที่ถูกชักนำโดยสายลมหอบหนึ่ง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพียงเป็นรอยแผลยิบย่อยซึ่งไม่ได้สร้างความลำบากใด ๆ ให้แก่นักล่าเลเวล 22 แม้แต่น้อย
“ใครจะอยู่ให้โดนขย้ำล่ะวะ ไปแล้วโว้ย!!”
มังกรเฒ่าตัดสินใจโกยแนบสุดฝีเท้าหลังจากที่เห็นเสือดำถูกขัดขวางจนชะงักไปครู่หนึ่ง แน่นอนว่าเสือดำต้องไล่ล่าไม่ยอมปล่อย ความเร็วของมันเหนือชั้นกว่าชายแก่มากมายนัก แต่ทุกครั้งที่ระยะของทั้งคู่หดสั้นลงจนเข้าขั้นอันตราย มังกรเฒ่าจะหันไปปลดปล่อยเพลงกระบี่ใบไม้ไหวขัดขวางเอาไว้และทิ้งห่างออกไปอีกเหมือนเดิม
“ข้าเกลียดการถูกสัตว์อสูรไล่ตอนกลางคืนซะจริง กัดไม่ยอมปล่อยเลยไอ้ฉิบหาย!”
ภาพเดิม ๆ วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งเป็นฝ่ายมังกรเฒ่าเสียเองที่เริ่มจะหอบเหนื่อยจนตัวโยน ต่างจากเสือดำลิบลับ ยิ่งนานเข้ามันยิ่งรู้จักหลบหลีกการโจมตีของชายแก่ สุดท้ายเสือดำก็แทบไม่ถูกขัดขวางอีกเลยจนมันสามารถกระโจนเข้าหาเหยื่อได้ตามที่หวัง
“หมอบลง!”
แต่ในวินาทีเป็นตายพลันปรากฏเสียงสั่งการขึ้นมา มังกรเฒ่าแทบไม่ต้องเสียเวลาทำตามเพราะร่างของเขาล้าเกินกว่าจะทรงตัวอยู่ได้อีกต่อไป ช่วงจังหวะพริบตาที่ชายแก่วูบลงกับพื้นจึงเผยให้เห็นร่างชายหนุ่มเจ้าของเสียงพุ่งข้ามเข้าไปขวางหน้าเสือดำเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที แกร๊ง! เขายกกระบี่ขวางลำตัวต้านรับทั้งคมเขี้ยวและกรงเล็บ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจป้องกันกรงเล็บจากขาหลังของเสือดำไว้ได้จนบังเกิดบาดแผลบริเวณช่วงเข่าขึ้นมา ส่วนเสือดำดีดร่างถอยหลังกลับออกไปทั้งยังม้วนตัวลงมาหยัดยืนได้อย่างมั่นคงในเวลาอันสั้น
“เลเวล 22 เชียวเหรอ!” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเครียด ในขณะที่เสือดำยังคงขู่คำรามไม่หยุด
“ไอ้หนุ่ม ช่วยถ่วง…เวลาให้ข้าได้พักฟื้น…แปปหนึ่ง”
มังกรเฒ่าเอ่ยคำขาด ๆ หาย ๆ และพยายามคลานหาระยะปลอดภัย
“ไม่รู้ผมจะต้านมันเอาไว้ได้นานแค่ไหนนะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวยังไม่ทันจบคำดีเจ้าเสือดำก็พุ่งเข้าโจมตีอีกแล้ว เขาฝืนร่างกายอย่างหักโหมเพื่อปะทะกับมันตรง ๆ อีกครั้ง จุดประสงค์ก็เพื่อซื้อเวลาให้มังกรเฒ่าพ้นจากระยะอันตราย การปะทะรอบนี้โชคดีที่เสือดำมันเสียหลักจนชายหนุ่มช่วงชิงโอกาสตวัดคมกระบี่เฉือนร่างของมันกลับไปได้อย่างจังจนโลหิตไหลอาบ เสือดำส่งเสียงร้องเจ็บปวดก่อนจะหมุนตัววิ่งจากไปในป่าข้างทาง มังกรเฒ่าที่เห็นดังนั้นกำลังจะพ่นลมหายใจหนักหน่วงอย่างโล่งอก แต่ทว่าภายในป่ามืดทะมึนกลับบังเกิดเสียงคำรามคล้ายคลึงกับเสือดำตัวเมื่อครู่ขึ้นมาเสียก่อน
จากที่ได้ยินแล้วมันบ่งชี้ให้เพลเยอร์ทั้งสองทราบว่า…
“ไอ้หนุ่มหนีโว้ย!! แม่มเล่นไปฟ้องฝูงแบบนี้มีกี่ชีวิตก็ไม่พอให้เสีย” มังกรเฒ่าตะโกนเตือนสติผู้มีพระคุณ
“ลุงยังวิ่งไหวใช่มั้ย!?” ชายหนุ่มหน้าละอ่อนหันกลับไปถามอย่างหวังดี ทว่าชายแก่ซึ่งรั้งอยู่ข้างหลังเมื่อครู่กลับชิงสับตีนแตกโกยอ้าวไปก่อนเรียบร้อยแล้ว เห็นแบบนั้นชายผู้หวังดีถึงกับเบ้ปากไม่อยากจะเชื่อ
“รอด้วยดิลุง!!”
ความคิดเห็น