คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : ได้สติ
ทหารฝีมือดีตัวหนึ่งปัดป้องไม่ทัน ร่างจึงถูกหอกทิ่มแทงกระชากปลิวถอยหลังกลับไปปะทะกับโลงศพ ราวกับเกาทัณฑ์ยักษ์ ปลายหอกแทงทะลุร่างของมันและเสียบคาอยู่กับโลงศพไว้จนลุกขึ้นมาไม่ได้ชั่วขณะ
ส่วนทหารฝีมือดีอีกสามตัวเมื่ออยู่ในระยะหวังผล พวกมันก็ทิ่มแทงหอกในมือเข้าใส่อย่างช่ำชอง ยี่ฟงเวลานี้จึงกวัดแกว่งกระบี่แฝงลมปราณต้านรับปัดป้องสุดฝีมือ ทว่าปลายหอกทั้งสามคล้ายอสรพิษเมื่อถูกใช้โดยกองทหารฝีมือดี กระทั่งยี่ฟงสังเกตเห็นปลายหอกเปล่งแสงจาง ๆ
เป็นการบอกกล่าวว่าพวกมันจะใช้วิชายุทธ์!
มอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวล
40 ขึ้นไปจะมีวิชาหรือทักษะยุทธ์บางอย่างคอยเสริมความแข็งแกร่งอยู่ด้วย
ยี่ฟงคิดจะทะยานร่างถอยหลังหนีแต่ก็ถูกขุนพลผู้ภักดีซึ่งอยู่วงนอกมาตลอดดักทางไว้ ยี่ฟงหยุดร่างปักหลักอย่างไม่มีทางเลือก เปิดโอกาสให้ทหารฝีมือดีทั้งสามตัวเปิดฉากโจมตีหนักหน่วง ปลายหอกของพวกมันปรากฏเงาโจมตีซ้อนเข้ามายากจะปัดป้องหลบหลีก ยี่ฟงจึงเริ่มได้แผลเป็นรูตามร่างกายแต่หลังจากผ่านไปสามวินาทีร่างอมตะก็ทำงาน โลหิตพลันหยุดไหล ความเจ็บปวดบังเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนจะผ่อนเบาลงเพราะบาดแผลกำลังฟื้นฟูรักษาตัวมันเองแม้เขายังไม่ได้ดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดก็ตาม
ความสามารถของร่างอมตะมีประโยชน์ยิ่งเพราะระหว่างปะทะพัวพันกันอยู่คงไม่มีจังหวะให้ใครทันได้ดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดเป็นแน่
ยี่ฟงกัดฟัน แววตาดุดันเกรี้ยวกราด เขาสะกดตัวเองให้เมินความเสียหายที่ศัตรูสร้าง จากนั้นเก็บกระบี่และใช้เพียงหมัดเท้าพุ่งเข้าปะทะโดยไม่แสดงอาการชะงักงันแม้จะเจอคมอาวุธยาวทิ่มแทงสวนเข้ามา ยี่ฟงสะบัดพลิกฝ่ามือปัดป้องเท่าที่จำเป็น นอกนั้นเขาโจมตีแลกกลับไปตรง ๆ ราวเสียสติ แต่ความจริงแล้วยี่ฟงเพียงเลิกคิดให้มากความและตัดสินใจง่าย
ๆ โดยการโยนภาระไปให้ร่างอมตะแสดงผลเต็มกำลังแทน
การต่อสู้กลับกลายเป็นดุเดือดขึ้นมาทันทีเมื่อนักรบตายซากตัวแรกซึ่งปลิวไปกับหอกกลับเข้ามาอีกครั้ง ส่วนขุนพลผู้ภักดียังคงมองอยู่จากวงนอก ยี่ฟงคิดว่ามันคงเป็นแพทเทิร์นที่ถูกโปรแกรมไว้ หากเพลเยอร์ไม่แส่เข้าไปหามันเองก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่ากองทหารฝีมือดีทั้งสี่จะเพลี่ยงพล้ำตกตายไปเสียก่อน
อย่างน้อยผู้พัฒนาเกมนี้ก็ยังเห็นใจโซโล่เพลเยอร์อยู่บ้าง พวกเขาพยายามสร้างทางรอดให้แก่เพลเยอร์ทุกสาย หาไม่แล้วนักรบตายซากโถมเข้ามาพร้อมกันตั้งแต่เริ่ม นั่นสมควรเป็นภาพสุดท้ายที่เหล่าโซโล่เพลเยอร์จะได้เห็นก่อนถูกกระทืบจนตาย
ไม่ช้าความต่างชั้นของพลังกายก็แสดงผล กองทหารฝีมือดีทั้งสี่แม้จะไม่ธรรมดาแต่เลเวลพวกมันต่ำกว่ายี่ฟงมากเกินไป หอกในมือก็เริ่มรับความเสียหายไม่ไหวกระทั่งแตกหักสะบั้นเป็นสองส่วน หลังจากนั้นพวกมันทั้งสี่ถูกหมัดกระแทกนวดไปเรื่อย
ๆ จนอ่อนยวบร่วงผล็อยกองลงไปกับพื้นอย่างหมดท่า ยี่ฟงเหลือบมองขุนพลผู้ภักดีที่โก่งลำคอแผดเสียงคำรามท่าทางโกรธแค้น จากนั้นมันก็ทะยานเข้าโจมตีในที่สุด
ยี่ฟงไม่คิดว่าจะต้องเสียเวลามากขนาดนี้ การทะลวงขีดจำกัดเลเวลครั้งแรกเองก็ใกล้จะหมดลงทุกที
“แค่แกตัวเดียวคงไม่เท่าไรหรอกมั้ง!?”
ขุนพลผู้ภักดีคล้ายเข้าใจในคำยั่วยุนั้นมันถึงได้แยกเขี้ยวจนดูน่ากลัวกว่าปกติ
ทว่ายี่ฟงปักหลักอยู่กับที่รอคอยจังหวะเคาน์เตอร์สวนกลับไป เขาต้องการจู่โจมใส่จุดอ่อนของมันหนัก ๆ
สักทีเพื่อจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด ส่วนขุนพลผู้ภักดีทะยานฝ่ามวลอากาศเข้ามาพร้อมกุมกระบี่แน่น ยิ่งระยะทางสั้นลงมันก็ยิ่งง้างวงแขนกว้างขึ้นเรื่อย
ๆ แต่เมื่อมันเข้าประชิดหวังผล ยี่ฟงพลันระเบิดพลังปราณออกไปเต็มที่ สำหรับนักรบตายซากที่ไม่มีลมปราณแล้วจึงเสียหลักเซถลาถอยหลังไป พอสบโอกาสยี่ฟงก็นำกระบี่ขึ้นมือพร้อมดีดเท้าพุ่งทะยานสวนเข้าไปและตวัดคมกระบี่ผ่าลงใส่จุดอ่อนของมันจนสุดแรง
ขุนพลผู้ภักดีกรีดร้องเสียงแหลมบาดหู คมกระบี่ผ่าลงสะบักไหล่ขวาของมันลากลึกเข้าไปจนกระทบกับชุดเกราะเบาที่มันสวมใส่อยู่เลยทีเดียว หากไม่มีเครื่องป้องกันขวางไว้ล่ะก็ร่างนั้นสมควรขาดแหว่งออกไปแล้ว ยี่ฟงพยายามจะดึงกระบี่กลับออกมาแต่มันติดแน่นเกินไป จังหวะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ว่าเปิดโอกาสให้ขุนพลผู้ภักดีมันแทงกระบี่สวนกลับเข้ามา ยี่ฟงเบิกตากว้างพยายามจะเอี้ยวตัวหลบแต่ระยะหวังผลมันใกล้เกินกว่าที่จะหลบพ้นไปได้ทั้งหมด กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายตกที่นั่งลำบากไม่น้อยไปกว่ากัน
“ฉิบหาย!”
ยี่ฟงอุทานเมื่อพบตัวกระบี่ของศัตรูเปล่งแสงออกมาทั้งที่ยังเสียบทะลุคาช่วงท้องเขาอยู่
“เพลงกระบี่ใบไม้ไหว!”
ยี่ฟงตัดสินใจภายในเสี้ยววิเรียกใช้วิชายุทธ์ออกไปบ้าง
ตูม!
เกิดระเบิดปะทุอัดใส่ทั้งสองฝ่ายในระยะเผาขน ร่างกระเด็นแยกออกจากกันและกลิ้งไถลไปกับพื้นอย่างรุนแรง ช่วงแขนขวาของขุนพลผู้ภักดีถึงกับสะบั้นขาดแหว่งออกไป ในขณะที่ยี่ฟงท้องเป็นแผลกว้างสาหัสถึงตาย หากไม่ได้ร่างอมตะยื้อชีวิตไว้ด้วยการหยุดไหลของโลหิตล่ะก็เขาจะตายภายในหนึ่งนาทีแน่
ๆ
ทั้งสองฝ่ายกองอยู่กับพื้นร่างสั่นกระตุก พลังในการฟื้นฟูไม่ด้อยไปกว่ากันนัก แต่ยี่ฟงกำลังฝืนยกฝ่ามือขึ้น เขาเคลื่อนย้ายมันเชื่องช้ามากเพื่อจะนำเอาน้ำยาเพิ่มเลือดออกมาดื่มเร่งอัตราความเร็วฟื้นฟูรักษา ด้านขุนพลผู้ภักดีเองก็ไม่สนใจความเสียหายที่ได้รับ มันพยายามฝืนลุกขึ้นและคำรามออกมาไม่หยุดแต่ก็ทำได้แค่คลานอยู่กับพื้น จนเป็นยี่ฟงที่สามารถดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดได้ในที่สุดแม้จะมีสำลักบ้างก็ตาม
กลายเป็นฝ่ายมนุษย์ที่มีเปรียบ ส่วนนักรบตายซากที่ถูกทำลายบริเวณจุดอ่อนจะฟื้นฟูได้ช้ามาก
จวบกระทั่งการทะลวงขีดจำกัดเลเวลครั้งแรกหมดไป ความสามารถฟื้นฟูของร่างอมตะจึงไม่แสดงผล แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรนักเพราะยี่ฟงพ้นขีดอันตรายไปแล้ว เขากลับมาคุมเกมได้ตามเดิมจึงรีบลุกขึ้นแม้จะเจ็บมากก็ตาม ยี่ฟงก้าวอย่างเชื่องช้าลดระยะเข้าไปหาขุนพลผู้ภักดี ได้เห็นมันที่พยายามคลานไปหาแขนซึ่งขาดกระเด็นไปอีกทิศทางหนึ่งแล้วก็มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเขาที่ชนะ เมื่อเข้าถึงตัวมัน ยี่ฟงก็กระทืบใส่ศีรษะของมันไม่ยั้ง สุดท้ายระบบก็แจ้งยืนยันให้ชื่นใจ
‘เพลเยอร์ยี่ฟงทำการสังหารขุนพลผู้ภักดีและบริวารลงได้ ได้รับเศษกุญแจไม่สมบูรณ์…’
‘เพลเยอร์ยี่ฟงสำเร็จในการเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 40’
ชายหนุ่มทรุดร่างก่อนจะหงายหลังนอนแผ่หลาไปกับพื้นข้าง
ๆ ซากของศัตรูเดี๋ยวนั้นเลย หลังจากลมหายใจผ่อนเบาลงเขาก็รีบดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดเพื่อฟื้นฟูบาดแผลให้หายดีก่อนเป็นลำดำแรก ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีนัก ดูเหมือนการปล่อยให้อารมณ์นำพาไปโดยขาดการไตร่ตรองที่ดีสามารถทำให้เขาตายได้จากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ที่ยังรอดชีวิตอยู่นี่ล้วนแต่เป็นความสามารถของวิชายุทธ์สายสนับสนุนทั้งสิ้น
ยี่ฟงเป่าปากคลายความตึงเครียดให้ตัวเอง
ตอนนี้เขาเลเวล
40 แล้ว ย่อมเรียกใช้วิหคอหังการซ้อนกันสองครั้งไม่ได้ไปสักพักใหญ่จนกว่าจะเลื่อนเลเวลถึง
46 เสียก่อน นั่นหมายความว่าต่อจากนี้เขาจะต้องปะทะกับขุนพลผู้ภักดีและบริวารของมันอย่างลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว ชายหนุ่มนำเอาเศษกุญแจไม่สมบูรณ์ที่เพิ่งดรอปได้ขึ้นมาพินิจดู
เศษกุญแจไม่สมบูรณ์ จะใช้ได้เมื่อประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดสำเร็จ
เพลเยอร์ไม่สามารถผ่านห้องโถงแห่งนี้ไปได้จนกว่าจะรวบรวมเศษกุญแจครบเพื่อไขประตู
สังหารขุนพลและบริวารทั้งหมดภายในห้องนี้เพื่อรวบรวมเศษกุญแจ
สังหารขุนศึกที่ปกครองนักรบเหล่านี้เพื่อรับกลไกสำคัญในการประกอบกุญแจ
จากข้อมูลแล้วส่วนที่ยี่ฟงเพิ่งสังหารไปคงจะยังไม่เกิดใหม่ขึ้นมาอีกจนกว่าเขาจะผ่านห้องโถงนี้ไปได้เสียก่อน แต่ดูภาพรวมก็นับว่ายี่ฟงพบเจอความลำบากเข้าให้แล้ว
การจะสังหารศัตรูได้สักกลุ่มหนึ่งคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในขณะนี้ ยี่ฟงกวาดมองไปทั่วสะท้อนภาพของโลงศพเรียงรายนับร้อยผ่านสายตา
“เฮอ
ไอ้การสืบทอดพลังที่ว่าถ้ามันไม่ถูกใจวัยรุ่นล่ะก็ได้มีโวยกันบ้างล่ะวะ”
ยี่ฟงกล่าวประชดขึ้น
ระหว่างพักฟื้นและรอให้วิชายุทธ์คูลดาวน์เสร็จ ยี่ฟงก็อดที่จะคิดถึงเรื่องราวของโลกจริงไม่ได้ ชายหนุ่มใคร่ครวญอย่างเต็มที่แล้วเกี่ยวกับโปรเจคพิเศษที่พ่อแม่ของเขาร่วมสร้างอยู่กับบริษัทยักษ์ใหญ่ทรงอำนาจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถอนตัวในตอนนี้เพราะก่อนจะเริ่มโปรเจคย่อมต้องมีการเซ็นสัญญาผูกมัด
อีกประการหนึ่ง วาทินกับดาราไม่ได้มีอำนาจอะไรมากต่างจากผู้เป็นพ่อของจี้โบว์อดีตแฟนสาวของเขา และแน่นอนว่ายี่ฟงไม่ต้องการให้พ่อแม่ทราบเรื่องราวบัดซบที่เกิดขึ้นนี้
พวกท่านทั้งสองรักในการประดิษฐ์สร้างเทคโนโลยี และมันก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้วจึงไม่เป็นผลดีอะไรหากเขาจะนำเรื่องวุ่นวายไปบอกกล่าวให้พวกท่านรับรู้
การประสบความสำเร็จสามารถคลอดเทคโนโลยีใหม่
ๆ ออกมาได้นับเป็นความสุขหาใดเปรียบของสามีภรรยาคู่นี้ ซึ่งชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ร่วมกับพวกท่านทั้งสองมา จดจำได้ขึ้นใจ
“รอก่อนเถอะ
โปรเจคพิเศษอะไรนั่นเสร็จเมื่อไร ถึงตอนนั้นฉันจะต้องเก่งพอที่จะทำลายพวกแกให้ได้!”
หลังจากการปะทะเดือดใต้มหานครฉางอานอยู่ในช่วงพักเบรก เบื้องบนภาคพื้นดินก็สว่างจ้าและมีการเคลื่อนไหวลับ
ๆ เกิดขึ้นแล้ว 3 กึ่งเซียน 7 เทพยุทธ์ บัดนี้ลอบเร้นกลืนหายเข้าไปในอาณาเขตอันตรายเรียบร้อยพร้อมด้วยการนำพายอดยุทธ์กลุ่มเล็ก
ๆ ติดสอยห้อยตามไปด้วย ส่วนกองทัพยิ่งใหญ่ที่เหลือเพียงตรึงกำลังด้วยการสร้างแคมป์ห่างจากอาณาเขตชั้นนอกของมหานครฉางอานเอาไว้เพื่อตบตาเพลเยอร์กลุ่มอื่น
ๆ
กิลด์ใหญ่ทั้งห้ากลับเดินหมากแรกเหมือนกันแทบไม่มีใดต่าง
ทว่าก็ยังมีกลุ่มอื่นทราบถึงการเคลื่อนไหวนี้อยู่ด้วย
“พวกเราจะตามอีกฝ่ายไปห่าง ๆ”
หนวดพยัคฆ์กล่าวขึ้น
“นายคิดว่าพวกนั้นจะปะทะกันไหม”
ศัสตราเทพเอ่ยถาม แต่
“ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เมื่อฝ่าเข้าไปถึงตัวเมืองโบราณเมื่อไรการปะทะย่อมต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ”
เวลานี้หนวดพยัคฆ์
จางเหมย อินทรีเหิน และศัสตราเทพกำลังไล่ติดตามคนของกิลด์ใหญ่อยู่ห่าง ๆ จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งทรัพยากรภายในถิ่นตัวเองไปได้ทั้งหมดโดยง่ายนัก
ความคิดเห็น