ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #32 : ออฟไลน์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.13K
      1.19K
      4 ม.ค. 61

    ยี่ฟงยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง              สามวันก่อนเขายังลำบากจนแทบไม่ได้ออกห่างปากทางเข้าห้องเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ต่อให้ปะทะกับทหารองครักษ์แห่งฉางอานพร้อมกันสี่ตัวก็ยังไม่ใช่ปัญหา    การเคลื่อนไหวระยะประชิดของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้นำสิ่งที่ร่ำเรียนจากภายนอกมาใช้จริง       นั่นส่งผลให้ยี่ฟงเหนื่อยช้าลงไปด้วย         จำนวน มอนสเตอร์ที่ถูกสังหารในแต่ละวันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกเช่นกัน

    พอหลุดจากภวังค์จิตที่โฟกัสอยู่แต่กับการต่อสู้  ยี่ฟงก็พลันมีความคิดพิเรนทร์ขึ้นมาทันที

    วิหคอหังการ

    ชายหนุ่มเรียกใช้วิชายุทธ์ที่หลายวันมานี้เขาต้องพึ่งพามันมาตลอด      เมื่อเลเวลถูกทะลวงขีดจำกัดขึ้นเป็น 42   ยี่ฟงก็รีบทดลองกล่าวซ้ำขึ้นอีกครั้งว่า  วิหคอหังการ

    เปลวไฟดวงใหญ่กว่าทุกทีพวยพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วห้องโถง          เศษหินทุกซอกมุมถึงกับกระดอนขึ้นจากพื้นตามจังหวะการสั่นสะเทือน

    เพลเยอร์ยี่ฟงสำเร็จในการเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 45  ทักษะยุทธ์วิชาตัวเบาขั้นกลางได้รับการปลดล็อค

    ทักษะยุทธ์แฝงลมปราณในวัตถุได้รับการปลดล็อค

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  คะแนนของวิชายุทธ์นี้นำมาเป็นอันดับหนึ่งในใจฉันเลย

    ยี่ฟงแผดเสียงหัวเราะเย้ยจีเอ็มและผู้พัฒนาเกม    ไม่ว่าอีกฝ่ายจะลืมกำหนดขอบเขตเอาไว้หรือจงใจให้มันเป็นอย่างนี้ก็ตาม  ชายหนุ่มล้วนมีแต่ได้ไม่มีเสีย     การจะเรียกใช้วิชายุทธ์วิหคอหังการซ้อนกันได้เช่นนี้ก็คงต้องรอให้เข้าเงื่อนไขเพียงประการเดียว  จนกว่าการเรียกใช้ครั้งแรกจะส่งผลให้เลเวลทะลวงผ่านเงื่อนไขที่วิชายุทธ์นี้กำหนดเอาไว้ให้  จากที่ยี่ฟงคำนวณแล้วก็คือตั้งแต่เลเวล 37  46  และ 60  ขึ้นไป   ถ้าเลเวลมากกว่า 65+ แล้วก็คงเรียกใช้ซ้อนกันอีกไม่ได้

    ยี่ฟงคิดจะผ่านห้องโถงแห่งนี้ไป      แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็นำเอาชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะขึ้นมาพินิจดูใหม่อีกครั้ง  หากมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงต้องพับเก็บไว้ก่อนและเดินหน้าต่อไป

    หือ  เก็บครบ 50 แล้วมีให้กดอัพเกรดด้วยหรือ

    ยี่ฟงเลื่อนฝ่ามือประทับยืนยันการอัพเกรดระหว่างพึมพำอยู่โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

    ชิ้นส่วนย่อยทั้งห้าสิบส่วนพลันเปล่งแสง  จากนั้นแตกสลายพุ่งขึ้นมาหลอมรวมเข้าด้วยกันในระดับสายตา

    เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับชิ้นส่วนหลักของคัมภีร์ร่างอมตะ 1 ส่วน

    เหอะ ๆ  เล่นงี้เลยหรือ

    ช่วงสี่วันที่ผ่านมาทำให้พอจะคาดเดาได้ว่า    อัตราการดรอปของชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะมีประมาณ 20%  ยี่ฟงยืนครุ่นคิดเงียบ ๆ ว่าจะเสียเวลารั้งอยู่ที่นี่เพื่อวิชายุทธ์ร่างอมตะดีหรือเปล่า  รายละเอียดความสามารถของวิชาที่ว่าก็ยังไม่ปรากฏ  ไม่ทราบจะคุ้มค่าแก่เวลาที่เสียไปหรือไม่

    ฉันมันไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้วนี่หว่า  อย่างไรก็ต้องเพิ่มจำนวนวิชายุทธ์ให้มากเท่าที่จะทำได้ไว้ก่อนล่ะนะ

    ยี่ฟงตัดสินใจเด็ดขาด

    ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนวิชาอันน้อยนิดเท่านั้นแต่ชายหนุ่มชั่งความเสี่ยงดูแล้วจึงคิดว่าค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า   นี่เพียงแค่เริ่มต้นก็พบมอนสเตอร์เลเวลมากถึง 37 แล้ว  หากรีบเร่งจนเกินไปคาดว่าคงไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก

    ยี่ฟงไม่เสียเวลาคิดให้มากความอีก  เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ต้องเริ่มลงมือทันที  ตอนนี้เขายังคงสถานะทะลวงขีดจำกัดเลเวลซ้อนอยู่ถึงสองครั้งจนเลเวลเลื่อนขึ้นเป็น 46     ทหารองครักษ์แห่งฉางอานในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากหุ่นไม้ให้ซ้อมมือ  ยี่ฟงใช้ทางลัดด้วยวิธีการระเบิดพลังปราณอัดใส่โลงศพรอบตัวเองเพื่อปลุกเหล่านักรบตายซากขึ้นมา  ผลปรากฏว่าคลื่นพลังปราณรุนแรงกว่าเดิมจนเทียบไม่ติด  โลงศพในระยะถึงขั้นกระดอนล้มหลายตลบ   ฝาโลงปลิวกระเด็นออกไปพร้อมกับร่างเจ้าของโลงศพ

    ไม่ช้าการต่อสู้ก็เริ่มต้นอีกครั้ง

    ยี่ฟงมีเป้าหมายอยู่ที่การรวบรวมชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะจำนวน 100 ส่วน  หากเป็นวันแรกที่มาถึงห้องโถงแห่งนี้คงเป็นไปได้ยากที่จะสำเร็จ    แต่ไม่ใช่กับยี่ฟงในปัจจุบันนี้ที่ความแข็งแกร่งพลิกตลบคล้ายเป็นคนละคนกันไปแล้ว

    อัตราดรอป 20% ดูจะเป็นอุปสรรคเดียวที่เหลืออยู่  ทว่ายี่ฟงแค่สังหารศัตรูให้มากขึ้นเป็นสองเท่าก็พอแล้ว

    อีกสองวันต่อมา  ช่วงเย็นภายในเกม

    เพลเยอร์ยี่ฟงรวบรวมชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะครบ 100/50 ส่วนแล้ว

    การฟาร์มของยี่ฟงเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว         ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้เวลามากถึงสี่วันเพื่อรวบรวมให้ได้ครบ 50 ส่วน  แต่ครั้งนี้เพียงสองวันเศษเขาก็สามารถรวบรวมได้ครบ 100 ส่วน ตามเป้าหมายแล้วแต่ดูเหมือนเลเวลของยี่ฟงจะยังอยู่ที่ 39 เท่าเดิม     ทั้ง ๆ ที่จำนวนมอนสเตอร์ที่เขาสังหารไปในช่วงสองวันมานี้มากกว่าสี่วันก่อนหน้ารวมกันเสียอีก

    ยี่ฟงเหลือบมองเวลาของโลกจริงซึ่งใกล้สว่างเข้าไปทุกที       ก่อนจะรีบจัดการสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ให้เรียบร้อยไป  เขาประทับฝ่ามือเพื่อยืนยันการอัพเกรดชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะอีกหนึ่งครั้ง

    เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับชิ้นส่วนหลักคัมภีร์ร่างอมตะครบ 2 ส่วนแล้ว

    เพลเยอร์ยี่ฟงบรรลุเงื่อนไข  สามารถอัพเกรดชิ้นส่วนคัมภีร์ร่างอมตะทั้งหมดเป็นขั้นสมบูรณ์ได้

    ชายหนุ่มประทับฝ่ามือเพื่อยืนยันที่จะอัพเกรดอีกครั้ง     ไม่ช้าชิ้นส่วนคัมภีร์ทั้งหมดก็ซ่อมแซมประกอบเข้าด้วยกันจนกลับกลายเป็นเล่มคัมภีร์ที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด

    สำเร็จ!

    ยี่ฟงฉีกยิ้มสีหน้าดีใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง  เขารีบเปิดคัมภีร์อ่านรายละเอียดวิชาอย่างลุ้นระทึก


    วิชายุทธ์คลาส A ร่างอมตะ

    เพลเยอร์เลเวล 35 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้ไม่ว่าจะได้รับบาดแผลสาหัสเพียงไร  โลหิตจะหยุดไหลภายใน 3 วิ ฯ

    เพลเยอร์เลเวล 45 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้จะสามารถฟื้นฟูบาดแผลบนร่างกายได้รวดเร็วขึ้น

    เพลเยอร์เลเวล 55 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้จะช่วยให้ความเจ็บปวดที่ได้รับมาลดทอนลงครึ่งหนึ่ง

    เพลเยอร์เลเวล 65 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้จะมีพลังกายเหนือชั้นกว่าศัตรูที่มีเลเวลต่ำกว่าตัวเอง   แต่หากศัตรูมีวิชายุทธ์เสริมพลังกายคลาสสูง  ความสามารถนี้จะไม่แสดงผล


    ยี่ฟงคล้ายบรรลุ    พอได้อ่านบรรทัดสุดท้ายจบเขาก็ทราบถึงทักษะแฝงของเหล่านักรบตายซากได้อย่างชัดเจนขึ้น  ไม่ต้องเสียเวลาอ่านซ้ำชายหนุ่มก็ประทับฝ่ามือเพื่อยืนยันที่จะร่ำเรียนวิชานี้ในทันที      ตัวคัมภีร์เปล่งแสงพร้อมเสียงแจ้งของระบบ  จากนั้นยี่ฟงก็ทำการออฟไลน์ออกจากเกมไป


    นายวาดรู้สึกตัวหลังออฟไลน์มาได้ห้านาที     เขาถอดเครื่องเกมออกจากศีรษะวางลงบนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง  นาฬิกาแสดงตัวเลข 05:36.  วาดรู้สึกหิวเล็กน้อยจึงลุกเดินเข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำ      สักพักเขาก็เดินเช็ดหน้าเช็ดตากลับออกมา   ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นเสื้อกล้ามสีดำขลิบเทาและกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีฟ้าที่หยิบลวก ๆ ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ

    ก่อนจะออกจากห้องวาดก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์รวมถึงบัตรครอบจักรวาลและบุ๊กไทป์ติดไปด้วย

    ความจริงแล้ว        ในยุคนี้โทรศัพท์มือถือแทบจะไร้ประโยชน์เพราะบุ๊กไทป์ก็มีหนึ่งในฟังก์ชั่นที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารได้เช่นกัน  ซึ่งเป็นการวิดีโอคอลแบบเรียลไทม์       แต่นายวาดยังคงเก็บโทรศัพท์ไว้เพราะมันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้รับจากแฟนสาว

    ปัจจุบันชายหนุ่มอาศัยอยู่ที่คอนโดเก่าของแม่  ทุกเช้าพ่อแม่ของเขาจะมาที่คอนโดเพื่อร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน  ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะพวกท่านกลัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวจะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ   แต่ความจริงแล้วพวกท่านมีเวลาว่างมาเจอลูกแค่ช่วงเช้าเท่านั้นเนื่องจากงานที่ร่วมกันสร้างอยู่ยังคงเป็นภาระกินเวลาส่วนใหญ่ไปเสียหมด

    แม้ที่ชั้นสองของคอนโดจะมียิมให้ออกกำลังกาย   แต่วาดเลือกจะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนรอบ ๆ คอนโดแทนเป็นส่วนใหญ่  การอยู่กับธรรมชาตินับเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง     ซึ่งมีหลายคนที่คิดแบบเขาจนตอนนี้กลายเป็นเพื่อนวิ่งด้วยกันไปแล้วด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มทักทายอยู่หลายคนซึ่งออกมาวิ่งที่สวนแต่เช้า    มีทั้งวัยรุ่น วัยกลางคน และวัยชรา

    จวบกระทั่งเกือบเจ็ดโมง  การวิ่งออกกำลังกายจึงหยุดลง

    วาดกลับขึ้นไปที่ห้องพักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวใหม่  ไม่ช้าเขาก็ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูหลังจากแต่งตัวเสร็จพอดี

    โป๊อยู่รึเปล่าจ๊ะลูกวาด  เสียงของสตรีแว่วดังมาให้ได้ยิน

    นาน ๆ จะเจอสักที  แบบนี้ต้องเช็คการเจริญเติบโตของลูกเราหน่อยแล้ว  ฮ่า ฮ่า

    รอบนี้เป็นเสียงของชายซึ่งฟังดูขี้เล่นดังเสริมขึ้นมา

    วาดได้แต่ส่ายศีรษะยิ้ม ๆ ให้กับความอารมณ์ดีของบุคคลทั้งสอง

    วันนี้ทำอะไรมากินครับแม่!?

    วาดกล่าวเสียงดังขึ้นเล็กน้อยพลางเดินออกไปรับ

    เมื่อเดินเลี้ยวเข้าไปที่ห้องครัว  วาดก็พบหญิงสาวอายุ 47 ปี       สวมแว่นตากลมดูดีกำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหาร  เส้นผมยาวของเธอย้อมเป็นสีน้ำตาลและมวยขึ้นไปอย่างเรียบร้อย  ร่องรอยของผู้หญิงวัยกลางคนแทบจะไม่ปรากฏให้เห็นบนร่างของเธอแม้แต่น้อย      คิ้วของเธอโค้งเรียวเพราะเขียนขึ้นมา ใบหน้าดูเป็นคนใจดีสวยน่ารักไม่หยอกถ้าหากสาวกว่านี้สักยี่สิบปี

    ส่วนอีกคนเป็นชายอายุ 48 ปี  ใบหน้าหล่อเข้มไร้การแต่งแต้มใด ๆ      ร่องรอยยับย่นตามวัยมาเต็ม   แต่ดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วเขาคงแทบไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ  เขาสูงและตัวใหญ่กว่าวาดเล็กน้อย        ท่าทางแข็งแรงสมส่วน  หนวดเคราค่อนข้างยาวซึ่งเคยได้รับการอธิบายไว้ว่าไม่ค่อยมีเวลาโกนให้เรียบร้อยกว่านี้

    คนทั้งสองสวมใส่เสื้อผ้าคล้ายพนักงานในออฟฟิศเพียงแต่ดูง่าย ๆ สบายกว่ามากนัก

    หนึ่งคือพ่อแท้ ๆ ชื่อ วาทิน  และอีกหนึ่งก็แม่แท้ ๆ ชื่อ ดา หรือดารา

    รีบมานั่งเร็วเข้า  วันนี้แม่ทำแต่อาหารโปรดของลูกมาทั้งนั้น

    ดารากล่าวและยิ้มหวานให้ลูกชาย

    เหอะ ๆ  เผื่อแม่จะลืมนะครับ  มุขนี้เคยใช้กับวาดมาสองครั้งแล้วนี่กะจะไปค้างที่ทำงานกันเป็นเดือนอีกแล้วเหรอ

    วาดบอกกล่าวอย่างไม่นำพาและเอ่ยถามตรง ๆ พลางเดินไปนั่งลงกวาดมองอาหารหลายอย่างบนโต๊ะ

    สองสามีภรรยาได้แต่มองหน้ากันแห้ง ๆ และรีบนั่งลงตาม

    โปรเจคที่พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างมันมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วจ้ะ     จบงานนี้พวกเราตัดสินใจกันแล้วว่าจะพาลูกไปเที่ยวยาว ๆ ด้วยกัน

    ดาราอธิบายด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

    เหรอครับ  ผมชักอยากจะให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ จัง

    วาดตอบและตักข้าวที่เพิ่งราดด้วยแกงเขียวหวานเข้าปากไปคำใหญ่

    พ่อกับแม่ก็ตั้งตารอวันนั้นเหมือนกันล่ะน่าไอ้เสือ  ระหว่างนี้ลูกหาอะไรทำ       ไม่ก็ไปเที่ยวกับหนูจี้และนัดล่วงหน้าเธอไว้ด้วยเลยก็ได้  ครั้งนี้ไม่มีผลัดอีกแน่นอน  ขอใช้สิทธิ์สัญญาครอบครัวเลยเอ้า!

    วาทินกล่าวและชี้นิ้วออกไปกลางโต๊ะเพื่อสัญญาอย่างมั่นใจ

    สิทธิ์สัญญาครอบครัวที่ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก  พวกเขาพ่อแม่ลูกเมื่อใช้สิทธิ์นี้แล้วไม่เคยผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว

    วาดเผยยิ้มขึ้นมาได้ในที่สุดก่อนจะกล่าวว่า

    งั้นก็ตั้งใจทำโปรเจคให้เสร็จเรียบร้อยเถอะครับ  ผมก็โตพอจะออกไปหาอะไรกินเองได้แล้วน่า

    แม่รู้จ้ะคนเก่ง  แต่อย่าลืมทานให้ครบ

    เมื่อโล่งอก  ดาราก็เอ่ยปากแนะนำน้ำไหลไฟดับ  ไม่รู้เธอเข้าใจว่าลูกโตแล้วจริง ๆ หรือเปล่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×