คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ออฟไลน์
ยี่ฟงยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง สามวันก่อนเขายังลำบากจนแทบไม่ได้ออกห่างปากทางเข้าห้องเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ต่อให้ปะทะกับทหารองครักษ์แห่งฉางอานพร้อมกันสี่ตัวก็ยังไม่ใช่ปัญหา การเคลื่อนไหวระยะประชิดของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้นำสิ่งที่ร่ำเรียนจากภายนอกมาใช้จริง นั่นส่งผลให้ยี่ฟงเหนื่อยช้าลงไปด้วย จำนวน มอนสเตอร์ที่ถูกสังหารในแต่ละวันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกเช่นกัน
พอหลุดจากภวังค์จิตที่โฟกัสอยู่แต่กับการต่อสู้ ยี่ฟงก็พลันมีความคิดพิเรนทร์ขึ้นมาทันที
“วิหคอหังการ”
ชายหนุ่มเรียกใช้วิชายุทธ์ที่หลายวันมานี้เขาต้องพึ่งพามันมาตลอด เมื่อเลเวลถูกทะลวงขีดจำกัดขึ้นเป็น 42 ยี่ฟงก็รีบทดลองกล่าวซ้ำขึ้นอีกครั้งว่า “วิหคอหังการ”
เปลวไฟดวงใหญ่กว่าทุกทีพวยพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วห้องโถง เศษหินทุกซอกมุมถึงกับกระดอนขึ้นจากพื้นตามจังหวะการสั่นสะเทือน
‘เพลเยอร์ยี่ฟงสำเร็จในการเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 45 ทักษะยุทธ์วิชาตัวเบาขั้นกลางได้รับการปลดล็อค’
‘ทักษะยุทธ์แฝงลมปราณในวัตถุได้รับการปลดล็อค’
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
คะแนนของวิชายุทธ์นี้นำมาเป็นอันดับหนึ่งในใจฉันเลย”
ยี่ฟงแผดเสียงหัวเราะเย้ยจีเอ็มและผู้พัฒนาเกม ไม่ว่าอีกฝ่ายจะลืมกำหนดขอบเขตเอาไว้หรือจงใจให้มันเป็นอย่างนี้ก็ตาม ชายหนุ่มล้วนมีแต่ได้ไม่มีเสีย การจะเรียกใช้วิชายุทธ์วิหคอหังการซ้อนกันได้เช่นนี้ก็คงต้องรอให้เข้าเงื่อนไขเพียงประการเดียว จนกว่าการเรียกใช้ครั้งแรกจะส่งผลให้เลเวลทะลวงผ่านเงื่อนไขที่วิชายุทธ์นี้กำหนดเอาไว้ให้ จากที่ยี่ฟงคำนวณแล้วก็คือตั้งแต่เลเวล 37 46 และ 60 ขึ้นไป ถ้าเลเวลมากกว่า 65+ แล้วก็คงเรียกใช้ซ้อนกันอีกไม่ได้
ยี่ฟงคิดจะผ่านห้องโถงแห่งนี้ไป แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็นำเอาชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะขึ้นมาพินิจดูใหม่อีกครั้ง
หากมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงต้องพับเก็บไว้ก่อนและเดินหน้าต่อไป
“หือ
เก็บครบ 50 แล้วมีให้กดอัพเกรดด้วยหรือ”
ยี่ฟงเลื่อนฝ่ามือประทับยืนยันการอัพเกรดระหว่างพึมพำอยู่โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
ชิ้นส่วนย่อยทั้งห้าสิบส่วนพลันเปล่งแสง จากนั้นแตกสลายพุ่งขึ้นมาหลอมรวมเข้าด้วยกันในระดับสายตา
‘เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับชิ้นส่วนหลักของคัมภีร์ร่างอมตะ
1 ส่วน’
“เหอะ ๆ เล่นงี้เลยหรือ”
ช่วงสี่วันที่ผ่านมาทำให้พอจะคาดเดาได้ว่า อัตราการดรอปของชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะมีประมาณ
20% ยี่ฟงยืนครุ่นคิดเงียบ ๆ ว่าจะเสียเวลารั้งอยู่ที่นี่เพื่อวิชายุทธ์ร่างอมตะดีหรือเปล่า รายละเอียดความสามารถของวิชาที่ว่าก็ยังไม่ปรากฏ ไม่ทราบจะคุ้มค่าแก่เวลาที่เสียไปหรือไม่
“ฉันมันไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้วนี่หว่า อย่างไรก็ต้องเพิ่มจำนวนวิชายุทธ์ให้มากเท่าที่จะทำได้ไว้ก่อนล่ะนะ”
ยี่ฟงตัดสินใจเด็ดขาด
ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนวิชาอันน้อยนิดเท่านั้นแต่ชายหนุ่มชั่งความเสี่ยงดูแล้วจึงคิดว่าค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า นี่เพียงแค่เริ่มต้นก็พบมอนสเตอร์เลเวลมากถึง 37 แล้ว หากรีบเร่งจนเกินไปคาดว่าคงไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก
ยี่ฟงไม่เสียเวลาคิดให้มากความอีก เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ต้องเริ่มลงมือทันที ตอนนี้เขายังคงสถานะทะลวงขีดจำกัดเลเวลซ้อนอยู่ถึงสองครั้งจนเลเวลเลื่อนขึ้นเป็น
46 ทหารองครักษ์แห่งฉางอานในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากหุ่นไม้ให้ซ้อมมือ ยี่ฟงใช้ทางลัดด้วยวิธีการระเบิดพลังปราณอัดใส่โลงศพรอบตัวเองเพื่อปลุกเหล่านักรบตายซากขึ้นมา
ผลปรากฏว่าคลื่นพลังปราณรุนแรงกว่าเดิมจนเทียบไม่ติด โลงศพในระยะถึงขั้นกระดอนล้มหลายตลบ ฝาโลงปลิวกระเด็นออกไปพร้อมกับร่างเจ้าของโลงศพ
ไม่ช้าการต่อสู้ก็เริ่มต้นอีกครั้ง
ยี่ฟงมีเป้าหมายอยู่ที่การรวบรวมชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะจำนวน
100 ส่วน หากเป็นวันแรกที่มาถึงห้องโถงแห่งนี้คงเป็นไปได้ยากที่จะสำเร็จ แต่ไม่ใช่กับยี่ฟงในปัจจุบันนี้ที่ความแข็งแกร่งพลิกตลบคล้ายเป็นคนละคนกันไปแล้ว
อัตราดรอป
20% ดูจะเป็นอุปสรรคเดียวที่เหลืออยู่ ทว่ายี่ฟงแค่สังหารศัตรูให้มากขึ้นเป็นสองเท่าก็พอแล้ว
อีกสองวันต่อมา ช่วงเย็นภายในเกม
‘เพลเยอร์ยี่ฟงรวบรวมชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะครบ
100/50 ส่วนแล้ว’
การฟาร์มของยี่ฟงเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้เวลามากถึงสี่วันเพื่อรวบรวมให้ได้ครบ 50 ส่วน แต่ครั้งนี้เพียงสองวันเศษเขาก็สามารถรวบรวมได้ครบ
100 ส่วน ตามเป้าหมายแล้วแต่ดูเหมือนเลเวลของยี่ฟงจะยังอยู่ที่
39 เท่าเดิม ทั้ง ๆ
ที่จำนวนมอนสเตอร์ที่เขาสังหารไปในช่วงสองวันมานี้มากกว่าสี่วันก่อนหน้ารวมกันเสียอีก
ยี่ฟงเหลือบมองเวลาของโลกจริงซึ่งใกล้สว่างเข้าไปทุกที ก่อนจะรีบจัดการสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ให้เรียบร้อยไป เขาประทับฝ่ามือเพื่อยืนยันการอัพเกรดชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะอีกหนึ่งครั้ง
‘เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับชิ้นส่วนหลักคัมภีร์ร่างอมตะครบ
2 ส่วนแล้ว’
‘เพลเยอร์ยี่ฟงบรรลุเงื่อนไข สามารถอัพเกรดชิ้นส่วนคัมภีร์ร่างอมตะทั้งหมดเป็นขั้นสมบูรณ์ได้’
ชายหนุ่มประทับฝ่ามือเพื่อยืนยันที่จะอัพเกรดอีกครั้ง ไม่ช้าชิ้นส่วนคัมภีร์ทั้งหมดก็ซ่อมแซมประกอบเข้าด้วยกันจนกลับกลายเป็นเล่มคัมภีร์ที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด
“สำเร็จ!”
ยี่ฟงฉีกยิ้มสีหน้าดีใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง
เขารีบเปิดคัมภีร์อ่านรายละเอียดวิชาอย่างลุ้นระทึก
วิชายุทธ์คลาส
A ร่างอมตะ
เพลเยอร์เลเวล
35 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้ไม่ว่าจะได้รับบาดแผลสาหัสเพียงไร โลหิตจะหยุดไหลภายใน 3 วิ ฯ
เพลเยอร์เลเวล
45 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้จะสามารถฟื้นฟูบาดแผลบนร่างกายได้รวดเร็วขึ้น
เพลเยอร์เลเวล
55 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้จะช่วยให้ความเจ็บปวดที่ได้รับมาลดทอนลงครึ่งหนึ่ง
เพลเยอร์เลเวล 65 ที่ได้ร่ำเรียนวิชายุทธ์นี้จะมีพลังกายเหนือชั้นกว่าศัตรูที่มีเลเวลต่ำกว่าตัวเอง แต่หากศัตรูมีวิชายุทธ์เสริมพลังกายคลาสสูง ความสามารถนี้จะไม่แสดงผล
ยี่ฟงคล้ายบรรลุ พอได้อ่านบรรทัดสุดท้ายจบเขาก็ทราบถึงทักษะแฝงของเหล่านักรบตายซากได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาอ่านซ้ำชายหนุ่มก็ประทับฝ่ามือเพื่อยืนยันที่จะร่ำเรียนวิชานี้ในทันที ตัวคัมภีร์เปล่งแสงพร้อมเสียงแจ้งของระบบ จากนั้นยี่ฟงก็ทำการออฟไลน์ออกจากเกมไป
นายวาดรู้สึกตัวหลังออฟไลน์มาได้ห้านาที เขาถอดเครื่องเกมออกจากศีรษะวางลงบนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง นาฬิกาแสดงตัวเลข 05:36 น. วาดรู้สึกหิวเล็กน้อยจึงลุกเดินเข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำ สักพักเขาก็เดินเช็ดหน้าเช็ดตากลับออกมา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นเสื้อกล้ามสีดำขลิบเทาและกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีฟ้าที่หยิบลวก
ๆ ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
ก่อนจะออกจากห้องวาดก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์รวมถึงบัตรครอบจักรวาลและบุ๊กไทป์ติดไปด้วย
ความจริงแล้ว ในยุคนี้โทรศัพท์มือถือแทบจะไร้ประโยชน์เพราะบุ๊กไทป์ก็มีหนึ่งในฟังก์ชั่นที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารได้เช่นกัน ซึ่งเป็นการวิดีโอคอลแบบเรียลไทม์ แต่นายวาดยังคงเก็บโทรศัพท์ไว้เพราะมันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้รับจากแฟนสาว…
ปัจจุบันชายหนุ่มอาศัยอยู่ที่คอนโดเก่าของแม่ ทุกเช้าพ่อแม่ของเขาจะมาที่คอนโดเพื่อร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะพวกท่านกลัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวจะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ แต่ความจริงแล้วพวกท่านมีเวลาว่างมาเจอลูกแค่ช่วงเช้าเท่านั้นเนื่องจากงานที่ร่วมกันสร้างอยู่ยังคงเป็นภาระกินเวลาส่วนใหญ่ไปเสียหมด
แม้ที่ชั้นสองของคอนโดจะมียิมให้ออกกำลังกาย แต่วาดเลือกจะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนรอบ ๆ
คอนโดแทนเป็นส่วนใหญ่
การอยู่กับธรรมชาตินับเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง ซึ่งมีหลายคนที่คิดแบบเขาจนตอนนี้กลายเป็นเพื่อนวิ่งด้วยกันไปแล้วด้วยซ้ำ ชายหนุ่มทักทายอยู่หลายคนซึ่งออกมาวิ่งที่สวนแต่เช้า มีทั้งวัยรุ่น วัยกลางคน และวัยชรา
จวบกระทั่งเกือบเจ็ดโมง การวิ่งออกกำลังกายจึงหยุดลง
วาดกลับขึ้นไปที่ห้องพักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวใหม่ ไม่ช้าเขาก็ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูหลังจากแต่งตัวเสร็จพอดี
“โป๊อยู่รึเปล่าจ๊ะลูกวาด” เสียงของสตรีแว่วดังมาให้ได้ยิน
“นาน ๆ จะเจอสักที แบบนี้ต้องเช็คการเจริญเติบโตของลูกเราหน่อยแล้ว
ฮ่า ฮ่า”
รอบนี้เป็นเสียงของชายซึ่งฟังดูขี้เล่นดังเสริมขึ้นมา
วาดได้แต่ส่ายศีรษะยิ้ม ๆ ให้กับความอารมณ์ดีของบุคคลทั้งสอง
“วันนี้ทำอะไรมากินครับแม่!?”
วาดกล่าวเสียงดังขึ้นเล็กน้อยพลางเดินออกไปรับ
เมื่อเดินเลี้ยวเข้าไปที่ห้องครัว วาดก็พบหญิงสาวอายุ 47 ปี สวมแว่นตากลมดูดีกำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหาร เส้นผมยาวของเธอย้อมเป็นสีน้ำตาลและมวยขึ้นไปอย่างเรียบร้อย ร่องรอยของผู้หญิงวัยกลางคนแทบจะไม่ปรากฏให้เห็นบนร่างของเธอแม้แต่น้อย คิ้วของเธอโค้งเรียวเพราะเขียนขึ้นมา
ใบหน้าดูเป็นคนใจดีสวยน่ารักไม่หยอกถ้าหากสาวกว่านี้สักยี่สิบปี
ส่วนอีกคนเป็นชายอายุ
48 ปี ใบหน้าหล่อเข้มไร้การแต่งแต้มใด ๆ ร่องรอยยับย่นตามวัยมาเต็ม แต่ดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วเขาคงแทบไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ เขาสูงและตัวใหญ่กว่าวาดเล็กน้อย ท่าทางแข็งแรงสมส่วน หนวดเคราค่อนข้างยาวซึ่งเคยได้รับการอธิบายไว้ว่าไม่ค่อยมีเวลาโกนให้เรียบร้อยกว่านี้
คนทั้งสองสวมใส่เสื้อผ้าคล้ายพนักงานในออฟฟิศเพียงแต่ดูง่าย
ๆ สบายกว่ามากนัก
หนึ่งคือพ่อแท้
ๆ ชื่อ วาทิน และอีกหนึ่งก็แม่แท้ ๆ ชื่อ
ดา หรือดารา
“รีบมานั่งเร็วเข้า วันนี้แม่ทำแต่อาหารโปรดของลูกมาทั้งนั้น”
ดารากล่าวและยิ้มหวานให้ลูกชาย
“เหอะ ๆ เผื่อแม่จะลืมนะครับ มุขนี้เคยใช้กับวาดมาสองครั้งแล้ว…นี่กะจะไปค้างที่ทำงานกันเป็นเดือนอีกแล้วเหรอ”
วาดบอกกล่าวอย่างไม่นำพาและเอ่ยถามตรง
ๆ พลางเดินไปนั่งลงกวาดมองอาหารหลายอย่างบนโต๊ะ
สองสามีภรรยาได้แต่มองหน้ากันแห้ง
ๆ และรีบนั่งลงตาม
“โปรเจคที่พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างมันมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วจ้ะ จบงานนี้พวกเราตัดสินใจกันแล้วว่าจะพาลูกไปเที่ยวยาว
ๆ ด้วยกัน”
ดาราอธิบายด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“เหรอครับ
ผมชักอยากจะให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ จัง”
วาดตอบและตักข้าวที่เพิ่งราดด้วยแกงเขียวหวานเข้าปากไปคำใหญ่
“พ่อกับแม่ก็ตั้งตารอวันนั้นเหมือนกันล่ะน่าไอ้เสือ ระหว่างนี้ลูกหาอะไรทำ ไม่ก็ไปเที่ยวกับหนูจี้และนัดล่วงหน้าเธอไว้ด้วยเลยก็ได้ ครั้งนี้ไม่มีผลัดอีกแน่นอน ขอใช้สิทธิ์สัญญาครอบครัวเลยเอ้า!”
วาทินกล่าวและชี้นิ้วออกไปกลางโต๊ะเพื่อสัญญาอย่างมั่นใจ
สิทธิ์สัญญาครอบครัวที่ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก พวกเขาพ่อแม่ลูกเมื่อใช้สิทธิ์นี้แล้วไม่เคยผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว
วาดเผยยิ้มขึ้นมาได้ในที่สุดก่อนจะกล่าวว่า
“งั้นก็ตั้งใจทำโปรเจคให้เสร็จเรียบร้อยเถอะครับ ผมก็โตพอจะออกไปหาอะไรกินเองได้แล้วน่า”
“แม่รู้จ้ะคนเก่ง
แต่อย่าลืมทานให้ครบ…”
เมื่อโล่งอก ดาราก็เอ่ยปากแนะนำน้ำไหลไฟดับ ไม่รู้เธอเข้าใจว่าลูกโตแล้วจริง ๆ หรือเปล่า
ความคิดเห็น