คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ฟาร์มเลเวล
ยี่ฟงแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ พอตั้งสติได้แล้วจึงรีบถามกลับไปว่า
“เจ้าหมายความเช่นไร”
“ตามที่ข้าได้กล่าว เจ้ามีคุณสมบัติที่จะครอบครองข้าหรือไม่ก็ได้หลังจากทำภารกิจสำเร็จ”
หญิงสาวขยายความพลางป้องปากหัวเราะขบขัน
“ภารกิจ!? ภารกิจแบบใดกัน”
ยี่ฟงถามต่อ
หญิงสาวไม่ตอบ นางเลือกจะก้มลงไปคว้าม้วนกระดาษขึ้นมายื่นให้แทน ยี่ฟงก็รับมาเปิดอ่านในทันที
ภารกิจแบบมีเงื่อนไข
: เพลเยอร์ต้องทำความรู้จักกับมู่เฟิงที่เมืองจงหยางเสียก่อนจึงจะได้รับ
รายละเอียดภารกิจ
: กำราบสำนักพยัคฆ์หมอบและช่วยมารดาของมู่ฟาง
เงื่อนไขอัพเดท
: ค้นหาเจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบและทำลายแผนการร้ายของมันให้ได้
รางวัลภารกิจ : ???
‘การกระทำของเพลเยอร์มีผลกระทบต่อรายละเอียดภารกิจด้วยหรือ’
ยี่ฟงคิดในใจก่อนจะเงยหน้าถามหญิงสาว
“เจ้าชื่อมู่ฟางสินะ”
นางพยักหน้าตอบรับ
“ว่าแต่พวกมันจับมารดาของเจ้าไปเพราะเหตุใด”
ยี่ฟงพยายามรวบรวมข้อมูล
“มันต้องการบีบบังคับให้ข้าตบแต่งกับนายน้อยของเจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบ”
มู่ฟางกัดฟันกล่าว
ยี่ฟงเท้าคางไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงค่อยกล่าวหนักแน่นขึ้นว่า
“ข้าจะช่วยมารดาของเจ้ากลับมาให้เอง”
ได้ฟังแล้วมู่ฟางก็สบจ้องชายหนุ่มด้วยแววตาสั่นไหว
“หากทำสำเร็จข้าก็ยินดีจะเป็นภรรยาเจ้า”
“เอ่อ…เรื่องนี้ข้าคิดว่ามันไม่ถูกต้อง หากเจ้าจะตอบแทนในลักษณะนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่ข้าช่วยปลดปล่อยพวกเจ้าสองแม่ลูกกัน!?”
ยี่ฟงคิดไว้แล้ว ในเมื่อรางวัลภารกิจยังไม่ชัดเจน นั่นแสดงว่ามันจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ขณะเดียวกันมู่ฟางก็กำลังอึ้ง ชายตรงหน้านี้พยายามปฏิเสธที่จะได้ครอบครองนางงั้นหรือ ทั้งที่ไม่ว่าชายใดต่างก็หลงใหลและถูกครอบงำด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าที่ยากจะถอนตัวด้วยกันทั้งสิ้น
‘คนผู้นี้…’
มู่ฟางคล้ายมีบางอย่างปักลงกลางใจ ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบกล่าวขึ้นว่า
“เข้าใจแล้ว
มู่ฟางจะไม่เสียสละตัวเองโง่ ๆ อีก
ท่านโปรดวางใจ”
ยี่ฟงขมวดคิ้วสงสัย จู่ ๆ นางก็เปลี่ยนสรรพนามทั้งตัวเองและเขาไปเสียเฉย
ๆ แต่ยี่ฟงก็ไม่คิดจะถามให้วุ่นวาย
“เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี แล้วข้าจะรีบกลับมาพร้อมกับมารดาของเจ้า”
ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายและลุกขึ้นเดินออกไปจากอาคารนักผจญภัย โชคดีที่ไม่มีเพลเยอร์อยู่ในอาคารเมื่อครู่นี้เลย ไม่เช่นนั้นคงได้วุ่นวายกันอีกยกใหญ่เป็นแน่
“คงต้องเพิ่มเลเวลก่อนเป็นลำดับแรก ขืนบุกเข้าสำนักไปตอนนี้ได้จมกองตีนศัตรูแน่ ๆ”
ยี่ฟงพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนในหัวเขาไม่มีความคิดที่จะตั้งกลุ่มไปบุกเลยแม้แต่น้อย
จากข้อมูลแล้วสำนักพยัคฆ์หมอบตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ยี่ฟงจึงตั้งใจจะไปเก็บเลเวลแถวนั้น ก่อนจะออกจากเมืองจงหยางมาเขาก็ไปรับรางวัลภารกิจแล้วเช่นกัน
ตอนนี้ยี่ฟงจึงมีวิชายุทธ์สายโจมตีอยู่หนึ่งวิชาซึ่งก็คือ
เพลงกระบี่ใบไม้ไหว
หลังออกจากเมืองมาทางทิศตะวันตก ยี่ฟงก็มุ่งหน้าเข้าป่าทันทีพร้อมกับเปิดแผนที่ขึ้นมาตรวจสอบไปด้วย บริเวณรอบ ๆ เมืองดาบมังกรจะมีมอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวล
29 ขึ้นไป ยิ่งออกห่างเท่าไรมอนสเตอร์ก็ยิ่งมีเลเวลสูงขึ้นเรื่อย
ๆ โชคดีที่เวลานี้แทบจะหลงเหลือยี่ฟงอยู่คนเดียวเพราะคนอื่นต่างพากันเตรียมตัวเพื่อจะย้อนกลับไปจงหยางเสียหมด
‘มนุษย์หินเลเวล 30 โจมตี’
มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายมนุษย์รวมตัวขึ้นมาจากก้อนหินดินทรายจนมีความสูงสองเมตร มันไม่พูดพร่ำให้เสียเวลาแต่พุ่งเข้าหาผู้บุกรุกทันที
ยี่ฟงก็ตอบสนองได้รวดเร็วเช่นเดิม เขากวาดกระบี่ในมือลงพื้นพร้อมเรียกใช้วิชายุทธ์เพลงกระบี่ใบไม้ไหว ไม่ช้าเศษใบไม้โดยรอบก็ถูกสายลมหอบขึ้นมาหมุนวนอยู่ที่ตัวกระบี่ ยี่ฟงทิ่มแทงกระบี่ใส่มวลอากาศเบื้องหน้าปลดปล่อยการโจมตี แต่ดูเหมือนมนุษย์หินจะไม่เกรงกลัว มันวิ่งเข้าปะทะตรง ๆ และพยายามเหวี่ยงแขนทำลายกองใบไม้ที่พุ่งเข้ามา ตูม! วิชายุทธ์คลาสต่ำทว่าเมื่อใช้โดยยอดฝีมือกลับแสดงผลลัพธ์รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ แขนข้างที่มนุษย์หินเหวี่ยงออกมาถึงกับแตกละเอียดไม่หลงเหลือ
“ฮ่า ฮ่า มนุษย์หินมันเจ็บเป็นด้วยหรือวะ”
ยี่ฟงกล่าวเมื่อเห็นศัตรูหยุดงะชักไป
แต่ห้าวินาทีจากนั้นแขนของมนุษย์หินก็ซ่อมแซมได้ใหม่โดยแรกกับขนาดตัวที่เล็กลงมา ยี่ฟงหุบยิ้มและรีบพุ่งเข้าไปตีมันในขณะที่ยังมีโอกาส เขาฟันกระบี่ผ่าลงกลางศีรษะทว่าสัมผัสที่ได้รับแทบไม่ต่างอะไรจากฟันก้อนหินจริง
ๆ ยี่ฟงดีดเท้าทะยานถอยหลังหลบหมัดของมนุษย์หินไปได้ฉิวเฉียด ก่อนจะเรียกใช้เพลงกระบี่ใบไม้ไหวขึ้นมาอีกครั้ง มนุษย์หินเหมือนไม่ได้สร้างสมองมาด้วย มันถึงได้เหวี่ยงแขนคิดจะทำลายวิชายุทธ์ที่พุ่งเข้ามาไม่ต่างจากเดิม ตูม!
ผลลัพธ์ไม่มีอะไรเปลี่ยน
แขนของมันแตกกระจายเว้าแหว่งอีกครั้ง
รอบนี้ยี่ฟงไม่เปิดโอกาสให้มันได้ซ่อมแซมตัวเองอีก เขาทะยานเข้าทิ่มแทงกระบี่ใส่รัว ๆ
ทว่าคมกระบี่ทั้งหมดไม่สามารถทะลุผ่านผิวอันแข็งแกร่งของมันไปได้ แต่ว่าหนึ่งในการโจมตีนับไม่ถ้วนเหล่านั้นกลับทะลุผ่านไปได้ตรงตำแหน่งข้อต่อที่ประกอบขึ้นมาจากดินทราย!
“จุดอ่อนของแกสินะ”
ยี่ฟงกล่าวข่ม
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโจมตีให้โดนจุดอ่อนของมนุษย์หิน รอยต่อที่เกิดขึ้นจากดินทรายมีขนาดเล็กมากและยังมีหลายส่วนด้วยกัน
ยี่ฟงโยกตัวหลบหมัดที่กระแทกเข้ามาก่อนจะยกฝ่าเท้ายันโครมออกไป ทุกความเสียหายที่เกิดขึ้นมีผลทำให้เศษดินทรายกระจายออก ร่างของมนุษย์หินก็ลดขนาดลงมาเรื่อย ๆ กระทั่งยี่ฟงตัดสินใจเก็บกระบี่เปลี่ยนมาใช้หมัดเท้าเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนไหวในระยะประชิด จะอย่างไรยี่ฟงก็ไม่ได้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธมีคมอยู่แล้ว
ยี่ฟงพุ่งเข้าประชิดอีกครั้ง พอหลบหมัดอีกฝ่ายได้แล้วจึงสวนหมัดกระแทกกลับไปบ้าง จากนั้นดีดเท้าส่งตัวเองหลบออกข้างพร้อมกระโดดกลับเข้าไปถีบใส่อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวเข้าออกของยี่ฟงไม่ธรรมดา เหตุผลหนึ่งก็มาจากท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกร มนุษย์หินแทบไม่อาจสัมผัสตัวชายหนุ่มได้เลย ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้มันก็ถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียวจนเตี้ยกว่ายี่ฟงเข้าไปแล้ว
จวบกระทั่งผิวของมนุษย์หินเริ่มปรากฏร่องรอยแตกร้าวไปทั่ว มันปล่อยหมัดเข้าโจมตีแต่ทว่ายี่ฟงไม่กลัวอีกต่อไป เขาเหวี่ยงหมัดกระแทกกลับไปตรง ๆ ตูม! แขนทั้งข้างของมนุษย์หินถูกบดขยี้จนแหลก มันถึงกับถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับแผ่นหินตามร่างกายหลุดร่วงไปทีละนิด ยี่ฟงไม่รอช้ากระโดดถีบใส่มันอย่างต่อเนื่องส่งให้ร่างนั้นแยกกระจายร่วงกลับลงพื้นตามเดิม
‘เพลเยอร์ยี่ฟงทำการสังหารมนุษย์หินเลเวล 30 สำเร็จ ได้รับเงิน…’
ยังไม่ทันจะให้ยี่ฟงได้เก็บไอเทมที่ดรอป เสียงของระบบก็แจ้งต่อเนื่องขึ้นว่า
‘มนุษย์หินเลเวล 30 โจมตี’
‘มนุษย์หินเลเวล 30 โจมตี’
‘มนุษย์หินเลเวล 30 โจมตี’
‘มนุษย์หินเลเวล 30 โจมตี’
ศัตรูโผล่มาจากทุกทิศทางและพุ่งเข้าโจมตีอย่างพร้อมเพรียง ยี่ฟงถึงกับตลกไม่ออกเพราะเขาไม่มีวิชายุทธ์สายโจมตีแรง
ๆ อยู่เลย แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากปักหลักสู้ยิบตา
ตอนนี้ยี่ฟงรู้สึกเหมือนกำลังโดนหินบี้จึงรีบระเบิดพลังปราณผลักดันพวกมันออกไปก่อน
แต่เหล่ามนุษย์หินเพียงไถลครูดไปกับพื้นเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะพุ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง
“โซโล่เพลเยอร์มันงานหนักจริงวุ้ย!”
ยี่ฟงบ่น
ไม่กี่อึดใจต่อมาการปะทะก็เริ่มขึ้น ยี่ฟงถูกรุมมาจากทุกด้าน แต่ยังดีที่มนุษย์หินไม่มีท่าโจมตีอื่นอีกนอกจากชกต่อยธรรมดา ซึ่งแพทเทิร์นการโจมตีก็คล้าย ๆ เดิมทำให้ยี่ฟงพอจะฝืนสังขารหลบหลีกไปได้
ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่เกือบสิบนาทีจึงทำลายมนุษย์หินทั้งหมดลงได้ เขาถึงกับหอบลิ้นห้อยและเสียเวลาพักฟื้นฟูพลังกายไปอีกห้านาทีกว่า
เมื่อพร้อมยี่ฟงก็ฟาร์มต่อเพื่อจะอัพเลเวลให้ได้ นอกจากมนุษย์หินแล้วเขายังได้เผชิญหน้ากับเหยี่ยวคลั่งที่โฉบลงมาสู้บนภาคพื้นอีกด้วย มันมีเลเวลอยู่ที่ 32 เท่ากับยี่ฟง แพทเทิร์นการโจมตีก็คาดเดายากกว่ามนุษย์หินอยู่อีกระดับหนึ่ง มันถึงกับสร้างบาดแผลให้ยี่ฟงได้เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะลำบากอย่างไรยี่ฟงก็ยังคงผ่านไปได้
ยี่ฟงใช้เวลาช่วงสายจวบจนถึงช่วงเย็นสลับระหว่างพักฟื้นฟูและต่อสู้ เขาวนอยู่ในบริเวณที่สามารถพบมนุษย์หินและเหยี่ยวคลั่งได้เท่านั้น เพราะแค่นี้ก็ตึงมือแทบจะไม่ไหวแล้ว แม้แต่น้ำยาเพิ่มเลือดที่ดองไว้มาตลอดยังถูกใช้ไปครึ่งหนึ่ง
ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือเลเวลที่เลื่อนขึ้นเป็น 34 และไม่มีท่าทีว่ามันจะทะลวงผ่านเป็น
35 ได้สักทีจนยี่ฟงต้องหยุดพักยาว
“ถ้ายังสู้อยู่กับพวกมนุษย์หินและเหยี่ยวคลั่งคงต้องฆ่าพวกมันเป็นสองเท่าจากวันนี้เลยมั้งเนี่ยเลเวลถึงจะอัพ”
ยี่ฟงเอ่ยสันนิษฐานด้วยสภาพร่างกายอ่อนเพลีย อาหารง่าย ๆ ถูกซัดจนเกลี้ยงและโยนซากไว้ข้างตัว
เนื่องจากชายหนุ่มรั้งอยู่ในป่า แสงตะวันยามเย็นจึงไม่อาจส่องผ่านลงมาได้ดีนัก รอบข้างจึงค่อนข้างจะมืดลงเร็วมากหากเปรียบเทียบในที่โล่งกว้าง ยี่ฟงเลิกคิดให้ปวดหัวแต่นำเอากองไฟออกมาก่อและรีบตั้งเต็นท์เพื่อจะพักเอาแรงโดยไม่สนอะไรอีก
กระทั่งชายหนุ่มมุดเข้าไปในเต็นท์และหลับลงอย่างรวดเร็ว
แสงจากกองไฟวูบไหว สะท้อนเงาของคนกลุ่มหนึ่งพาดผ่านเต็นท์ของยี่ฟงไป เป็นเวลาเกือบห้าชั่วโมงแล้วที่ยี่ฟงได้สลบไป บริเวณโดยรอบจึงมีแต่แสงของกองไฟที่เป็นจุดเด่นท่ามกลางความมืดสลัว
“ใช่มันแน่นะ”
ชายผมสั้นเกรียนเอ่ยถามเสียงเบา
“ขอรับ
ข้ารับใช้จากสำนักพยัคฆ์หมอบยืนยันมาแล้ว
เป็นมันแน่ ๆ”
“เจ้าทำดีมากที่ยอมเสียเวลาไปตามข้ามา จะได้ลงมือให้เสร็จงานไปเสียที”
“เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วขอรับท่านซานจื่อ”
ชายผมสั้นเกรียนที่ถูกเรียกว่าซานจื่อยกฝ่ามือคล้ายเป็นการสั่งให้สมุนหุบปาก จากนั้นมันสั่งการเสียงเยียบเย็นขึ้นว่า
“ล้อมพื้นที่นี้เอาไว้ อย่าให้มันหลุดรอดไปได้”
ความคิดเห็น