ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #25 : เขตแดนยอดฝีมือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.91K
      1.22K
      26 ธ.ค. 60

    ในโลกลำนำจ้าวยุทธจักรนี้เรื่องต่อยตีถือเป็นปกติสามัญที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา  หากไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างเช่นการชิงพื้นที่ทรัพยากรแล้วย่อมไม่มีใครมาใส่ใจกับการปะทะเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกกิลด์ตัวเองหรอก

    ทว่าหากเหยียดหยามย่ำยีกันมาก ๆ เข้าก็อาจเป็นการนำไปสู่สงครามระหว่างกิลด์ได้เช่นกัน

    ฉันจะจำไว้  พวกเราถอย!

    หอกหักกล่าวอาฆาตและนำสมุนของตัวเองจากไป

    ส่วนหนวดพยัคฆ์กลับไปนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองตามเดิม  แต่เขาก็ได้ยินเสียงปรบมือดังมาจากหญิงสาวคนหนึ่ง  นางลุกขึ้นเดินมาจากมุมอับสายตาภายในร้านเพื่อนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับชายหนุ่มพลางกล่าวขึ้น

    ด้วยทรัพยากรที่วังจักรพรรดิมี  อีกไม่นานหอกหักก็จะไล่ตามพวกเราทันอีกครั้ง  นายไม่กลัวหรือ

    จางเหมย!?  หนวดพยัคฆ์หรี่ตาลง  เป็นเกียรติจริง ๆ ที่วันนี้เธอเข้าหาฉันก่อน  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    อย่าไร้สาระน่า  การกระทำของนาย  ถ้าไม่มั่นใจจะรับมือหอกหักในภายหลังได้คงไม่มีทางแส่หาเรื่องหรอก  นายมีแผนจะทำอะไรกันแน่

    จางเหมยเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม  ดวงตาคมดุจเหยี่ยวสบจ้องกดดันฝ่ายตรงข้าม

    ฮึ!  เธออย่ามาเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย  ฉันไม่ใช่เหยื่อโง่ ๆ ที่จะหลงเสน่ห์เธอจนยอมให้ทุกอย่างหรอกนะ

    หนวดพยัคฆ์สวนกลับอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน

    ก็ดี  ฉันเบื่อที่จะล่าพวกโง่ ๆ แล้วเหมือนกัน  อีกไม่นานเราคงต้องปะทะกันเต็มกำลังอย่างไม่มีทางเลี่ยง

    กล่าวจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินจากไปทันที

    ฉันขอเตือนในฐานะเพื่อนที่เล่นด้วยกันมานาน  พวกเธอถอยไปจะดีกว่า

    หนวดพยัคฆ์เอ่ยปากรั้งไว้น้ำเสียงจริงจัง  ทว่าจางเหมยหันกลับมาตอบเสียงกร้าวว่า

    แปลกนะที่เรามีความคิดเหมือนกันพอดี  พวกนายเองก็ควรถอยไปให้พ้นทางซะจะดีกว่า

    หนวดพยัคฆ์ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มเจื่อนและทำได้เพียงมองหญิงสาวเดินหายไปจนลับตา  จากนั้นเขากวาดมองเพลเยอร์หลายต่อหลายกลุ่มกำลังทยอยเดินทางย้อนกลับไปที่เขตจงหยาง

    มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    เป็นจังหวะดีที่พวกเราทั้งสองฝ่ายจะลงมือตัดสินกัน  คงต้องขอบคุณผู้ปล่อยข่าวในครั้งนี้สินะ  รอบ ๆ เขตเมืองดาบมังกรเองผู้คนถึงได้ลดจำนวนลงไปได้เยอะทีเดียว  จะได้ไม่มีใครอื่นเข้ามาสอดอย่างที่กังวลกันสักที  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     

    ระหว่างเส้นทางตรงไปยังเมืองดาบมังกร

    ยี่ฟงพุ่งทะยานฝ่าสายลมเย็นในยามเช้าไปอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่แสงตะวันจะสาดส่องไปทั่วฟ้า  ยี่ฟงก็เดินทางผ่านช่วงสามแยกไปเรียบร้อยแล้ว  ยังไม่ทันที่ระบบจะรายงานสถานะของมอนสเตอร์ที่พบตามรายทางจบ  ร่างของชายหนุ่มก็พุ่งผ่านทิ้งระยะห่างไปไกลเกินขอบเขตไล่ล่าของมอนสเตอร์ตัวนั้น ๆ แล้วด้วยซ้ำ

    กระทั่งท้องฟ้าสว่างสดใส  แสงแดดพาดผ่านไปทั่วพื้นที่

    เหนื่อยฉิบหาย!

    ยี่ฟงพ่นแต่ละคำได้อย่างลำบาก

    ตอนนี้เขาหยุดพักอยู่ข้างทางด้วยอาการหอบเหนื่อย  การเคลื่อนที่ได้รวดเร็วก็ดีอยู่แต่เลเวลของชายหนุ่มต่ำเกินไปที่จะรองรับวิชาท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกรเป็นเวลานาน ๆ  หลังจากยี่ฟงทดสอบดูแล้วด้วยการเดินทางต่อเนื่องจึงทราบว่าเขาจะคงสถานะความเร็วสูงสุดไว้ได้เพียงสองชั่วโมงกับเศษอีกเล็กน้อยเท่านั้น

    ถ้าเลเวลมากพออาจไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ก็ได้มั้ง  หรือฉันจะตั้งเป้าค้นหาวิชาสายฟื้นฟูมาหนุนเสริมดีหว่า

    ยี่ฟงกล่าวคาดการณ์และชั่งใจในความคิดตัวเอง

    แต่ไม่นานยี่ฟงก็ละเรื่องนี้ไว้ก่อน  เขาเปลี่ยนไปเข้าบอร์ดข่าวสารยุทธภพและทำการตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในเมืองดาบมังกร

    ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองนี้มีแค่สองคนหรือหนวดพยัคฆ์ ประมุขพรรคประตูนรก กับ จางเหมย ประมุขพรรควิถีเซียนกระบี่  ทั้งสองเป็นกิลด์ระดับต่ำค่อนไปกลาง  อืมระวังไว้หน่อยก็ไม่เสียหายอะไร

    ยี่ฟงพึมพำกับตัวเอง

    จากนั้นชายหนุ่มก็เลื่อนไปดูเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เคยเกิดขึ้นจนพบเข้ากับเหตุการณ์ประหลาดในช่วงสองสามวันในเกมมานี้  ดูเหมือนเพลเยอร์หลายกลุ่มที่บุกไปตีสำนักพยัคฆ์หมอบซึ่งเป็นพื้นที่ของมอนสเตอร์จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

    เจ้าสำนักหายตัวไปหรือ  ว่าแต่ไอ้ชื่อสำนักพยัคฆ์หมอบนี่มันคุ้น ๆ อยู่นะ

    ยี่ฟงหรี่ตาพยายามเค้นความทรงจำย้อนหลังกลับไป  กระทั่งเขาอุทานออกมาว่า

    เฮ้ย!  เจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบกับองครักษ์คลั่งของมันที่ดวงมหาซวยถูกฉันที่ร่วงลงมาจากฟ้ากระแทกจนตายนี่หว่า

    ยิ่งไล่สายตาอ่านรายละเอียดมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ยี่ฟงมั่นใจ  และยังทำให้เขาตระหนักได้ถึงความจริงบางประการ

    ที่แท้สงครามระหว่างกิลด์ใหญ่อันดับสี่และห้ามีสาเหตุมาจากตัวเขาเอง

    ยัยพนักงานต้อนรับสาวนั่นต่างหากที่ส่งฉันไปผิดที่ผิดทางเอง  ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย  เหอะ ๆ

    ยี่ฟงแก้ต่างให้ตัวเอง  อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้ทั้งสิ้น  ให้มันตายไปพร้อมกับเขาเลยยิ่งดี

    อืมเจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบมันหายหัวไปได้สามวันกว่าแล้วนี่  ก็หลังจากที่มันตายอนาถไปพร้อมกับฉันเลยนี่หว่า

    นอกจากนี้เพลเยอร์ที่รั้งอยู่ภายในเมืองดาบมังกรยังพบเห็นนักฆ่ารับจ้างที่เป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งมาป้วนเปี้ยนแถว ๆ เมืองอย่างไม่เคยมีมาก่อน  ทั้งที่ความจริงแล้วนักฆ่ารับจ้างจะกบดานอยู่ห่างไกลยังซากเมืองร้าง  ไม่มีทางที่พวกมันจะมาโผล่อยู่ใกล้เมืองดาบมังกรได้เลย

    จากปากคำของเพลเยอร์ที่เคยปะทะกับพวกมันมาต่างเล่าคล้ายกันว่า  นักฆ่ารับจ้างกำลังตามหาคนคนหนึ่งอยู่

    น่าสนใจแฮะ  ไว้หลังจากเข้าไปเซฟจุดเกิดในเมืองดาบมังกรแล้วจะลองไปสืบดูหน่อยแล้วกัน

    ยี่ฟงตัดสินใจมาดมั่น

    ห้านาทีผ่านไปชายหนุ่มก็ออกเดินทางต่อ  พอเริ่มเข้าใกล้เขตเมืองแล้วยี่ฟงก็สามารถพบเห็นเพลเยอร์ตามรายทางได้ประปราย  สายตาทุกคู่กวาดมองยี่ฟงแบบผ่าน ๆ อย่างไม่ใส่ใจ  รวมถึงผลลัพธ์จากกระทู้ที่เขาตั้งส่งให้ในเวลานี้มีกลุ่มคนภายใต้ชุดเกราะดูดี และกลุ่มเพลเยอร์ในชุดจอมยุทธ์เท่ ๆ อีกมากมายกำลังเดินสวนทางตรงกลับไปยังเขตจงหยาง

    มีหลายกลุ่มเข้ามาสอบถามเรื่องราวคร่าว ๆ จากยี่ฟงด้วย  นั่นยิ่งทำให้พวกเขาถูกยุยงมากขึ้นไปอีก

    จวบกระทั่งยามสายที่อากาศเริ่มร้อนขึ้น  ยี่ฟงก็บรรลุถึงเมืองดาบมังกรในที่สุด  ตั้งแต่ทางเข้าตลอดจนกำแพงเมืองล้วนมีขนาดใหญ่โตกว่าเมืองจงหยางเป็นเท่าตัว  สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือการเซฟจุดเกิดของเมืองนี้ไว้  ตามด้วยการเดินสำรวจตลาดไปทั่ว

    เมืองดาบมังกรมีเส้นทางสัญจรหลักเชื่อมออกไปอยู่สามทิศ  หนึ่งก็คือทิศใต้ที่เชื่อมต่อไปจงหยาง  ทิศตะวันตกเชื่อมไปยังเมืองจิตมังกร และสุดท้ายคือทิศเหนือซึ่งจากคำบอกเล่าแล้วมันเป็นเส้นทางที่ไกลมากกว่าจะไปบรรจบลงที่เมืองเศียรมังกร  เพลเยอร์มากมายจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองจิตมังกรซึ่งมีระยะทางสั้นกว่าและยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเศียรมังกรมากกว่าด้วย

    นี่ไอ้น้อง!  จ่ายค่าเข้าเมืองมาด้วย

    ชายฉกรรจ์จำนวนสามคนเข้ามาขวางยี่ฟงไว้

    หือ  ฉันไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าต้องเสียเงินด้วย

    ยี่ฟงตีหน้ามึนกล่าวขึ้น

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  อย่าถามอะไรให้มากความ  รีบ ๆ จ่ายมาซะ

    ชายกล้ามใหญ่ท่าทางกร่างสุดในหมู่เพื่อนกล่าวปนหัวเราะ

    ไม่จ่าย  แล้วก็ถอยไปด้วยเพราะฉันไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระ

    ยี่ฟงเอ่ยสวนเสียงเรียบ

    เสียงสบถลั่นของชายฉกรรจ์ทั้งสามเรียกสายตาผู้คนได้อยู่บ้าง  แต่ไม่มีใครคิดจะยุ่งเกี่ยวด้วย  หากไม่มีกำลังเพียงพอจะปกป้องตัวเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาในเขตแดนยอดฝีมือเช่นกัน  ยุทธภพนี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่น  ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอนั่นคือกฎพื้นฐานที่เพลเยอร์ทุกคนต่างทราบกันดี

    เป็นแค่เด็กใหม่เพิ่งออกท่องโลกกว้าง  อย่าทำแข็งให้มากดีกว่าไม่งั้นจะอยู่ไม่รอดเอานะไอ้เวร

    ชายอีกคนกล่าวขึ้นมาบ้าง

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  นายไม่จำเป็นต้องมาห่วงฉัน  รีบ ๆ ถอยไปได้แล้วเพราะฉัน  ไม่  จ่าย

    ยี่ฟงเน้นย้ำด้วยแววตาสมเพช

    สั่งสอนเด็กใหม่มันหน่อยสิวะ!

    ชายกล้ามใหญ่เอ่ยปากสั่งการ

    พริบตานั้นชายอีกสองคนก็พุ่งฝ่ามือคว้าจับลงที่ไหล่ของยี่ฟงคนละข้าง  แต่พวกมันรวมถึงยี่ฟงยังไม่ทันได้ลงมือก็มีผู้เข้ามาสอดเสียก่อน

    หยุดมือ!

    คนที่ตวาดขึ้นมาคือชายหนุ่มร่างสูง  สีหน้าดูมีคุณธรรมอันดี  แน่นอนว่ามันไม่ได้พูดเปล่าแต่พุ่งเข้ามาผลักชายฉกรรจ์ทั้งสองออกห่างไปได้อีกด้วย

    อินทรีเหินแกเสือกอะไรด้วยวะ

    ชายกล้ามใหญ่ตะคอกถาม

    ฉันทนเห็นพวกนายปล้นเด็กใหม่ต่อไปไม่ได้แล้ว!  นายถอยไปซะศัสตราเทพ

    อินทรีเหินตอบ

    แกอยากจะเจ็บตัวไปด้วยสินะ

    ชายกล้ามใหญ่ที่ถูกเรียกว่าศัสตราเทพคำราม

    แต่หลังสิ้นเสียงนั้นพลันปรากฏกลุ่มเพลเยอร์จำนวนมากชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อม

    ไม่รู้ว่าฉันหรือนายกันแน่ที่จะต้องเจ็บตัว!

    อินทรีเหินเอ่ยท้าทาย

    เฮอะ!  คิดว่าอยู่ในถิ่นตัวเองแล้วจะแสดงคุณธรรมยังไงก็ได้หรือวะ

    ศัสตราเทพและสมุนสองคนของมันเตรียมชักอาวุธเข้าปะทะ

    ทว่าระหว่างที่คนทั้งสองฝ่ายกำลังจะตีกัน  ยี่ฟงกลับปลีกตัวเดินหนีไปก่อนแล้ว  ศัสตราเทพที่สังเกตเห็นพลันตะโกนขึ้นอย่างหัวเสียว่า

    นั่นใครอนุญาตให้แกไปได้กันวะ  ไอ้เด็กใหม่!!

    ยี่ฟงเลิกคิ้วหันกลับไป  จากนั้นเอ่ยอย่างเบื่อหน่ายขึ้นว่า

    ฉันต้องขออนุญาตตัวเหี้ยด้วยหรือ

    สถานการณ์ที่ร้อนรุ่มอยู่ก่อนแล้วกลับกลายเป็นเดือดปุด ๆ คล้ายจะเบิดออกในไม่ช้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×