คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #136 : รวมพล
ยี่ฟงไม่แวะเวียนไปที่ไหนอีก เขาตรงไปรอเพื่อน ๆ ที่อาคารนักพเนจรโดยทันที ยามนี้บนท้องฟ้าค่อย ๆ ถูกเมฆฝนคลี่คลุมจนมืดครึ้มลงอีกครั้ง ดูเหมือนเหล่าเพลเยอร์จะต้องทนอยู่กับฤดูฝนไปอีกสักพักใหญ่เลยทีเดียว
ระหว่างทางยี่ฟงตัดสินใจติดต่อไปหาเซียนหิมะเพื่อสนทนาเรื่องหนึ่ง
“สวัสดีคุณจ้าววังสาว” ชายหนุ่มเอ่ยทักเมื่อการติดต่อสำเร็จ
“มีอะไรหรือคุณชายลึกลับ” เซียนหิมะหยอกกลับมาน้ำเสียงขบขัน ตามข่าวเขาเรียกชายใส่หน้ากากว่าอย่างนั้น
“ฉันต้องการคนไปช่วยลุยวิหารว่างเปล่าสักหน่อย เพราะงั้นอาจจะต้องให้พวกน้อง ๆ
ของเธอมาเข้าร่วมสมาพันธ์เป็นการชั่วคราว” ยี่ฟงกล่าวเข้าเรื่อง
“ทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวาย อีกอย่างยัยพวกน้อง ๆ
ที่ว่าก็แอบมาคุยกับฉันในเรื่องนี้ก่อนแล้วจ้ะ
พวกเธอลาออกจากกิลด์ไปตั้งสองสามวันแล้วด้วยซ้ำ นี่นายไม่รู้หรอกหรือ” เซียนหิมะบอกกล่าวอย่างแปลกใจ
และกล่าวต่อไปว่า “เดี๋ยวพวกเราก็จะเข้าร่วมพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว ฉันคิดว่านายควรรับพวกน้อง ๆ
ตัวแสบของฉันไปถาวรเลยดีกว่า”
ความมั่นใจที่เซียนหิมะแสดงออกมากลับทำให้ยี่ฟงเริ่มจะรู้สึกกดดันนิด
ๆ
“เอาตามที่เธอว่าแล้วกัน แต่ฉันขอเพิ่มอีกสักสองคนสิ ถึงจะรู้ว่าจำนวนคนมันไม่สำคัญในภารกิจครั้งนี้ก็เถอะนะ” ยี่ฟงไม่อยากผิดพลาดจึงคิดจะถมจำนวนคนให้ครบ “ฉันมีอยู่ในใจแล้ว
คนที่ชื่อเก้ากับสองน่ะ ฝากเธอช่วยติดต่อให้พวกเขามารวมพลที่อาคารนักพเนจรภายในเมืองดาบมังกรทีนะ”
“หือ ฉันยังมีคนที่เก่งกว่าสองคนนี้อยู่อีกนะ” เซียนหิมะไม่เข้าใจเจตนาของชายหนุ่มนัก
“ฉันต้องการทีมเวิร์กมากกว่าคนเก่ง” ยี่ฟงตอบน้ำเสียงสบาย ๆ
เซียนหิมะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจเอ่ยเตือนว่า “ตอนนี้ทางวังจักรพรรดิเองก็กำลังบุกเบิกวิหารว่างเปล่าอยู่เหมือนกัน ขอโทษจริง ๆ ที่ไม่ได้บอกให้เร็วกว่านี้”
“งั้นหรือ
ไม่เป็นไรหรอก” รอยยิ้มของยี่ฟงค่อย ๆ หายไปช้า ๆ สวนทางกับคำตอบ
“ถ้างั้นก็พยายามเข้าล่ะ เดี๋ยวทางฉันจะรีบส่งคนที่นายต้องการไปให้ทันที”
การติดต่อสิ้นสุดลงเท่านี้พอดีกับยี่ฟงเดินมาถึงอาคารนักพเนจร เมื่อเขาผลักบานประตูเปิดเข้าไปก็พบเห็นกลุ่มเพลเยอร์กำลังรับภารกิจกันอยู่บริเวณกระดานบอร์ดมุมหนึ่ง ส่วนตรงเคาน์เตอร์บาร์ค่อนข้างว่าง เอไอซึ่งทำหน้าที่ให้บริการวันนี้ไม่ใช่สาวสวยไฟหน้าโต นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมเคาน์เตอร์บาร์ถึงว่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเพลเยอร์ให้เห็นแถมยี่ฟงยังรู้สึกคุ้น
ๆ ลักษณะท่าทางของอีกฝ่ายไม่น้อย
“ฟางเหลียนฮวาไม่อยู่หรือ” ยี่ฟงเลือกเข้าไปนั่งลงใกล้ ๆ กับเพลเยอร์คนที่ว่า พลางถามไถ่เอไอที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคนนามว่ามู่หยงเสวี่ย มารดาของบุคคลที่เขาเพิ่งจะถามถึงเมื่อครู่ หลังได้รับการช่วยเหลือออกมาจากเขาพยัคฆ์ นางก็มาช่วยบุตรสาวที่อาคารนักพเนจรแห่งนี้ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณต่อยี่ฟงและพรรคพวก
“นางออกไปหาวัตถุดิบเจ้าค่ะ อีกสักพักก็คงจะกลับมาแล้ว” มู่หยงเสวี่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ขณะเดียวกันเพลเยอร์ที่นั่งอยู่ข้างยี่ฟงก็หันมาเผชิญหน้า “ไงพวก ฉันมารอนายที่นี่อยู่หลายวันแล้ว”
“นายเองสินะ
ชีกอ
เกิดอะไรขึ้นกับขบวนรถขนสินค้าล่ะ” ยี่ฟงทักทายกลับพลางถามไถ่
เพลเยอร์คนนี้ก็คือ ฉี่ไกลพันลี้ หรือ ชีกอ ก่อนหน้านี้ยี่ฟงฝากให้เขาช่วยเป็นตัวแทนหลอกล่อกลุ่มผู้ประสงค์ร้ายทั้งหมดออกไปให้ไกลจากเมืองกระทั่งไม่ได้ติดต่อกันมาพักใหญ่และเพิ่งกลับมาพบกันที่นี่อีกเป็นหนที่สาม นั่นแสดงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้เขาเดินทางไปไม่ถึงเมืองเศียรมังกรตามแผนที่วางไว้
“พวกฉันถูกกลุ่มเพลเยอร์ฝีมือดีไล่ล่า ดูเหมือนจะเป็นคนจากวังเทวาห้วงสมุทร ได้ยินว่ามันตะโกนด่าเหยียดหยามนายด้วยนะ คนรู้จักใช่ไหม?” ฉี่ไกลพันลี้ตอบคำถามอย่างตื่นเต้น
ยี่ฟงประมวลผลชั่วครู่ก็พอจะคาดเดาออกว่ากลุ่มคนฝีมือดีที่ว่าเป็นใคร ทันใดนั้นก็คิดจะเชื่อมโยงเข้ากับกลุ่มคนที่ไล่ตามพวกเขามาตั้งแต่ฉางอาน ยี่ฟงจึงเผยยิ้มกว้างสะใจเล็กน้อย
“ต้องลำบากนายแล้ว” ยี่ฟงไม่พูดเปล่าแต่ส่งคำเชิญเข้าร่วมสมาพันธ์ไปให้อีกฝ่ายด้วย
“ฉันมองคนไม่ผิดจริง ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฉี่ไกลพันลี้ตอบรับคำชวนพร้อมเสียงหัวเราะดีใจ เขามองยี่ฟงที่ยังสวมใส่หน้ากากด้วยความรู้สึกมากมาย หนึ่งในนั้นคือเทิดทูนบูชา ก็เพราะเวลานี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักนามของยี่ฟง และสมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานเองก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับชื่อเสียงอันกึกก้อง วีรกรรมเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
กลับสั่นสะเทือนโลกได้ทั้งใบ
สำคัญอย่างที่สุดก็คือการที่ยี่ฟงช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่เซิร์ฟเวอร์ไทย ถึงแม้จะเป็นความบังเอิญก็ตาม
ภารกิจยึดเมืองที่ถูกประกาศไปทั้งยุทธภพ กลายเป็นการดึงดูดนักข่าวและสื่ออีสปอร์ตทั่วโลก สมาพันธ์มังกรซ่อนแห่งฉางอานไม่ใช่ดังแค่ที่นี่ ทว่ากำลังเฉิดฉายอยู่บนเวทีระดับโลกเลยต่างหาก! เซิร์ฟเวอร์ไทยคือทวีปต้าเซี่ย ส่วนเซิร์ฟเวอร์จีนคือทวีปต้าฉิน
ซึ่งเหล่าเพลเยอร์บนทวีปต้าฉินเองก็ยังให้ความสนใจกับทวีปต้าเซี่ยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน จะเห็นได้จากตามเว็บไซต์และบอร์ดออนไลน์ต่าง ๆ
หากยี่ฟงสังเกต จะรู้ได้ทันทีว่าความนิยมของพวกเขาไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย!
คนทั้งสองสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นฉี่ไกลพันลี้มากกว่าที่พยายามเล่าถึงความยิ่งใหญ่อหังการของทวีปอื่น
ๆ นอกจากทวีปต้าเซี่ย
กระทั่งเหนือฟ้ากับสองสาวพากันมาพร้อมหน้าเป็นกลุ่มแรก ยี่ฟงจึงลุกขึ้นนำเพื่อน ๆ เดินหลบเข้าไปทางห้องส่วนตัวข้างหลัง ย่อมไม่ลืมบอกกล่าวมู่หยงเสวี่ยไว้เกี่ยวกับแก๊งวัยชราที่จะตามมาอีกทีหลัง
“ได้มาแล้วสินะ” ยี่ฟงถามยืนยัน
“เรียบร้อยครับ” เหนือฟ้าส่งคำขอแลกเปลี่ยนกลับมา จากนั้นก็โอนเงินให้ยี่ฟง 323 ล้านครบตามจำนวนโดยไม่มีขาดเกิน ฉี่ไกลพันลี้มองดูพลางกลืนน้ำลาย ต้องรู้สึกประทับใจต่อความเชื่อมั่นของคนกลุ่มนี้ที่พวกเขามีให้แก่กันอย่างอดไม่ได้
“เอาล่ะ
ฉันจะปิดภารกิจยึดเมืองแล้วนะ” ยี่ฟงกล่าว สายตากวาดมองเพื่อน ๆ รอบหนึ่ง
ไม่ช้าจำนวนเงินที่เพิ่งได้รับมาก็ถูกโอนให้กับระบบภารกิจ…
“ยินดีด้วยค่ะ เพลเยอร์ยี่ฟงสามารถเคลียร์ภารกิจยึดเมืองได้สำเร็จลุล่วง มหานครฉางอานจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านอย่างสมบูรณ์ ดันเจี้ยนลับใต้มหานครกลายเป็นพื้นที่ปิด มีผลทำให้เพลเยอร์ท่านอื่น ๆ ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าไปจำต้องปฏิบัติตามกฎของผู้เป็นเจ้าของเสียก่อน”
เสียงระบบประกาศออกไปทั่วยุทธภพอีกครั้ง คราวนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ไปในทางลบพอสมควร เป็นเพราะดันเจี้ยนประจำมหานครฉางอานไม่ใช่พื้นที่อิสระอีกต่อไป แต่หากต้องการให้ตัวละครแข็งแกร่งขึ้นพวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธไม่เข้าดันเจี้ยนใต้ดินแห่งนี้ได้ ข้อมูลรางวัลหลังจากผ่านดันเจี้ยนแล้วมีบุคคลมากมายลงรายละเอียดไว้ตามบอร์ด ได้รับการยืนยันว่าเป็นข้อมูลจริงโดยตรงจากทางระบบเกมอีกด้วย ฉะนั้นเพลเยอร์นับไม่ถ้วนเมื่อมีโอกาสย่อมไม่พลาดที่จะมาเสี่ยงดวงกับดันเจี้ยนใต้มหานครฉางอานกันทั้งนั้น
ทางยี่ฟงเอง ขณะนี้ปรากฏหน้าต่างระบบจัดการเมืองขึ้นมาตรงหน้า เขาไล่อ่านดูชั่วครู่ก็ลงมือสร้างกฎการเข้าพื้นที่ดันเจี้ยนขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก ยี่ฟงตั้งจำนวนเงินไว้สูงถึง 50,000 ตำลึงทองเป็นค่าผ่านทาง เรียกว่าขูดรีดขูด-เนื้อกันเลยก็ไม่ผิดไปนัก จากนั้นใช้เวลาเลือกพื้นที่เพื่อจะก่อตั้งสมาพันธ์ได้ในพริบตาเดียว ท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของเพื่อน ๆ
“นายไม่คิดให้ดี ๆ สักหน่อยก่อนหรือ” หยกราตรีเอ่ยถาม
“ฉันคิดไว้ดีแล้ว ตั้งมันลงบริเวณใจกลางมหานครเลยนี่แหละ อ้าว
ใช้เวลาสร้างสิบวัน”
ยี่ฟงตอบโดยแทบจะไม่ละสายตาออกจากหน้าต่างระบบ กระทั่งฝ่ามือขวาเลื่อนไปมาแทบไม่ได้หยุดเพราะเขากำลังจัดการกับตำแหน่งของทางเข้าดันเจี้ยนทั้งสิบสามเส้นทางอยู่
สุดท้ายแยกทางเข้าดันเจี้ยนไว้สี่เส้นทางออกไปตั้งอยู่ตรงข้างประตูเมือง นี่สำหรับต้อนรับเพลเยอร์ด้วยกันโดยเฉพาะ ส่วนทางเข้าที่เหลืออยู่เก้าเส้นทาง ยี่ฟงตัดสินใจเก็บเอาไว้ให้คนของตัวเองโดยที่นำเอาไปตั้งไว้ด้านหลังสมาพันธ์ติดกำแพงเมือง
“นายเหลือทางเข้าดันเจี้ยนให้คนอื่นสี่เส้นทางเองหรือ ฉันว่าน้อยไปนะ” หยกราตรีซึ่งนั่งมองมาสักพักกล่าวขึ้น
“แต่ฉันว่ามันเยอะไปด้วยซ้ำ” ยี่ฟงตอบยิ้ม ๆ
“หมายความว่าไง?” หยกราตรีไม่เข้าใจ รู้สึกหงุดหงิดที่ตามความคิดของชายหนุ่มไม่ทัน
“พวกเธอดูค่าผ่านทางสิ ต้องมีคนคิดแล้วคิดอีกแน่ ๆ”
“รางวัลด้านในดันเจี้ยนตั้งมากมาย ค่าผ่านทางแค่นี้ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าซะด้วยซ้ำไปนะ” หยกราตรีกล่าวตามที่คนทั่วไปต้องคิดได้เหมือน ๆ กัน
เหนือฟ้าที่คิดตามมาสักพักพลันเอ่ยแทรกว่า “สำหรับคนที่มั่นใจตัวเองก็คงเห็นว่ามันคุ้มค่า แต่กลุ่มคนที่พลังฝีมืออ่อนแอ
พวกเขาคงไม่กล้าโยนเงินทิ้งเพื่อเข้าไปเสี่ยงใช่ไหมครับ”
ยี่ฟงยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ ก่อนจะอธิบายเสริมขึ้นต่อไปว่า
“ที่เหนือฟ้าพูดขึ้นมา คือวิธีที่จะเป็นการช่วยคัดกรองเพลเยอร์ระดับต่ำออกไปเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในช่วงต้น ไม่อย่างนั้นทางเข้าดันเจี้ยนที่ฉันยกมาตั้งเรียงให้เข้ากันสะดวกจะเต็มไปด้วยพวกอยากลองของไม่รู้จักเจียมตัวเอาน่ะสิ”
“เฮ้ทุกคน
ในช่องสนทนาร่วมพันธมิตร มีแต่คนพิมพ์ข้อความแสดงความยินดีให้กับท่านจ้าวสมาพันธ์เต็มไปหมดเลยล่ะ” ฉี่ไกลพันลี้เอ่ยแทรกขึ้นมา
ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่คนในกลุ่มสนทนากันสักนิด
“งั้นหรือ พอดีพวกฉันไม่ค่อยถูกกับช่องสนทนากันเท่าไรน่ะ ข้อความมันเด้งเร็วเกิน” ยี่ฟงตอบโดยไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไร ดูเหมือนเพื่อนใหม่คนนี้จะชอบตามอ่านข่าวต่าง ๆ บนสื่อพวกนี้ไม่น้อย อาจจะมีประโยชน์ต่อกลุ่มในภายหลังอยู่บ้างก็ได้
“พวกข้ามาถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายหรอกหรือวะ” มังกรเฒ่าเอ่ยทักขึ้นมา
ขณะที่เพิ่งจะมาถึง
“ไม่ใช่หรอกลุง
ยังเหลืออีกสองคนต่างหาก” ยี่ฟงหันไปตอบ
“ใครอีกวะ”
“เก้ากับสองน่ะ
พวกนั้นกำลังตามมา” ยี่ฟงตอบส่ง
ๆ ไปพลางหันกลับมาจ้องพวกเหนือฟ้าและส่งคำเชิญเข้าร่วมสมาพันธ์ไปให้
“พวกนายนี่ไม่รู้จักบอกกล่าวกันบ้างเลยนะ” ยี่ฟงกล่าวประชด
“ฮะฮะ พวกเรากำลังรอให้นายพูดขึ้นมาก่อนน่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เข้าร่วมในภารกิจนี้หรือเปล่า” เหนือฟ้าเป็นตัวแทนกล่าวอธิบาย
“เหอะ ๆ เสียเวลาฝึกฝนเลื่อนเลเวลตัวละครกันมาตั้งนาน ฉันจะไม่ใช้ประโยชน์พวกนายได้ยังไงกันล่ะ” ยี่ฟงตอบพร้อมเสียงหัวเราะขบขัน “หัดเชื่อมั่นกันหน่อย ตอนนี้พวกนายไม่ใช่กาก ๆ กันแล้วนะ”
พวกเหนือฟ้าไม่มีใครเถียงออกสักคำ เป็นเพราะการพัฒนาแบบก้าวกระโดดรวดเร็วจนเกินไป ทำให้พวกเขาปรับตัวตามไม่ทัน
ยังรู้สึกว่าฝีมือไม่ถึงขั้นที่พอจะให้ใครพึ่งพาได้กันอยู่เลย แต่สุดท้ายคนทั้งสามก็ตอบรับคำชวน และทันทีที่เข้าร่วมสมาพันธ์ก็ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส
“เอาล่ะ
ทำใจให้พร้อม
เมื่อเก้ากับสองมาถึง
พวกเราก็จะเริ่มต้นบุกเบิกหนึ่งในเสาหลักทั้งห้ากันเลย” ยี่ฟงประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทุกคนพยักหน้ารับทราบ
ขณะฉี่ไกลพันลี้อึ้งจนตาโตแทบถลน
“นี่กำลังจะ…เหลือเชื่อ! ถ้าพวกนายทำสำเร็จล่ะก็ แทบจะเป็นการสร้างหน้าวัติศาสตร์ขึ้นมาเป็นกลุ่มแรกเลยนะ” ฉี่ไกลพันลี้ค่อนข้างคาดหวังพอสมควร
เป็นเพราะพวกยี่ฟงล้วนแต่ทำเรื่องที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกถึงความเป็นไปได้
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งวันกระทั่งยามเย็น เก้ากับสองก็เดินทางมาถึงอาคารนักพเนจรเสียที
ยี่ฟงออกไปรับด้วยตัวเองและส่งคำเชิญเข้าร่วมสมาพันธ์ไปให้ เนื่องจากคนทั้งสองโดนไล่ออกจากกิลด์ซึ่งไม่ใช่เป็นการลาออกด้วยตัวเอง จึงสามารถเข้าร่วมกับกิลด์อื่นหรือสมาพันธ์อื่นได้ในทันทีโดยไม่ต้องรอ
เมื่อตำแหน่งผู้อาวุโสครบทั้งเก้าคนรวมจ้าวสมาพันธ์แล้วเท่ากับเป็นสิบคน ยี่ฟงก็เปิดระบบภารกิจพิเศษเฉพาะของสมาพันธ์ขึ้นมาทันที หัวข้อเสาหลักทั้งห้าปรากฏและวิหารว่างเปล่าก็เป็นเสาแรกที่ถูกเลือกออกมาให้กลุ่มของยี่ฟงเข้าไปพิชิต!
หลังจากได้รับการยืนยัน แสงสว่างก็คลี่คลุมลงบนตัวละครทั้งสิบยกเว้นฉี่ไกลพันลี้ มันคือการทำงานของค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจ ไม่ช้าร่างของพวกเขาตั้งแต่ยี่ฟง มังกรเฒ่า เหนือฟ้า หยกราตรี มุกทิวา เฒ่าทารก มารตะกละ ภูผาเพลิง เก้าและสองก็แตกสลายหายไปพร้อมกับแสงสว่างที่ดับวูบลง
ความคิดเห็น