คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #128 : เสือพึ่งป่าฉันใด ศิษย์ก็ต้องพึ่งอาจารย์ฉันนั้น
เกือบครึ่งชั่วโมง กลุ่มของยี่ฟงก็เข้าประชิดตัวนครฉางอานแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาตกเป็นเป้าสายตาเหล่าเพลเยอร์มาตลอด กระทั่งการบุกเข้าสู่อาณาเขตมหานครฉางอานเริ่มขึ้น จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ส่วนใหญ่จะไปในทิศทางเดียวกันคือเหยียดหยามดูแคลนสติปัญญากลุ่มของยี่ฟง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะช่วงเวลาค่ำคืน อาณาเขตนครฉางอานจะทวีความอันตรายมากขึ้นอย่างเทียบกันไม่ได้ในตอนกลางวัน เหล่าผู้รุกรานจะตกเป็นเป้าหมายของฝูงนักรบตายซากทันทีตั้งแต่ก้าวแรก
แน่นอนว่าเผ่าอันเดดจะแข็งแกร่งขึ้นอีกเมื่อฟ้ามืด เพียงเหตุผลเท่านี้ก็ไม่ควรแล้วที่จะบุกเข้าไปในช่วงเวลาที่ว่า
แต่ทั้งหมดคือแผนการฝึกหฤโหดจากยี่ฟง ซึ่งเขาย่อมไม่คิดจะไปสนใจเสียงนกเสียงกา
“จากนี้พวกนายสามคนจะไปด้วยกันยังเส้นทางหนึ่งของดันเจี้ยน ส่วนพวกลุงมารต้องแยกไปฝึกกันคนเดียว และลุงกรไปกับฉัน” ยี่ฟงสั่งการกลุ่มตามที่ตั้งใจไว้อย่างไม่ติดขัด
พวกเหนือฟ้ารู้สึกเบาใจลงไปบ้างที่ยังได้เกาะกลุ่มกันไว้
แต่ความยากของดันเจี้ยนใต้นครฉางอานเป็นที่เล่าลือไม่น้อย พวกเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ ซึ่งยี่ฟงก็สังเกตเห็นจึงรีบกล่าวต่อไปว่า
“ฉันจะช่วยสนับสนุนในด้านข้อมูลต่าง
ๆ เชิงลึกให้เอง รับรองว่าละเอียดจนใครที่ไหนก็สามารถผ่านไปได้ง่าย
ๆ เชียวล่ะ”
“ทำไมมารเฒ่าอย่างพวกข้าต้องเข้าร่วมฝึกในครั้งนี้ด้วยวะ” ภูผาเพลิงตั้งคำถาม
“ฉันรู้พวกลุงเก่งเทพมากอยู่แล้ว
แต่การผ่านดันเจี้ยนนี้จะช่วยให้ตัวละครของพวกลุงเก่งขึ้นไปอีก” ยี่ฟงตอบอย่างจริงจัง สามมารเฒ่าจึงไม่สงสัยอะไรอีก
“ดันเจี้ยนใต้นครฉางอาน ประกอบไปด้วยสิบเอ็ดด่านค่ายกลและสองห้องโถงสุสาน…” ยี่ฟงเริ่มต้นอธิบาย
สองห้องโถงอันเป็นที่เก็บซากนักรบไม่มีอะไรมากนัก เพียงต้องใช้กำลังฝ่าไปตรง ๆ รายละเอียดส่วนใหญ่จึงจะไปอยู่กับสิบเอ็ดด่านค่ายกลนรกแตกให้หลังต่างหาก เมื่อชายหนุ่มบอกเล่าถึงความอันตรายและวิธีแก้ปัญหาเอาตัวรอดในแต่ละด่าน ทำให้เพื่อน ๆ
รู้สึกว่ามันยากกว่าที่จินตนาการไว้หลายเท่าตัว
กระทั่งยี่ฟงชำแหละดันเจี้ยนนี้จนละเอียด
ส่งผลให้ทุกคนเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะสามารถผ่านมันไปได้
เมื่อรู้คำตอบของทุกปัญหาแล้ว ทุกอย่างย่อมง่ายดายขึ้นไม่มากก็น้อย
“เอาล่ะ
ปัจจุบันเลเวลของพวกเหนือฟ้ารวมถึงลุงกรยังไม่แตะห้าสิบเลย ฉะนั้นการฝึกครั้งนี้จงรีบพัฒนาตัวละครให้ขึ้นไปแตะเลเวล
60 ซะถ้าเป็นไปได้” ยี่ฟงกล่าวสรุปในตอนท้ายพลางตีกรอบสร้างมาตรฐานให้เพื่อเป็นแรงผลักดัน
“หวังสูงเกินไปไหม ในเวลากระชั้นสั้นแบบนี้เนี่ยนะ” หยกราตรีขัดขึ้นหลังจากทำตัวสงบเสงี่ยมมานาน ขณะที่คนอื่น ๆ ก็มีอาการเห็นด้วยนิด ๆ
“ฉันถึงได้บอกไงล่ะว่า
ถ้าเป็นไปได้” ยี่ฟงสวนกลับเสียงเรียบ แสดงท่าทีราวกับไม่ได้คาดหวังอะไรนัก
นี่ย่อมสร้างความไม่พอใจให้หยกราตรี ส่วนคนอื่น ๆ รู้สึกแปลกใจตามสัญชาตญาณ
เกิดอะไรขึ้นกับยี่ฟง?
“พวกเราจะสละเวลาอยู่กับตรงนี้ประมาณสี่วันครึ่งโลกจริง
และจะเหลือเวลาให้อีกเพียงสองวันเกือบสามวันเพื่อใช้ในการบุกเบิกวิหารว่างเปล่า แยกย้ายไปได้” ยี่ฟงไม่แยแสว่าใครจะคิดอะไรยังไงอยู่ เขากำหนดเวลาและสั่งเริ่มปฏิบัติการในทันที
หยกราตรีที่กำลังฉุนเฉียวย่อมไม่ถามไถ่ให้มากความ เธอหันหลังเหินทะยานนำออกไปเป็นคนแรก เหนือฟ้ากับมุกทิวาไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบไล่ตามเพื่อนสาวไป ด้านสามมารเฒ่าก็ไม่รั้งรอให้เสียเวลาอีก หลังทราบว่ายี่ฟงจะใช้เวลาแค่สองสามวันในการเคลียร์หนึ่งในเสาหลักทั้งห้า บีบให้เวลาทุกวินาทีจากนี้มีค่ามหาศาลยิ่ง
เมื่อทุกคนไปกันหมดแล้วมังกรเฒ่าถึงค่อยหันมากล่าวกับชายหนุ่มว่า
“ไม่เห็นต้องโหดกับสาว
ๆ ขนาดนั้นเลยนี่ไอ้ตัวแสบ”
“โธ่ลุง ที่ฉันสร้างแรงกดดันเกินควรก็เพื่อให้พวกเหนือฟ้ารู้สึกว่าถูกต้อนจนมุม ฉันก็ได้แต่หวังว่าพวกนั้นจะพยายามกันอย่างหนัก ถึงเวลาที่ต้องทะลวงขีดจำกัดกันบ้างแล้ว” ยี่ฟงตอบขณะทอดสายตามองออกไปอย่างลึกล้ำ
มังกรเฒ่าส่ายศีรษะก่อนถามจริง ๆ
จัง ๆ ขึ้นว่า “เอ็งมีความมั่นใจแค่ไหน ที่ไอ้หนูพวกนั้นจะต้องเก็บเลเวลให้ถึง 60
ภายใต้เวลาที่กำหนด”
“ไม่มีสักนิด แต่ฉันหวังกับลุงไว้มากเลยนะ” ยี่ฟงตอบยิ้ม
ๆ และเริ่มออกนำไปยังหนึ่งในเส้นทางลับใต้ดินของมหานครฉางอาน
ในตัวเมืองฉางอานเต็มไปด้วยนักรบโครงกระดูกคอยเฝ้าอยู่ตามทางเข้าดันเจี้ยน พวกสามมารเฒ่าที่เลเวลสูงถึงกับแตะ 75
ย่อมไม่มีปัญหา
พริบตาก็ทะลวงฝ่าแยกย้ายกันลงไปคนละเส้นทาง ตามติดด้วยยี่ฟงกับมังกรเฒ่าที่เกาะกลุ่มไปด้วยกัน ส่วนกลุ่มเหนือฟ้าค่อนข้างหนักตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวลงไปภายในดันเจี้ยนใต้ดินด้วยซ้ำ พวกเขาบุกไปข้างหน้าได้อย่างเชื่องช้า โชคดีเท่าไรแล้วที่ยังไม่ถูกบดขยี้ลงแทบเท้าฝูงนักรบโครงกระดูก เมื่อผ่านไปห้านาที กลุ่มเหนือฟ้าถึงเพิ่งจะไขว่คว้าเอาเส้นทางหนึ่งของดันเจี้ยนมาได้ ทำให้สลัดหลุดฝูงมอนสเตอร์ได้เป็นกลุ่มสุดท้ายอย่างหน้าอับอาย ทั้ง ๆ ที่พวกตนเป็นกลุ่มแรกซึ่งเริ่มเคลื่อนไหวก่อนแท้
ๆ
ค่ำคืนแรกผ่านไปด้วยเรื่องราวอันเข้มข้นสุดจะบรรยาย ต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยกระทู้ข่าวใหญ่แห่งเมืองหังโจว ขณะเดียวกันแสงแดดในช่วงนี้ก็ริบหรี่แทบไม่เหลือไอความร้อน และเหล่าเพลเยอร์ยังคงต้องเผชิญท้องฟ้ามืดสลัวกับสายลมเย็นสะท้านผิวกายอย่างต่อเนื่อง แม้ขณะนี้ฝนจะหยุดตกไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม
ข่าวใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสามมารเฒ่า ส่งผลให้ทางกิลด์ใหญ่ทั้งหลายอยู่ไม่สุข พวกเขาช้าไปอีกก้าว ไม่ทราบตอนนี้เป็นฝ่ายไหนที่ชิงลงมือก่อนจนได้ตัวสามมารเฒ่าหังโจวไป สายข่าวจากกิลด์ใหญ่นับไม่ถ้วนต้องวิ่งเต้นสืบความไม่ได้หยุดหย่อน ผลกระทบนี้ร้ายแรงมากจริง ๆ
เพราะใกล้จะถึงวันเปิดงานเทศกาลประจำปีเข้าไปทุกทีแล้ว ไม่ว่าขั้วอำนาจใดที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องกลายมาเป็นม้ามืดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งหากเป็นหนึ่งในห้ากิลด์ใหญ่ขึ้นมาล่ะก็ ย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงตารางอันดับในรอบสามปีเลยทีเดียว
คลิปวิดีโอฉากการปะทะที่นักข่าวคนหนึ่งอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ ยอดวิวพุ่งกระฉูดใกล้จะแตะถึงหลักสิบล้านวิวภายในไม่กี่ชั่วโมง ความแข็งแกร่งของสามมารเฒ่าที่แสดงอยู่ในคลิปนั้น ตอกย้ำให้เหล่ากิลด์ใหญ่ต้องรู้สึกเจ็บปวดทั้งแสนเสียดายเข้าไปอีกคำรบ ยังมีบุรุษปริศนาสวมใส่หน้ากาก คนผู้นี้แน่นอนว่าต้องเป็นคนจากกิลด์ใหญ่สักกิลด์ตามการวิเคราะห์ของเสนาธิการหลายต่อหลายคน
“พวกเขาทำได้จริง
ๆ” จ้าววังเซียนหิมะแห่งวังฟีนิกซ์เยือกแข็งกล่าวขึ้น หลังจากเพิ่งไล่สายตาอ่านข่าวในหน้าต่างระบบ
“ที่เหลือก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าพวกเขาจะเคลียร์ภารกิจเฉพาะของทางวิหารว่างเปล่าได้ทันไหม” เสนาธิการเมฆาอัสนีกล่าวสำทับเน้นในเรื่องสำคัญ จากนั้นเหล่มองจ้าววังที่ยืนเหม่อลอยก่อนจะกล่าวถามออกไปว่า
“เราควรจะติดต่อไปบอกยี่ฟงสักหน่อยดีหรือเปล่า ว่าหนึ่งในเสาหลักที่พวกเขาเล็งไว้ ตอนนี้ถูกทางวังจักรพรรดิชิงลงมือไปก่อนแล้ว…”
เรื่องนี้เป็นปัญหาคาใจของเซียนหิมะมาสักพักใหญ่เช่นกัน ไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ว่าทางวังจักรพรรดิเองก็เล็งที่จะยึดครองวิหารว่างเปล่าอยู่เหมือนกัน คนเหล่านี้ก็ช่างเป็นศัตรูคู่แค้นโดยธรรมชาติของวังฟีนิกซ์เยือกแข็งไปซะทุกเรื่องเสียจริง
“ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าเกิดต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน เกรงว่ายี่ฟงจะเตรียมตัวไม่ทันแล้ว
เราคงได้แต่ปล่อยให้มันดำเนินไปแบบนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง” เซียนหิมะตอบน้ำเสียงปลง
ๆ
เวลาผ่านไปเกือบสามวันโลกจริง ภายในดันเจี้ยนลับใต้ดิน
จุดประลองวิชาตัวเบา กลุ่มแรกที่มาถึงรวดเร็วที่สุดก็คือสามมารเฒ่า ทิ้งห่างกันไม่นานยี่ฟงกับมังกรเฒ่าก็ตามมาถึง สุดท้ายผ่านไปเกือบห้าชั่วโมง กลุ่มของเหนือฟ้าจึงบรรลุถึงเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ยี่ฟงไม่ต้องการให้เสียเวลาเปล่า จึงอาสาช่วยผ่านด่านประลองปัญญาให้ทุกคน
“คารวะท่านอาจารย์” ยี่ฟงผละออกจากกลุ่ม
เดินตรงไปประสานฝ่ามือให้กับชายวัยกลางคนนามว่าเหิงอี เล่นเอาเพื่อนในกลุ่มที่เยื้องอยู่ข้างหลังอึ้งกันไปหมด
“ไอ้ตัวแสบมันคำนับเอไอเป็นอาจารย์?” เฒ่าทารกอุทานออกมา
“เรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้ด้วยหรือวะ” ภูผาเพลิงก็แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือเช่นกัน
ระหว่างคนข้างหลังซุบซิบนินทา เหิงอีก็กำลังปลื้มกับศิษย์สายตรงของเขาจนยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก โดยเฉพาะปริมาณโลหิตมังกรที่กลั่นออกมาแล้วถึง 4 ใน 10 ส่วน
ยอดเยี่ยม
ช่างเป็นศิษย์ที่ขยันหมั่นเพียรอะไรเช่นนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เหิงอีกล่าวชมเชยไม่หยุดปาก
“ศิษย์ไม่มีทางทำให้อาจารย์ต้องผิดหวัง จึงได้ฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอไม่มีขาด” ยี่ฟงย่อมไม่พลาดที่จะก้มลงเลียแข้งเลียขาฝ่ายตรงข้าม
ท่าทีซึ่งพลิกผันราวกับเป็นคนละคนของยี่ฟง เล่นเอาเพื่อน ๆ
ต้องขยี้เบ้าตาอย่างไม่มั่นใจในสิ่งที่พวกตนเห็น หลายคนลังเลว่าจะเอ่ยแทรกศิษย์อาจารย์ตรงหน้านี้ดีไหม
“แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนพลังยุทธ์ของเจ้ากำลังหยุดชะงักการเติบโต เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” จู่
ๆ เหิงอีก็ยิงคำถามที่เหลือเชื่อออกมา
กระทั่งยี่ฟงยังอึ้งไปเหมือนกัน
ไม่คาดคิดว่าเอไอตัวนี้จะสามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ถึงเพียงนี้
“ศิษย์เผชิญกับกำแพงสูงชัน เวลานี้ไม่อาจก้าวข้าม คงต้องพึ่งพาให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะแล้ว” ยี่ฟงตีเนียนไปอย่างลื่นไหลไม่ติดขัด
มังกรเฒ่าที่เงี่ยหูฟังอยู่ถึงกับเบ้ปากหมั่นไส้และคงเป็นไปไม่ได้ที่เหิงอีจะช่วยอะไรเกี่ยวกับในเรื่องนี้
ตัวละครยี่ฟงเจอระบบล็อคการเลื่อนเลเวลโดยตรง
ฉะนั้นเอไอซึ่งก็อยู่ภายใต้ระบบเกมเช่นกันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?
“อืม…เส้นทางของผู้ฝึกตนบำเพ็ญเพียรก็เป็นเช่นนี้เอง บางครั้งก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยากจะก้าวข้ามด้วยลำพังตัวคนเดียว” เหิงอีกล่าวรำพึงรำพันอย่างผู้อาวุโส แววตาลึกล้ำจรดมองพินิจยี่ฟงเขม็ง กล่าวต่อไปว่า “เช่นนั้นให้อาจารย์ได้ลองช่วยเจ้า”
ยี่ฟงเผลอตัวจนยิ้มกว้าง นี่หรือจะเป็นดังเช่นที่โบราณเขาว่าไว้ รับทรัพย์ในคราวเคราะห์? คิคิ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มเพลเยอร์ที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ข้างหลัง กำลังตื่นตะลึงกันแค่ไหน
และดูเหมือนว่าผู้ทดสอบด่านประลองตัวเบาจะหลงลืมหน้าที่ของตนเองไปเรียบร้อยแล้วกระมัง
ความคิดเห็น