ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #37 : ล้าหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.43K
      1.13K
      9 ม.ค. 61

    ตัวเมืองออกจะใหญ่โต  ทำไมพวกเราไม่แบ่งส่วนกันล่ะ

    เซียนหิมะที่เงียบมาตลอดพยายามหาทางลงให้ทุกฝ่าย

    งั้นส่วนของเธอกับไอ้งูบินนี่ก็คงน้อยหน่อยนะแม่หนู

    สังหารเทพตอบพลางเหลือบตาไปทางจักรพรรดิมังกรและเซียนหิมะ

    แกมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินวะ

    จักรพรรดิมังกรยังคงเดือดไม่เลิก  ส่งให้สังหารเทพจ้องเด็กรุ่นหลังอย่างมันขณะตอบเสียงเหี้ยมกลับไปว่า

    โลกนี้ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมมีสิทธิ์จะตัดสินใจอยู่แล้วไอ้หนู!

    พูดได้ดี  เพราะงั้นกลุ่มของฉันย่อมต้องมีสิทธิ์มากกว่าใครในที่นี้ใช่หรือเปล่าคะลุง

    นภาสบโอกาสเอ่ยแทรกขึ้นมายิ้ม ๆ

    เสียเวลาเปล่า!  มาลุยให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยดีกว่า

    จักรพรรดิมังกรตะโกนพร้อมชักอาวุธขึ้นมา  สมุนด้านหลังของมันต่างก็รีบทำตาม

    ทว่ายังไม่มีใครทันได้เคลื่อนไหวมากไปกว่านี้   ภายในมหานครฉางอานก็บังเกิดเสียงคำรามแว่วดังมาให้ได้ยิน  กำแพงเมืองบริเวณหนึ่งที่มีรูโหว่ขนาดใหญ่พลันปรากฏนักรบโครงกระดูกก้าวล้ำออกมา           พอมันเห็นศัตรูก็โก่งกระดูกคอแผดเสียงคำรามดังขึ้นมาได้หน้าตาเฉย     ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงคำรามโหยหวนก็ส่งไปเป็นทอด ๆ อยู่หลังกำแพงใหญ่       พริบตาทัพโครงกระดูกจำนวนมหาศาลก็ปีนป่ายกันออกมาทั้งจากเหนือกำแพงสูงและรูโหว่ตามจุดต่าง ๆ เท่าที่จะมีได้

    นี่แหละทางออกของพวกเรา!

    นทีรีบเอ่ยขึ้นก่อน  จากนั้นอธิบายต่อว่า

    กลุ่มไหนฝ่าเข้าไปได้เร็วกว่าย่อมมีโอกาสพบเจอทางเข้าสู่ดันเจี้ยนใต้ดินลับเร็วกว่าด้วยเช่นกัน

    อย่ามานั่งเสียใจทีหลังแล้วกัน  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    สังหารเทพไม่ปฏิเสธ  หลังกล่าวจบเขาก็ชิงนำกลุ่มของตัวเองทะยานออกไปด้านหนึ่งแทบจะทันที

    ขอให้โชคดีนะครับคุณฟ้า

    นทีสบโอกาสเรียกชื่อเล่นจริง ๆ ของนภาขึ้นมา  ก่อนจะไล่ติดตามกลุ่มตัวเองไปทีหลังสุด

    เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญจริง ๆ ว่างั้นไหม

    ลวงภพกล่าวอย่างไม่ชอบใจขณะหันไปขอความเห็นจากเพื่อนอย่างเพลิงพิษ

    เพิ่งจะรู้หรือ  นายนั่นเจอหน้านภากี่ครั้งก็ทำตัวน่ารำคาญตลอดแหละ

    ไม่มีเวลาให้นินทาใครแล้วสาว ๆ  ตามฉันมาเร็วเข้า

    นภาสั่งการหลังจากนางตัดสินใจเลือกทิศทางที่จะมุ่งไปได้แล้ว

    ไม่ช้ากลุ่มเพลเยอร์ทั้งหมดก็แยกย้ายกระจายออกไปคนละทิศทาง        พวกเขาเข้าปะทะกับนักรบโครงกระดูก เลเวล 60 กันเต็มกำลัง          วิชายุทธ์รัศมีทำลายเป็นวงกว้างถูกเรียกใช้จนก่อให้เกิดเสียงอึกทึกโครมครามไปทั่วทั้งมหานครฉางอาน       นักรบโครงกระดูกแม้ตัวแตกกระจายเป็นส่วน ๆ แต่พวกมันก็สามารถฟื้นคืนกลับขึ้นมาใหม่ได้ภายในเวลาแค่ 5 วินาที

    และตั้งแต่เริ่มต้นการปะทะก็ยังไม่ปรากฏมอนสเตอร์กระดูกถูกสังหารเลยแม้แต่ตัวเดียว

    แต่กลุ่มเพลเยอร์ระดับสูงชั้นแนวหน้าไม่ใช่คนโง่เพราะระหว่างฟันฝ่าลึกเข้าไปภายในตัวเมือง   พวกเขาก็ค้นหาเส้นทางลับใต้ดินไปด้วย      เพียงแค่สองสามนาทีแรกคนทั้งหมดก็ทราบแล้วว่านักรับโครงกระดูกเหล่านี้ถูกโปรแกรมขึ้นมาให้ไม่มีทางตาย!

    จวบกระทั่งสิบนาทีผ่านไป

    กลุ่มคนทั้งห้าก็ค้นพบเส้นทางบันไดลับซุกซ่อนอยู่ภายในโบราณสถานตามจุดต่าง ๆ    พวกเขาแทบจะเหาะดิ่งลงไปเลยถ้าหากทำได้โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น     ซึ่งหลังจากเหยียบย่างลงไปแล้วฝูงนักรบโครงกระดูกก็เลิกไล่ล่าคนทั้งหมดในทันทีคล้ายหน้าที่ของพวกมันจบลงแค่ตรงนี้

    ส่วนจ้าววังทั้งห้าต่างพากันดีใจเพราะคิดว่ามีแค่กลุ่มของตัวเองเท่านั้นที่ค้นพบเส้นทางลับใต้ดินนี้เป็นกลุ่มแรก

     

    เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมง

    ยี่ฟงขณะนี้จำต้องอดทนมากกว่าครั้งไหน ๆ    เขาต้องรอให้คูลดาวน์ของวิหคอหังการกลับมาใช้ได้อีกครั้งทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง    เพราะหากเขาประมาทและปลุกขุนพลกับบริวารของมันขึ้นมาทั้งที่ไม่สามารถทะลวงขีดจำกัดเลเวลให้สูงกว่า 44 ได้แล้ว  การปะทะจะกลายเป็นยากลำบากยิ่งถึงขั้นอาจพลาดพลั้งตกตายไปง่าย ๆ อย่างน่าเสียดาย

    สุดท้ายวันแรกยี่ฟงก็ไม่ได้กลืนยาโอสถทิพย์ผลัดเปลี่ยนเส้นเอ็น  เขายังคงรอช่วงเวลาที่เหมาะสมมากกว่านี้อยู่

    ซึ่งทางด้านของกิลด์ใหญ่ทั้งห้าหลังจากลงสู่เส้นทางลับใต้ดินเหมือน ๆ กันแล้ว     พวกเขาก็มุ่งหน้าต่อเนื่องจนพบเจอห้องโถงแรกซึ่งเต็มไปด้วยโลงศพไม่ต่างอะไรจากที่ยี่ฟงพบเจอมา      แต่ทุกกลุ่มไม่ได้ฝ่าออกไปทันทีพวกเขาทราบว่ามอนสเตอร์ที่นี่ดรอปชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์และมันจะต้องเป็นคัมภีร์คลาส A ไม่ก็ B แน่ ๆ    สุดท้ายจึงพากันปักหลักฟาร์มเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนคัมภีร์ที่ว่าให้ครบเสียก่อนถึงจะยอมออกเดินทางต่อ

    ผลัดมาอีกวันหนึ่งช่วงเย็น  เลเวลของยี่ฟงก็เลื่อนขึ้นเป็น 41        แต่มันยังไม่เพียงพอจะให้เขากลืนกินยาโอสถทิพย์เพื่อจะได้รับประโยชน์สูงสุดในตอนนี้  การอดทนฟาร์มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงดำเนินต่อเนื่องและเชื่องช้ายิ่ง

    สองวันต่อมา

    ยี่ฟงสังหารขุนพลกับบริวารของมันได้รวดเร็วขึ้นเลเวลจึงเลื่อนเป็น 43 แล้ว  เขาค้นพบบางอย่างในระหว่างการต่อสู้  หากล่อลวงให้ทหารฝีมือดีทิ่มแทงหอกไม่ว่าจะกระแทกใส่เสาหินหรือกำแพงบ่อยครั้งมันก็จะเสียหายหักสะบั้นเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว  แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแต่มันก็ช่วยให้ยี่ฟงรับมือกับศัตรูได้ง่ายและจัดการพวกมันได้เร็วขึ้น

    และแล้วก็เข้าสู่วันที่ห้าจวบจนช่วงเย็น

    ยี่ฟงก็ผลักดันตัวเองสุดความสามารถ    เลเวลจึงเลื่อนขึ้นเป็น 44  จากโลงศพนับร้อยเขาก็เคลียร์ไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วจากการกะด้วยสายตาคร่าว ๆ

    ออฟไลน์ออกไปพักกินข้าวเย็นก่อนดีกว่า

    ยี่ฟงกล่าวน้ำเสียงหอบเหนื่อยและออฟไลน์ไป

     

    ส่วนทางด้านของกิลด์ใหญ่ทั้งห้า  พวกเขารวบรวมชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ได้ครบตั้งแต่วันที่สี่แล้วกระทั่งบรรลุถึงเส้นทางขาดในช่วงสายของวันที่ห้า  จุดนี้เป็นอุปสรรคขวางกั้นได้ดีกว่าที่คิด  โดยเฉพาะกลุ่มของจักรพรรดิมังกร

    เมื่อมีคนพลาดร่วงตกลงไปในหลุมลึก  พวกเขากลับไม่ตายแต่เหมือนจะหล่นไปเริ่มใหม่ที่ห้องโถงแรกเสียอย่างนั้น  ทว่าระดับความสูงก็ส่งผลให้ร่างของผู้โชคร้ายเจ็บหนักทีเดียว        ทั้งยังซวยซ้ำซ้อนตกกระแทกใส่โลงศพจนไปปลุกนักรบตายซากขึ้นมาอีกต่างหาก

    สำหรับกลุ่มของจักรพรรดิมังกรแล้วพวกเขาเสียเวลาไปทั้งวันกว่าจะทะยานฝ่าเส้นทางขาดจุดนี้ไปได้  กลับกัน  กลุ่มของนภาเสียเวลาไปน้อยที่สุดเพียงสี่ชั่วโมงก็ผ่านได้แล้ว  รองลงมาคือกลุ่มของสังหารเทพและตามด้วยกลุ่มนที

     

    ยี่ฟงใช้เวลากินข้าวเย็นและทำธุระประมาณครึ่งชั่วโมงก็กลับเข้ามาออนไลน์ต่อเนื่องทันที

    อีกสองเลเวลเท่านั้น  ลุยโว้ย!

    ชายหนุ่มตะโกนปลุกใจตัวเอง

    การฟาร์มเลเวลจึงเริ่มต้นอีกครั้ง  ด้วยการทะลวงขีดจำกัดทำให้เลเวลของเขาสูงถึง 48   ความเร็วในการเคลียร์มอนสเตอร์ที่มีเลเวลเฉลี่ย 40-44 จึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป  ถึงอย่างนั้นยี่ฟงก็ยังไม่ยอมกลืนยาโอสถทิพย์ผลัดเปลี่ยนเส้นเอ็น

    แม้ช่วงเวลาของการทะลวงขีดจำกัดเลเวลจะหมดลง  ยี่ฟงก็ยังสามารถฝืนปะทะไปได้อยู่บ้างโดยไม่จำเป็นต้องรออยู่เฉยเป็นชั่วโมงอย่างวันแรก ๆ อีกต่อไป

    สามวันต่อมา

    ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลื่อนเลเวล  เขาถึงกับเสียเวลาไปสามวันกว่า       เลเวลจึงเลื่อนขึ้นเป็น 45 และสูญเวลาไปอีกสามวันเกือบจะล่วงเข้าเช้าของวันที่สี่เพื่อเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 46 ได้ตามที่หวังไว้         ยังดีที่มอนสเตอร์ในห้องโถงแห่งนี้ช่วยดรอปน้ำยาเพิ่มเลือดมาให้ด้วย

    เฮอ  หกวันกว่าเลื่อนสองเลเวล

    ยี่ฟงกล่าวอย่างห่อเหี่ยว

    เวลานี้โลงศพถูกจัดการไปได้เกือบหมดแล้ว              หลงเหลืออีกแค่กองเดียวและโลงศพบนแท่นยกสูงเท่านั้นเนื่องจากยี่ฟงหักโหมมาทั้งคืนเขาจึงต้องสละเวลาพักผ่อนบ้าง  ไม่เช่นนั้นอาจจะหลับไประหว่างต่อสู้ได้

     

    ทางด้านห้ากิลด์ใหญ่ที่มีแต่เพลเยอร์ระดับสูง  พวกเขาสบายกว่ามากนัก        หลังผ่านเส้นทางขาดและพบเจอรางวัลระหว่างทางซึ่งก็คือห้องโอสถทิพย์แห่งวังหลวงแล้วไม่ช้าคนทั้งห้ากลุ่มก็บรรลุถึงห้องโถงที่สองเฉกเช่นเดียวกันกับเส้นทางของยี่ฟง

    ดูเหมือนไม่ว่าจะเข้ามาจากเส้นทางใดภายในดันเจี้ยนลับใต้ดินแห่งนี้ก็จะได้พบด่านทดสอบเหมือนกันทั้งหมด

    ระยะเวลาหกวันกว่าที่ผ่านมา  กลุ่มของนภาเสียไปแค่สองวันก็จัดการบริวารทั้งหมดรวมถึงเจ้าของโลงบนแท่นยกสูงและผ่านไปได้แล้ว   ถัดมาคือกลุ่มสังหารเทพและนทีซึ่งใช้เวลาไล่เลี่ยกันเกือบเข้าวันที่สามจึงจะผ่านไปได้ตามติดกลุ่มแรกไปไม่มีปล่อย

    กลายเป็นว่ายี่ฟงที่บรรลุถึงดันเจี้ยนลับเป็นคนแรกบัดนี้ถูกนำหน้าไปเป็นที่เรียบร้อย

     

    ยี่ฟงลืมตาตื่นขึ้นมาช่วงสายของวันที่เจ็ด  เขาอ่อนล้าและงัวเงียมาก     ร่างกายที่ฝืนหักโหมหนักหน่วงมาติด ๆ กันเล่นเอาปวดระบมไปทั้งตัว  เมื่อไม่มีทางเลือกยี่ฟงจึงกลืนโอสถทิพย์ผลัดเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับห้าเข้าไป  หลังผ่านไปห้านาทียี่ฟงก็เหมือนได้เกิดใหม่  ร่างกายเขาเบาหวิวและพลังงานเต็มเปี่ยมล้นเหลือได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ยังเหลือการทดลองอยู่อีกหนึ่ง  หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เขาจะใช้ยาโอสถทิพย์นี้ได้อย่างคุ้มค่าแน่ ๆ    แต่ก่อนหน้านั้นจำต้องผ่านห้องโถงนี้ไปเสียก่อนและต้องใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อคงสถานะยาโอสถทิพย์ผลัดเปลี่ยนเส้นเอ็นเอาไว้

    ยี่ฟงไม่รีรอก่อนจะซัดหอกแฝงลมปราณกระแทกใส่โลงศพกลุ่มสุดท้าย  จากนั้นเรียกใช้วิชายุทธ์หากินขึ้นมา

    วิหคอหังการ

    เลเวลของเขาทะลวงขึ้นเป็น 50 ผ่านเงื่อนไขพิเศษ     การเรียกใช้ซ้อนครั้งที่สองจึงเกิดขึ้นนั่นทำให้เลเวลทะลวงขีดจำกัดมากกว่าเดิมจนขึ้นเป็น 55

    ยี่ฟงสัมผัสได้ถึงลมปราณที่ทะลักพุ่งพล่าน   เรี่ยวแรงมหาศาลที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อนหลั่งไหลไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย  ลมหายใจที่พ่นออกมาจากปากกลายเป็นไอฟุ้งดูน่าเกรงขาม   แต่ดูเหมือนขุนพลและบริวารกลุ่มสุดท้ายจะไม่รับรู้ถึงสิ่งนั้นพวกมันจึงได้ทะยานเข้าโจมตีมาตรง ๆ

    เพลงกระบี่ใบไม้ไหว

    ยี่ฟงทดลองปลดปล่อยวิชายุทธ์ที่กระจอกสุดของตัวเองสวนกลับไป

    บึม!

    คลื่นลมที่ทะยานออกจากตัวกระบี่ปะทะเข้ากับศัตรู   ก่อให้เกิดการระเบิดรุนแรงถึงขั้นกองทหารฝีมือดีทั้งสี่ร่างขาดกระจุยตกตายในกระบวนท่าเดียว  ส่วนขุนพลผู้ภักดีไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากันนัก       ร่างของมันร่อแร่ขาดแหว่งเพียงแค่หยัดยืนเฉย ๆ ยังเซไปมา

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  อย่าซ่ากับพี่เดี๋ยวศพจะไม่สวยนะน้อง

    ยี่ฟงประกาศกร้าวคล้ายปลดปล่อยความตึงเครียดที่สะสมมาหลายวันออกไปในทีเดียว           กระทั่งขุนพลตัวสุดท้ายร่วงผล็อยลงไปกับพื้น  เสียงระบบจึงแจ้งกะทันหันขึ้นว่า

    เพลเยอร์ยี่ฟงทำลายบริวารของ ขุนศึกสะท้านฟ้า สำเร็จ  การตื่นของมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายจึงเริ่มขึ้น

    ขุนศึกสะท้านฟ้าฉวนฉู่ เลเวล 50 ตื่นจากการหลับใหล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×