ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #35 : ได้สติ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.13K
      1.2K
      6 ม.ค. 61

    ทหารฝีมือดีตัวหนึ่งปัดป้องไม่ทัน                ร่างจึงถูกหอกทิ่มแทงกระชากปลิวถอยหลังกลับไปปะทะกับโลงศพ  ราวกับเกาทัณฑ์ยักษ์  ปลายหอกแทงทะลุร่างของมันและเสียบคาอยู่กับโลงศพไว้จนลุกขึ้นมาไม่ได้ชั่วขณะ

    ส่วนทหารฝีมือดีอีกสามตัวเมื่ออยู่ในระยะหวังผล  พวกมันก็ทิ่มแทงหอกในมือเข้าใส่อย่างช่ำชอง    ยี่ฟงเวลานี้จึงกวัดแกว่งกระบี่แฝงลมปราณต้านรับปัดป้องสุดฝีมือ  ทว่าปลายหอกทั้งสามคล้ายอสรพิษเมื่อถูกใช้โดยกองทหารฝีมือดี  กระทั่งยี่ฟงสังเกตเห็นปลายหอกเปล่งแสงจาง ๆ เป็นการบอกกล่าวว่าพวกมันจะใช้วิชายุทธ์!

    มอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวล 40 ขึ้นไปจะมีวิชาหรือทักษะยุทธ์บางอย่างคอยเสริมความแข็งแกร่งอยู่ด้วย

    ยี่ฟงคิดจะทะยานร่างถอยหลังหนีแต่ก็ถูกขุนพลผู้ภักดีซึ่งอยู่วงนอกมาตลอดดักทางไว้      ยี่ฟงหยุดร่างปักหลักอย่างไม่มีทางเลือก  เปิดโอกาสให้ทหารฝีมือดีทั้งสามตัวเปิดฉากโจมตีหนักหน่วง  ปลายหอกของพวกมันปรากฏเงาโจมตีซ้อนเข้ามายากจะปัดป้องหลบหลีก              ยี่ฟงจึงเริ่มได้แผลเป็นรูตามร่างกายแต่หลังจากผ่านไปสามวินาทีร่างอมตะก็ทำงาน  โลหิตพลันหยุดไหล   ความเจ็บปวดบังเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนจะผ่อนเบาลงเพราะบาดแผลกำลังฟื้นฟูรักษาตัวมันเองแม้เขายังไม่ได้ดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดก็ตาม

    ความสามารถของร่างอมตะมีประโยชน์ยิ่งเพราะระหว่างปะทะพัวพันกันอยู่คงไม่มีจังหวะให้ใครทันได้ดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดเป็นแน่

    ยี่ฟงกัดฟัน  แววตาดุดันเกรี้ยวกราด  เขาสะกดตัวเองให้เมินความเสียหายที่ศัตรูสร้าง  จากนั้นเก็บกระบี่และใช้เพียงหมัดเท้าพุ่งเข้าปะทะโดยไม่แสดงอาการชะงักงันแม้จะเจอคมอาวุธยาวทิ่มแทงสวนเข้ามา        ยี่ฟงสะบัดพลิกฝ่ามือปัดป้องเท่าที่จำเป็น  นอกนั้นเขาโจมตีแลกกลับไปตรง ๆ ราวเสียสติ  แต่ความจริงแล้วยี่ฟงเพียงเลิกคิดให้มากความและตัดสินใจง่าย ๆ โดยการโยนภาระไปให้ร่างอมตะแสดงผลเต็มกำลังแทน

    การต่อสู้กลับกลายเป็นดุเดือดขึ้นมาทันทีเมื่อนักรบตายซากตัวแรกซึ่งปลิวไปกับหอกกลับเข้ามาอีกครั้ง     ส่วนขุนพลผู้ภักดียังคงมองอยู่จากวงนอก  ยี่ฟงคิดว่ามันคงเป็นแพทเทิร์นที่ถูกโปรแกรมไว้    หากเพลเยอร์ไม่แส่เข้าไปหามันเองก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่ากองทหารฝีมือดีทั้งสี่จะเพลี่ยงพล้ำตกตายไปเสียก่อน

    อย่างน้อยผู้พัฒนาเกมนี้ก็ยังเห็นใจโซโล่เพลเยอร์อยู่บ้าง            พวกเขาพยายามสร้างทางรอดให้แก่เพลเยอร์ทุกสาย  หาไม่แล้วนักรบตายซากโถมเข้ามาพร้อมกันตั้งแต่เริ่ม    นั่นสมควรเป็นภาพสุดท้ายที่เหล่าโซโล่เพลเยอร์จะได้เห็นก่อนถูกกระทืบจนตาย

    ไม่ช้าความต่างชั้นของพลังกายก็แสดงผล           กองทหารฝีมือดีทั้งสี่แม้จะไม่ธรรมดาแต่เลเวลพวกมันต่ำกว่ายี่ฟงมากเกินไป  หอกในมือก็เริ่มรับความเสียหายไม่ไหวกระทั่งแตกหักสะบั้นเป็นสองส่วน   หลังจากนั้นพวกมันทั้งสี่ถูกหมัดกระแทกนวดไปเรื่อย ๆ จนอ่อนยวบร่วงผล็อยกองลงไปกับพื้นอย่างหมดท่า    ยี่ฟงเหลือบมองขุนพลผู้ภักดีที่โก่งลำคอแผดเสียงคำรามท่าทางโกรธแค้น  จากนั้นมันก็ทะยานเข้าโจมตีในที่สุด

    ยี่ฟงไม่คิดว่าจะต้องเสียเวลามากขนาดนี้  การทะลวงขีดจำกัดเลเวลครั้งแรกเองก็ใกล้จะหมดลงทุกที

    แค่แกตัวเดียวคงไม่เท่าไรหรอกมั้ง!?

    ขุนพลผู้ภักดีคล้ายเข้าใจในคำยั่วยุนั้นมันถึงได้แยกเขี้ยวจนดูน่ากลัวกว่าปกติ

    ทว่ายี่ฟงปักหลักอยู่กับที่รอคอยจังหวะเคาน์เตอร์สวนกลับไป   เขาต้องการจู่โจมใส่จุดอ่อนของมันหนัก ๆ สักทีเพื่อจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด  ส่วนขุนพลผู้ภักดีทะยานฝ่ามวลอากาศเข้ามาพร้อมกุมกระบี่แน่น    ยิ่งระยะทางสั้นลงมันก็ยิ่งง้างวงแขนกว้างขึ้นเรื่อย ๆ  แต่เมื่อมันเข้าประชิดหวังผล  ยี่ฟงพลันระเบิดพลังปราณออกไปเต็มที่      สำหรับนักรบตายซากที่ไม่มีลมปราณแล้วจึงเสียหลักเซถลาถอยหลังไป   พอสบโอกาสยี่ฟงก็นำกระบี่ขึ้นมือพร้อมดีดเท้าพุ่งทะยานสวนเข้าไปและตวัดคมกระบี่ผ่าลงใส่จุดอ่อนของมันจนสุดแรง

    ขุนพลผู้ภักดีกรีดร้องเสียงแหลมบาดหู        คมกระบี่ผ่าลงสะบักไหล่ขวาของมันลากลึกเข้าไปจนกระทบกับชุดเกราะเบาที่มันสวมใส่อยู่เลยทีเดียว              หากไม่มีเครื่องป้องกันขวางไว้ล่ะก็ร่างนั้นสมควรขาดแหว่งออกไปแล้ว  ยี่ฟงพยายามจะดึงกระบี่กลับออกมาแต่มันติดแน่นเกินไป     จังหวะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ว่าเปิดโอกาสให้ขุนพลผู้ภักดีมันแทงกระบี่สวนกลับเข้ามา   ยี่ฟงเบิกตากว้างพยายามจะเอี้ยวตัวหลบแต่ระยะหวังผลมันใกล้เกินกว่าที่จะหลบพ้นไปได้ทั้งหมด  กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายตกที่นั่งลำบากไม่น้อยไปกว่ากัน

    ฉิบหาย!

    ยี่ฟงอุทานเมื่อพบตัวกระบี่ของศัตรูเปล่งแสงออกมาทั้งที่ยังเสียบทะลุคาช่วงท้องเขาอยู่

    เพลงกระบี่ใบไม้ไหว!

    ยี่ฟงตัดสินใจภายในเสี้ยววิเรียกใช้วิชายุทธ์ออกไปบ้าง

    ตูม!

    เกิดระเบิดปะทุอัดใส่ทั้งสองฝ่ายในระยะเผาขน ร่างกระเด็นแยกออกจากกันและกลิ้งไถลไปกับพื้นอย่างรุนแรง  ช่วงแขนขวาของขุนพลผู้ภักดีถึงกับสะบั้นขาดแหว่งออกไป     ในขณะที่ยี่ฟงท้องเป็นแผลกว้างสาหัสถึงตาย หากไม่ได้ร่างอมตะยื้อชีวิตไว้ด้วยการหยุดไหลของโลหิตล่ะก็เขาจะตายภายในหนึ่งนาทีแน่ ๆ

    ทั้งสองฝ่ายกองอยู่กับพื้นร่างสั่นกระตุก  พลังในการฟื้นฟูไม่ด้อยไปกว่ากันนัก      แต่ยี่ฟงกำลังฝืนยกฝ่ามือขึ้น  เขาเคลื่อนย้ายมันเชื่องช้ามากเพื่อจะนำเอาน้ำยาเพิ่มเลือดออกมาดื่มเร่งอัตราความเร็วฟื้นฟูรักษา      ด้านขุนพลผู้ภักดีเองก็ไม่สนใจความเสียหายที่ได้รับ    มันพยายามฝืนลุกขึ้นและคำรามออกมาไม่หยุดแต่ก็ทำได้แค่คลานอยู่กับพื้น  จนเป็นยี่ฟงที่สามารถดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดได้ในที่สุดแม้จะมีสำลักบ้างก็ตาม

    กลายเป็นฝ่ายมนุษย์ที่มีเปรียบ  ส่วนนักรบตายซากที่ถูกทำลายบริเวณจุดอ่อนจะฟื้นฟูได้ช้ามาก

    จวบกระทั่งการทะลวงขีดจำกัดเลเวลครั้งแรกหมดไป  ความสามารถฟื้นฟูของร่างอมตะจึงไม่แสดงผล   แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรนักเพราะยี่ฟงพ้นขีดอันตรายไปแล้ว  เขากลับมาคุมเกมได้ตามเดิมจึงรีบลุกขึ้นแม้จะเจ็บมากก็ตาม  ยี่ฟงก้าวอย่างเชื่องช้าลดระยะเข้าไปหาขุนพลผู้ภักดี         ได้เห็นมันที่พยายามคลานไปหาแขนซึ่งขาดกระเด็นไปอีกทิศทางหนึ่งแล้วก็มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเขาที่ชนะ  เมื่อเข้าถึงตัวมัน  ยี่ฟงก็กระทืบใส่ศีรษะของมันไม่ยั้ง   สุดท้ายระบบก็แจ้งยืนยันให้ชื่นใจ

    เพลเยอร์ยี่ฟงทำการสังหารขุนพลผู้ภักดีและบริวารลงได้  ได้รับเศษกุญแจไม่สมบูรณ์

    เพลเยอร์ยี่ฟงสำเร็จในการเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 40

    ชายหนุ่มทรุดร่างก่อนจะหงายหลังนอนแผ่หลาไปกับพื้นข้าง ๆ ซากของศัตรูเดี๋ยวนั้นเลย     หลังจากลมหายใจผ่อนเบาลงเขาก็รีบดื่มน้ำยาเพิ่มเลือดเพื่อฟื้นฟูบาดแผลให้หายดีก่อนเป็นลำดำแรก      ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีนัก  ดูเหมือนการปล่อยให้อารมณ์นำพาไปโดยขาดการไตร่ตรองที่ดีสามารถทำให้เขาตายได้จากการต่อสู้เมื่อครู่นี้    ที่ยังรอดชีวิตอยู่นี่ล้วนแต่เป็นความสามารถของวิชายุทธ์สายสนับสนุนทั้งสิ้น

    ยี่ฟงเป่าปากคลายความตึงเครียดให้ตัวเอง

    ตอนนี้เขาเลเวล 40 แล้ว   ย่อมเรียกใช้วิหคอหังการซ้อนกันสองครั้งไม่ได้ไปสักพักใหญ่จนกว่าจะเลื่อนเลเวลถึง 46 เสียก่อน   นั่นหมายความว่าต่อจากนี้เขาจะต้องปะทะกับขุนพลผู้ภักดีและบริวารของมันอย่างลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว  ชายหนุ่มนำเอาเศษกุญแจไม่สมบูรณ์ที่เพิ่งดรอปได้ขึ้นมาพินิจดู


    เศษกุญแจไม่สมบูรณ์  จะใช้ได้เมื่อประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดสำเร็จ

    เพลเยอร์ไม่สามารถผ่านห้องโถงแห่งนี้ไปได้จนกว่าจะรวบรวมเศษกุญแจครบเพื่อไขประตู

    สังหารขุนพลและบริวารทั้งหมดภายในห้องนี้เพื่อรวบรวมเศษกุญแจ

    สังหารขุนศึกที่ปกครองนักรบเหล่านี้เพื่อรับกลไกสำคัญในการประกอบกุญแจ


    จากข้อมูลแล้วส่วนที่ยี่ฟงเพิ่งสังหารไปคงจะยังไม่เกิดใหม่ขึ้นมาอีกจนกว่าเขาจะผ่านห้องโถงนี้ไปได้เสียก่อน  แต่ดูภาพรวมก็นับว่ายี่ฟงพบเจอความลำบากเข้าให้แล้ว  การจะสังหารศัตรูได้สักกลุ่มหนึ่งคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในขณะนี้  ยี่ฟงกวาดมองไปทั่วสะท้อนภาพของโลงศพเรียงรายนับร้อยผ่านสายตา

    เฮอ  ไอ้การสืบทอดพลังที่ว่าถ้ามันไม่ถูกใจวัยรุ่นล่ะก็ได้มีโวยกันบ้างล่ะวะ

    ยี่ฟงกล่าวประชดขึ้น

    ระหว่างพักฟื้นและรอให้วิชายุทธ์คูลดาวน์เสร็จ  ยี่ฟงก็อดที่จะคิดถึงเรื่องราวของโลกจริงไม่ได้            ชายหนุ่มใคร่ครวญอย่างเต็มที่แล้วเกี่ยวกับโปรเจคพิเศษที่พ่อแม่ของเขาร่วมสร้างอยู่กับบริษัทยักษ์ใหญ่ทรงอำนาจ  มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถอนตัวในตอนนี้เพราะก่อนจะเริ่มโปรเจคย่อมต้องมีการเซ็นสัญญาผูกมัด

    อีกประการหนึ่ง  วาทินกับดาราไม่ได้มีอำนาจอะไรมากต่างจากผู้เป็นพ่อของจี้โบว์อดีตแฟนสาวของเขา    และแน่นอนว่ายี่ฟงไม่ต้องการให้พ่อแม่ทราบเรื่องราวบัดซบที่เกิดขึ้นนี้

    พวกท่านทั้งสองรักในการประดิษฐ์สร้างเทคโนโลยี       และมันก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้วจึงไม่เป็นผลดีอะไรหากเขาจะนำเรื่องวุ่นวายไปบอกกล่าวให้พวกท่านรับรู้

    การประสบความสำเร็จสามารถคลอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาได้นับเป็นความสุขหาใดเปรียบของสามีภรรยาคู่นี้  ซึ่งชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ร่วมกับพวกท่านทั้งสองมา  จดจำได้ขึ้นใจ

    รอก่อนเถอะ  โปรเจคพิเศษอะไรนั่นเสร็จเมื่อไร  ถึงตอนนั้นฉันจะต้องเก่งพอที่จะทำลายพวกแกให้ได้!

     

    หลังจากการปะทะเดือดใต้มหานครฉางอานอยู่ในช่วงพักเบรก             เบื้องบนภาคพื้นดินก็สว่างจ้าและมีการเคลื่อนไหวลับ ๆ เกิดขึ้นแล้ว        3 กึ่งเซียน 7 เทพยุทธ์  บัดนี้ลอบเร้นกลืนหายเข้าไปในอาณาเขตอันตรายเรียบร้อยพร้อมด้วยการนำพายอดยุทธ์กลุ่มเล็ก ๆ ติดสอยห้อยตามไปด้วย       ส่วนกองทัพยิ่งใหญ่ที่เหลือเพียงตรึงกำลังด้วยการสร้างแคมป์ห่างจากอาณาเขตชั้นนอกของมหานครฉางอานเอาไว้เพื่อตบตาเพลเยอร์กลุ่มอื่น ๆ

    กิลด์ใหญ่ทั้งห้ากลับเดินหมากแรกเหมือนกันแทบไม่มีใดต่าง

    ทว่าก็ยังมีกลุ่มอื่นทราบถึงการเคลื่อนไหวนี้อยู่ด้วย

    พวกเราจะตามอีกฝ่ายไปห่าง ๆ

    หนวดพยัคฆ์กล่าวขึ้น

    นายคิดว่าพวกนั้นจะปะทะกันไหม

    ศัสตราเทพเอ่ยถาม  แต่จางเหมยชิงเป็นฝ่ายตอบขึ้นแทนว่า

    ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น  เมื่อฝ่าเข้าไปถึงตัวเมืองโบราณเมื่อไรการปะทะย่อมต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ

    เวลานี้หนวดพยัคฆ์ จางเหมย อินทรีเหิน และศัสตราเทพกำลังไล่ติดตามคนของกิลด์ใหญ่อยู่ห่าง ๆ  จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งทรัพยากรภายในถิ่นตัวเองไปได้ทั้งหมดโดยง่ายนัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×