คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : องครักษ์แห่งฉางอาน
ระหว่างที่ด้านนอกวิเคราะห์สถานการณ์กันไปต่าง
ๆ นานา พวกเขาก็ได้หลงลืมผู้ที่เป็นคนปลุกชีพมหานครฉางอานขึ้นมาอย่างยี่ฟงไปเสียสนิท ความสนใจทั้งหมดแทบจะเทไปยังเพลเยอร์ระดับสูงเพื่อกระตุ้นยอดวิวผู้เข้าชมซะส่วนใหญ่ กระทั่งร่างกายของยี่ฟงกลับมาสมบูรณ์ พร้อมจะลุยอีกครั้ง
“หวังว่ามอนสเตอร์ในนี้จะไม่โหดเกินไปหรอกนะ”
ยี่ฟงเอ่ยเสียงเบาหวิว เขาได้แต่อ้อนวอนอยู่ภายในใจ
เส้นทางแคบเก่าแก่มากถึงกับมีหยากไย่เต็มไปหมด ยี่ฟงจำต้องใช้กระบี่กวาดออกเพื่อเปิดทางไปอย่างเชื่องช้า แต่ดูเหมือนยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไรหยากไย่ก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย
ๆ จนน่ารำคาญ ยี่ฟงหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะนำเอาคบไฟออกมาเพื่อใช้เผาเปิดเส้นทางแทน หากเพลเยอร์ไม่มีไอเทมประเภทคบไฟก็คงสามารถประยุกต์ใช้คบไฟติดผนังตามทางเดินแทนได้
ซึ่งผลลัพธ์ดูจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ พริบตาหยากไย่ที่เชื่อมต่อกันอยู่ก็ลุกไหม้สลายไปอย่างรวดเร็ว
“รู้งี้เผามันซะแต่แรกก็ดี”
ยี่ฟงเผยยิ้มสะใจ
การเดินทางกลับกลายเป็นรุดหน้าไปได้เร็วขึ้น ยี่ฟงต้องเลี้ยวอยู่หลายโค้งและเผาหยากไย่เปิดทางอีกพักใหญ่ จวบจนสายตาของเขามองเห็นปากทางออกไปจากเส้นทางแคบนี้ในที่สุด
“จะอยู่หรือตายก็วัดจากมอนสเตอร์ชุดแรกนี่ล่ะ”
ยี่ฟงเดาได้เลยว่าห้องกว้างเบื้องหน้าต้องมีบางอย่างเฝ้ารออยู่แน่นอน
ชายหนุ่มก้าวช้า
ๆ ไปที่ปากทางออก สายตากวาดมองอย่างถี่ถ้วนระมัดระวัง ดูเหมือนห้องโถงนี้จะเป็นสุสานมีระดับพอสมควร ยี่ฟงตัดสินจากโลงศพประดับเพชรพลอยที่วางเรียงกันอยู่นับไม่ถ้วน
“เกมนี้มันแสบจริงแฮะ ถ้าใครกลัวผีมีหวังไม่กล้าทำอะไรแน่ ๆ”
ยี่ฟงกล่าวทำลายความเงียบวังเวง
เขาตัดสินใจเหยียบย่ำเข้าสู่ห้องโถงแรก แต่ล้ำออกไปได้ไม่เกินห้าก้าวก็พลันเห็นโลงศพที่อยู่ใกล้สุดเลื่อนเปิดออกอย่างเชื่องช้า เสียงครูดสะท้านจิตใจดังเป็นทอด ๆ
จนยี่ฟงเผลอก้าวถอยหลังกลับไป
“ฉิบหาย!
อย่าลุกออกมาพร้อมกันหมดทั้งห้องนะโว้ย”
ความจริงแล้วมีแค่สามโลงที่อยู่ใกล้เลื่อนเปิดออกเท่านั้น เมื่อฝาโลงหล่นกระทบพื้นก็ปรากฏร่างของนักรบลุกขึ้นมานั่ง ร่างท่อนบนที่เผยออกมาถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาวคล้ายมัมมี่ บางส่วนกร่อนสลายเหลือให้เห็นแค่กระดูกน่าขนลุก ผิวของนักรบทั้งสามซีดดำราวกับถูกคำสาป ดวงตาลึกโบ๋มืดมิดกำลังจ้องมาทางยี่ฟงโดยปราศจากคำพูด แต่แล้วพวกมันก็พากันแหกปากแผดเสียงคำรามก้องส่งให้ยี่ฟงขวัญกระเจิงไปชั่วครู่
‘ทหารองครักษ์แห่งฉางอาน เลเวล 37 โจมตี’
เสียงระบบแจ้งซ้ำขึ้นมาสามครั้งขณะเดียวกับที่นักรบทั้งสามดีดร่างทะยานเข้าหายี่ฟง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเคร่งเครียด ไม่ทราบโลงศพอื่น ๆ จะมีตัวที่เลเวลสูงกว่านี้อีกหรือไม่ แต่ไม่มีเวลาให้ยี่ฟงไตร่ตรองมากนักเพราะเขาต้องเพ่งสมาธิรับมือกับนักรบทั้งสาม การประมาทศัตรูที่เลเวลมากกว่าย่อมไม่เป็นผลดี
ยี่ฟงทดลองเรียกใช้เพลงกระบี่ใบไม้ไหวในสภาวะที่รอบข้างไม่มีใบไม้แม้แต่เศษเสี้ยว แต่ผลลัพธ์ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเพราะยังมีสายลมจู่โจมออกไปเช่นเดิม เพียงแต่ความเสียหายที่ทำได้ลดลงส่วนหนึ่ง นักรบตัวแรกที่นำอยู่ด้านหน้ารีบไขว้แขนต้านรับการโจมตีเอาไว้จนร่างหยุดชะงัก ส่งให้อีกสองตัวทะยานล้ำออกไปแทน ด้านยี่ฟงโยนกระบี่ขึ้นสูงก่อนคว้าหอกในช่องเก็บของซัดออกไป จากนั้นเขาก็ทะยานร่างตามเข้าไปในจังหวะต่อมา คมหอกพุ่งกระแทกใส่นักรบตัวที่สองดึงความสนใจมันไว้ ส่วนยี่ฟงซึ่งตามมาติด ๆ พอดีกับที่กระบี่ร่วงกลับลงมาตามแผน เขาจึงคว้าเอาไว้พร้อมผ่าคมกระบี่ใส่นักรบตัวที่สามต่อเนื่อง
แต่ศัตรูคราวนี้ไม่โง่ มันสะบัดแขนปัดกระบี่ออกไปแลกกับการถูกบาดลึก ทว่ารอยแผลนั้นแทบไม่มีผลอะไร โลหิตสักหยดก็ไม่มีให้เห็น ขณะเดียวกันยี่ฟงก็ไม่ได้มองศัตรูด้อยกว่าอยู่แล้ว พอการโจมตีแรกไม่เป็นผลเขาก็หมุนตัวยกฝ่าเท้าถีบออกไป เมื่อนักรบตัวที่สามเซถอยหลังยี่ฟงก็ต้องปะทะกับตัวที่สองต่อเนื่อง หลังจากมันทำลายหอกขาดเป็นสองส่วนก็พุ่งเข้ากระแทกหมัดใส่ยี่ฟงทันที ตูม! ยี่ฟงขวางกระบี่ขึ้นต้านรับอย่างกะทันหัน พลังหมัดของทหารองครักษ์รุนแรงมาก หากไม่ใช่ว่าเป็นกระบี่คลาส D มันคงหักสะบั้นไปแล้ว ส่วนแรงปะทะกระแทกยี่ฟงปลิวถอยหลังจนกลับไปยืนอยู่หน้าปากทางเข้าอีกครั้ง
“แรงเกินไปแล้ว!”
ยี่ฟงสะท้าน เขารู้สึกได้ว่าพลังเมื่อครู่เพียงด้อยกว่ามัจจุราชซานจื่อไปไม่กี่ขั้นเท่านั้น!
สถานการณ์เริ่มวิกฤตเมื่อนักรบตัวแรกทะยานเข้ามาสมทบ ยี่ฟงจึงกัดฟันทะลวงขีดจำกัดเลเวลด้วยวิชายุทธ์วิหคอหังการที่เพิ่งคูลดาวน์เสร็จไปไม่นานอีกครั้ง เพียงเข้าเขตแดนยอดฝีมือมายังไม่ครบวันดี เขาถึงกับต้องพึ่งพาการทะลวงขีดจำกัดเลเวลเพื่อเอาชีวิตรอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่บ่งชี้ให้เห็นว่ายี่ฟงอ่อนแอมากเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นที่พัฒนาตัวละครมาอย่างปกติทั่วไป พวกเขายังมีความสามารถมากพอจะจัดการมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าได้อย่างสบาย นั่นเพราะเพลเยอร์ทั่วไปมีวิชายุทธ์ที่หวังผลได้อยู่จำนวนหนึ่ง ผิดกับยี่ฟงซึ่งมีเพียงสามวิชาและเป็นสายโจมตีแค่หนึ่งวิชาเท่านั้น ทั้งวิชาที่ว่ายังเป็นระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างมาก
การที่ชายหนุ่มก้าวหน้ารวดเร็วเกินไปก็มีผลเสียอยู่บ้างเหมือนกัน
เมื่อวิชายุทธ์แสดงผล เลเวลของยี่ฟงก็เลื่อนขึ้นเป็น 37
“คงต้องฟาร์มอยู่ที่นี่ยาว ๆ ละตรู”
ตัวยี่ฟงเองก็ตระหนักดี เขาจึงไม่คิดจะรีบเร่งไปจากจุดนี้และอดทนสร้างพื้นฐานเลเวลเพื่อทดแทนในสิ่งที่ยังขาดไป
หลังจากมีเลเวลเท่าศัตรู ยี่ฟงก็พบว่านักรบตายซากเหล่านี้มีดีแค่พลังกายและไม่รู้สึกเจ็บปวด ความสามารถเช่นนี้จึงทำให้พวกมันโหมบุกได้ต่อเนื่องมากกว่ามอนสเตอร์ชนิดอื่น แต่ก็แลกมาด้วยร่างกายที่ไม่อาจบ่มเพาะพลังลมปราณได้ นั่นหมายความว่าแท้จริงแล้วร่างกายของเหล่านักรบตายซากอ่อนแอกว่ามาก เพลเยอร์อาจโดนตบตาได้เพราะท่าทางที่พวกมันแสดงออกไม่มีอาการหวาดกลัวใด
ๆ
เมื่อได้แลกหมัดปะทะกันตรง
ๆ ขณะที่เลเวลเท่ากัน
ผลลัพธ์แท้จริงก็ปรากฏ ถึงแม้ผิวหนังของนักรบตายซากจะแกร่งกว่ามนุษย์ปกติก็ยังไม่เหนือไปกว่ายี่ฟงซึ่งมีพลังลมปราณหมุนเวียนอยู่ได้ ทุกหมัดที่ปะทะกันจะเป็นฝ่าย ยี่ฟงผลักดันศัตรูให้ต้องก้าวถอยหลังไป
ทว่าความจริงแล้ว ทหารองครักษ์แห่งฉางอานจะแสดงพลังกายที่เหนือชั้นได้ก็ต่อเมื่อพวกมันมีเลเวลสูงกว่าเพลเยอร์ถึงแม้จะแค่ 1 เลเวลก็ตาม พอเลเวลเท่ากันผลลัพธ์ที่ว่าจึงสลายไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเพลเยอร์จะล้มพวกมันลงได้ง่าย ๆ
“เฮ้ย!”
ยี่ฟงอุทานตาโตเท่าไข่ห่าน
นักรบตายซากตัวแรกที่แขนหักบิดเบี้ยวจากการปะทะตรง
ๆ กับยี่ฟงไปเมื่อครู่ บัดนี้สามารถซ่อมแซมจนกลับมาใช้งานได้ดังเดิมอย่างรวดเร็ว ตัวที่สองและสามก็ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายสาหัสได้ไม่ต่างกัน จากนั้นพวกมันก็ทำหน้ามึนพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ตลกนะโว้ย!”
ยี่ฟงเริ่มหอบหายใจถี่
การปะทะหนักหน่วงรอบที่สองบังเกิด แต่ไม่กี่อึดใจยี่ฟงก็ค้นพบจุดอ่อนของเหล่านักรบตายซากได้ในที่สุด บริเวณร่างกายที่กร่อนสลายจนเผยให้เห็นกระดูกของพวกมันนั้นเปราะบางมาก เพียงรอคอยจังหวะดี
ๆ และจู่โจมเข้าที่จุดอ่อนเหล่านั้นก็สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงเป็นเท่าตัวได้แล้ว ไม่ช้าทหารองครักษ์แห่งฉางอานทั้งสามก็แตกหักร่วงผล็อยกองลงกับพื้น
‘เพลเยอร์ยี่ฟงทำการสังหารทหารองครักษ์แห่งฉางอาน เลเวล 37 สำเร็จ ได้รับชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะจำนวน 1 / 50 ได้รับเงิน…’
ยี่ฟงเลิกคิ้วประหลาดใจก่อนจะหยิบชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะขึ้นมาพินิจดู
เมื่อรวบรวมชิ้นส่วนคัมภีร์ได้ครบตามที่ระบุไว้ เพลเยอร์สามารถนำไปอัพเกรดเป็นคัมภีร์วิชายุทธ์ที่สมบูรณ์ได้
ต้องการชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะอีกจำนวน
49 ส่วน
ต้องการชิ้นส่วนหลักของคัมภีร์ร่างอมตะอีกจำนวน
2 ส่วน
“ชิ้นส่วนหลักจะไปหาได้จากไหนวะ”
ยี่ฟงกล่าวสีหน้าสนใจอยู่บ้างแต่ก็เลือกที่จะเก็บไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการฟาร์มเลเวล
เนื่องจากวิชายุทธ์วิหคอหังการมีคูลดาวน์ถึงหนึ่งชั่วโมง ยี่ฟงจึงไม่คิดจะรออยู่เฉย
ๆ อย่างสูญเปล่า เขาทดลองซัดหอกใส่โลงศพที่อยู่ใกล้สุดหวังจะปลุกทหารองครักษ์แห่งฉางอานขึ้นมาทีละตัวในระหว่างที่รอคูลดาวน์ของวิชายุทธ์วิหคอหังการ ซึ่งยี่ฟงก็ไม่ผิดหวัง
‘ทหารองครักษ์แห่งฉางอาน เลเวล 37 โจมตี’
แม้จะเลเวลน้อยกว่าแต่ถ้าปะทะกันหนึ่งต่อหนึ่งแล้วยี่ฟงก็ยังพอถูไถไปได้ ในช่วงแรกเขาไม่ทราบเลยว่านักรบตายซากเหล่านี้มีทักษะพิเศษช่วยให้เหนือกว่าเพลเยอร์ที่มีเลเวลน้อยกว่าพวกมัน กระทั่งเกือบจะครบหนึ่งชั่วโมงชายหนุ่มจึงเพิ่งตระหนักได้ และใช้สมองไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้หลาย ๆ
อย่าง
สุดท้ายสรุปออกมาใกล้เคียงประมาณว่าเหล่านักรบตายซากมีทักษะพิเศษหนุนเสริมด้านพลังกาย…
เมื่อวิชายุทธ์วิหคอหังการพร้อมใช้งาน ยี่ฟงก็เริ่มต้นฟาร์มเลเวลอีกครั้ง เขาปลุกทหารองครักษ์แห่งฉางอานขึ้นมาทีละตัวอย่างไม่เร่งรีบ การได้ต่อสู้กับพวกมันช่วยให้ทักษะของยี่ฟงพัฒนาขึ้น ทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงชายหนุ่มจะสังหารศัตรูได้มากขึ้นเรื่อย ๆ สมองเขาเริ่มจดจำไว้ว่าตัวเองเหนือกว่านักรบตายซากเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว ทักษะการเคลื่อนที่ก็พัฒนาขึ้นตามความชำนาญและคุ้นชิน
จวบกระทั่งถึงตีสามภายในเกม ระบบก็แจ้งว่า
‘เพลเยอร์ยี่ฟงสำเร็จในการเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 35’
‘วิชายุทธ์คลาส B ท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกรถูกเลื่อนขึ้นเป็นวิชายุทธ์คลาส
A’
ยี่ฟงเผยยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน เนื่องจากเต็นท์ที่เขาซื้อมาเพียงหลังเดียวถูกทำลายไปแล้วจึงต้องล้มตัวนอนลงไปกับพื้นหินอย่างช่วยไม่ได้ ยี่ฟงวางแผนจะเริ่มฟาร์มเลเวลต่อในตอนเช้า อย่างน้อยก็ต้องจัดการทหารองครักษ์แห่งฉางอานได้โดยไม่ต้องลำบากเสียก่อนเขาจึงคิดที่จะผ่านห้องโถงแห่งนี้ไป
จัดหน้าแบบนี้ดีเปล่า ตัวอักษรสีดำด้วย?
ความคิดเห็น