คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ห้านาที
หลังเสียงรายงานของระบบจบลง ยี่ฟงพลันสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณบริเวณท้องน้อย มันก่อตัวหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นกระจายออกเป็นเส้นสายแล่นพล่านไปทั่วร่าง หากเปรียบเทียบจุดตันเถียน (ท้องน้อย)
เป็นบ่อน้ำหรือแหล่งกำเนิดลมปราณแล้ว พลังที่ชอนไชอยู่ตามเส้นเลือดในขณะนี้ก็เปรียบได้กับทางน้ำร้อยสาย
ยี่ฟงรับรู้ถึงพลังและความแข็งแกร่งของตัวเองได้ชัดเจนมากขึ้นอย่างประหลาด
เลเวล
30 เป็นเพียงหนึ่งก้าวสัมผัสสู่โลกยอดฝีมือ ทว่าเส้นแบ่งที่แท้จริงกลับเป็นวินาทีซึ่งพลังลมปราณได้ถูกปลดล็อค
เพลเยอร์ทุกคนเมื่อเลเวล
35 จึงสมควรแก่การเรียกว่าเหยียบย่างสู่เขตแดนยอดฝีมือได้อย่างแท้จริง
“อ…นั่นอะไร!?”
เทียนไห่เอ่ยตะกุกตะกัก
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่หัวหน้าโจรที่มีท่าทางเช่นนี้แต่ยังรวมไปถึงชาวบ้านทุกคนและกลุ่มเพลเยอร์อย่างพวกเหนือฟ้าด้วย เบื้องหน้าสายตาของพวกเขาปรากฏเปลวไฟดวงเล็กพวยพุ่งอยู่เหนือศีรษะยี่ฟง มันวูบไหวไปมาอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์จนดูคล้ายเป็นนกเพลิงอย่างไรอย่างนั้น ตามติดมาด้วยการแผดเสียงคำรามลากยาวกระทั่งเปลวเพลิงนั้นดับสลายไป
‘หือ ฉันไม่เห็นรู้มาก่อนว่ามีเอฟเฟกต์หลังเรียกใช้วิชายุทธ์ด้วย’
ยี่ฟงคิดในใจ แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขานัก
“ท่านเทพ!”
“ผู้ปกปักรักษาของพวกเรา!”
เหล่าชาวบ้านพากันอุทานออกมาพร้อมทรุดลงคุกเข่า ต่างจากกลุ่มเหนือฟ้าและมังกรเฒ่าที่ได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อถือ
“เอฟเฟกต์แบบนั้นมีแต่วิชายุทธ์คลาส S ขึ้นไปไม่ใช่หรือ”
มุกทิวารำพึงออกมา
“ไม่ผิดแน่! อีตานั่นเพิ่งเรียกใช้วิชายุทธ์คลาส
S…!”
หยกราตรีเอ่ยปากยืนยันแม้จะยังทำใจเชื่อได้ยากก็ตาม
ส่วนมังกรเฒ่าและเหนือฟ้าอึ้งจนไม่อาจกล่าวคำใดได้ เพียงทราบว่าวิชายุทธ์คลาส S ล้วนแต่หายากยิ่ง
“เวลาเริ่มเดินแล้วไอ้โจรชั่ว”
ยี่ฟงรวบกำฝ่ามือจนกระดูกลั่น
“บัดซบ! เจ้าช่วงชิงการทดสอบผาเทวะวิญญาณไปแล้วรึ!?”
เทียนไห่ที่จิตใจเริ่มไม่มั่นคงสมควรหลีกหนีเฉกเช่นทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันกลับถูกความโกรธแค้นกลืนกินจนขาดสติ
และบอกได้เลยว่าหากมันคิดจะหลบหนีย่อมเป็นเรื่องยากที่จะติดตามสังหารมอนสเตอร์ตัวนี้ลงได้!
“รับมือ!”
ยี่ฟงไม่เสียเวลาอธิบาย เขารีบดีดเท้าพุ่งทะยานเข้าหาอีกฝ่ายทันที ส่วนเทียนไห่ขบกรามแน่นพุ่งเข้ามาไม่ต่างกัน
“พลังวิหคเทวะที่ข้าสืบค้นมานานนับปีมันต้องเป็นของข้า จงตายซะ!!”
เทียนไห่คำรามเดือดดาลอย่างไม่อาจยอมรับ
ไม่ช้าคนทั้งสองก็วาดกระบี่ปะทะกัน แต่เมื่อผ่านไปหลายสิบกระบวนท่ายี่ฟงก็ตระหนักได้แล้วว่าตนมีฝีมือด้านวรยุทธต่ำกว่า อย่างไรก็ตามยี่ฟงยังดึงดันไล่ปะทะพัวพันไม่ยอมล่าถอย แม้เขาจะพลาดพลั้งได้บาดแผลกลับมาบ้างก็ไม่ใช่ปัญหานัก
“ลุง!
ผมว่าเราเข้าไปช่วยยี่ฟงสู้กันดีไหม”
เหนือฟ้ากังวลจนต้องกล่าวขึ้น
“เอ็งอย่าเพิ่งด่วนสรุปไป ไอ้ตัวแสบมันแค่ถูกคมกระบี่บาดผ่าน ๆ ไม่ลึกมาก ข้าคิดว่ามันคงมีแผนรับมืออยู่แล้ว ถ้าพวกเราเข้าไปช่วยเกรงว่าจะเป็นภาระเปล่า ๆ
ว่ะ
เลเวลพวกเรามันห่างชั้นกับหัวหน้าโจรกันเกินไป”
มังกรเฒ่าตอบหลังจากเฝ้าดูมาสักพัก
“พวกเรายังมีแค้นต้องชำระอยู่นะเหนือฟ้า”
หยกราตรีกล่าวขึ้นพลางชี้คมกระบี่ไปทางคู่หูนรกที่คลานอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือด
เหนือฟ้ายิ้มแห้ง
ๆ แต่ก็ไม่คิดปฏิเสธอะไร
คนทั้งสี่จึงมุ่งความสนใจไปที่การชำระหนี้แค้น สุดท้ายจอมทัพกระบี่ดำกับขุนพลทะเลเพลิงก็ถูกรุมล้อม สภาพของพวกมันไม่มีทางที่จะต่อต้านได้จึงต้องรับกรรมรับตีนไปตามระเบียบ
ขณะเดียวกันทางยี่ฟงก็ยังคงยืนยันที่จะไล่ปะทะกับหัวหน้าโจรเทียนไห่ไม่ยอมปล่อย ด้วยเวลาที่จำกัดและฝีมือต่ำต้อยกว่า ยี่ฟงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ความสามารถที่เขาฝึกฝนและร่ำเรียนมาแต่เด็กให้เป็นประโยชน์ นั่นก็คือวิธีควบคุมลมหายใจเข้าออก ชายหนุ่มชอบเล่นกีฬาอยู่แล้วจึงสละเวลาทุกวันเผื่อสำหรับออกกำลังกาย กระทั่งมันติดเป็นนิสัยอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อฉุดรั้งให้ศัตรูต้องปะทะต่อเนื่องไม่หยุดพักไปได้เฉกเช่นนี้ อีกไม่นานชายหนุ่มก็จะกลับมามีเปรียบในท้ายที่สุด
คนทั้งสองวัดกำลังโดยการต้านกระบี่ สายตาก็สบจ้องไม่กะพริบ แต่ยี่ฟงเลือกจะผ่อนแรงและยินยอมให้ศัตรูผลักดันจนต้องล่าถอย แผ่นหลังชายหนุ่มแทบจะประชิดเข้ากับเสาที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ทว่ายี่ฟงใช้ฝ่าเท้ายันไว้จากนั้นดีดเท้ากับตัวเสาเพิ่มแรงตีโต้สวนกลับไปบ้าง แรงที่กักเก็บมาเมื่อครู่ถูกใช้ออกจนฟาดฟันกระแทกตัวกระบี่ของอีกฝ่ายกระเด็นออกข้าง ยี่ฟงรีบยกฝ่าเท้าถีบใส่อย่างรวดเร็วแต่เทียนไห่เองก็ไม่ยอมง่าย
ๆ มันจึงยกฝ่าเท้าถีบสวนกลับมาเช่นกัน
ตูม!
คนทั้งสองปลิวแยกจากกัน ยี่ฟงถึงกับสบถออกมาเล็กน้อยแต่โชคดีที่เขาลอยเข้าหาเสาอีกครั้งจึงสามารถใช้มันเป็นหลักเพื่อดีดร่างพุ่งทะยานกลับเข้าไปหาศัตรูได้รวดเร็วกว่า ส่วนเทียนไห่เพิ่งจะม้วนตัวกลับลงไปยืนบนพื้นได้ไม่ถึงอึดใจมันก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะพริบตาเดียวมันก็ถูกกดดันเข้ามาจนแทบไม่ได้พักหายใจ
ยี่ฟงมีสีหน้าทรมานน้อยกว่ามากนัก เขากวาดกระบี่ลงพื้นจากนั้นตวัดเศษดินและใบไม้เพื่อปั่นป่วนศัตรู ส่วนตัวเองบิดข้อเท้าเปลี่ยนทิศทางโดยอาศัยฝุ่นผงปิดบังตัวตนไว้ชั่วคราว เทียนไห่ที่หลงกลจำต้องยกฝ่ามือขึ้นป้องดวงตาส่งผลให้ทัศนวิสัยยิ่งแคบลงไปอีก ส่วนอีกมือก็วาดกระบี่ฟันไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งพร้อม
ๆ กับการก้าวถอยหลังไปด้วย
“เจ้ากล้าเล่นลูกไม้สกปรกเชียวหรือ!”
เทียนไห่ตวาดอย่างหัวเสีย
แต่ดูเหมือนเมื่อฝุ่นผงเริ่มจางลงมันก็คลาดสายตาจากยี่ฟงไปแล้ว
“การต่อสู้เป็นตายมันไม่มีกฎกติกาหรอกโว้ย”
ยี่ฟงตอบกลับมาจากด้านหลังพร้อม
ๆ กับการนำอาวุธทั้งกระบี่และหอกโยนขึ้นตรงหน้า
จากนั้นก็กระแทกฝ่ามือเข้าใส่ด้ามอาวุธทั้งหลายในเวลาไล่เลี่ยกัน แรงปะทะส่งให้กระบี่และหอกพุ่งทะยานเข้าหาหัวหน้าโจรเทียนไห่ราวห่าฝน
เทคนิคนี้ยี่ฟงจดจำมาจากหนังจีนกำลังภายในอีกตามเคย นอกจากมันจะเท่แล้วยังดูรับมือได้ยากอีกด้วย
เมื่อเทียนไห่หันไปตามเสียงก็เผชิญพบคมอาวุธห่างออกไปไม่ถึงสองก้าวแล้ว มันรีบตวัดกระบี่ปัดป้องเบี่ยงวิถีอาวุธที่พุ่งเข้ามาแทบไม่มีเวลาพัก กระทั่งมันก็ยังไม่อาจปัดป้องได้หมดจนถูกกระบี่เล่มหนึ่งเฉือนผ่านสีข้างไป
พอเริ่มเสียกระบวน ยี่ฟงซึ่งรอคอยอยู่แล้วก็จู่โจมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวตอบสนองของเทียนไห่เองก็เชื่องช้าลงเป็นผลมาจากออกซิเจนไม่เพียงพอ ยี่ฟงยิ่งมายิ่งมีเปรียบมากขึ้นจนการโจมตีของเขาผ่านการป้องกันอีกฝ่ายไปได้ในที่สุด
อ๊ากกก!
หัวหน้าโจรเทียนไห่ส่งเสียงร้องหลังจากถูกฟันจนแขนซ้ายขาดสะบั้น แต่มันก็อาศัยจังหวะที่ยี่ฟงเข้ามาใกล้ใช้ไหล่กระแทกผลักชายหนุ่มกระเด็นถอยกลับไปได้ บาดแผลสาหัสที่ได้รับถึงกับเรียกสติของมันกลับมาได้เลยทีเดียว
“ข้าจะไม่ยอมพ่ายแพ้ไปเช่นนี้!”
เทียนไห่กล่าวพลางสำนึกเสียใจที่เข้าปะทะกับยี่ฟง
แต่ในขณะที่มันกำลังมองหาช่องทางหลบหนีอยู่นั้นเหล่าสมุนโจรก็พากันกลับมาที่หมู่บ้านในที่สุด เทียนไห่ดวงตาวาวโรจน์รีบตะโกนสั่งการทันทีว่า
“ฆ่าพวกมันให้หมดไม่ต้องละเว้น!”
กลุ่มเหนือฟ้าพากันหยุดกระทืบใส่คู่หูนรกและตั้งท่ารับมือกะทันหัน แต่พอเห็นจำนวนของโจรภูเขาแล้วคนทั้งสี่ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้ในทันที
“อะไร พวกเจ้าเหตุใดจึงเหลือกันแค่นี้!?”
เทียนไห่ตวาดถามสีหน้าซีดเผือด
“มีคนลอบวางกับดักไปทั่วทั้งป่า พวกเราส่วนหนึ่งพลาดบาดเจ็บและอีกส่วนตายหมดแล้วขอรับ”
โจรภูเขาคนหนึ่งตอบอย่างสิ้นหวัง
“มามอบซะดี ๆ ไอ้ไห เวลานี้ภายในป่ามีคนของฉันซุ่มอยู่ทุกซอกมุม แกอย่าคิดจะหนีให้เหนื่อยเปล่าเลย”
ยี่ฟงฉวยโอกาสโกหกคำโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สถานการณ์แบบนี้คำกล่าวของเขาย่อมเป็นไปได้จริง
“ข้าไม่ยอมตายอยู่ฝ่ายเดียวแน่ พวกเจ้าจงไปสังหารชาวบ้านให้ได้มากที่สุดเสีย!”
เทียนไห่กัดฟันกล่าวสั่งการด้วยแววตาบ้าคลั่ง
‘วิชายุทธ์วิหคอหังการหลงเหลือเวลาอีก 1 นาที’
ยี่ฟงขมวดคิ้วรำคาญใจก่อนจะพุ่งฝ่าเข้าไปกลางดงศัตรู จากนั้นระเบิดพลังปราณกระแทกพวกมันในระยะจนกลิ้งคะมำกันไปไม่เป็นท่า ส่วนหัวหน้าโจรเทียนไห่ไม่มีทางเลือกจนต้องระเบิดพลังปราณต้านทานเอาไว้
เมื่อหลงเหลือเทียนไห่หยัดยืนอยู่คนเดียว ยี่ฟงก็ไม่รอช้าจึงเข้าปะทะหวังปิดบัญชีในยกที่สองให้ได้โดยเร็วที่สุด พวกเหนือฟ้าและมังกรเฒ่าได้แต่ตั้งท่ารอจนเก้อ
“ไหนอีตานั่นบอกจะให้พวกเราช่วยไง!?”
หยกราตรีบ่นออกมาเป็นคนแรก
“ข้าเห็นด้วย!
นี่มันกะไม่ให้คนอื่นได้โชว์เลยหรือไงวะไอ้ตัวแสบ”
มังกรเฒ่าสนับสนุนอีกเสียง
ต่างจากมุกทิวาและเหนือฟ้าซึ่งรู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้องวิ่งวุ่นช่วยชีวิตชาวบ้านเบื้องหลัง
ส่วนยี่ฟงยังต้องทุ่มแรงและฝีมือเท่าที่มีเพื่อล้มหัวหน้าโจรเทียนไห่ภายในหนึ่งนาทีให้ได้ ตอนนี้มันเหลือแขนขวาข้างเดียวจึงรับมือได้ลำบากอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดยิ่งฉุดรั้งการเคลื่อนไหวของเทียนไห่จนความเก่งกาจของมันลดลงราวกับเป็นคนละคน กระทั่งยี่ฟงไล่กดดันอีกฝ่ายไปจนหลังชนเขา ไม่มีทางให้ถอยอีกต่อไป
“กระบี่ของแกคลาสอะไรวะ!?”
ยี่ฟงเอ่ยปากถามยิ้ม
ๆ โดยไม่หวังว่าจะได้คำตอบอะไร
หวังแต่จะกวนตีนอย่างเดียว
ยี่ฟงทะยานร่างเข้าใส่ตรง
ๆ เป็นครั้งสุดท้าย แต่ระหว่างทางเขากลับโยนกระบี่คลาส
D ขึ้นกลางอากาศ จากนั้นกระโดดสุดตัวเหวี่ยงฝ่าเท้ากระแทกใส่ด้ามกระบี่อย่างแม่นยำ เทียนไห่ขบกรามแน่นจนโลหิตไหลซึมเพื่อรวบรวมพลังขวางกระบี่ของตัวเองรับการโจมตีเอาไว้ แม้มันต้องการจะฉากหลบออกไปก็ไม่อาจกระทำได้ นอกจากจะเป็นการพลิกแพลงจู่โจมกะทันหันแล้วตัวมันยังเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิมอย่างยิ่ง กระบี่ของยี่ฟงเองก็พุ่งทะยานเข้ามารวดเร็วมากกระทั่งทิ่มแทงเข้าใส่ตัวกระบี่ที่ต้านรับไว้ถึงขั้นกระแทกร่างเทียนไห่จนถอยไปชนกับก้อนหินได้เลยทีเดียว
“มาดูกันว่าแกจะทนได้ถึง 10 วินาทีไหม”
ยี่ฟงซึ่งตามติดมาทีหลังจัดการเหวี่ยงหมัดทั้งสองอัดใส่ร่างเทียนไห่ที่หลังชิดก้อนหินไร้ซึ่งทางหนีนับครั้งไม่ถ้วน แรงปะทะทุกหมัดล้วนเรียกโลหิตจากหัวหน้าโจรได้ไม่ยากนัก ไม่ช้าก้อนหินที่เทียนไห่มันใช้เป็นที่พิงก็เริ่มแตกร้าวเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย
ๆ
ความคิดเห็น