ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ เกมออนไลน์ Tags : กำลังภายใน, แฟนตาซี, ออนไลน์, ต่อสู้, ซึ้งกินใจ, มิตรภาพ, ความรัก
ผู้แต่ง : นภาเปื้อนหมึก
My.iD :
https://my.dek-d.com/shadowvihok/writer/
ตอนที่ 169 : บทบรรเลงหยาดน้ำสีชาด
เนื่องจากผู้บัญชาการทั้งสองคนดังเช่นจ้าววังนทีกับเทพกลยุทธ์พันหน้ามัวแต่วุ่นวายอยู่กับยี่ฟงและทัพวังเดชกระบี่มารมากไป ส่งผลให้ทัพวังเทวาห้วงสมุทรที่ขาดผู้กุมบังเหียนยากที่จะต้านรับการโหมบุกของศัตรู ซึ่งพวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าพันธมิตรมังกรซ่อนจะกล้าได้กล้าเสียยินยอมเสี่ยงรวมกำลังพลบุกทะลวง กระทั่งละทิ้งจุด-ยุทธศาสตร์ออกมาง่ายดายเยี่ยงนี้ถึงได้พากันประมาทเลินเล่อ เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิดย่อมมีโอกาสให้เกิดมือที่สามสี่ห้าเข้ามาสอดแทรกการศึกของพวกเขาได้ตลอดเวลา
จ้าววังนทีถอนหายใจ กล่าวตำหนิความสะเพร่าของตน “ดันมองข้ามจุดนี้ไปได้ยังไงนะ”
นอกจากยี่ฟงจะครองตำแหน่งจ้าวสมาพันธ์แล้ว วีรกรรมที่ผ่านมาของเขาทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นเรื่องสุดยอด ฉะนั้นคนหมู่มากสมควรยกย่องเทิดทูนและพร้อมสนับสนุนตัวละครยี่ฟงอย่างหมดใจ ไม่แปลกเลยสักนิดที่ยามนี้เหล่าพันธมิตรมังกรซ่อนจะเลือกแบกรับความเสี่ยงเอาไว้ด้วยการโหมบุกลงมาเพียงเพื่อต้องการช่วยเหลือชายหนุ่มผู้เป็นดั่งความหวังแค่คนเดียวเช่นนี้แม้ต้องเผชิญหน้ากับอำนาจของตัวละครระดับกึ่งเซียน จิตใจก็ยังไม่หวั่นไหวสั่นคลอน และยิ่งกว่ายินดีด้วยซ้ำถ้าหากชีวิตพวกตนจะสามารถนำไปแลกเป็นการต่อลมหายใจให้ยี่ฟงได้!
พันธมิตรมังกรซ่อนยืนหยัดท้าชนศัตรูทุกฝ่ายด้วยความศรัทธาที่มากล้นอย่างเห็นได้ชัด!
ส่วนปราณมังกรที่สร้างขึ้นจากกระบวนท่าพยุหะคลื่นพินาศคลุ้มคลั่ง ค่อย ๆ ถูกแช่แข็งและร่วงกระแทกลงพื้นจนแตกหักสลายไป พลังของหงส์รำพึงภายใต้สภาวะเทพเหมันต์ช่วงที่สามรุนแรงด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าควบคุมทำลายปราณธาตุน้ำของนทีทั้งหมดในคราวเดียว หากเปลี่ยนเป็นพลังปราณสายอื่นที่ไม่แพ้ทางกัน หงส์รำพึงก็ยังไม่อาจฉุดดึงยี่ฟงขึ้นมาจากห้วงวิกฤตเป็นตายได้ง่ายดายนัก บางทีแทบจะกลายเป็นตัวนางเองด้วยอีกคนกระมังที่จะต้องตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงไปพร้อมเขา
ว่าถึงเรื่องการถ่ายทอดเคล็ดวิชาระหว่างศิษย์อาจารย์ ความเข้มแข็งของตัววิชาต่าง ๆ ก็จะลดหลั่นลงไปตามเหมาะสม ดังเช่นหงส์รำพึงที่ไม่มีทางบรรลุขอบเขตสูงสุดของสภาวะเทพเหมันต์ช่วงที่ห้าได้จนเทียบเท่าอาจารย์ผู้ถ่ายทอดอย่างเซียนหิมะ ฉะนั้นเพดานระดับวิชาเทพเหมันต์ของนางจึงยังค้างคาอยู่ช่วงที่สามมาโดยตลอด ไม่อาจทะลวงผ่านสูงขึ้นไปกว่านี้ได้อีก
แต่ในฐานะศิษย์ทุกคนที่เป็นฝ่ายรับ นี่ถือว่าพวกเขาได้ประโยชน์มหาศาลมากพออยู่แล้ว
สถานการณ์ปัจจุบัน
หงส์รำพึงไม่มีความคิดอุกอาจจะปะทะแตกหักกับนทีแต่แรก เมื่อตระหนักว่าตนสามารถหยุดยั้งหายนะที่อีกฝ่ายเป็นผู้สร้างขึ้นมาได้สำเร็จ ก็แทบจะกลับหลังหันไปหายี่ฟงทันใดพลางเอ่ยปากว่า “ฉันเตือนแล้วนี่คะสามกึ่งเซียนเป็นตัวอันตราย แต่ช่างเถอะ ที่สำคัญตอนนี้คือเราต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่กันก่อนค่ะ เพราะโอกาสที่คุณเฝ้ารอไม่ได้จะเกิดขึ้นมาอีกง่าย ๆ เป็นครั้งที่สองหรอกนะคะ”
ถ้อยประโยคที่ฟังเหมือนเป็นการเตือนสตินั้น ส่งให้ชายหนุ่มต้องชำเลืองสายตามองผ่านเลยตัวหญิงสาวไป กระทั่งภาพของฝ่ายทัพพันธมิตรมังกรซ่อนที่บุกถลำลึกลงจากเนินเขาตรงมาทางนี้ ช่วยให้ยี่ฟงพอจะฝืนยิ้มออกมาได้บ้าง
นี่คือผลลัพธ์ที่ยี่ฟงต้องการ เขาเดิมพันในสิ่งเลื่อนลอยโดยใช้เพียงแค่ศรัทธาเท่านั้น การท้าทายศัตรูอย่างเดชสวรรค์หรือจ้าววังนทีมาจนถึงบัดนี้เป็นกลลวงดึงความสนใจ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดจะช่วยเหลือต่อลมหายใจให้กับพันธมิตรกันอย่างตรงไปตรงมา ในเมื่อยังมีศัตรูล้อมรอบแข็งขันเต็มไปหมด แม้จะนัดแนะกับคนสนิทเช่นมังกรเฒ่าเอาไว้แล้วก็ตาม ทว่าคำสั่งการตามอารมณ์ไม่เป็นมืออาชีพอย่างละทิ้งจุดยุทธศาสตร์เพื่อคนคนเดียว อาจไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนักก็ได้หากสมาชิกภายในทัพเกิดรู้สึกไม่เห็นด้วยขึ้นมา ยิ่งไม่สมควรเลยที่จะร้องตะโกนเสียงดังท่ามกลางดงศัตรูรายล้อมทั้งที่ใจความสำคัญจะบอกกล่าวคือ อพยพหลบหนี
ต่อให้จะมียี่ฟงมากกว่านี้อีกสักสิบคนก็ยังไม่ช่วยให้พวกเขาสามารถปกป้องรักษาฐานที่มั่นไว้ได้อยู่ดี
ฉะนั้นยี่ฟงจึงเลือกใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อลดการป้องกันของทัพศัตรูลง ที่เหลือก็ใช้ใจ เชื่อมั่นว่าทัพพันธมิตรมังกรซ่อนจะยินดีสละทุกสิ่งยกพลกลับลงมาหลังจากที่เขาสร้างโอกาสให้แล้ว ผลลัพธ์จากความศรัทธาไว้ใจอาจไม่ประสบความสำเร็จเสียทุกครั้ง แต่ดูเหมือนครั้งนี้สิ่งที่ชายหนุ่มคาดหวังไว้จะออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง!
ฝ่ายศัตรูตกหลุมพรางแทบโงหัวไม่ขึ้นด้วยซ้ำ จนกระทั่งพวกเขาลงมือในที่สุดถึงเพิ่งจะมาเฉลียวใจ
เมื่อหลอมรวมเข้ากับกองกำลังหัวลูกศรซึ่งยี่ฟงนำบุกทะลวงเข้ามา พันธมิตรมังกรซ่อนก็เข้มแข็งแกร่งกร้าวขึ้นเป็นทวีคูณ สมาชิกระดับไม่ธรรมดาที่ทางเซียนหิมะคัดกรองมาให้ เป็นหนึ่งในกำลังหลักสำหรับตีฝ่าไพร่พลของทัพเทวาห้วงสมุทรเลยทีเดียว ทั้งแนวหลังที่ฝากฝังให้ประมุขโนราห์แห่งพรรคชะนีเหินฟ้าควบคุมดูแลก็น่าดูชมไม่น้อย ส่วนมังกรเฒ่าและหยกราตรีที่รั้งอยู่แนวหน้าสุดเพราะเคลื่อนไหวนำออกมาก่อนใคร ๆ ย่อมโดดเด่นสะดุดตายิ่ง
เหตุการณ์ทั้งหมดเอ่อปะทุเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“ศิษย์ของเซียนหิมะ เพียงปีเดียวก็เข้าถึงสภาวะเทพเหมันต์ช่วงที่สามแล้ว?” จ้าววังนทีไถ่ถามด้วยสีหน้าชื่นชมสงสัยระหว่างก้าวเดินลดระยะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คล้ายนักล่าหวังตะปบเหยื่อ
หงส์รำพึงไม่ตอบ สองตาหดลีบเล็กลงพลางสะบัดฝ่ามือซ้ายกางนิ้วทั้งห้าออกกว้าง คลื่นกระแสลมหนาวแทบจะปรากฏพวยพุ่งเป็นเส้นตรงโจมตีออกไปทันใด หากสังเกตให้ดีจะพบเห็นแท่งน้ำแข็งปลายแหลมจำนวนมากภายใต้กระแสลมแรงนั้น บีบให้จ้าววังนทีต้องยกแขนการ์ดป้องกัน กระทั่งวิชาหินผาเที่ยงธรรมแสดงผล สกัดกั้นลมหนาวที่แฝงอันตรายมาได้อย่างชะงัดนัก เสียงปุและเสียงแตกหักของแท่งน้ำแข็งดังถี่ระรัวจนก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมไปทั่วม่านลมปราณป้องกัน
ทว่าในชั่วอึดใจเดียว จ้าววังนทีกระโดดขึ้นสูงหลบออกไปนอกเส้นทางการโจมตีของหญิงสาว จากนั้นเหยียบอากาศพุ่งทะยานเข้าหาด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง ร่างของเขาลอยลำเหนืออุปสรรคทั้งปวง แต่ทางหงส์รำพึงก็ไม่เชื่องช้า หลังจากชักฝ่ามือกลับพลันเหินร่างสวนขึ้นไปปะทะด้วยโดยไม่มีใครคาดคิด ตัวนทีเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น กระนั้นเขาย่อมไม่หวั่นเกรงถึงแม้ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับกะทันหัน ที่สุดแล้วหงส์รำพึงก็ไม่คิดจะชนปะทะตรง ๆ กับอีกฝ่าย นางงัดกระบี่ทิ่มแทงออกด้วยฝ่ามือข้างที่เพิ่งจะชักกลับเข้ามาเมื่อครู่ กระทั่งพบว่าตัวกระบี่ทะยานพุ่งหลุดออกจากฝ่ามือหญิงสาวนำไปก่อน มันส่องแสงและระเบิดคลื่นความเย็นล้นทะลักสร้างเป็นปราการน้ำแข็งขึ้นขวางกั้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหงส์รำพึงที่ยังคงลอยตรงไปข้างหน้าก็ใช้ปราการน้ำแข็งเป็นฐานเหยียบเพื่อทะยานย้อนถอยหลังกลับออกมา ระหว่างนั้นนางย่อมไม่ลืมที่จะคว้าตัวกระบี่ติดมือมาด้วย
อย่างไรก็ดี อีกฟากหนึ่งของปราการเหมันต์กระบี่พลันถูกกระแทกอย่างรุนแรงดังตูม
จ้าววังนทีหงุดหงิดมาสักพักใหญ่แล้ว เมื่อพบว่าหญิงสาวเพียงต้องการขัดขวางถ่วงเวลาก็ยิ่งบันดาลโทสะ นอกจากจะไม่หาเส้นทางอ้อมยังโจมตีใส่ปราการเหมันต์ด้วยหมัดราชันเข้าตรง ๆ และพลังระดับกึ่งเซียนแทบจะบดขยี้มันแตกได้เป็นเสี่ยง ๆ ในทันที แต่ขณะเดียวกัน หงส์รำพึงได้ส่งกระบี่คลาสธรรมดาออกไปเสียบแทนที่ตัวกระบี่เดิม นั่นทำให้ปราการเหมันต์กระบี่ยังคงมีที่ยึดเหนี่ยวไม่พังทลายลงโดยง่าย รอยแตกจากการทนรับความเสียหายเมื่อครู่ก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูรักษาทีละน้อยแลกกับการเสื่อมถอยปริร้าวของตัวกระบี่ที่เสียบคาอยู่บนปราการนั้น
อีกด้านหนึ่งของสนามรบ
ทัพพันธมิตรมังกรซ่อนสามารถสลัดหลุดจากทัพเทวาห้วงสมุทรได้เสียที พวกเขาเข้าใกล้จุดปะทะระหว่างจ้าววังนทีกับจ้าวสมาพันธ์ยี่ฟงได้สองในสาม ทำให้ภาพปราการเหมันต์กระบี่อันกว้างใหญ่แผ่ไพศาลเบื้องหน้ายิ่งมองดูใหญ่โตในระยะใกล้เช่นนี้ ในขณะที่ทางทัพเดชกระบี่มารกำลังระส่ำระสายเนื่องเพราะฝีมือการลงมือป่วนกวนกระแสของเทพกลยุทธ์พันหน้าที่ได้นำกำลังอ้อมไปปิดล้อม
จากมุมนี้พวกเขามองเห็นยี่ฟงกับหงส์รำพึงชัดเจน แต่จ้าววังนทีนั้นถูกกั้นขวางอยู่อีกด้านหนึ่งของปราการเหมันต์กระบี่ จนนับเป็นความบังเอิญที่ส่งผลดีต่อฝ่ายตนอย่างยิ่ง
“สองคนนั้นกำลังย้อนกลับมารวมพลตามแผนแล้ว เตรียมพร้อมหลบหนีทุกเมื่อ!” ชายผู้นำกลุ่มกองหัวลูกศรตะโกนบอกกล่าว
วินาทีนั้นเอง เดชสวรรค์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่นอกวงพลันแสดงตัวเข้ามาสอดแทรกอีกครั้ง พร้อมกับกลุ่มแก๊งจำนวนหนึ่งที่มองดูแล้วไม่ธรรมดา นอกจากพวกมันจะยอมเป็นหน่วยพลีชีพบุกเข้าโจมตีทัพพันธมิตรมังกรซ่อนด้วยใจเด็ดเดี่ยว ตัวเดชสวรรค์มันยังสายตาเฉียบคมมากพอที่จะเลือกเหยื่ออีกด้วย!
“พวกแกสองคนคิดจะทำอะไรไม่ทราบ?” เดชสวรรค์เอ่ยถาม รอยยิ้มแสยะน่ารังเกียจถือเป็นเอกลักษณ์
เดชสวรรค์ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว มันลงมือเข้าโจมตีมังกรเฒ่ากับหยกราตรีที่ล้ำหน้ามาไกลอย่างดุเดือด ขณะสมาชิกของฝ่ายวังเทวาห้วงสมุทรก็กระจายตัวออกกั้นขวางเพื่อตัดการเชื่อมต่อระหว่างคนทั้งสองนี้กับทัพพันธมิตรมังกรซ่อนเอาไว้อย่างมีแบบแผน
มังกรเฒ่าแยกเขี้ยวพุ่งเข้าปะทะเต็มกำลัง ความเร็วภายใต้สถานะที่ชายชราเปิดใช้งานเคล็ดลมปราณจ้าวพยัคฆ์ไม่อาจดูแคลน แม้ระดับเลเวลยังห่างกับเดชสวรรค์มากถึงสิบระดับก็ยังพอจะถ่วงรั้งฝืนปะทะหมัดต่อหมัดได้อยู่บ้าง พละกำลังของมังกรเฒ่าสูงกว่าระดับพื้นฐานไปสองถึงสามระดับเลยทีเดียว กระนั้นเดชสวรรค์ที่เหนือกว่าทุกด้านก็พยายามกดดันลากศัตรูผู้แก่ชรานี้ออกห่างไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่คิดจะแยแสสนใจหยกราตรีที่อ่อนแอกว่าเลยแม้แต่หางตา
นี่ไม่นับเป็นการประมาทอะไร เพราะต่อให้หยกราตรีพุ่งเข้ามาอีกคน เดชสวรรค์มันก็ยังรับมือได้สบาย ๆ
“เราคงต้องทิ้งสองคนนั้นไว้ กับดักของศัตรูแน่นหนารัดกุมมาก” หงส์รำพึงกล่าวตามตรง
“ฉันเข้าใจดี!” ยี่ฟงตอบเสียงเรียบ แม้อยากจะช่วยมากแค่ไหนทว่าความเป็นจริงไม่อาจให้เขาทำอย่างนั้นได้ ต้องไม่ลืมว่าเบื้องหลังของพวกเขานั้นยังถูกจ้าววังนทีตัวปัญหาไล่ล่ามาไม่เลิกรา ปราการเหมันต์กระบี่ทนรับความเสียหายได้เพียงสามครั้งก็พังทลายลงแล้วเมื่อไม่มีกระบี่เล่มใหม่ไปคอยค้ำจุนรักษา
หากยังเสียเวลาแวะช่วยคนนู้นคนนี้ พริบตานักสู้สายเพลงหมัดก็คงไล่ตามมาทันเป็นแน่
ยี่ฟงรู้สึกเจ็บใจน้อย ๆ ที่เห็นว่าเดชสวรรค์มันพยายามหยอกล้อไล่ต้อนชายชราออกห่างไป กระทั่งเมื่อมันมั่นใจแล้วว่าเขาคิดจะยอมละทิ้งคนของตัวเองทั้งสองคนนี้จริง ๆ จึงหยุดเล่นและเปลี่ยนไปกดข่มทางพลังเต็มที่ สุดท้ายสามารถเหยียบมังกรเฒ่าให้นอนแนบติดกับพื้นได้ตามต้องการในเวลาอันสั้น
“อย่าหวังว่าไอ้เวรตะไลนั่นมันจะเข้ามาช่วยแกเลย มันก็อีแค่คนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักนั่นแหละวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เดชสวรรค์จงใจตะโกนกล่าวเสียงดัง ฝ่าเท้าย่ำยีหน้าของชายชราอย่างสนุกสนาน “แก่ไม่รู้จักเจียมตัว ดันเข้าเกมมาให้เด็กมันถอนหงอกเล่นอยู่ได้ สมน้ำหน้าแกแล้ว ถุย!”
ยี่ฟงของขึ้นจนขมับเกร็ง เสียงห้ามปรามของหงส์รำพึงเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาอย่างไร้ความหมาย
“ไอ้ทุเรศเอ๊ย!!” หยกราตรีซึ่งอยู่ใกล้กว่ามาก ทะลุจุดเดือดขึ้นมาก่อนชายหนุ่มเสียอีก
หญิงสาวที่ตลอดเวลาไม่ได้อยู่เฉย ตัดสินใจปลดปล่อยพลังวิชาอันตรายแลกชีวิต นางมีความคิดเดียวที่เลือกจะติดสอยให้ตามชายชรามา นั่นคือทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนกลุ่มแม้ต้องสละชีพตัวเอง จะอย่างไรตัวนางก็อ่อนแอกว่ามังกรเฒ่าอยู่แล้ว หากสามารถช่วยเหลือให้ชายชรารอดออกไปจากวงล้อมกับดักนี้ได้ย่อมนับเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ถือว่าเลว
“ถอยออกไปจากที่นี่ตามแผนของนายซะ!” หยกราตรีไม่ลืมตะโกนสั่งน้ำเสียงเด็ดขาดกับยี่ฟง
ยี่ฟงไม่ทราบว่าหญิงสาวคิดจะทำอะไรเพราะหลังจากงานเลี้ยงฉลองมา แทบไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวอีกเลย บางทีนางอาจจะได้รับวิชาคลาสสูงมาจากเซียนหิมะด้วยเหมือนกันก็ได้ สุดท้ายแล้วยี่ฟงเลือกจะเชื่อใจคนของตัวเอง อารมณ์พลุ่งพล่านกรุ่นโกรธถูกระบายออกในการโจมตีเดียว ซึ่งเป็นการโจมตีด้วยกระบวนท่าหนึ่งฝ่ามือสามลักษณ์พยัคฆ์เหล็ก กลุ่มแก๊งของเดชสวรรค์ถึงกับตื่นตกใจ ส่วนหนึ่งปลิวกระเด็นอย่างไม่อาจทนรับไหว แต่ก็ยังมีคนที่สามารถระเบิดพลังเข้าต้านเอาไว้ได้อยู่เช่นกัน
ทางหยกราตรีเอง ตวัดกระบี่ไปมาอย่างช่ำชองชำนาญแสดงให้เห็นว่าตัวนางมีฝีมืออยู่ไม่น้อย กระทั่งวิชาบทบรรเลงหยาดน้ำสีชาดสำแดงฤทธิ์ท้าทายใต้ฟ้าปฐพีทั่วหล้า
บทแรก , เงากระบี่สังเวยวิญญาณ
พลังชีวิตของหญิงสาวถูกดูดออกไปอย่างบ้าคลั่ง สร้างผลกระทบที่ไม่ธรรมดาจนเดชสวรรค์มันยังต้องหันกลับมาระแวดระวัง ในแววตาสาดประกายมุ่งร้ายและคิดจะบุกเข้าโจมตีสังหารเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปมากแล้วเพราะว่ารอบกายของหยกราตรีพลันปะทุคลื่นพลังระดับสูงคลี่คลุมปกป้องเอาไว้ ถึงขนาดที่ว่าเดชสวรรค์กับคนของมันโจมตีใส่ก็ไม่เป็นผล สายพลังเหล่านั้นของพวกมันยังถูกกลืนกินไปเสียเองด้วยซ้ำ
“นางเวรนี่! แกทำอะไรลงไป?” เดชสวรรค์ร่ำร้องหวาดวิตก สมุนหลายคนเริ่มก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างตามสัญชาตญาณ
ในเสี้ยววินาทีนั้นศัตรูหลงลืมมังกรเฒ่าไป ซึ่งชายชราก็เข้าใจเจตนาของหยกราตรีได้ดียิ่งกว่า เขาไม่ปล่อยให้ความหวังดีของหญิงสาวสูญเปล่าจึงฝืนลุกขึ้นและรีบพุ่งทะยานฝ่าวงล้อมของศัตรูที่คลายออกเพื่อไปบรรจบรวมกับยี่ฟงอย่างถูกจังหวะ
“หยกกำลังทำอะไรของเธอน่ะลุง!?” ยี่ฟงร้องถามเอาจากชายชรา
“สละชีพไง บทบรรเลงหยาดน้ำสีชาด” มังกรเฒ่าตอบกลับไปห้วนสั้น ที่รูจมูกกับปากยังมีเลือดไหลไม่หยุด
ยี่ฟงถอดใจที่จะช่วยเหลือหญิงสาวในทันทีที่ได้ยินดังนั้น หากกล่าวถึงบทบรรเลงหยาดน้ำสีชาดแล้วล่ะก็ เพลเยอร์กว่าครึ่งจะทราบดีว่าเฉพาะบทแรกของวิชานี้เท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียน เพราะเมื่อคุณใช้ออกด้วยบทแรก เท่ากับสละชีพของตัวเองไปด้วย ซึ่งเชื่อเถอะว่าเกมนี้หากคุณสามารถเลี่ยงที่จะไม่ตายได้ก็ควรเลี่ยงเข้าไว้ หลังความตายคือการสูญเสียที่เคยทำให้คนหลายคนร่ำไห้น้ำตาตกกันมานักต่อนักแล้ว
แต่อย่างที่ทราบแล้วว่าการตายในลีกการแข่งขัน คุณจะไม่สูญเสียอะไรเลยนอกจากหมดสิทธิ์แข่งขันต่อเท่านั้น
เพียงเท่านี้ย่อมไม่ใช่เหตุผลที่ไม่ควรร่ำเรียนบทแรกของหยาดน้ำสีชาด ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทุกคนไม่คิดจะแยแสบทแรกของวิชานี้จริง ๆ ก็คือเมื่อคุณสละชีพตายด้วยเงากระบี่สังเวยวิญญาณแล้ว หลังจุติใหม่พลังชีวิตกับพลังลมปราณหนึ่งในสามของตัวละครจะหายไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง นี่ต่างหากที่เป็นต้นเหตุ และไอ้ระยะเวลาหนึ่งที่ว่า มีบทสรุปออกมาแล้วว่าคิดเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งวันโลกจริง
กลุ่มแก๊งของเดชสวรรค์จดจำไม่ได้แล้วว่า พลังวิชาเบื้องหน้านี้คือผลจากวิชาใดกันแน่
เมื่อเกิดเงากระบี่กระจายออกครอบคลุมพื้นที่ ในพริบตารวดเร็วเกินกว่าใครจะทันได้คิดอะไร บริเวณนั้นก็ปรากฏแรงระเบิดกับเปลวไฟลุกโหมโชติช่วงขึ้นมาแล้ว แม้คิดจะหลบหนีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างที่เห็นว่าหลายคนในกลุ่มสมาชิกของวังเทวาห้วงสมุทรถอยหลังไปจนติดอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่อาจถอยไปได้มากกว่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคือค่ายกลม่านพลังที่กระจ่างใสจนสังเกตเห็นได้ยาก และจำต้องใช้เวลาทุบทำลายมันออกเพื่อเปิดทางหนีต่างหากด้วย
แต่จากภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าเมื่อครู่ ไม่มีใครเลยนอกจากมังกรเฒ่าที่เฉลียวใจหลบรอดออกมาได้ทัน!
จะรออ่านตอนต่อไปคับ
ฮฮาเร็มฮูเล.........ฮูเลฮาเร็มมมมมมมมม
สู้ๆนะครับ