คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #140 : เผชิญหน้า
จักรพรรดิมังกรคล้ายสติหลุด ร่างใหญ่โตในชุดเกราะหนาเหินทะยานแหวกอากาศส่งเสียงดังกระหึ่มควบคู่ไปพร้อมศัสตราอันทรงพลัง ทวนศึกสยบฟ้าที่เพิ่งถูกเก็บลงไปพลันปรากฏขึ้นมือและโดนบังคับทิ่มแทงออก
“พี่จักรพรรดิ! อย่าได้ประมาท…” องครักษ์ทมิฬร้องเตือนน้ำเสียงตกใจ
แต่ไม่ทันแล้ว ถึงอย่างไรจักรพรรดิมังกรมันก็ไม่มีทางหยุดชะงักท่าร่างจู่โจม ความเร็วที่ใช้ออกถึงกับทำให้เศษซากมอนสเตอร์บนพื้นปลิวกระจายจนเส้นทางเปิดโล่ง ที่กั้นระเบียงสั่นกึก ๆ ตามกันเป็นระลอกคลื่น พริบตาเดียวจ้าววังผู้นี้ก็สามารถเข้าประชิดเป้าหมายได้สำเร็จ
ทว่าช่วงเสี้ยววินาที ยี่ฟงเองก็ไม่ได้ยืนรออยู่เฉย ๆ เช่นกัน เขาเปิดใช้เคล็ดวิหคอหังการทะลวงขีดจำกัดเลเวลสองครั้งซ้อนขึ้นเป็น
70 ดวงจิตวิหคเพลิงที่สยายปีกส่งเสียงร้องคำรามสะกดข่มผู้คนข้างหลังของจักรพรรดิมังกรเอาไว้ ขณะบรรยากาศอันเดือดพล่านแผ่ขยายกลืนกินพื้นที่ระเบียงทางเดินตั้งแต่ชั้นสี่ลงไปจนถึงชั้นล่างเลยทีเดียว แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่าล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อตัวจ้าววังจักรพรรดิแม้แต่เศษเสี้ยว!
กระทั่งทวนศึกสยบฟ้าส่องสว่างกรีดผ่ามวลอากาศสร้างเสียงหวีดแหลม ราวกับตัวมันได้ร้องคำรามเสียเอง คมทวนแฝงเร้นไปด้วยพลังทำลายล้างอันคลุ้มคลั่ง และเป้าหมายของมันก็คือยี่ฟง
ทว่าเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ในตอนนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากที่ยี่ฟงคาดการณ์ไว้ก่อนสักเท่าไร
ก่อนที่คมทวนจะทิ่มแทงทำร้ายใส่ ยี่ฟงพลันผลักกระแทกฝ่ามือสวนออกไปปะทะราวกับคนเสียสติ จักรพรรดิมังกรมันถึงได้แสยะยิ้มขบขัน แต่ทันใดนั้นเรื่องไม่คาดฝันก็บังเกิด เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เป็นผลมาจากทวนศึกสยบฟ้ากับฝ่ามือเปล่า ๆ
ของยี่ฟง เห็นกันชัด ๆ ว่าใครจะได้ชัยหรือเหนือกว่า กระนั้นผู้ที่ถูกดีดถอยห่างออกไปกลับเป็นตัวของจักรพรรดิมังกรเองอย่างผิดสามัญสำนึก!
“เป็นไปได้ยังไง!” องครักษ์ทมิฬอุทานเสียงหลง ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ ในฝ่ายเดียวกันนัก
ซึ่งคนที่กำลังตื่นตะลึงมากที่สุดย่อมต้องเป็นจักรพรรดิมังกรแน่นอนอยู่แล้ว ร่างใหญ่โตของเขาพลิกไปมากลางอากาศก่อนที่จะร่วงหล่นลงมายืนอยู่ได้อย่างปาฏิหาริย์ แรงปะทะที่ยังหลงเหลือผลักดันร่างจักรพรรดิมังกรให้เซถลาถอยหลังไปอีกหลายก้าวใหญ่กว่าจะปักหลักยืนมั่นคงได้อีกครั้ง ขณะทวนศึกสยบฟ้าในมือเกือบจะหลุดออก แขนข้างที่กุมมันเอาไว้ยังคงสั่นสะท้านอยู่อีกหลายวินาที
“ท่านจ้าววังผู้นี้ หรือต้องการกลับออกไปแบบเลเวลลดกันแน่” ยี่ฟงสะบัดฝ่ามือท่าทางสบาย ๆ แต่น้ำเสียงที่ใช้เรียบเฉยอันตรายยิ่ง แววตาเอาเรื่องสาดประกายจับจ้องกลุ่มคนจากทางวังจักรพรรดิไม่ลดละไปไหน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ดูเหมือนพวกมันจะห้าวผิดเวลาซะแล้ว” เฒ่าทารกกระโดดออกมายืนข้างกัน ส่วนมารตะกละกับภูผาเพลิงก็ไม่รอช้ารีบแสดงตัวกันออกมาเพื่อสะกดข่มฝ่ายตรงข้ามให้ขวัญกระเจิง ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ไม่เลวอย่างยิ่งหากคาดหวังจะให้ศัตรูกลัว
“สามมารเฒ่า!” จักรพรรดิมังกรที่เพิ่งพ่ายแพ้ในการปะทะเมื่อครู่ ไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามอีกต่อไป สีหน้ายังเผยความตื่นตระหนกไม่คลายที่ถูกตีโต้จนต้องย้อนกลับมาเช่นนี้
ส่วนภูผาเพลิงได้โอกาส รีบชิงกล่าวขึ้นว่า “พวกเอ็งคิดจะหาเรื่องจ้าวสมาพันธ์ของพวกข้าหรือไงวะ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ออกมาขอทางด้วยดี ๆ แล้ว อย่าลืมนะว่าพวกเอ็งอยู่ในสภาพไม่สู้ดีเท่าไร ถ้าเกิดต้องปะทะกันขึ้นมาจริง ๆ ก็อย่าหวังจะได้รอดกลับออกไปเลย!”
กลุ่มของจักรพรรดิมังกรหุบปากเงียบ ไม่สามารถเถียงอะไรออกมาได้ทั้งสิ้น เป็นเพราะที่ภูผาเพลิงกล่าวมาล้วนถูกต้อง ที่สำคัญกว่านั้น จู่ ๆ ก็ปรากฏคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดที่ว่าสะกดข่มจักรพรรดิมังกรลงได้ด้วยการปะทะกันซึ่งหน้า! หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไปล่ะก็ ทำเนียบยอดยุทธ์จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่
“พวกข้าแค่จะมาลองพิชิตเสาหลักดูบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกลุ่มอื่นเข้าแบบนี้…”
“พวกเราถอย!” จักรพรรดิมังกรเมินเฉยคำอธิบายของสามมารเฒ่า ถึงเขาจะเป็นคนที่มีขีดความอดทนต่ำ แต่ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนคิดไม่เป็น สถานการณ์เช่นนี้หากยังดื้อรั้นไม่เลิกรามีแต่จะสร้างความฉิบหายให้ฝ่ายตนเท่านั้น
ระหว่างเดินสวนกลุ่มของยี่ฟงจนไปถึงบันไดทางลง จักรพรรดิมังกรจึงได้พบคนที่ยังซ่อนอยู่ของอีกฝ่าย จากที่หยั่งวัดพลังฝีมือด้วยสายตาแล้วเขาก็ส่งเสียงหัวเราะหยามเหยียดอย่างอดไม่ได้
“ครั้งหน้าพวกเราจะได้เห็นดีกัน!” จักรพรรดิมังกรกล่าวข่มขู่อย่างอาฆาต
“คงอีกไม่นานหรอก เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ยี่ฟงสวนกลับแสดงความเหนือกว่า
กลุ่มของจักรพรรดิมังกรฟังแล้วตีความออกได้ไม่ยาก ดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็มีความคิดจะลงแข่งขันงานประจำปีด้วย นั่นหมายความว่าแค้นนี้จะได้รับการชำระสะสางรวดเร็วกว่าที่คิดไว้ การล่าถอยจึงไม่ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจดังเช่นในตอนแรกอีก มีเพียงจักรพรรดิมังกรที่ฉวยโอกาสจดจำหน้าตาของไอ้ตัวป่วนเอาไว้ การปรากฏตัวของยอดฝีมือระดับเดียวกันนับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา หลังจากนี้การปกป้องรักษาตำแหน่งจะยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีก
“รีบไปเถอะ
เกิดพวกนั้นเปลี่ยนใจกะทันหัน ฝ่ายเราจะลำบาก” พิชิตหล้าเอ่ยเร่งจ้าววัง
เมื่อกลุ่มของจักรพรรดิมังกรยอมจากไปแต่โดยดีแล้ว กลุ่มของยี่ฟงถึงค่อยพ่นลมหายใจคลายแรงกดดันจนคอตกไปตาม
ๆ กัน ก่อนหน้านี้ยี่ฟงแทบไม่ได้บอกกล่าวอะไรพวกเขาเลย แถมยังกระโดดออกไปท้าทายฝ่ายตรงข้ามเสียอย่างนั้น โชคดีที่เรื่องราวไม่ลุกลามใหญ่โต
“เอ็งทำได้ยังไงวะ จักรพรรดิมังกรมันเลเวลตั้ง 77 อีกอย่างทวนศึกนั่นก็เป็นอาวุธคลาส S พลังทำลายซึ่งหน้าเมื่อตะกี้ต้องมากกว่าพวกข้าสามคนรวมพลังกันเสียอีก” ภูผาเพลิงถามขึ้นสีหน้าไม่เข้าใจเลยสักนิด
“เป็นการเสี่ยงดวงเอาน่ะลุง ฉันเองก็เพิ่งจะเคยทดลองใช้กระบวนท่านี้เป็นครั้งแรก” ยี่ฟงตอบ
สามมารเฒ่าเบ้ปาก ไม่คิดว่าสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนั้นไอ้ตัวแสบก็ยังกล้าทดลองใช้ของใหม่ได้อยู่อีก ทุกคนพลันรู้สึกชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายอย่างไรอย่างนั้น
เป็นเพราะเมื่อครู่นี้ยี่ฟงบอกกล่าวกับทุกคนไว้แค่ว่าให้คอยสนับสนุนและไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมอีก แต่ไม่คาดคิดว่าคนทั้งสามจะเล่นตามน้ำไปได้อย่างแนบเนียนขนาดนี้เหมือนกัน ยี่ฟงพอเห็นสีหน้าคนในกลุ่มยังมีเครื่องหมายคำถาม จึงอธิบายให้ฟังเพื่อเป็นการตอบแทน…
ตัวละครยี่ฟงในยามที่ทะลวงขีดจำกัดเลเวลถึงสองครั้ง ทำให้ระดับเลเวลมากพอที่จะใช้กระบวนท่าที่แปดของพลังวิชาสิบฝ่ามือกำหนดฟ้า ซึ่งกระบวนท่านี้เรียกว่าลมปราณสะท้าน ความสามารถของมันคือการเคาน์เตอร์หรือสวนกลับการโจมตีที่พุ่งเป้ามายังเจ้าของวิชา ตัวอย่างที่เห็นกันมาแล้วเมื่อครู่ ซึ่งก็คือทวนศึกสยบฟ้าของจักรพรรดิมังกรที่ทิ่มแทงเข้าใส่หวังสังหารยี่ฟง แต่เพราะการเคลื่อนไหวอันถูกจังหวะของยี่ฟง ส่งผลให้ฝ่ามือที่กระแทกออกไปสามารถเคาน์เตอร์พลังทำลายล้างของอีกฝ่ายกลับไปได้โดยไร้ผลเสียกับตัวเอง ถ้าหากว่าจักรพรรดิมังกรไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะหนักคลาสสูงอยู่ล่ะก็ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บจากพลังของทวนศึกหนนี้กลับไปเองไม่มากก็น้อย
แน่นอนว่าข้อจำกัดของกระบวนท่าลมปราณสะท้านก็มี อย่างแรกก็คือจะไม่สามารถเคาน์เตอร์สวนกลับการโจมตีซึ่งมาจากศัตรูที่มีระดับเลเวลสูงกว่า
10 ระดับได้ อย่างที่สองเกี่ยวข้องกับฝีมือส่วนตัวล้วน ๆ เพราะหากเจ้าของวิชาไม่สามารถกะจังหวะการโจมตีของศัตรูได้อย่างแม่นยำ ผลของการเคาน์เตอร์สวนกลับย่อมไม่ทำงานทั้งยังต้องถูกนับเวลาคูลดาวน์อีก และสุดท้ายคือช่วงระยะคูลดาวน์ที่นานจนเหงือกแห้งเป็นเวลากว่า
6 นาทีเต็ม! แต่ก็ยังดีที่หากสามารถทำการเคาน์เตอร์ได้สำเร็จ ระยะเวลาคูลดาวน์ก็จะลดลงเหลือเป็น 4 นาทีแทน
“อืม…เป็นกระบวนท่าที่มีข้อจำกัดยากไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว” เฒ่าทารกวิเคราะห์
“แต่ถ้าเป็นเพลเยอร์ที่มีความแม่นยำสูง กระบวนท่านี้ก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานเลย” ภูผาเพลิงค่อนข้างอิจฉานิด ๆ
“เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะ อย่าลืมว่าฉันยังอยู่ในสถานะข้ามเลเวล
พวกเราควรลองเข้าไปหยั่งเชิงในห้องบอสดูสักรอบก่อนจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า” ยี่ฟงกล่าวห้ามปรามทุกคน
ไม่มีใครเห็นแย้งอีก เท่าที่ผ่านมาจนบัดนี้ การตัดสินใจของยี่ฟงล้วนส่งผลดีต่อกลุ่มเสมอ ครั้งล่าสุดก็เป็นการเล่นละครตบตายกใหญ่ บลัฟว่าตัวเองเหนือกว่าได้อย่างน่าตาเฉย จนช่วยให้กลุ่มของตนกลายเป็นได้เปรียบอย่างขาดลอยทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้ง่าย
ๆ โดยที่อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงกลุ่มคนจากวังจักรพรรดิเช่นนี้
กลุ่มของยี่ฟงกลับมาตั้งขบวนใหม่อีกครั้งและค่อย
ๆ เยื้องย่างล้ำเข้าไปภายในห้องบอสด้วยใจเต้นระส่ำ ความจริงก็เห็น ๆ อยู่ว่ากลุ่มคนจากวังจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถพิชิตบอสลงได้ เช่นนั้นพวกเขาที่อ่อนแอกว่าจะทำอะไรได้จริง ๆ
งั้นหรือ
“ฉันขอบอกอะไรไว้สักหน่อยแล้วกัน” จู่ ๆ ยี่ฟงก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ภารกิจนี้ต้องไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่การล้มบอสแน่ ฉะนั้นพวกเราที่ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจไปกว่ากลุ่มคนจากวังจักรพรรดิ ก็ยังมีความหวังที่จะพิชิตเสาหลักลงได้อยู่ ฉันคิดว่าลองทำให้เต็มที่ก่อนก็พอแล้ว”
ราวกับยี่ฟงสัมผัสได้ถึงความว้าวุ่นกังวลใจของทุกคน แต่บัดนี้คำพูดของเขาได้ทำลายความไม่มั่นใจและจิตใจที่ยังลังเลของเพื่อน ๆ เมื่อสักครู่ไปได้จนสิ้นซากแล้วอย่างเหลือเชื่อ อาจเป็นเพราะว่าตัวยี่ฟงที่ถือเป็นเสาหลักไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้คนในกลุ่มเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะพบเจอปัญหาใดล้วนแก้ไขผ่านพ้นไปได้ด้วยรอยยิ้มที่เหนือกว่าเสมอ ส่งผลให้เพื่อน ๆ ทุกคนไว้วางใจต่อเขา เพียงคำพูดไม่กี่คำก็อาจจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้แล้วด้วยซ้ำ
“ที่นายพูดมาก็ถูก จากคำขอของตัวแทนชาวบ้านคือให้พวกเราเปลี่ยนใจบอส ไม่ได้ขอให้ล้มบอสลงสักหน่อย” เหนือฟ้ากล่าวสนับสนุนยิ้ม ๆ
“มีแต่ปัญหาโลกแตกทั้งนั้น นายนี่เป็นตัวอะไรกันแน่” หยกราตรีบ่นออกมา ทำให้คนในกลุ่มพากันหัวเราะขำ
ภายในห้องบอสซึ่งต้องเดินขึ้นมาจากทางระเบียงชั้นสี่ ยามนี้ปรากฏเป็นห้องโถงกว้าง กำแพงทุกด้านแขวนผ้าม่านสีแดง บนเพดานยกสูงถูกห้อยเต็มไปด้วยโคมไฟระยิบระยับดวงโต ส่วนพื้นถูกปูพรมแดงลากเป็นเส้นทางตรงเข้าไปยังใจกลางห้องกว้างแห่งนี้ และที่นั่นมีบุรุษร่างสูงใหญ่หยัดยืนนิ่งเฉยราวกับรูปปั้น ชุดเกราะของเขาเป็นสีเงินแวววาว เกราะไหล่ทั้งสองข้างสลักเสลาจนดูคล้ายเป็นเศียรมังกร ที่ฝ่ามือขวากอบกุมด้ามกระบี่เอาไว้ ส่วนคมกระบี่ทิ้งตัวลงทิ่มพื้น ขนาดของกระบี่เล่มนี้ช่างดูอหังการยิ่งนัก มันแทบไม่ต่างไปจากสัดส่วนร่างกายอันสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของเลยสักนิดเดียว คล้ายกับว่ามันถูกตีขึ้นมาเพื่อให้บุคคลผู้นี้ใช้โดยเฉพาะ
“นี่ตัวข้าจะต้องกวัดแกว่งกระบี่เข่นฆ่าสังหารเหล่าคนหยาบช้าอีกแล้วรึ”
บุรุษที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเอ่ยเสียงเย็นชา
พริบตาที่สิ้นสุดเสียงนั้น ก็ปรากฏคลื่นคมกระบี่รูปจันทร์เสี้ยวขนาดกว้างใหญ่เข้าโจมตีกลุ่มเพลเยอร์ วงรัศมีทำลายล้างของกระบวนท่านี้หลงเหลือช่องว่างให้หลบหลีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยิ่งมันโถมเข้ามาใกล้เท่าไรช่องว่างก็ยิ่งหดแคบลงจนใช้การไม่ได้อีก ภายในเสี้ยววินาที ค่าความเสียหายมหาศาลก็เอ่อทะลัก พวกเหนือฟ้าปลิวไปกระแทกใส่ผนัง สองที่ตั้งโล่ป้องกันไว้ในแนวหน้าถึงกับโล่แตก ร่างกลิ้งไถลไปกับพื้นพรม มีเพียงยี่ฟง เก้าและพวกสามมารเฒ่าที่ยังสามารถเคลื่อนกายหลบหลีกรอดพ้นไปได้
“ภารกิจพิชิตวิหารว่างเปล่าเริ่มต้น แม่ทัพเทพมังกรระดับเลเวล 80 ตื่นจากการหลับใหลพร้อมโทสะคลุ้มคลั่ง”
ความคิดเห็น