ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #135 : แยกย้ายเตรียมการ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.94K
      1.07K
      8 ก.ย. 61

    นี่เดชสวรรค์ จากข้อความของหัวหน้า  แสดงว่ารอบกายยี่ฟงมันต้องมีสามมารเฒ่าอยู่ด้วย การปะทะกับพวกมันในตอนนี้ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือชายชุดเขียวเอ่ยเตือน

    เหอะ! ฝ่ายเรามีเทพยุทธ์มากถึงแปดคน ยังจะกลัวกับอีแค่ตาแก่ไม่กี่คนอีกหรือไงเดชสวรรค์มีสีหน้าดูแคลน

    มังกรสมุทรหัวเราะหึกล่าวเตือนสติว่า พวกนั้นมีกันอยู่แปดคน  พลังฝีมือก็คงไม่ใช่ย่อย

    แล้วยังไง! จะบอกว่าพวกมันเองก็แข็งแกร่งระดับเทพยุทธ์งั้นหรือ  เป็นไปไมได้แน่  คงมีแต่สามมารเฒ่าที่เป็นก้างชิ้นโต  ซึ่งฝ่ายเราสามารถใช้จำนวนเข้าข่มได้ไม่ยากเดชสวรรค์ตอบ

    ความจริงก็เป็นเช่นนั้น  มังกรสมุทรมันพอจะแยกแยะระดับของกลุ่มคนเมื่อครู่ได้อยู่บ้าง ด้วยความที่ตัวมันเข้มแข็งกว่ามาก  สัมผัสรับรู้จึงไม่ธรรมดา  และนอกจากสามมารเฒ่าแล้วก็ไม่มีใครอื่นในคนกลุ่มนั้นที่ทำให้มันรู้สึกด้อยกว่าหรือกังวลได้อีกเลย  สภาวะอันพิเศษในคลาสเทพยุทธ์ช่วยให้ตัวละครหนึ่งมีฐานะเป็นนักล่า สัญชาตญาณเฉียบคมถึงขั้นสามารถเลือกเหยื่อที่อ่อนแอกว่าตนได้ง่าย ๆ และอีกด้านก็รับรู้ได้ว่าใครอันตรายจนไม่ควรที่จะเข้าไปแส่หาเรื่อง

    จริงตามที่ฉันพูดสินะ เพราะไอ้เวรนั่นมันเพิ่งเล่นเกมมาไม่นาน  ถึงจะออนไลน์ต่อเนื่องแทบไม่พักก็ยังห่างไกลกับคำว่าเทพยุทธ์เยอะ  ที่สำคัญคือมันโดนระบบเกมล็อคระดับเลเวลไว้อยู่ ก็แค่เพลเยอร์หน้าใหม่อวดดีล่ะวะ คนในกลุ่มมันนอกจากสามมารเฒ่าแล้วไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรได้

    เดชสวรรค์กล่าวตามหลักความเป็นจริง  ยิ่งเห็นมังกรสมุทรหุบปากเงียบก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น

    ดูเหมือนพวกมันจะย้อนกลับไปเมืองดาบมังกร  เห็นว่าที่นั่นมีพันธมิตรร่วมสมาพันธ์ของยี่ฟงอยู่ถึงสองพรรคใหญ่  หนึ่งในนั้นก็คือพรรควิถีเซียนกระบี่  นายคุ้น ๆ ไหมล่ะคมอักษรกล่าวกระตุ้นแฟนหนุ่ม  เพราะอดีตของเดชสวรรค์ก็เริ่มด้วยการไต่เต้ามาจากพรรคที่ว่า

    ถิ่นศัตรูงั้นหรือ  จะสักเท่าไรกันเชียวเดชสวรรค์ให้ความเห็นอย่างไม่ใส่ใจนัก

    มังกรสมุทรไม่ชอบคนประมาท  จึงรีบกล่าวแทรกขึ้นว่า พวกเราจะไม่โจมตีอย่างโจ่งแจ้งเกินไป  มันเสี่ยงที่จะทำให้ชื่อเสียงของกิลด์ตกต่ำลงได้

    นี่แกคิดจะลองเจรจาชักชวนศัตรูให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกิลด์อยู่สินะ”  เดชสวรรค์กล่าวพร้อมหัวเราะหยามเหยียด มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่  ฉันกับยี่ฟงแตกหักกันไม่ใช่แค่ภายในเกม ซึ่งมันร้ายแรงกว่าที่แกคิดไว้เยอะ เลิกหวังซะเถอะ  ตอนนี้ไม่ฉันก็มันที่จะต้องย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี!

     

    บนเส้นทางสัญจรหลัก

    กลุ่มของยี่ฟงเดินทางได้รวดเร็วขึ้นมากผิดไปจากก่อนหน้านี้เป็นคนละเรื่อง  เหล่าชาวยุทธ์ที่ปักหลักตั้งค่ายกันอยู่บริเวณรอบนอกอาณาเขตมหาคนฉางอาน  บางกลุ่มเมื่อพบเห็นก็จดจำกลุ่มของยี่ฟงได้ทันทีเพราะมีจุดให้ระลึกง่ายดังเช่นตัวละครวัยชรากับชายใส่หน้ากากลึกลับ นี่มีผลทำให้หลายกลุ่มเลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าแดงก่ำคล้ายจะอับอาย  เนื่องจากสี่วันก่อนโลกจริง  ทุกคนล้วนสบถด่าหยามเหยียดกลุ่มของยี่ฟงกันไม่ใช่น้อย  ทว่ายามนี้กลุ่มคนที่พวกเขาดูแคลนกลับยังรอดชีวิตออกมาจากเขตแดนมหานครฉางอานได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดี  ทั้ง ๆ ที่บุกฝ่าเข้าไปช่วงกลางคืนแท้ ๆ นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขากลางสาธารณะชนหรอกหรือ?

    ตามมาทำไมกันนะ  วุ่นวายจริง ๆยี่ฟงบ่นในใจ  ดูเหมือนจะมีเขาคนเดียวที่สัมผัสได้ถึงอันตราย

    พอเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ทุกคนไปเจอกันที่อาคารนักพเนจรนะ”  ยี่ฟงตัดสินใจไม่บอกกล่าวเรื่องที่มีกลุ่มคนลอบไล่ตามมา  กลายเป็นนัดแนะจุดรวมพลแทนด้วสีหน้าเรียบเฉย

    เข้าใจแล้วครับเหนือฟ้าขานตอบ  ส่วนคนอื่น ๆ เพียงผงกศีรษะเป็นเชิงรับรู้

    แล้วนายไม่คิดจะไปติดต่อขอยืมเงินพร้อมกับเหนือฟ้าจริงหรือหยกราตรีตั้งคำถาม

    ยี่ฟงหัวเราะหึกล่าวตอบไปว่า ฉันต้องแยกไปจัดการธุระที่หอเตี๋ยเทียนก่อน  นี่ก็เลยกำหนดรับของมานานพอสมควรแล้ว

    ว่าแต่นายลำบากใจที่จะติดต่อไปยืมเงินพี่สาวคนเดียวหรือเปล่า เหนือฟ้า?ยี่ฟงหันไปถามกดดันต่อเนียน ๆ

    ไม่หรอก  ผมทำได้น่าเหนือฟ้าตอบยืนยันด้วยรอยยิ้มมั่นใจ พลางเปิดระบบติดต่อไปหาเซียนหิมะให้เห็นกันชัด ๆ

    พี่ลี่  พวกเราต้องการความช่วยเหลือเมื่อการติดต่อสำเร็จ  เหนือฟ้าก็กล่าวเข้าประเด็น

    กำลังรออยู่เลย  ว่ามาสิ  ยี่ฟงต้องการให้ช่วยเหลือยังไง” เซียนหิมะถามกลับมา  เสียงที่ถูกเปิดให้ดังสามารถได้ยินชัดเจนกันทั้งกลุ่ม  ถึงแม้พวกเขากำลังเคลื่อนที่เดินทางกันอย่างต่อเนื่องก็ตาม

    ภารกิจยึดเมืองของยี่ฟง  ต้องการใช้เงินอีกเพียงแค่  323  ล้านตำลึงทองก็จะสำเร็จแล้ว”  เหนือฟ้ากล่าวสรุปความสั้นกระชับ  ไม่มีการอธิบายอะไรให้ยุ่งยากเพราะเขาเชื่อว่าเซียนหิมะจะเข้าใจทุกอย่างได้เองแน่

    เท่านี้เองหรือ  ง่ายกว่าที่คิดอีกนะน้ำเสียงสบาย ๆ ของหญิงสาวทำให้เหนือฟ้าเกิดหมั่นไส้ขึ้นมานิด ๆ

    จริง ๆ แล้วยี่ฟงต้องรวบรวมเงินให้ได้ 900 ล้านภายในหนึ่งวันโลกจริงต่างหากล่ะ  เมืองฉางอานถึงจะตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์เหนือฟ้าเอ่ยหยอกเย้าแกล้งพี่สาวกลับไปจนได้

    อะไรนะ!  แล้วแบบนี้เอาไป 323 ล้านจะมีความหมายอะไรล่ะเซียนหิมะถามน้ำเสียงตื่นตระหนก แต่พอตั้งสติได้ก็สามารถคาดเดาสถานการณ์ออกอย่างรวดเร็ว  ตระหนักได้ทันทีว่าโดนน้องสาวตัวแสบแกล้งเข้าให้แล้ว

    หน็อยเธอนี่! พี่สั่งการเมฆาอัสนีให้ไปดำเนินการโอนเงินเรียบร้อยแล้ว พวกเธอเพียงไปติดต่อถอนเอาได้ที่คลังระบบของทุกเมือง จะให้พี่ใส่ชื่อใครที่จะได้รับสิทธิ์ถอนเงินล่ะเซียนหิมะกล่าวสรุปอย่างรวดเร็ว เหนือฟ้าจึงบอกชื่อของตัวเองกลับไปทันที  กระทั่งการติดต่อสิ้นสุดลง

    กิลด์ใหญ่นี่รวยจริง ๆ นะ มุกทิวารู้สึกทึ่งมาก

    พี่ลี่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเป็นการยืมหรือเปล่าหรือนี่จะเป็นแผนของนายตั้งแต่แรก” หยกราตรีเหมือนสะกิดใจอะไรได้บางอย่าง  รีบหันไปร้องถามเอากับไอ้ตัวแสบทันทีทันใด

    ผงแผนอะไร  ที่เซียนหิมะไม่คิดมากเรื่องเงินก็เพราะเธอคงรู้แน่แล้วว่าฝ่ายตนจะต้องได้รับผลประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อีกอย่างเมื่อฉันมีพื้นที่กว้างขวางในสมาพันธ์ของตัวเอง ก็จะสามารถหาที่ตั้งวิหารว่างเปล่าให้วังฟีนิกซ์เยือกแข็งได้อีกด้วย  ทางนั้นจะโอนย้ายกองกำลังมาประจำการอยู่ที่สมาพันธ์เลยก็ไม่มีปัญหา  พื้นที่ภายในเขตแดนฉางอานเหมาะแก่การตั้งรกรากไม่ใช่น้อยอีกต่างหาก ใครต้องการจะทำสงครามกับพวกเราก็ต้องใช้สมองคิดให้หนักอยู่เหมือนกัน

    ยี่ฟงอธิบายตามความเป็นจริง  ส่วนเรื่องที่เขาไม่อยากออกหน้ายืมเงินด้วยตัวเองนั้น  ก็เพราะพี่น้องครอบครัวมันคุยกันง่ายกว่าในเรื่องนี้  และผลก็ออกมาตามที่คาดหวัง  จะให้ตัวเขาไปยืมเงินกับคนที่เพิ่งพบเจอเพียงครั้งเดียวมันก็ดูไม่ค่อยเข้าท่านัก  แม้จะเป็นพันธมิตรกันแล้วก็เถอะ  ตอนนี้ยี่ฟงมีพัฒนาการด้านมารยาททางสังคมขึ้นมาบ้างแล้วจึงจะเห็นว่าเขาพยายามวางตัวให้ดูไม่น่าเกลียดในสายตาของคนอื่นที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน

    เกือบครึ่งชั่วโมง  กลุ่มของยี่ฟงก็บรรลุถึงเมืองดาบมังกรในที่สุด

    อย่าลืม จุดรวมพลคืออาคารนักพเนจรยี่ฟงเอ่ยปากย้ำเตือนขึ้นมาอีกรอบ กระทั่งคนทั้งกลุ่มต่างแยกย้ายไปเตรียมตัว

    เหอะ ๆ พวกมันยังตามมาไม่เลิกไม่รายี่ฟงสัมผัสได้ชัดเจนถึงกลุ่มคนที่ยังคงไล่ตามมา

    แต่เสียใจด้วย  พวกฉันไม่มีเวลามาเล่นด้วยหรอก

    กล่าวจบ ยี่ฟงก็เร่งเหินทะยานตรงไปยังหอเตี๋ยเทียนเต็มกำลัง ความเร็วที่ปรากฏสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ชาวเมืองตามเส้นทางมาก สายลมม้วนตลบพัดโหมกระโชกทิ้งเป็นเส้นสายอยู่เบื้องหลังเงาร่างอันเลือนรางของชายหนุ่มอย่างน่าหวาดหวั่นขวัญผวา  ดุจเทพเซียนวายุในสายตาของเพลเยอร์ระดับต่ำหลายต่อหลายคน

    มีคนที่วิชาตัวเบาสูงส่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

    ชายคนนั้นต้องเป็นเทพยุทธ์แน่ ๆ ไม่มีทางที่คนระดับต่ำกว่าจะแสดงออกได้ถึงขั้นนี้

    เฮ้ยดูนั่น!  มีกลุ่มคนท่าทางแข็งแกร่งมาถึงอีกกลุ่มแล้ว

    ชาวเมืองที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันกันอยู่ในยามสาย  ต่างซุบซิบนินทาดังไม่หยุดหย่อน  ซึ่งกลุ่มคนที่พวกเขากล่าวถึงย่อมต้องเป็นกลุ่มของเดชสวรรค์เอง

    พวกมันคงแยกย้ายกันแล้ว  แต่เหลือเชื่อจริง ๆ ที่พวกเราไล่ตามไม่ทันชายชุดเขียวทึ่ง

    ทีนี้จะเอาไงล่ะ  ถึงเมืองดาบมังกรจะไม่ใหญ่มาก  แต่การจะควานหาตัวคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”  คมอักษรกล่าวถามความคิดเห็นของทุกคน

    ฉันว่าพวกเราควรจะดักซุ่มรออยู่บริเวณนี้แหละ  อีกไม่นานพวกนั้นคงย้อนกลับมาเอง  อย่าลืมว่ายี่ฟงยังต้องเคลียร์ภารกิจยึดเมืองฉางอานอยู่มังกรสมุทรกล่าวด้วยเหตุและผล  ประสบการณ์ของเขาไม่ธรรมดา

    หัวหน้าพูดถูกต้อง  ฉันว่าดีซะอีก  พวกเราจะกันไม่ให้มันสามารถย้อนกลับไปถึงเมืองโบราณได้ ทีนี้ไม่ต้องพูดถึงภารกิจยึดเมืองอะไร  แค่ยี่ฟงมันเอาตัวให้รอดยังสำลักเลือดเลย  ฮ่า ฮ่า

    ได้ฟังความคิดเห็นของคนในกลุ่มแล้วเดชสวรรค์มันก็แสดงท่าทีอ่อนลงบ้าง  ตัวมันเองก็คิดว่าเป็นแผนการที่ไม่เลวเหมือนกัน

    งั้นพวกเราแยกย้ายกันไปซุ่มอยู่ตามร้านค้าแถว ๆ นี้เถอะ  คอยสอดส่ายดูให้ทั่วอย่าให้หลุดรอดสายตาไปได้เด็ดขาดมังกรสมุทรออกคำสั่งพลางแยกย้ายกันไปตามใจ

    พวกเขาไม่มีใครตระหนักเลยว่าได้เดินหมากพลาดไปแล้ว  การดักรอนี้ย่อมเสียเปล่าไม่เกิดประโยชน์ใดแน่ ๆ

     

    หอเตี๋ยเทียน

    ยี่ฟงเดินเข้ามาถึงไม่กี่ก้าว  เขาก็ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายนำพาขึ้นไปสู่ชั้นห้าของหอสมุนไพรทันที ราวกับผู้อาวุโสประจำหอนี้รับรู้ถึงการมาของชายหนุ่มตั้งแต่ก้าวแรกเลยทีเดียว

    ยินดีต้อนรับท่านอีกคราผู้เฒ่าประจำหอชั้นห้าเอ่ยขึ้นเสียงเนิบ  นามของเขาคืออู่โหยว

    ข้ากลับมารับตำรามารอสรพิษสามสีที่ฝากให้ท่านซ่อมแซมให้ยี่ฟงกล่าวเข้าประเด็น

    ข้าทราบดีโปรดรอคอยสักครู่ผู้เฒ่าอู่โหยวหันหลังก้าวเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของชั้นห้า ชุดคลุมจอมยุทธ์ลากยาวเรียดไปตามพื้น กระทั่งชายชราย้อนกลับมาพร้อมกับตำราเล่มหนึ่งที่ดูคุ้นเคยเพียงแต่มันดูสะอาดกว่าและไร้ร่องรอยชำรุดขาดแหว่ง

    ข้าได้เปิดโลกไม่ใช่น้อย  ความรู้นับไม่ถ้วนภายในตำราเล่มนี้มหาศาลนักอู่โหยวกล่าวน้ำเสียงยินดีปรีดา

    ในเมื่อมันมีประโยชน์ต่อท่าน  ข้าก็ยินดีด้วยและต้องขอบคุณที่ช่วยซ่อมแซมมันให้ยี่ฟงตอบยิ้ม ๆ พลางยื่นฝ่ามือไปรับตำรามารคืนมา

    ขอให้ผู้เฒ่าคนนี้ได้ตอบแทนท่านสักเล็กน้อยเถิดอู่โหยวเอ่ยรั้งชายหนุ่มไว้

    ไม่จำเป็นกระมังแต่หากท่านต้องการเช่นนั้นข้าก็ไม่คิดจะปฏิเสธยี่ฟงกล่าวอย่างมีชั้นเชิง ส่งให้ผู้เฒ่าอู่โหยวหัวเราะแผ่วเบาพลางหยิบยื่นบางสิ่งให้

    นี่คือกระดาษแผนที่รวบรวมแหล่งกำเนิดสมุนไพรหายากจำนวนหนึ่งซึ่งตัวข้าเองเป็นผู้ขีดเขียนขึ้นมา  หวังว่าหลังจากนี้มันจะมีประโยชน์ต่อท่านบ้าง  โปรดรับไว้เถิด

    ขอบคุณผู้อาวุโสห้า  สิ่งนี้มีประโยชน์กับข้ามากจริง ๆยี่ฟงรับไว้พร้อมกล่าวขอบคุณอย่างยินดี  กระทั่งเขาขอตัวอำลาและย้อนกลับออกไปจากหอเตี๋ยเทียน  เตรียมพร้อมสำหรับการบุกเบิกพื้นที่พิเศษของหนึ่งในเสาหลักทั้งห้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×