ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Just Only XS and BF (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #13 : [S.Fic] Scary Movie -XS,BF- 1/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.29K
      5
      1 พ.ย. 52

    Fic รับฮาโลวีน คึหึหึหึ...... (ไม่รับแล้ว มันจะเลยแล้วววว)


    Title : Scary Movie
    Author : SeulKi & Choco
    Pairing : Xanxus x Squalo, Bel x Fran
    Rate : PG
    Description : เมื่อซึลและโชมาเจอกัน ความเสื่อมจึงบังเกิดขึ้น?
    Warning : แอบเสื่อมบ้างประปราย

    P.S.พล๊อตนี้ มอบให้แด่เซย์ที่รักของเราบอยแบนด์ (เซย์ ซึล โช) ผู้ยุยงส่งเสริม(?)ให้แต่ง



    ………………………………………………………………………………


    ตึก...ตึก...ตึก


    ขวับ!


    นัยน์เนตรคมกริบสีโลหิตตวัดฉับ หัวใจเต้นระรัวถี่ยิบ ศีรษะได้รูปย้อนกลับไปมองระเบียงทางเดินโล่งไร้ผู้คน...


    'เสียงอะไร...'


    ตึก...ตึก...ตึก…ตึก


    ใกล้เข้ามา...


    "อ๊ากกกก!!!!!!!!"


    ………………………………………………………………………………

    31 ตุลาคม, ปราสาทวาเรีย


    ห้องทำงานเงียบผิดปกติ...


    บรรยากาศสงบเยือกเย็นแผ่กระจายปกคลุมทั่วห้อง ความเงียบชนิดได้ยินเพียงเสียงแอร์เบอร์ห้าดังคำรามขณะส่งความเย็น เหมาะแก่การแอบอู้ไปงีบกลางวันอย่างยิ่งยวดของรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย สเพลฮี สควอโล่ ไม่ได้ทำให้เจ้าตัววางใจไปอู้ได้แต่อย่างใด...


    'ผิดปกติ...'


    'ผิดปกติโคตรๆ...'



    ความกังวลเล็กๆเริ่มก่อตัวขึ้น ยามปราสาทวาเรีย...ปราสาทที่ขึ้นชื่อเรื่องสมาชิกที่อยู่อาศัยมีความผิดปกติทางจิตกันเกือบทุกคน...ไม่มีทางแน่นอน...ที่ความสงบเช่นนี้จะดำเนินมาเกือบค่อนวันแล้ว นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของจักรวาลเลยก็ว่าได้


    'มันต้องมีอะไรเกิดขึ้น'


    เป็นข้อสรุปที่เกิดขึ้นในใจฉลามหนุ่ม


    ไม่คิดเปล่า เจ้าตัวขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่ง มุ่งออกนอกห้องทำงานแสนสงบสุขไปตามสืบหาหลักฐาน(?)เฉกเช่นนักสืบโค-ตรู๊ด-


    เสียงประตูห้องปิดลง...และเรื่องราวสุดสยองขวัญ...ก็เริ่มขึ้น



    ………………………………………………………………………


    หยากไย่บนเพดานนี่มันอะไร...

    กระจกหน้าต่างที่แตกนี่มันอะไร...

    ฝุ่นที่หนาเป็นนิ้วนี่มันอะไร...



    ร่างโปร่งผู้เดินเสาะแสวงหาวี่แววของความผิดปกติไปตามระเบียงทางเดินยาว ยิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติมากขึ้นไปอีก ยามไม่เห็นแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิต ทั้งๆที่เดินมาเกือบจะค่อนปราสาทแล้ว…


    ที่สำคัญคือความวินาศสันตะโรของทางเดินราวกับไอ้มาม่อนไม่ได้จ่ายค่าจ้างภารโรงให้มาทำความสะอาดนี่มันอะไร...


    ...รู้สึกราวกับปราสาทร้าง...



    สควอโล่ขนแขนพร้อมใจพากันแสตนด์อัพ รีบปัดความคิดสยองขวัญที่แว่บขึ้นมาสั่นประสาท


    ‘จะไปมีอะไรวะ!! แน่จริงมีอะไรเข้ามาเซ่ พ่อจะฟันให้’ ฉลามหนุ่มคิดเป็นตุเป็นตะ


    ...ความไม่รู้...เป็นบ่อเกิดแห่งความหวาดกลัว...เอวัง



    เจ้าตัวเริ่มจะฟุ้งซ่าน แต่ทันใดนั้นเอง...


    "ชิชิชิชิชิชิชิชิชิ"


    เสียงหัวเราะหลอนอันเป็นเอกลักษณ์ดังก้องมาแว่วเข้าสู่โสตประสาทรับรู้อันคมกริบของชายหนุ่มเกศาสีเงินขณะเจ้าตัวเริ่มจะจิตตกนั่นเอง


    สควอโล่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มุ่งหน้าไปสู่หลักฐาน(?)ชิ้นสำคัญที่จะเป็นประตูไปสู่ภาวะไร้ตัวตน...เอ้ย...ที่จะให้คำตอบแก่เขาว่าทำไมปราสาทถึงเงียบฉี่ชนิดได้ยินเสียงยุงกระซิบ


    เจ้าตัวสาวเท้าใกล้เข้าไป...ประตูห้องครัวกำลังเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย พอให้ได้ยินเสียงซุบซิบเหมือนมีกลุ่มก่อการร้ายกำลังวางแผนชิ้นสำคัญ เช่น การครองโลก ร่างโปร่งขยับเข้าไปใกล้อีกนิด...


    ‘...แล้วทำไมตรูจะต้องมาทำลับๆล่อๆ’ ความคิดที่เรียกให้เจ้าตัวหยุดชะงักกับการกระทำไม่เข้าท่า


    ‘เหอะ! แอบฟังทำไม ไปขอเสือกอย่างเป็นทางการดีกว่า!’ (เอ๊อะ) ตัดสินใจได้ดังนั้น ฉลามหนุ่มไม่รอช้า...


    ปัง!!


    เสียงประตูห้องครัวเปิดลั่นดังสนั่นกำแพงสะเทือน


    "นี่พวกแกมาสุมหัวทำอะไรกัน!!"เปิดตัวอย่างอลัง มาพร้อมเสียงดังกว่า 300 เดซิเบล สเพลฮี สควอโล่ ยืนจังก้าอยู่หน้าประตู นัยน์เนตรสีฟ้าสุกสกาวกวาดมองใบหน้าของสมาชิกหน่วยวาเรียแต่ละคน...มันอยู่กันครบเลย...ขาดป๋า


    "อ่า...ผมว่า..."เสียงเนิบๆของไอ้หัวกบฟรานทำให้ทุกคนหันไปจ้องหน้าซึนๆของมัน "เรามีของไถ่โทษแล้ว"


    แก๊งครองโลก(?)แสยะยิ้มทันใด สมาชิกทุกคนหันมาหามองทางจำเลยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่


    และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่รองหัวหน้าหน่วยวาเรียรับรู้ ก่อนพื้นโลกจะเอียง และทุกอย่างมืดสนิท...


    ………………………………………………………………………


    นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะทำงานด้วยความแรงปานจะทำลายล้างเพราะความเบื่อหน่าย เงียบเกินไป...ปราสาทวันนี้มันจะเงียบผิดปกติเกินไปแล้ว


    ดวงตาสีแดงเลือดหลับลงช้าๆ ปกติไอฉลามสวะมันจะต้องเข้ามาโหวกเหวกโวยวายเพราะหาเสื้อผ้า(?)ไม่เจอแท้ๆ แต่นี่กลับหายเงียบ ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวเน่าๆ


    ไอเจ้าชายสวะกับไอเจ้ากบสวะที่หมั่นลากคออีกฝ่ายมาขึ้นศาลสูงอย่างเขา เพราะทะเลาะด้วยเรื่องงี่เง่า อย่างเช่น แย่งกันกินเค้กมั่งล่ะ ต่อว่าอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำรุนแรงจนกองเซ็นเซอร์ต้องสั่งระงับการออกอากาศมั่งล่ะ


    วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่หน้าตาโรคจิตที่ชอบเดินเคียงคู่มากับหน้าซึนๆ…


    มันจะเกินไปแล้วนะเว้ย!


    ‘ถึงจะเป็นป๋า แต่ตรูก็เหงาเป็น!’ บอสหนุ่มคิดในใจด้วยความโกรธเกรี้ยว ตัดสินใจว่าควรจะต้องหาอะไรทำแก้อาการจิตตกซะที


    ทันใดนั้น…ดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นดีวีดีปริศนาที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว หน้าปกเรียบๆไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ


    ก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ’ ร่างสูงคิดในใจ ใส่ดีวีดีลงไปในเครื่องเล่นช้าๆ กดรีโมทที่อยู่ข้างตัวก่อนจะเอนตัวลงนอนด้วยมาดผู้ดี


    ถ้าเป็น MV ตัวใหม่จากเกาหลีที่สั่งไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ดีสินะ จะได้อัพเกรดทรงผมไม่ให้ตกเทรนด์ คราวนี้จะเอาทรงอะไรดี แจจุง วง งงจังชิมกิ หรือ สิวออน (siw on) วง จุ๊บเบ้อ จูละเหี่ย ดี


    เสียงอินโทรที่คุ้นเคยกันดีดังขึ้นก่อนที่หนังจะเริ่มฉาย ดวงตาสีแดงเลือดเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อพบว่า...พระเอกในหนังทรงผมเหมือนกับตนราวกับไปก๊อปแปะกันมา...


    ไม่ได้การแล้ว! วันนี้ต้องเรียกไอกระเทยสวะมาเปลี่ยนทรง!! คิดในใจด้วยความโกรธเกรี้ยว ด่าพ่อ(รุ่นที่ 9)ยังไม่โกรธเท่ากับไอ้สวะในจอห่วยๆนี่ดันเสร่อมาทำผมทรงเดียวกับเขา แทบจะหักแผ่นทิ้งอยู่รอมร่อด้วยความขัดใจ


    หนังสวะนี่ก็เหมือนกัน...เริ่มเรื่องมา 5 นาทีแล้ว เอาแต่เดินอยู่ได้


    แต่แล้ว...กลับมีสิ่งหนึ่งที่หันเหความสนใจของร่างสูงให้กลับเข้ามาหาหน้าจออีกครั้ง


    คุณได้รับคำสาปจากการชมภาพยนตร์นี้แล้ว และกำลังจะตายในอีก 3 ชั่วโมง



    ‘หะ...หึหึ…ไร้สาระ’ ร่างสูงแค่นยิ้มอย่างสมเพชขณะจับจ้องไปยังจอโทรทัศน์ไม่วางตา


    ตึก! ตึก! ตึก!



    ชายหนุ่มทรงผมเหมือนกับเขาหันขวับไปมองด้านหลังด้วยความกังวล เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มใบหน้าหวาดกลัวนั้น


    "ใครน่ะ?”


    "อ๊ากกกกกกกกก อย่า อย่า ได้โปรด"



    ร่างสูงอ้าปากเหวอด้วยความตกใจ ป๊อปคอร์นที่ซุกเอาไว้ใต้โต๊ะและถูกนำมาหยิบกินในเวลานี้ ร่วงหล่นลงมาจากปากด้วยเพราะฉากนั้นช่างกระชากอารมณ์


    โผล่มาได้ไงวะ!! ทำไมไม่มีใครบอกเลย(?)ว่าจะโผล่มา!


    ป๊อปคอร์นจำนวนมากถูกนำมาเคี้ยวดับอารมณ์ ไม่ได้กลัวหรอกนะ...ไม่ได้กลัว


    ตัวเอกของเรื่องกำลังเดินเข้าไปในห้องนอนที่มีเพียงกระจกบานสูงตั้งอยู่


    "แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก"


    "อ๊ากกกกกก"



    มือใหญ่หยิบป๊อปคอร์นขึ้นมาบังหน้าด้วยความตกใจ เมื่อผีในกระจกโผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว!!


    ภายในห้องมืดๆที่มีเพียงแค่แสงจากจอทีวี ไม่มีผู้ใดร่วงรู้เลยว่า ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้น กำลังจับจ้องไปที่โทรทัศน์เครื่องใหญ่ด้วยความหวาดผวาเพียงใด...


    …………………………………………………………………………………


    แกร๊ก...


    เสียงเปิดประตูจากห้องทำงานใหญ่ดังขึ้นท่ามกลางทางเดินโล่ง ก่อนร่างสูงสง่าของบอสใหญ่หน่วยวาเรียจะสาวเท้าออกมาอย่างองอาจ ใบหน้าคมคายเยือกเย็น นัยน์เนตรสีโลหิตคมกล้า ดูมีราศีสมเป็นชายหนุ่มรูปงามนามแซนซัส


    ...หารู้ไม่ว่าภายในใจกำลังร้องกรี๊ดแทบไม่เป็นภาษา...



    ‘ไอ้เวร! ดีวีดีผีบ้า! อย่าให้รู้ว่าใครส่งมา! พ่อจะยิงทิ้งแมร่ง...’ ใจยังเต้นตุ้มๆต่อมๆไม่หายจากฉากเขย่าขวัญ


    หลังจากหนังบัดซบจบ ร่างสูงก็ปิดทีวีและลุกขึ้นอย่างไม่อิดออดจากเก้าอี้ราชาที่สาบานว่าจะไม่ลุกเด็ดขาด แค่จะออกมาดูว่าทำไมปราสาทมันเงียบ...ไม่ได้ไม่กล้าอยู่คนเดียวนะ...ไม่ได้กลัวด้วย...


    ตึก ตึก ตึก


    เสียงฝีเท้าหนักก้าวเดินไปตามทางเดินกว้างขวาง…


    ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก



    แต่แล้ว...กลับมีเสียงอีกหนึ่งฝีเท้าที่ดังสะท้อนตามมา


    ร่างสูงหยุดชะงักกึกทันที หันกลับมองไปด้านหลังโดยอัติโนมัติ


    ทางเดินว่างเปล่าปรากฎแก่สายตา…


    …คิดมากไปเองมั้ง…


    นัยน์เนตรสีโลหิตเริ่มมีแววกังวลฉายชัด ภาพติดตาจากดีวีดีนรกแตกย้อนฉายซ้ำขึ้นมาอีกครา


    ชายหนุ่มออกฝีเท้าก้าวเดินต่อ...


    ตึก ตึก ตึก


    ความหลอนเริ่มแล่นจับจิตบอสแห่งวาเรีย


    ตึก ตึก ตึก


    ‘ไอ้เชร๊!!!!!....งานเข้า!!....ใครตามตรูม๊าา'


    ตึก...ตึก...ตึก


    ขวับ!


    นัยน์เนตรคมกริบสีโลหิตตวัดฉับ หัวใจเต้นระรัวถี่ยิบ ศีรษะได้รูปย้อนกลับไปมองระเบียงทางเดินโล่งไร้ผู้คน...


    'เสียงอะไร...'


    ตึก...ตึก...ตึก


    ใกล้เข้ามา...


    "อ๊ากกกก!!!!!!!!"


    พรึบ!


    โดยไม่คาดฝัน ไฟดับพรึบลงอย่างกับนัดหมายกันมา


    ...ทุกอย่างอยู่ในความมืดสนิท...



    แซนซัสหวาดหวั่นเหลือประมาณ แม้สีหน้ายังเก๊กได้เรียบสนิทไร้ที่ติ มองเห็นเงาตะคุ่มๆจากแสงสลัวๆด้านนอกที่กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ทำเอาแขนนิ่งค้างไม่กล้าแม้แต่จะหยิบปืนคู่ใจออกมาลั่นไก ในใจกรีดร้องดังก้อง ความสงสัยที่เกิดขึ้นทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับขาออกวิ่ง


    'น..นั่นมันสิ่งมีชีวิตหรือเปล่าวะ...'


    แว่บ!


    รอยยิ้มแสยะเหมือนฆาตกรโรคจิต1000ศพปรากฎแก่สายตาในบัดดล แสงจากไฟฉายกระบอกเล็กส่องย้อนใบหน้าจิตโคตรทำให้ดูโคตรจิตยิ่งกว่าเดิม!!!


    "เหวอออ" เสียงทุ้มหลุดเสียงร้องออกไป ก่อนจะแทบตบปากตัวเองเมื่อเส้นผมสีทองหัวชั่วๆแบบนี้มันคุ้นๆ....


    ไอ้ไบก๊อน!!!...เอ้ย...เบลเฟกอน!!!


    "บอสมาทำไรมืดๆน่ะ"น้ำเสียงไร้เดียงสาพร้อมอ๊อฟชั่นเสริมเอียงคอคิกขุอาโนเนะจากเจ้าชายยิ้มจิต ทำให้บอสใหญ่แห่งวาเรียส่งสายตาพ่อตายให้ เกือบขยับมือไปโบกเกรียน


    เสร็จกัน!!!...เมื่อกี้เผลอหลุดเหวอไป...ไอ้เบื๊อกนี่มันต้องได้ยินแน่ๆ!!


    "บอส...."


    "มีธุระอะไร" ชายหนุ่มรีบถามกลบเกลื่อนล้างอาย พยายามเก๊กหน้าให้ดูโหดเหี้ยมที่สุดในชีวิต


    "บอสนั่นแหละ มาทำไรมืดๆคนเดียว" สวนกลับมาให้สะอึก "ลุกออกมาจากเก้าอี้ได้แล้วเหรอ?"


    นั่นเป็นคำถามที่อยู่ในใจแม่ยกคนอ่านสปอยทุกคนเหมือนกัน


    "..."ไม่ตอบ บอสหนุ่มถือคตินิ่งสงบสยบคนจิต แต่เจ้าชายคนดีก็ดูจะไม่ต้องการคำตอบ ก้าวเข้ามาหาร่างสูงในระยะประชิด ฉากแอบล่อแหลมทำให้ชายหนุ่มพยายามจะตั้งสติไม่ก้าวถอยหลัง


    "บอส ดูสิๆ ไอ้กบมันให้ของขวัญเจ้าชายด้วย" ไม่ว่าเปล่าเจ้าชายโบกของในมือไปมาตรงหน้า


    นัยน์เนตรสีโลหิตพอจะจับได้ลางๆว่ามันคือ...


    กล้องถ่ายรูป



    "ไหนๆก็ไหน มาถ่ายรูปกันเหอะบอส!" ชักชวนแบบมัดมือชกซะไม่มี...


    เสียงแฟลชสว่างวาบขึ้นพร้อมๆกับที่ร่างสูงอ้าปากค้างจนแมลงวันแทบจะไปทำรังทั้งฝูง


    เมื่อไอสวะเจ้าชายเล่นถ่ายแบบไม่ทันตั้งตัว!


    ปาปารัซซี่ยังอายเพราะมันเล่นถ่ายซึ่งๆหน้า


    วืด~~


    เสียงรูปไหลออกมาจากกล้องโพลารอยตัวใหม่ของขวัญจากกบมายา เบลหยิบรุปนั้นออกมาสะบัดๆสองสามทีก่อนจะแหกปากหัวเราะดังลั่น


    "อุชิชิชิ หน้าบอสฮาไม่ไหวแล้ว ชิชิชิ เจ้าชายต้องเอาไปอวดเจ้ากบแล้ว"


    คิ้วเข้มของแซนซัสกระตุกขึ้นด้วยความโมโห แต่ก่อนที่เจ้าชายน๊อตหลุดจะได้กลายเป็นเจ้าชายโดนเบิร์น...


    เสียงหัวเราะที่เคยมีก็พลันเงียบหาย...ดวงตาภายใต้เรือนผมสีทองเรื่อเรืองกำลังจับจ้องไปที่รูปนั้นไม่วางตา


    'เลขเด็ด! ไอสวะเบลต้องเจอเลขเด็ดแน่ๆ' ร่างสูงไม่รอช้า มือใหญ่กระชากรูปนั้นมาดูอย่างรวดเร็วชั่วพริบตา


    หือ...


    ...ภาพเบลอรึเปล่า?
    นัยน์ตาสีแดงเลือดกระพริบถี่ด้วยความมึนงง


    รูปถ่ายใบนั้นมีภาพของเบลเฟกอลกับเขาที่กำลังทำหน้าเหวอสุดชีวิตซะจนอยากเอาไปเผาทิ้งให้โลกลืม แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่ติดมากับภาพถ่าย...


    เป็นกลุ่มก้อนอะไรบางอย่างที่แลดูขมุกขมัวราวกับฟิล์มเสีย...


    และเมื่อพิจารณาดูใกล้ๆ...กลับเห็นเป็นรูปมือคนอย่างเด่นชัด


    และมันก็ยื่นออกมาจากทางเบื้องหลังของเขาเอง!


    ทั้งๆที่มีเพียงเขากับไอสวะนี่เท่านั้น!


    'กรี๊ดด' บอสใหญ่แห่งวาเรียกรีดร้องในใจ


    "อ่า...ชิชิชิ นั่นมัน...ดูเหมือนมือเลยเน๊อะ บอส"รอยยิ้มกว้างสุดจิตถูกส่งมาให้เขา และมันก็ทำให้ผู้ฟังหลอนมากขึ้นเป็นเท่าทวี


    "ย...อย่ามาพูดบ้าๆ จะมีมือโผล่มาแถวนี้ได้ยังไง"พยายามอย่างมากที่จะข่มเสียงน้ำสั่นระริกเอาไว้


    "อุชิชิชิ ก็...วิญญาณไงล่ะบอส" ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยังเอาไฟฉายมาส่องใบหน้าตนเองพร้อมกับเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาด


    "อุชิชิชิ อุชิชิชิ อุชิชิชิ"


    "ของแบบนั้น มันมีจริงซะที่ไหน"


    "ไม่แน่นะ บอส วิญญาณพวกนั้น อาจจะยังไม่หมดห่วง แล้วตามมาลากบอสไปอยู่ด้วยก็ได้ อุชิชิชิ"พูดจบก็เดินจากไปอย่างไม่คิดถึงใจคนฟังเลยสักนิด พร้อมกับหันมาทิ้งท้าย


    "รุปนั้น บอสเก็บไว้เป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึกเหอะ เจ้าชายให้ ชิชิชิ"


    แม้ว่าตัวจะจากไปแล้ว แต่เสียง อุชิชิชิ ก็ยังคงดังก้องสะท้อนไปตามทางเดินซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นนั่นเอง


    …………………………………………………………………………………


    ไอ้บ้าเบล ดันมาหลอกผีกันได้


    ชายหนุ่มคิดอย่างขุ่นเคือง มือหนากำไอ้รูปเจ้าปัญหาจนยับยู่ยี่ไปหมด


    ไอสวะเบล ภาพถ่ายวิญญาณอะไรนั่น คิดเหรอว่าคนอย่างป๋าแซน หนึ่งในใต้หล้าจะกลัว!


    ทั้งๆที่คิดอย่างนั้น แต่แขนขากลับสั่นกึกๆเสียยิ่งกว่าทำนองจั่งซี่มันต้องถอน


    ไม่ได้กลัว...ไม่ได้กลัวเลยสักนิด


    ...กะอีแค่วิญญาณคู่ขาที่โดนฟันแล้วทิ้งจนต้องไปกระโดดตึกตาย...


    ไม่แน่นะ บอส วิญญาณพวกนั้น อาจจะยังไม่หมดห่วง แล้วตามมาลากบอสไปอยู่ด้วยก็ได้ อุชิชิชิ'


    ถ้อยคำหลอนประสาทของเจ้าชายนักฆ่าลอยมาในห้วงความคิด


    คนหล่อเครียด! โดนเด็กเมื่อวานซืนมาหลอกผีนี่มันน่าเจ็บใจ!


    ขาเรียวยาวก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปตามทางเดิน มุ่งหน้าไปสู่ห้องนอนของรองหัวหน้าหน่วยวาเรียเหมือนจะหาตัวช่วย ท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองที่พัดกระหน่ำรุนแรง


    บานประตูก้องนอนสีดำปิดสนิท ไร้วี่แววว่าจะมีคนอยู่...


    'ให้ตาย...แม้แต่ไอ้ฉลามหัวเน่าก็...'


    ร่างสูงตัดสินใจจะเดินผละไป แต่แล้ว...บานประตูที่ปิดสนิทนั้นนั้น กลับเปิดออกเองราวกับว่ามีมนต์วิเศษ


    แซนซัสลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะปลอบใจตัวเอง


    แค่ลมพัด...แค่ลมพัด


    มือใหญ่ผลักประตูให้เปิดกว้างขึ้น เสียง เอี๊ยดด แสบหูดังก้องขึ้นในความรู้สึก


    บอกแล้วไงว่าให้หยอดน้ำมันที่ประตู ก็ไม่ยอมทำซะที!


    นึกด่าว่าฉลามคลั่งแห่งวาเรียตัวต้นเหตุอยู่ในใจ ใครใช้ให้ประตูห้องมันมีเสียงหลอกหลอนสะเทือนขวัญได้ขนาดนี้!!


    กระจกบานใหญ่กรอบสีชมพูปิ๊งปั๊งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง ชวนให้ระลึกถึงหนังสยองนั่นอย่างช่วยไม่ได้


    หรือว่า ทำผมทรงนี้มันจะดึงดูดสิ่งลี้ลับ? (ไม่เกี่ยว)



    เผลอคิดไปต่างๆนาๆ อาการจิตหลอนเป็นยังไง บอสร่างถึกเพิ่งรู้วันนี้เอง ท่าทางว่า...เขาจะได้เข้าชมรมคนจิตคู่กับเบลเฟกอลในไม่ช้าแน่ๆ ถ้าไม่หาทางระงับความวิตกจริตนี้


    รู้งี้...เอาขวดเหล้ามาเป็นเพื่อนก็ดีหรอก จะได้มีไอเท็มเพิ่มพลังความกล้า


    วิสกี้ +30


    เตกีล่า +50



    เพล้ง!!!


    เฮือก!


    อย่าเล่นงี้ดิวะ อกนภาจะแตก!


    อยู่ดีๆกระจกหน้าต่างด้านหลังกลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ วงหน้าหล่อเหลาหันขวับไปมองทันที ก่อนจะรับหันกลับมา เพราะแบ็คกราวน์นอกหน้าต่างตอนนี้...เหมือนกับฉากในหนังผีบ้าๆที่เขาดูราวกับพิมพ์เดียว!


    เสียงลมพัดหวีดหวิวดังสะท้อนไปมาอยู่ในห้อง หยาดน้ำฝนซัดสาดเข้ามาทางหน้าต่างบานโต รู้สึกราวกับว่า มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากทางด้านหลัง


    แค่ต้นไม้เสียดสีกับหน้าต่าง แค่ต้นไม้เสียดสีกับหน้าต่าง


    ยังดีนะ ที่อ่านหนังสือว่าด้วยวิธีหลอกตัวเองมาแล้ว...และแล้วบอสผู้ยิ่งใหญ่แห่งวาเรียก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้น มองผ่านกระจกสีช็อกกี้พิงค์บานโต


    "เฮ้ยยย ผีๆๆๆๆ"


    สิ่งที่สะท้อนให้เห็นในกระจกคือชายหนุ่มหน้าตาซีดเซียว ดวงตาเป็นสีแดงก่ำดุจโลหิต แผลเป็นที่พาดผ่านหน้ายิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูสยดสยองขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ


    ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆซ้ำกันหลายครั้งก่อนจะสำเหนียกได้ว่า


    บัดซบ!! นั่นมันตรูเองนี่หว่า!


    ระหว่างที่กำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่นั้น หางตากลับเหลือบแลไปเห็นเงาตะคุ่มดำกำลังเคลื่อนไหวอยู่ริมหน้าต่าง


    "ใครน่ะ" จ้องสิ่งนั้นเขม็ง


    มือเปียกโชกข้างหนึ่งยื่นมาที่ขอบหน้าต่างพร้อมกับเสียง...



    "ช...ช่วย...ด้วย..."



    เสียงนั้นแหบใหญ่ เบาหวิวจนไม่น่าจะเป็นเสียงมนุษย์...



    เปรี้ยง!

    ฟ้าผ่าฟาดลงมา บังเกิดเป็นเงาหน้าคน...


    ดวงตาที่ชี้ขึ้นราวกับปีศาจ กับใบหน้าอันชวนสยดสยองที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครา สิ่งนั้นเปล่งเสียงออกมาไม่หยุดหย่อนพร้อมกับปีนหน้าต่างคืบคลานเข้ามาใกล้...


    "ช...ช่วยด้วย...ช่วย...ด้วย..."


    แซนซัสตัวแข็งค้างด้วยความตกตะลึง ทั่วทั้งร่างชาดิกจนแทบขยับไม่ได้ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆชนิดหมดสภาพ


    'ตรูต่างหาก ต้องร้องว่าช่วยด้วย!!!'









    To be continue.....



    คนแต่งจิตหลอนไปแล้วทั้งคู่....อร๊ากกกกกกกกก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×