ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 : ต่างความคิด
สัมผัสนุ่มนิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นสิ่งแรกที่รีบอร์นรู้สึกได้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
อะไรกัน.....
เขาก้มลงมองสิ่งๆนั้น ร่างบอบบางที่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขน แพขนตายาวทิ้งตัวลงที่แก้มใส ริมฝีปากอิ่มที่เผยอออกน้อยๆ ดูเย้ายวนใจ...
ร่างบอบบางของไอวัวโง่ในอ้อมแขนของเขา.....
แล้ว....เขามาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน
คิดๆไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆข้างในหัวใจ.....ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะเคยนอนร่วมเตียงกับใคร ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆเขาจะเคยนอนที่บ้านของสึนะ.....แต่นั่นก็เป็นเพราะ.....ความไว้วางใจ
ไว้วางใจเหรอ....ไอวัวโง่ที่คิดจะฆ่าเขามาตลอดทั้งชีวิตเนี่ยนะ
ไม่เข้าใจตัวเองเลย.....
แต่ไหนแต่ไรมา......ทั้งๆที่เขาออกท่องราตรีทุกค่ำคืน.....ผู้หญิงคนเล่าคนเล่า.....ผ่านมาและผ่านไป
มีอะไรกับผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยมีสักครั้ง......ที่เขาจะนอนหลับไปโดยมีพวกเธอเหล่านั้นอยู่ในอ้อมแขน เพราะอาชีพของเขา.....ผู้หญิงพวกนั้น อาจจะเป็นนักฆ่า คนที่ต้องการปลิดชีวิตเขา ผู้หญิงเริงราตรี ผู้หญิงสำส่อน หรืออะไรก็แล้วแต่
เขา......ไม่เคยไว้ใจใคร
เพราะมันจะนำพาหายนะมาสู่ชีวิตนักฆ่า
เขา.....ไม่เคยรักใคร เพราะความรักนั้น.....จะกลายเป็นจุดอ่อนใหญ่หลวงในชีวิต ย้อนกลับมาทำลายตัวเอง
แต่ครั้งนี้....เขากลับเมากลับมาบ้าน หลับไปโดยที่มีไอวัวงี่เง่าชั้นต่ำอยู่ในอ้อมแขน
จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืน....
แต่ถึงอย่างนั้น...ทั้งๆที่สมองปฏิเสธ แต่หัวใจกลับโหยหาสัมผัสอบอุ่น.......ใช่แล้ว....ราวกับว่า.....โหยหามาแสนนาน
"ตื่นนานแล้วเหรอ" อยู่ดีๆร่างบอบบางที่เขาคิดว่าหลับก็พูดพึมพำขึ้นมา แขนเรียวขาวผลักอกเขาออกห่างเบาๆแต่ติดตรงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเอวบางเอาไว้
"ปล่อยก่อนสิ" พูดเสียงอู้อี้ นวลแก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย รีบอร์นยกแขนที่พาดไว้ออกไป ร่างสูงหลับตาลงก่อนจะพูดว่า
"เอาน้ำผึ้งกะมะนาวมาด้วย ชั้นปวดหัว"
แฮงค์แบบสุดๆ เมื่อคืนดูท่าทางว่าจะดื่มหนักไปแบบไม่รู้ตัว ยังดีที่ขับรถกลับมาได้ ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรซะก่อน แถมยังจำได้แค่ลางเลือนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆคือ......ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในชุดนอนลายจุดแสนคิกขุและไม่รู้ว่าทำไมถึงมีไอวัวโง่อยู่ในอ้อมกอด
ร่างบางลุกเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ในหัวของรีบอร์น.....ก็ยังคงจดจำได้ถึงรสสัมผัสหอมหวานที่ริมฝีปาก หวาน.....จนคิดอยากจะลิ้มลองอีกครั้ง แต่จำไม่ได้.....เมื่อคืนเขาจูบใคร.....เจ้าของรสจูบเย้ายวนนั่น.....ผู้หญิงคนไหนกัน
กลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมากับเรือนร่างบอบบางนั่น........ใครกัน
พลิกตัว ก่อนที่โสตสัมผัสจะได้กลิ่นหอมเจือจางคุ้นจมูกติดอยู่ที่หมอนใบโต กลิ่นนี่.......ไอวัวงี่เง่างั้นเหรอ ร่างสูงดึงหมอนใบโตเข้ามาสูดกลิ่นหอมหวานเพื่อให้แน่ใจ ....หอมชะมัด....หอมสดชื่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิผสานกับกลิ่นนมผงบางเบา
ดวงตาคมปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่ริมฝีปาก.......
"นี่ รีบอร์น" เสียงหวานใสที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เขาลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย....หลับไปได้ยังไงในช่วงเวลาสั้นๆแถมยังนอนไปทั้งที่ยังกอดหมอนใบโตไว้อีก
น่าอายเป็นบ้า......
รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากของร่างบางจนดูราวกับว่า เจ้าตัวพยายามจะกลั้นยิ้มเอาไว้........ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อมือบางยื่นแก้วทรงสูงใส่น้ำมะนาวและน้ำผึ้งมาให้ รับไปดื่มจนหมดก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
"เอกสารอยู่ในห้องทำงานชั้น......ทำให้เสร็จซะ ตอนบ่ายชั้นจะเข้าไปที่คฤหาสน์วองโกเล่"
"อืม" แรมโบ้รับคำแผ่วเบา ก่อนจะห่มผ้าห่มหนาให้ร่างสูงซึ่งหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่ไหวเลย....รีบอร์น
ร่างบางเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ก่อนจะเริ่มต้นทำอาหารเช้าแบบง่ายๆให้ตัวเองทาน มือบางขยับอย่างคล่องแคล่วขณะที่ทอดไข่ดาวในกะทะใบเล็ก
ดูท่าทางรีบอร์นจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้.....หวนคิดไปที่สัมผัสร้อนรุ่มที่ริมฝีปาก จูบนั่นคงไม่มีความหมายอะไรกับรีบอร์นที่เปลี่ยนผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วน ก็แค่จูบๆนึงในความคิดของร่างสูง แต่กับเขามันไม่ใช่.....จูบนั้นมีความหมายมากมายนัก
เป็นจูบแรก......จากผู้ชายที่เขารัก
ร่างบางยกจานอาหารเช้าไปที่โต๊ะอาหาร นั่งเท้าคางจ้องมองอย่างเหม่อลอย
ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าทำไมตัวเองถึงปักใจกับรีบอร์นมากมายขนาดนั้น โคโรเนโร่เคยพูดว่าไงนะ คนอย่างเขาจะเลือกรักใครก็ได้.......ก็นั่นน่ะสิ.....ทำไมตัวเขาเองต้องหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บช้ำด้วยการไปหลงรัก คนที่รู้ดีว่าจะไม่มีวันได้ความรักกลับคืนมา
อยากตัดใจ.....ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนที่เริ่มรู้ตัวว่าคงหลงรักรีบอร์นเข้าแล้ว แต่จนกระทั่งตอนนี้......ยังตัดใจไม่ได้เลย
ยิ่งมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้.....ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะมากขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่ารีบอร์นจะคิดยังไงกับการที่มีเขามาอยู่ใกล้ๆ
อาจจะคิดว่าไม่คู่ควร......
บ้าจัง เอาอีกแล้ว
มือบอบบางแตะไปที่แก้มของตัวเอง หยาดน้ำตาเปียกชื้นเปื้อนเต็มแก้มขาวใส เปรอะไปทั้งนวลแก้ม ก่อนจะเริ่มหยดลงสู่ลำคอขาวผ่อง
ขี้แย.....เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่รีบอร์นไม่ชอบเขา
ไปกันใหญ่แล้ว....แรมโบ้ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะเริ่มต้นกินอาหารเช้า จังหวะเดียวกับที่รีบอร์นเดินเข้ามาในครัว
"ทำไมตาแดง" ร่างสูงยังคงอยู่ในชุดนอนลายจุดตัวเดิม เดินเข้ามาในนั่งที่โต๊ะพลางฟุบหน้าลง.....ดูเหนื่อยล้าอย่างประหลาด
"ไม่มีอะไร"
"อย่ามางี่เง่า แค่ยอมรับว่าร้องไห้จะตายรึไง" พูดเสียงอู้อี้ วงหน้าหล่อเหลายังคงซบอยู่กับแขนตัวเอง
"ก็ใช่ แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง"
ร่างบางผลักจานออกไปทั้งที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง รีบอร์นเงยหน้าขึ้นมาสบตา เสียงทุ้มตอบกลับอย่างแผ่วเบา
"นอนแล้ว แต่ไม่หลับ......"
"แล้วจะให้ชั้นทำไงล่ะ อยากกินอะไรมั้ย...."
"ไม่......"
แรมโบ้ลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ จัดการทำความสะอาดภาชนะสกปรกที่กองไว้แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอีกรอบพร้อมกับน้ำเปล่า รีบอร์นยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น สีหน้าดูแย่เอามากๆ
"ชั้นว่า นายลางานดีมั้ย เดี๋ยวชั้นโทรบอกวองโกเล่ให้"
"ไม่ล่ะ ชั้นต้องไปเอาเอกสารแล้วก็ต้องไปรับภารกิจด้วย........"
นี่สินะรีบอร์น.....รู้ว่าตัวเองไม่ไหวแล้วยังจะบ้างานอีก ไอนิสัยบ้างานนี่คงแก้ไม่หาย ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ร่างสูงจะลาหยุดพักร้อนก็ไม่ได้ใช้ ความผ่อนคลายเพียงอย่างเดียวก็คงเป็นเรื่องออกไปเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กับการกินเหล้าต่างน้ำ
ไม่ง่ายเลยที่จะขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของนักฆ่า มันมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงจะรู้ว่าวองโกเล่มีคนฝีมือดีมากมาย......แต่เขากลับชอบที่จะคอยดูแลความเป็นไปของแฟมิลี่ให้ดำเนินไปด้วยดี
แรมโบ้ถอนหายใจทำท่าจะเดินผละขึ้นชั้นสอง แต่ข้อมือบางกลับถูกดึงรั้งเอาไว้
"เมื่อคืน......."
"หือ....?"
"เปล่า ไม่มีอะไร" ร่างสูงถอนหายใจพร้อมกับปล่อยมือแทบจะทันที แต่ร่างบางกลับขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
"นายจะถามเรื่องจูบเหรอ"
ดวงตาสีเขียวมรกตทอประกายอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ................
"......"
"นายจูบชั้น" เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา "นายจูบชั้นตอนชั้นหลับ"
เงียบไปเนิ่นนาน......
"ทำไม....."
"นายตอบชั้นว่า ก็แค่อยากจูบ ชั้นว่านายควรจะถามตัวเองมากกว่ามาถามชั้น"
พูดจบก็เบือนหน้าหนีแทบจะทันทีราวกับไม่อาจทนมองสบสายตาร่างสูงได้อีกแล้ว รีบอร์นนิ่งคิด.......เขาจูบไอวัวโง่ตอนเมา แล้วยังพูดอีกว่าแค่อยากจูบ....
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีความหมายกับตัวเองมากน้อยแค่นั้น แต่รสสัมผัสหอมหวานตรึงใจก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้เช่นกัน......บางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ กำลังเรียกร้องให้ดึงรั้งเอาไว้....ทั้งๆที่ควรจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านเลยไป
"ชั้นไม่รู้ว่าเราสองคนในตอนนี้อยู่ในฐานะอะไร........" เสียงหวานเอ่ยนำขึ้นมา ความขมขื่นในปลายเสียงที่สั่นพร่ากับอาการสั่นสะท้านเล็กๆที่ไหล่บอบบางไม่อาจรอดพ้นสายตาของรีบอร์นไปได้
"แต่ว่าชั้น........."
กัดริมฝีปากของตัวเอง ไม่อยากเอ่ยคำว่า 'รัก' ออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เขามีสติครบถ้วนไม่เหมือนกับวันนั้นที่เอ่ยออกไป เพราะฤทธิ์สุรา ไม่อยาก.....ให้รีบอร์นดูถูกความรักของเขา
"นายทำไม"
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา บรรยากาศว่างเปล่าระหว่างกันยังคงเด่นชัด เหมือนเช่นทุกครั้งที่เขากับรีบอร์นอยู่ใกล้กัน อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างที่มากเกินไป...จึงก่อให้เกิดเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นมาขวางกั้นความรู้สึก
ทั้งๆที่ร่างสูงก็อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ทำไมดูราวกับว่าจะหายไป......ไม่อาจไขว่คว้าไว้ได้
.....แต่เขาเองก็ยังดันทุรังที่จะยื่นมือออกไปหาอยู่อย่างนั้น
รีบอร์นลุกขึ้นยืน มือใหญ่เชยคางบอบบางขึ้นมาสบสายตา จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวใส.......ราวกับฤดูใบไม้ผลิ อบอุ่นอ่อนโยนจนไม่อยากปล่อยให้หลุดลอยไป
"ทำไมเรา...............ไม่ลองมาเป็นคนรักกันดูล่ะ"
ร่างบอบบางเบิกตากว้างชั่วขณะ แล้วนิ่งไป.....
รีบอร์นเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกไป ด้วยการขอไอวัวงี่เง่าเป็นคนรัก ก็แค่รู้สึกว่าไม่อยากปล่อยไป.....และคำๆนี้ก็หลุดออกมาจากปากเอง
แค่หลุดปากไป......ไม่ได้มีความหมายอะไร
มาสำนึกอะไรได้ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อร่างบางพยักหน้าอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตดูเลื่อนลอย......
ไม่แม้แต่จะถามเหตุผล.....
รู้สึกได้ถึงสองแขนเรียวบางที่โอบรอบแผ่นหลังกับวงหน้าหวานที่ฝังอยู่ที่อกของตัวเอง กลิ่นหอมหวานที่เขาชอบลอยมาแตะจมูก และตัวเขา....ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ร่างบอบบางกอดเขาอย่างถือสิทธิ์ รับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นถี่แรงของตัวเองและของคนในอ้อมกอด มือใหญ่เอื้อมมือไปโอบรั้งเอวบางให้แนบชิดยิ่งขึ้น ซุกหน้าลงกับกลุ่มผมนุ่ม ปล่อยใจล่องลอยไปกับความอ่อนหวาน............
ก็แค่ทำให้มันชัดเจนกว่าเดิม.......ผูกมัดเอาไว้
ไม่ต้องการ.....ก็ปล่อยไปเมื่อไหร่ก็ได้
แกเป็นของชั้น........แรมโบ้
แรมโบ้หลับตาลงช้าๆ
บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ต้องการเหตุผล
กำแพงนั้นได้พังทลายลงมาเนิ่นนานแล้ว........คนสองคนยืนนิ่ง.......อยู่หน้าเส้นแบ่งเขตแดน
ยืนอยู่อย่างนั้น.......ไม่มีแม้สักคนที่จะก้าวข้ามมา
เขา.....ได้แต่หลอกตัวเองว่ามีกำแพงความรู้สึกขวางกั้น
ทั้งๆที่.......กำแพงนั้นคือความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าของเขาเอง
แต่วันนี้.......ไม่ว่าจะเพราะความสับสนของรีบอร์นหรืออะไรก็ตาม
เราสองคนต่างก็พบกันครึ่งทาง......
.ใช่แล้ว.........ไม่ว่ายังไง.........ชั้นก็ไม่ต้องการฟังเหตุผล
เพราะมันอาจจะไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
จริงมั้ย......รีบอร์น
..................................................................................................................................................................................
ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทกับหมวกปีกกว้างเป็นสิ่งที่เห็นจนเจนตา แต่สิ่งที่เรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปจับจ้องคือ ร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตลายวัวกับกางเกงหนังสีดำที่เดินเคียงข้างกันมา ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้จับมือกันแต่บรรยากาศแปลกๆ ที่ดูราวกับการประนีประนอมก็แผ่ออกมาอย่างชัดเจน
เสียงซุบซิบดังอยู่รอบกายจนน่ารำคาญ
แน่ล่ะ......เขากับรีบอร์นเป็นอะไรที่ใครๆก็รู้ว่าไม่มีทางเข้ากันได้ แต่วันนี้กลับเดินมาด้วยกัน
ไม่ใช่บรรยากาศที่....รีบอร์นเดินนำเข้ามาก่อนทุกครั้ง
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าผู้พิทักษ์ที่จับความรู้สึกนั้นได้ และเอาแต่จ้องพวกเขาจนแรมโบ้รู้สึกอึดอัด ส่วนรีบอร์น.....เหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น อ่านหนังสือพิมพ์ได้อย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
สึนะกระแอมไอก่อนจะเริ่มแจกงานให้ผู้พิทักษ์แต่ละคน
แรมโบ้รับเอกสารมาดู
.....อาทิตย์นี้มีงานลอบฆ่าคน 6 คน กับฆ่าล้างอีก 2 แฟมิลี่.....เห็นเขาเป็นเครื่องจักรสังหารไปแล้วเหรอเนี่ย จริงอยู่ว่าเขาก็ยิงปืนเก่ง.....อาจจะไม่เก่งเท่ารีบอร์น แต่ก็แม่นมากแถมยังมีสายตาเฉียบแหลมสมกับเป็นผู้พิทักษ์อัสนี
แล้วยังอาทิตย์หน้าที่ต้องไปฆ่าล้างอีก 3 แฟมิลี่ มีหนึ่งแฟมิลี่ที่เป็นงานระดับ s ทำร่วมกับยามาโมโตะ
จากปกติที่เขาทำแต่พวกเปเปอร์กลับต้องมาลอบฆ่าผู้มีอิทธิพลแบบนี้......เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับโลกมาเฟีย
"อะไรกัน ทำไมมีแต่งานฆ่าคนทั้งนั้นเลยหล่ะครับ รุ่นที่ 10"
คนที่โวยวายออกมาก่อนกลับเป็น โกคุเทระ ฮายาโตะ ผู้พิทักษ์วายุแห่งวองโกเล่ ส่วนยามาโมโตะก็เอาแต่หัวเราะ หึหึ จ้องมองมาที่เขากับรีบอร์นอย่างมีเลศนัย ขัดกับบรรยากาศโดยสิ้นเชิง มือขาวๆของผู้พิทักษ์วายุโบกกระดาษไปมาก่อนจะหันขวับไปที่ยามาโมโตะ
"เลิกทำหน้าอย่างนั้นซะที ไอบ้าเบสบอล ทำเป็นเล่นอยู่ได้"
"อ่ะ โทษทีๆๆๆ" ร่างสูงของผู้พิทักษ์ วรุณ หัวเราะแห้งๆก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นการ
"นั่นน่ะสิ สึนะ ทำไมชั้นต้องไปฆ่าล้างเดรกอนแฟมิลี่ด้วยล่ะ นั่นมันแฟมิลี่พันธมิตรไม่ใช่เหอ"
"ไม่ใช่แล้ว สายสืบเรารายงานมาว่า แฟมิลี่นี้เป็นสายสืบเข้าพวกกับรีซอตโตแฟมิลี่ของรีออน จงใจจะทำลายวองโกเล่"
สึนะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง "ชั้นก็ไม่อยากให้พวกนายทำงานอันตรายแบบนี้ แต่ว่าช่วงนี้โลกมาเฟียอยู่ในช่วงวุ่นวาย แฟมิลี่ที่อันตรายก่อตัวขึ้นมากมาย ตอนนี้เรียวเฮก็ถูกส่งไปสืบข่าวที่อังกฤษ คุณฮิบาริก็ไปฆ่าล้างมาเฟียที่ญี่ปุ่น มุคุโร่ก็ยังต้องไปฝรั่งเศส แล้วรีบอร์น.....ก็ต้องไปหาข่าวที่รัสเซีย"
แรมโบ้หันขวับไปมองร่างสูงที่กำลังอ่านเอกสารในมือ คิ้วเข้มขมวดเป็นปมอย่างหาดูได้ยากยิ่ง บ่งบอกว่าคงเป็นงานที่อันตรายไม่น้อย
"ชั้นขอโทษนาย 3 คนด้วยนะ" สึนะกวาดตามองแรมโบ้ ยามาโมโตะ และโกคุเทระ
"พวกนายมีงานเต็มมือไปหมด โดยเฉพาะนาย แรมโบ้ งานนายเยอะเพราะว่านายไม่ต้องทำเปเปอร์เหมือนโกคุเทระ ส่วนยามาโมโตะก็ทำงานร่วมกับสควอโล่หน่วยวาเรีย ตอนนี้ทางวาเรียเองก็ยุ่งไม่ต่างจากเราหรอก แซนซัสเองยังต้องมาทำงานเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ วองโกเล่" ส่งยิ้มสดใสไปให้สึนะจนคนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
"ฮ่ะฮ่ะ ชั้นชอบรอยยิ้มของนายชะมัดเลย แค่มองก็รู้สึกสบายใจแล้ว........เหมือนนางฟ้าเลย.......นางฟ้าฤดูใบไม้ผลิ"
"ฮ่ะฮ่ะ ชมว่าผมหล่อจะดีใจกว่านะ......."
แรมโบ้หัวเราะ ในใจประหวัดคิดถึงเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงอเมทิสต์
ยิ้มสิ
ชั้นชอบเวลาที่นายยิ้ม...........นายเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าหยดน้ำตา
แปลก..........ทำไมใครๆถึงชอบให้เขายิ้มกันนักนะ
"ไม่หรอก แรมจังน่ารักน่ะถูกแล้ว" ยามาโมโตะพูดพลางโอบไหล่เขาอย่างสนิทสนม จมูกโด่งคมก้มลงไปสูดความหอมจากแก้มเนียนใสของผู้พิทักษ์อัสนี เรียกให้ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำ รีบอร์นมองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะลุกขึ้นยืน มือหนาสวมหมวกปีกกว้างลงบนศีรษะตัวเอง
"กลับบ้าน ชั้นต้องไปเตรียมของ" ยามาโมโตะเอาแขนออกจากไหล่บอบบางพร้อมๆกับที่แรมโบ้ลุกขึ้นยืน รีบอร์นเดินออกไปแล้วโดยไม่รอ ร่างบางแจกยิ้มให้กับทุกคนในห้อง ก้มหัวให้สึนะเล็กน้อยก่อนจะเดินตามรีบอร์นไป
'ฮ่ะฮ่ะ ดูท่าทางเจ้าหนูรีบอร์นจะขี้หึงกว่าที่คิดไว้ น่าสนุกชะมัดเลย"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดที่ริมฝีปากหนาของผู้พิทักษ์วรุณก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เฮ้อออ......คิดถึงเคียวยะจัง
ชั้นไม่ได้นอกใจเคียวยะนะ.......แค่แกล้งเจ้าหนูรีบอร์นนิดหน่อยเอง
..........................................................................................................................................................................
"นี่ รีบอร์น นายเป็นอะไรไปน่ะ" ร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามร่างสูงที่เดินนำลิ่วๆมาโดยไม่สนใจเขา ผิดกับเมื่อเช้าลิบลับที่เดินเข้ามาพร้อมกันสองคน
"รีบอร์น........" ร่างบางตามมาทันในที่สุด มือบางจับชายเสื้อสูทไว้ได้ รีบอร์นหันดวงตาสีดำสนิทมาสบ......
เย็นชา......ดวงตานั้นไม่ทอประกายความรู้สึกใดๆออกมา
เหมือนทุกครั้ง.....แต่อะไรบางอย่างกลับต่างออกไป
อะไรบางอย่าง.......ที่เกินกว่าเขาจะเข้าใจ
มือใหญ่กระชากข้อมือบอบบาง.........ดึงเข้าไปในลิฟต์ แรมโบ้ปลิวไปตามแรงกระชากนั้น รีบอร์นกดลิฟต์ไปที่ชั้น 69.......ชั้นส่วนตัวของเขา
ร่างบางกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ
ไม่รู้.......ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
รู้แค่ว่า......รีบอร์นกำลังโกรธ......
โกรธอะไร.....เขาทำอะไรผิด
ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว รีบอร์นกระชากท่อนแขนบอบบางออกมาจากลิฟต์ ลากไปตามทางเดินปูพรม
แรมโบ้ฝืนตัวไว้อย่างสุดกำลัง........ด้วยสัญชาตญาณ
ไม่รู้ทำไม.....แต่อะไรบางอย่างกำลังร่ำร้อง
หนีไปให้ไกลจากรีบอร์น!!!!!
Tbc.
อะไรกัน.....
เขาก้มลงมองสิ่งๆนั้น ร่างบอบบางที่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขน แพขนตายาวทิ้งตัวลงที่แก้มใส ริมฝีปากอิ่มที่เผยอออกน้อยๆ ดูเย้ายวนใจ...
ร่างบอบบางของไอวัวโง่ในอ้อมแขนของเขา.....
แล้ว....เขามาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน
คิดๆไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆข้างในหัวใจ.....ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะเคยนอนร่วมเตียงกับใคร ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆเขาจะเคยนอนที่บ้านของสึนะ.....แต่นั่นก็เป็นเพราะ.....ความไว้วางใจ
ไว้วางใจเหรอ....ไอวัวโง่ที่คิดจะฆ่าเขามาตลอดทั้งชีวิตเนี่ยนะ
ไม่เข้าใจตัวเองเลย.....
แต่ไหนแต่ไรมา......ทั้งๆที่เขาออกท่องราตรีทุกค่ำคืน.....ผู้หญิงคนเล่าคนเล่า.....ผ่านมาและผ่านไป
มีอะไรกับผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยมีสักครั้ง......ที่เขาจะนอนหลับไปโดยมีพวกเธอเหล่านั้นอยู่ในอ้อมแขน เพราะอาชีพของเขา.....ผู้หญิงพวกนั้น อาจจะเป็นนักฆ่า คนที่ต้องการปลิดชีวิตเขา ผู้หญิงเริงราตรี ผู้หญิงสำส่อน หรืออะไรก็แล้วแต่
เขา......ไม่เคยไว้ใจใคร
เพราะมันจะนำพาหายนะมาสู่ชีวิตนักฆ่า
เขา.....ไม่เคยรักใคร เพราะความรักนั้น.....จะกลายเป็นจุดอ่อนใหญ่หลวงในชีวิต ย้อนกลับมาทำลายตัวเอง
แต่ครั้งนี้....เขากลับเมากลับมาบ้าน หลับไปโดยที่มีไอวัวงี่เง่าชั้นต่ำอยู่ในอ้อมแขน
จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืน....
แต่ถึงอย่างนั้น...ทั้งๆที่สมองปฏิเสธ แต่หัวใจกลับโหยหาสัมผัสอบอุ่น.......ใช่แล้ว....ราวกับว่า.....โหยหามาแสนนาน
"ตื่นนานแล้วเหรอ" อยู่ดีๆร่างบอบบางที่เขาคิดว่าหลับก็พูดพึมพำขึ้นมา แขนเรียวขาวผลักอกเขาออกห่างเบาๆแต่ติดตรงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเอวบางเอาไว้
"ปล่อยก่อนสิ" พูดเสียงอู้อี้ นวลแก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย รีบอร์นยกแขนที่พาดไว้ออกไป ร่างสูงหลับตาลงก่อนจะพูดว่า
"เอาน้ำผึ้งกะมะนาวมาด้วย ชั้นปวดหัว"
แฮงค์แบบสุดๆ เมื่อคืนดูท่าทางว่าจะดื่มหนักไปแบบไม่รู้ตัว ยังดีที่ขับรถกลับมาได้ ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรซะก่อน แถมยังจำได้แค่ลางเลือนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆคือ......ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในชุดนอนลายจุดแสนคิกขุและไม่รู้ว่าทำไมถึงมีไอวัวโง่อยู่ในอ้อมกอด
ร่างบางลุกเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ในหัวของรีบอร์น.....ก็ยังคงจดจำได้ถึงรสสัมผัสหอมหวานที่ริมฝีปาก หวาน.....จนคิดอยากจะลิ้มลองอีกครั้ง แต่จำไม่ได้.....เมื่อคืนเขาจูบใคร.....เจ้าของรสจูบเย้ายวนนั่น.....ผู้หญิงคนไหนกัน
กลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมากับเรือนร่างบอบบางนั่น........ใครกัน
พลิกตัว ก่อนที่โสตสัมผัสจะได้กลิ่นหอมเจือจางคุ้นจมูกติดอยู่ที่หมอนใบโต กลิ่นนี่.......ไอวัวงี่เง่างั้นเหรอ ร่างสูงดึงหมอนใบโตเข้ามาสูดกลิ่นหอมหวานเพื่อให้แน่ใจ ....หอมชะมัด....หอมสดชื่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิผสานกับกลิ่นนมผงบางเบา
ดวงตาคมปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่ริมฝีปาก.......
"นี่ รีบอร์น" เสียงหวานใสที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เขาลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย....หลับไปได้ยังไงในช่วงเวลาสั้นๆแถมยังนอนไปทั้งที่ยังกอดหมอนใบโตไว้อีก
น่าอายเป็นบ้า......
รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากของร่างบางจนดูราวกับว่า เจ้าตัวพยายามจะกลั้นยิ้มเอาไว้........ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อมือบางยื่นแก้วทรงสูงใส่น้ำมะนาวและน้ำผึ้งมาให้ รับไปดื่มจนหมดก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
"เอกสารอยู่ในห้องทำงานชั้น......ทำให้เสร็จซะ ตอนบ่ายชั้นจะเข้าไปที่คฤหาสน์วองโกเล่"
"อืม" แรมโบ้รับคำแผ่วเบา ก่อนจะห่มผ้าห่มหนาให้ร่างสูงซึ่งหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่ไหวเลย....รีบอร์น
ร่างบางเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ก่อนจะเริ่มต้นทำอาหารเช้าแบบง่ายๆให้ตัวเองทาน มือบางขยับอย่างคล่องแคล่วขณะที่ทอดไข่ดาวในกะทะใบเล็ก
ดูท่าทางรีบอร์นจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้.....หวนคิดไปที่สัมผัสร้อนรุ่มที่ริมฝีปาก จูบนั่นคงไม่มีความหมายอะไรกับรีบอร์นที่เปลี่ยนผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วน ก็แค่จูบๆนึงในความคิดของร่างสูง แต่กับเขามันไม่ใช่.....จูบนั้นมีความหมายมากมายนัก
เป็นจูบแรก......จากผู้ชายที่เขารัก
ร่างบางยกจานอาหารเช้าไปที่โต๊ะอาหาร นั่งเท้าคางจ้องมองอย่างเหม่อลอย
ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าทำไมตัวเองถึงปักใจกับรีบอร์นมากมายขนาดนั้น โคโรเนโร่เคยพูดว่าไงนะ คนอย่างเขาจะเลือกรักใครก็ได้.......ก็นั่นน่ะสิ.....ทำไมตัวเขาเองต้องหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บช้ำด้วยการไปหลงรัก คนที่รู้ดีว่าจะไม่มีวันได้ความรักกลับคืนมา
อยากตัดใจ.....ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนที่เริ่มรู้ตัวว่าคงหลงรักรีบอร์นเข้าแล้ว แต่จนกระทั่งตอนนี้......ยังตัดใจไม่ได้เลย
ยิ่งมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้.....ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะมากขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่ารีบอร์นจะคิดยังไงกับการที่มีเขามาอยู่ใกล้ๆ
อาจจะคิดว่าไม่คู่ควร......
บ้าจัง เอาอีกแล้ว
มือบอบบางแตะไปที่แก้มของตัวเอง หยาดน้ำตาเปียกชื้นเปื้อนเต็มแก้มขาวใส เปรอะไปทั้งนวลแก้ม ก่อนจะเริ่มหยดลงสู่ลำคอขาวผ่อง
ขี้แย.....เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่รีบอร์นไม่ชอบเขา
ไปกันใหญ่แล้ว....แรมโบ้ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะเริ่มต้นกินอาหารเช้า จังหวะเดียวกับที่รีบอร์นเดินเข้ามาในครัว
"ทำไมตาแดง" ร่างสูงยังคงอยู่ในชุดนอนลายจุดตัวเดิม เดินเข้ามาในนั่งที่โต๊ะพลางฟุบหน้าลง.....ดูเหนื่อยล้าอย่างประหลาด
"ไม่มีอะไร"
"อย่ามางี่เง่า แค่ยอมรับว่าร้องไห้จะตายรึไง" พูดเสียงอู้อี้ วงหน้าหล่อเหลายังคงซบอยู่กับแขนตัวเอง
"ก็ใช่ แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง"
ร่างบางผลักจานออกไปทั้งที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง รีบอร์นเงยหน้าขึ้นมาสบตา เสียงทุ้มตอบกลับอย่างแผ่วเบา
"นอนแล้ว แต่ไม่หลับ......"
"แล้วจะให้ชั้นทำไงล่ะ อยากกินอะไรมั้ย...."
"ไม่......"
แรมโบ้ลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ จัดการทำความสะอาดภาชนะสกปรกที่กองไว้แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอีกรอบพร้อมกับน้ำเปล่า รีบอร์นยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น สีหน้าดูแย่เอามากๆ
"ชั้นว่า นายลางานดีมั้ย เดี๋ยวชั้นโทรบอกวองโกเล่ให้"
"ไม่ล่ะ ชั้นต้องไปเอาเอกสารแล้วก็ต้องไปรับภารกิจด้วย........"
นี่สินะรีบอร์น.....รู้ว่าตัวเองไม่ไหวแล้วยังจะบ้างานอีก ไอนิสัยบ้างานนี่คงแก้ไม่หาย ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ร่างสูงจะลาหยุดพักร้อนก็ไม่ได้ใช้ ความผ่อนคลายเพียงอย่างเดียวก็คงเป็นเรื่องออกไปเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กับการกินเหล้าต่างน้ำ
ไม่ง่ายเลยที่จะขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของนักฆ่า มันมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงจะรู้ว่าวองโกเล่มีคนฝีมือดีมากมาย......แต่เขากลับชอบที่จะคอยดูแลความเป็นไปของแฟมิลี่ให้ดำเนินไปด้วยดี
แรมโบ้ถอนหายใจทำท่าจะเดินผละขึ้นชั้นสอง แต่ข้อมือบางกลับถูกดึงรั้งเอาไว้
"เมื่อคืน......."
"หือ....?"
"เปล่า ไม่มีอะไร" ร่างสูงถอนหายใจพร้อมกับปล่อยมือแทบจะทันที แต่ร่างบางกลับขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
"นายจะถามเรื่องจูบเหรอ"
ดวงตาสีเขียวมรกตทอประกายอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ................
"......"
"นายจูบชั้น" เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา "นายจูบชั้นตอนชั้นหลับ"
เงียบไปเนิ่นนาน......
"ทำไม....."
"นายตอบชั้นว่า ก็แค่อยากจูบ ชั้นว่านายควรจะถามตัวเองมากกว่ามาถามชั้น"
พูดจบก็เบือนหน้าหนีแทบจะทันทีราวกับไม่อาจทนมองสบสายตาร่างสูงได้อีกแล้ว รีบอร์นนิ่งคิด.......เขาจูบไอวัวโง่ตอนเมา แล้วยังพูดอีกว่าแค่อยากจูบ....
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีความหมายกับตัวเองมากน้อยแค่นั้น แต่รสสัมผัสหอมหวานตรึงใจก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้เช่นกัน......บางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ กำลังเรียกร้องให้ดึงรั้งเอาไว้....ทั้งๆที่ควรจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านเลยไป
"ชั้นไม่รู้ว่าเราสองคนในตอนนี้อยู่ในฐานะอะไร........" เสียงหวานเอ่ยนำขึ้นมา ความขมขื่นในปลายเสียงที่สั่นพร่ากับอาการสั่นสะท้านเล็กๆที่ไหล่บอบบางไม่อาจรอดพ้นสายตาของรีบอร์นไปได้
"แต่ว่าชั้น........."
กัดริมฝีปากของตัวเอง ไม่อยากเอ่ยคำว่า 'รัก' ออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เขามีสติครบถ้วนไม่เหมือนกับวันนั้นที่เอ่ยออกไป เพราะฤทธิ์สุรา ไม่อยาก.....ให้รีบอร์นดูถูกความรักของเขา
"นายทำไม"
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา บรรยากาศว่างเปล่าระหว่างกันยังคงเด่นชัด เหมือนเช่นทุกครั้งที่เขากับรีบอร์นอยู่ใกล้กัน อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างที่มากเกินไป...จึงก่อให้เกิดเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นมาขวางกั้นความรู้สึก
ทั้งๆที่ร่างสูงก็อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ทำไมดูราวกับว่าจะหายไป......ไม่อาจไขว่คว้าไว้ได้
.....แต่เขาเองก็ยังดันทุรังที่จะยื่นมือออกไปหาอยู่อย่างนั้น
รีบอร์นลุกขึ้นยืน มือใหญ่เชยคางบอบบางขึ้นมาสบสายตา จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวใส.......ราวกับฤดูใบไม้ผลิ อบอุ่นอ่อนโยนจนไม่อยากปล่อยให้หลุดลอยไป
"ทำไมเรา...............ไม่ลองมาเป็นคนรักกันดูล่ะ"
ร่างบอบบางเบิกตากว้างชั่วขณะ แล้วนิ่งไป.....
รีบอร์นเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกไป ด้วยการขอไอวัวงี่เง่าเป็นคนรัก ก็แค่รู้สึกว่าไม่อยากปล่อยไป.....และคำๆนี้ก็หลุดออกมาจากปากเอง
แค่หลุดปากไป......ไม่ได้มีความหมายอะไร
มาสำนึกอะไรได้ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อร่างบางพยักหน้าอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตดูเลื่อนลอย......
ไม่แม้แต่จะถามเหตุผล.....
รู้สึกได้ถึงสองแขนเรียวบางที่โอบรอบแผ่นหลังกับวงหน้าหวานที่ฝังอยู่ที่อกของตัวเอง กลิ่นหอมหวานที่เขาชอบลอยมาแตะจมูก และตัวเขา....ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ร่างบอบบางกอดเขาอย่างถือสิทธิ์ รับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นถี่แรงของตัวเองและของคนในอ้อมกอด มือใหญ่เอื้อมมือไปโอบรั้งเอวบางให้แนบชิดยิ่งขึ้น ซุกหน้าลงกับกลุ่มผมนุ่ม ปล่อยใจล่องลอยไปกับความอ่อนหวาน............
ก็แค่ทำให้มันชัดเจนกว่าเดิม.......ผูกมัดเอาไว้
ไม่ต้องการ.....ก็ปล่อยไปเมื่อไหร่ก็ได้
แกเป็นของชั้น........แรมโบ้
แรมโบ้หลับตาลงช้าๆ
บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ต้องการเหตุผล
กำแพงนั้นได้พังทลายลงมาเนิ่นนานแล้ว........คนสองคนยืนนิ่ง.......อยู่หน้าเส้นแบ่งเขตแดน
ยืนอยู่อย่างนั้น.......ไม่มีแม้สักคนที่จะก้าวข้ามมา
เขา.....ได้แต่หลอกตัวเองว่ามีกำแพงความรู้สึกขวางกั้น
ทั้งๆที่.......กำแพงนั้นคือความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าของเขาเอง
แต่วันนี้.......ไม่ว่าจะเพราะความสับสนของรีบอร์นหรืออะไรก็ตาม
เราสองคนต่างก็พบกันครึ่งทาง......
.ใช่แล้ว.........ไม่ว่ายังไง.........ชั้นก็ไม่ต้องการฟังเหตุผล
เพราะมันอาจจะไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
จริงมั้ย......รีบอร์น
..................................................................................................................................................................................
ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทกับหมวกปีกกว้างเป็นสิ่งที่เห็นจนเจนตา แต่สิ่งที่เรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปจับจ้องคือ ร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตลายวัวกับกางเกงหนังสีดำที่เดินเคียงข้างกันมา ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้จับมือกันแต่บรรยากาศแปลกๆ ที่ดูราวกับการประนีประนอมก็แผ่ออกมาอย่างชัดเจน
เสียงซุบซิบดังอยู่รอบกายจนน่ารำคาญ
แน่ล่ะ......เขากับรีบอร์นเป็นอะไรที่ใครๆก็รู้ว่าไม่มีทางเข้ากันได้ แต่วันนี้กลับเดินมาด้วยกัน
ไม่ใช่บรรยากาศที่....รีบอร์นเดินนำเข้ามาก่อนทุกครั้ง
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าผู้พิทักษ์ที่จับความรู้สึกนั้นได้ และเอาแต่จ้องพวกเขาจนแรมโบ้รู้สึกอึดอัด ส่วนรีบอร์น.....เหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น อ่านหนังสือพิมพ์ได้อย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
สึนะกระแอมไอก่อนจะเริ่มแจกงานให้ผู้พิทักษ์แต่ละคน
แรมโบ้รับเอกสารมาดู
.....อาทิตย์นี้มีงานลอบฆ่าคน 6 คน กับฆ่าล้างอีก 2 แฟมิลี่.....เห็นเขาเป็นเครื่องจักรสังหารไปแล้วเหรอเนี่ย จริงอยู่ว่าเขาก็ยิงปืนเก่ง.....อาจจะไม่เก่งเท่ารีบอร์น แต่ก็แม่นมากแถมยังมีสายตาเฉียบแหลมสมกับเป็นผู้พิทักษ์อัสนี
แล้วยังอาทิตย์หน้าที่ต้องไปฆ่าล้างอีก 3 แฟมิลี่ มีหนึ่งแฟมิลี่ที่เป็นงานระดับ s ทำร่วมกับยามาโมโตะ
จากปกติที่เขาทำแต่พวกเปเปอร์กลับต้องมาลอบฆ่าผู้มีอิทธิพลแบบนี้......เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับโลกมาเฟีย
"อะไรกัน ทำไมมีแต่งานฆ่าคนทั้งนั้นเลยหล่ะครับ รุ่นที่ 10"
คนที่โวยวายออกมาก่อนกลับเป็น โกคุเทระ ฮายาโตะ ผู้พิทักษ์วายุแห่งวองโกเล่ ส่วนยามาโมโตะก็เอาแต่หัวเราะ หึหึ จ้องมองมาที่เขากับรีบอร์นอย่างมีเลศนัย ขัดกับบรรยากาศโดยสิ้นเชิง มือขาวๆของผู้พิทักษ์วายุโบกกระดาษไปมาก่อนจะหันขวับไปที่ยามาโมโตะ
"เลิกทำหน้าอย่างนั้นซะที ไอบ้าเบสบอล ทำเป็นเล่นอยู่ได้"
"อ่ะ โทษทีๆๆๆ" ร่างสูงของผู้พิทักษ์ วรุณ หัวเราะแห้งๆก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นการ
"นั่นน่ะสิ สึนะ ทำไมชั้นต้องไปฆ่าล้างเดรกอนแฟมิลี่ด้วยล่ะ นั่นมันแฟมิลี่พันธมิตรไม่ใช่เหอ"
"ไม่ใช่แล้ว สายสืบเรารายงานมาว่า แฟมิลี่นี้เป็นสายสืบเข้าพวกกับรีซอตโตแฟมิลี่ของรีออน จงใจจะทำลายวองโกเล่"
สึนะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง "ชั้นก็ไม่อยากให้พวกนายทำงานอันตรายแบบนี้ แต่ว่าช่วงนี้โลกมาเฟียอยู่ในช่วงวุ่นวาย แฟมิลี่ที่อันตรายก่อตัวขึ้นมากมาย ตอนนี้เรียวเฮก็ถูกส่งไปสืบข่าวที่อังกฤษ คุณฮิบาริก็ไปฆ่าล้างมาเฟียที่ญี่ปุ่น มุคุโร่ก็ยังต้องไปฝรั่งเศส แล้วรีบอร์น.....ก็ต้องไปหาข่าวที่รัสเซีย"
แรมโบ้หันขวับไปมองร่างสูงที่กำลังอ่านเอกสารในมือ คิ้วเข้มขมวดเป็นปมอย่างหาดูได้ยากยิ่ง บ่งบอกว่าคงเป็นงานที่อันตรายไม่น้อย
"ชั้นขอโทษนาย 3 คนด้วยนะ" สึนะกวาดตามองแรมโบ้ ยามาโมโตะ และโกคุเทระ
"พวกนายมีงานเต็มมือไปหมด โดยเฉพาะนาย แรมโบ้ งานนายเยอะเพราะว่านายไม่ต้องทำเปเปอร์เหมือนโกคุเทระ ส่วนยามาโมโตะก็ทำงานร่วมกับสควอโล่หน่วยวาเรีย ตอนนี้ทางวาเรียเองก็ยุ่งไม่ต่างจากเราหรอก แซนซัสเองยังต้องมาทำงานเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ วองโกเล่" ส่งยิ้มสดใสไปให้สึนะจนคนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
"ฮ่ะฮ่ะ ชั้นชอบรอยยิ้มของนายชะมัดเลย แค่มองก็รู้สึกสบายใจแล้ว........เหมือนนางฟ้าเลย.......นางฟ้าฤดูใบไม้ผลิ"
"ฮ่ะฮ่ะ ชมว่าผมหล่อจะดีใจกว่านะ......."
แรมโบ้หัวเราะ ในใจประหวัดคิดถึงเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงอเมทิสต์
ยิ้มสิ
ชั้นชอบเวลาที่นายยิ้ม...........นายเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าหยดน้ำตา
แปลก..........ทำไมใครๆถึงชอบให้เขายิ้มกันนักนะ
"ไม่หรอก แรมจังน่ารักน่ะถูกแล้ว" ยามาโมโตะพูดพลางโอบไหล่เขาอย่างสนิทสนม จมูกโด่งคมก้มลงไปสูดความหอมจากแก้มเนียนใสของผู้พิทักษ์อัสนี เรียกให้ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำ รีบอร์นมองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะลุกขึ้นยืน มือหนาสวมหมวกปีกกว้างลงบนศีรษะตัวเอง
"กลับบ้าน ชั้นต้องไปเตรียมของ" ยามาโมโตะเอาแขนออกจากไหล่บอบบางพร้อมๆกับที่แรมโบ้ลุกขึ้นยืน รีบอร์นเดินออกไปแล้วโดยไม่รอ ร่างบางแจกยิ้มให้กับทุกคนในห้อง ก้มหัวให้สึนะเล็กน้อยก่อนจะเดินตามรีบอร์นไป
'ฮ่ะฮ่ะ ดูท่าทางเจ้าหนูรีบอร์นจะขี้หึงกว่าที่คิดไว้ น่าสนุกชะมัดเลย"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดที่ริมฝีปากหนาของผู้พิทักษ์วรุณก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เฮ้อออ......คิดถึงเคียวยะจัง
ชั้นไม่ได้นอกใจเคียวยะนะ.......แค่แกล้งเจ้าหนูรีบอร์นนิดหน่อยเอง
..........................................................................................................................................................................
"นี่ รีบอร์น นายเป็นอะไรไปน่ะ" ร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามร่างสูงที่เดินนำลิ่วๆมาโดยไม่สนใจเขา ผิดกับเมื่อเช้าลิบลับที่เดินเข้ามาพร้อมกันสองคน
"รีบอร์น........" ร่างบางตามมาทันในที่สุด มือบางจับชายเสื้อสูทไว้ได้ รีบอร์นหันดวงตาสีดำสนิทมาสบ......
เย็นชา......ดวงตานั้นไม่ทอประกายความรู้สึกใดๆออกมา
เหมือนทุกครั้ง.....แต่อะไรบางอย่างกลับต่างออกไป
อะไรบางอย่าง.......ที่เกินกว่าเขาจะเข้าใจ
มือใหญ่กระชากข้อมือบอบบาง.........ดึงเข้าไปในลิฟต์ แรมโบ้ปลิวไปตามแรงกระชากนั้น รีบอร์นกดลิฟต์ไปที่ชั้น 69.......ชั้นส่วนตัวของเขา
ร่างบางกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ
ไม่รู้.......ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
รู้แค่ว่า......รีบอร์นกำลังโกรธ......
โกรธอะไร.....เขาทำอะไรผิด
ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว รีบอร์นกระชากท่อนแขนบอบบางออกมาจากลิฟต์ ลากไปตามทางเดินปูพรม
แรมโบ้ฝืนตัวไว้อย่างสุดกำลัง........ด้วยสัญชาตญาณ
ไม่รู้ทำไม.....แต่อะไรบางอย่างกำลังร่ำร้อง
หนีไปให้ไกลจากรีบอร์น!!!!!
Tbc.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น