ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Just Only XS and BF (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #6 : [Fic] Covetousness -XS- 3 complete!!!

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 52


    Chapter 3 แบบ complete :


    แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานกว้างตกกระทบกับเรือนผมสีเงินยวงยาวสยายที่แผ่อยู่เต็มหมอนใบโต วงหน้าหวานใสหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน หากแต่นิทรารมณ์อันแสนสุขกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นรัวแรง



    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



    “ท่านสควอโล่ครับ!!!!!”



    ร่างบางปรือนัยน์ตาสัน้ำแข็งขึ้นมองเล็กน้อย มือเรียวตวัดผ้าห่มผืนหนาออกเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบตัดกับผิวขาวผ่องอย่าเย้ายวนใจ มือบางสางเรือนผมสีเงินยวงของตัวเองลวกๆ เมื่อเสียงเคาะประตูนั้นดังขึ้นอีกครา



    “เออ เออ รู้แล้ว น่ารำคาญ!!!!”



    ตะโกนบอกออกไปด้วยความหงุดหงิด มือบางฉวยชุดคลุมอาบน้ำมาใส่อย่างลวกๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้กับลูกน้องหน่วยพิรุณ ซึ่งได้แต่จ้องมองมาที่ร่างบางอย่างตกตะลึง



    “มีอะไรก็ว่ามา จ้องอยู่ได้อยากตายรึไง”



    เสียงหวานตวาดลั่นเมื่อลูกน้องจับจ้องมาที่ซอกคอซึ่งเต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบ ทำให้รู้สึกร้อนจนอับอาย ตื่นสายแถมยังมีรอยแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนทำอะไรมา พรุ่งนี้เรื่องนี้อาจได้เป็นข่าวลือไปทั่ววาเรีย



    “ค…..ครับ…..ท่านสควอโล่ วองโกเล่รุ่นที่ 10 เรียกท่านไปพบที่ห้องทำงานด่วนเลยครับ…..ม….ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”



    กล่าวรายงานเสร็จก็วิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูง หากแต่สควอโล่กลับไม่คิดสนใจ เด็กนั่นเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน เพื่ออะไร…..



    ความคิดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจของฉลามคลั่ง แม้กระทั่งยามอาบน้ำแต่งตัวและเดินมาตามทางเดินกว้างสู่เขตที่ทำงานของวองโกเล่รุ่นที่ 10 ถึงแม้ว่าวองโกเล่จะมีฐานทัพลับอยู่มากมาย รวมถึงคฤหาสน์วองโกเล่อันเป็นที่พักของพวกผู้พิทักษ์ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสึนะโยชิสมควรอยู่ที่นั่น แต่กลับหอบงานทั้งหมดมาทำที่ปราสาทวาเรีย และกลับไปที่คฤหาสน์วองโกเล่บ้างในบางวัน



    ในตอนแรกความคิดนี้ถูกคัดค้านอย่างหนักด้วยว่าจะเกิดอันตรายขณะเดินทาง……แต่แล้ว ช่างประดิษฐ์เฮงซวยของวองโกเล่กลับคิดค้นอาวุธที่สามารถใช้เดินทางไปกลับได้โดยปลอดภัย ความคิดที่จะให้สึนะมาอยู่ที่ปราสาทวาเรียข้างๆคนรักก็ถูกยอมรับในที่สุด



    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



    “เข้ามาได้”



    สควอโล่ผลักบานประตูเข้าไปอย่างเชื่องช้าเมื่อได้รับอนุญาต ภาพของคนผมสีน้ำตาลที่กำลังนั่งขะมักเขม้นทำงานเอกสารเรียกให้สควอโล่รู้สึกแปลกใจ มีงานสำคัญอะไรกัน…..ถึงต้องเรียกให้มาคุยเช่นนี้…….



    สึนะเซ็นเอกสารเป็นแผ่นสุดท้าย ก่อนจะวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเรือนผมสีเงินยวงอย่างเย็นชา



    “นั่งก่อนสิ…….”



    คำกล่าวนั้นทำให้สควอโล่ต้องทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมชั้นดีหน้าโต๊ะทำงานของวองโกเล่อย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าคมสวยขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เหตุเพราะการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอกับอาการปวดแปลบที่สะโพกยามขยับตัวแรงเกินไปทำให้รู้สึกอึดอัด



    “คุณคงรู้สึกไม่ดีสินะ………” เริ่มต้นมาก่อนด้วยประโยคคำถามที่ทำให้คนฟังถึงกับงง



    “อาการปวดที่สะโพกหน่ะ เป็นยังไง……แซนซัสคงรุนแรงถึงใจจนต้องเอาไปกกไว้ตั้ง 3 วันใช่มั้ยล่ะ หึ”



    ตึง!



    เส้นอารมณ์ที่อดทนมาขาดผึงในบัดนั้น สควอโล่ลุกพรวดขึ้นอย่างแรงจนเก้าอี้ตัวใหญ่ล้มตึงไปกองกับพื้นด้วยเสียงอันดัง



    “ถ้าจะพูดกันเรื่องนี้……ฉันขอตัว!!” เสียงหวานเอ่ยอย่างเย็นชา สองขาเพรียวเตรียมจะก้าวเดินออกไปจากห้องแต่กลับต้องชะงักอีกคราเมื่อได้ฟังประโยคอันแสนเย้ยหยัน



    “พูดแค่นี้ถึงกับรับไม่ได้เลยรึไง แต่ว่านะ…..คนที่รับไม่ได้มันน่าจะเป็นผมมากกว่า ไม่รู้สึกละอายมั่งรึไงที่เอาคนของคนอื่นไปนอนกกอยู่ได้ ศักดิ์ศรีที่คุณภาคภูมิใจ มันไปอยู่ไหนซะหมดล่ะ สเพลปี สควอโล่”



    ประโยคนั้นทำให้ร่างบางกระตุกเกร็งไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกโกรธ…….โกรธมากกว่าครั้งไหนๆ…….โกรธจนรู้สึกอยากจะเอาดาบฟันไอเด็กบ้านี่ให้ตายๆไปซะ แต่กลับต้องระงับอารมณ์ไว้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า เขาไม่สามารถใช้อารมณ์เข้าสู้ได้ เป็นการเดิมพันอะไรบางอย่างที่ความโกรธไม่สามารถเอาชนะ………



    “น่าขำ……คนที่ได้แต่เย้ยหยันคนอื่นอย่างแกน่ะ สมควรแล้วไม่ใช่รึไง ที่แซนซัสจะมาอยู่กับฉัน ถ้าเขารักแกจริง…..คงไม่ลอบมาหาฉันทุกคืนหรอก คนที่รู้แล้วทำอะไรไม่ได้มากกว่าที่น่าสมเพช”



    ประกายเพลิงพิโรธวาบผ่านขึ้นที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสึนะจนคนมองถึงกับชะงัก …….คนคนนี้คือวองโกเล่รุ่นที่ 10 คือผู้ยืนหยัดอยู่เหนือคนทั้งมวล คือผู้นำของวองโกเล่ที่แสนเก่งกาจ……….ถ้าจะให้สู้กันจริงๆ เขาคงเป็นฝ่ายปราชัยอย่างไม่ต้องสงสัย



    ……….แล้วไงล่ะ คนอย่างเขาไม่เคยกลัวความตาย การมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกอย่างนี้ต่างหาก ที่ราวกับตายทั้งเป็น…………



    “ทำไม…….ภูมิใจมากรึไงที่แย่งแซนซัสไปจากฉันได้” ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว อยากจะรู้…..จิตใจของคนตรงหน้านั้นทำด้วยอะไร ทำไมถึงเย้ยหยัน……ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้!!!



    สึนะโยชิชะงักไปกับประโยคนั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เคยเกรี้ยวโกรธกลับทอประกายหมองหม่น



    “เพื่อความรักแล้ว……….” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา



    เพื่อความรักแล้ว………เราสองคนคงไม่ต่างกัน



    เราต่างก็ทิ้งศักดิ์ศรี……….เพื่ออะไร



    เพื่อความรักที่บิดเบี้ยวนี้น่ะเหรอ………



    ‘ถึงจะเป็นความรักที่บิดเบี้ยว……..ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่คิดยอมแพ้’



    ทั้งหมดนั้น……..ก็เพื่อนาย



    ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อนาย……..แซนซัส



    ไร้สรรพเสียงใดระหว่างคนทั้งสอง……



    ….ได้แต่ตกอยู่ในห้วงความคิดอันสับสน……..



    คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ทั้งเด็กนั่นทั้งเราเอง คิดจะทำอะไร…….



    ทั้งๆที่เคยอ่อนโยนขนาดนั้นแท้ๆ…….



    “รู้มั้ยว่าแซนซัสพูดถึงคุณว่าอะไร………”



    เรื่องพรรค์นั้นใครจะอยากไปรู้กัน!



    ฉลามคลั่งแห่งวาเรียกัดริมฝีปากของตัวเองจนหยาดเลือดสีสดหลั่งริน ความเจ็บปวดทางกายมันช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดในจิตใจที่ต้องลดศักดิ์ศรีของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า



    อยากจะเค้นแรงใจ อยากจะเค้นคำพูดมาด่าว่าเสียดสีให้เหมือนกับที่คนตรงหน้าทำ…….



    “แซนซัสพูดออกมาเองว่า……เขารักฉัน……”



    ก็แล้วยังไง……รักได้ก็เลิกได้…..



    “…..เขาสัญญากับฉันว่าเขาจะไม่ไปหานายอีกแล้ว……..”



    ใครจะไปสน…….



    ผู้ชายไม่รู้จักพอแบบนั้น……..



    “เขาพูดถึงนายด้วยนะ…..อยากจะฟังความจริงมั้ยล่ะ”



    ไม่ต้องฟังก็รู้อยู่แล้ว……..



    ในเมื่อตระหนัก…..



    ในเมื่อย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา……



    “……แย่หน่อยนะ คุณรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย……”



    ปลายเสียงอ่อนหวานทอดถอนใจด้วยความสมเพช……….



    “แซนซัสบอกว่า คุณมันก็เป็นได้แค่ 'ของเล่นชั่วคราว' ที่สุดแสนจะน่าเบื่อก็เท่านั้นล่ะ!!!!”



    ปึ๊ก!!!



    “อ๊ะ!”



    ดาบเล่มบางถูกขว้างไปโดยฉลามคลั่งแห่งวาเรียไปปักทะลุกำแพงห้องจนเกิดเป็นรอยร้าว เรียกให้สึนะโยชิเนื้อตัวตัวเยียบเย็นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ รู้สึกได้ถึงหยาดโลหิตอุ่นร้อนที่หลั่งรินมาตามข้างแก้มใส ดาบนั้นร้ายกาจสมคำร่ำลือ ถึงแม้ว่าจะโดนแต่เพียงเฉียดฉิวแต่กลับเรียกเลือดให้ไหลหยาดรินย้อมพวงแก้มขาวให้เป็นสีแดงฉาน



    “อย่า!ได้กล้า….มาพูดแบบนั้นกับฉันอีก!”



    ฉลามคลั่งแห่งวาเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีน้ำแข็งมีแววแข็งกร้าวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ขาเพรียวบางก้าวเข้าไปหาร่างเล็กกว่าด้วยท่าทางคุกคาม โน้มกายเข้าไปใกล้จนร่างบางมือสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ความโมโหของฉลามคลั่งเป็นยังไง เพิ่งรู้ซึ้งในวันนี้เอง



    “คนที่ได้แต่จิกกัดคนอื่นไปทั่วอย่างแก……คงอยากจะตายมากสินะ งั้นฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน!!!”



    สิ้นคำนั้น ร่างเพรียวบางของสควอโล่ก้าวพรวดเข้าไปดึงดาบคู่ใจออกมาจากกำแพงสุดแรงจนเศษผนังแตกร้าว ตวัดดาบอย่างรุนแรงทาบทับที่ลำคอของอริคนสำคัญ เรียกรอยแผลเล็กน้อยบนซอกคอขาวให้เลือดไหลซิบ หากแต่กลับไม่สะท้านต่อนภาผู้ทะนง ด้วยว่าคนตรงหน้านั้นภักดีกับบอสแห่งวาเรีย…..ยิ่งกว่าใครๆ



    “ช่างน่าสมเพชนัก…….”



    เสียงหวานใสที่หลุดรอดออกมา พร้อมกับแรงเบี่ยงเบาๆที่ปลายดาบทำให้สควอโล่หยุดชะงัก เมื่อสึนะโยชิเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดายพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ



    “เชิญออกไปได้แล้ว………จบธุระของเราแค่นี้แหละ! น่าเศร้านะ….ขนาดเอาตัวเข้าแลกแล้วแท้ๆ แต่แซนซัสกลับไม่เลือกคุณ ไม่สมเพชชีวิตตัวเองมั่งเหรอ ว่าไง……สเปลฮี สควอโล่”



    “ฉันขอตัว!!”



    หมุนตัวจากไปอย่างไม่อาจทานทน เล็บคมจิกเข้าไปในเนื้อตัวเองจนโลหิตสีแดงสดหยาดริน ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดแต่หากไม่ทำเช่นนั้นแล้ว……ความอ่อนแอที่เพียรสะกัดกั้นไว้ก็คงเผยออกมา……



    ……ต่อหน้าศัตรูหัวใจนี้…….



    ……..ผู้ที่ประนามว่าเขาช่างน่าสมเพชและไร้ซึ่งศักดิ์ศรี……….



    แต่ละวินาทีที่ก้าวเดินช่างยาวนาน…….ได้แต่พยายามข่มความรู้สึก……อยากจะวิ่งเหลือเกิน…..



    วิ่งหนีไปให้ไกลๆ…..เพียงเพราะไม่อาจทานทน



    ไหล่ของเราสั่นเกินไปรึเปล่า ระหว่างที่พูดกันนั้นเสียงของเราไม่ได้สั่นไหวใช่มั้ย………



    ถ้าอย่างนั้นแล้ว ……..ความรู้สึกอึดอัดปวดร้าวนี่มันอะไรกัน



    คงไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่หรอกนะ…….



    อดทนเอาไว้………



    อีกนิดเดียวเท่านั้น……..



    มือเรียวบางเอื้อมไปแตะที่เปิดประตูพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งริน…………



    อีกแล้ว…..ถ้อยคำไร้จิตใจพวกนั้น



    ได้แต่สั่งตัวเอง……



    ได้แต่ห้ามตัวเองให้เมินเฉย…….



    แต่กลับทำไม่ได้เลย……..



    เมื่อคำพูดร้ายกาจพวกนั้นตอกย้ำในจิตใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน……



    ของเล่น……



    ไร้ศักดิ์ศรี…….



    น่าสมเพช…….



    ผลักประตูออกไปอย่างเชื่องช้า……จบสิ้นกันแล้ว…….ชีวิตเรามันช่างน่าสมเพชเหลือเกิน



    “อ่ะ…….ท่านผอ…..บอ……”



    เสียงเรียกขานนั้นทำให้ดวงตาสีน้ำแข็งเบิกกว้างอย่างตกใจ มือเรียวเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าตนอย่างลวกๆ อยากจะกระชากเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิดเหมือนเคย หากแต่น้ำเสียงที่ออกมานั้นกลับอ่อนแอ ไร้ซึ่งพลัง…….



    “มาทำบ้าอะไรที่นี่ ไอกบ…..”



    “ท่านผ.บ…….”



    “ฉันถามอยู่นะ…..หูตึงรึไง”



    คราวนี้เสียงหวานกลับมาตวาดแว้ดใส่เหมือนเคย แต่คนข้างในคงจะไม่ได้ยิน…..



    “ผมโดนวองโกเล่เรียกมาน่ะครับ…..คงไม่พ้นเรื่องไร้สาระ……คำพูดจากปากคนๆนั้น ใครเก็บเอาไปใส่ใจก็โง่เต็มทน…..เอ๊ะ! ผมไม่ได้ว่าท่านผ.บ.นะครับ แค่แสดงความคิดเห็น”



    “ไอเด็กเวร พูดอย่างนี้อยากตายใช่มั้ย!!”



    รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมพร้อมกับท่าที่เตรียมจะชักดาบออกมาจากฝักไม่สะท้านต่อร่างเล็กตรงหน้านี่เลยสักนิด ตรงกันข้าม……มือเรียวบางนั่นกลับดึงเขาไปกอดไว้ในอ้อมแขน ความอบอุ่นนั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียสงบลงได้อย่างง่ายดาย…..



    “ติดโรคมาจากไอเจ้าชายรึไง……ทำอย่างนี้เดี๋ยวมันก็มาโวยวายกับฉันอีก”



    ถึงแม้ว่าจะหงิดหงิด แต่มือเรียวกลับเอื้อมไปลูบเรือนผมสีน้ำทะเลสวยของฟรานอย่างใจลอย…….



    อย่างกับ……มีลูกเลยงั้นแหละ



    ความคิดนั้นทำให้หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้……



    อะไรวะเนี่ย……นี่เขาไปคิดว่ามันเป็นลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่…….



    “เราทะเลาะกัน…..”



    “…………..”



    “ผมกับรุ่นพี่เบล…….เราทะเลาะกัน………”



    คำกล่าวนั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียนิ่งงัน ทะเลาะกันงั้นเหรอ……มันราวกับจะเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วของไอเด็กสองคนนี่……แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ มันไม่เคยทะเลาะกันอีกเลยหลังจากคบหากัน



    …….เบลดูจะยอมลงให้ร่างเล็กนี่อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ฟรานเองก็ดูกวนประสาทน้อยลงและมีความสุขกับการอยู่วาเรียมากขึ้น………



    ถ้าอย่างนั้นแล้ว…….



    “คงจะงี่เง่าน่าดูใช่มั้ย ที่ผมดันเครียดเรื่องอะไรแบบนี้ได้ ทั้งๆที่เป็นแค่เรื่องไร้สาระและไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยแท้ๆ…….”



    ฟรานดันตัวออกจากคนตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย หากแต่ดวงตานั้นกลับเศร้าสร้อยกว่าเคย…..



    ตอกย้ำว่า ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระอย่างปากพูด………



    เด็กนี่…..ปากไม่ตรงกับใจเสมอ……ใครๆก็รู้



    ความโศกเศร้านั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียอดไม่ได้ที่จะลูบหัวนั้นอย่างอ่อนโยน……..จะว่าไป…..หมวกกบมันไปไหน…..



    “อ่อนโยนอย่างนี้ เป็นแม่คนได้เลยนะครับ……”



    สิ่งที่มันตอบแทนกลับเป็นคำพูดกวนประสาทซะนี่!



    “แกว่าไงนะ!!!”



    คิ้วบางกระตุกขึ้นส่อแววมาคุ ในขณะที่ฟรานก้าวถอยห่างไปสองสามก้าวอย่างเว้นระยะ



    “โอ๊ะโอ๋ ผมกลัวแล้วครับ……คุณแม่”



    “แกอย่าอยู่เลย ไอเด็กเวร!!!”



    “อยู่ให้โง่สิครับ ลาล่ะ!!”



    ว่าแล้วไอเด็กกบกวนประสาทก็เผ่นแน่บด้วยการกลายร่างเป็นสายหมอกไป



    โดยไม่รู้ตัวรอยยิ้มน้อยๆกลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากอิ่มของฉลามคลั่งแห่งวาเรีย……..



    ยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากได้ฟังคำพูดจากวนประสาทนั่น



    ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมเบลมันถึงได้รักแกขนาดนี้………



    “ขอบคุณ…..”



    กระซิบแผ่วเบาราวกับสายลม แต่เขาก็รู้ว่าไอเด็กนั่นต้องได้ยิน……..ขาเรียวบางเดินจากไปแล้ว ในความว่างเปล่านั้น กลับปรากฏร่างบางผมสีเขียวน้ำทะเล รอยยิ้มอ่อนโยนที่นานๆจะได้เห็นปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากเล็กอีกครั้ง…..



    “ผมต่างหากล่ะครับ ที่ต้องขอบคุณ”



    อยากจะสะสางเรื่องบ้าๆนี่สักที…….



    มือเรียวบางเคาะประตูไม้เนื้อดีเป็นจังหวะช้าๆ



    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



    “วองโกเล่ครับ…..นี่ผมฟราน…….”


    …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



    “โอ๊ย! รำคาญเว้ย คนจะหลับจะนอน ใครวะ!”



    มือเรียวบางคว้านาฬืกาข้างเตียงมาดู 3.39 ถ้าไม่มีธุระอะไรนะ แม่จะฟันให้ตายเลย! คิดแล้วก็หงุดหงิด มือเรียวบางเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตู
    หากแต่กลับชะงัก…..



    ถ้าหากว่า….เป็นแซนซัส……



    ความคิดนั้นทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง……ถ้าหากว่าเป็นจริงอย่างที่เด็กนั่นพูด……



    การมาในครั้งนี้……



    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!



    “ใครวะ”



    ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านหากแต่ไร้คำตอบรับ ร่างบางสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดประตูไป



    “นี่!แก!”



    ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเสยเรือนผมสีเงินยวงของตัวเองอย่างขัดใจ พลางมองร่างเล็กในชุดนอนลายกบที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงกว้าง



    ภาพใบหน้าหวานใสเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาลอยเข้ามาในห้วงความคิด…….



    เพราะไอความใจอ่อนงี่เง่านี่ ทำให้เขาต้องเปิดประตูรับมันมาอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังไปปลอบใจมันจนเสื้อเปียกแฉะ ร้องไห้จนพอใจแล้วมันก็นั่งเหม่อลอยบนเตียง ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสักคำ!!



    มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย!



    นอนก็ไม่พอ เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด ยังต้องมานั่งเครียดเรื่องพวกมันอีก……



    ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พอจะรู้สาเหตุของเรื่องนี้……..



    จะมีอะไรได้นอกจากเรื่อง ไอเจ้าชายนั่น…..



    สาเหตุที่มันมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ห้องของเขาเนี่ย ไม่เดินออกมาเองก็โดนไล่!



    ไล่งั้นเหรอ…..ความคิดนั้น ทำให้สควอโล่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิสัยอย่างเบล….ถ้าไอเด็กนี่เดินออกมา มันต้องวิ่งมารั้งเอาไว้แน่ แต่นี่กลับเดินมาได้ง่ายดายอย่างนี้โดยไม่มีร่อยรอยต่อสู้



    โดนไล่……



    อย่างเบลน่ะเหรอ…..จะไล่ไอเด็กนี่



    แต่ก็สมเหตุสมผลที่มันจะร้องไห้…….



    “ท่านผ.บ.ครับ” เสียงหวานใสที่แสนเรียบเฉยเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา



    “อืม…..”



    อยากจะด่าแทบขาดใจ แต่พอเห็นใบหน้าเศร้าๆนั่นมันก็ใจอ่อนทุกครั้ง……



    “ผมจะช่วยท่านผ.บ.แย่งบอสมาจากสึนะโยชิ!”


    “ห๊า! ว่ายังไงนะ ไอกบ!”

    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×