ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [Fic] Covetousness -XS- 3 complete!!!
Chapter 3 แบบ complete :
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานกว้างตกกระทบกับเรือนผมสีเงินยวงยาวสยายที่แผ่อยู่เต็มหมอนใบโต วงหน้าหวานใสหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน หากแต่นิทรารมณ์อันแสนสุขกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นรัวแรง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ท่านสควอโล่ครับ!!!!!”
ร่างบางปรือนัยน์ตาสัน้ำแข็งขึ้นมองเล็กน้อย มือเรียวตวัดผ้าห่มผืนหนาออกเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบตัดกับผิวขาวผ่องอย่าเย้ายวนใจ มือบางสางเรือนผมสีเงินยวงของตัวเองลวกๆ เมื่อเสียงเคาะประตูนั้นดังขึ้นอีกครา
“เออ เออ รู้แล้ว น่ารำคาญ!!!!”
ตะโกนบอกออกไปด้วยความหงุดหงิด มือบางฉวยชุดคลุมอาบน้ำมาใส่อย่างลวกๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้กับลูกน้องหน่วยพิรุณ ซึ่งได้แต่จ้องมองมาที่ร่างบางอย่างตกตะลึง
“มีอะไรก็ว่ามา จ้องอยู่ได้อยากตายรึไง”
เสียงหวานตวาดลั่นเมื่อลูกน้องจับจ้องมาที่ซอกคอซึ่งเต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบ ทำให้รู้สึกร้อนจนอับอาย ตื่นสายแถมยังมีรอยแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนทำอะไรมา พรุ่งนี้เรื่องนี้อาจได้เป็นข่าวลือไปทั่ววาเรีย
“ค ..ครับ ..ท่านสควอโล่ วองโกเล่รุ่นที่ 10 เรียกท่านไปพบที่ห้องทำงานด่วนเลยครับ ..ม .ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กล่าวรายงานเสร็จก็วิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูง หากแต่สควอโล่กลับไม่คิดสนใจ เด็กนั่นเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน เพื่ออะไร ..
ความคิดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจของฉลามคลั่ง แม้กระทั่งยามอาบน้ำแต่งตัวและเดินมาตามทางเดินกว้างสู่เขตที่ทำงานของวองโกเล่รุ่นที่ 10 ถึงแม้ว่าวองโกเล่จะมีฐานทัพลับอยู่มากมาย รวมถึงคฤหาสน์วองโกเล่อันเป็นที่พักของพวกผู้พิทักษ์ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสึนะโยชิสมควรอยู่ที่นั่น แต่กลับหอบงานทั้งหมดมาทำที่ปราสาทวาเรีย และกลับไปที่คฤหาสน์วองโกเล่บ้างในบางวัน
ในตอนแรกความคิดนี้ถูกคัดค้านอย่างหนักด้วยว่าจะเกิดอันตรายขณะเดินทาง แต่แล้ว ช่างประดิษฐ์เฮงซวยของวองโกเล่กลับคิดค้นอาวุธที่สามารถใช้เดินทางไปกลับได้โดยปลอดภัย ความคิดที่จะให้สึนะมาอยู่ที่ปราสาทวาเรียข้างๆคนรักก็ถูกยอมรับในที่สุด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามาได้”
สควอโล่ผลักบานประตูเข้าไปอย่างเชื่องช้าเมื่อได้รับอนุญาต ภาพของคนผมสีน้ำตาลที่กำลังนั่งขะมักเขม้นทำงานเอกสารเรียกให้สควอโล่รู้สึกแปลกใจ มีงานสำคัญอะไรกัน ..ถึงต้องเรียกให้มาคุยเช่นนี้ .
สึนะเซ็นเอกสารเป็นแผ่นสุดท้าย ก่อนจะวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเรือนผมสีเงินยวงอย่างเย็นชา
“นั่งก่อนสิ .”
คำกล่าวนั้นทำให้สควอโล่ต้องทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมชั้นดีหน้าโต๊ะทำงานของวองโกเล่อย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าคมสวยขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เหตุเพราะการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอกับอาการปวดแปลบที่สะโพกยามขยับตัวแรงเกินไปทำให้รู้สึกอึดอัด
“คุณคงรู้สึกไม่ดีสินะ ” เริ่มต้นมาก่อนด้วยประโยคคำถามที่ทำให้คนฟังถึงกับงง
“อาการปวดที่สะโพกหน่ะ เป็นยังไง แซนซัสคงรุนแรงถึงใจจนต้องเอาไปกกไว้ตั้ง 3 วันใช่มั้ยล่ะ หึ”
ตึง!
เส้นอารมณ์ที่อดทนมาขาดผึงในบัดนั้น สควอโล่ลุกพรวดขึ้นอย่างแรงจนเก้าอี้ตัวใหญ่ล้มตึงไปกองกับพื้นด้วยเสียงอันดัง
“ถ้าจะพูดกันเรื่องนี้ ฉันขอตัว!!” เสียงหวานเอ่ยอย่างเย็นชา สองขาเพรียวเตรียมจะก้าวเดินออกไปจากห้องแต่กลับต้องชะงักอีกคราเมื่อได้ฟังประโยคอันแสนเย้ยหยัน
“พูดแค่นี้ถึงกับรับไม่ได้เลยรึไง แต่ว่านะ ..คนที่รับไม่ได้มันน่าจะเป็นผมมากกว่า ไม่รู้สึกละอายมั่งรึไงที่เอาคนของคนอื่นไปนอนกกอยู่ได้ ศักดิ์ศรีที่คุณภาคภูมิใจ มันไปอยู่ไหนซะหมดล่ะ สเพลปี สควอโล่”
ประโยคนั้นทำให้ร่างบางกระตุกเกร็งไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกโกรธ .โกรธมากกว่าครั้งไหนๆ .โกรธจนรู้สึกอยากจะเอาดาบฟันไอเด็กบ้านี่ให้ตายๆไปซะ แต่กลับต้องระงับอารมณ์ไว้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า เขาไม่สามารถใช้อารมณ์เข้าสู้ได้ เป็นการเดิมพันอะไรบางอย่างที่ความโกรธไม่สามารถเอาชนะ
“น่าขำ คนที่ได้แต่เย้ยหยันคนอื่นอย่างแกน่ะ สมควรแล้วไม่ใช่รึไง ที่แซนซัสจะมาอยู่กับฉัน ถ้าเขารักแกจริง ..คงไม่ลอบมาหาฉันทุกคืนหรอก คนที่รู้แล้วทำอะไรไม่ได้มากกว่าที่น่าสมเพช”
ประกายเพลิงพิโรธวาบผ่านขึ้นที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสึนะจนคนมองถึงกับชะงัก .คนคนนี้คือวองโกเล่รุ่นที่ 10 คือผู้ยืนหยัดอยู่เหนือคนทั้งมวล คือผู้นำของวองโกเล่ที่แสนเก่งกาจ .ถ้าจะให้สู้กันจริงๆ เขาคงเป็นฝ่ายปราชัยอย่างไม่ต้องสงสัย
.แล้วไงล่ะ คนอย่างเขาไม่เคยกลัวความตาย การมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกอย่างนี้ต่างหาก ที่ราวกับตายทั้งเป็น
“ทำไม .ภูมิใจมากรึไงที่แย่งแซนซัสไปจากฉันได้” ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว อยากจะรู้ ..จิตใจของคนตรงหน้านั้นทำด้วยอะไร ทำไมถึงเย้ยหยัน ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้!!!
สึนะโยชิชะงักไปกับประโยคนั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เคยเกรี้ยวโกรธกลับทอประกายหมองหม่น
“เพื่อความรักแล้ว .” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา
เพื่อความรักแล้ว เราสองคนคงไม่ต่างกัน
เราต่างก็ทิ้งศักดิ์ศรี .เพื่ออะไร
เพื่อความรักที่บิดเบี้ยวนี้น่ะเหรอ
‘ถึงจะเป็นความรักที่บิดเบี้ยว ..ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่คิดยอมแพ้’
ทั้งหมดนั้น ..ก็เพื่อนาย
ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อนาย ..แซนซัส
ไร้สรรพเสียงใดระหว่างคนทั้งสอง
.ได้แต่ตกอยู่ในห้วงความคิดอันสับสน ..
คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ทั้งเด็กนั่นทั้งเราเอง คิดจะทำอะไร .
ทั้งๆที่เคยอ่อนโยนขนาดนั้นแท้ๆ .
“รู้มั้ยว่าแซนซัสพูดถึงคุณว่าอะไร ”
เรื่องพรรค์นั้นใครจะอยากไปรู้กัน!
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียกัดริมฝีปากของตัวเองจนหยาดเลือดสีสดหลั่งริน ความเจ็บปวดทางกายมันช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดในจิตใจที่ต้องลดศักดิ์ศรีของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
อยากจะเค้นแรงใจ อยากจะเค้นคำพูดมาด่าว่าเสียดสีให้เหมือนกับที่คนตรงหน้าทำ .
“แซนซัสพูดออกมาเองว่า เขารักฉัน ”
ก็แล้วยังไง รักได้ก็เลิกได้ ..
“ ..เขาสัญญากับฉันว่าเขาจะไม่ไปหานายอีกแล้ว ..”
ใครจะไปสน .
ผู้ชายไม่รู้จักพอแบบนั้น ..
“เขาพูดถึงนายด้วยนะ ..อยากจะฟังความจริงมั้ยล่ะ”
ไม่ต้องฟังก็รู้อยู่แล้ว ..
ในเมื่อตระหนัก ..
ในเมื่อย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“ แย่หน่อยนะ คุณรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย ”
ปลายเสียงอ่อนหวานทอดถอนใจด้วยความสมเพช .
“แซนซัสบอกว่า คุณมันก็เป็นได้แค่ 'ของเล่นชั่วคราว' ที่สุดแสนจะน่าเบื่อก็เท่านั้นล่ะ!!!!”
ปึ๊ก!!!
“อ๊ะ!”
ดาบเล่มบางถูกขว้างไปโดยฉลามคลั่งแห่งวาเรียไปปักทะลุกำแพงห้องจนเกิดเป็นรอยร้าว เรียกให้สึนะโยชิเนื้อตัวตัวเยียบเย็นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ รู้สึกได้ถึงหยาดโลหิตอุ่นร้อนที่หลั่งรินมาตามข้างแก้มใส ดาบนั้นร้ายกาจสมคำร่ำลือ ถึงแม้ว่าจะโดนแต่เพียงเฉียดฉิวแต่กลับเรียกเลือดให้ไหลหยาดรินย้อมพวงแก้มขาวให้เป็นสีแดงฉาน
“อย่า!ได้กล้า .มาพูดแบบนั้นกับฉันอีก!”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีน้ำแข็งมีแววแข็งกร้าวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ขาเพรียวบางก้าวเข้าไปหาร่างเล็กกว่าด้วยท่าทางคุกคาม โน้มกายเข้าไปใกล้จนร่างบางมือสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ความโมโหของฉลามคลั่งเป็นยังไง เพิ่งรู้ซึ้งในวันนี้เอง
“คนที่ได้แต่จิกกัดคนอื่นไปทั่วอย่างแก คงอยากจะตายมากสินะ งั้นฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน!!!”
สิ้นคำนั้น ร่างเพรียวบางของสควอโล่ก้าวพรวดเข้าไปดึงดาบคู่ใจออกมาจากกำแพงสุดแรงจนเศษผนังแตกร้าว ตวัดดาบอย่างรุนแรงทาบทับที่ลำคอของอริคนสำคัญ เรียกรอยแผลเล็กน้อยบนซอกคอขาวให้เลือดไหลซิบ หากแต่กลับไม่สะท้านต่อนภาผู้ทะนง ด้วยว่าคนตรงหน้านั้นภักดีกับบอสแห่งวาเรีย ..ยิ่งกว่าใครๆ
“ช่างน่าสมเพชนัก .”
เสียงหวานใสที่หลุดรอดออกมา พร้อมกับแรงเบี่ยงเบาๆที่ปลายดาบทำให้สควอโล่หยุดชะงัก เมื่อสึนะโยชิเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดายพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ
“เชิญออกไปได้แล้ว จบธุระของเราแค่นี้แหละ! น่าเศร้านะ .ขนาดเอาตัวเข้าแลกแล้วแท้ๆ แต่แซนซัสกลับไม่เลือกคุณ ไม่สมเพชชีวิตตัวเองมั่งเหรอ ว่าไง สเปลฮี สควอโล่”
“ฉันขอตัว!!”
หมุนตัวจากไปอย่างไม่อาจทานทน เล็บคมจิกเข้าไปในเนื้อตัวเองจนโลหิตสีแดงสดหยาดริน ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดแต่หากไม่ทำเช่นนั้นแล้ว ความอ่อนแอที่เพียรสะกัดกั้นไว้ก็คงเผยออกมา
ต่อหน้าศัตรูหัวใจนี้ .
..ผู้ที่ประนามว่าเขาช่างน่าสมเพชและไร้ซึ่งศักดิ์ศรี .
แต่ละวินาทีที่ก้าวเดินช่างยาวนาน .ได้แต่พยายามข่มความรู้สึก อยากจะวิ่งเหลือเกิน ..
วิ่งหนีไปให้ไกลๆ ..เพียงเพราะไม่อาจทานทน
ไหล่ของเราสั่นเกินไปรึเปล่า ระหว่างที่พูดกันนั้นเสียงของเราไม่ได้สั่นไหวใช่มั้ย
ถ้าอย่างนั้นแล้ว ..ความรู้สึกอึดอัดปวดร้าวนี่มันอะไรกัน
คงไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่หรอกนะ .
อดทนเอาไว้
อีกนิดเดียวเท่านั้น ..
มือเรียวบางเอื้อมไปแตะที่เปิดประตูพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งริน
อีกแล้ว ..ถ้อยคำไร้จิตใจพวกนั้น
ได้แต่สั่งตัวเอง
ได้แต่ห้ามตัวเองให้เมินเฉย .
แต่กลับทำไม่ได้เลย ..
เมื่อคำพูดร้ายกาจพวกนั้นตอกย้ำในจิตใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ของเล่น
ไร้ศักดิ์ศรี .
น่าสมเพช .
ผลักประตูออกไปอย่างเชื่องช้า จบสิ้นกันแล้ว .ชีวิตเรามันช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
“อ่ะ .ท่านผอ ..บอ ”
เสียงเรียกขานนั้นทำให้ดวงตาสีน้ำแข็งเบิกกว้างอย่างตกใจ มือเรียวเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าตนอย่างลวกๆ อยากจะกระชากเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิดเหมือนเคย หากแต่น้ำเสียงที่ออกมานั้นกลับอ่อนแอ ไร้ซึ่งพลัง .
“มาทำบ้าอะไรที่นี่ ไอกบ ..”
“ท่านผ.บ .”
“ฉันถามอยู่นะ ..หูตึงรึไง”
คราวนี้เสียงหวานกลับมาตวาดแว้ดใส่เหมือนเคย แต่คนข้างในคงจะไม่ได้ยิน ..
“ผมโดนวองโกเล่เรียกมาน่ะครับ ..คงไม่พ้นเรื่องไร้สาระ คำพูดจากปากคนๆนั้น ใครเก็บเอาไปใส่ใจก็โง่เต็มทน ..เอ๊ะ! ผมไม่ได้ว่าท่านผ.บ.นะครับ แค่แสดงความคิดเห็น”
“ไอเด็กเวร พูดอย่างนี้อยากตายใช่มั้ย!!”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมพร้อมกับท่าที่เตรียมจะชักดาบออกมาจากฝักไม่สะท้านต่อร่างเล็กตรงหน้านี่เลยสักนิด ตรงกันข้าม มือเรียวบางนั่นกลับดึงเขาไปกอดไว้ในอ้อมแขน ความอบอุ่นนั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียสงบลงได้อย่างง่ายดาย ..
“ติดโรคมาจากไอเจ้าชายรึไง ทำอย่างนี้เดี๋ยวมันก็มาโวยวายกับฉันอีก”
ถึงแม้ว่าจะหงิดหงิด แต่มือเรียวกลับเอื้อมไปลูบเรือนผมสีน้ำทะเลสวยของฟรานอย่างใจลอย .
อย่างกับ มีลูกเลยงั้นแหละ
ความคิดนั้นทำให้หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
อะไรวะเนี่ย นี่เขาไปคิดว่ามันเป็นลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ .
“เราทะเลาะกัน ..”
“ ..”
“ผมกับรุ่นพี่เบล .เราทะเลาะกัน ”
คำกล่าวนั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียนิ่งงัน ทะเลาะกันงั้นเหรอ มันราวกับจะเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วของไอเด็กสองคนนี่ แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ มันไม่เคยทะเลาะกันอีกเลยหลังจากคบหากัน
.เบลดูจะยอมลงให้ร่างเล็กนี่อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ฟรานเองก็ดูกวนประสาทน้อยลงและมีความสุขกับการอยู่วาเรียมากขึ้น
ถ้าอย่างนั้นแล้ว .
“คงจะงี่เง่าน่าดูใช่มั้ย ที่ผมดันเครียดเรื่องอะไรแบบนี้ได้ ทั้งๆที่เป็นแค่เรื่องไร้สาระและไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยแท้ๆ .”
ฟรานดันตัวออกจากคนตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย หากแต่ดวงตานั้นกลับเศร้าสร้อยกว่าเคย ..
ตอกย้ำว่า ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระอย่างปากพูด
เด็กนี่ ..ปากไม่ตรงกับใจเสมอ ใครๆก็รู้
ความโศกเศร้านั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียอดไม่ได้ที่จะลูบหัวนั้นอย่างอ่อนโยน ..จะว่าไป ..หมวกกบมันไปไหน ..
“อ่อนโยนอย่างนี้ เป็นแม่คนได้เลยนะครับ ”
สิ่งที่มันตอบแทนกลับเป็นคำพูดกวนประสาทซะนี่!
“แกว่าไงนะ!!!”
คิ้วบางกระตุกขึ้นส่อแววมาคุ ในขณะที่ฟรานก้าวถอยห่างไปสองสามก้าวอย่างเว้นระยะ
“โอ๊ะโอ๋ ผมกลัวแล้วครับ คุณแม่”
“แกอย่าอยู่เลย ไอเด็กเวร!!!”
“อยู่ให้โง่สิครับ ลาล่ะ!!”
ว่าแล้วไอเด็กกบกวนประสาทก็เผ่นแน่บด้วยการกลายร่างเป็นสายหมอกไป
โดยไม่รู้ตัวรอยยิ้มน้อยๆกลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากอิ่มของฉลามคลั่งแห่งวาเรีย ..
ยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากได้ฟังคำพูดจากวนประสาทนั่น
ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมเบลมันถึงได้รักแกขนาดนี้
“ขอบคุณ ..”
กระซิบแผ่วเบาราวกับสายลม แต่เขาก็รู้ว่าไอเด็กนั่นต้องได้ยิน ..ขาเรียวบางเดินจากไปแล้ว ในความว่างเปล่านั้น กลับปรากฏร่างบางผมสีเขียวน้ำทะเล รอยยิ้มอ่อนโยนที่นานๆจะได้เห็นปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากเล็กอีกครั้ง ..
“ผมต่างหากล่ะครับ ที่ต้องขอบคุณ”
อยากจะสะสางเรื่องบ้าๆนี่สักที .
มือเรียวบางเคาะประตูไม้เนื้อดีเป็นจังหวะช้าๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“วองโกเล่ครับ ..นี่ผมฟราน .”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“โอ๊ย! รำคาญเว้ย คนจะหลับจะนอน ใครวะ!”
มือเรียวบางคว้านาฬืกาข้างเตียงมาดู 3.39 ถ้าไม่มีธุระอะไรนะ แม่จะฟันให้ตายเลย! คิดแล้วก็หงุดหงิด มือเรียวบางเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตู
หากแต่กลับชะงัก ..
ถ้าหากว่า .เป็นแซนซัส
ความคิดนั้นทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ถ้าหากว่าเป็นจริงอย่างที่เด็กนั่นพูด
การมาในครั้งนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ใครวะ”
ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านหากแต่ไร้คำตอบรับ ร่างบางสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดประตูไป
“นี่!แก!”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเสยเรือนผมสีเงินยวงของตัวเองอย่างขัดใจ พลางมองร่างเล็กในชุดนอนลายกบที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงกว้าง
ภาพใบหน้าหวานใสเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาลอยเข้ามาในห้วงความคิด .
เพราะไอความใจอ่อนงี่เง่านี่ ทำให้เขาต้องเปิดประตูรับมันมาอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังไปปลอบใจมันจนเสื้อเปียกแฉะ ร้องไห้จนพอใจแล้วมันก็นั่งเหม่อลอยบนเตียง ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสักคำ!!
มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย!
นอนก็ไม่พอ เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด ยังต้องมานั่งเครียดเรื่องพวกมันอีก
ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พอจะรู้สาเหตุของเรื่องนี้ ..
จะมีอะไรได้นอกจากเรื่อง ไอเจ้าชายนั่น ..
สาเหตุที่มันมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ห้องของเขาเนี่ย ไม่เดินออกมาเองก็โดนไล่!
ไล่งั้นเหรอ ..ความคิดนั้น ทำให้สควอโล่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิสัยอย่างเบล .ถ้าไอเด็กนี่เดินออกมา มันต้องวิ่งมารั้งเอาไว้แน่ แต่นี่กลับเดินมาได้ง่ายดายอย่างนี้โดยไม่มีร่อยรอยต่อสู้
โดนไล่
อย่างเบลน่ะเหรอ ..จะไล่ไอเด็กนี่
แต่ก็สมเหตุสมผลที่มันจะร้องไห้ .
“ท่านผ.บ.ครับ” เสียงหวานใสที่แสนเรียบเฉยเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“อืม ..”
อยากจะด่าแทบขาดใจ แต่พอเห็นใบหน้าเศร้าๆนั่นมันก็ใจอ่อนทุกครั้ง
“ผมจะช่วยท่านผ.บ.แย่งบอสมาจากสึนะโยชิ!”
“ห๊า! ว่ายังไงนะ ไอกบ!”
TBC.
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานกว้างตกกระทบกับเรือนผมสีเงินยวงยาวสยายที่แผ่อยู่เต็มหมอนใบโต วงหน้าหวานใสหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน หากแต่นิทรารมณ์อันแสนสุขกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นรัวแรง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ท่านสควอโล่ครับ!!!!!”
ร่างบางปรือนัยน์ตาสัน้ำแข็งขึ้นมองเล็กน้อย มือเรียวตวัดผ้าห่มผืนหนาออกเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบตัดกับผิวขาวผ่องอย่าเย้ายวนใจ มือบางสางเรือนผมสีเงินยวงของตัวเองลวกๆ เมื่อเสียงเคาะประตูนั้นดังขึ้นอีกครา
“เออ เออ รู้แล้ว น่ารำคาญ!!!!”
ตะโกนบอกออกไปด้วยความหงุดหงิด มือบางฉวยชุดคลุมอาบน้ำมาใส่อย่างลวกๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้กับลูกน้องหน่วยพิรุณ ซึ่งได้แต่จ้องมองมาที่ร่างบางอย่างตกตะลึง
“มีอะไรก็ว่ามา จ้องอยู่ได้อยากตายรึไง”
เสียงหวานตวาดลั่นเมื่อลูกน้องจับจ้องมาที่ซอกคอซึ่งเต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบ ทำให้รู้สึกร้อนจนอับอาย ตื่นสายแถมยังมีรอยแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนทำอะไรมา พรุ่งนี้เรื่องนี้อาจได้เป็นข่าวลือไปทั่ววาเรีย
“ค ..ครับ ..ท่านสควอโล่ วองโกเล่รุ่นที่ 10 เรียกท่านไปพบที่ห้องทำงานด่วนเลยครับ ..ม .ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กล่าวรายงานเสร็จก็วิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูง หากแต่สควอโล่กลับไม่คิดสนใจ เด็กนั่นเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน เพื่ออะไร ..
ความคิดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจของฉลามคลั่ง แม้กระทั่งยามอาบน้ำแต่งตัวและเดินมาตามทางเดินกว้างสู่เขตที่ทำงานของวองโกเล่รุ่นที่ 10 ถึงแม้ว่าวองโกเล่จะมีฐานทัพลับอยู่มากมาย รวมถึงคฤหาสน์วองโกเล่อันเป็นที่พักของพวกผู้พิทักษ์ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสึนะโยชิสมควรอยู่ที่นั่น แต่กลับหอบงานทั้งหมดมาทำที่ปราสาทวาเรีย และกลับไปที่คฤหาสน์วองโกเล่บ้างในบางวัน
ในตอนแรกความคิดนี้ถูกคัดค้านอย่างหนักด้วยว่าจะเกิดอันตรายขณะเดินทาง แต่แล้ว ช่างประดิษฐ์เฮงซวยของวองโกเล่กลับคิดค้นอาวุธที่สามารถใช้เดินทางไปกลับได้โดยปลอดภัย ความคิดที่จะให้สึนะมาอยู่ที่ปราสาทวาเรียข้างๆคนรักก็ถูกยอมรับในที่สุด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามาได้”
สควอโล่ผลักบานประตูเข้าไปอย่างเชื่องช้าเมื่อได้รับอนุญาต ภาพของคนผมสีน้ำตาลที่กำลังนั่งขะมักเขม้นทำงานเอกสารเรียกให้สควอโล่รู้สึกแปลกใจ มีงานสำคัญอะไรกัน ..ถึงต้องเรียกให้มาคุยเช่นนี้ .
สึนะเซ็นเอกสารเป็นแผ่นสุดท้าย ก่อนจะวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเรือนผมสีเงินยวงอย่างเย็นชา
“นั่งก่อนสิ .”
คำกล่าวนั้นทำให้สควอโล่ต้องทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมชั้นดีหน้าโต๊ะทำงานของวองโกเล่อย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าคมสวยขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เหตุเพราะการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอกับอาการปวดแปลบที่สะโพกยามขยับตัวแรงเกินไปทำให้รู้สึกอึดอัด
“คุณคงรู้สึกไม่ดีสินะ ” เริ่มต้นมาก่อนด้วยประโยคคำถามที่ทำให้คนฟังถึงกับงง
“อาการปวดที่สะโพกหน่ะ เป็นยังไง แซนซัสคงรุนแรงถึงใจจนต้องเอาไปกกไว้ตั้ง 3 วันใช่มั้ยล่ะ หึ”
ตึง!
เส้นอารมณ์ที่อดทนมาขาดผึงในบัดนั้น สควอโล่ลุกพรวดขึ้นอย่างแรงจนเก้าอี้ตัวใหญ่ล้มตึงไปกองกับพื้นด้วยเสียงอันดัง
“ถ้าจะพูดกันเรื่องนี้ ฉันขอตัว!!” เสียงหวานเอ่ยอย่างเย็นชา สองขาเพรียวเตรียมจะก้าวเดินออกไปจากห้องแต่กลับต้องชะงักอีกคราเมื่อได้ฟังประโยคอันแสนเย้ยหยัน
“พูดแค่นี้ถึงกับรับไม่ได้เลยรึไง แต่ว่านะ ..คนที่รับไม่ได้มันน่าจะเป็นผมมากกว่า ไม่รู้สึกละอายมั่งรึไงที่เอาคนของคนอื่นไปนอนกกอยู่ได้ ศักดิ์ศรีที่คุณภาคภูมิใจ มันไปอยู่ไหนซะหมดล่ะ สเพลปี สควอโล่”
ประโยคนั้นทำให้ร่างบางกระตุกเกร็งไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกโกรธ .โกรธมากกว่าครั้งไหนๆ .โกรธจนรู้สึกอยากจะเอาดาบฟันไอเด็กบ้านี่ให้ตายๆไปซะ แต่กลับต้องระงับอารมณ์ไว้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า เขาไม่สามารถใช้อารมณ์เข้าสู้ได้ เป็นการเดิมพันอะไรบางอย่างที่ความโกรธไม่สามารถเอาชนะ
“น่าขำ คนที่ได้แต่เย้ยหยันคนอื่นอย่างแกน่ะ สมควรแล้วไม่ใช่รึไง ที่แซนซัสจะมาอยู่กับฉัน ถ้าเขารักแกจริง ..คงไม่ลอบมาหาฉันทุกคืนหรอก คนที่รู้แล้วทำอะไรไม่ได้มากกว่าที่น่าสมเพช”
ประกายเพลิงพิโรธวาบผ่านขึ้นที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสึนะจนคนมองถึงกับชะงัก .คนคนนี้คือวองโกเล่รุ่นที่ 10 คือผู้ยืนหยัดอยู่เหนือคนทั้งมวล คือผู้นำของวองโกเล่ที่แสนเก่งกาจ .ถ้าจะให้สู้กันจริงๆ เขาคงเป็นฝ่ายปราชัยอย่างไม่ต้องสงสัย
.แล้วไงล่ะ คนอย่างเขาไม่เคยกลัวความตาย การมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกอย่างนี้ต่างหาก ที่ราวกับตายทั้งเป็น
“ทำไม .ภูมิใจมากรึไงที่แย่งแซนซัสไปจากฉันได้” ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว อยากจะรู้ ..จิตใจของคนตรงหน้านั้นทำด้วยอะไร ทำไมถึงเย้ยหยัน ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้!!!
สึนะโยชิชะงักไปกับประโยคนั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เคยเกรี้ยวโกรธกลับทอประกายหมองหม่น
“เพื่อความรักแล้ว .” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา
เพื่อความรักแล้ว เราสองคนคงไม่ต่างกัน
เราต่างก็ทิ้งศักดิ์ศรี .เพื่ออะไร
เพื่อความรักที่บิดเบี้ยวนี้น่ะเหรอ
‘ถึงจะเป็นความรักที่บิดเบี้ยว ..ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่คิดยอมแพ้’
ทั้งหมดนั้น ..ก็เพื่อนาย
ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อนาย ..แซนซัส
ไร้สรรพเสียงใดระหว่างคนทั้งสอง
.ได้แต่ตกอยู่ในห้วงความคิดอันสับสน ..
คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ทั้งเด็กนั่นทั้งเราเอง คิดจะทำอะไร .
ทั้งๆที่เคยอ่อนโยนขนาดนั้นแท้ๆ .
“รู้มั้ยว่าแซนซัสพูดถึงคุณว่าอะไร ”
เรื่องพรรค์นั้นใครจะอยากไปรู้กัน!
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียกัดริมฝีปากของตัวเองจนหยาดเลือดสีสดหลั่งริน ความเจ็บปวดทางกายมันช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดในจิตใจที่ต้องลดศักดิ์ศรีของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
อยากจะเค้นแรงใจ อยากจะเค้นคำพูดมาด่าว่าเสียดสีให้เหมือนกับที่คนตรงหน้าทำ .
“แซนซัสพูดออกมาเองว่า เขารักฉัน ”
ก็แล้วยังไง รักได้ก็เลิกได้ ..
“ ..เขาสัญญากับฉันว่าเขาจะไม่ไปหานายอีกแล้ว ..”
ใครจะไปสน .
ผู้ชายไม่รู้จักพอแบบนั้น ..
“เขาพูดถึงนายด้วยนะ ..อยากจะฟังความจริงมั้ยล่ะ”
ไม่ต้องฟังก็รู้อยู่แล้ว ..
ในเมื่อตระหนัก ..
ในเมื่อย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“ แย่หน่อยนะ คุณรองหัวหน้าหน่วยวาเรีย ”
ปลายเสียงอ่อนหวานทอดถอนใจด้วยความสมเพช .
“แซนซัสบอกว่า คุณมันก็เป็นได้แค่ 'ของเล่นชั่วคราว' ที่สุดแสนจะน่าเบื่อก็เท่านั้นล่ะ!!!!”
ปึ๊ก!!!
“อ๊ะ!”
ดาบเล่มบางถูกขว้างไปโดยฉลามคลั่งแห่งวาเรียไปปักทะลุกำแพงห้องจนเกิดเป็นรอยร้าว เรียกให้สึนะโยชิเนื้อตัวตัวเยียบเย็นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ รู้สึกได้ถึงหยาดโลหิตอุ่นร้อนที่หลั่งรินมาตามข้างแก้มใส ดาบนั้นร้ายกาจสมคำร่ำลือ ถึงแม้ว่าจะโดนแต่เพียงเฉียดฉิวแต่กลับเรียกเลือดให้ไหลหยาดรินย้อมพวงแก้มขาวให้เป็นสีแดงฉาน
“อย่า!ได้กล้า .มาพูดแบบนั้นกับฉันอีก!”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีน้ำแข็งมีแววแข็งกร้าวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ขาเพรียวบางก้าวเข้าไปหาร่างเล็กกว่าด้วยท่าทางคุกคาม โน้มกายเข้าไปใกล้จนร่างบางมือสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ความโมโหของฉลามคลั่งเป็นยังไง เพิ่งรู้ซึ้งในวันนี้เอง
“คนที่ได้แต่จิกกัดคนอื่นไปทั่วอย่างแก คงอยากจะตายมากสินะ งั้นฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน!!!”
สิ้นคำนั้น ร่างเพรียวบางของสควอโล่ก้าวพรวดเข้าไปดึงดาบคู่ใจออกมาจากกำแพงสุดแรงจนเศษผนังแตกร้าว ตวัดดาบอย่างรุนแรงทาบทับที่ลำคอของอริคนสำคัญ เรียกรอยแผลเล็กน้อยบนซอกคอขาวให้เลือดไหลซิบ หากแต่กลับไม่สะท้านต่อนภาผู้ทะนง ด้วยว่าคนตรงหน้านั้นภักดีกับบอสแห่งวาเรีย ..ยิ่งกว่าใครๆ
“ช่างน่าสมเพชนัก .”
เสียงหวานใสที่หลุดรอดออกมา พร้อมกับแรงเบี่ยงเบาๆที่ปลายดาบทำให้สควอโล่หยุดชะงัก เมื่อสึนะโยชิเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดายพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ
“เชิญออกไปได้แล้ว จบธุระของเราแค่นี้แหละ! น่าเศร้านะ .ขนาดเอาตัวเข้าแลกแล้วแท้ๆ แต่แซนซัสกลับไม่เลือกคุณ ไม่สมเพชชีวิตตัวเองมั่งเหรอ ว่าไง สเปลฮี สควอโล่”
“ฉันขอตัว!!”
หมุนตัวจากไปอย่างไม่อาจทานทน เล็บคมจิกเข้าไปในเนื้อตัวเองจนโลหิตสีแดงสดหยาดริน ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดแต่หากไม่ทำเช่นนั้นแล้ว ความอ่อนแอที่เพียรสะกัดกั้นไว้ก็คงเผยออกมา
ต่อหน้าศัตรูหัวใจนี้ .
..ผู้ที่ประนามว่าเขาช่างน่าสมเพชและไร้ซึ่งศักดิ์ศรี .
แต่ละวินาทีที่ก้าวเดินช่างยาวนาน .ได้แต่พยายามข่มความรู้สึก อยากจะวิ่งเหลือเกิน ..
วิ่งหนีไปให้ไกลๆ ..เพียงเพราะไม่อาจทานทน
ไหล่ของเราสั่นเกินไปรึเปล่า ระหว่างที่พูดกันนั้นเสียงของเราไม่ได้สั่นไหวใช่มั้ย
ถ้าอย่างนั้นแล้ว ..ความรู้สึกอึดอัดปวดร้าวนี่มันอะไรกัน
คงไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่หรอกนะ .
อดทนเอาไว้
อีกนิดเดียวเท่านั้น ..
มือเรียวบางเอื้อมไปแตะที่เปิดประตูพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งริน
อีกแล้ว ..ถ้อยคำไร้จิตใจพวกนั้น
ได้แต่สั่งตัวเอง
ได้แต่ห้ามตัวเองให้เมินเฉย .
แต่กลับทำไม่ได้เลย ..
เมื่อคำพูดร้ายกาจพวกนั้นตอกย้ำในจิตใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ของเล่น
ไร้ศักดิ์ศรี .
น่าสมเพช .
ผลักประตูออกไปอย่างเชื่องช้า จบสิ้นกันแล้ว .ชีวิตเรามันช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
“อ่ะ .ท่านผอ ..บอ ”
เสียงเรียกขานนั้นทำให้ดวงตาสีน้ำแข็งเบิกกว้างอย่างตกใจ มือเรียวเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าตนอย่างลวกๆ อยากจะกระชากเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิดเหมือนเคย หากแต่น้ำเสียงที่ออกมานั้นกลับอ่อนแอ ไร้ซึ่งพลัง .
“มาทำบ้าอะไรที่นี่ ไอกบ ..”
“ท่านผ.บ .”
“ฉันถามอยู่นะ ..หูตึงรึไง”
คราวนี้เสียงหวานกลับมาตวาดแว้ดใส่เหมือนเคย แต่คนข้างในคงจะไม่ได้ยิน ..
“ผมโดนวองโกเล่เรียกมาน่ะครับ ..คงไม่พ้นเรื่องไร้สาระ คำพูดจากปากคนๆนั้น ใครเก็บเอาไปใส่ใจก็โง่เต็มทน ..เอ๊ะ! ผมไม่ได้ว่าท่านผ.บ.นะครับ แค่แสดงความคิดเห็น”
“ไอเด็กเวร พูดอย่างนี้อยากตายใช่มั้ย!!”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมพร้อมกับท่าที่เตรียมจะชักดาบออกมาจากฝักไม่สะท้านต่อร่างเล็กตรงหน้านี่เลยสักนิด ตรงกันข้าม มือเรียวบางนั่นกลับดึงเขาไปกอดไว้ในอ้อมแขน ความอบอุ่นนั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียสงบลงได้อย่างง่ายดาย ..
“ติดโรคมาจากไอเจ้าชายรึไง ทำอย่างนี้เดี๋ยวมันก็มาโวยวายกับฉันอีก”
ถึงแม้ว่าจะหงิดหงิด แต่มือเรียวกลับเอื้อมไปลูบเรือนผมสีน้ำทะเลสวยของฟรานอย่างใจลอย .
อย่างกับ มีลูกเลยงั้นแหละ
ความคิดนั้นทำให้หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
อะไรวะเนี่ย นี่เขาไปคิดว่ามันเป็นลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ .
“เราทะเลาะกัน ..”
“ ..”
“ผมกับรุ่นพี่เบล .เราทะเลาะกัน ”
คำกล่าวนั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียนิ่งงัน ทะเลาะกันงั้นเหรอ มันราวกับจะเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วของไอเด็กสองคนนี่ แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ มันไม่เคยทะเลาะกันอีกเลยหลังจากคบหากัน
.เบลดูจะยอมลงให้ร่างเล็กนี่อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ฟรานเองก็ดูกวนประสาทน้อยลงและมีความสุขกับการอยู่วาเรียมากขึ้น
ถ้าอย่างนั้นแล้ว .
“คงจะงี่เง่าน่าดูใช่มั้ย ที่ผมดันเครียดเรื่องอะไรแบบนี้ได้ ทั้งๆที่เป็นแค่เรื่องไร้สาระและไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยแท้ๆ .”
ฟรานดันตัวออกจากคนตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย หากแต่ดวงตานั้นกลับเศร้าสร้อยกว่าเคย ..
ตอกย้ำว่า ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระอย่างปากพูด
เด็กนี่ ..ปากไม่ตรงกับใจเสมอ ใครๆก็รู้
ความโศกเศร้านั้นทำให้ฉลามคลั่งแห่งวาเรียอดไม่ได้ที่จะลูบหัวนั้นอย่างอ่อนโยน ..จะว่าไป ..หมวกกบมันไปไหน ..
“อ่อนโยนอย่างนี้ เป็นแม่คนได้เลยนะครับ ”
สิ่งที่มันตอบแทนกลับเป็นคำพูดกวนประสาทซะนี่!
“แกว่าไงนะ!!!”
คิ้วบางกระตุกขึ้นส่อแววมาคุ ในขณะที่ฟรานก้าวถอยห่างไปสองสามก้าวอย่างเว้นระยะ
“โอ๊ะโอ๋ ผมกลัวแล้วครับ คุณแม่”
“แกอย่าอยู่เลย ไอเด็กเวร!!!”
“อยู่ให้โง่สิครับ ลาล่ะ!!”
ว่าแล้วไอเด็กกบกวนประสาทก็เผ่นแน่บด้วยการกลายร่างเป็นสายหมอกไป
โดยไม่รู้ตัวรอยยิ้มน้อยๆกลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากอิ่มของฉลามคลั่งแห่งวาเรีย ..
ยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากได้ฟังคำพูดจากวนประสาทนั่น
ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมเบลมันถึงได้รักแกขนาดนี้
“ขอบคุณ ..”
กระซิบแผ่วเบาราวกับสายลม แต่เขาก็รู้ว่าไอเด็กนั่นต้องได้ยิน ..ขาเรียวบางเดินจากไปแล้ว ในความว่างเปล่านั้น กลับปรากฏร่างบางผมสีเขียวน้ำทะเล รอยยิ้มอ่อนโยนที่นานๆจะได้เห็นปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากเล็กอีกครั้ง ..
“ผมต่างหากล่ะครับ ที่ต้องขอบคุณ”
อยากจะสะสางเรื่องบ้าๆนี่สักที .
มือเรียวบางเคาะประตูไม้เนื้อดีเป็นจังหวะช้าๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“วองโกเล่ครับ ..นี่ผมฟราน .”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“โอ๊ย! รำคาญเว้ย คนจะหลับจะนอน ใครวะ!”
มือเรียวบางคว้านาฬืกาข้างเตียงมาดู 3.39 ถ้าไม่มีธุระอะไรนะ แม่จะฟันให้ตายเลย! คิดแล้วก็หงุดหงิด มือเรียวบางเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตู
หากแต่กลับชะงัก ..
ถ้าหากว่า .เป็นแซนซัส
ความคิดนั้นทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ถ้าหากว่าเป็นจริงอย่างที่เด็กนั่นพูด
การมาในครั้งนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ใครวะ”
ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านหากแต่ไร้คำตอบรับ ร่างบางสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดประตูไป
“นี่!แก!”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเสยเรือนผมสีเงินยวงของตัวเองอย่างขัดใจ พลางมองร่างเล็กในชุดนอนลายกบที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงกว้าง
ภาพใบหน้าหวานใสเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาลอยเข้ามาในห้วงความคิด .
เพราะไอความใจอ่อนงี่เง่านี่ ทำให้เขาต้องเปิดประตูรับมันมาอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังไปปลอบใจมันจนเสื้อเปียกแฉะ ร้องไห้จนพอใจแล้วมันก็นั่งเหม่อลอยบนเตียง ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสักคำ!!
มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย!
นอนก็ไม่พอ เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด ยังต้องมานั่งเครียดเรื่องพวกมันอีก
ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พอจะรู้สาเหตุของเรื่องนี้ ..
จะมีอะไรได้นอกจากเรื่อง ไอเจ้าชายนั่น ..
สาเหตุที่มันมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ห้องของเขาเนี่ย ไม่เดินออกมาเองก็โดนไล่!
ไล่งั้นเหรอ ..ความคิดนั้น ทำให้สควอโล่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิสัยอย่างเบล .ถ้าไอเด็กนี่เดินออกมา มันต้องวิ่งมารั้งเอาไว้แน่ แต่นี่กลับเดินมาได้ง่ายดายอย่างนี้โดยไม่มีร่อยรอยต่อสู้
โดนไล่
อย่างเบลน่ะเหรอ ..จะไล่ไอเด็กนี่
แต่ก็สมเหตุสมผลที่มันจะร้องไห้ .
“ท่านผ.บ.ครับ” เสียงหวานใสที่แสนเรียบเฉยเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“อืม ..”
อยากจะด่าแทบขาดใจ แต่พอเห็นใบหน้าเศร้าๆนั่นมันก็ใจอ่อนทุกครั้ง
“ผมจะช่วยท่านผ.บ.แย่งบอสมาจากสึนะโยชิ!”
“ห๊า! ว่ายังไงนะ ไอกบ!”
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น