ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : แทฮยองกับจองกุก (141030)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 59




     

    Chapter 3 

    แทฮยองกับจองกุก

     

    ถ้าช่วยก็ไม่สนุกน่ะสิ – เฮียก้า

    ทุกคนแม่งลำเอียง – คิมวี


    ………………………………………… 


    สาบานได้ว่าตั้งแต่แรกพบจนมาถึงขั้นรู้จักสนิทสนม ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะคิดว่า จอนจองกุก ‘น่ากลัว’ 



    ตอนที่เจอกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน จองกุกยังเป็นแค่เด็กม.ต้นหน้าตาดี ตอนที่มันยิ้มให้ผมครั้งแรกจนเผยให้เห็นฟันกระต่าย ตอนนั้นผมได้แต่คิดว่า ท่าทางดูซื่อๆขี้อายดูน่ารักดี แก้มป่องๆขาวๆชวนให้เข้าไปฟัดเล่น ตัวนี่เล็กกว่าผมเป็นคืบ ช่างเป็นน้องชายที่น่ารักจริงๆ



    หลายปีผ่านไป จองกุกเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จากเด็กหน้าตาน่ารักเริ่มมีเค้าโครงความหล่อเหลา กลายเป็นมักเน่ทองคำ ร้องเพลง เต้น แรพ หรือแม้แต่เรื่องทั่วไปก็ทำได้ทุกอย่าง เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์น่าชื่นชม ในขณะเดียวกันก็เป็นน้องชายที่เชื่อฟัง ถึงหลังๆจะดูเหมือนชอบแกล้งผมบ้างเป็นบางครั้ง แต่เพราะหน้าตาน่ารักหรอกเลยให้อภัย



    แต่ว่าวันนี้…



    ภาพจอนจองกุกที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนเปลือยอกขาวอวดกล้ามกับซิกแพคที่ไม่รู้ไปซุ่มเล่นตอนไหน เชื้อเชิญให้ผมขึ้นเตียงด้วยรอยยิ้มแปลกๆที่หาความหมายไม่ได้ (หรือก็คือโง่เกินกว่าจะตีความ) กำลังทำให้อิมเมจเด็กน้อยแสนซื่อในใจแตกกระจุยไม่มีชิ้นดี



    ผมได้แต่ยืนอ้าปากค้างอย่างคนที่ไม่รู้จะทำตัวยังไง



    ปกติในหอบังทันห้องนอนเรามีห้องเดียว นอนอัดๆกันเตียงใครเตียงมัน เพราะงั้นไอ้การชวนใครขึ้นเตียงมันไม่มีทางแน่ล่ะ 



    ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยนอนกับจองกุก นอนกอดกันยังเคยมาแล้ว แต่ไอ้การที่ชวนขึ้นเตียงในสถานการณ์ท้าทายความแมนแบบนี้มันชวนสยิว (ปนสยอง) มากๆ  ก็คนอย่างเด็กกุกเคยขอที่ไหน มันอยากเข้ามานอนกอดก็เข้ามาเลยแบบตามใจตัวเอง ขนาดผมกับจีมินนอนอยู่มันยังเข้ามาแทรกกอดทั้งผมทั้งจีมินเลย



    “ยืนอึ้งทำไมพี่วี? มานอนสิ หรือคิดอะไรลามกกับผมอยู่”



    เสียงทุ้มหัวเราะเจ้าเล่ห์จนผมรู้สึกหน้าร้อนฉ่าด้วยความอับอาย



    นั่นสิ! นี่ตรูคิดไรอยู่ฟ่ะเนี่ย T^T คงเพราะเกมส์นั้นแหงๆที่ทำให้สติผมไม่สมประกอบ จองกุกมันแค่ชวนเฉยๆเหอะ คิมแทฮยองคิดลึกไปเอง คิดเอง เออเอง อายเอง =[]=



    ^-^ ผมเดินเข้าไปหาจองกุกด้วยรอยยิ้มจืดจาง รู้สึกตัวเองใจง่ายชอบกล เด็กนั่นขยับตัวออกไปนิดๆพอให้ผมแทรกตัวเข้าไปได้ 



    “เขยิบไปอีกได้ป่ะ นายจะเบียดพี่ทำไมเนี่ย”



    ผมหันไปดุจองกุกหลังจากที่นอนลง ก็มักเน่มันเล่นนอนแผ่คนเดียวกลางเตียง เหลือที่ไว้ให้ผมแค่ 1 ส่วน 4 ของเตียง มันน่าถีบมั้ย?



    “ไม่ได้ นานๆจะได้นอนเตียงใหญ่ทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม”



    ไม่ว่าเปล่ายังเบียดเข้ามามากกว่าเดิมจนผมแทบตกเตียง แขนล่ำยกขึ้นมาก่ายช่วงตัวผมดึงให้เข้าไปใกล้ จนหน้าผมซุกลงกับอกอุ่น อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้ใจสงบขึ้นมา



    “กอดทำไมอ่ะ หนาวเหรอ? บอกหลายครั้งและว่าอย่านอนถอดเสื้อ อากาศกลางคืนมันเย็น ชอบโชว์รึไงห๊ะ”



    นี่เป็นห่วงกลัวจะไม่สบายหรอกนะเลยดุ 



    “ก็ชอบนะ อย่างน้อยก็มีคนน้ำลายแทบหกตอนเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเห็นผมอ่ะ”


    Jungkook’s POV

    “ก็ชอบนะ อย่างน้อยก็มีคนน้ำลายแทบหกตอนเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเห็นผมอ่ะ”



    หลังจากแกล้งพูดออกไปพี่วีก็เบ้ปากทันที หน้าตาแค้นใจมาก คงจะเจ็บใจตัวเองที่เผลอคิดอะไรให้ผมจับได้ ก็พี่วีเวลาไม่ระวังตัวดูออกง่ายจะตาย คิดอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าหมดนั่นแหละ



    ภาพลักษณ์หรือเก็บอารมณ์อะไรไม่เคยอยู่ในระบบความคิดของคิมแทฮยองหรอกครับ



    ก็เล่นมองร่างกายผมด้วยแววตาหมั่นไส้แกมชื่นชมซะขนาดนั้น 



    แต่ก็นับว่าพี่วียังไม่ซื่อบื้อมากจนแปลความหมายของผมไม่ออกตอนที่ชวนมานอนด้วยกัน แก้มใสแต้มสีแดงจนเห็นได้ชัดในแสงสลัวของโคมไฟเล็กๆข้างเตียง  แต่ก็ยอมเดินเข้ามาแบบไม่ติดใจอะไร ทั้งที่จะหนีไปนอนกับคนอื่นก็ได้ เชื่อคนง่ายจริง



    สนุกจัง แกล้งแหย่พี่วีเป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่ผมชอบเลย ฮ่าฮ่าฮ่า



    ผมมองคนในอ้อมกอดที่เริ่มหน้างอเพราะทำอะไรไม่ได้



    “ใครน้ำลายหก พูดให้มันดีๆ”



    ไม่ว่าเปล่ายังเอามือมาทุบอกผมดังปึ้กๆ ผมเลยแก้แค้นกลับด้วยการตีแขนไปๆมาก็กลายเป็นสงครามซัดกันด้วยมือไปจนได้ พี่วีดิ้นไปมาจนหลุดออกจากแขนของผม ร่างบางขึ้นมาคร่อมเอวผมพร้อมกับดึงแก้มไปมาอย่างเมามันส์



                   “นี่แหนะๆๆๆๆ ไอ้กุก ยอมแพ้ไปซะ”



                   ไม่พูดเปล่ายังทั้งดึงทั้งยืดจนแก้มผมแทบหลุด ทนไม่ไหวเลยยื่นมือไปจี้เอวบางจนพี่วีดิ้นไปมา



                   ผมได้โอกาสพลิกกลับเป็นฝ่ายคร่อมแทน มือข้างนึงจับข้อมือบางสองข้างรวบไว้ไม่ให้ทำอะไรได้ ส่วนอีกมือก็จี้เอว พี่วีหัวเราะจนน้ำตาไหลด้วยเสียงหัวเราะทุ้มหวานที่ผมชอบ



                   ผมมองพี่วีที่หัวเราะจนตาปิด นอนดิ้นไปมาใต้ร่างของผมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ร่างกายเหมือนหยุดชะงักการกระทำ ทำได้แค่จ้องมองใบหน้าสวยอยู่อย่างนั้น พอเขาเห็นว่าผมเงียบไปเลยลืมตามองในที่สุด



    พี่วีที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมดูน่ารักมาก แสงไฟสีส้มในห้องทำให้ทุกอย่างดูสลัว ผมมองแพขนตายาวที่กระพริบเร็วๆเมื่อเราสบตากัน จมูกโด่งรั้นเชิดขึ้นบ่งบอกว่าเป็นคนดื้อดึง แก้มใสที่ป่องออกเพราะช่วงนี้พี่วีกินเยอะเกินไป 



    ริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูอ่อนเผยอออกเหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่าง 



    ยิ่งคนตรงหน้ามองสบมาด้วยแววตาไม่เข้าใจมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น



    ตื่นเต้นเพราะความสนุกว่าผมจะหลอกล่อพี่วียังไง จะฉวยโอกาสได้มากขนาดไหน คิดๆดูก็รู้สึกเหมือนตัวเองชั่วร้ายชอบกล 



    ผมยกมือขึ้นแตะแก้มเนียนเบาๆ ลากไปตามสัมผัสนุ่มละมุนมือ ตากลมสวยมองสบผมไม่ละสายตา ไร้เดียงสาจนผมอดใจไม่ไหวกดทั้งปากทั้งจมูกลงบนแก้มกลมแรงๆ ไล้ไปมาด้วยความหลงใหล มืออีกข้างก็แกล้งลูบเอวคอด สัมผัสไปตามส่วนโค้งเว้าภายนอกเสื้อยืด 



    พี่วีสะดุ้งนิดๆ ทำท่าจะผละออก ผมจึงต้องกดข้อมือบางแน่นกว่าเดิมจนพี่วีเลิกขัดขืนในที่สุด แล้วนั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจ



    แก้มพี่วีหอมมาก…ทั้งนุ่มนิ่มทั้งหอมเหมือนกับขนมที่ผมชอบกิน



    ผมย้ายจากแก้มข้างซ้ายไปจูบที่ข้างขวา ก่อนจะกลับมาที่แก้มข้างเดิมอีกครั้งสลับไปมา จากเดิมที่คิดจะแกล้งแต่กลายเป็นว่ารู้สึกไม่พอ อยู่ๆก็มีความคิดอยากลองจูบไปทั้งตัวเลยว่าจะหอมขนาดไหนกัน



    แล้วผมก็ไม่ใช่คนดีขนาดยับยั้งชั่งใจอะไรด้วย 



    “พ…พอแล้วจองกุก”



    เสียงแหบหวานห้ามเมื่อผมเริ่มเอาแต่ใจมากเกินไปด้วยการจูบคอเรียวสวยจนกระทั่งถึงหัวไหล่มน กลิ่นสบู่ผสมกับผิวกายหอมอบอวลจนไม่อยากผละออก คอเสื้อยืดตัวใหญ่หลุดกองไปอยู่ที่ต้นแขนข้างหนึ่ง ทำให้พี่วีดูเซกซี่ขึ้นกว่าเดิม



    มืออีกข้างของผมลูบต่ำลงมาที่สะโพกกลม 



    หอม…ไม่ว่าจูบตรงไหนก็ทำให้รู้สึกดี ร่างบอบบางสั่นสะท้านจนผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ



    ไม่รู้ตัวรึไงว่าทำแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากจะหยุด…ก็น่าแกล้งซะขนาดนี้   



    “ทำไมต้องพอ?” 



    ผมกระซิบถามแผ่วเบาแนบกับผิวสีน้ำผึ้งที่แอบชื่นชอบ ถ้ามีรอยสีกุหลาบประทับลงไปคงสวยดี



    “อย่าแกล้งแบบนี้…นะ”



    พี่วีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แต่มันก็ทำให้ผมหยุดในที่สุด ผมยันตัวขึ้นมองดวงตากลมโตที่ฉายแววเว้าวอน หอบหายใจแรง หน้าหวานแดงก่ำไปหมดเพียงแค่จูบแก้มกับลูบนิดหน่อย



    ผมลอบยิ้มเมื่อคิดอะไรสนุกๆขึ้นมาได้



    “ครับ ถ้าพี่วีไม่ชอบ จองกุกก็ไม่ทำหรอก”



    ผมแกล้งทำเป็นตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆพร้อมกับผละออกไปนอนหันหลังเพื่อหยั่งเชิง



    พี่วีเงียบไปอึดใจ ก่อนที่ต่อมาแขนเรียวบางจะเอื้อมมาโอบรัดผมเอาไว้ ใบหน้าหวานซุกแนบกับแผ่นหลังของผม เป็นสัญญาณว่าพี่วีกำลังง้อ จนเผลอกระตุกยิ้มออกมา



    ใจอ่อนแบบนี้ก็เข้าทางผมน่ะสิครับ 



    “โกรธเหรอ?”



    “เปล่าครับ”



    “แล้วทำไมไม่หันมา?”



    พี่วีทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ แล้วมันก็ทำให้ผมทนใจแข็งไม่ได้อีกต่อไปเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมา



    “พี่ไม่ได้ไม่ชอบ แต่คืนนี้มันดึกแล้ว นอนเถอะนะ”



    ไม่ได้ไม่ชอบ…งั้นก็ชอบให้ผมทำแบบนี้สินะ บางทีผมก็สงสัยว่าพี่เขารู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา



    แต่ผมก็ดีใจที่พี่วียอมขนาดนี้ พลิกตัวหันไปมองใบหน้าน่ารักที่ทำท่าทางสลดแล้วผมก็ใจอ่อน คว้าร่างบางเข้ามากอดแน่น แขนเรียวของอีกฝ่ายกอดหลังผมแทบจะทันที เรากอดกันแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนจนชินไปซะแล้ว



    “นอนก็ได้…แต่ขอกอดแบบนี้ทุกคืน สัญญามาสิแล้วจะปล่อยให้นอน”



    “อือ ได้สิ”



    ได้ยินเสียงหวานตอบกลับมาแค่นั้น ผมก็หลับตาลงในที่สุด 



    V’s POV


    อีแบบนี้เค้าเรียกทำตัวเองแท้ๆ



    ยิ่งคิดถึงคำพูดของจีมินผมก็ยิ่งอยากบ้าที่ต้องมาทนนอนให้จองกุกกกเป็นแม่ไก่ ไม่ใช่ว่าผมไม่ขัดขืน พอเห็นว่ามันเริ่มจะหลับ ผมก็พยายามทั้งดันทั้งผลักตัวควายๆของมักเน่ออกไป แต่ไม่รู้ชาติที่แล้วเป็นญาติกะตุ๊กแกรึไงถึงเหนียวหนึบเกาะไม่ปล่อยจนต้องยอมปล่อยให้นอนกอดทั้งคืน ช่างหน้าด้านหน้าทนดีแท้



    อากาศก็ร้อน ตัวผมก็ร้อนไปหมด ก็ผมตกใจนี่! อยู่ๆก็มาไซร้คอแถมยังลูบไปทั่ว นี่มักเน่นึกว่าตัวเองเป็นพระเอกหนัง AV หรือไง? หรือจะซ้อมไปเซอร์วิสแฟนคลับ แต่มันจะเซอร์วิสเกินไปมั้ย? 



                   “คิดอะไรอยู่น่ะ”



                   เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูทำเอาคิมแทสะดุ้งโหยง ไอ้บ้า! จะมาใกล้ทำไมเนี่ย ยิ่งใจไม่ดี



                   “ก็คิด…”



                   เอ่อออออ คิดไรดีวะ คิดเรื่องของเรา? แอร๊ยยย (ไม่ใช่แล้ว)



                   “ทำหน้าแบบนั้นคิดเรื่องของผมแน่ๆ ก็เงี้ยแหละนะคนมันหล่อ แต่พี่วีกลับไปคิดที่บ้านได้ป่ะ ยังเหลือของที่ยังไม่ได้ซื้ออีกตั้งเยอะ มัวแต่คิดเดี๋ยวเฮียยุนกิก็กินหัวหรอก”



                   จองกุกมันร่ายยาว จนผมต้องรวบรวมสติกลับมาแทบไม่ทัน



                   ตอนนี้เราสองคนกำลังเดินซื้อของอยู่ที่ตลาดแถวบ้านพักในยามเช้า ซึ่งไม่ใช่เพราะผมพิศวาสอยากจะมาเดินสวีทกับมันแน่ๆ มีอยู่เหตุผลเดียวที่เรายอมแหกขี้ตาตื่นมาคือ พวกฮยองใช้ กรรมของมักเน่ไลน์ ฟฟฟฟ



                   ปกติพวกฮยองไม่ค่อยใช้จองกุกมันหรอก แต่วันนี้เกิดนึกคึกอะไรไม่รู้ผมเลยพลอยซวยไปด้วยเพราะของเยอะหนัก อยากแมนก็ต้องมีกล้าม! ขี้เกียจเดินซื้อเองก็บอกมา คิมวีไม่โง่นะ (แค่บื้อ) 



                   “อืม เดินไปสิ ยังเหลืออะไรอีกอ่ะ?”



    ผมมองสำรวจจองกุกที่กำลังถือพวกผักต่างๆที่ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปซื้อมาตอนไหน ตั้งแต่มาถึงผมก็เดินเหม่อลอยไปตามประสา ปล่อยให้จองกุกลากข้อมือเดินไปมา แล้วตกลงผมมาทำไรที่ตลาดเนี่ย ตัวประกอบชัดๆ



                   ก็ดูมันสิ ขนาดใส่เสื้อยืด กางเกงสามส่วนสบายๆ แต่ก็ยังขาวโป๊ะ ออร่าวิ้งวั๊ง พวกป้าๆแม่ค้ามองตามคอแทบหักจนผมสงสัยว่าฟิคนี้ใครพระเอกกันแน่ (จองกุกพระเอกถูกแล้วนะจ๊ะ ส่วนน้องวีก็แค่ตัวประกอบ) สภาพต่างจากคิมแทที่หน้าไม่ได้แต่ง ผมไม่ได้หวี เพิ่งขุดมาจากเตียงสดๆร้อนๆ 



                   เด็กกุกมันขมวดคิ้วแล้วเดินไปอีกทางเลย ขอบใจมากที่เมินน้องวี คิดว่าจะง้อเหรอ เดินไปซื้อปลาหมึกย่างดีกว่า



                   เบ้ปากแล้วเดินไปซื้อปลาหมึกแบบสวยๆ แต่เดินไปได้ครึ่งทางก็มีมารผจญ…



                   “พี่วี ถ้าไม่เดินตามมาเดี๋ยวนี้ ผมจะทิ้งให้กลับบ้านคนเดียว!”



                   ขู่เรอะ? คิดว่ากลัวไง?



                  ผมเบ้ปากใส่มันจากนั้นก็...เดินกลับไปหาจองกุกเพราะจำทางกลับบ้านไม่ได้  T^T 



    พอมาถึงแผนกขายเนื้อจองกุกก็เริ่มสั่งอย่างเชี่ยวชาญทันที อีกครั้งที่คิดว่านี่กรูมาทำอาร๊ายย ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย มองจองกุกที่ถือของต่างๆในมือก็รู้สึกแย่อีกแล้ว ไม่แมนเลยคิมวี



                   “เดี๋ยวพี่ช่วยถือ”



                   ว่าแล้วผมยื่นมือไปรับเนื้อที่คนขายยื่นให้จองกุกทันที แต่สิ่งที่ได้คือมักเน่ทำหน้าเฉยใส่ เห็นชัดว่าซึ้งในน้ำใจมาก



                   “ไม่ต้อง เอามานี่”



                   เด็กกุกมันสั่งผม แต่ยังไงก็ไม่ยอมหรอก ผมกอดเนื้อไว้แนบกับอกตัวเอง นี่สั่งมากินในวงหรือเลี้ยงคนทั้งซอยฟ่ะ หนักมาก นึกว่ากำลังอุ้มเด็กไม่ใช่อุ้มเนื้อ 



                     “ไม่เอา ไม่อยากให้ อยากช่วยถือ”



                   “มันหนัก พี่วีอยากโดนเนื้อทับตายหน้าเขียงหมู ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งเหรอ ยิ่งไม่ค่อยสวยอยู่ด้วย”



                   ไอ้เด็กปากคอเราะร้าย 



                   “มันไม่ได้หนัก”



    ผมโกหกหน้าตายด้วยความอยากเอาชนะ จริงๆคือหนักมากครับ T^T แต่ผมก็พยายามโยกตัวหลบจองกุกที่พยายามเอื้อมมือมาคว้าถุง โยกไปโยกมาอยู่หน้าเขียงตั้งนาน ในที่สุดมันก็ยอมแพ้



                   “งั้นก็ตามใจ แล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังนะ”



                   ร้องไห้? จะร้องได้ไง คิมแทฮยองแมนจะตาย….



                 .



         .


                     .

     


                  อ๊ากกกกกก โคตรเสียใจอยากจะร้องไห้ ผมลืมนึกไปเลยว่าทำอาหารมันไม่ได้มีแค่เนื้อ แต่ยังมีสารพัดไก่ หมู และซีฟู้ด พอเราออกจากแผนกเนื้อ กุกกี้ก็มุ่งหน้าไปแผนกอื่นทันที สั่งมันทุกอย่างอย่างละเยอะๆแบบเลี้ยงทั้งบริษัท ซึ่งทุกอย่างนั่นคิมวีถือเองหมดเลย ฟฟฟฟฟฟฟ จองกุกมันถือแต่ผัก!! 



                   ผมเดินเซไปเซมาแบกของไปตามทางเดิน ขนาดยังไม่ออกจากตลาด เหงื่อนี่ท่วมยังกะเล่น T25  กี่โลวะเนี่ย จอนจองกุกบ้าไปแล้ว แกล้งน้องวีใช่มั้ย รู้ว่าน้องวีจะอาสาเลยแกล้งสั่งเยอะๆใช่ป่ะ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแน่เลย กล้ามแขนเลยไม่มีแรง 



    ดูเหมือนว่านรกของการเดินจ่ายตลาดจะจบไปแล้วเพราะจองกุกได้ทุกอย่างครบตามรายการ แต่ผมคิดผิด!! มักเน่คนดีของทุกคน มันเดินลิ่วไปซื้อปลาหมึกย่างไม่สนผมเลยสักนิด ปลาหมึกย่างที่ผมเล็งไว้!! 



    จองกุกคนเลวทำไมทำแบบนี้กะแทแท เออ ลืมไป คิมแทอาสาเอง แล้วจะมาตัดพ้อเพราะปลาหมึกทำไม? แค่จองกุกมันถือผัก ยืนกินปลาหมึกเอง ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจสักนิด!



    “หนักเหรอพี่วี?” 



    จองกุกพูดกับผมเสียงหวานด้วยความสงสาร สงสารแต่มายืนเคี้ยวปลาหมึกนี่คืออะไร มันจะมากินอะไรตอนนี้ ทำไมไม่รีบกลับบ้านไป หนักนะได้ยินม๊ายยยยย ช่วยดูสภาพน้องวีนิดนึง



    “เออ ก็หนักน่ะสิ! หิวแล้วด้วย อยากกลับบ้าน!!”



    ผมพูดกับกุกกี้ด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ เคืองมากที่มันมายืนกินไม่แบ่ง ฮือออ อยากกินเหมือนกันนะ



    “อ้าว ก็ผมจะถือเนื้อ ให้พี่วีถือผักแทน พี่วีก็ไม่ยอม”



    “ก็ทำไมต้องให้นายถือของหนักกว่า”



    จองกุกมันทำหน้างงได้น่ารักมาก แก้มงี้ป่องเชียวตอนเคี้ยวปลาหมึก แล้วผมจะมายืนชมความงามของมักเน่ทำไม ใช่เวลามั้ย หนักจะตายห่านอยู่แล้ว!!



    “ผมถือของหนักกว่าแล้วไงอ่า ก็ผมแข็งแรงกว่า ตัวก็ใหญ่กว่า”



    แข็งแรงกว่า? มันกล้าพูด เอาอะไรมาวัดห๊ะ! ถึงผมจะดูบอบบาง แต่ผมก็ไม่มีกล้ามนะ (กรรม)



    “แต่พี่แมนกว่านะพี่ก็ต้องถือเนื้อไง แทฮยองแมนกว่าจองกุก ได้ยินมั้ย!!”



    ผมตะโกนใส่หน้ามักเน่ ชาตินี้อย่าหวังว่าใครจะแย่งเนื้อน้องวีไปถือได้ ไม่มีวัน!



    ไม่มีวัน….



    ผมเดินหน้าบึ้งอยู่ในสวนสาธารณะเล็กๆข้างตลาด หลังจากยืนมองกุกกี้กินปลาหมึกย่างที่ไม่แบ่งผมสักนิดจนหมด พอได้ฤกษ์ก้าวเท้าออกจากตลาดปุ๊ป ให้ทายว่าใครมา? 



    พวกฮยองครับ! 



    มาเฉยๆไม่ว่านี่เล่นขับรถมา แถมยังฉวยพวกวัตถุดิบไปหน้าตาเฉย แล้วขับรถออกไป ทิ้งให้ผมกับจองกุกยืนหน้าโง่ที่ถูกขโมยของซึ่งๆหน้า แถมยังหันมาบอกอีกว่าอีกชั่วโมงค่อยกลับบ้าน พวกฮยองจะทำอาหารเลี้ยงเอง เชิญเดทกันตามสบาย



    คืออะไร? นี่คนแต่งมีพล็อตหรือเขียนมั่ว?



    ที่สำคัญคือน้องวีจะแย่งเนื้อมาถือทำไม โอ๊ย อนาถแท้เรื่องนี้



    ผมได้แต่ยืนมองหน้าจองกุก ตาสบตา ก่อนที่จองกุกจะฉวยข้อมือผม ลากมานั่งที่สวนสาธารณะเล็กๆข้างตลาด เพราะตอนนี้ยังเช้ามากท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าอ่อนๆ ประกอบกับเป็นวันธรรมดา จึงไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย 



    จองกุกกดผมให้นั่งลงบนม้านั่งไม้สีน้ำตาลยาว รอบสวนเต็มไปด้วยดอกไม้ที่พากันออกดอกละลานตาไปหมด สวยจนผมเกือบคิดแล้วว่าเรามาเดทกันจริงๆ



    แต่ถ้ามาเดทจริง มันคงต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เดทซกมกแน่ๆ หน้าไม่แต่ง น้ำไม่อาบน้ำ เสื้อยืดกางเกงบอล คิมแทฮยองดึงดูดสุดๆ ฮ่าฮ่าฮ่า  คิดแล้วก็หัวเราะแม่มเลย



    “ขำไรอ่าพี่วี”



    เด็กกุกขมวดคิ้ว ที่มีตั้งเยอะมานั่งเบียดอยู่ข้างผมอีกแล้ว สงสัยจะขาดความอบอุ่น 



    “ก็ขำที่จินฮยองพูด บอกให้มาเดท แต่ดูดิ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเดทด้วยสภาพนี้ครั้งแรกเลยนะ”



    “นั่นดิ ผมยังคิดเลยว่ากล้าออกจากบ้านได้ไง น่าเกลียดจริงๆ ซกมกมาก”



    อ๋อเหรออออไอ้เด็กกุก น่าเกลียดแล้วแกเอามือมาลูบต้นแขนคิมแทฮยองทำไม! ซกมกแล้วล้มตัวลงมานอนบนตักทำไม! เป็นแค่มักเน่แท้ๆมันจะสบายเกินหน้าเกินตาไปมั้ย



    จองกุกนอนมองสบตาผมก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ยืดแขนขึ้นมาซับหน้าให้ผมเบาๆ โมเม้นน่ารักๆที่ทำให้เผลอยิ้ม ลืมความเคืองเรื่องปลาหมึกย่างไปจนหมด



    “เหนื่อยมั้ยพี่วี” 



    เสียงทุ้มอ่อนโยนทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เขากำลังล้อเล่นกับหัวใจผมอยู่รึเปล่า ระหว่างจองกุกเด็กใจร้ายที่แกล้งให้ผมถือของ กับจองกุกที่กำลังซับเหงื่อให้ด้วยความอ่อนโยน ทำให้ผมสับสนไปหมด



    ก้มลงมองคนหน้าด้านที่ยึดตักเป็นหมอนแบบไม่ขออนุญาต เด็กนี่ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ ผมเอื้อมมือไปปัดผมที่ตกลงมาปรกคิ้วของเขาออกไป 



    จองกุกมองสบตาผมด้วยดวงตาคู่นั้นที่ผมไม่เคยเข้าใจ มันทั้งดุแต่แฝงความอ่อนโยน บางครั้งก็มองเหมือนกับหลงใหลไม่ละสายตาแล้วอีกวินาทีต่อมาก็เปลี่ยนเป็นห่างเหินเย็นชา พักหลังๆมานี่เขามักจะมองผมด้วยแววตาแบบนี้เสมอ



    เลื่อนมือจากผมลงมาหยิกที่แก้มมักเน่เบาๆ นิ่มจัง คิคิคิ พอเห็นเขาไม่ว่าอะไรผมก็บีบจมูกโด่งเล่น ตบท้ายด้วยการลองแตะไปที่ริมฝีปากดูบ้าง ปากจองกุกบางสวยดี ต่างจากปากของผมที่ดูอวบอิ่มมากกว่า ผมใช้นิ้วแตะให้มันเผยอออกเล็กน้อยจนเห็นฟันกระต่าย 



    น่ารักจัง…



    ผมหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ จองกุกเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไร เขาเม้มปากปัดมือผมออกแล้วยันตัวขึ้นจากตักผมมานั่งข้างๆกัน



    แต่คิดเหรอว่าผมจะยอมแพ้ ขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วจิ้มไปที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง ฟันกระต่ายทำให้จองกุกดูใสซื่อจนต้องหัวเราะออกมาทั้งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตลกตรงไหน (ถ้ารู้ก็ 4D อ่ะ) แต่มักเน่ดูจะไม่ขำด้วย เขาคว้าข้อมือผมให้ออกห่าง



    ผมหยุดหัวเราะทันทีที่เราสองคนสบตากัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์หนึ่งที่ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่ามันคืออะไร…



    ยังไม่ทันจะขยับตัวหนี ข้อมือก็ถูกกระตุกอย่างแรงจนเซเข้าหา ริมฝีปากบางที่ผมแตะกลับประทับจูบ แนบชิดดูดดื่มลงมาที่ริมฝีปากของผม มืออีกข้างกดท้ายทอยบังคับให้รับสัมผัสหวาน



    ผมได้แต่นิ่งอึ้งปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจชอบ จนกระทั่งเมื่อรู้สึกถึงลิ้นร้อนที่แตะเพื่อให้ผมเผยอริมฝีปาก ผมก็สะดุ้งสุดตัวแล้วรีบผลักคนตรงหน้าออกทันที



    จองกุกมองผมด้วยความอึ้งเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป 



    ผมได้แต่มึนงง ทำไงดี =[]= ผมกลัวจองกุกจะโกรธที่ผลักเขาออกไปแบบนั้น



    “แท…” จองกุกเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงสลด “โกรธผมเหรอ”



    โกรธ? โกรธทำไมอ่า? ต้องโกรธเหรอ? จองกุกสิที่ต้องโกรธเพราะผมเล่นผลักเต็มแรงจนหน้าแทบหงาย 



    ผมได้แต่อ้าปากค้างเพราะประมวลผลไม่ทันพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ 



    “ถ้าไม่โกรธ แล้วผลักผมออกทำไม ฮรึกซ์ T^T”



    หยาดน้ำตาเม็ดกลมคลอหน่วยในดวงตาคม ก่อนที่จะไหลลงมาเป็นทางตามแก้มขาว จองกุกกำลังร้องไห้!



    แถมยังร้องไห้ได้น่าสงสารมากเลยด้วย ผมเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า มือไม้เก้กังไปหมด



    สถานการณ์นี้มันอะไรกัน? ผมหรือมันกันแน่ที่โดนขโมยจูบ? ผมต้องเป็นฝ่ายร้องไห้ไม่ใช่เหรอ หรือคิมแทเข้าใจอะไรผิดไป?



    “พี่ไม่ได้โกรธ อย่าร้องไห้สิ โอ๋ๆๆๆๆนะ”



    ผมพูดพลางลูบหัวลูบหลังจองกุกไปมา อีกฝ่ายสบตาผมด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาก่อนจะโผเข้ากอดผมทันที (เร็วไปมั้ย) มือใหญ่โอบรัดร่างผมเอาไว้แน่น ใบหน้าหล่อซุกลงกับซอกคอผม (อีกแล้ว) แถมยังลมหายใจอุ่นๆที่ทำเอาผมขนลุกนิดๆ (ใช่เวลามาหื่นมั้ยแทฮยอง)



    “พี่วีผลักผม เสียใจนะรู้มั้ย ไหนยุนกิฮยองบอกห้ามรังแกจองกุกไง”



    มันพูดเสียงอู้อี้แนบกับคอ โอ๊ย จะบ้าตาย ทำไมต้องมาพูดแถวซอกคอด้วยแถมยังพ่นลมอีก คือคิมวีก็มีความรู้สึกนะ 



    “เอ่อ…พี่ขอโทษนะที่รังแกจองกุก อย่าเอาไปบอกฮยองเลยนะ พี่ไม่ได้โกรธกุกกี้จริงๆนะ”



    ชิบหอยยย ผมทำน้องร้องไห้อ่า นี่จองกุกโดนผมแกล้งเหรอเนี่ย (เหมือนจะผิด) ถ้าฮยองคนอื่นรู้นะ ผมต้องโดนด่าแหง



    “ไม่เชื่อหรอก ถ้าไม่โกรธแล้วผลักผมทำไมอ่า”



    “ก็พี่…”



    “เห็นมั้ย พี่วีโกรธผม”



    “เปล่านะ คือว่า…”



    “พี่วีไม่รักจองกุกแล้ว”



    “เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว…”



    “น้อยไปด้วยซ้ำ หนีออกจากบ้านดีกว่า T^T”



    เฮ้ยยยย อะไรจะงอนใหญ่โตปานนั้น แค่ผมผลักเนี่ยนะ เมื่อก่อนทั้งถีบทั้งเตะยังไม่ว่า นี่ผลักเบาๆถึงขั้นก่อดราม่าเลย?



    “กุกกี้อ่า...พี่ขอโทษที่ผลักนะ ถ้างั้นพี่ให้นายจูบไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจเลยดีมั้ย แบบนั้นเอาป่ะ”



    ผมเสนอออกไปเล่นๆ  แต่เหมือนจะได้ผล มักเน่ผละออกจากซอกคอผมทันที ตาสบตา วูบหนึ่งที่ผมเห็นสายตาเจ้าเล่ห์วิบวับแต่พอผมกระพริบตา ดวงตาคู่นั้นก็กลับมาโศกเศร้าเหมือนเดิม 



    “เรื่อยๆเลยเหรอ?” 



    น้ำเสียงทุ้มที่สั่นเล็กน้อยทำให้ผมต้องพยักหน้ารับออกไปแบบงงๆ เมื่อกี๊ผมพูดอะไรแล้วนะ มันคงไม่คิดจริงจังจังใช่มั้ย?



    หรือคิด? 



    จองกุกทำหน้านิ่งก่อนจะถามขึ้นมาอีก



    “ทุกวันเลยก็ได้นะ?”



    โอ้เฮียก้าช่วยด้วย มันคิดจริงเหรอเนี่ย!!



    พอเห็นผมอ้ำๆอึ้งๆเอ๋อๆจองกุกก็น้ำตาคลอเบ้าอีกแล้ว ที่บ้านผลิตน้ำตารึไงเนี่ย ร้องไห้ยังกับสั่งได้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ไม่งั้นน้องร้องไห้แน่ พยักหน้าไปก่อนละกัน



    “ได้ตลอดเวลาด้วยใช่รึเปล่า?”



    มากไปมั้ย ตลอดเวลานี่รวมถึงตอนกินข้าว เข้าห้องน้ำ ต่อหน้าพวกฮยองด้วยป่ะ? ทุกวันยังไม่พอใจรึไง ผมอยากจะค้านแต่พอเห็นดวงตาหมาน้อยนั่นแล้วทำไม่ลงจริงๆ



    “ก…ก็ได้”



    “ถ้างั้นตอนนี้เลยเป็นไง?”



    ยังไม่ทันตอบเขาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้จนผมต้องเอามือดันอกกว้างเอาไว้



    “ไม่ได้นะ ตอนนี้ไม่ได้”



    “ทำไม…”



    “จองกุกอ่า……..” มักเน่มองสบตาผมด้วยดวงตาใสซื่อเหมือนกับกวางน้อย



    “คือพี่จะบอกตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว……" ผมเว้นจังหวะหายใจพลางยิ้มแหยๆ "ตอนก่อนออกจากบ้าน พี่ยังไม่ได้แปรงฟันเลยอ่า”



    แล้วหลังจากนั้นเป็นไงรู้มั้ย จองกุกมันทำหน้าสยองใส่ผมทันที น้ำตาที่ไหลพรากๆแห้งไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น มักเน่คนดีของทุกคนผงะถอยหนีผมออกไปนั่งห่างจนสุดม้านั่ง 



    เอิ่ม…จอนจองกุก 



    นายหยุดร้องไห้เร็วดีนะ


    .........................................................................................................



    แต่งไปแต่งมาชักจะหื่นขึ้นเรื่อยๆ จองกุกก็ยังคงคอนเซปใสๆนะจ๊ะ ร้องไห้น่าสงสารขนาดนี้ แทแทจะปฏิเสธได้ไงเนอะ ^^

    http://www.youtube.com/watch?v=oJEGIeL5QNs

    คลิปอันนี้ไรท์ชอบมาก วีนอนอ่อย 5555 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×