ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] Just Only XS and BF (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : [AU.Fic] No Fairy Tale -BF- 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 52


    แต่งฟิครีเควสแล้วววว (ฟิคตัวเองยังเอาไม่รอด ดอดมาทำรีเควสก่อน)

    เบลฟรานอีกแล้วจ้า อิอิอิ

    ยาวด้วยอ่า T^T ทำไมมันยาวได้ขนาดเน้

    แต่ก็นะ....ในที่สุดก็จบตอน 1 หลังจากงมมานาน >O<

    enjoy reading จ้า


    .............................................................................................................................................................

    Title: [Au.Fic] No Fairy Tale
    Pairing: Bel x Fran
    Rate: nc-21
    Warning: SM + อ่อนโยน (งงล่ะสิ! แต่น้องกุ้งบัญชามา ซึลก็พร้อมที่จะทำเสมอเพื่อกุ้ง  เหมือนจะคนดี)
    Description: ฟิคนี้เพื่อน้องกุ้ง (Tempura) โฮกกก ซึลแต่ง sm อีกแล้วว หลังๆเริ่มรู้สึกว่าตัวเองยิ่งดาร์กเข้าไปทุกที (ไม่ใช่ว่าเป็นตั้งแต่แรกแล้วเรอะ)
    P.S. แรกๆ(แค่แรกๆนะ)จะ sm หน่อยนะ (หน่อยเรอะ) คาดว่าน่าจะจบใน 5 ตอนล่ะมั้ง (ไม่มีแผนอะไรเล้ยในชีวิต)

    ………………………………………………………………………………………………………………………………


    ยามเมื่อได้กลิ่นกุหลาบหอมหวานล่องลอยมาตามสายลม………..



    กลิ่นนั้น………..



    ช่างชวนให้นึกถึงเรื่องของเจ้าชาย………ผู้มีรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนและอบอุ่นยิ่งกว่าใครๆ



    เด็กชายตัวน้อยในสวนกุหลาบสีขาว



    …………..บริสุทธิ์เปรียบรักแรก……………



    “โตขึ้นมาแล้ว………มาเป็นเจ้าหญิงของเจ้าชายนะ”



    มือน้อยๆยื่นมากอบกุมมือของเขา ตราประทับจุมพิตอันแสนอ่อนโยนบนหลังมือนั้น……..



    ราวกับสัญญารักมั่นนิรันดร์………..



    ……….มงกุฏกุหลาบขาวแสนสวยปลิวไสวล่องไปตามสายลม……….



    เปรียบประดุจเจ้าชายผู้จากไป……….



    คำสัญญาเป็นดั่งคำหลอกลวง……………



    หากแต่เจ้าหญิงผู้แสนเดียวดาย………..ก็ยังเพียรเฝ้ารอคอย



    ถวิลหาเจ้าชายผมทองผู้อ่อนโยนและอบอุ่นยิ่งกว่าใครๆ



    ใช่แล้ว…….ราวกับโง่งม



    หลงใหลคำสัญญา………….



    …………….ที่ไม่มีวันเป็นจริง………………



    ปัง! ปัง! ปัง!



    พรวด!



    ร่างบอบบางสะดุ้งตื่นขึ้นในกลางดึก วงหน้าขาวใสชื้นฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อไหลย้อยลงมาย้อมชุดนอนสีขาวตัวเก่งให้แนบติดกับเรือนร่างบอบบาง มือขาวยกขึ้นเสยเรือนผมสีเขียวน้ำทะเลเปียกชื้นที่ลู่ติดกับแก้มขาวใส ดวงตาสีเขียวคู่สวยกวาดมองไปรอบห้องที่มืดมิด ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุบประตูนั้นดังขึ้นอีกครา



    ปัง! ปัง! ปัง!



    “ออกมาเถอะ…..……..คืนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน…….ออกมาให้ลุงกอดให้ชื่นใจหน่อยสิ…..”



    น้ำเสียงเมามายของชายแก่ลอดผ่านประตูเข้ามา ร่างบอบบางสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างไม่อาจควบคุม มือเรียวฉวยโคมไฟข้างเตียงมาถือไว้ พยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงนั้นยังคงดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง



    นัยน์ตาสีเขียวคู่สวยน้ำตาคลอหน่วยด้วยความหวาดกลัว…….



    ประตูไม้เก่าแก่ถูกทุบจนสลักกลอนแทบจะหลุดก่อนจะเงียบไปพักใหญ่ พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินจากไป มือเรียวบางกำโคมไฟข้างเตียงไว้แน่นจนข้อมือเกร็งขาว เขารู้ว่ามันจะไม่มีทางหยุดลงง่ายๆในเมื่อลุงเขยเฝ้ารอโอกาสนี้มานาน



    วันที่ป้าของเขาไม่อยู่บ้าน………\



    ไม่ทันที่จะเรียบเรียงความคิด เสียงฝีเท้านั้นก็วกกลับมาพร้อมกับเสียงลากของหนักบางอย่างที่ทำให้ร่างบางเบิกตากว้างพร้อมกับเนื้อตัวที่สั่นระริก โยนโคมไฟทิ้งแล้วถลาออกไปที่ระเบียง พร้อมกับที่ของสิ่งนั้นจามประตูจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก้องเข้าไปในความรู้สึก



    ฉัวะ!



    ประตูไม้แตกกระจายเป็นวงกว้าง พร้อมกับที่ท่อนแขนหนาเอื้อมมือมาถอดสลักกลอนประตู ร่างบางหันขวับไปมองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ…..



    ชายแก่อายุ 60 ต้นยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าดุดันมันเป็นเลื่อมไปด้วยหยาดเหงื่อ อีกทั้งยังแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราและตัณหาราคะที่กักเก็บมานาน ชายชราแสยะยิ้มเผยให้เห็นฟันเหลืองจากการสูบบุหรี่ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยมาแตะจมูก พาลให้ขนลุกชันทั่วเรือนร่างด้วยความขยะแขยง



    “หมดทางหนีแล้วนะ ฟรานหลานรัก มาให้ลุงกอดเถอะ…..รู้มั้ยว่าลุงรักหลานมากแค่ไหน”



    ชายชราเคลื่อนย้ายร่างอันอวบอ้วนเข้ามาใกล้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานหากแต่ไม่น่าไว้วางใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายในราคะยามจ้องมองเรือนร่างบอบบางในชุดนอนตัวบางที่เปียกชื้นจนแนบชิดเรือนร่าง ยอดอกสีชมพูชวนมองดุนดันผ่านเนื้อผ้า กระตุ้นท้าทายสายตาให้เกิดตัณหาอย่างไม่มีทางหยุดยั้ง



    ร่างบางกัดริมฝีปากแน่น ก้าวถอยหลังอย่าช้าๆไปจนชิดขอบระเบียง…….



    7 ปีมาแล้วที่เขามีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดเกรงต่อกามตัณหาอันไม่มีที่สิ้นสุดของลุง



    7 ปีที่ได้แต่หลบซ่อนและหลีกหนี มีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว



    7 ปีที่สูญเสียพ่อแม่และรักแรกไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ



    7 ปีแห่งความทนทุกข์ ไร้ซึ่งความรัก ไร้ซึ่งความอบอุ่น



    หากต้องอยู่อย่างนี้……เป็นของเล่นให้ลุงเขยอย่างนี้…….ฉันขอไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน



    ใบหน้าตื่นตกใจของลุงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้เห็น เมื่อร่างบางตัดสินใจกระโดดลงจากระเบียงชั้น 2 อย่างไม่ลังเลใจ!!!



    ปึ๊ก!



    ปวดร้าวไปทั้งขา…………



    ขาข้างซ้ายคงจะหักไปแล้วสินะ……หรือแค่แพลงกันแน่



    ร่างบางเงยหน้ามองระเบียงอย่างหวาดหวั่นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใบหน้าของลุงกำลังก้มมองลงมา พร้อมกับแสยะยิ้มจนน่าขนลุก ราวกับ
    ปีศาจร้ายที่กระหยิ่มในชัยชนะ



    สมองสั่งให้วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด



    ไปให้ไกล……ก่อนที่ลุงจะตามมาทัน!!!!



    มือเรียวบางยันตัวเองขึ้นกับพื้น ก่อนจะพบว่าโชคดีเหลือเกินที่ข้อเท้าซ้ายแค่แพลงเล็กน้อย ความเจ็บปวดกลับตกอยู่ที่แขนข้างซ้ายที่รองรับน้ำหนักทั้งหมด



    แขนหักไปแล้ว……



    ขาเพรียวเดินกะเผลกไปข้างหน้าด้วยความเร็วเท่าที่เรียวขาจะเอื้ออำนวย ถึงแม้ว่าจะขยับได้แต่ก็ยังเจ็บแปลบ ได้แต่กัดฟันทนก้าวไปข้างหน้า
    ก่อนจะพุ่งเข้าไปแอบในพุ่มไม้อย่างรวดเร็วด้วยใจที่เต้นระทึกเมื่อเห็นเงาคนกำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นพร้อมกับลากขวานหนักอึ้งมาตามทาง
    ร่างกายน่าขยะแขยงของลุงเขยปรากฏขึ้นที่ประตูบ้าน ดวงตาคู่โตทอประกายหงุดหงิดเมื่อไม่เจอร่างบอบบางอย่างที่คาดหวัง ตกมาความสูงขนาดนั้น มันไม่น่าจะหนีไปได้ไกล……ต้องแอบซ่อนอยู่แถวนี้เนี่ยแหละ



    คิดว่าจะหนีคนอย่างชั้นพ้นงั้นเหรอ เด็กโง่!



    ร่างใหญ่โตเริ่มเดินอย่างช้าๆไปตามแนวไม้รอบด้าน หัวใจดวงน้อยๆของฟรานเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นปนหวาดกลัว ขยับไม่ได้…..ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ได้แต่ภาวนา…….



    ฝีเท้าอันหนักอึ้งเดินเข้ามาใกล้ เสียงแหวกพุ่มไม้แกรกกรากดังเข้ามาใกล้ทุกที ทุกที



    ฟรานกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เหงื่อผุดพรายขึ้นตามใบหน้าไหลอาบไปทั่วร่างราวกับสายน้ำ ประสาทตรึงเครียดเขม็ง……



    ไม่เคยกลัวอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต……



    เสียงแหวกพุ่มไม้ดังเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น……



    อีกนิดเดียว……



    จะถูกพบแล้ว……..



    ใครก็ได้……..ได้โปรด



    “ไบชาน่า! มาทำอะไรที่นี่ ถือขวานมาทำไม”



    ราวกับเสียงสวรรค์ เมื่อป้าของเขาปรากฏตัวขึ้น……..รวดเร็วกว่าที่คิดไว้ มือเรียวบางแหวกพุ่มไม้ออกไปมองเล็กน้อย



    ป้ากับลุงเขยของเขากำลังคุยกันอย่างเบาๆถึงสาเหตุที่ป้ากลับบ้านมาเร็วกว่ากำหนด ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเขาในค่ำคืนนี้ เมื่อลุงกับป้าพากันเดินกลับเข้าไปในบ้าน นับน์ตาคมกริบของลุงตวัดมองมาทางพุ่มไม้อีกรอบจนเขาต้องหลบวูบด้วยใจเต้นระทึก ก่อนจะเบนสายตากลับเข้าไปในบ้าน



    เสียงกุกกักที่ชั้นบนทำให้เขารู้ว่าลุงกับป้าขึ้นห้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าป้าจะพูดอะไรเกี่ยวกับรอยขวานที่ประตูห้องนอนของเขา แต่สิ่งนั้นกลับไม่สำคัญอีกต่อไป……เมื่อเขาหนีออกมาได้แล้ว



    เป็นอิสระแล้วจากความหวาดกลัว……………..



    ฟรานค่อยๆโผล่ใบหน้าน่ารักขึ้นมาจากพุ่มไม้……ก่อนจะค่อยๆเดินกะเผลกไปตามทางเดิน………..



    หันหลังให้กับความทรงจำอันเลวร้าย….



    ตลอดกาล……


    …………………………………………………………………………………………………………………………………


    ร่างบอบบางเริ่มเดินไปตามเส้นทางที่เขาเองก็รู้จุดหมายปลายทาง………………….



    สถานที่พิเศษของความทรงจำในวัยเยาว์……….



    ขาเพรียวหยุดชะงักอยู่หน้าคฤหาสน์หลังงาม มือเรียวบางแหวกพงหญ้าที่ขึ้นรกครึ้มออก ก่อนจะมุดตัวเข้าไปในรูขนาดกลางข้างกำแพงนั้น ช่อง
    ทางลับที่รู้กันแค่สองคน…….



    แค่เขา………กับคนพิเศษ



    กลิ่นหอมสดชื่นของดินลอยกระทบเข้ามาในโสตประสาทระหว่างที่กำลังมุดตัวอย่างทุลักทุเลเข้าไปในกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างภายนอกกับ
    คฤหาสน์หลังงาม ราวกับคนละโลก…….เมื่อลอดผ่านกำแพงเข้ามาได้แล้ว



    จากประตูทางเข้า ต้นสนขนาดใหญ่ทอดเรียงรายตามแนวถนนแสนกว้างขวางทอดยาวไปจนถึงตัวฤหาสน์หลังงามทรงยุโรป ปะติมากรรมล้ำค่าแห่งนี้เป็นของราชวงศ์เก่าแก่มาตั้งแต่สมัยโบราณ หากแต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขากลับเป็นทางเดินหินโบราณซึ่งทอดลึกเข้าไปตามแนวป่ารกครึ้มรายล้อมอยู่รอบตัวคฤหาสน์หลังนี้



    ร่างบางเดินลัดเลาะผ่านแนวป่ารกครึ้มด้วยความชำนาญเส้นทาง ก่อนจะเดินตัดไปยังทางเดินโบราณที่จะนำพาเขาไปสู่สถานที่พิเศษของวัยเยาว์ รอบด้านรายล้อมไปด้วยความมืดมิดแต่กลับไม่รู้สึกหวั่นเกรง สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างน่าประหลาด ยามถูกโอบล้อมไปด้วยผืนป่าเขียวขจีและธรรมชาติอันแสนคุ้นเคย



    กลิ่นหอมประหลาดลอยล่องมาตามสายลมและเขากำลังเดินเข้าไปหากลิ่นนั้น ใกล้เข้าไปทุกที……..



    สวนกุหลาบขาวปรากฏขึ้นกับครองจักษุ สายลมยามค่ำคืนหอบพัดกลิ่นหอมหวานให้ล่องลอยไปในอากาศ ดอกกุหลาบสีขาวชูช่อบานสะพรั่งเต็มสวยสวย กลีบอันบอบบางแลดูชุ่มชื้นเพราะการดูแลรักษาอย่างดี ร่างบางมักจะมาที่นี่เสมอ เพื่อมารดน้ำให้เหล่าดอกกุหลาบขาว



    ทะนุถนอมรักษา…..ราวกับ…..ความรัก



    กุหลาบพวกนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนใจให้คิดถึงเขาอยู่เสมอ………..



    เขา……..ผู้เปรียบประดุจเจ้าชาย



    เขา……..ผู้เป็นรักแรกอันห่างไหล



    ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยกวาดตามองสวนกุหลาบที่เขารัก ก่อนจะหยุดสายตาที่ร่างสูงของใครบางคนที่กำลังยืนอยู่ ณ ใจกลางสวนนั้น เรียวปากอิ่มเต็มสั่นระริก รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ขอบตาเมื่อหยาดน้ำตาเริ่มไหลคลอหน่วยที่ดวงตากลมโตคู่งามยามจับจ้องภาพอันตรึงใจ……….



    ร่างสูงโปร่งของผู้ชายซึ่งเป็นรักแรกยืนอยู่ตรงนั้น ผิวขาวนวลดั่งราชนิกูลผู้สูงส่งกระจ่างใสท่ามกลางแสงจันทร์ ผมหน้าม้าสีทองปรกลงปิดบังดวงตา มือใหญ่กำดอกกุหลาบสีขาวไว้แน่นจนกลีบดอกร่วงกระจายโปรยปรายลงมาตามพื้นดิน



    ภาพตรงหน้าเป็นดั่งมนต์สะกดให้ตกอยู่ในห้วงภวังค์………



    ภาพหลอนรึเปล่า……..นี่เขาคงไม่ได้คิดถึงใครคนนั้นจนเก็บเอาไปเพ้อใช่มั้ย…….



    เขาจากไปนานแล้ว……..ภาพนี้คงเป็นเพียงแค่จินตนการของเราสินะ……..



    แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงแค่ภาพหลอน ขาเพรียวบางกลับก้าวเข้าไปหาภาพๆนั้นโดยไม่รู้ตัวราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันลึกลับ ภาพของเจ้าชายใน
    จินตนาการหยุดชะงัก เบนสายตาที่เก็บซ่อนหลังม่านผมสีทองมามองสบ ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นดวงตานั้นแต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นระรัวแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก
    ถึงแม้จะเป็นแค่จินตนาการ………



    แต่ว่านะ……………….



    ใบหน้าหวานใสเงยหน้าขึ้นมองวงหน้าหล่อเหลาของร่างสูง ถึงแม้จะเป็นแค่ภาพหลอน และคงเลือนหายไปเมื่อสัมผัส แต่ก็อยากลองดู



    ……..แขนเรียวขาวสั่นระริกยามยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังของชายผมทองอย่างเลื่อนลอย บดเบียดเรือนร่างบอบบางเข้าแนบชิด ถูไถใบหน้าหวานเข้ากับอกกว้างราวกับลูกแมวน้อย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสำนึกได้ถึงความเป็นจริงว่า หัวใจของคนตรงหน้ากำลังเต้น!



    เป็นคนจริงๆที่ไม่ใช่เพียงจินตนาการ!!!!



    ฟรานเบิกตากว้าง ดันตัวออกจากแผ่นอกกว้างทันทีราวกับต้องของร้อน หากแต่คนร่างสูงกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ข้อมือบางถูกกระชากอย่างรุนแรงจนร่างทั้งร่างเซเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอีกครา วงหน้าหล่อเหลาก้มลงมาพิจารณาใบหน้าของคนในอ้อมกอดที่เริ่มขึ้นสีแดงก่ำน่าเอ็นดู



    “บ….เบล….ปล่อยนะ!”



    “รู้จักเจ้าชายด้วยเหรอ ชิชิชิ”



    ประโยคนั้นราวกับฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางใจ รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แตกหัก……เมื่อความฝันนั้นพังทลายปลิวหายไปอย่างไม่มีชิ้นดี



    นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ



    ตลกร้ายเกินไปแล้วนะ



    นี่นาย………



    จำชั้นไม่ได้งั้นเหรอ…………….



    “ทำอย่างนี้………อยากให้เจ้าชายกอดใช่มั้ยล่ะ ชิชิชิ”



    “ม…….ไม่ใช่นะ คุณเข้าใจผิดแล้ว……ผมไม่ได้…….”



    “ยอมรับความจริงมาเหอะ……กบน้อย…..”



    ลมหายใจอุ่นร้อนรดรินอยู่ข้างแก้มใส เรียกให้แก้มขาวๆขึ้นสีแดงก่ำน่าเอ็นดุ มือหยาบไล้นิ้วไปตามริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับผลเชอร์รี่อย่างแผ่วเบา กลิ่นกุหลาบป่าหอมหวานเย้ายวนใจลอยออกมาจากเรือนร่างบอบบาง หอมหวนยิ่งกว่าดอกไม้ชนิดไหนๆ วงหน้าหวานล้ำดูราวกับเศร้าสร้อย ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลทอประกายบริสุทธิ์ไร้เดียงสา………



    จนน่าบดขยี้ให้แหลกคามือ!!!!!



    เจ้าชายคนสำคัญแสยะยิ้มกับความคิดนั้น มือใหญ่ผลักร่างบอบบางลงไปกองกับพื้นอย่างรุนแรง จนร่างนั้นปลิวไปตกปะทะกับดงกุหลาบขาว



    “โอ๊ย!”



    ฟรานชักแขนเรียวบางออกจากดงกุหลาบนั้นราวกับปฏิกิริยาอัตโนมัติ แรงกระแทกนั้นส่งผลให้หนามกุหลาบทิ่มแทงเข้าที่ผิวเนื้อข้างแก้มกับแขน
    ขาวๆจนเลือดสีสดหยาดริน ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะความเจ็บแสบ เรียวปากอิ่มเต็มก้มลงไปใช้ลิ้นเรียวเล็กไล้เลียเลือดที่แขนขาวนวลของตัวเอง



    ชุดนอนสีขาวตัวบางผ่าลึกเข้าไปจนเห็นแผ่นอกขาว ยอดอกงามสีกุหลาบท้าทายสายตาดุนดันผ่านเนื้อผ้าบางเบาเปียกชื้นแนบชิดติดเรือนร่างผอมบาง ขับเน้นให้เห็นทรวดทรงของเอวบางกับสะโพกกลมมน ร่างสูงไล้สายตาสำรวจตามเรือนร่างแสนเย้ายวนของคนตรงหน้าอย่างพึงพอใจ



    ภาพนางฟ้าท่ามกลางสวนกุหลาบขาว กระตุ้นให้เพลิงอารมณ์โหมพัดราวกับวายุในคืนคลั่ง



    เบลแสยะยิ้มอีกครั้ง…….ยามก้าวเข้าไปหาร่างตรงหน้าราวกับราชสีห์ไล่ล่าเหยื่อตัวน้อยแสนหวาน



    ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นร่างตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ ริมฝีปากบางเตรียมจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด่าว่า แต่กลับถูกผลักลงไปนอนกับพื้นอีกครา



    “โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ”



    ใบหน้าจิ้มลิ้มงอง้ำด้วยความโมโห แผลที่แขนกับแก้มก็เจ็บ ยังถูกผลักมานอนกองกับพื้นอีก



    แค่ชื่อฉัน…….นายก็ยังจำไม่ได้



    มาทำร้ายกันอีกทำไม……….



    มือเรียวบางยันตัวเองขึ้นจากพื้นแต่กลับต้องทรุดลงไปทันที เพราะหนามแหลมของกุหลาบที่เกี่ยวรั้งข้อมือขวาจนขยับไม่ได้ ฟรานพยายามดึงข้อมือให้หลุดออกมาจากดงหนามนั้น แต่กลับยิ่งเจ็บปวดเมื่อหนามแหลมเสียดสีกับข้อมือบางจนเกิดเป็นแผลถลอกเล็กๆเพราะหนามครูดเกี่ยว หาง


    ตาเริ่มมีน้ำตาไหลซึมออกมาเล็กน้อย



    เหมาะกับดอกกุหลาบแล้วก็สีแดงเลือดจริงๆด้วยสินะ ชิชิชิ



    ร่างสูงล้มตัวลงทาบทับเรือนร่างบอบบาง น้ำหนักที่อยู่บนเรือนร่างทำให้ฟรานนิ่วหน้าน้อยๆ ปากอิ่มเต็มเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างทุกทีเหมือนที่เป็นมาในอดีต



    “คุณทำอย่างนี้ทำไม ปล่อยผมออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!” 

    ......................................................................................................................................................................................................

    TBC. on 2/2

    ซึลอยากจะบอกว่าถ้าไม่มีใครคอมเม้น ซึลจะไม่มาต่อแล้วนะค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×