ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [Fic] Covetousness -XS- 4
Chapter4: Just confuse
หากแม้จะมีเพียงสักหนึ่งความหวังแล้ว ..
ฉันก็ไม่ลังเลใจที่จะไขว่คว้ามา
.
.
.
ผมจะช่วยท่านผ.บ.แย่งบอสมาจากสึนะโยชิ
ถ้อยคำนั้นยังคงล่องลอยวนเวียนอยู่ในหัวสมองอย่างไม่อาจสลัดพ้น วันนี้ทั้งวันฉลามคลั่งแห่งวาเรียไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากคิดถึงประโยค
นั้น .ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากของสายหมอกจอมวางแผน
พูดจาเอาแต่ใจโดยไม่ถามความเห็นของเขายังไม่พอ พอเขาเอ่ยปากจะถาม เด็กบ้านั่นก็ชิงล้มตัวลงนอนหลับไป ไม่ว่าเขาจะปลุกอย่างไรก็ทำหูทวนลม จนต้องทิ้งตัวลงนอนบ้างอย่างช่วยไม่ได้
มาอาศัยห้องคนอื่นยังไม่พอ .ยังมาพูดจาอะไรแปลกๆอย่างนี้อีก
ไม่เห็นเข้าใจเลย เจ้ากบนี่มันต้องทะเลาะกับเจ้าชายบ้านั่นแน่อยู่แล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเขากับไอเด็กรุ่นที่สิบรึไง ที่ฟรานมันมาบอกว่าจะช่วย
ไร้เหตุผล
ไร้คำอธิบาย
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ..
“โว้ย!!!!”
ตะโกนออกมาอย่างเหลืออด จนพวกลูกน้องที่เดินผ่านไปมา พากันหลบหน้าอย่างหวาดกลัวกับอารมณ์อันแปรปรวนของรองหัวหน้าหน่วยที่ดูจะเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ที่วองโกเล่รุ่นที่สิบย้ายมาอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างบอสแห่งวาเรียกับหยาดพิรุณสีเลือดนั้น ทุกคนในหน่วยวาเรียต่างก็รู้กันดี เพียงแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจกลับกลายเป็นว่า ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่าบอสกับฉลามคลั่งมีความสัมพันธ์กันอยู่ แต่แล้วทำไมแซนซัสกลับพาวองโกเล่รุ่นที่สิบเข้ามาในปราสาท ยกฐานะให้เป็นคู่รักซะได้ เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปมปริศนาอยู่ในใจของทุกคนเรื่อยมา
“ท่านผ.บ.ครับ ขอผมคุยด้วยหน่อยสิ”
เสียงหวานที่เรียกขานมาจากเบื้องหลัง ทำให้ร่างเพรียวชะงักฝีเท้าลงในทันที คำเรียกขานแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก เด็กบ้าที่เป็นต้นเหตุของความว้าวุ้นใจของปริศนาที่มันทิ้งเอาไว้ วงหน้าใสยังคงทอประกายเรียบเฉยด้วยความไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอย่างเคย และมันทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เออ จะพูดอะไรก็รีบพูดมาสิวะ!”
เสียงห้วนที่พูดกระชากอย่างหงุดหงิดนั้นเรียกรอยยิ้มขำน้อยๆให้ปรากฏบนริมฝีปากฟรานจนคนมองเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
ไอเด็กนี่ .มันยิ้มเป็นด้วยเหรอ
แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ..
“ผมจะมาพูดเรื่องที่พูดค้างเอาไว้เมื่อคืน”
เรื่องเมื่อคืน
อ้อ เรื่องไอแผนบ้านั่นที่ทำเอาเขาคิดมากจนนอนไม่หลับ
แถมยังหงุดหงิดจนแทบจะฆ่าคนได้
“ว่ามาสิวะ”
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ท่านผ.บ.แค่ไปหาบอสแบบปกติก็พอแล้ว”
“อะไรของแกน่ะ ไอกบ ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นแผนอะไรตรงไหน”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ เขาคาดหวังว่าจะได้รับฟังอะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ แค่ให้เขาเข้าไปหาบอสเฉยๆแล้วมันยังไงล่ะ มัน
ต่างจากตอนปกติที่เขาเข้าไปหาบอสตรงไหนกัน แต่แล้วร่างบางที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวที่คนเจ้าแผนการเอ่ยขึ้นมาอีกครา
“ก็ใครบอกให้เข้าไปเฉยๆล่ะครับ”
ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้สควอโล่มากขึ้น เขย่งปลายเท้าก่อนจะกระซิบถ้อยคำบางอย่างข้างหูที่ทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดงวาบอย่างห้ามไม่ได้ เรียวปากบางเตรียมจะเอ่ยคำประท้วง จนฟรานต้องตัดบทคำพูดนั้นอย่างรวดเร็ว
“ผมอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วแท้ๆ ถ้าท่านผ.บ.ไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะครับ อยากแพ้วองโกเล่รึไง”
“ไม่ใช่ มันไม่เกี่ยวกับการแพ้ชนะ แต่ว่า ..ทำอย่างนั้นแล้วบอสจะรักฉันขึ้นมารึไง”
ท่าทางลังเลหม่นหมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ร่างเล็กถอนหายใจอย่างหนักอก พอเป็นเรื่องของความรักแล้ว ฉลามคลั่งแห่งวาเรียกลับมีท่าทางอ่อนแอขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าคุณบอสขี้เก๊กนั่นปล่อยคนอย่างนี้ให้หลุดมือไปได้ยังไงกัน
ไม่ใช่สิ .อาจจะเพราะคิดว่าครอบครองได้แล้วซึ่งทุกอย่างต่างหาก ถึงได้ทำท่าราวกับไม่เห็นคุณค่าอยู่อย่างนี้
“เรื่องบอสจะรักมั้ยผมไม่รู้หรอกครับ สำหรับผมแล้ว .”
สำหรับผมแล้ว .
การได้เห็นคนสองหน้าแบบนั้นดิ้นพราดๆต่างหากล่ะ มันถึงจะสะใจ!!!!
สำหรับคนที่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะแบบนั้น มันช่างน่าหมั่นไส้และน่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าคนแบบนั้นแพ้ขึ้นมาบ้าง มันคงจะน่าสนุกพิลึก
รอยยิ้มร้ายกาจถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่มจนสควอโล่ที่มองอยู่ถึงกับชะงัก
ไม่ใช่เพราะรอยยิ้ม .
แต่เป็นเพราะดวงตาสีเขียวคู่นั้นช่างดูเศร้าสร้อยขัดกับรอยยิ้มเหลือเกิน
ดวงตาสีฟ้าสวยกวาดตามองร่างตรงหน้าช้าๆ วงหน้าขาวใสยังคงชวนให้รู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเคย หากแต่เมื่อมองลึกลงไปแล้วกลับไม่เปล่ง
ประกายและแฝงไปด้วยความเศร้าโศกจนอดไม่ได้ที่จะสงสารเล็กๆ
มือเรียวยกขึ้นมาช้าๆ แตะลงไปที่ศีรษะสวยได้รูป ลูบเรือนผมสีน้ำทะเลสวยอย่างแผ่วเบาราวกับปลอบประโลม ฟรานเงยหน้าขึ้นมองท่าทางนั้นด้วยความสงสัย แต่ความอบอุ่นที่ได้รับก็ทำให้ยอมปิดปากเงียบ ไม่กวนประสาทเหมือนเคย
“รู้มั้ยว่าแกน่ะ หัวเราะอยู่แต่ทำท่ายังกับว่าจะร้องไห้งั้นแหละ”
เสียงหวานติดจะอ่อนโยนเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ร่างเล็กชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าหวานหม่นหมองลงพลางเอ่ยตอบออกไปอย่างแผ่วเบา
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว .ผมว่าเราก็คงไม่ต่างกันหรอกครับ”
สควอโล่ยิ้มน้อยๆให้กับคำพูดนั้น ตลกดีนะ ทั้งๆที่ความจริงเขากับฟรานไม่เคยพูดดีด้วยกันแท้ๆ แต่มาวันนี้กลับพูดราวกับว่าเข้าใจกันซะมากมาย
อาจจะเป็นแค่คนอกหักสองคนที่มาพบเจอกันด้วยความบังเอิญกระมัง .
มือเพรียวบางยังคงลูบไล้เรือนผมสีเขียวน้ำทะเลสวยเล่นอย่างใจลอย เส้นผมเล็กที่นุ่มนวลราวกับแพรไหมชวนให้สัมผัสได้เรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน
“หมวกกบแกไปไหนแล้ว”
เอ่ยปากถามเมื่อสังเกตเห็นว่าวันนี้ฟรานก็ไม่ได้ใส่หมวกรูปกบนั้นอีกแล้ว ทั้งที่ปกติแทบจะใส่อยู่ตลอดเวลา ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยทอประกายร้าวราน
“ของแบบนั้น คืนเจ้าของไปก็ดีแล้วครับ อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย .”
พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น มือบางจัดทรงผมตัวเองที่โดนสควอโล่ลูบจนเสียทรงช้าๆก่อนจะก้าวเดินจากไป โดยไม่ลืมที่จะหันมาบอกว่า
“พยายามเข้านะครับ ท่านผ.บ. อ๊ะ! ไม่สิ คุณแม่!”
“เฮ้ย! นี่แก!บอกแล้วไงวะว่าอย่าเรียกแบบนั้น!!!!!”
ร่างบางตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัด มือเรียวชักดาบออกมาจากฝักหมายจะไล่ฟันไอเด็กกวนประสาทตรงหน้า แต่ฟรานก็ไวเป็นปรอทเมื่อเจ้าตัวแปลงร่างเป็นหมอกมายาลอยหนีไป ทิ้งไว้แต่ฉลามคลั่งที่หงุดหงิดงุ่นง่านไปมาอย่างหาที่ระบายอารมณ์ไม่ได้
โว้ย!! มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย!!!
ดวงเนตรคู่คมสีแดงเลือดเหม่อมองสุราสีอำพันในแก้วเนื้อดีของตนอย่างใจลอย เมื่อวานเขาไม่ได้ไปหาไอฉลามสวะนั่นที่ห้อง เพียงเพราะคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับซาวาดะ สึนะโยชิในคืนนั้น
‘นาย .ฮึก ..อย่าทิ้งฉันไปเลยนะ ’
ภาพใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาฉายเข้าในห้วงความคิด ร่างบางในเวลานั้นบอบบางน่าทะนุถนอมจนดูราวกับจะแตกสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
เพียงแค่คิดว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจะไม่เปล่งประกายอย่างเคย ใจของเขาก็เจ็บแปลบจนแทบทนไม่ได้
ความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ
เขากำลังเห็นแก่ตัวใช่มั้ยที่คิดจะมีสองคนในเวลาเดียว เขากำลังทำผิดกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักใช่มั้ย
แล้วไอฉลามสวะหล่ะ ..
จะเป็นยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขา
ที่มีอะไรกันมันก็เรียกร้องเองทั้งนั้น ..
‘ฉันจะไม่ทิ้งแก ฉันก็แค่ .’
พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดชะงักไป แค่อะไรล่ะ .
แค่เลือกไม่ได้ .ว่าจะครอบครองนภาสีใสหรือหยาดพิรุณสีเลือดอย่างนั้นเหรอ .
ไอฉลามสวะไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย แต่ทำไมกลับลังเลใจที่จะเลือก
ทั้งๆที่คิดว่าร่างเล็กนี่สำคัญกว่าอยู่แล้ว
เพราะอะไร ทำไมกัน
ไม่เข้าใจเลย
‘แซนซัส เรายังรักกันอยู่ใช่มั้ย ’
เสียงหวานที่เอ่ยถามนั้นช่างฟังดูรวดร้าวจนใจของเขากระตุกอย่างรุนแรง เย็นวาบที่ช่วงท้องด้วยความรู้สึกประหลาดอันไร้เหตุผลจะอธิบาย
รักงั้นเหรอ ..
จำไม่ได้ .
เคยบอกรักตอนไหน
แล้วตอนนี้ล่ะรู้สึกยังไงกันแน่ .
อากัปกริยานิ่งเงียบนั้นทำให้ร่างบางร้องไห้หนักกว่าเดิมจนไหล่สะท้านไหว ยิ่งนภาแห่งวาเรียนิ่งเงียบนานขึ้นเท่าไหร่ เสียงสะอื้นไห้ที่เก็บกลั้นของนภาใสแห่งวองโกเล่ค่อยถี่และชัดเจนขึ้นทุกขณะ น้ำตาใสๆไหลพร่าพรายอาบใบหน้านวลจนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้าตายิ่งกว่าคราใดที่ชายหนุ่มเคยเห็น กายบอบบางที่ช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกินในสายตาของเขาไหวสะท้านด้วยแรงสะอื้น จนอดไม่ได้ที่จะคว้ามาไว้ในอ้อมกอด
แต่ผิดคาด ..เมื่อคนตรงหน้าเลือกที่จะเบี่ยงตัวออกจากมือใหญ่ที่ยื่นมาหา นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตามองสบดวงตาคู่สวยของชายที่ตนรักหมดใจ ความจริงจังที่แฝงมาในดวงตานั้นทำให้คนอย่างเขาต้องหลบตาลงด้วยความรู้สึกผิด
“ฮึก ..แซนซัส น .นายไม่รักฉันแล้วเหรอ พ ..เพราะสควอโล่ใช่มั้ย ฮึก .นายรักสควอโล่ใช่รึเปล่า”
เสียงหวานคาดคั้นอีกครา ในขณะที่วงหน้าคมของแซนซัสเริ่มส่อเค้าของความลำบากใจ ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิต ..ที่เขาจะลังเลและคิดอะไรไม่ออกได้เท่ากับครั้งนี้
ความรัก
ความคาดหวังในรัก .
.กำลังทำให้ชายผู้ไร้หัวใจเปลี่ยนไป .
“ไม่ ฉัน .”
พูดได้แค่นั้นก็พลันนิ่งเงียบไป มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนที่กำลังร้องไห้ สอดทับเสียงหายใจจางๆของร่างสูงใหญ่เท่านั้น สึนะกัดริมฝีปากแน่นขึ้นเมื่อความรู้สึกที่สะกัดกั้นไว้มาเนิ่นนานเริ่มปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือบางกำหมัดแน่นจนเล็บคมจิกเข้าไปในเนื้อฝ่ามือจนเจ็บแปลบ แต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บช้ำที่ฝังรากลึกกัดกินหัวใจที่ดูจะมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ
.......โกรธ.......
.......เสียใจ ...
.......ผิดหวัง...........
ความรู้สึกเหล่านี้ผสมปนเปกันจนยากจะแยกออก
เพียงคำพูดเดียว... เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้เขามั่นใจได้แล้ว หากคนตรงหน้ากลับไม่ยอมที่จะเอ่ยมันออกมา
กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ก่อนตะโกนถามสิ่งที่ค้างคาใจบางอย่างที่ไม่อาจลบล้างออกไปได้เลยแม้เพียงวินาที
“ถ้านายไม่รักแล้วนายไปหาเขาทำไม!!!”
สิ้นสุดถ้อยคำบริพาทย์จากริมฝีปากบางที่ระริกสั่น ความเงียบก็พลันบังเกิดขึ้นอีกครา ไม่มีคำพูดใดจากคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด แม้แววตาคู่นั้นจะจับจ้องมายังตัวเขา ก็ราวกับไม่สะท้อนถึงสิ่งใด
"...ทำไม?"
ร่างเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แต่คำตอบที่ได้รับกลับมีเพียงความเงียบงัน
"ทำไมไม่พูดล่ะ!?"
แม้ตัวเขาจะเพียรถามเท่าไหร่แต่ผืนนภาสีดำนั้นก็ยังคงไม่สะท้อนสิ่งใดกลับมา มีเพียงความว่างเปล่าไร้แววของดวงตาสีแดงเลือดเท่านั้นที่ได้รับ
ราวกับตัวเขาเป็นคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียวแบบนี้
ไม่ไหวแล้ว .ไม่อยากจะทนเห็นแซนซัสไปอยู่กับใครอีกแล้ว
“สัญญามาสิ ”
เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ทำให้ร่างสูงหลุดจากห้วงภวังค์ ความมุ่งมั่นที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กนั้นช่างมากมายจนเขาไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังร่ำร้อง ว่าสิ่งที่ขอนั้นมากมายเกินไป .
“สัญญาว่านายจะไม่ไปหาสควอโล่อีก!!! ถ้าเรื่องแค่นี้นายให้สัญญากับฉันไม่ได้ ฉันก็จะเก็บของออกจากวาเรียและจะไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย!!!”
ประโยคนั้นราวกับฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางใจของคนฟัง ใบหน้าคมซีดเผือดไปชั่วขณะด้วยความคาดไม่ถึงในการตัดสินใจของคนตรงหน้า ทางเลือกที่แสนโหดร้ายกำลังบีบบังคับให้เขาต้องตัดสินใจเลือกเพียงสิ่งเดียว
ตัณหาราคะหรือว่าความรัก ..
สเปลฮี สควอโล่หรือซาวาดะ สึนะโยชิ
นัยน์ตาสีแดงเข้มทอประกายวาบเล็กน้อยเมื่อตัดสินใจได้พลางเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ฉันสัญญา .”
อาจจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผืนนภาที่ดำที่ต้องการจะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ..
ทั้งท้องนภาสีใสที่บันดาลความอบอุ่นและไอรักอันแสนอ่อนโยน
ทั้งหยาดพิรุณที่สีเลือดผู้จงรักภักดีและรองรับอารมณ์ของเขาได้ดียิ่งกว่าใครๆ .
ถูกแล้ว .ที่บอสแห่งวาเรียนั้น .
ช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน .
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นเป็นจังหวะเรียกสติของร่างสูงที่หลุดลอยไปไกลให้กลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีเลือดปราดมองไปที่ประตูด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอ่ยคำอนุญาต
“เข้ามาได้”
สิ้นเสียงนั้น บานประตูไม้เนื้อดีก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เรือนผมสีเงินยวงเตะตาเขาตั้งแต่แรกเห็นเมื่อร่างบางโผล่หน้าเข้ามาอย่างเชื่องช้าผิดวิสัย แซนซัสเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจยามจ้องมองมือทั้งสองข้างที่ว่างเปล่าของหยาดพิรุณ ไม่มีเอกสาร .ไม่ได้จะมาคุยเรื่องงานงั้นเหรอ
“บอส ”
เอ่ยเรียกขึ้นอย่างแผ่วเบา วงหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงก่ำนั้นเรียกความสนใจจากร่างสูงให้จับจ้อง ท่าทางแบบนั้นอาจจะทำให้ใครต่อใครใจสั่น หากแต่ไม่ใช่กับบอสแห่งวาเรียผู้ไร้หัวใจ ดวงตาสีแดงทับทิมคู่สวยกวาดตามองร่างบางในชุดหนังรัดรูป เน้นทรวดทรงของเอวเพรียวบางกับสะโพกกลมมนท้าทายสายตา อารมณ์แห่งความปรารถนาปะทุขึ้นจนพาลให้รู้สึกเสียววาบตรงช่องท้อง เพียงแค่นึกถึงค่ำคืนอันร้อนแรงและร่างบอบบางเปลือยเปล่าเร้าอารมณ์
ปฏิกิริยาของแซนซัสพร้อมกับอาการจับจ้องไม่วางตานั้นทำให้ร่างบางรู้ได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้ากำลังอยู่ในอารมณ์ปรารถนา และต้องการเขาเพียงใด ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย พาลคิดไปถึงถ้อยคำแผ่วเบาของเจ้าเด็กกวนประสาทโดยไม่ได้ตั้งใจ
‘ใช้ร่างกายตัวเองให้เป็นประโชน์บ้างสิครับ ท่านผ.บ.’
สูดลมหายใจลึกๆเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคสั้นๆแต่กลับสื่อความหมายชัดเจนยิ่งกว่าประโยคใด
“ฉันต้องการนาย แซนซัส ”
ดวงตาสีแดงเลือดที่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงคือสิ่งที่ฉลามคลั่งแห่งวาเรียได้รับกลับมา
TBC.
.............................................................................................................................................................
(me//วิ่งหลบมีดที่ปามาจากผู้อ่าน) มันจบค้างคารึเปล่า 55555555+
อยากจะบอกว่าตอนหน้าป๋าหลามทั้งตอนนะเออ nc-21 กร๊ากๆๆๆๆ โดนเควสมาว่าเอาบรรยายให้เลือดกระฉูด ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า แต่จะพยายามนะจ๊ะ อิอิอิ
สำหรับผู้ที่ถามว่าเรื่องนี้จะหวานเมื่อไหร่ของบอกว่า อีกนานอ่ะจ๊ะ 55555555+
คอนเซปต์ของเรื่องคือ ดราม่าและรันทด
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหวานมั้ย ขนาดจะคิดพลีอตมันยังอู้
จริงๆแล้วซึลชอบสดนะเออ กร๊ากๆๆๆๆ
หากแม้จะมีเพียงสักหนึ่งความหวังแล้ว ..
ฉันก็ไม่ลังเลใจที่จะไขว่คว้ามา
.
.
.
ผมจะช่วยท่านผ.บ.แย่งบอสมาจากสึนะโยชิ
ถ้อยคำนั้นยังคงล่องลอยวนเวียนอยู่ในหัวสมองอย่างไม่อาจสลัดพ้น วันนี้ทั้งวันฉลามคลั่งแห่งวาเรียไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากคิดถึงประโยค
นั้น .ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากของสายหมอกจอมวางแผน
พูดจาเอาแต่ใจโดยไม่ถามความเห็นของเขายังไม่พอ พอเขาเอ่ยปากจะถาม เด็กบ้านั่นก็ชิงล้มตัวลงนอนหลับไป ไม่ว่าเขาจะปลุกอย่างไรก็ทำหูทวนลม จนต้องทิ้งตัวลงนอนบ้างอย่างช่วยไม่ได้
มาอาศัยห้องคนอื่นยังไม่พอ .ยังมาพูดจาอะไรแปลกๆอย่างนี้อีก
ไม่เห็นเข้าใจเลย เจ้ากบนี่มันต้องทะเลาะกับเจ้าชายบ้านั่นแน่อยู่แล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเขากับไอเด็กรุ่นที่สิบรึไง ที่ฟรานมันมาบอกว่าจะช่วย
ไร้เหตุผล
ไร้คำอธิบาย
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ..
“โว้ย!!!!”
ตะโกนออกมาอย่างเหลืออด จนพวกลูกน้องที่เดินผ่านไปมา พากันหลบหน้าอย่างหวาดกลัวกับอารมณ์อันแปรปรวนของรองหัวหน้าหน่วยที่ดูจะเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ที่วองโกเล่รุ่นที่สิบย้ายมาอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างบอสแห่งวาเรียกับหยาดพิรุณสีเลือดนั้น ทุกคนในหน่วยวาเรียต่างก็รู้กันดี เพียงแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจกลับกลายเป็นว่า ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่าบอสกับฉลามคลั่งมีความสัมพันธ์กันอยู่ แต่แล้วทำไมแซนซัสกลับพาวองโกเล่รุ่นที่สิบเข้ามาในปราสาท ยกฐานะให้เป็นคู่รักซะได้ เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปมปริศนาอยู่ในใจของทุกคนเรื่อยมา
“ท่านผ.บ.ครับ ขอผมคุยด้วยหน่อยสิ”
เสียงหวานที่เรียกขานมาจากเบื้องหลัง ทำให้ร่างเพรียวชะงักฝีเท้าลงในทันที คำเรียกขานแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก เด็กบ้าที่เป็นต้นเหตุของความว้าวุ้นใจของปริศนาที่มันทิ้งเอาไว้ วงหน้าใสยังคงทอประกายเรียบเฉยด้วยความไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอย่างเคย และมันทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เออ จะพูดอะไรก็รีบพูดมาสิวะ!”
เสียงห้วนที่พูดกระชากอย่างหงุดหงิดนั้นเรียกรอยยิ้มขำน้อยๆให้ปรากฏบนริมฝีปากฟรานจนคนมองเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
ไอเด็กนี่ .มันยิ้มเป็นด้วยเหรอ
แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ..
“ผมจะมาพูดเรื่องที่พูดค้างเอาไว้เมื่อคืน”
เรื่องเมื่อคืน
อ้อ เรื่องไอแผนบ้านั่นที่ทำเอาเขาคิดมากจนนอนไม่หลับ
แถมยังหงุดหงิดจนแทบจะฆ่าคนได้
“ว่ามาสิวะ”
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ท่านผ.บ.แค่ไปหาบอสแบบปกติก็พอแล้ว”
“อะไรของแกน่ะ ไอกบ ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นแผนอะไรตรงไหน”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ เขาคาดหวังว่าจะได้รับฟังอะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ แค่ให้เขาเข้าไปหาบอสเฉยๆแล้วมันยังไงล่ะ มัน
ต่างจากตอนปกติที่เขาเข้าไปหาบอสตรงไหนกัน แต่แล้วร่างบางที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวที่คนเจ้าแผนการเอ่ยขึ้นมาอีกครา
“ก็ใครบอกให้เข้าไปเฉยๆล่ะครับ”
ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้สควอโล่มากขึ้น เขย่งปลายเท้าก่อนจะกระซิบถ้อยคำบางอย่างข้างหูที่ทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดงวาบอย่างห้ามไม่ได้ เรียวปากบางเตรียมจะเอ่ยคำประท้วง จนฟรานต้องตัดบทคำพูดนั้นอย่างรวดเร็ว
“ผมอุตส่าห์ช่วยขนาดนี้แล้วแท้ๆ ถ้าท่านผ.บ.ไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะครับ อยากแพ้วองโกเล่รึไง”
“ไม่ใช่ มันไม่เกี่ยวกับการแพ้ชนะ แต่ว่า ..ทำอย่างนั้นแล้วบอสจะรักฉันขึ้นมารึไง”
ท่าทางลังเลหม่นหมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ร่างเล็กถอนหายใจอย่างหนักอก พอเป็นเรื่องของความรักแล้ว ฉลามคลั่งแห่งวาเรียกลับมีท่าทางอ่อนแอขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าคุณบอสขี้เก๊กนั่นปล่อยคนอย่างนี้ให้หลุดมือไปได้ยังไงกัน
ไม่ใช่สิ .อาจจะเพราะคิดว่าครอบครองได้แล้วซึ่งทุกอย่างต่างหาก ถึงได้ทำท่าราวกับไม่เห็นคุณค่าอยู่อย่างนี้
“เรื่องบอสจะรักมั้ยผมไม่รู้หรอกครับ สำหรับผมแล้ว .”
สำหรับผมแล้ว .
การได้เห็นคนสองหน้าแบบนั้นดิ้นพราดๆต่างหากล่ะ มันถึงจะสะใจ!!!!
สำหรับคนที่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะแบบนั้น มันช่างน่าหมั่นไส้และน่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าคนแบบนั้นแพ้ขึ้นมาบ้าง มันคงจะน่าสนุกพิลึก
รอยยิ้มร้ายกาจถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่มจนสควอโล่ที่มองอยู่ถึงกับชะงัก
ไม่ใช่เพราะรอยยิ้ม .
แต่เป็นเพราะดวงตาสีเขียวคู่นั้นช่างดูเศร้าสร้อยขัดกับรอยยิ้มเหลือเกิน
ดวงตาสีฟ้าสวยกวาดตามองร่างตรงหน้าช้าๆ วงหน้าขาวใสยังคงชวนให้รู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเคย หากแต่เมื่อมองลึกลงไปแล้วกลับไม่เปล่ง
ประกายและแฝงไปด้วยความเศร้าโศกจนอดไม่ได้ที่จะสงสารเล็กๆ
มือเรียวยกขึ้นมาช้าๆ แตะลงไปที่ศีรษะสวยได้รูป ลูบเรือนผมสีน้ำทะเลสวยอย่างแผ่วเบาราวกับปลอบประโลม ฟรานเงยหน้าขึ้นมองท่าทางนั้นด้วยความสงสัย แต่ความอบอุ่นที่ได้รับก็ทำให้ยอมปิดปากเงียบ ไม่กวนประสาทเหมือนเคย
“รู้มั้ยว่าแกน่ะ หัวเราะอยู่แต่ทำท่ายังกับว่าจะร้องไห้งั้นแหละ”
เสียงหวานติดจะอ่อนโยนเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ร่างเล็กชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าหวานหม่นหมองลงพลางเอ่ยตอบออกไปอย่างแผ่วเบา
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว .ผมว่าเราก็คงไม่ต่างกันหรอกครับ”
สควอโล่ยิ้มน้อยๆให้กับคำพูดนั้น ตลกดีนะ ทั้งๆที่ความจริงเขากับฟรานไม่เคยพูดดีด้วยกันแท้ๆ แต่มาวันนี้กลับพูดราวกับว่าเข้าใจกันซะมากมาย
อาจจะเป็นแค่คนอกหักสองคนที่มาพบเจอกันด้วยความบังเอิญกระมัง .
มือเพรียวบางยังคงลูบไล้เรือนผมสีเขียวน้ำทะเลสวยเล่นอย่างใจลอย เส้นผมเล็กที่นุ่มนวลราวกับแพรไหมชวนให้สัมผัสได้เรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน
“หมวกกบแกไปไหนแล้ว”
เอ่ยปากถามเมื่อสังเกตเห็นว่าวันนี้ฟรานก็ไม่ได้ใส่หมวกรูปกบนั้นอีกแล้ว ทั้งที่ปกติแทบจะใส่อยู่ตลอดเวลา ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยทอประกายร้าวราน
“ของแบบนั้น คืนเจ้าของไปก็ดีแล้วครับ อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย .”
พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น มือบางจัดทรงผมตัวเองที่โดนสควอโล่ลูบจนเสียทรงช้าๆก่อนจะก้าวเดินจากไป โดยไม่ลืมที่จะหันมาบอกว่า
“พยายามเข้านะครับ ท่านผ.บ. อ๊ะ! ไม่สิ คุณแม่!”
“เฮ้ย! นี่แก!บอกแล้วไงวะว่าอย่าเรียกแบบนั้น!!!!!”
ร่างบางตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัด มือเรียวชักดาบออกมาจากฝักหมายจะไล่ฟันไอเด็กกวนประสาทตรงหน้า แต่ฟรานก็ไวเป็นปรอทเมื่อเจ้าตัวแปลงร่างเป็นหมอกมายาลอยหนีไป ทิ้งไว้แต่ฉลามคลั่งที่หงุดหงิดงุ่นง่านไปมาอย่างหาที่ระบายอารมณ์ไม่ได้
โว้ย!! มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย!!!
ดวงเนตรคู่คมสีแดงเลือดเหม่อมองสุราสีอำพันในแก้วเนื้อดีของตนอย่างใจลอย เมื่อวานเขาไม่ได้ไปหาไอฉลามสวะนั่นที่ห้อง เพียงเพราะคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับซาวาดะ สึนะโยชิในคืนนั้น
‘นาย .ฮึก ..อย่าทิ้งฉันไปเลยนะ ’
ภาพใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาฉายเข้าในห้วงความคิด ร่างบางในเวลานั้นบอบบางน่าทะนุถนอมจนดูราวกับจะแตกสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
เพียงแค่คิดว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นจะไม่เปล่งประกายอย่างเคย ใจของเขาก็เจ็บแปลบจนแทบทนไม่ได้
ความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ
เขากำลังเห็นแก่ตัวใช่มั้ยที่คิดจะมีสองคนในเวลาเดียว เขากำลังทำผิดกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักใช่มั้ย
แล้วไอฉลามสวะหล่ะ ..
จะเป็นยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขา
ที่มีอะไรกันมันก็เรียกร้องเองทั้งนั้น ..
‘ฉันจะไม่ทิ้งแก ฉันก็แค่ .’
พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดชะงักไป แค่อะไรล่ะ .
แค่เลือกไม่ได้ .ว่าจะครอบครองนภาสีใสหรือหยาดพิรุณสีเลือดอย่างนั้นเหรอ .
ไอฉลามสวะไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย แต่ทำไมกลับลังเลใจที่จะเลือก
ทั้งๆที่คิดว่าร่างเล็กนี่สำคัญกว่าอยู่แล้ว
เพราะอะไร ทำไมกัน
ไม่เข้าใจเลย
‘แซนซัส เรายังรักกันอยู่ใช่มั้ย ’
เสียงหวานที่เอ่ยถามนั้นช่างฟังดูรวดร้าวจนใจของเขากระตุกอย่างรุนแรง เย็นวาบที่ช่วงท้องด้วยความรู้สึกประหลาดอันไร้เหตุผลจะอธิบาย
รักงั้นเหรอ ..
จำไม่ได้ .
เคยบอกรักตอนไหน
แล้วตอนนี้ล่ะรู้สึกยังไงกันแน่ .
อากัปกริยานิ่งเงียบนั้นทำให้ร่างบางร้องไห้หนักกว่าเดิมจนไหล่สะท้านไหว ยิ่งนภาแห่งวาเรียนิ่งเงียบนานขึ้นเท่าไหร่ เสียงสะอื้นไห้ที่เก็บกลั้นของนภาใสแห่งวองโกเล่ค่อยถี่และชัดเจนขึ้นทุกขณะ น้ำตาใสๆไหลพร่าพรายอาบใบหน้านวลจนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้าตายิ่งกว่าคราใดที่ชายหนุ่มเคยเห็น กายบอบบางที่ช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกินในสายตาของเขาไหวสะท้านด้วยแรงสะอื้น จนอดไม่ได้ที่จะคว้ามาไว้ในอ้อมกอด
แต่ผิดคาด ..เมื่อคนตรงหน้าเลือกที่จะเบี่ยงตัวออกจากมือใหญ่ที่ยื่นมาหา นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตามองสบดวงตาคู่สวยของชายที่ตนรักหมดใจ ความจริงจังที่แฝงมาในดวงตานั้นทำให้คนอย่างเขาต้องหลบตาลงด้วยความรู้สึกผิด
“ฮึก ..แซนซัส น .นายไม่รักฉันแล้วเหรอ พ ..เพราะสควอโล่ใช่มั้ย ฮึก .นายรักสควอโล่ใช่รึเปล่า”
เสียงหวานคาดคั้นอีกครา ในขณะที่วงหน้าคมของแซนซัสเริ่มส่อเค้าของความลำบากใจ ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิต ..ที่เขาจะลังเลและคิดอะไรไม่ออกได้เท่ากับครั้งนี้
ความรัก
ความคาดหวังในรัก .
.กำลังทำให้ชายผู้ไร้หัวใจเปลี่ยนไป .
“ไม่ ฉัน .”
พูดได้แค่นั้นก็พลันนิ่งเงียบไป มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนที่กำลังร้องไห้ สอดทับเสียงหายใจจางๆของร่างสูงใหญ่เท่านั้น สึนะกัดริมฝีปากแน่นขึ้นเมื่อความรู้สึกที่สะกัดกั้นไว้มาเนิ่นนานเริ่มปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือบางกำหมัดแน่นจนเล็บคมจิกเข้าไปในเนื้อฝ่ามือจนเจ็บแปลบ แต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บช้ำที่ฝังรากลึกกัดกินหัวใจที่ดูจะมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ
.......โกรธ.......
.......เสียใจ ...
.......ผิดหวัง...........
ความรู้สึกเหล่านี้ผสมปนเปกันจนยากจะแยกออก
เพียงคำพูดเดียว... เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้เขามั่นใจได้แล้ว หากคนตรงหน้ากลับไม่ยอมที่จะเอ่ยมันออกมา
กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ก่อนตะโกนถามสิ่งที่ค้างคาใจบางอย่างที่ไม่อาจลบล้างออกไปได้เลยแม้เพียงวินาที
“ถ้านายไม่รักแล้วนายไปหาเขาทำไม!!!”
สิ้นสุดถ้อยคำบริพาทย์จากริมฝีปากบางที่ระริกสั่น ความเงียบก็พลันบังเกิดขึ้นอีกครา ไม่มีคำพูดใดจากคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด แม้แววตาคู่นั้นจะจับจ้องมายังตัวเขา ก็ราวกับไม่สะท้อนถึงสิ่งใด
"...ทำไม?"
ร่างเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แต่คำตอบที่ได้รับกลับมีเพียงความเงียบงัน
"ทำไมไม่พูดล่ะ!?"
แม้ตัวเขาจะเพียรถามเท่าไหร่แต่ผืนนภาสีดำนั้นก็ยังคงไม่สะท้อนสิ่งใดกลับมา มีเพียงความว่างเปล่าไร้แววของดวงตาสีแดงเลือดเท่านั้นที่ได้รับ
ราวกับตัวเขาเป็นคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียวแบบนี้
ไม่ไหวแล้ว .ไม่อยากจะทนเห็นแซนซัสไปอยู่กับใครอีกแล้ว
“สัญญามาสิ ”
เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ทำให้ร่างสูงหลุดจากห้วงภวังค์ ความมุ่งมั่นที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กนั้นช่างมากมายจนเขาไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังร่ำร้อง ว่าสิ่งที่ขอนั้นมากมายเกินไป .
“สัญญาว่านายจะไม่ไปหาสควอโล่อีก!!! ถ้าเรื่องแค่นี้นายให้สัญญากับฉันไม่ได้ ฉันก็จะเก็บของออกจากวาเรียและจะไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย!!!”
ประโยคนั้นราวกับฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางใจของคนฟัง ใบหน้าคมซีดเผือดไปชั่วขณะด้วยความคาดไม่ถึงในการตัดสินใจของคนตรงหน้า ทางเลือกที่แสนโหดร้ายกำลังบีบบังคับให้เขาต้องตัดสินใจเลือกเพียงสิ่งเดียว
ตัณหาราคะหรือว่าความรัก ..
สเปลฮี สควอโล่หรือซาวาดะ สึนะโยชิ
นัยน์ตาสีแดงเข้มทอประกายวาบเล็กน้อยเมื่อตัดสินใจได้พลางเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ฉันสัญญา .”
อาจจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผืนนภาที่ดำที่ต้องการจะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ..
ทั้งท้องนภาสีใสที่บันดาลความอบอุ่นและไอรักอันแสนอ่อนโยน
ทั้งหยาดพิรุณที่สีเลือดผู้จงรักภักดีและรองรับอารมณ์ของเขาได้ดียิ่งกว่าใครๆ .
ถูกแล้ว .ที่บอสแห่งวาเรียนั้น .
ช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน .
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นเป็นจังหวะเรียกสติของร่างสูงที่หลุดลอยไปไกลให้กลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีเลือดปราดมองไปที่ประตูด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอ่ยคำอนุญาต
“เข้ามาได้”
สิ้นเสียงนั้น บานประตูไม้เนื้อดีก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เรือนผมสีเงินยวงเตะตาเขาตั้งแต่แรกเห็นเมื่อร่างบางโผล่หน้าเข้ามาอย่างเชื่องช้าผิดวิสัย แซนซัสเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจยามจ้องมองมือทั้งสองข้างที่ว่างเปล่าของหยาดพิรุณ ไม่มีเอกสาร .ไม่ได้จะมาคุยเรื่องงานงั้นเหรอ
“บอส ”
เอ่ยเรียกขึ้นอย่างแผ่วเบา วงหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงก่ำนั้นเรียกความสนใจจากร่างสูงให้จับจ้อง ท่าทางแบบนั้นอาจจะทำให้ใครต่อใครใจสั่น หากแต่ไม่ใช่กับบอสแห่งวาเรียผู้ไร้หัวใจ ดวงตาสีแดงทับทิมคู่สวยกวาดตามองร่างบางในชุดหนังรัดรูป เน้นทรวดทรงของเอวเพรียวบางกับสะโพกกลมมนท้าทายสายตา อารมณ์แห่งความปรารถนาปะทุขึ้นจนพาลให้รู้สึกเสียววาบตรงช่องท้อง เพียงแค่นึกถึงค่ำคืนอันร้อนแรงและร่างบอบบางเปลือยเปล่าเร้าอารมณ์
ปฏิกิริยาของแซนซัสพร้อมกับอาการจับจ้องไม่วางตานั้นทำให้ร่างบางรู้ได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้ากำลังอยู่ในอารมณ์ปรารถนา และต้องการเขาเพียงใด ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย พาลคิดไปถึงถ้อยคำแผ่วเบาของเจ้าเด็กกวนประสาทโดยไม่ได้ตั้งใจ
‘ใช้ร่างกายตัวเองให้เป็นประโชน์บ้างสิครับ ท่านผ.บ.’
สูดลมหายใจลึกๆเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคสั้นๆแต่กลับสื่อความหมายชัดเจนยิ่งกว่าประโยคใด
“ฉันต้องการนาย แซนซัส ”
ดวงตาสีแดงเลือดที่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงคือสิ่งที่ฉลามคลั่งแห่งวาเรียได้รับกลับมา
TBC.
.............................................................................................................................................................
(me//วิ่งหลบมีดที่ปามาจากผู้อ่าน) มันจบค้างคารึเปล่า 55555555+
อยากจะบอกว่าตอนหน้าป๋าหลามทั้งตอนนะเออ nc-21 กร๊ากๆๆๆๆ โดนเควสมาว่าเอาบรรยายให้เลือดกระฉูด ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า แต่จะพยายามนะจ๊ะ อิอิอิ
สำหรับผู้ที่ถามว่าเรื่องนี้จะหวานเมื่อไหร่ของบอกว่า อีกนานอ่ะจ๊ะ 55555555+
คอนเซปต์ของเรื่องคือ ดราม่าและรันทด
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหวานมั้ย ขนาดจะคิดพลีอตมันยังอู้
จริงๆแล้วซึลชอบสดนะเออ กร๊ากๆๆๆๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น