ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : มาเล่นกันเถอะ (141023)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 59


    Chapter 1

    มาเล่นกันเถอะ ^O^


      วันมหาวิบัติวิปโยคของผมเริ่มต้นขึ้นในวันฝนพรำ เหล่าเมมเบอร์พากันนอนแผ่หราหมดสภาพอยู่กลางห้องนั่งเล่น วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังจากการซ้อมมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็มีเวลาพักสามวันก่อนจะเริ่มซ้อมใหม่


     

    พวกเราจึงตัดสินใจไปเที่ยวทะเลกัน แต่พอมาถึงปุ๊ป ฝนดันตกปั๊ป  



    วิ่งฝ่าฝนลงจากรถพร้อมกับลากกระเป๋า แบกกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้านพักอย่างทุลักทุเล เพราะทางเดินมันทำด้วยหินขรุขระ ใครสร้างฟ่ะ? กว่าจะเข้ามาได้ก็ชุ่มโชกไปทั้งตัวหนาวไปถึงกุงเกงใน



    “โอ๊ย เซ็งๆๆๆ ทำไมต้องมาตกวันนี้ด้วยฟร้า”



    เสียงบ่นงุ้งงิ้งเสียงแรกดังมาจากจีมินนี่ เพื่อนซี้ของผมที่เข้ามาได้ก็นอนแผ่ไปกับพื้น ขยับร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำจนเสียงดัง แปะ แปะ เพราะเสียดสีกับพื้นที่กำลังนอนเน่าเป็นหมูเปียกๆ สกปรกชิบ เชื้อราจะขึ้นมั้ยเนี่ย



    ผมเบ้ปากเมื่อมันพยายามเสือกไสตัวมันเข้ามาเช็ดกับกางเกงของผม (กางเกงผมเป็นผ้าแบบแห้งเร็ว ตอนนี้เลยเริ่มหมาดแถมไม่ค่อยเปียกมากเพราะพยายามเอากระเป๋าบังไว้ ไม่อยากให้กุงเกงในเปียกชื้น)



    “นั่นดิ อุตส่าห์เตรียมแผนส่องสาวบิกีนี ชวดเลย”



    ความเห็นอันหื่นกามเป็นของนัมจุนฮยอง เฮียแกอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตชมพูบานเย็นลายดอก กางเกงขาสั้น แว่นตาดำน้ำฝนกระเซ็นใส่เป็นวงๆ รองเท้าแตะช้างดาวสายน้ำเงิน สะพายเป้ที่ยังไม่ปลดจากไหล่เพราะเพิ่งเข้ามาถึงเป็นคนสุดท้าย แต่งยังกะกลัวคนไม่รู้ว่าไปทะเล



    ที่แผ่อยู่ข้างๆผมกับจีมินคือชูก้าฮยองหน้าเซ็ง เฮียแกใส่เสื้อสีส้มลายดอก ลายเดียวกับม่อนฮยอง แต่มีออพชั่นเสริมเป็นผ้าพันคอเปียกๆสีเขียวพันคอยังกับสาหร่าย ชวนให้มีความรู้สึกว่าตะไคร่อาจจะขึ้นคู่กับเชื้อราของจีมิน กางเกงขาสั้นจุ๊ดอวดขาขาวๆ ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เว่อที่ยัดแฟชั่นริมทะเลมาเต็ม



    เฮียชูก้ากรีดกราดหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับใบหน้าเปียกๆ คือเป๊ะทุกท่วงท่า



    ที่นี่คือบ้านพักตากอากาศที่บังพีดีนิมลงทุนจองให้เป็นรางวัลที่ทำงานอย่างหนัก ผมนั่งหน้าอึนเหม่อมองท้องฟ้าผ่านทางประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไประเบียงเล็กๆ  รู้สึกหนาวนิดๆเพราะเสื้อผ้าเปียกโชกของตัวเอง



    แต่ที่ต้องมาทนนอนหนาวสะท้านเพราะจินฮยองใช้สิทธิ์ความเป็นพี่ใหญ่เข้าไปอาบน้ำคนแรกพร้อมกับเจโฮปฮยองแล้ว



    ห้องน้ำมีห้องเดียวเลยต้องจับคู่อาบเพื่อความรวดเร็ว



    ไอ้จีมินตอนนี้กำลังไถหัวเปียกๆของมันกับกางเกงผมอย่างเมามันส์ ผมจัดการผลักหัวเน่าๆออกไปจนลงไปกองกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืนทันที



    “ไปไหนวะ” ความเผือกของมันเริ่มทำงานทันทีเมื่อผมทำท่าจะเดินไปตรงระเบียง



    “รับลมไง อยู่ในนี้หนาว”



    “แล้วข้างนอกไม่หนาวไงวะ? หนีเหรอ กลับมานี่เลยแทฮยอง หัวกุยังไม่แห้ง”



    ไอ้หมูมันเริ่มโวยวายขึ้นมาเพราะนึกว่าผมลุกหนีมัน ทำปากจู๋คิดว่าน่ารักรึไง?อยากจะโบกให้ แต่ไม่ทันเฮียก้าที่หันไปตบเกรียนข้อหาพูดจาหยาบคาย ฮ่าฮ่าฮ่า สม



    เรามีกฎห้ามพูดคำหยาบ เพราะกลัวว่าจะติดไปใช้ข้างนอกแล้วภาพลักษณ์เสียหาย ผมกับจีมินอายุเท่ากัน เราเลยแอบพูดกันลับหลังพวกพี่ๆประจำ



    ผมไม่สนใจจีมินที่ทำหน้าตาเหมือนอยากจะร้องเพราะโดนเทศนา เลื่อนประตูระเบียงเปิดออกทันที แถมท้ายด้วยปิดม่านไม่ให้คนข้างในส่องมาเห็น เพราะมันคงเต็มไปด้วยความพยาบาทของหมู อิอิอิ



    ยังดีที่ฝนตกซาลงแล้วเลยไม่สาดมาถึงระเบียง อากาศเย็นดีจัง



    “พี่วี มายืนอะไรตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”



    ยืนได้แค่ 2 วิ เสียงทุ้มก็ดังมาจากข้างหลังผม พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่โปะลงมาบนหัว ตามมาด้วยมือใหญ่ที่ขยี้ผ้าลงบนผมสีน้ำตาลของผมอย่างเมามันส์ เอี้ยวตัวไปข้างหลังก็เจอกับใบหน้าหล่อติดจะน่ารักในระยะประชิด 



    แผ่นอกกว้างแทบจะแนบชิดติดหลัง ส่งผ่านไออุ่นมาให้ จอนจองกุกส่งยิ้มหวานจนใจชักจะกระตุกแปลกๆ



    ใกล้เกินไปมั้ยวะเนี่ย หายตัวไปตั้งแต่มาถึง พอบทจะมาก็ตั้งตัวไม่ทันเลย



    “จะเข้ามาใกล้ทำไมเนี่ย? ไปเช็ดไกลๆก็ได้”



    ผมว่าไอ้เด็กจอนอย่างไม่จริงจัง เราสนิทกันมากเพราะอยู่ด้วยกันมานาน ตอนแรกมันยังตัวเล็กๆอยู่เลย เผลอแปปเดียวสูงเท่าผมซะแล้ว อายุ 17 นี่ดีจัง



              “ทำไมล่ะ? ทีพี่วีชอบฉวยโอกาสเข้ามากอดผมข้างหลัง ผมยังไม่เห็นว่าอะไร นี่แค่เช็ดผมให้ ใกล้นิดใกล้หน่อยทำเป็นหวง”



    อ้าว ไอ้เด็กนี่พูดจาน่าตบ มันหาว่าผมฉวยโอกาสกอดมัน? ผมหน้าบึ้งหันหลังกลับยกมือขึ้นเตรียมจะตบลงโทษ แต่พอหันไปเห็นใบหน้าน่ารักกับตากลมใสแป๋วที่จ้องมาแล้วทำไม่ลง >O< มันน่ารักเกินไป ทำได้แค่อ้อมแอ้มตอบกลับ


    “ก็นายน่ารัก จองกุกก็รู้ว่าพี่ชอบจับของน่ารัก แถมนายยังตัวอุ่นน่ากอดจะตาย”



    จองกุกกระตุกยิ้ม นี่ผมพูดอะไรผิด?



    “อ่า จะบอกว่าชอบ กอด ผมสินะ…”



    ทำไมต้องทำเสียงเซกซี่ตรงคำว่า กอด ด้วย เริ่มเรื่องมาก็ส่อเลยครับ



    ผมมองสบตาคมที่ทอประกายวิบวับด้วยอารมณ์ที่ผมไม่เข้าใจ เด็กนี่ยิ่งโตยิ่งเข้าใจยาก บางทีก็เข้ามาสนใจ บางทีก็เฉยชา บางทีก็อ่อนโยนจนใจกระตุก พอเผลอก็เล่นรุนแรงต่อยตี แต่ยิ่งจองกุกทำตัวลึกลับมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนดึงดูดให้เข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว



    พอรู้ตัวอีกทีก็เผลอชอบเข้าไปกอดเล่นซะแล้ว คงเป็นเพราะอีกฝ่ายหน้าตาน่ารักละมั้ง ใครๆก็ชอบของน่ารัก แล้วที่ใจสั่นแปลกๆคงเป็นเพราะหนาว



    “ก็ชอบ ถึงนายไม่ชอบพี่ก็จะเข้าไปกอดอยู่ดี เป็นมักเน่ต้องเชื่อฟังรู้มั้ย?”



    เบี่ยงประเด็นได้ยอดเยี่ยม คิมแทฮยอง! (เยี่ยมตรงไหนเนี่ย)



    “ครับ จองกุกเชื่อฟังพี่วีอยู่แล้ว งั้นตอนนี้ก็เข้ามากอดสิ มันหนาวไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไม่สบายนะ”



    ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่ยังเลื่อนมากุมมือผม ดึงให้เข้าไปโอบรัดที่เอวพร้อมกับเขยิบตัวมาใกล้จนกลายเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นฝ่ายกอดเด็กนั่น แนบชิดซะจนแก้มแนบแก้ม



    เดี๋ยวนะ…นี่สรุปใครเชื่อฟังใครกันแน่ ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนล่อลวงชอบกล



    “หนาวรึเปล่า?” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู “อยากให้ผมกอดตอบมั้ย?”



    “ก็หนาวนิดหน่อย แต่อุ่นขึ้นแล้ว”



    ผมตอบกลับเบาๆ อยู่ดีๆก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมากับบรรยากาศแปลกๆ ฝนตกพรำๆ ผมยืนกอดมักเน่อยู่ตรงระเบียงสองต่อสอง อ่า….



    “พี่วีใจเต้นแรงมากเลย งั้นผมกอดนะ...พี่วีหนาวมากจนใจเต้นเสียงดังไปหมดแล้ว”



    จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ มันตลกตรงไหน คิมวีไม่เข้าใจ? แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทำอะไรต่อไป เสียงไอ้หมูจีก็แหกปากดังลั่นมาจากห้องนั่งเล่น



    “แทแท แกจะอาบน้ำมั้ยวะ!! ไม่อาบฉันอาบคนเดียวนะเว้ย!!”



    ผมอ้าปากพะงาบๆ



    “เออ อ…”



    ครืด…



    จีมินเลื่อนประตูระเบียงเปิดออก แล้วก่อนที่ผมจะทันได้ปล่อยมือจากจองกุก ไอ้หมูจีก็เห็นช็อตนี้เต็มตา



    “โอ๊ะ โทษที ไม่เห็นว่าสวีทกันอยู่ เชิญพวกแกตามสบาย ไปล่ะ”



    พูดจบก็เลื่อนระเบียงปิดทิ้งท้าย สามวิต่อมามันก็แหกปากเสียงดัง



    “นัมจุนฮยอง ยุนกิฮยอง เราสามคนอาบเลย! วีไม่อาบ!! มันกำลังอ่อยจองกุก!!!”



    สุดท้ายผมกับจองกุกก็ไม่ได้อาบน้ำด้วยกัน 



    หลังจากที่ไอ้จีมินตะโกนแหกปากผมก็วิ่งกลับเข้าบ้านไปไล่เตะมัน วิ่งไล่กันอยู่นานจนต้องอาบน้ำกับมันเพราะจองกุกกับฮยองอีกสองคนชิงอาบไปแล้วระหว่างที่ผมกับจีมินเสียสิทธิ์นั้น



    ผมฮัมเพลง เต้นรั่วๆในห้องน้ำกับจีมินอย่างอารมณ์ดี บนหัวเราสองคนเต็มไปด้วยฟองฟอด



    “หลบไปไอ้อ้วน จะล้างหัว”



    เมื่อสระจนได้ที่ ผมก็เริ่มต้นสงครามด้วยการผลักไอ้หมูจีจนกระเด็นติดกระจกกั้นห้องน้ำเพื่อทวงสิทธิ์ฝักบัวทันที



    “อ้าวไอ้แท กุก็อยากล้างเดี๋ยวเมิงโดน”



    ไอ้หมูโวยวายกลับ เท่านั้นไม่พอมันยังกระชากหัวผมที่กำลังล้างหัวอย่างเมามันส์ออกจากน้ำ แล้วยื่นหัวตัวเองเข้ามาแทนที่ ผมที่ไม่ได้น้ำแถมฟองยังฟอด ก็บังเกิดความชิบหายเมื่อฟองเริ่มไหลเข้าตา



    “จีมิน กุแสบตา หลบ หลบ หลบ”



    ผมดันแก้มยุ้ยๆของมันออกจากวิถีน้ำแล้วพยายามยื่นหัวตัวเองเข้าไป ไอ้จีมินที่ล้างไปได้ครึ่งเดียวก็เริ่มดิ้น



    “วี กุก็แสบ ออกกกกก ออกไป! ตาอันล้ำค่าของกุ โอ๊ยๆๆๆ ยิ่งไม่ค่อยมี”



    ไม่ว่าเปล่า มันยังทั้งผลักทั้งกระชาก แต่ผมที่รู้ทันก็พยายามยืนนิ่ง เอาแขนที่ยาวกว่าดันมันออกไป แล้วความซวยก็ได้บังเกิดอีกครั้งเมื่อมันยื่นหน้าเข้ามาได้ แต่ไม่มาเปล่าระหว่างที่รับน้ำยังสะบัดหัวไปมาจนน้ำแชมพูกระจาย



    “สะบัดหาอะไร โอ๊ยๆๆๆ เข้าตากุอีกแล้ว เพิ่งหายแสบ”



    คราวนี้เป็นผมที่โวยวายบ้างหลังจากยอมให้มันรับน้ำจนฟองหายเกือบหมด แต่จีมินมันไม่สนใจเอื้อมมือไปหยิบสบู่ก้อนขึ้นมาเตรียมจะถูตัว ผมที่แสบตาไปข้างนึงพยายามหรี่ตา มือไม้คว้าสะเปะสะปะไปทั่วหวังจะผลักไอ้จีมินให้กระเด็นไปติดฝาเหมือนตอนแรก แต่เพราะกรรมบังหรืออะไรก็ตาม



    แทนที่ผมจะคว้าตัวมัน ดันไปคว้าได้ช้างน้อยของมัน!!!



    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”



    ไอ้หมูจีผู้สะดิ้งที่สุดในบีทีเอสกรีดร้องดังลั่น ปล่อยสบู่ลงพื้น เต้นไปมาเหมือนคนบ้า ผมสบโอกาสนี้ยกเท้าขึ้นถีบก้นมันหวังให้ไปพ้นๆ



    ปั๊ป!



    ไปพ้น…..พ้นไปเหยียบสบู่ที่หล่นลงพื้น ลื่นพรืดล้มก้นจ้ำเบ้าไปจับกบอยู่กลางห้องน้ำ



    “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”



    ผมหัวเราะออกมาอย่างสะใจพร้อมๆกับที่จีมินแหกปากร้องออกมาด้วยความแค้นใจ



    “ไอ้เชี่ยคิมแทฮยอง!!!!!”



    ใช่ครับ! คราวนี้แหละเชี่ยของจริง



    เพราะผมกับจีมินเมามันส์ในการเล่นเกินไป จึงลืมคิดถึงกฎการห้ามพูดหยาบไปซะสนิท แหกปากขึ้นกุเมิงลั่นห้องน้ำ แถมยังประโยคเด็ดตอนท้ายจากไอ้หมูจีมันอีก ผลก็คือบทลงโทษจากเฮียก้า ตอนแรกทุกคนจะลงโทษให้พวกผมทำอาหาร แต่พอคิดถึงฝีมือการทำอันเลิศเลอของผมแล้ว ความคิดนี้ก็ต้องพับเก็บไป เปลี่ยนมาเป็นล้างจานและขัดส้วมแทน



    แน่นอนว่าผมโดนขัดส้วม T^T 



    ซึ่งมันเลวร้ายมากเพราะผมกับจีมินเล่นกันซะห้องน้ำเละเทะ ทั้งฟองและเศษซากสบู่ เปียกไปหมดลามมาถึงพื้นที่หน้าอ่าง นี่ผมทำอะไรลงไปวะ



    กว่าจะขัดเสร็จก็ปาไปครึ่งชั่วโมง พอหลุดออกมาจากห้องน้ำก็มาพบกับเหล่าเมมเบอร์ที่ทำหน้าเซ็งอยู่บนโซฟา



    “มีอะไรอ่า?” ผมถามรวมๆด้วยความงง 



    “ก็เบื่อดิถามได้” เป็นไอ้จีมินที่หันมาตอบ ไอ้นี่บทพูดเยอะเพราะเราสนิทกัน



    “กินข้าวเสร็จแล้วไม่มีไรทำ ลืมไพ่ไว้ในรถ” 



    พี่จินคนหล่อหันมาตอบผมต่อ ขาดเกมส์เหมือนขาดใจ ที่ไม่ไปเอามาเพราะตอนนี้ฝนตกหนักกว่าเดิมจนดูเหมือนว่าพายุจะเข้า แล้วผมจะถ่อมาทะเลทำซากปะการังอะไรเนี่ย ฝนตกแบบนี้อยู่หอบังทันก็ได้ เนตก็เล่นไม่ได้เพราะสัญญาณแกว่งเหลือเกิน T^T



    “งั้นมาคิดเกมส์กันป่ะ?” ชูก้าฮยองพูดขึ้นมา ทุกคนจับตามองไว้ครับเพราะต่อจากนี้มันคือของจริง ที่ผ่านมาเป็นบทนำ (นำนานเหลือเกิน)



    “อืมมม ก็ดีเหมือนกัน เราไม่ได้เล่นเกมส์ด้วยกันพร้อมหน้ามานานแล้ว” 



    นัมจุนฮยองเห็นดีเห็นงาม แน่ละครับพอไม่มีเนตก็เหมือนยุคไดโนเสาร์ล่ะ (เว่อร์) ถ้ามีคงไม่มานั่งรวมกลุ่มหน้าสลอนแบบนี้หรอก



    ผมหันหน้าไปมองสมาชิกที่เหลือที่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ผมก็มีคิดไว้บ้างนะว่าจะเล่นเกมส์อะไร  แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากเสนอความเห็นแบบทุกครั้ง ไอ้จีมินที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบสอดปากเข้ามาทันที



    “เล่นเกมส์ซังนัมจากันมั้ย”



    เกมส์อะไรของมั๊นนนนน



    แดกจุด… ตอนนี้พวกเราที่เหลืออีกหกชีวิตเงิบไปพร้อมๆกัน เกิดมาไม่เคยพบเจอ เกมส์ซังนัมจา 



    “อะไรวะ แข่งยกเวทเหรอ?” ความคิดปัญญาอ่อนแบบนี้เจโฮปปี้ฮยองเลยครับ ผมเบะปากเป็นแบ็คกราวน์ลับหลังฮยองเค้า



    “ฮ่าฮ่าฮ่า แข่งชายร่างกายงามอ่ะนะ? โกงอ่ะ จีมินฮยอง ในนี้ไม่มีใครซิกแพคชัดเท่าฮยองแล้ว”



    อันนี้ความเห็นกุกกี้มัน เห็นนะหมูจีมันแอบหน้าบานตอนจองกุกชม คือเพื่อนผมมีความภาคภูมิใจในร่างกายอย่างสูงส่งมากครับ เมื่อก่อนผมก็มีแต่ตอนนี้โบ๋เบ๋ พุงล้วนๆ แล้วดูมันใช้คำ ชายร่างกายงาม? อย่าไปว่าน้องดีกว่า เด็กมันเพิ่งม.ปลาย



    “อะไรของแกไอ้หมูจี เอาให้ชัดๆ เผื่อน่าสนใจ” 



    เอ๊ะ เฮียยุนกินี่เตี๊ยมอะไรกับจีมินมามั้ยเนี่ย เข้าข้างกันจัง ผมสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อจีมินส่งสายตาแพรวพราวมาทางผม



    “อิอิอิ ก็ซังนัมจาไง ผู้ชายแมนๆหน่ะ ผู้ชายแมนๆเค้าทำอะไรกัน เราก็มาทำแบบนี้…”



    จีมินดึงขวดออกมา



    “แล้วก็เริ่มจากซอฟต์ๆก่อนแบบปากขวดหมุนไปที่ใคร คนนั้นก็ต้องเล่าวีรกรรมแมนๆของตัวเองให้ฟัง แล้วใครที่เล่าไม่ได้ หึหึหึ” จีมินส่งเสียงหัวเราะ “ก็เตรียมรับการลงโทษจากเมมเบอร์ที่เหลือได้เลย”



    เท่านั้นละ เมื่อปากขวดเริ่มหมุน พวกผมแต่ละคนในชีวิตจริงแมนแค่ไหน ตอนนี้ได้เวลาคุยเกทับความแมนกันแล้ว กติกาคือต้องเล่าเรื่องที่คิดว่าแมนกว่าเรื่องก่อนออกมา ซึ่งถ้าไม่เริ่มจากเรื่องเบาๆละก็ตอนปลายได้มีแพ้แน่ๆ



    นัมจุนฮยองเริ่มเรื่องด้วยการบอกว่าตัวเองเป็นคนสบายๆไม่เรื่องมากแบบที่ผู้ชายแมนๆเป็นกัน จินฮยองคนต่อมาบอกว่าเคยใส่เสื้อผ้าไม่ซักซ้ำกัน แต่โดนเจโฮปฮยองกลบรัศมีด้วยเรื่องไม่อาบน้ำ ตามมาด้วยสารพัดความซกมกไก่กาสุดอี๋ที่ไม่ควรเผยแพร่ 



    พอเริ่มจะออกทะเลมากไปเลยหันไปคุยกันเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษแทน แล้วคนเปลี่ยนเบี่ยงเบนหัวข้อจะเป็นใครได้นอกจากจีมิน ไอ้เพื่อนชั่วที่มันรู้แน่ๆว่ายังไงหัวข้อนี้ผมต้องแพ้ เพราะมันเป็นเรื่องของการเทคแคร์คนอื่น


    ว่าแล้วก็ไม่ผิด เหล่าเมมเบอร์พากันคุยว่าเคยดูแลใครอะไรยังไง ตั้งแต่ช่วยแมว จูงมือยายแก่ สละที่บนรถเมล์ รถไฟ เรือ เครื่องบิน คือแม่มทุกยานพาหนะ ถ้าสละล้อจักรยานให้ได้คงเอามาคุยไปแล้ว (แรพม่อนฮยองเคยให้ล้อสำรองคนยางแตก โม้มั้ยไม่รู้)



    จะว่าไปเกมส์นี้มันสนุกเพราะทำให้รู้จักเรื่องในอดีตฮาๆของแต่ละคนเนี่ยแหละ เพราะตอนเล่าต้องใส่รายละเอียดด้วยเพื่อความสมจริง

    แล้วความตึงเครียดก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อแต่ละคนเริ่มจะหมดมุข



    “ฉันเคยซักผ้าให้แทฮยองนะเพราะว่าตอนนั้นน้องวีทำการบ้าน แมนป่ะละ อาสาทำความสะอาดให้เด็กที่ต้องกลายมาเป็นอนาคตของชาติ” 



    จินฮยองเปิดประเด็นด้วยรอยยิ้มหวานๆแต่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย เพราะสารพัดสิ่งพี่จินจะทำให้ผม ตั้งแต่ทำกับข้าว ทำความสะอาดแทน ช่วยสอนการบ้าน มั่นใจว่าความดีสาธยายทั้งวันก็ไม่แพ้ชัวร์…เอาแล้วไง



    “อะไรของฮยอง ช่วยแค่นั้นนับว่ายังน้อย ผมนี่สอนแทฮยองทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ นี่สิเรียกว่าส่งเสริมอนาคตของชาติมากๆ” 



    เฮียนัมจุนเคยช่วยสอนการบ้านอังกฤษผม T^T แรพม่อนผู้ยิ่งใหญ่เลยเอามาแฉหลังจากขวดหมุนไปโดนแก



    “งั้นผมก็ส่งเสริมอนาคตของชาติโคตรๆเพราะผมสอนแทฮยองพูดจีน!!”

    ยัง! ขวดยังไม่หมุนเจโฮปฮยองก็ชิงพูดขึ้นด้วยความหมั่นไส้หรืออะไรก็แล้วแต่ พอเรื่องเป็นแบบนั้นเฮียชูก้าก็ไม่ยอมน้อยหน้า


    “เหอะ แค่สอนทำเป็นคุย ฉันนี่ให้คำปรึกษาน้องวีเรื่องมหาลัยยังไม่เห็นโม้!”



    แล้วที่ทำอยู่ไม่เรียกว่าโม้เรอะ แต่ถ้าขัดมีหวังศพไม่สวย ข้ามเฮียไปดีกว่า



    “ฮยองก็เป็นได้แค่ฮยอง ผมนี่เพื่อนสนิทไอ้วี” 



    ไอ้บ้าจีมินหันไปข่ม แล้วเพื่อนสนิทผมมันเกี่ยวกับความแมนตรงไหนวะ?



    “แล้วไงวะ?แกทำไรให้ไอ้วี ทำแค่เป็นเพื่อน” 



    ชูก้าฮยองจิกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ สายตาเปรี๊ยะๆประหนึ่งมีสายฟ้าฟาด



    “ฮยองไม่รู้อะไรตอนมันไม่สบาย ผมนี่ทั้งให้ลอกการบ้าน เขียนใบลา เฝ้าไข้ พยุงประคอง ประคบประหงม เลี้ยงดูยังกับลูกแบบนี้ ถ้าจีมินไม่แมนก็ไม่รู้เรียกว่าอะไรแล้ว!”



    แค่ครั้งเดียวสมัยเราเป็นเด็กฝึก เดี๋ยวเหอะไอ้หมู ทำเป็นทวงบุญคุณ



    “ไม่ครับ!” เสียงอันเด็ดขาดดังมาจากตัวละครที่ถูกลืม จอนจองกุก 



    “พี่จีมินทำแค่นั้นยังน้อย ผมนี่ทั้งเฝ้าไข้ ทำโจ๊ก เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อ จัดผม เช็ดผม ป้อนข้าว ป้อนขนม ป้อนน้ำ ป้อนยา”



    “ว่าไงนะไอ้เด็กกุก ฉันเป็นเพื่อนมัน ฉันดูแลมันมากกว่า!”



    “ไม่จริงครับ ผมเป็นน้องชายสุดแมน ผมดูแลพี่วีดีกว่า!”



    “ฮยองดิดูแลหาเลี้ยงทำกับข้าวให้ไอ้วี!”



    “ผมดิสอนไอ้วีเต้น!”



    “แม่มเมื่อกี๊พูดไม่หมด นอกจากอังกฤษ ก็ยังมีคณิต วิทย์ ฟิสิกส์ เคมี กพอ. สลน. เย็บผ้า ขุดดิน”



    “ฉันต่างหากที่ปรึกษา เฮียยุนก้าผู้เชี่ยวชาญ ถ้าไม่มีฉันไอ้วีตายไปแล้ว!”



    “ว่าไงนะ! ผมเนี่ย…w%@hbkl#jkn”



    “s@mbklf;kl’fla’’”



    กรี๊ดดดด บอกทีครับ จากหัวข้อคนแมนกลายเป็นหัวข้อผู้ประคบประหงมคิมแทฮยองได้ยังไง!!?? ตอนนี้ทั้งวงกำลังเถียงกันด้วยสารพัดความดีที่เคยทำ ตั้งแต่ทำผมให้น้องวี อาบน้ำให้น้องวี ห่มผ้าให้น้องวี แม้แต่ใส่เสื้อให้น้องวีจนน้องวีอยากจิคราย เพราะดูงอกง่อยมาก

    ไม่มีอะไรจะพูดเพราะจริงทุกอย่าง คือหนูเปล่านะ…เค้ามาเอง T^T ทั้งหมดทั้งปวงนั่นเค้าเสนอตัวมาช่วยเอง น้องวีไม่ได้ขอ (อ้าวน้องวี 5555)


                   ผมยุ่งก็มีคนจัดให้ ทำหน้างงระหว่างทำการบ้านก็มีคนเดินเข้ามาสอน ท้องร้องก็มีคนหาข้าวให้กิน ไม่สบายก็มีคนดูแล ง่อยตรงไหน ไม่ง่อยเลยยยยยย



                   เถียงกันอย่างนั้นประมาณห้านาทีก็ค่อยๆซาไป พร้อมกับสายตา 6 คู่ที่หันมามองทางผมเป็นตาเดียว รู้สึกเหงื่อตกทั้งทีอากาศเย็นสบาย จากสายตาไอ้จีมิน เดาได้เลยว่าอะไรต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากฟังมากที่สุด



                   “คิมแทฮยอง” จีมินเริ่มประโยคด้วยน้ำเสียงขนหัวลุก มีสายตาอีก 5 คู่คอยกดดันเป็นแบ็คกราวน์



                  “อ…อะไร?”



                   “บอกมา!! พวกฉันทำเพื่อแกขนาดนี้ แกเคยทำไรให้พวกเราบ้าง  ถ้าสาธยายไม่ครบร้อยข้อ จงแพ้เกมส์นี้ไปซะ!!”



    คิมแทฮยอง KNOCK OUT!!!!



    “เอออ แพ้ก็ได้” 



    ผมพูดออกมาเสียงอ่อยๆหลังจากพยายามนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด ก็ไม่พบอะไรที่แสดงว่าเป็นคนแมนกับเพื่อนร่วมวงเลยสักกะนิด นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลาที่ไว้ใช้ล่อผู้ชายให้มาดูแล (ไม่ใช่ล่ะ) เพราะสาวๆผมดูแลเอง อิอิอิ (ใช่เวลาเพ้อมั้ย?)



    “หึหึหึหึหึหึหึหึ”



    มาอีกแล้วครับ เสียงอันชั่วร้ายของจีมินผู้มีบทมากกว่าพระเอก 



    “ดี แกแพ้แล้ว น้องวี ตอนนี้ล่ะเราได้คนแพ้แล้วจะเข้าสู่เกมส์ซังนัมจาที่แท้จริง”



    อ้าว ไอ้สลัดจีมิน (ด่ามันแบบนี้เพราะมันไม่ชอบกินผักเลยอ้วนออกหน้าแบบนี้ไง) หลอกให้พูดให้เปลืองน้ำลายทำไม ทำไมไม่เล่นตั้งแต่แรก ในที่นี้มีแค่ผมกับจองกุกที่ทำหน้างงๆ ส่วนคนที่เหลือนี่เฉยมาก



    เตี๊ยมกันมาป่ะเนี่ย เสาอากาศเอเลี่ยนผมจับพลังงานอะไรบางอย่างได้?



    “แต่เกมส์นี้มันเล่นคนเดียวไม่มีคู่แข่งก็ไม่สนุกอ่ะนะ”



    ห่ะ...ห๊ะ...หา???



    “ไอ้กุก ในฐานะที่แกอ่อนประสบการณ์สุด”



    จีมินหันหน้าไปทางจองกุกที่หน้าเหวอสนิท ประมาณว่าตรูเกี่ยวไร? พร้อมกับจับบ่ามักเน่สุดหล่อของวงเอาไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



    “แก…ไปเล่นเกมส์แข่งกับไอ้วีซะ!!!”



    แล้วผมก็รู้ได้ในทันทีว่านี่คือการแก้แค้นของไอ้จีมินที่ทำก้นมันพัง




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×