ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : ยั่วให้หลง ภาค 2 (141217)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 59


    ตอนนี้มันสั้นกว่าปกติ =[]= ไรท์จะไปเที่ยวกลับมา 29 นะ แต่ว่าคริสมาสต์จะพยายามมาลงตอนพิเศษนะจ๊ะ


    Chapter 10

    ยั่วให้หลง ภาค 2


    ไม่น่าเชื่อว่าจะมีทุนสร้างภาคสอง – ปาร์คจีมิน
    เฮียออกตังค์ให้ไอ้วีมันเองแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า – ชูก้า ชู้บบบ


     …………………………………………

     


    “โว้ยไอ้แท!”



    เสียงแหลมปรี๊ดปานฟ้าผ่าระเบิดขึ้นกลางห้องนอนของเราเหล่าบังทัน ผมพยายามกระตุกแขนชูก้าฮยองที่ตีหน้าโหดเป็นยักษ์เป็นมาร เฮียชูก้าหรือชื่อจริงคือมินยุนกิเท้าเอวข้างนึงประหนึ่งนางแบบกลางห้องนอนพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ 



    โคตรจะน่ากลัวเลยง่า แต่มันไม่มีทางเลือก! แทแทคนนี้หมดทางเลือกแล้ว T^T



    “ชู่วววว ชู่วววว ฮยองเงียบๆๆๆ เดี๋ยวไอ้กุกได้ยิน”



    ผมกระตุกแขนฮยองแกมากกว่าเดิม สายตาลอกแลกมองที่ประตูเพราะกลัวคนคนนั้นจะโผล่พรวดเข้ามา แต่ดูเหมือนมันจะทำให้มินยุนกิโมโหมากขึ้น



    “ก็ให้มันได้ยินไปสิวะ แกทำตัวขนาดนี้ ต่อให้โง่เหมือนคิมแทฮยองสองคนมารวมกันก็ดูรู้ว่าหลบหน้า หลบหน้ามันไม่พอทำเอาคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย มันใช้ได้ที่ไหนห๊ะแท!!”



    ท้ายประโยคแกขึ้นเสียงแหลมจนผมต้องยกมือขึ้นมาอุดหู



    “ไปเลย ไปจัดการเรื่องแกกับมันให้จบเลย”



    และแล้วฮยองคนนี้ก็พยายามทั้งดึงทั้งกระชากแขนผมให้ลุกออกจากเตียงของจองกุกที่นั่งแหมะอยู่ แต่เพราะผมแข็งแรงกว่าก็เลยยังนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นหินที่เกาะเชจู



    ไม่ว่าใครจะขยับหรือมาทำลาย น้องแทจะไม่ขยับไปจากจุดๆนี้บอกไว้เลย



    “ไม่เอา ไม่ไป”



    คิมแทฮยองในโหมดดื้อทำเอาเฮียชูก้าโมโหมากกว่าเดิม ดวงตาเล็กๆถลึงมองจนแทบหลุดออกจากเบ้า ทั้งๆที่ตาเล็กยิ่งกว่าไม้ขีด (อุ้ย นินทาฮยอง)



    เมื่อ 2 วันก่อน หลังจากเหตุการณ์ที่จองกุกประกาศว่าเสน่ห์ของมันไม่ได้มีแค่นั้น ผมก็เกิดอาการจิตหลอนขั้นสูงสุดจนไม่กล้าเข้าไปอยู่ใกล้มัน



    ทุกๆครั้งที่เราซ้อม กินข้าว หรือว่านั่งเล่น ไอ้เด็กนั่นก็จะเข้ามาอยู่ในสายตาผมเสมอ เช่น นั่งตรงข้ามบ้างละ มาอยู่ใกล้ๆบ้างล่ะ คือแม่มมองไปทางไหนก็เจอแต่มัน และพอผมเผลอไปสบตา จองกุกก็จะจ้องมองมาด้วยสายตาลึกซึ้งพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานน่ารักจนตาปิด



    โดนรอยยิ้มแอทแทคแบบนี้เป็นใครก็ต้องรู้สึกป่ะครับ แล้วความรู้สึกก็บอกผมว่า ไม่ได้แล้ว กุอยู่ไม่ได้แล้วคร้าบบบบ



    และนั่นก็เป็นที่มาของมหากาพย์การเกาะติดพวกฮยองเพื่อที่ผมกับมันจะได้ไม่ต้องอยู่กันสองคน อาทิเช่น อาบน้ำกับนัมจุนฮยอง ทำความสะอาดบ้านกับเจโฮปฮยอง ลามไปถึงทำกับข้าวกับจินฮยอง 



    หายนะชัดๆ จินฮยองกล่าวในเช้าวันหนึ่ง



    แค่ล่าสุดทำครัวไหม้จนสัญญาณไฟดังลั่นทั่วอพาร์ตเม้น หายนะตรงไหน ไม่เห็นหายนะเล้ยยยย



    และตอนนี้หลังจากที่เกาะติดพวกฮยองจนครบหมดทุกคนผมก็มาเกาะชูก้าฮยองต่อด้วยการตามมานอนกลางวันด้วย ส่วนไอ้หมูจี ปล่อยมันไปเหอะ ไอ้เพื่อนทรยศ!



    เออ ผมบอกยังว่าผมหนีกลับไปนอนเตียงตัวเองด้วยนะเมื่อคืน แต่ดันนอนไม่หลับเพราะรู้สึกหนาว แถมยังหิวกลางดึก จะออกไปหาไรกินก็ไม่กล้าเพราะกลัวเจอเหมือนคืนก่อน ทั้งหิว ทั้งหนาว นอนก็ไม่หลับจนขอบตาดำลึกโหลเป็นแพนด้า



    ทั้งหมดทั้งมวลนั่น ต้นเหตุมาจากไอ้เด็กที่ชื่อ จอนจองกุก มันคนเดียวเลย!



    “ฮึ้ยยยย เล่ามา!” อยู่ดีๆเฮียชูก้าก็ทึ้งหัวตัวเองพร้อมกับนั่งลงข้างๆผมบนเตียงไอ้กุก “แกกับมันมีปัญหาไรกัน บอกมาให้หมด ไม่งั้นแกไม่ตายดีแน่ คิมแทฮยอง!”



    .



    .



    .



    “โอ๊ย ไอ้โง่!”



    เฮียชูก้าด่าผมพร้อมกับตบหัวเบาๆด้วยความรักจนหน้าทิ่มไปหนึ่งที หลังจากผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังแบบไม่มีกั๊ก ในใจคิดไปถึงคำพูดของไอ้จีมินที่ให้มาปรึกษาซึ่งผมไม่มีโอกาสได้คุยซะที จนมาวันนี้เนี่ยแหละ



    “อะไรอ่าฮยอง T^T” ผมครางออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ รู้สึกชีวิตไร้ความหวังเข้าไปทุกที



    “นึกว่าแค่ซื่อบื้อ แต่นี่โง่ด้วย ทีเรื่องไม่เป็นเรื่องอ่ะฉลาดนัก แล้วเรื่องแบบนี้ทำไมถึงไม่ฉลาดบ้าง โอ๊ย น้องกุ”



    ว่าแล้วก็พึมพำปนสบถอยู่คนเดียวตามประสา ไหนว่าห้ามพูดหยาบไง =[]= 



    “แทไม่ได้โง่นะ จองกุกมันบอกว่ามันจะยั่วให้แทหลง ตอนนี้แค่แทเห็นมันยิ้มก็ใจสั่นจนทนไม่ไหวแล้วอ่า”



    ผมพูดออกมาพร้อมกับเอาหน้าไปถูไถแขนบางๆของเฮียเป็นเชิงออดอ้อน อีกมือก็จับที่หัวใจของตัวเองไปด้วย แค่คิดถึงใบหน้าหล่อๆกับรอยยิ้มของจองกุก หัวใจก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอกอยู่แล้ว 



    “ใจสั่น?”



    “อื้ออออ ใจสั่นไง แทต้องกลัวจองกุกมากๆแน่เลยอ่า ไม่เอานะ แทไม่อยากแพ้”



    ผมซุกหน้าลงกับแขนชูก้าฮยองมากกว่าเดิม แต่โดนเฮียแกสะบัดออกแล้วเอาหัวโขกกับเตียงไอ้กุกรัวๆ ปากก็พึมพำว่าอยากตาย อ๊อกกกก =[]= เฮียก้าบ้าไปแล้ว แทฮยองทำไรผิดอ่า



    “ยุนกิฮยอง…” เรียกด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ “ฮยองเป็นอะไรมากมั้ย =[]=”



    “แกน่ะสิเป็นอะไรมากมั้ยไอ้แท!” ฮยองหันมาแว้ดใส่ผมทันที “ใจสั่นเพราะกลัว ใช่ซะที่ไหนน่ะห๊ะ!!”



    “อ้าว =[]=”



    “ไม่ต้องมาอ้าว ถึงแกจะกลัวมันจริงก็หัดเผชิญความจริงซะบ้าง แกหนีมันไม่ได้ตลอดหรอก แค่นี้ไอ้เด็กกุกก็แทบจะเข้ามากระชากพวกพี่และ แกไม่เห็นสายตามันเหรอ ถ้ามันจับได้ว่าพวกพี่เข้าข้างแกมีหวังบังทันระเบิดแน่”



    คิดภาพตามแล้วสยองจัง ว่าแต่…



    “นี่พวกพี่เข้าข้างแทแล้วเหรอ ตอนไหนอ่า”



    “ตอนนี้เนี่ยแหละ กะลังจะช่วยนี่ไง” แหม่ พูดซะเหมือนช่วยแล้ว “เอาไง อยากให้ช่วยตรงไหนว่ามา”



    เปิดโอกาสให้ขนาดนี้ จะไม่ให้ผมคว้าไว้ได้อย่างไร…..



    “ช่วย…ช่วยทำยังไงก็ได้ให้จองกุกหยุดยั่วแทซะที T^T”



    สาบานได้ป่ะว่านี่ช่วยแล้ว



    ผมมองสภาพตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่ในห้องน้ำ ยืนบิดไปมาด้วยความกังวล ใส่ชุดที่ชูก้าฮยองโยนมาให้หลังจากที่รื้อตู้เสื้อผ้าซะกระจุย



                   “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” เฮียชูก้าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “มันยั่วนัก แกก็ยั่วมันกลับดิวะ แรงมาแรงกลับเอาให้มันไปไม่เป็นไปเลย!”



                   และนี่ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่มากจนแทบจะหลุดออกจากไหล่กับกางเกงสีแดงตัวเก่งที่สั้นแค่คืบจนแทบโผล่ไม่พ้นขอบเสื้อ อวดต้นขาเรียวสีน้ำผึ้ง



                   “แต่ว่าฮยอง…”



                   “ไม่ต้องมาแต่ ไปจัดการซะ…”



                   “แต่ว่าแททำไม่เป็น…..”



                   “เรื่องมากจริงเว้ย! ถ้าไม่ทำตามเดี๋ยวไม่ช่วยแล้วนะ ฟังให้ดี ฮยองจะสอนแค่รอบเดียวเท่านั้น”



                   นี่คิมแทฮยองกำลังทำบ้าอะไรอยู่ครับ T^T



                   ผมโผล่แค่หัวออกมาจากประตูห้องน้ำเพื่อดูลาดเลา หลังจากที่ยืนทำใจอยู่นานเป็น 10 นาทีพอโผล่มาอีกรอบ ทั้งห้องกลับเงียบมาก เงียบจนเหมือนไม่มีคนอยู่ ยกเว้นเสียงทีวีรายการเพลงที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น



    สูดลมหายใจลึกๆก่อนจะก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ เดินไปยังห้องนั่งเล่น มองจากด้านหลังเห็นจอนจองกุกคนต้นเรื่องกำลังนอนตะแคงข้างอยู่บนโซฟาตัวยาว ดวงตาคมมองทีวีที่กำลังฉายภาพวงเกิร์ลกรุ๊ปกางเกงสั้นจุ๊ดเต้นยั่วยวนตาไม่กระพริบ



    หนอย ไอ้เด็กหื่น! 



    ผมกัดริมฝีปากตัวเอง เปลี่ยนเป็นเอาหมอนมาฆ่ามันให้ตายดีมั้ย



    “พี่วีจะจ้องผมอีกนานป่ะ ไม่มานั่งเหรอ”



    เสียงทุ้มพูดขึ้นทำเอาผมสะดุ้งโหยง ทั้งที่ตายังไม่ละไปจากเกิร์ลกรุ๊ปวงนั้น เออ เปิดทีวีอาจจะดีก็ได้ มันจะได้ไม่ต้องสนใจผมมาก ว่าแต่มันรู้ได้ไงอ่ะว่าผมมา เป็นญาติกะเจนญาณทิพย์เหรอ (เอิ่ม…)



    “พวกฮยองคนอื่นไปไหน” ผมถามพร้อมกับเดินอ้อมด้านหลังโซฟาไป



    “โดนชูก้าฮยองลากไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้ ทั้งหอเหลือแค่ผมกั…..”



    จองกุกชะงักไปทันทีเมื่อผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะกวาดสายตามองทั่วทั้งตัวจนผมรู้สึกร้อนขึ้นมา แล้วสายตาคู่นั้นก็หยุดอยู่ที่ต้นขาเปลือยเปล่าของผม จองกุกกัดริมฝีปากเบือนหน้าหนีไปมองทีวีเหมือนเดิม



    ผมไม่สนใจอาการนั้นรีบเบียดไปนั่งบนโซฟาทันทีทั้งที่มันนอนอยู่ ดันสะโพกเข้าหาหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา ยกแขนซ้ายพาดอกกว้างโน้มตัวแนบชิดกับหน้าท้องเขามากกว่าเดิม



    มักเน่ตัวแข็งขึ้นทันที ผมเหลือบมองจากทางหางตาก็เห็นคิ้วเรียวขมวดคิ้ว



    ขั้นที่ 1 เบียดตัวเข้าไปใกล้



    “เพลงใหม่เหรอ”



    ผมเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อนหันเหความสนใจไปที่ทีวี อื้อหือ อะไรเนี่ย เอ๊กซ์มากๆ ตู้มๆดูมๆ แต่ละท่าน้องแทหัวใจจะวาย สงสัยคงต้องไปหาดูอีกรอบ (ใครหื่นกันแน่ฟ่ะ) จองกุกถอนหายใจ



    “ครับ”



    ท่าทางของมันทำให้ผมหันกลับมาสนใจทันที



    “เป็นอะไรอ่า ไม่สบายเหรอ”



    ถามพลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเพื่อวัดไข้ ก็ไม่มีนี่นา ตัวเย็นกว่าผมอีก



    “สองวันมานี่ทำไมพี่ถึงเมินผม” จองกุกไม่สนใจ ถามผมกลับทันที “ผมทำอะไรผิดรึเปล่า หรือว่าเผลอทำตัวเย็นชาใส่พี่”



    เย็นชา? จองกุกไปเย็นชาใส่ผมตอนไหนวะ? เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว =[]=



    “ม…ไม่ใช่” ไปไม่เป็นเลย ณ จุดนี้



    “ถ้างั้นทำไม…”



    ทำไมล่ะ จะบอกออกไปได้ไงว่ากลัว เสียชื่อคิมแทฮยองคนแมนหมด แต่ถ้าไม่พูดอะไรก็ไม่ได้ โอ๊ย ทำไงดีเนี่ย เฮียก้าไม่ได้สอนด้วย บอกว่าไม่ต้องพูดทำอย่างเดียว แล้วในสถานการณ์นี้ผมต้องทำยังไงฟ่ะ



    “เอ่อ ฮ่าๆๆ เกิร์ลกรุ๊ปวงนี้เอ๊กซ์ดีนะ”



    เวร! พูดไปก็อยากจะกัดลิ้นตัวเอง น้องแทพูดไม่คิดอีกแล้ว แถมยังเปลี่ยนเรื่องได้ห่วยแตกมากๆ สงสัยคงต้องอ่านนิยายมากกว่านี้ (ไม่เกี่ยวเลย)



    “งั้นเหรอครับ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นที่มุมปากของมักเน่ ยิ้มทำไม? ใครให้ยิ้มห๊ะ “แต่ผมว่าสู้คนที่อยู่ข้างๆผมไม่ได้นะ”



    พูดจบมือที่ไม่เคยอยู่สุขก็เลื้อยมาลูบต้นขาเปลือยเปล่าของผม นิ้วเรียวลากไล้ไปมาเบาๆตั้งแต่หัวเข่าจนถึงปลายกางเกงขาสั้นสีแดง ก่อนจะไล้เป็นวงกลมที่ต้นขาด้านใน จนผมขนลุกเพราะความรู้สึกแปลกๆ จนอยากจะสาปแช่งยุนกิฮยองที่เลือกชุดนี้มาให้



    ต้องเป็นผมสิที่ลูบมัน ไม่ใช่มันลูบผม นี่น้องวีกำลังพยายามเมะ ทำไมจองกุกถึงไม่ให้ความร่วมมือ?



    “ไม่จริงหรอก” ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบทุ้ม ลมหายใจสะดุดเล็กๆตอนที่เขาแนบทั้งฝ่ามือลูบไล้ต้นขาด้านในไม่หยุด 



    ขั้นที่สอง สัมผัส



    “จองกุกต่างหากที่เซ็กซี่ นายน่ะ…เซ็กซี่มากเลยรู้ตัวมั้ย”



    พูดไปก็อยากตาย ผมเลื่อนมือข้างขวาลูบบนแผ่นอกกว้างแผ่วเบาจากนั้นก็ไล้มาที่หน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพค น้องวีเปล่าหื่นนะ เฮียก้าบอกให้ทำ เฮียบอกว่าถ้ากลัวจองกุกจะยิ่งได้ใจ ต้องทำให้มากยิ่งกว่าเดี๋ยวมันก็ถอยไปเอง



    เดี๋ยวมันต้องถอยแน่ๆ



    .



    .



    .



    ถอยออกไปนั่งแล้วดึงผมให้เข้ามาอยู่บนตักมัน!!



    ไหนว่ายั่วมากๆแล้วจะถอยไง ถอยบ้าถอยบออะไร ขอความยุติธรรมให้น้องวีด้วย!



    แผนจีมินเฮงซวยแล้วแผนชูก้าฮยองเฮงซวยยิ่งกว่า!!



    จองกุกยังคงสัมผัสตัวผมไม่หยุดตั้งแต่ต้นขาจนลามมาถึงเอวกับสะโพก ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์จนผมรู้เลยว่ามันกำลังสนุกแล้วก็ไม่คิดจะหยุดอยู่แค่นี้แน่ๆ กางเกงบ้านี่ก็ไม่ช่วยอะไร ยิ่งนั่งยิ่งสั้นจนเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่แล้ว



    “ที่บอกว่าผมเซ็กซี่น่ะจริงเหรอ” 



    เขาถามด้วยน้ำเสียงยั่วยวนข้างหูผม ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูแผ่วเบาจนลมหายใจสะดุด แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบรับไป



    “ตรงไหนของผมที่เซ็กซี่”



    จองกุกเลื่อนมือมากุมมือทั้งสองข้างของผมยกขึ้นให้สัมผัสกับแก้มทั้งสองข้างของเขา นิ่มจัง….



    “ใบหน้าของผม….”



    เขาจับมือข้างซ้ายของผมแผ่วเบา บังคับให้ลากนิ้วไปตามโครงหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาหล่อขึ้นมาก โตขึ้นมากจนแทบจะไม่เหลือคราบเด็กน้อยน่ารัก โครงหน้าเรียวเพอร์เฟ็คจนผมรู้สึกประหม่า ทั้งที่อยู่ด้วยกันมานานแต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังหายใจติดขัดเพียงแค่จ้องมอง



    “จมูกของผม”



    นิ้วลากไปตามจมูกโด่งคม



    “ดวงตาของผม….”



    ดวงตากลมโตจ้องลึกเข้ามา ใกล้จนเห็นประกายตาลึกล้ำ ดวงตาของเขาเป็นสีดำสนิท คมและลึกเหมือนกับก้นบึ้งของมหาสมุทร ดวงตาที่ผมไม่เคยอ่านออกว่าเขารู้สึกยังไง ดวงตาที่เอาแต่จ้องมองผมด้วยความอ่อนโยน บางครั้งก็มองมาเหมือนกับหลงใหล บางครั้งก็แสนจะเย็นชาแต่กลับน่าค้นหา ทุกอารมณ์ความรู้สึกของเขาอัดแน่นอยู่ในดวงตาคู่นั้นที่ผมไม่เคยไม่เข้าใจ



    “หรือว่าริมฝีปากของผม”



    นิ้วผมแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากบาง สัมผัสไปตามกลีบปากนุ่มนิ่มสีชมพู ผมเผลอจ้องริมฝีปากของเขาแบบไม่รู้ตัว ภาพระหว่างเราสองคนที่ทะเลลอยเข้าในสมองเหมือนกับฉายภาพซ้ำทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก



    ผมรู้สึกดีกับจูบของเขา….



    “อย่ามองหน้าผมแบบนั้น”



    อยู่ดีๆจองกุกก็ปล่อยมือผม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความสับสน



    “แบบไหน”



    ผมเอียงคอถามเมื่อจองกุกกัดริมฝีปากตัวเองเหมือนกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความต้องการ แววตาเหมือนเมื่อวันนั้น วันที่เขาจูบผมครั้งแรก…..



    “แบบที่กำลังยั่วยวนให้ผมจูบ ยั่วให้ผมอยากสัมผัส…อย่าทำแบบนั้น ผมไม่อยากทำร้ายพี่”



    ทำร้าย? เขากำลังทำร้ายผมตรงไหนกัน จองกุกก็ไม่ได้บังคับขืนใจอะไรผมสักหน่อย ทำไมเขาต้องจริงจัง ทำไมเขาต้องทำเหมือนกับกังวลในความสัมพันธ์ระหว่างเรา….



    “………มันก็เป็นแค่เกมส์” ผมพูดออกมา



    มันก็เป็นแค่เกมส์ ที่ทำอยู่ทั้งหมดนี่มันเป็นแค่เกมส์ใช่มั้ย แบบที่เราเคยเล่นๆกัน ที่แกล้งทำเป็นตกหลุมรัก ที่แกล้งแสดงอารมณ์ออกมาเหมือนกับละครน้ำเน่าที่จีมินชอบดู ที่แกล้งสัมผัสกัน เราก็ทำแบบนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว



    พอจบเกมส์นี้ เราสองคนก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม



    ไม่มีอ้อมกอด…ไม่มีรอยจูบ



    กลับไปเป็นพี่น้องที่แค่เล่นเกมส์ด้วยกันเหมือนที่เคยๆเป็นมา



    ทั้งๆที่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ลึกๆแล้วผมกลับเศร้าใจ และเพราะคิมแทฮยองก็คือคิมแทฮยอง ผมปัดความรู้สึกแปลกๆนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว 



    “พี่วีคิดแบบนั้น?”



    น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ผมลูบแก้มเนียนของเขาแผ่วเบา ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาคิดยังไง แต่ผมไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้



    “แล้วนายจะให้พี่คิดแบบไหน”



    “ผม……ผมก็แค่สับสน ผมก็แค่คิดว่าพี่…” เขาหยุดชะงักก่อนจะส่ายหัวเบาๆแล้วถอนหายใจ 



    “ผมคงคิดมากไป”



    อะไรของเขาน่ะ ผมเกาหัวเบาๆด้วยความงงก่อนจะดีดนิ้วเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้



    “อาทิตย์หน้ามีวันหยุดก่อนซ้อมเต้นเพลงโปรโมทอัลบั้ม”



    “?”



    “ถ้านายสับสนขนาดนั้น…เราลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคนดีมั้ย”



    พูดจบก็ฉีกยิ้มหวานจนเป็นรูปสี่เหลี่ยม อยู่ดีๆก็ตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ไม่ใช่เพราะวันหยุดอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะผมจะได้อยู่กับจองกุก



    “พี่หมายความว่าไง”



    “จอนจองกุก พี่กำลังขอนายเดท”



    “หา?”



    เขาอ้าปากเหวอด้วยความงุนงง ก็ปกติผมพูดอะไรแบบนี้ที่ไหน นี่เห็นว่าเขากำลังรู้สึกไม่ดีหรือสับสนหรืออะไรก็ตาม คิมแทฮยองคนนี้เป็นพี่ ก็มีหน้าที่ทำให้น้องรู้สึกดีไม่ใช่รึไง 



    “ตกใจทำไม ขอเดทไง ^^ ไม่แมนรึไง”



    “แมน? พี่ทำเพราะเกมส์ซังนัมจางั้นเหรอ”



    แววตาเขา…อะไรน่ะ ความผิดหวัง? บ้าแล้ว เขาจะผิดหวังเรื่องอะไร นับวันผมยิ่งเพี้ยนและมโนมากขึ้นไปทุกวัน



    “อื้อ”



    ผมตอบออกไปส่งๆ ในหัวไม่ได้คิดถึงเรื่องเกมส์บ้านั่นเลยด้วยซ้ำ แค่อยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง แต่ในเมื่อเขาคิดแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ ยังไงสุดท้ายเราก็อยู่ด้วยกัน เขาจะคิดแบบไหนก็ไม่สำคัญหรอก



    “ถ้าพี่วียืนยันขนาดนั้นว่ามันเป็นเกมส์” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ใบหน้าไม่มั่นใจเมื่อครู่เลือนหายไปเหลือทิ้งไว้แค่ความเย็นชา



    “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ จองกุกจะไปเดทกับแทฮยอง”


    #กุกวีซังนัมจา


    เดากันได้มั้ยว่ากุกกับแทจะดราม่าเรื่องอะไร? ใบ้ให้แล้วน้า แต่ยังก่อน มันยังไม่ดราม่าค่ะ ต้องหวานให้มันสุดก่อนน้า ^^ ตอนนี้ลงทั้งตอนเลย 

    ถ้าเม้นเยอะเราอาจมาลงให้ช่วงคริสมาสต์น้า แบบว่าเอาไปพิมตอนไปเที่ยวด้วย (จะได้เรื่องมั้ยเนี่ย)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×