ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 65


     

    Chapter 7

     

    You may hold my hand for a while, but you hold my heart forever.

    คุณอาจกุมมือฉันไว้แค่ชั่วขณะแต่คุณกุมหัวใจฉันไว้ตลอดกาล

     

     

     

     

    สภานักเรียน

     

    มีคนสองคนกำลังนั่งทำงานด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบ คนนึงใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงไปพลางคำนวณตัวเลขค่าใช้จ่ายของชมรมต่างๆประจำปีซึ่งต้องรีบสรุปส่งรายงานทางโรงเรียนก่อนอาทิตย์หน้าเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการจัดสรรงบประมาณในปีถัดไป

     

    ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆกัน เขากำลังเซ็นเอกสารแทนประธานนักเรียนทาคุมิ ที่ตอนนี้ไปเข้าค่ายสภานักเรียนเป็นเวลาสองอาทิตย์ หน้าที่และการตัดสินใจช่วงนี้จึงมอบหมายงานให้รองประธานนักเรียน อาคาชิ เป็นคนดูแลแทน

     

    สึบากิยังคงง่วนอยู่กับการสรุปค่าใช้จ่ายและตัวเลขกลมๆที่ตอนนี้เริ่มทำให้ตาของเธอเมื่อยล้าจากการจ้องมองหน้าคอมพิวเตอร์มานานกว่าสองชั่วโมงได้ แต่งานส่วนของเธอที่นั่งหลังขดหลังแข็งฝืนทำมาก็สำเร็จเกิน80%ของงานทั้งหมดแล้ว

     

    เธอกดปิดเพลงและถอดหูฟัง ก่อนจะเดินหายไปที่ห้องพักของสภานักเรียนที่อยู่ติดห้องสภาโดยมีประตูเชื่อมถึงกันไม่นานร่างบางเดินออกมาพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ2ขวด คือชามะนาวของโปรดเธอและชาเขียวไม่มีน้ำตาลของอีกคนที่ยังคงนั่งหลังตรงเซ็นเอกสารด้วยท่าทางสง่างาม

     

    ''น้ำชาค่ะอาคาชิคุง'' สึบากิยื่นขวดชาเขียวให้อาคาชิ อีกฝ่ายเพียงรับและขอบคุณ เธอจึงเดินกลับไปที่ห้องพักร่างบางเองพิงโซฟาสีแดงตัวใหญ่เธอไไม่ได้ชักชวนให้อาคาชิมานั่งพักเหมือนทุกครั้งที่ทำงานร่วมกัน

     

    นี้ก็ผ่านมาได้3วันแล้วหลังจากการแข่งขันวันนั้น นิจิมุระซังเองก็ขอลาหยุดไปทำให้หน้าที่ของกัปตันชมรมเป็นอาคาชิคุงเข้ามาควบคุมแทนชั่วคราวทั้งการเข้าร่วมประชุมและการจัดการเอกสาร

     

    สึบากิอดทึ่งกับความสามารถของอาคาชิไม่ได้ไม่ว่าจะงานของสภานักเรียนหรืองานของชมรมเขาก็จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ถ้าไม่ติดว่าอาคาชิมาขบหูเธอตอนนั้น บรรยากาศแปลกๆนี้คงจะดีกว่านี้ละนะแฮะๆ

     

    วันต่อมาหลังจากที่เธอโดนผู้ชายสองคนจู่โจมที่หูสภาพของไฮซากิเรียกได้ว่าอ่วมส่วนฝีมือใครก็น่าจะเป็นเจ้าพวกหัวหลากสีนั้นแหละนะ อาคาชิยังปกติสุขดีเธอเองไม่คิดจะรื้อฟื้นไม่สิน่าจะเรียกว่าขอไม่รับรู้อะไรจะดีกว่า แต่นึกแล้วก็ฉุนอย่าให้ถึงทีเธอบ้างจะกินเข้าไปทั้งหูเลย

     

    แต่ตอนนี้ไม่รู้เพราะพระเจ้าลงโทษที่เธอพยายามหลบหน้าอยู่ถึงได้ให้เธอต้องมาทำงานตัวติดกับอาคาชิเรียกได้ว่าตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาโรงเรียนยันเดินกลับจากบ้าน มีเพียงแค่ช่วงพักและเข้าห้องน้ำเท่านั้นแหละให้เธอได้พักหัวใจเอ้ยหายใจ

     

    ถึงแบบนั้นหน้าที่ย่อมสำคัญกว่าจิตใจเธอต้องรับผิดชอบงานของตัวเองให้ดีที่สุดไม่อาจให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆได้ทั้งงานชมรมและของสภานักเรียนแต่ทำไมทุกคนในสภาชอบทิ้งเธอให้อยู่กับรองประธานของพวกเขาสองต่อสองมาสามวันแล้วนะฮึ้ย!

     

    สึบากิดื่มชามะนาวด้วยความกลุ้มใจก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาโดยไม่ลืมหยิบเจ้าลูกเจี๊ยบสีแดงมานอนกอดแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

     

     

     

     

    อีกด้านคนที่นั่งทำงานเอกสารจนเกือบจะเสร็จแล้วละสายตาจากเอกสารตรงหน้ามองไปที่ประตูห้องพักที่ปิดอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของเขาด้วยสายตายากจะคาดเดา หลังจากที่สึบากิเอาชาเขียวมาให้ร่างบางก็หายเข้าไปห้องพักนานกว่า20นาทีแล้วเดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวแอบไปนอนพักเรียบร้อยแล้วตอนนี้น่าจะกำลังหลับลึก

     

    อาคาชินึกถึงช่วงเวลาสามวันที่ผ่านที่เขาและสึบากกิต้องทำงานร่วมกันชนิดที่ว่าตัวติดกันตลอดเวลาและท่าทางลนลานตอนเจอหน้ากันในวันแรกหลังจากที่โดนเขา…ไปมันช่างน่ารักและน่าแกล้ง ถึงเจ้าตัวจะทำหน้าตายด้านเหมือนเดิมแต่แววตาที่ไหววูบไปมาตอนเจอเขานั้นมันไม่เหมือนเดิมซะแล้ว

     

    ถึงสึบากิจะทำเป็นไม่รับรู้อะไรแต่ร่างบางจะหลอกตัวเองไปได้ถึงเมื่อไหร่นั้นมันก็น่าสนุกไปอีกแบบ รอยยิ้มผุดขึ้นริมฝีปากของอาคาชิ แต่เขาต้องระงับความรู้สึกตัวเองไว้ก่อนถ้าหากตอนนี้รุกเข้าใส่จะทำให้กระต่ายดำตัวน้อยตื่นตูมจนวิ่งหนีไปซะก่อน…

     

    ในตอนแรกเขาเพียงสนใจในความสามารถที่หลากหลายของสึบากิและความสามารถที่นำมาช่วยสนันสนุนชมรมบาสให้รับชัยชนะเพียงแค่นั้น แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆมันไม่ได้มีเพียงแค่น่าสนใจอีกต่อไป

     

    มันกำลังก่อตัวเป็นความรู้สึกอีกแบบตั้งแต่เขาเห็นรอยยิ้มและดอกไม้ไฟในคืนนั้น ถึงอย่างนั้นอาคาชิก็ไม่ได้เริ่งรีบให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวกระโดไปไกล เขาวางแผนไว้ว่าจะค่อยๆทำความรู้จักและเรียนรู้นิสัยของสึบากิให้มากขึ้นเริ่มจากการที่เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกลายมาเป็นเพื่อนค่อยๆขยับความใกล้ชิดไป

     

    ในขณะที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อยๆดีขึ้นดันเกิดเหตุไม่คาดคิดจากตัวปัญหาประจำชมรมอย่างไฮซากิ

     

    มันกล้าแตะต้องเธอต่อหน้าเขา

     

    ความไม่พอใจสายหนึ่งแล่นริ้วขึ้นมาถ้าให้คำจำกัดความมันคือ ความหึงหวง

     

    เขาอยากจะตัดลิ้นเจ้าไฮซากิที่กล้าแตะต้องใบหูบอกบางของเธอ อยากจะตัดจมูกที่มันกล้าสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมสีดำที่นุ่มสลวย เขาอยากลบตัวตนของมันให้หายออกไปซะ!

     

    เขา อยากเป็นคนที่เธอเชื่อใจและวางใจที่จะอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขาแทนกัปตันนิจิมุระ

     

    และเหมือนโอกาสนั้นจะมาเร็วอย่างไม่น่าเชื่อให้เขาไปเข้าใกล้สึบากิไปอีกขั้นและทำให้เขาได้แน่ใจอะไรบางอย่างมากขึ้นเช่นกัน เธอที่มันจะเฉยชาตลอดเวลากลับมีท่าทางที่เปลี่ยนไปเมื่อเขาเข้าใกล้มันไม่ใช่ความหวาดกลัวแต่เป็นความรู้สึกที่น่าจะเหมือนกับเขาในแววตาสีฟ้าเข้มคู่นั้น

     

    ถึงเจ้าตัวจะไม่ยอมรับแล้วทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนั้นก็ตาม แต่เขานี้แหละจะทำให้คนหน้าตายปากแข็งยอมสารภาพมาให้หมด ไม่งั้นอย่ามาเรียกเขาว่า อาคาชิ เซย์จูโร่

     

    "ขอโทษนะคะฉันมาส่งเอกสาร''

     

    อาคาชิละสายตาที่จ้องไปยังประตูห้องหันมามองตามเสียงเรียก มีเด็กผู้หญิงที่น่าจะอยู่ชั้นปีสองเดินถือแฟ้มเอกสารเข้ามาเธอมีผมสีบล็อนยาวถึงกลางหลังเป็นคลื่นส่วนปลายมีสีม่วงเข้ม ดวงตาสดใสสีแดง ใบหน้าที่เรียวเล็กและผิวขาวเรียบเนียน รูปร่างส่วนสูงมีขนาดใกล้เคียงกับคนที่ตอนนี้แอบนอนอู้งานอยู่อีกห้อง

     

    แต่ที่แตกต่างคือใบหน้าของสึบากิที่มักจะตายด้านไม่แยแสใดๆส่วนเธอคนนี้มีรอยยิ้มน้อยๆประดับใบหน้าเรียวเล็กตลอดเวลาให้ความรู้สึกสดใสน่าเข้าใกล้

     

    ''นี้เป็นเอกสารขอเบิกงบสำหรับการแข่งขันของชมรมประสานเสียง''

     

    สาวงามเดินตรงมายังโต๊ะของอาคาชิก่อนจะยื่นแฟ้มให้เขารับโดยไม่ลืมส่งยิ้มสดใสให้ แต่ดูเหมือนรอยยิ้มนี้จะไม่มีผลกับท่านรองประธานผู้โด่งดังทั้งการเรียนและกีฬาแต่อย่างใดใบหน้าเขายังคนราบเรียบเมื่อรับเอกสารเขาเพียงกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาทก่อนจะก้มหน้าทำเอกสารต่อ

     

    สาวงามปริศนาเห็นท่าทีตอบรับของอีกฝ่ายเธอยิ้มดวงตาสีแดงสดใสลอบมองสำรวจอาคาชิอย่างพิจารณาก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินออกจากห้องไป

     

    ''อ้ะ!!โอ้ย''

     

    แต่ไม่รู้ขายาวสวยสะดุดอากาศ?ร่างงดงามล้มคมำไปกับพื้นห้องไม่วายมือไม้กวาดกองเอกสารบนโต๊ะของสึบากิที่อยู่ใกล้ร่วงมาทับร่างตัวเองอีกที แผ่นกระดาษปลิวว่อนไปทั่วพื้น

     

    อาคาชิเงยหน้ามองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากคนที่ล้มคมำด้วยความสีหน้าเรียบเฉย เขาถอนหายใจก่อนจะลุกเดินจากโต๊ะมาดูอาการคนที่ล้ม

     

    ''เป็นอะไรมากรึเปล่า''

     

    ''ไม่ค่ะอ้ะ!!'' สาวงามกล่าวเธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มลงเพราะมีอาการตะคริวที่น่อง ความเจ็บปวดทำให้หน้าเรียวเล็กซีดลง อาคาชิเห็นดังนั้นเขาจึงเขามาช่วยพยุงและพาสาวงามมานั่งที่เก้าอี้ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่ห้องพัก แต่ไม่ทันได้เปิดประตูคนในห้องก็เปิดสวนออกมาก่อน

     

    สึบากิที่เพิ่งตื่นนอนเดินออกมาจากห้องด้วยความงัวเงีย เธอดันเผลอหลับยาวไปซะนี่ ร่างบางพงะเมื่อเปิดประตูมาเจออาคาชิที่อยู่ขวางอยู่ก่อน สายตาจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และสภาพเอกสารที่ปลิวว่อนไปทั่วห้องสภานักเรียน

     

    ดวงตาสีฟ้าเข้มกระพริบตาปริบๆก่อนจะหันไปมองอาคาชิอย่างมีคำถามว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี้ย!

     

    อาคาชิส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะบอกให้เธอช่วยไปหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมาให้หน่อย คนที่นั่งอยู่เก้าอี้มีแผลถลอกและมีอาการตะคริว ร่างบางจึงต้องหันหลังกลับไปเอาของที่ว่าออกมา สึบากิถอนใจด้วยหน้าปลาตาย

     

    โอ้ะ!พ่อคุณเป็นโรคกลัวสาวงามรึเนี้ย!!

     

    อาคาชิไม่ได้พูดอะไรอีกเขาก้มหน้าก้มตารวบรวมเอกสารที่ตกไปทั่วพื้นห้องเพื่อตัดบท ทำให้สึบากิผู้ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยรับหน้าที่เป็นนางพยาบาลจำเป็นเดินมาหยุดและคุกเข่าตรงหน้าคนบาดเจ็บ

     

    ''อา เดี้ยวฉันจะช่วยทำแผลให้คุณ……''

     

    ''เอ่อฉันฟูจิวาระ ยูกิค่ะ ปีสองห้องซี ค่ะชิรายูกิซัง อ้ะ!!'' สาวงามร้องด้วยความเจ็บเมื่อถูกมือเล็กคลำบริเวณน่องที่มีอาการตะคริว

     

    ''ฟูจิวาระซังเป็นตะคริวสินะต้องอดทนหน่อยมันจะดีขึ้น'' สึบากิคลำบริเวณน่องขาสวยก่อนจะทายาช่วยคลายกล้ามเนื้อแล้วคลึงเบาๆ จนหายดีแล้วมาสำรวจที่แผลถลอกบริเวณหัวเข่า

     

    ''อะ อื้อ'' ยูกิขานรับพลางเหลือบมองสำรวจใบหน้าของสึบากิและร่างกายอย่างประเมินบางอย่าง

     

    สาวงามนามว่ายูกิร้องเมื่อแผลสัมผัสกับแอลกอฮอล์ลฆ่าเชื้อซะที่ไหนหล่ะเธอเอาสำลีชุบน้ำเกลือต่างหากมันจะแสบได้ยังไง! สึบากิบ่นในใจ ดวงตาสีฟ้าเข้มหรี่ลงเหมือนนึกอะไรบางอย่าง สาวงามฟูจิวาระคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าแล้วก้มหน้าทำแผลต่อ

     

    ''ว่าแต่ฟูจิวาระซังรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน?'' สึบากิเปิดบทสนาใหม่พลางทำแผลไปด้วยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป

     

    ''สาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียนเทย์โควเคียงคู่กับอาคาชิซังรองประธานนักเรียนใครๆก็รู้จัก''

     

    ยูกิตอบโดยเน้นไปที่ประโยคหลังเพื่อเรียกความสนใจจากคนบางคน แต่ไม่ได้ผลเขายังคงก้มเดินเก็บเอกสารอย่างไม่ใส่ใจจะฟัง

     

    ''อ้อไอ้ที่จัดอันดับอะไรนั้นสินะ''

     

    คนหน้าปลาตายกล่าวอย่างไม่ใส่ใจออกจะมองว่ามันค่อนข้างไร้สาระฉันไม่สนใจเท่าไหร่ ยูกิเห็นท่าทางนั้นแล้วเผลอขยุ้มกระโปรงนักเรียนก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็ว

     

    ''ดูชิรายูกิซังจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่''

     

    ''เอาตามตรงฉันก็เพิ่งรู้ว่ามันมีการจัดอันดับเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ''

     

    ''อ้องั้นชิรายูกิซังคงเห็นเรื่องที่มีคนเอาพวกเราสองคนมาเปรียบเทียบกันแล้ว'' ดวงตาสีแดงสดใสหรี่ตามองร่างบาง ริมฝีปากยกยิ้มท้าทาย

     

    ''มันมีด้วยหรอแต่อย่าไปสนใจเลยเอ้าเสร็จแล้ว''

     

    สึบากิตอบปัดก่อนจะลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ทำแผลให้เรียบร้อย พลางคิดในใจ อาถึงว่าทำไมคุ้นๆคนนี้ที่พวกเพื่อนสาวของเธอบอกว่าเป็นคู่แข่งที่จะมาแย่งตำแหน่งสินะ

     

    ''ขอบคุณที่ช่วยทำแผลให้นะคะชิรายูกิซังแล้วก็อาคาชิซังด้วยที่ช่วยฉันไว้'' ยูกิลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วกล่าวขอบคุณ ทั้งสองขานรับ ยูกิส่งยิ้มก่อนจะขอตัวเดินออกจากห้องไป

     

    สึบากิถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วหันมาช่วยอาคาชิ เก็บเอกสารมาจัดให้เข้าที่บนโต๊ะของเธอเหมือนเดิม เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ร่างบางเหลือบมองคนที่ช่วยเธอหอบเอกสารชุดสุดท้ายมาวางบนโต๊ะ

     

    ''ขอบคุณนะคะ''

     

    อาคาชิหัวเราะในลำคอกับท่าทางที่ดูยังไงก็ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนที่พูดคุยกับฟูจิวาระเมื่อครู่เขาทำแค่พยักหน้ารับแล้วเดินกลับมายังโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเริ่มทำงานต่อ

     

    สึบากิที่เริ่มทำงานต่อมาซักพักจนสร็จแล้วเหลือบมองอาคาชิอยู่สองสามครั้งทำปากขมุบขมิบไปมาเหมือนอยากจะพูดอะไร สีหน้าลำบากใจว่าจะเริ่มต้นถามยังไงดีรึจะค่อยถามหลังทำงานเสร็จดี มือเล็กควงปากกาไปมาอย่างใช้ความคิด สุดท้ายความอยากรู้ก็เอาชนะ

     

    ''เอ่อ อาคาชิคุงเมื่อกี้ฟูจิวาระซังมาทำไมหรอ''

     

    ''เธอมาส่งเอกสารของชมรมประสานเสียง'' อาคาชิตอบ

     

    ''แล้วทำไมเอกสารบนโต๊ะของฉันถึงปลิวว่อนไปทั่ว''

     

    ''เธอสะดุดล้มแล้วแขนกวาดกองเอกสารของคุณ''

     

    ''อ้อ'' สึบากิหรี่ตามองคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนกำลังจับผิด

     

    '……'

     

    ''แล้วที่เธอว่าช่วยไว้นี้คือยังไง''

     

    อาคาชิชะงักเขาเกือบหลุดขำกับคำถามที่ดูเหมือนภรรยากำลังสอบสวนสามีเมื่อกลับบ้านดึกดื่นก่อนจะละสายตามามองหน้าคนถาม รอยยิ้มผุดที่มุมปาก

     

    ''สึบากิซัง'' คนถูกเรียกชื่อเลิกคิ้วขึ้น

     

    ''คุณกำลังหึง?''

     

    ''?!!''

     

    '………' เกิดเดดแอร์ฉลับพลัน

     

    คนโดนรุกอีกรอบแข็งค้างไปชั่วขณะก่อนจะฟื้นคืนสภาพมาเหมือนเดิม สึบากิกระแอมไอเพื่อปรับอารมณ์ เธออยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ตอนนี้แค่จะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายยังลำบาก ส่วนอาคาชิที่เผลอตัวไปเย้าแย่ร่างบางเขาเปลี่ยนมาไขว่ห้างและเท้าคางจ้องมองสึบากิด้วยแววตาเป็นประกายของนักล่า

     

    เขาอยากจะรู้ว่ารอบนี้จะเอาตัวรอดไปได้ยังไงนะ…เจ้ากระต่ายดำตัวนี้

     

    ''ฉันแค่สงสัยว่าเธอคงทำตัวเหมือนคนอื่นๆที่เข้ามาที่นี้เท่านั้นเองค่ะ'' คนที่เงียบไปนานตอบแต่ไม่ได้หันมาสบตาเขาเหมือนเคยตอนนี้เธออยากจะหันหลังหนีแล้วตอบให้ถ้าไม่ติดว่ามันเสียมารยาทกับคู่สนทนาที่อยู่ห่างแค่ช่วงแขน

     

    ''อ้อ'' อาคาชิขานรับ

     

    ''ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวอ้ะ!!'' สึบากิร้องด้วยความตกใจที่เก้าอี้ทำงานโดนแรงกระชากให้เลื่อนไปทางด้านขวาโดยที่เธอยังนั่งอยู่ พอรู้ตัวอีกทีกลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยก็ลอยมาเข้าสู่ประสาทรับกลิ่นแล้ว

     

    ''วันนี้ไม่ให้หนีหรอกนะสึบากิซัง'' น้ำเสียงทุ่มที่ข้างหูสึบากิจึงหันไปตามเสียง เธอนึกเสียใจที่ทำแบบนั้นเพราะตอนนี้ภาพตรงหน้าคือใบหน้าของอาคาชิที่ห่างแค่คืบเดียวเท่านั้น ร่างบางผงะแล้วทำท่าจะลุกจากเก้าอี้แต่อาคาชิไวกว่าเขาคว้าแขนเล็กๆเอาไว้ออกแรงดึงเบาๆสื่อตามที่พูดก่อนหน้านี้ว่าอย่าได้คิดหนี

     

    คนโดนจับจ้องมองไปที่ดวงตาสีแดงสวยก่อนจะยู่ปากขัดใจแล้วนั่งลงตามเดิม ส่วนคนที่จับแขนเขาขบขันกับท่าทีแง่งอนนั้นแต่หน้าตาเจ้าตัวยังเป็นปลาตายเช่นเดิม แต่ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นใบหูเล็กมีรอยแดงจางๆ

     

    ''อาคาชิคุงมีอะไรจะถามฉันอีกหรอคะ''

     

    ''ดื้อ''

     

    สึบากิเม้มปากเป็นเส้นตรงที่อยู่ดีๆเธอก็โดนอาคาชิว่าอย่างไม่มีสาเหตุ เธอไม่เห็นจะดื้อตรงไหน

     

    ''ปากแข็ง''

     

    '……'

     

    ''เอาแต่ใจ''

     

    '……'

     

    ''แต่ชอบนะ''

     

    '……'

     

    '……'

     

    เอ้ะ!!!!!

     

     

     

     

    ''สึบากิ เฮ้ยสึบากิ!!'' ร่างบางสะดุ้งก่อนจะหันไปมองคนที่ตะโกนเรียกชื่อ

     

    ''ว่าไงนะคะนิจิมุระซัง''

     

    นิจิมุระกอดอกมองรุ่นน้องที่ใจลอยผิดปกติอย่างจับผิด ตั้งแต่เขากลับมาจากไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลสึบากิก็มีท่าทีแปลกไปโดยเฉพาะเวลาอยู่กับเจ้าอาคาชิ ดวงตาสีดำเหลือบมองรุ่นน้องผมแดงที่ยืนคุยกับมิโดริมะอีกฟากของสนาม

     

    ''เธอกับเจ้าอาคาชิมีอะไรกันแน่''

     

    ''มะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น!'' นิจิมุระส่ายหน้าอ่อนใจ รุ่นน้องหน้าตายจะรู้ตัวไหมว่าตอนนี้สีหน้าตัวเองมันมีคำว่า มี ตัวใหญ่แปะอยู่ที่หน้าชัดเจนจนคนที่เดินผ่านมาเห็นยังรู้ได้

     

    ''ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรเฮ้อสงสัยดูท่าฉันจะตกกระป๋องซะแล้ว~'' ร่างสูงเย้าแหย่รุ่นน้องก่อนจะหมุนตัวเดิน มือเล็กกระตุกชายเสื้อเขาเอาไว้ นิจิมุระเหลือบมองมือที่กำเสื้อเขาไว้แน่น ดวงตาสีฟ้าเข้มมองมาที่เขาก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกลับสาบานว่า

     

    ''มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด'' น้ำเสียงแผ่วเบาไล่หลังมา นิจิมุระเพียงกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะวิ่งลงสนามเพื่อเรียกสมาชิกมากเริ่มการฝึกซ้อมของวันนี้

     

    นิจิมุระซัง สำหรับฉันแล้วไม่มีใครจะมาแทนที่คุณได้ทั้งนั้น

     

    สึบากิกลับมาโฟกัสการฝึกก่อนจะจดบันทึกรายละเอียดต่างๆลงในชาร์ทบอร์ดต่อไปโดยไม่ทันสังเหตุว่ามีคนที่ยืนอยู่อีกฝากสนามมองความสนิทสนมของเธอและนิจิมุระเมื่อครู่ด้วยสายตาเฉียบคม และท่าทีอาวรณ์ของร่างบางที่มองตามนิจิมุระไป

     

    ''วันนี้เจ้าไฮซากิก็ไม่มาอีกแล้วสินะ''

     

    '……'

     

    ''อาคาชิมีอะไรรึเปล่า'' มิโดริมะที่เห็นคนที่ยืนด้วยเงียบผิดปกติจึงหันมาทัก

     

    ''เปล่าไม่มีอะไร'' อาคาชิตอบก่อนจะเดินไปรวมตัวที่สนาม มิโดริมะมองเพื่อนร่วมทีมที่มีอาการแปลกไปกว่าทุกวันไม่สิช่วงสามวันที่ผ่านมาอาคาชิดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษแต่วันนี้กลับ…

     

     

     

    ห้องล็อคเกอร์

     

    ''อาคาชินายกับสึบากิมีเรื่องอะไรกันแน่'' อาคาชิชะงักก่อนจะถอดเสื้อยืดออกแล้วหันไปตอบกัปตันที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วว่า ตอนนี้ในห้องล็อกเกอร์เหลือเพียง นิจิมุระ อาคาชิ มิโดริมะ มุราซากิบาระและคิเสะ ส่วนอาโอมิเนะและคุโรโกะเป็นเวรทำความสะอาดสนามบาสหลังซ้อมวันนี้

     

    ''ก็ไม่มีอะไรนี้ครับนิจิมุระซัง''

     

    นิจิมุระหัวเราะในลำคอ เจ้าสองคนนี้คิดว่าเขามองไม่ออกรึยังไงนะ

     

    ''ยังไงก็เบาๆมือหน่อยละกันนะรุ่นน้องยัยนั้นยิ่งชอบวิ่งหนีหายอย่างเดียว'' รุ่นพี่หนุ่มกล่าวเตือน

     

    ''ครับ'' เขาจะวางกับดักแล้วจับให้มั่นชนิดไม่ให้มีทางหนีได้แน่นอน อาคาชิตอบในใจ

     

    ''อ้อแล้วอีกอย่าง…ช่างมันเถอะไปละ'' นิจิมุระทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนใจไม่พูดก่อนจะขอตัวกลับบ้าน

     

    ''อาคาจินกำลังรุกใส่สึบาจินสินะ~'' มุราซากิบาระเปิดประเด็นหัวข้อที่ทุกคนอยากรู้ เขาหยิบอุไมโบรสช็อคโกแล็คที่สึบากิมักจะแอบเอามาใส่ให้เป็นประจำออกมาแกะกิน

     

    อาคาชิขานรับก่อนจะเริ่มสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

     

    ''แต่ว่าสึบากิจจิเนี้ยเป็นประเภทถ้ารู้จะรีบวิ่งหนีสินะ'' คิเสะออกความเห็น เขาไม่คิดว่าผู้ช่วยโค้ชสาวที่เก่งกาจและมีหน้าปลาตายแต่น่ารักจะมีนิสัยแบบเด็กๆอย่างการชอบวิ่งหนีคนที่เข้าหาแบบนี้ แถมยังวิ่งหนีอาคาชิจิที่ได้ชื่อว่าหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งที่สาวๆแทบจะถวายตัวให้กันค่อนโรงเรียน

     

    ''ชิรายูกิไม่ชอบความวุ่นายที่ตามมาหลังจากนั้นมากกว่ายิ่งเป็นอาคาชิด้วยแล้วปัญหาที่ตามมาก็ยิ่งเยอะ'' มิโดริมะยืนกอดอกพิงกำผนังห้อง

     

    ''ไม่ใช่หรอกสึบาจินแค่ขี้เกียจหน่ะ'' ไททั่นม่วงเอ่ยขัดกับเพื่อนผมเขียวที่มือถือลักกี้ไอเท็มเป็นขนมอุไมโบรสลิมิเต็ดช่วงเดือนนี้ด้วยแววตาวิบวับ

     

    ''หา?ขี้เกียจยังไงอ่ะบุราซากิบารัลจิ'' คิเสะทำท่าทางอยากรู้เหมือนหมาที่รอคอยให้เจ้าของโยนบอลให้

     

    ''อา จะว่ายังไงดีหล่ะอืม…ก็นะสึบาจินขี้เกียจมาเก็บกวาดเอกสารและพวกผู้หญิงที่เข้าหาอาคาจินจะตายเพราะพวกหล่อนชอบมาติดสินบนแถมทำโต๊ะทำงานที่สภานักเรียนของสึบาจินเละทุกทียิ่งถ้าได้คบกับอาคาจินนะไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง สึบาจินว่ามาแบบนี้อะนะ''

     

    ''หมายควาว่ายังไงติดสินบน'' อาคาชิเอ่ยขัดบทสนทนาเขาค่อนข้างสนใจคำว่าติดสินบน

     

    ''เอ้ะ!ฉันพูดแบบนั้นด้วยหรอ~'' มุราซากิบาระที่รู้ตัวว่าพลาดปล่อยข้อมูลลับออกไปแล้วทำเฉไฉกลบเกลื่อน

     

    อา ดันเผลอพูดไปแล้วสึบากิเอาตายแน่เลย แต่อาคาจินตอนนี้ก็น่ากลัว

     

    ''มุราซากิบาระ''

     

    เอื้อก สึบาจินขอโทษนะแต่ตอนนี้ฉันต้องเอาชีวิตรอดจากอาคาจินก่อน

     

    ''สึบาจินเป็นคนที่รู้ตารางเวลาของพวกเราทุกคนใช่ไหมโดยเฉพาะอาคาจินที่ทำงานที่สภานักเรียนด้วยกันดังนั้นก็เลย…'' ไททั่นม่วงเอานิ้วชี้จิ้มชนกันไปมาพลางอธิบายคำว่าสินบนให้อาคาชิฟัง ยิ่งพูดเขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายที่สูงเกือบสองร้อยเซนติเมตรหดเล็กลงไปเรื่อยๆ เวลาโดนอาคาชิจ้องมอง

     

    ''ขายตารางเวลาให้พวกสาวๆมาทำอีเว้นต์จีบอาคาชิจิสินะ'' คิเสะที่ฟังมาซักพักสรุปใจความสำคัญ

     

    ''คิเสะกับเรื่องพวกนี้นายจะหัวไวไปแล้วนะ'' มิโดริมะเหน็บนายแบบผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงเข้าหา

     

    ''แหมจากที่มุราซากิบารัลจิเล่ามันก็พอจะเดาได้แล้วเนอะอาคาชิจิ''

     

    ''อา''

     

    ''แต่มันก็นานมาแล้วนะหลังกลับจากสวนสนุกวันนั้นสึบาจินก็เลิกขายตารางเวลาของพวกเรา'' มุราซากิที่รอดชีวิตจากราชสีห์มาอย่างฉิวเฉียดเริ่มแก้ต่างให้ผู้ช่วยโค้ชสาว

     

    ''เอ้ะสวนสนุกอะไรกันทำไมไปไม่เห็นชวนกันบ้างเลย'' คิเสะเริ่มโวยวายที่ถูกเพื่อนทิ้งไม่ให้ไปสวนสนุกด้วย

     

    ''นั้นมันตอนที่นายยังไม่เข้ามาชมรมด้วยซ้ำคิเสะ'' มิโดริมะอธิบายให้โกเด้นฟัง เสียงโวยวายถึงสงบลง

     

    ''แล้วสินบนของผู้หญิงพวกนั้นที่มาแลกตารางเวลาของฉันคืออะไร''

     

    ''อ้อไอ้นั้นอะหรอแลกกับการยอมโดนตัดงบของชมรมบ้าง ขอให้เปลี่ยนร้านค้าไปขายอย่างอื่นที่ไม่ซ้ำกันในงานเทศกาลปีที่แล้ว หรือไม่ก็ขอความร่วมมือในการทำงานกับสภานักเรียนให้ช่วยโหวตอะไรพวกนี้อ่ะ~''

     

    ''สมกับเป็นสึบากิจิดีนะฮ้ะคิกๆ'' คิเสะปาดน้ำตาที่หางตาออก

     

    ''นับได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบมากในกรณีถูกจับได้ก็อ้างได้ว่าทำเพื่อช่วยสภานักเรียนให้ทำงานได้ราบรื่นมากขึ้น''

     

    มิโดริมะวิเคราะห์ เขาอดทึ่งกับการวางแผนการเป็นขั้นตอนของสึบากิ ซึ่งการวางแผนพวกนี้จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร ในตอนแรกเขาพอจะได้ยินมาว่าสภานักเรียนประสบปัญหาการบริหารจนมีอาคาชิและสึบากิเข้ามาช่วยทำงานทำให้ผ่านพ้นมาได้

     

    แต่ไม่คิดเลยว่านอกจากความสามารถอาคาชิแล้วเบื้องหลังยังมีสึบากิที่คอยจัดการงบประมาณและประสานงานกับชมรมและนักเรียนแต่ละชั้นปีให้ความร่วมมือแต่โดยดีมาตลอดด้วยวิธีนี้ และถึงแม้จะไม่ได้เอาตารางเวลาของพวกเขาออกมาขายเจ้าตัวก็ไม่ได้รับผลกระทบจากผู้หญิงเหล่านั้นแค่ให้เหตุผลว่าจะพวกเขาเริ่มสงสัยแล้ว

     

    แถมสภานักเรียนที่ตอนนี้ทำงานเป็นทีมเวิร์ครวมทั้งสนิทสนมกับฝ่ายประสานงานของชมรมและนักเรียนแต่ละชั้นปีก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้วิธีนี้เข้ามาช่วยอีกเรียกได้ว่าสะอาดหมดจด แต่ว่าคนที่โดนแอบเอาตารางไปขายอย่างอาคาชิ คงไม่พอใจเท่าไหร่นัก มิโดริมะเหลือบมองสีหน้าอาคาชิที่ตอนนี้ราบเรียบไม่มีอารมณ์ใดๆ

     

    ''ขอโทษค่ะมิโดริมะคุงอยู่ข้างในไหม'' เสียงใสที่ทุกคนคุ้นเคยดังมาจากประตูทางเข้า มิโดริมะที่โดนเรียกหาขานรับก่อนจะเดินไปเปิดประตู

     

    ''มีอะไรรึเปล่าชิรายูกิ''

     

    ''ฉันเอาสมุดจดวิชาประวัติศาสตร์ที่มิโดริมะคุงของยืมมาให้หน่ะ'' ร่างบางยื่นสมุดปกอ่อนสีฟ้าที่มีสติกเกอร์สีขั้นหน้าสำคัญไว้ให้มิโดริมะ

     

    ''อาขอบคุณนะ''

     

    ''สึบาจิน~ในที่สุดก็มาซะที~''

     

    มุราซากิบาระเหมือนเห็นทางหนีเขารีบคว้ากระเป๋ามาสะพายก่อนจะรีบเดินมาหน้าประตู ''อัตสึชิคุงก็อยู่ด้วยหรอ'' สึบากิเอียงคอสายตากวาดไปทั่วห้องก่อนจะสะดุดเข้ากับอีกสองคนที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

     

    ''อ้าวสึบากิจจิยังไม่กลับบ้านอีกหรอ''

     

    คิเสะโบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มที่เธอมองแล้วมันดูระริกระรี้มากกว่าทุกๆวัน ทำเอาหางตาขวาเธอกระตุกถี่เหมือนจะมีภัยร้ายตามมา ก่อนที่เขาจะเดินออกมายืนอยู่ด้านนอกห้องพร้อมมุราซากิบาระและมิโดริมะ

     

    ''ฉันกำลังจะกลับแล้วค่ะแค่นึกขึ้นได้ว่าลืมเอาสมุดมาให้มิโดริมะคุงถ้ายังงั้นพวกเรากลับด้วยกันไหมคะ''

     

    สึบากิเอ่ยชวนทั้งสามโดยจงใจลืมชวนคนที่ยังยืนอยู่ในห้องอีกคน เธอหันหลังให้ประตูราวกลับไปกล้ามองไปยังคนที่อยู่ด้านในนาน

     

    ''จริงงั้นอะอั้ยอ่อยอั้นนะอุราอาอิอาอัลอิ'' คิเสะที่กำลังจะตอบรับคำชวนถูกมุราซากิบาระเอามืออุดปากไปแล้วบอกว่าเขากับคิเสะจะไปแวะซื้อขนมรสใหม่ซึ่งอยู่คนละทางกลับบ้าน

     

    ''แล้วมิโดริมะคุงละคะ'' สึบากิหันมาถามอีกคน

     

    ''ฉันว่าจะแวะไปร้านถ่ายเอกสารเพื่อปริ้นรายงานส่งพรุ่งนี้''

     

    ''อ้อถ้างั้นคงต้องแยกกันอ้ะ!!!ปัง!คลิ้ก!'' ไม่ทันจะได้พูดจบสึบากิถูกวงแขนแกร่งคว้าเอวหายเข้าไปในห้องล็อคเกอร์ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสามคนที่ตอนนี้เหงื่อตกไม่แพ้กัน

     

    จริงๆแล้วพวกเขาเห็นสัญญาณมาจากรองกัปตันแล้วว่าให้ปฏิเสธคำชวนร่างบางแม้จะเป็นห่วงแต่ถ้าอาคาชิต้องการจะปรับความเข้าใจกันพวกเขาก็ทำได้แค่เพียงส่งกำลังใจให้สึบากิอยู่ห่าง ทั้งสามมองหน้ากันไปมาก่อนจะเดินกลับบ้านทิ้งให้ผู้ช่วยโค้ชสาวโดนจับไปนั่งปรับทัศคติใหม่กับอาคาชิ…

     

     

    ''โอ้ยมันเจ็บนะคะอาคาชิคุง'' ร่างบางที่โดนหิ้วมาวางที่ม้านั่งอย่างแรงบ่นอุบอิบ พลางลูบสะโพกไปมา

     

    ''ดีจะได้จำไว้'' น้ำเสียงห้วนตอบกลับ ดวงตาสีแดงจ้องมองอย่างคาดโทษราวกำลังจัดสินใจจะลงโทษคนที่แอบเอาเขาไปขายให้พวกผู้หญิงมาวุ่นวายตลอดระยะเวลาหนึ่งปีมานี้ยังไงดี

     

    ''แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันอีกละคะ'' สึบากิถามกลับร่างบางยังคงหลบเลี่ยงสายตาที่จ้องมองมาพร้อมรังสีกดดันแถมมาให้ด้วย

     

    ''มีอะไรจะสารภาพไหมสึบากิซัง'' อาคาชิเท้ามือทั้งสองข้างกักร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนจะโน้มหน้าอันหล่อเหลาที่ตอนนี้ดูจะมีความโกรธเล็กน้อยเข้าใกล้แก้มขาวเนียนจนจมูกปัดเฉียดผ่านไปมา ให้ความรู้สึกร้อนวูบแม้จะมีหน้าปลาตายคอยปกป้องแต่เจอแบบนี้เข้าสึบากิก็แทบจะเก็บอาการไม่อยู่

     

    ''ถอยออกไปหน่อยได้ไหม'' สึบากิเอ่ยขอร้อง

     

    ''ยังไม่สารภาพคราวนี้จะกินเข้าไปทั้งหูเลยนะ'' อาคาชิละจากแก้มมุ่งเป้าหมายไปกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่ายที่แดงเข้มกว่าเมื่อช่วงเช้าด้วยความขบขันกับท่าทางขอร้องที่น่ารักเกินไป

     

    ''อื้อ~แล้วมันระ เรื่องไหนละเนี้ย~'' สึบากิที่เริ่มจะสติหายเอ่ยเสียงแผ่วเบา

     

    ''งั้นคงต้องกระตุ้นจะได้จำได้ว่าแอบทำอะไรลับหลังฉันบ้างดีไหม''

     

    ไม่ทันได้คิดอะไรอาคาชิฝังริมฝีปากไปที่กลุ่มผมที่อยู่เหนือใบหูไปเล็กน้อยอย่างจงใจ เขาสูดดมกลิ่นแชมพูหอมๆที่มักจะได้กลิ่นเวลาเข้าใกล้ร่างบาง ก่อนจะผละออกมามองหน้าคนที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก มือเรียวม้วนปลายผมสีดำเหมือนหมึกเล่นไปมา

     

    ''ทีนี้นึกออกบ้างรึยัง'' อาคาชิเลิกคิ้วถาม

     

    ''เรื่องที่ขายตารางเวลาให้สาวๆกลุ่มหนึ่งค่ะ''

     

    อันที่จริงมีอีกหลายอย่างที่แอบทำแต่เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่หลุดมาถึงหูอาคาชิตามการคาดเดาของเธอ

     

    ''แล้วควรจะลงโทษยังไงดีหล่ะ?''

     

    ''ไม่ลงโทษได้ไหม…คะ'' สึบากิเอียงคอขอร้องลูกไม้นี้ถูกงัดมาใช้กับพี่ชายทั้งสี่มักจะได้ผล แต่กับอาคาชิมันก็ได้ผลละนะผลตรงกันข้าม

     

    อาคาชิส่ายหน้าไม่รับข้อเสนอมือยังคงม้วนผมร่างบางเล่นอย่างเพลิดเพลินราวกับรอเวลาบางอย่างอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพียงจ้องมองดวงตาฟ้าสีฟ้าเข้มที่หลุบต่ำลงยามเมื่อเจ้าตัวใช้ความคิดด้วยความสนใจ

     

    ''หมดเวลาแล้วเอาเป็นว่าบทลงโทษฉันเป็นคนเลือกให้เอง'' ผ่านไปนานแต่ยังไม่มีเสียงจากร่างบางอาคาชิจึงตัดบทก่อนจะกลับมายืนกอดอก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดที่มุมปาก

     

    ''แล้วจะให้ฉันทำอะไรคะ'' สึบากิที่ได้รับอิสระแล้วเอ่ยถาม

     

    ''เดี้ยวคุณก็จะทราบเองในวันพรุ่งนี้'' อาคาชิเดินนำออกไปรอที่หน้าประตูก่อนจะหันหลังมามองเป็นการบอกให้วันนี้สึบากิติองเดินกลับบ้านพร้อมกับเขา สึบากิโล่งอกที่วันนี้รอดพ้นไปแต่พรุ่งนี้ไม่รู้เธอจะเป็นยังไงบ้าง ขาเรียวก้าวเดินตามแผ่นหลังที่สง่างามไปอย่างเงียบๆ

     

    ช่างเถอะไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน สึบากิคิดในใจ

     

    โดยไม่รู้เลยว่าบทลงโทษที่อาคาชิเตรียมไว้ให้จะสร้างความปั่นป่วนอะไรไว้บ้างทั้งตัวเธอและหัวใจของเธอ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×