ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 65


     

    Chapter 6

     

    Well, nobody's perfect. 

    ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

     

     

     

     

    ''คุโรโกะคุงนี้จ้ะชุดอยู่นิฟอร์ม ที่สั่งตัดไปมาส่งแล้ว'' โมโมอิกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     

    ''ขอบคุณมากครับโมโมอิซัง'' คุโรโกะมองชุดยูนิฟอร์มบาสเบอร์8ในมือด้วยแววตาเป็นประกาย ในที่สุดความพยายามของเขาก็สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว

     

    ''อ้ะ!แล้วก็นะคุโรโกะคุงมีอีกเรื่องจะแจ้งให้ทราบ''

     

    ''?''

     

    ''คือว่ามีน้องใหม่จะเข้ามาอยู่ทีมA ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เลยอยากให้คุโรโกะคุงเป็นพี่เลี้ยงเขาหน่อย''

     

    ''ได้ครับ''

     

     

     

    วันต่อมา

     

    ''คิเสะ เรียวตะ ยินดีที่ได้รู้จักนะสึบากิจจิ''

     

    ''เช่นกันนะคะคิเสะคุง'' ดวงตาสีฟ้าเข้มมองสำรวจคนที่เข้ามาทักทาย คิเสะ เรียวตะ

     

    ''ว่าแต่สึบากิจจิพอจะรู้ไหมว่า คนไหนจะมาเป็นพี่เลี้ยงผม'' คิเสะมองไปทั่วสนามที่มีผู้เล่นตัวจริงคนอื่น ๆกำลังฝึกซ้อม

     

    สึบากิจจิ? อาไอ้คำเรียกที่โดนเติมท้ายนี้มันยังไงเนี้ย..

     

    ''โมโมอิจังน่าจะกำลังพามานะคะ'' สึบากิตอบพลางจดโน้ตบนชาร์ทบอร์ด ก่อนจะจ้องมองไปที่มุราซากิบาระเพื่อประเมินความสามารถและพัฒนาการ

     

    คิเสะที่เห็นผู้ช่วยโค้ชสาวกำลังยุ่ง จึงขอตัวไปหาโมโมอิที่เดินเข้ามาโรงยิมพอดี ร่างบางพยักหน้ารับทราบก่อนจะเดินไปริมสนาม 

    อีกด้านที่มีอาคาชิกำลังฝึกการครอสโอเวอร์อยู่ วันนี้เธอสวมชุดลำลองเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีดำมีแถบคาดสีขาวยาวตามแนวขาพร้อมรองเท้าบาสสีขาวล้วน

     

    ส่วนทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ ทางโค้ชชิโรงาเนะสั่งมาว่าจะเริ่มให้เธอได้ลองลงฝึกซ้อมกับพวกตัวจริงวันนี้ โดยเริ่มจากแข่งกับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอย่างคิเสะ เรียวตะ 

    สึบากิตอบตกลงเมื่อคิดคำนวณแล้ว น่าจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเรื่องราวอะไรในเนื้อเรื่องหลัก แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ซะทีเดียว

     

    เพราะอีกไม่นานสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่คิเสะเข้าชมรม นั้นก็คือการขึ้นมาเป็นกัปตันของอาคาชิและการออกจากชมรมของไฮซากิซึ่งนับว่าเป็นช่วงที่เธอรอคอยและไม่อยากให้เกิดขึ้นไปพร้อมกัน

     

    ส่วนที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นคงเป็น เพราะเธอยังอยากให้นิจิมุระซังยังอยู่เป็นกัปตันไปอีกนานกว่านี้ต้องยอมรับว่า เธอค่อนข้างสนิทสนมกับรุ่นพี่คนนี้ จนจะเหมือนเป็นคนในครอบครัวอีกหนึ่งคนไปแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะบังเอิญได้รู้จักกันในช่วงที่เธอเรียนประถม แต่เขาเป็นตัวละครที่สามารถใกล้ชิดได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับเรื่องราวในมังงะ

     

    แต่ถ้าอาคาชิ เซย์จูโร่ได้เป็นกัปตัน เขาก็จะกำจัดไฮซากิ โชวโงะคนที่เธอเกลียดขี้หน้าออกไปจากชมรมบาส และไม่ต้องมารู้สึกอึดอัดเวลาทำกิจกรรมที่ชมรมด้วย 

    ถึงแบบนั้นมันย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนที่ตามมา อาคาชิอีกคนกำลังจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้าเช่นกัน ความแตกแยก และอาโอมิเนะที่แข็งแกร่งเกินไป

     

    รอยร้าวของพวกเขา

     

    ''เฮ้อออ''

     

    ''มีเรื่องให้คิดมากอยู่หรอสึบากิซัง'' อาคาชิที่เพิ่งฝึกเสร็จเดินมาทักทาย ก่อนะจะรับผ้าขนหนูที่สึบากิยื่นมาให้ หลังจากเรื่องเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือน เธอและอาคาชิคุงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หลังจากที่เว้นระยะห่างมาพอสมควร

     

    ก็นะเธอที่ตอนช็อคสุดขีด ทั้งกอดแถมเกาะติดอาคาชิ จนนำไปสู้ฉากสุดประทับใจไม่มีทางลืม เลยว่าทำเรื่องขายหน้าอะไรต่อหน้าเจ้าตัวบ้าง สึบากิหลั่งน้ำตาในใจ

     

    ''วันนี้มีคำสั่งสำคัญลงมาค่ะ'' 

     

    อาคาชิที่ดื่มน้ำเสร็จหันไปสำรวจร่างบาง ที่วันนี้แต่งชุดลำลองและที่สำคัญรองเท้าบาสสีขาวล้วนคู่นั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นรุ่นเดียวกับ ที่เธอซื้อมาพร้อมกับเขาเมื่อวันนั้น ผมสีดำยาวกลางถูกทำทรงเป็นลูกชิ้น2ข้าง ด้วยริบบิ้นสีแดงมองแล้วดูน่ารักไปอีกแบบ

     

    แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจมากกว่า นั่นก็คือสึบากิที่น่าจะเป็นแค่ฝ่ายสนันสนุนชมรมเท่านั้น มีสามารถทางกีฬาบาสด้วย? และอีกฝ่ายไม่ใช่คนประเภทซื้อของพวกนี้เพื่อใส่ตามแฟชั่น

     

    เธอคนนี้มีอะไรที่ให้เขาแปลกใจได้เสมอมากเกินไปแล้ว

     

    ''มันค่อนข้างจะเหลือเชื่อ สึบากิซังไม่เคยลงสนามให้เห็น ทำไมโค้ชถึงให้คุณแข่งกับคิเสะด้วย''

     

    ''พวกคุณไม่เคยเห็น ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่เคยลงสนามนี้คะ'' สึบากิยกยิ้มมุมปาก

     

    ''งั้นมาลองเล่นกับฉันดูไหมหล่ะชิรายูกิจัง~''

     

    ''ถ้าไฮซากิซังวิ่งรอบสนาม20รอบครบฉันจะรับคำท้า'' สึบากิหันไปตอบคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะฝากชาร์ทบอร์ดให้อาคาชิถือ

     

    ''เห้~เอางั้นก็ได้ถือว่าเธอรับปากแล้วนะหึหึ'' ไฮซากิกระตุกยิ้ม เขาเลียปลายนิ้วโป้งก่อนจะเริ่มวิ่งรอบสนามอย่างอารมณ์ดี วันนี้มีเหยื่อมาให้ขย้ำถึงที่

     

    ถ้านิจิมุระรู้เข้าจะทำสีหน้ายังไงนะหึหึ

     

    ''คุณไม่จำเป็นต้องรับคำท้าของไฮซากิ'' 

     

    อาคาชิเอ่ยตำหนิร่างบางที่กำลังวอร์มอัพ ถึงไฮซากิเอาชนะพวกเขาไม่ได้ แต่ความสามารถนั้นก็เป็นของจริง อีกอย่างสึบากิก็ยังคงเป็นผู้หญิง แม้จะมีความสูงมากกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่ร่างกายของผู้ชายและผู้หญิงก็แตกต่างกัน

     

    สึบากิส่ายหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร

     

    ''โฮ้ว~วันนี้เธอจะได้ลงสนามสินะสึบากิ'' นิจิมุระเดินผ่านมามองคนที่กำลังนั่งกางขาเป็นตัววีแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อยืดกล้ามเนื้อ ก่อนจะเหลือบมองไปอาคาชิที่ยืนไม่ไกลกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

     

    ''กัปตันคุณไม่คิดจะห้ามเธอหน่อย'' อาคาชิหันมามองรุ่นพี่ที่น่าจะเป็นคนที่ห่วงร่างบางมากที่สุด แต่เขากลับตามใจสึบากิอีกแล้ว

     

    ''หืม?ทำไมมีเรื่องอะไรอีก?'' นิจิมุระนั่งยองแล้วเอื้อมมือไปทาบแผ่นหลังร่างบาง ก่อนจะดันให้ร่างกายอีกฝ่ายแนบไปกับพื้นสนามอย่างง่ายดาย

     

    ตัวอ่อนอะไรแบบนี้นะยัยนี่

     

    ''อ้ะ!นิจิมุระซังมันอัตรายนะ'' สึบากิที่โดนมือใหญ่กดหลังไว้ฉุน และคาดเดาได้ว่าใครมาแกล้งเธอถ้าไม่ใช่รุ่นพี่หนุ่ม

     

    ''เรื่องที่ไฮซากิท้ายัยนี่สินะ'' นิจิมุระหัวเราะกับเสียงบ่นของคนโดนกดให้นาบกับพื้นในลำคอ ก่อนจะหันไปมองอาคาชิที่หมู่นี้ดูจะสนิทสนมกับสึบากิมากขึ้น ดวงตาสีแดงจ้องกดดันมายังเขา

     

    ''ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยัยนี่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสะหน่อย''

     

    ''แต่ว่ายังไงสึบากิซังก็ยังเป็นผู้หญิง'' 

     

    เรื่องนั้นเขาก็ไม่เถียงละนะ แต่ยัยนี่ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปนี้สิ ถึงความอึดจะเทียบกับผู้ชายแบบเขาไม่ได้ แต่เทคนิคและการวางแผนมันก็อีกเรื่องละนะ นิจิมุระตอบในใจ

    และเขาไม่รู้จะอธิบายรุ่นน้องคนนี้ยังไงดี คงต้องให้เจ้าตัวเห็นความสามารถด้วยตัวเองน่าจะดีว่า

     

     

    ''เอาหน่าอาคาชินายรอดูไปก่อน ถ้าฉันเห็นว่ามันอันตรายจะเข้าไปหยุดเอง อีกอย่างคนที่อนุญาตให้ยัยนี่ลงสนามก็คือโค้ชชิโรงาเนะเอง ตาลุงนั้นคงไม่ยอมให้หลานสาวตัวเองมาเจ็บตัวอยู่แล้ว''

     

    ส่วนคนที่จะเจ็บตัว…

     

    ดวงตาดำมองไปทางไฮซากิที่วิ่งรอบสนามอย่างอารมณ์ดี

     

    อาคาชินิ่งเงียบเขามองไปที่ชั้นสอง ที่โค้ชชิโรงาเนะยืนมองมาทางพวกเขา ก่อนจะถอนหายใจถ้าเป็นการตัดสินใจของโค้ชเขาคงไม่สามารถห้ามอะไรร่างบางได้ 

     

    ลึกๆเองเขาก็สนใจความสามารถ ทางกีฬาบาสของสึบากิอยู่เหมือนกัน และเธอจะเอาชนะไฮซากิจอมขโมยนั้นยังไง

     

    ''อาโอมิเนะคุงหลังจากซ้อมเสร็จ ฉันมีเรื่องให้ช่วยหน่อยค่ะ'' สึบากิที่ยืดเส้นและวอร์อัพร่างกาย แล้วหันไปคุยกับอาโอมิเนะที่เดินออกจากสนามมาพัก

     

    ''เอาสิ'' อาโอมิเนะตอบ ก่อนจะเดินมาหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม โดยมีสายตารุ่นพี่และเพื่อนร่วมทีมมองด้วยความอ่อนใจ

     

    ''อาโอมิเนะนายนี่มัน'' นิจิมุระกุมขมับกับความซื่อบื้อของรุ่นน้องผิวเข้ม ที่ดันตอบรับคำชวนของยัยตัวแสบอย่างไม่สงสัยใดๆ

     

    ''หา?'' อาคาชิเลิกสนใจเพื่อนผิวเข้ม เขามองแผ่นหลังเล็กๆที่เดินไปคุย กับคิเสะและมุราซากิบาระ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก พอจะเข้าใจแผนของร่างบางบ้างแล้ว

     

     

     

     

    ''เอาจริงหรอเนี่ยสึบากิจจิ'' คิเสะที่ยืนอยู่ในสนามถามร่างบาง ที่ยืนอยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าลำบากใจสุดๆ เขาเพิ่งเขาชมรมมาได้ไม่ถึงเดือนเลยนะ

     

    ''ฉันไม่เคยล้อเล่นหรอกนะคะคิเสะคุง'' สึบากิที่หน้าปลาตายก่อนจะหัวเราะเบาๆ สีหน้าของคิเสะเหมือนจะร้องไห้ไปทุกทีนี้มัน น่าสนุกสุดๆไปเลย

     

    ''ห้าว~เอาหน่าคิเสะจิน เดี้ยวจบเรื่องแล้วสึบาจินสัญญาว่าจะเลี้ยงไอติมด้วยนะ'' บุราซากิบาระกล่าวพลางมองไปที่ไฮซากิ ที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับคิเสะดูจะโมโหกับการจับทีมแบบนี้

     

    สึบาจินเองก็ร้ายกาจไม่เบาเลยแฮะ~

     

    ''เกมยังไม่เริ่มอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับคิเสะคุง'' คุโรโกะปลอบใจเพื่อนร่วมทีมเฉพาะกิจ

     

    เพราะมีนายร่วมทีมยังไงเล้าคุโรโกะคุง!! คิเสะคิดในใจ

     

    ''จะยังไงก็ช่างแบบนี้มันก็น่าสนุกดีนิ้'' อาโอมิเนะที่ยืนแคะหูอย่างสบายใจ เขาค่อนข้างแปลกใจที่สึบากิขอให้มาลงแข่ง3:3 แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ได้ยั่วโมโหเจ้าไฮซากิแบบนี้ก็น่าสนุกดี เขาส่งรอยยิ้มสะใจไปให้ไฮซากิที่หัวร้อนได้ที่แล้ว

     

    ''ฉันแค่รับปากว่าจะเล่นด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะแข่ง1:1ซะหน่อยนี่คะ''สึบากิส่ายหน้าเป็นการบอกว่าช่วยไม่ได้นายโง่เอง

     

    ''ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ'' 

     

    ไฮซากิส่งเสียงในลำคอ เขากวาดตามมองสมาชิกทีมตัวเองที่มีคิเสะและคุโรโกะ ที่สึบากิจัดให้แล้วมองไปทางทีมฝั่งสึบากิที่มี อาโอมิเนะ และมุบาซากิบาระ เรียกได้ว่าเอาทั้งเอซและเซ็นเตอร์มาพร้อม ต่อให้ผ่านอาโอมิเนะไปได้ก็ทำแต้มได้ยากเพราะมีมุบาซากิบาระขวางอีกทาง

     

    ''ไฮซากิเองก็ตกหลุมพรางของชิรายูกิเข้าเต็มๆเลยสินะอาคาชิ'' มิโดริมะที่ยืนดูอยู่ขอบสนาม หันไปมองอาคาชิที่เอาแต่จ้องมองไปที่ร่างบางด้วยความสนใจ

     

    ''การที่เอาอาโอมิเนะและมุราซากิบาระเข้าทีมตัวเอง เพื่อนบาลานซ์ความแตกต่างของพละกำลังแล้วส่งคิเสะที่ยังพัฒนาความสามารถยังไม่สมบูรณ์กับคุโรโกะที่มีข้อจำกัดในการลงสนามแข่ง เป็นตัวบีบบังคับให้ต้องเล่นเกมบุกอย่างเดียวซึ่งจะทำให้มีข้อผิดพลาดสูง แถมการป้องกันยังอ่อนแอ เมื่อเทียบกับฝั่งตัวเองที่มีมุราซากิบาระเฝ้าห่วงอยู่นับได้ว่า สึบากิซังมองขาดทั้งเรื่องจุดแข็งจุกอ่อนทั้งตัวเองและฝ่ายตรงข้ามได้ยอดเยี่ยม''

     

    ''แต่ปัญหาคือมิสไดเรชชั่นของคุโรโกะที่สนับสนุนเกมบุก'' มิโดริมะกอดอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

     

    ''ไม่คุโรโกะจะไม่ใช่มันในการแข่งนี้''

     

    ''หมายความว่ายังไง''

     

    ''ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสึบากิซังทำยังไงคุโรโกะถึงได้ยอมรับข้อเสนอ'' อาคาชิมองไปยังผู้จัดการสาวที่ยืนด้านซ้ายของเขา

     

    ''แบบนั้นมัน……'' มิโดริมะหาเสียงตัวเองไม่เจอเขาหันไปมองร่างบางแววตาคู่สวยวาววับด้วยแผนการมากมาย

     

    ''สำหรับผู้หญิงแล้วไม่ว่าจะแข่งขันอะไร ถ้าไม่ถูกจับได้ก็นับว่าไม่ผิดกติกาหรอกนะคะ'' โมโมอิกล่าวเสริม

     

    ''ชนะแบบนั้นมันจะมีศักดิ์ศรีอะไร'' ร่างสูงโต้แย้ง

     

    ''ศักดิ์ศรีไร้สาระนั้นผู้หญิงเขาไม่คิดมากกันหรอกนะมิโดริน~ อีกอย่างไฮซากิคุงพลาดเองไม่มีใครบังคับเขาซะหน่อย'' โมโมอิยิ้มกว้าง ภาคภูมิใจกับความสำเร็จนี้ ดวงสีชมพูมองไปยังการแข่งที่จะเริ่มขึ้นแล้ว

     

    สู้เขานะสึบากิจัง

     

    ''ถ้าในเมื่อพร้อมแล้วไปยืนประจำตำแหน่งตัวเองได้ การแข่งแบบ3:3 ใช้พื้นที่สนามแบบแข่ง5:5 โดยแข่งควอเตอร์ละ10นาที 2ควอเตอร์'' นิจิมุระเป็นกรรมการเอ่ยขึ้น เขายืนถือลูกบาสมองไฮซากิและมุราซากิที่ยืนประจำที่แล้ว ก่อนจะเป่านกหวีดพร้อมกับลูกบาสที่ลอยขึ้นไปกลางอากาศ

     

    ''มิเนะจิน'' มุราซากิบาระเรียกเพื่อนผิวเข้ม ก่อนจะส่งลูกในมือให้อีกฝ่ายทำแต้ม คนรับไม่รอช้าวิ่งเลี้ยงลูกหลอกล่อคิเสะที่เข้ามาขวางก่อนจะหมุนตัวหลบ ดวงตาสีดำเห็นมือเรือนรางที่เข้ามาใกล้ลูกบาส ก่อนจะส่งลูกไปให้สึบากิที่วิ่งตามหลังมา

     

    สึบากิเลี้ยงลูกไปข้างหน้าด้วยสีหน้าปลาตาย ก่อนจะถอยหนึ่งก้าวเมื่อคนยืนอยู่ข้างหน้าเป็นตัวปัญหาอย่างไฮซากิ ชิส์ 

     

    ''ไงจ้ะคิดจะหนีฉันพ้นรึไง'' ไฮซากิเลียริมฝีปาก พร้อมจะขย้ำเหยื่อสาวตรงหน้าแล้ว จะทำลายให้ไม่เหลือชิ้นดีเลย เขาเดินเขาไปประชิดตัว เพื่อแย่งลูกบาสในมือของเธอ

     

    แต่สึบากิไหวตัวทัน เธอถือลูกบาสตั้งท่าขาก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วกระโดดลอยจากพื้นสนามสูงเท่ากล่องลัง พร้อมปล่อยลูกบาสให้ลอยสูง ลงเข้าห่วงอย่างสวยงามจากระยะไกล โดยที่ไฮซากิกระโดดบล็อคไม่ทัน ทีมสึบากิเก็บสามแต้มได้ก่อน

     

    ''ไนส์พาสอาโอมิเนะคุง'' ''โอ้ส'' ทั้งคู่ตีมือให้กับความสำเร็จ แต้มแรกหลังเปิดเกมก่อนจะวิ่งไปตั้งรับ

     

    ''อะไรกันสึบากิจจิเปิดตัวด้วยสามแต้มเลยเนี้ยนะ'' คิเสะที่อดทึ่งกับลูกสามแต้มของร่างบางไม่ได้

     

    ''หุบปากได้แล้วคิเสะส่งลูกมาให้ฉัน'' ไฮซากิกล่าวเขาเลี้ยงลูกบาสไปด้วยความว่องไว ก่อนะจะหยุดอาโอมิเนะแล้วตั้งท่าชู้ตเลียนแบบร่างบาง แต่ความเร็วในการตั้งท่าของเขาช้าไป จึงโดนอาโอมิเนะบล็อคได้ ลูกบาสกระดอนไปคุโรโกะที่รอโอกาสอยู่ คว้าบอลแล้วเลี้ยงส่งไปให้คิเสะ ที่วิ่งมา

     

    สึบากิวิ่งมาขวางอีกฝ่าย ที่เข้ามาเหยียบบริเวณชั้นใน คิเสะครอสโอเวอร์หลบด้วยความไวก่อนจะเลย์อัพเพื่อทำแต้ม แต่ถูกเซ็นเตอร์บุราซากิบาระรออยู่แล้วบล็อคได้ ก่อนจะส่งลูกไปให้เอซโต้กลับและดังค์ลูกทำแต้มได้อีกครั้ง

     

    ''คุโรโกะแกหัดทำตัวมีประโยชน์บ้างสิะฟ้ะ!'' ไฮซากิที่ถูกแต้มนำกระชากคอเสื้อคุโรโกะ ส่วนคนถูกกระทำมีสีหน้านิ่งก่อนจะตอบว่า

     

    ''ผมก็ทำหน้าที่ตลอดนิ้ครับไฮซากิคุง''

     

     

    ''ชิส์'' ไฮซากิสถบก่อนจะปล่อยคอเสื้อ แล้วสั่งการเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนให้ส่งลูกมาที่เขาทำแต้มก็พอ

     

    อาเจ้าโง่ไฮซากิยังไม่รู้ตัวอีกสินะ นิจิมุระที่มองการแข่งก่อนจะหันไปสบตา กับรุ่นน้องสาวที่หันมาขยิบตาให้เขาด้วยหน้าปลาตาย เขาส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายที่นับวันจะหนักข้อเข้าไปทุกที

     

    ''หมอนั้นยังไม่รู้ว่าโดนชิรายูกิปั่นหัว''มิโดริมะที่พอจะจับเค้าลางอะไรได้บ้างเอ่ยขึ้น

     

    ''ไม่ได้มีเพียงแค่คุโรโกะที่โดนซื้อตัวไปสินะ'' อาคาชิหันไปถามโมโมอิที่ยืนอมยิ้มข้างๆ

     

    ''เอ๋~พูดอะไรกันหน่ะทั้งสองคน ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย~'' น้ำเสียงใสซื่อไปให้เพื่อนชายทั้งสอง ก่อนจะหลุดหัวเราะเบาๆออกมา

     

    ''แต่ว่าการชู้สสามแต้มนั้นก็เป็นของจริง''

     

    อาคาชิหรี่ตาลงคิดวิเคราะห์การชู้สสามแต้มของสึบากิ ที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยการกระโดดสูงเพียงแค่ลังกระดาษนั้น และการจัดระเบียบร่างกายที่รวดเร็ว กว่าผู้เล่นชู้สสามแต้มทั่วไปอีกทั้งความแม่นยำ พละกำลัง ที่ขัดกับร่างกายภายนอกที่ดูบอกบางนั้น

     

    "การจะชู้สสามแต้ม จำเป็นต้องใช้เวลาและระยะห่างพอสมควร ในการเตรียมตัวชู้สแต่ว่าชิรายูกิสามารถชู้สได้เลย ตั้งแต่กระโดดขึ้น ตัวฉันเองในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้''

     

    ความน่ากลัวของลูกชู้สนั้น ก็คือการใช้เวลาสัมผัสลูกเพียงไม่กี่วิ แล้วปล่อยออกไปทำให้ปฏิกิริยาผู้เล่นที่เข้ามาบล็อกช้าไป1วิและมันไม่ทันการ มิโดริมะมองไปยังร่างบาง ที่มีสีหน้าราบเรียบไม่มีอาการเหนื่อยหอบใดๆหลังเกมเริ่มได้5นาที

     

    ส่วนไฮซากิที่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมตัวเอง โดนซื้อตัวไปหมดแล้ว กำลังหัวหมุนกับการแข่งที่คิเสะและคุโรโกะพร้อมใจกันสร้างภาระ ให้เขาทำแต้มได้ยากลำบาก ฉับพลันหัวสมองที่คิดแต่เรื่องไม่ดี ก็ผุดแผนการบางอย่างในใจ โดยไม่บอกเพื่อนร่วมทีมของตัวเอง ดวงตาสีเทามองสึบากิด้วยแววตาอันตราย

     

    ตอนนี้แต้มคะแนนของทั้งสองทีม ห่างกันไม่มากโดยทีมสึบากินำอยู่ที่24:20 โดยเหลือเวลาก่อนจะจบควอเตอร์แรกอีก1นาทีเท่านั้น 

    สึบากิกำลังเลี้ยงลูกเดินไปข้างหน้า อย่างไม่เร่งรีบรูปเกมเป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ ไฮซากิที่โดนเธอหลอกให้วิ่งก่อนลงแข่ง เริ่มมีอาการเหนื่อยล้าจากการใช้ร่างกายหนัก และภาระอีกสองคนที่เธอฝากไว้ให้ในทีม

     

    ดวงตาสีฟ้าเข้มหรี่ตัดสินใจก่อนจะส่งลูกให้อาโอมิเนะเริ่มบุก โดยเธอวิ่งหมุนตัวหลบคุโรโกะที่เข้ามาสกีนก่อนจะรับลูกที่อาโอมิเนะเลี้ยงหลบคิเสะที่เข้ามาประกบ

     

    ไฮซากิเข้ามาขวางเธอ จึงคลอสโอเวอร์หลอกล่อด้วยความเร็ว และตั้งท่าชู้สสามแต้มเพื่อปิดเกมในควอเตอร์แรก แต่เป็นจังหวะที่ไฮซากิรอคอยอยู่ก่อนแล้ว ร่างกายสูงกว่าเธอหลายช่วง กระโจนเข้าใส่คนที่ลอยอยู่บนอากาศ

     

    เขาไม่สนใจบล็อกลูกบอลที่ลอยสูง และลงห่วงไปพร้อมกับเสียงสัญญาณสิ้นสุดเกมในควอเตอร์แรก เพราะจุดประสงค์หลักคือร่างบางที่มีสีหน้าปลาตายแต่ม่ายตาเปิดกว้างคู่นั้น

     

    ตุบ!

     

    อุบัติเหตุที่จงใจเกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ทั่วทั้งสนามนิ่งเงียบคุโรโกะและคิเสะ ยืนมองด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม้แต่กัปตันนิจิมุระที่คอยสอดส่องตลอด ก็ไม่คาดคิดว่าไฮซากิจะทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าเขา

     

    ร่างสูงของไฮซากิล้มทับคล่อมร่าง ของสึบากิที่นอนหงายไปกับพื้นสนาม ใบหน้าหล่อร้ายของเขาแนบชิกอยู่ด้านข้างศีรษะร่างบาง ก่อนที่เข้าจะยันตัวอย่างช้าๆ โดยไม่ลืมกระซิบที่ข้างหูร่างบางว่า

     

    ''อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นชิรายูกิจัง เจ้าพวกนั้นปกป้องเธอไม่ได้ตลอดไปหรอกหึหึ''

     

    ลิ้นเปียกชื้นเลียที่ใบหูเล็กๆ เขาสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมอย่างยามใจก่อนจะลุกขึ้นยืนกลับไปยังม้านั่งขอบสนาม

     

    สึบากิตัวตัวแข็งทื่อกับสัมผัสที่ถูกจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าปลาตายที่มีรอยยิ้มน้อยๆหายไปเหลือเพียงแค่ดวงตาสีฟ้าที่เหม่อลอยไร้ความรู้สึก เหมือนกับตอนที่เธอหวาดกลัวสุดขีดในบ้านผีสิง

     

    ''สึบาจินเจ็บตรงไหนรึเปล่า'' บุราซากิบาระที่อยู่ใกล้ เดินมาพยุงร่างบางให้ยืนขึ้น ก่อนจะสำรวจเพื่อดูว่ามีบาดแผลรึเปล่า

     

    ''สึบากิเป็นอะไรมากรึเปล่า'' นิจิมุระเข้ามาดูอาการของร่างบาง มีอาการเหม่อลอยด้วยความเป็นห่วง เขาเอื้อมมือไปจับที่หัวไหล่ร่างบาง 

     

    สึบากิเพียงหันไปมองตามเสียงเรียกแต่ไม่ได้พูดอะไร

     

    นี้มันแย่กว่าที่คิดไว้อีก เขาหันไปมองโค้ชชิโรงาเนะเป็นเชิงของอนุญาต แล้วยุติการแข่งขันนี้ไปก่อนเพราะตอนนี้ที่สำคัญคือสึบากิ นิจิมุระตัดสินใจอุ้มร่างบางที่นิ่งเงียบก่อนจะพาออกนอกโรงยิมไป

     

    ''เฮ้ยไฮซากิเมื่อกี้แกทำอะไรยัยนี่กันแน่ฮ้ะ!!'' อาโอมิเนะยืนมองผู้ช่วยโค้ชที่มีสีหน้าเลื่อนลอย เหมือนคนที่จมลึกอยู่กับอะไรบางอย่างในอ้อมแขนของกัปตัน เขาเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อไฮซากิที่นั่งพักอยู่

     

    ''หา?อะไรกันมันแค่อุบัติเหตุเองนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรยัยนั้นซะหน่อย''

     

    น้ำเสียงยียวนทำเอาอาโอมิเนะเดือดดาล ถ้าไม่ได้ทำแล้วสึบากิที่มีสภาพแบบนั้นมันอะไรกัน ใบหน้าที่ช็อคเหมือนกับตอนออกบ้านสีสิงนั้นทำไมเขาจะจำไม่ได้!!

     

    ''นี่แก!!''

     

    ''พอได้แล้วอาโอมิเนะ'' น้ำเสียงเย็นเยือกจากด้านหลังดังขึ้น อาคาชิเดินเข้ามาห้ามการวิวาทดวงตาสีแดงเข้มกว่าปกติมองไปที่ไฮซากิอย่างคาดโทษ

     

    ''อะไรกันอาคาชินายก็เห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุนะ~"

     

    ใช่เขาเห็นโดยเฉพาะ ตอนที่ไฮซากิลวนลามร่างบาง แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆแต่มันไม่อาจ เล็ดลอดสายตาของเขาไปได้ ราวกับมีความร้อนในอก มันพลุ่งพลานที่เห็นแบบนั้น แล้วสีหน้าที่เหม่อลอย เหมือนตอนนั้นอีกทำให้เขาเดาไม่ยากว่าสึบากิหวาดกลัวมากแค่ไหน

     

    ''นายทำอะไรย่อมรู้ดีไฮซากิ'' อาคาชิกล่าวก่อนจะเดินออกจากโรงยิมไป โดยไม่ฟังเสียงประท้วงของของอาโอมิเนะที่รองกัปตันไม่ยอมลงโทษอะไรคนก่อเรื่อง ส่วนมิโดริมะได้แต่ส่ายหัวเขาเข้าใจการกระทำของอาคาชิแต่เรื่องนี้ไม่สามารถเอามาพูดได้

     

    ไม่ใช่ว่าอาคาชิไม่อยากทำ แต่มันทำไม่ได้หากมีเรื่องนี้ถูกเอาไปพูด คนที่เสียหายที่สุดก็คือสึบากิ ถึงจะน่าเจ็บใจก็ตามแต่บัญชีวันนี้เขาต้องกลับมาสะสาง

     

    'เพราะนายมันอ่อนแอ'

     

    'ไม่ใช่!'

     

    'ความอ่อนแอของนายที่ปกป้องสึบากิไม่ได้'

     

    'มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก'

     

    'หึแล้วฉันจะรอดู'

     

     

     

    ห้องล็อคเกอร์

     

    นิจิมุระค่อยๆหย่อนตัวลงบนม้านั่ง โดยที่เขายังคงอุ้มสึบากิในท่าเจ้าหญิงไว้อยู่ ร่างบางสั่นไหวรุนแรงด้วยความหวาดกลัวแขนเล็กกอดที่คอเขาแน่น ไม่มีเสียงพูดหรือเสียงสะอื้นใดๆ เขาเพียงลูบหลังเล็กๆ เพื่อให้ร่างบางหายเกร็งเครียด ก่อนจะกระชับอ้อมแขนสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้คนถูกกอด

     

    นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นิจิมุระทำอะไรแบบนี้ แต่มันก็นานมากแล้วครั้งล่าสุดน่าจะตอนที่สึบากิอยู่ชั้น ป.5ได้ ที่เขาต้องปลอบใจรุ่นน้องตัวน้อย ที่ในสายตาเขาเธอกลายมาเป็นน้องสาวไปแล้วอีกคนหนึ่ง

     

    ในตอนนั้นสึบากิโดนเพื่อนผู้หญิงแกล้ง ขังให้อยู่ในห้องเก็บของนาน3ชั่วโมง จนถึงเวลากลับบ้านเขาผิดสังเกตจึงออกตามหา และพบสภาพรุ่นน้องที่นั่งกอดเขานิ่งเงียบไม่มีน้ำตารึเสียงร้องใดๆ 

    เมื่อเธอเห็นเขาร่างเล็กทำเพียงเดินมากอดเขาแน่น แล้วพูดแต่ว่าอย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวซ้ำไปมา

     

    หลังจากนั้นรุ่นน้องคนนี้ก็ตามติดเขามาตลอด แม้จะต้องเข้าชมรมบาสในชั้นประถมก็ตาม จนกระทั่งเขาเข้ามาเรียนโรงเรียนเทย์โคว สึบากิที่เลื่อนระดับชั้นมาอยู่ ป6 ก็มีเพื่อนสนิท แต่เธอก็ยังแวะมาชมรมบาส ม.ต้นเทย์โควเวลาว่าง เพื่อที่จะได้กลับบ้านพร้อมกันกับเขาเสมอ

     

    ส่วนเรื่องการกลั่นแกล้ง ดูเหมือนว่าพี่ชายฝาแฝด ชิรายูกิ สึบาสะที่ทราบเรื่องเข้า ก็จะจัดการเรื่องราวทุกอย่างได้หมดจดไม่เหลืออะไรไว้ เขาเพียงทราบว่าเด็กที่รวมหัวกัน กลั่นแกล้งสึบากิได้ย้ายโรงเรียนออกไป หลังเกิดเรื่องไม่กี่วันทำให้ไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งสึบากิอีกเลย

     

    จนกระทั่งวันนี้ที่เขาประมาทไฮซากิมากเกินไป พร้อมกับวางใจเมื่อเห็นเจ้าพวกรุ่นน้องหัวหลากสี สนิทสนมกับร่างบาง ทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัวเลยว่า ลึกๆแล้วตัวตนที่ยังหวาดกลัวและอ่อนแอ ของร่างบางยังคงซุกซ่อนอยู่ในจิตใจ ถึงภายนอกจะเข้มแข็งแต่ภายในนั้นบอกบางราวกับแก้ว

     

    ครืดด ครืดด

     

    เสียงสายเรียกเขา ทำให้นิจิมุระต้องเอื้อมมือซ้ายล้วงเข้าที่ระเป๋ากางเกง ก่อนกดรับสาย ส่วนอีกมือประคองร่างบางที่นั่งอยู่บนตักไว้

     

    ''ว่าไงนะ!!เดี้ยวผมจะรีบไปเดี้ยวนี้!!'' นิจิมุระวางสายก่อนจะลุกขึ้นแต่ต้องชะงักว่า บนตักเขายังมีร่างบางใครบางคนอยู่ที่ตอนนี้หายสั่นแล้ว

     

    ''คุณลุงอาการทรุดหรอ'' นิจิมุระพยักหน้าด้วยความลำบากใจ จะให้ทิ้งสึบากิไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ แต่ว่าอาการของคุณพ่อเองก็น่าเป็นห่วง

     

    ''งั้นไปเถอะฉันไม่เป็นไรแล้ว'' สึบากิเอ่ยเสียงแผ่วเบา มีแต่รู้สึกแย่อยู่บ้างแต่ตอนนี้ต้องทำให้นิจิมุระสบายใจก่อน เพราะเธอรู้ดีว่าเรื่องของคุณพ่อ ของรุ่นพี่หนุ่มคนนี้สำคัญกว่าเรื่องของเธอ

     

    ''แต่ว่าเธอ'' สึบากิส่ายหน้าก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมแขน ก่อนจะเดินไปเปิดล็อกเกอร์หยิบอุปกรณ์อาบน้ำและเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมา แล้เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ โดยไม่ลืมหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ม้านั่งว่า

     

    ''ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วชูโซซังรีบไปเถอะ'' ร่างบางหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว แต่นิจิมุระยังลังเลว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานะการณ์ตอนนี้ มือใหญ่ขยี้หัวไปมาด้วยความหนักใจ

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่นิจิมุระจะเดินไปเปิด

     

    ''นิจิมุระซังเห็นพวกคุณหายไปนาน ผมเลยมาดูว่าแต่สึบากิซังเป็นยังไงบ้าง'' อาคาชิยืนถามพลางกวาดตามองเข้าไปที่ห้อง แต่ไม่พบเงาของร่างบางที่น่าจะอยู่ข้างใน

     

    ''อาคาชิฉันไว้ใจนายได้ใช่ไหม'' นิจิมุระจ้องมองรุ่นนี้ที่ฉลาดเป็นกรด อย่างพิจารณาราวกับจะฝากฝั่งหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้กับคนตรงหน้า

     

    ''เรื่องสึบากิซังอย่างงั้นหรอครับ''

     

    ปกติเขาไม่ค่อยชอบพวกรู้ทัน แต่ตอนนี้มีรุ่นน้องฉลาดนับได้ว่าเบาแรงไปได้เยอะ นิจิมุระคิดในใจ

     

    ''อาแต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ยังไงซะก็ฝากด้วยนะฉันมีธุระต้องรีบไป'' กัปตันหนุ่มที่ฝากหน้าที่แล้วรีบพุ่งตัวออกไป โดยไม่ลืมหันหลังกลับมาบอกแกมข่มขู่รุ่นน้องว่า

     

    ''ยัยนั้นอาบน้ำอยู่ แต่นายห้ามแอบดูเด็ดขาดนะ เข้าใจไหมไม่งั้นฉันเอาตายแน่!'' ก่อนเขาจะรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้อาคาชิมองตามหลังด้วยแววตายากจะคาดเดา อาคาชิขานรับแล้วเดินเข้ามายังห้องล็อคเกอร์ โดยไม่ลืมล็อคประตูก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งเงียบๆ

     

     

     

    เสียงน้ำไหลผ่านร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่นาน ใบหน้าปลาตายเหม่อลอยคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้ มือเล็กลูบไปที่ใบหูไปมา ก่อนถูแรงขึ้นเรื่อย ๆเพื่อต้องการ ลบรอยน่ารังเกียจนั้นจนเป็นรอยแดง ริมฝีปากถูกเม้มแน่นบ่งบอกอารมณ์คลุกรุ่นภายใน

     

    เวลาผ่านไปซักพักสึบากิปิดก็อกน้ำก่อนจะเช็ดตัวให้แห้ง แล้วเดินยังบริเวณที่แขวนเสื้อผ้าเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย ขายาวก้าวเดินออกจากห้องน้ำ โดยไม่ลืมหยิบเสื้อผ้าชุดเก่าที่ เมื่อกลับไปทิ้งถังขยะซักทีหนึ่งระหว่างเดินกลับบ้าน แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครมานั่งอยู่ที่ห้องนี้ตอนนี้

     

    อาคาชิ เซย์จูโร่ เขามาทำอะไรที่นี้ สึบากิที่ปรับอารมณ์กลับมาปกติแล้วคิดในใจ

     

    ''อาคาชิคุง?''

     

    อาคาชิหันไปตามเสียงเรียก ดวงตาสีแดงเข้มสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าเข้ม ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่อาคาชิจะสำรวจการแต่งกายที่ยังดูไม่เรียบร้อยของอีกฝ่าย

     

    ผมยาวกลางหลังที่ยังเปียกชื้น แนบไปกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ที่ติดกระดุมไม่เรียบร้อย แล้วก็กระโปรงสั้นที่ใส่สูงกว่าปกติเผยให้เห็นขายาว ที่ยังไม่ได้สวมถุงเท้าสีดำที่เจ้าตัวมักใส่ประจำ และเท้าเล็กๆเปลือยเปล่านั้นอีก ดวงตาสีแดงจมลึกในห้วงหนึ่งก่อนจะกลับมาปกติ

     

    ''สึบากิซังคุณควรแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้'' อาคาชิกล่าวตำหนิกับความไม่ระมัดระวังตัวของสึบากิ ก่อนจะหันหน้ากลับไปที่เดิมแล้วไม่พูดอะไรอีก 

     

    ส่วนสึบากิที่งุงงงไม่ได้สนใจน้ำเสียงที่ติดจะดูลนๆของอีกฝ่ายก่อนจะสำรวจตัวเอง

     

    มันก็ปกติใส่เสื้อใส่กระโปรงครบ เธอก็แต่งตัวแบบนี้เวลาเร่งรีบออกจากห้องน้ำนิจิมุระซังก็ไม่เคยจะบ่นอะไร

     

    ''อาคาชิมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง'' คนที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสภาพตอนนี้มันดูยั่วยุอีกฝ่าย เดินมาหยุดตรงหน้าพลางหยิบผ้าขนหนูที่อยู่ใกล้ๆ เช็ดผมสีดำที่ยังชื้นและมีหยดน้ำหยดใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่ลู่ไปตามร่างกายท่อนบนเห็นเงาเรือนรางของชุดชั้นใน

     

    อาคาชิขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นยืน ดันร่างบางให้หลังชิดติดกับล็อคเกอร์ จากนั้นเขากางแขนยันล็อคเกอร์ไว้ปิดทางหนีอีกฝ่ายไว้ ก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

     

    สึบากิที่ตอนนี้โดนอาคาชิทำคาเบะด้งใส่ เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ แล้วไหนจะหน้าของอีกฝ่าย ยื่นมาใกล้ชนิดที่ว่าอีกคืบเดียวเท่านั้น

     

    อาคาชิปรางค์โอเรชิ ที่เธอเข้าใจว่าเขาจะสุภาพเสมอ ทำไมกลายมาเป็นพวกถึงเนื้อถึงตัวไปได้ละเนี่ย!

     

    ถึงเธอจะเคยไปกอดอีกฝ่ายก่อนก็เถอะนะ

     

    ความใกล้ชิดที่มากเกินไปนี้ มักจะทำให้สึบากิรู้สึกอยู่แค่สองแบบนั้นก็คือ เฉยๆกับสองหวาดกลัวเหมือนตอนที่ไฮซากิทำ แต่กับอาคาชิคนนี้มันดันมีความรู้สึกอีกแบบ มันไม่ได้น่ากลัวแล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร

     

    เหมือนมีภูติตัวน้อยมุ้มมิ้ง ที่ถือขนนกมาคอยลูบไล้ไปที่หัวใจเธอ แต่ก่อนที่เธอจะฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ต้องหาทางออกจากสถานะการณ์ชวนรู้สึกจั้กจี้หัวใจนี้ก่อน ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรอาคาชิก็ชิงพูดก่อนว่า

     

    ''ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย อย่าลืมว่าฉันยังเป็นผู้ชายอยู่'' มือของเขาสัมผัสใบหูเล็กที่ถูกไฮซากิลวนลาม นิ้วโป้งและชี้คลึงใบหูไปมา ส่วนคนโดนสัมผัส เหมือนมีกระแสไฟบางอย่างแล่นริ้วทำให้รู้สึกชาและร้อนวูบ

     

    สึบากินิ่งเงียบไม่ตอบรับ ก่อนจะหันหน้าหนีการจ้องมองของอาคาชิ ใบหูขาวๆเกิดริ้วแดงจางๆทั้งสองข้าง อาคาชิมองท่าทางน่ารักด้วยความขบขัน ก่อนที่เขาจะขบกัดใบหูแดงๆแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

     

    ''อย่าให้ใครมาสัมผัสอีกเป็นครั้งที่สอง'' เป็นคำสั่งที่ไม่ให้โต้แย้งใดๆ อาคาชิจึงปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ แล้วเดินออกจากห้องล็อคเกอร์ไปโดยไม่หันกลับมามอง

     

    สึบากิยืนนิ่งด้วยความช็อคอีกรอบ แต่รอบนี้มันแตกต่างกว่าทุกที เธอไม่ได้ช็อคจากการหวาดกลัวจนแทบไม่มีสติ แต่รอบนี้เธอช็อคกับท่าทีของอาคาชิจนหัวใจเต้นแรงแทบระเบิด

     

    ตุบ!

     

    ร่างบางทรุดลงกับพื้น โดยใช้แขนซ้ายพยุงตัวไว้กับม้านั่งตรงหน้า ส่วนมือขวากุมไปที่อกซ้ายใกล้หัวใจที่กำลังเต้นด้วยจังหวะแรงผิดปกติ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

     

    วันนี้เธอควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คหัวใจดีไหมนะ สึบากิคิดในใจ

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×