ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 65


     

    Chapter 5

     

    It’s what you do right now that makes a difference.

    สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้นี่แหละที่จะสร้างความแตกต่าง

     

     

     

     

    ''รองเท้าของคุโรโกะคุงเป็นรุ่น Asics Gel hoop duo3สินะคะ'' สึบากิกวาดสายตาไปตามชั้นรองเท้าที่โชว์ตัวอย่างรองเท้ากีฬา รุ่นที่เธอกำลังตามหามีหลากหลายสี ให้เลือกก่อนร่างบางจะสะดุดตากับคู่หนึ่ง ที่เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับคุโรโกะ เธอหยิบมันออกมาจากชั้นก่อนจะยื่นไปให้คุโรโกะที่ยืนอยู่ไม่ไกลลองสวม

     

    ''สวยมากเลยนะครับคู่นี้'' คุโรโกะรับรองเท้าที่ผู้ช่วยโค้ชสาวเลือกมา ให้มันมีสีขาวตัดกับลายเส้นสีน้ำเงินเข้มต้องยอมรับว่าเขาเห็นคู่นี้แล้วถูกใจมาก คุโรโกะเดินมานั่งที่ม้านั่งในร้าน แล้วลองสวมก่อนจะส่องกระจกเพื่อดูความเรียบร้อย

     

    ''เขากับนายดีนะคุโรโกะ'' อาคาชิมองรองเท้าที่เพื่อนร่วมทีมของเขาใส่มันเข้ากับคุโรโกะมาก อาคาชิอดยอมรับสายตาของสึบากิไม่ได้ ถึงพอจะทราบมาบ้างว่าดวงตาสีฟ้าเข้มคู่สวยนั้น และสมองที่วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว 

    เพียงแค่เธอได้รับข้อมูลสำคัญจากโมโมอิ ก็สามารถวิเคราะห์ความชอบอุปนิสัยใจคอของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ นี้คือความสามารถที่ทำให้เธอมาอยู่ ในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชของชมรมบาสโดยไร้ข้อกังขาใดๆ

     

    ''งั้นผมขอตัวไปจ่ายเงินก่อนนะครับ'' คุโรโกะได้รองเท้าที่ถูกใจไม่รอช้ารีบเดินแจ้งรุ่นและสีรองเท้าที่เขาต้องการเพื่อชำระเงิน พนักงานยิ้มแย้มเดินหายไปด้านหลังร้าน

     

    อาคาชิเหล่มองไปยังสึบากิที่เดินหายขึ้นไปชั้น2ของร้าน แล้วคาดว่าเธอคงเดินหารองเท้าบาสให้กับเขาอยู่ เขากวาดตามองโดยรอบร้านมีลูกค้าไม่กี่คนที่กำลังเลือกรองเท้า ร้านรองเท้าร้านนี้ที่ร่างบางพาเขาและคุโรโกะ เข้ามากลับอยู่ในซอกหลืบลึกลับในย่านการค้าที่มีร้านขายรองเท้าเรียงติดกันมากมาย

     

    ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาเองก็น่าจะเป็นขาประจำของร้าน แถมราคาค่อนข้างดีกว่าร้านอื่น ๆที่เขาเคยมาเดินเลือกซื้อถึง20% อาจจะเป็นเพราะด้วยทางร้านไม่ต้องเช่าที่ติดถนนทางเดินที่ราคาแพง 

    แต่มาเปิดร้านที่อยู่ลึกเข้ามาจากถนนทางเดินพอสมควร ทำให้ขายสินค้าได้ในราคาถูกกว่าเจ้าอื่น แม้จะมีคนรู้น้อยแต่ก็จะมีลูกค้าประจำเข้ามาซื้อรองเท้าอย่างสม่ำเสมอ

     

    ''ที่นี้ไม่มีรุ่นที่อาคาชิคุงใส่ประจำงั้นเราไปดูร้านที่2กันนะคะ'' สึบากิเดินลงจากชั้น2 เธอมาหยุดตรงหน้าอาคาชิที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่ง ก่อนจะมองไปทางคุโรโกะที่ถือถุงกระดาษเป็นอันว่าจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว

     

    ''งั้นไปต่อกันเลยนะ'' อาคาชิลุกขึ้นยืนก่อนจะเว้นที่ ให้สึบากิเดินนำทางไปยังร้านต่อไปโดยมีคุโรโกะที่มีสีหน้าปลื้มปริ่มกับรองเท้าคู่ใหม่ ที่ถูกใจสุดๆเดินตามหลังมา

     

    สึบากิเดินฮัมเพลงตลอดทางเธอพา2หนุ่มเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามตรอกแคบๆ ที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาเบาบาง ผิดจากตรงหน้าถนนทางเดินที่เริ่มแอดอัดไปด้วยผู้คนเนื่องจากเป็นวันหยุด ผู้คนมักจะออกมาเดินเล่นตามย่านการค้า ซึ่งไม่ไกลจากหน้าสถานีรถไฟแห่งนี้

     

    สึบากิหยุดเดินเมื่อมาถึงที่หมายด้านหน้าของเธอ คืออาคารเก่า5ชั้นที่แต่ละชั้นแยกเป็นแต่ละร้านออกจากกันแต่รวมอยู่ในอาคารเดียวกัน 

    มีบันไดด้านข้างตัวตึกเล็กๆให้พอคนเดินสวนขึ้นลงได้ ส่วนร้านเป้าหมายของเธอนั้นอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารนี้ก็คือชั้นดาดฟ้า…แต่เธอยังไม่ได้บอก2หนุ่มที่เดินตามมา

     

    ''ชิรายูกิซังคุณแน่ใจนะครับว่ามีร้านรองเท้าอยู่ที่นี้'' คุโรโกะที่ไล่ดูตามป้ายโฆษณาแต่ละชั้นไม่มีชั้นไหนที่มีชื่อใกล้เคียงที่จะขายรองเท้าได้เลย อาคาชิเองที่สำรวจไปทั่วทั้งป้ายแนะนำร้านแต่ละชั้นและอื่น ๆก็ไม่พบอะไรที่น่าจะบ่งบอกว่าเป็นร้านรองเท้าได้ ทั้งคู่หันไปมองคนนำทาง

     

    ''อย่าเพิ่มสงสัยตามฉันมาก่อนนะคะของดีมักหายากหน่อย'' สึบากิตัดบทก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดไป อาคาชิและคุโรโกะหันไปสบตากัน ก่อนที่อาคาชิจะเดินนำตามร่างบางไปทำให้คุโรโกะต้องรีบเดินตาม

     

    อาคาชิเริ่มชักจะสงสัยแล้วสิว่าทั้งโมโมอิและสึบากิสองคนนี้ ไปเสาะหาข้อมูลร้านรองเท้าลึกลับนี้มาได้ยังไงกัน ร้านรองเท้าที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ เป็นร้านที่เปิดขายอยู่บนดาดฟ้าของตึก5ชั้นซึ่งความพิเศษของร้าน ตั้งแต่ไม่มีป้ายนำทางแล้วยังรวมไปถึง ลูกค้าที่จะมาซื้อต้องมีคีย์การ์ดของสมาชิกเพื่อใช้เปิดประตูร้านเข้ามา

     

    หรือหากจะมีลูกค้าหน้าใหม่เช่นเขาและคุโรโกะ จะต้องมีคนที่มีคีย์การ์ดพาเข้าร้านมาเท่านั้น จะให้พูดถึงบรรยากาศของร้านมันเหมือนร้านคาเฟ่มากกว่าร้านขายรองเท้า เพราะเมื่อเดินเข้ามาอย่างแรกที่พวกเขาพบ คือห้องที่มีโต๊ะอยู่ประมาณ3โต๊ะมีลูกค้าที่นั่งดื่มชาอยู่2คน

     

    ทางขวาเป็นเคาเตอร์เครื่องดื่มจำพวกน้ำชา กาแฟและน้ำผลไม้ มีพนักงานยืนคอยรับออเดอร์ แต่ที่อาคาชิพอจะให้สังเกตคือลูกค้าที่นั่งอยู่มีถุงกระดาษใบใหญ่ พิมพ์โลโก้เดียวกับโลโก้ที่อยู่ด้านหลังเคาเตอร์ขายน้ำที่มีกล่องรองเท้าอยู่ข้างใน

     

    สึบากิเดินไปคุยกับพนักงานที่หน้าเคาเตอร์ส่วนอาคาชิและคุโรโกะมานั่งดื่มชาที่พนักงานอีกคนเดินมาเสิร์ฟ พวกเขานั่งตรงโต๊ะที่ว่างถัดจากโต๊ะที่มีลูกค้านั่งอยู่ก่อนแล้ว

     

    ''เป็นร้านขายรองเท้าที่ผมเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ครั้งแรกเลยนะครับ'' คุโรโกะมองไปรอบๆร้านด้วยความสนใจของตกแต่งร้านส่วนใหญ่ ถ้ามองดีๆจะมีพวกรูปนักกีฬาบาสคนดังพร้อมลายเซ็นหรือไม่ก็มีลูกบาสที่ตั้งโชว์ไว้

     

    คุโรโกะเคยไปพวกคาเฟ่มาบ้างแต่ละร้าน จะมีธีมตกแต่งดึงดูดลูกค้าแต่ละประเภท แต่ที่เขาไม่เคยเห็นคือร้านที่มีธีมตกแต่งเกี่ยวกับ กีฬาบาสเก็ตบอลแบบนี้ ที่สำคัญร้านนี้เป็นร้านขายรองเท้าไม่ใช่ร้านคาเฟ่!

     

    ''อาคาชิคุงคุโรโกะคุงขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ'' สึบากิเดินมาเรียก2หนุ่มก่อนนะทางเดินเข้าไป ผ่านประตูอีกชั้นหนึ่งซึ่งประตูนี้พนักงานจะเป็นคนมาเปิดให้

     

    หลังประตูบานนั้นเป็นห้องสีขาวสะอาดตา มีรองเท้าหลากหลายยี่ห้อเรียบรายอย่างเป็นระเบียบ ซ้ายขวามีกล่องรองเท้าซ้อนกันสูงถึงคอของเขาพร้อม แต่ละกล่องเขียนรายละเอียดชื่อรุ่นสีและขนาดไว้ 

    โดยแต่ละยี่ห้อที่จะมีล็อคแถวเป็นของตัวเอง มีเพียงทางเดินแคบๆขนาดที่คนเดินผ่าน และนั่งเลือกหารองเท้าที่ตัวเองต้องการเท่านั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนห้องสะสมรองเท้าขนาดใหญ่มากกว่าร้านขายรองเท้า

     

    ''ฉันมักมาที่นี้ประจำเพราะว่ามีรองเท้ารุ่นใหม่ ที่มีไซส์หรือสีหายากมาลงขายค่ะ แต่ของก็จะมีน้อยด้วยเช่นกันซึ่งแต่ละรอบที่เข้าใหม่ เราต้องรีบมาดูก่อนเพราะทางร้านจะขาย ให้ราคาถูกกว่าหน้าร้านอื่น25%ค่ะ'' 

    สึบากิอธิบายให้ทั้งคู่ฟังพลางเดินหาตรงไปล็อคแถวที่2 ไม่ไกลซึ่งเขียนชื่อยี่ห้อรองเท้าที่อาคาชิใช้ใส่ประจำ ก่อนจะเดินกวาดตาหารุ่น สี และไซส์

     

    ''คิดไม่ถึงว่าจะมีที่แบบนี้แอบอยู่สึบากิซังคุณไปเจอร้านได้ยังไง'' อาคาชิอดเอ่ยถามไม่ได้เพราะร่างบางไม่ได้เล่นกีฬาบาส ถึงจะเป็นผู้ช่วยโค้ชแต่เขาก็ไม่เคยเห็นสึบากิเล่นบาสเลยซักครั้ง การที่ร่างบางถึงขั้นมีคีย์การ์ดสมาชิก เพื่อซื้อรองเท้าบาสได้มันค่อนข้างจะแปลก

     

    ''อ้อนิจิมุระซังลากฉันมาช่วยเลือกซื้อรองเท้าบาสให้บ่อยๆ บางครั้งที่ไม่ว่างใช้ให้ฉันมาซื้อแทนจนทางร้านออกบัตรสมาชิกให้ฉันด้วย ส่วนถ้าถามว่านิจิมุระซังเป็นสมาชิกร้านนี้ ได้ยังไงอันนี้ต้องไปถามเจ้าตัวนะคะ'' 

    สึบากิร่ายยาวโดยไม่พักหายใจ เธอเล่าจุดเริ่มต้นแล้วละบางจุดเอาไว้ อย่างเรื่องที่เธอก็มาซื้อรองเท้าบาสของตัวเองพร้อมนิจิมุระอยู่บ่อยๆ

     

    ''กัปตันนิจิมุระนี้สุดยอดไปเลยนะครับหาร้านแบบนี้ได้'' คุโรโกะมองไปเห็นล็อครองเท้ายี่ห้อที่เขาชอบถัดไปอีก5แถวถึงขอตัวไปเดินดู อาคาชิขานรับหนึ่งคำก่อนจะหันมามองร่างบางที่ง่วนอยู่กับการหารองเท้าให้เขา

     

    ''อ้ะ!เจอแล้ว!'' เสียงใสเรียกความสนใจจากอาคาชิให้หันไปมอง สึบากิพยายามดึงกล่องที่3นับจากบนสุด แต่กล่องที่เรียงติดกันค่อนข้างแน่นเธอจึงต้องยกกล่องที่1และ2ออกมา 

    โดยมีอาคาชิช่วยถือจากนั้นร่างบางถือกล่องที่ต้องการออกมา แล้วเว้นที่ให้อาคาชินำกล่อง2ใบในมือวางเข้าที่เดิม

     

    ร่างบางเดินนำออกจากบรรดากล่องรองเท้าที่เรียงไป หยุดที่มุมหนึ่งของห้องที่มีม้านั่งและกระจกเพื่อให้ลองสวมรองเท้า สึบากิผายมือเป็นการสื่อให้อาคาชิมานั่งลองสวม 

    เมื่ออาคาชินั่งลงเขาคลายปมรองเท้าเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามาเห็น สึบากินั่งคุกเข่าเปิดกล่องรองเท้าแล้วหยิบรองเท้าสีขาวลาคาดสีแดงเข้มมาวางข้างหน้า

     

    ''หวังว่าจะถูกใจนะคะ'' สึบากิกล่าว เอาจริงๆเธอไม่ค่อยแน่ใจว่าอาคาชิจะชอบมันไหมข้อมูลความชอบของตัวละครในมังงะ เธอไม่ได้ใส่ใจมากนักอย่างเช่นพวกยี่ห้อรองเท้าอะไรพวกนั้นเธอจะจำแต่พวกนิสัยใจขอของอีกฝ่ายมากกว่า เมื่อคืนจึงต้องรบกวนให้โมโมอิรวบรวมข้อมูลยี่ห้อรองเท้ามาให้

     

    ส่วนสีเธอเลือกให้จากความทรงจำลางๆ ที่อาคาชิเคยใส่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวล้วนลายเส้นสีแดงไม่ก็สีฟ้าอ่อนๆ แต่อาคาชิในชีวิตจริงจะชอบไหมมันก็อีกเรื่องละนะบางทีเขาอาจจะชอบสีดำสนิทแบบอาโอมิเนะก็ได้

     

    ''สึบากิซัง'' เสียงทุ่มเอ่ยเรียก

     

    ''อ้ะขอโทษค่ะ'' สึบากิกะพริบตาเพื่อปรับโฟกัส ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังเว้นที่ให้อาคาชิยืนขึ้นเพื่อดูรองเท้าคู่ใหม่ที่สวมอยู่ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองในความคิดเธอคนแบบอาคาชินี้ ใส่อะไรมันก็ขึ้นละนะเรียกว่าของแบบนี้อยู่ที่ไม้แขวนมากกว่า

     

    ''สึบากิซังถ้าจะชำระเงินต้องไปที่ไหน'' หืม? สึบากิเลิกคิ้วขึ้นแปลกใจในความคิดเธอท่านชายอาคาชิน่าจะเรื่องเยอะมากกว่านี้ แต่เขากลับเป็นคนที่ง่ายๆกว่าที่คิดไว้ รึว่าเขาจะไม่อยากให้เสียน้ำใจที่เธอเลือกให้กันนะ

     

    ''ถ้าไม่ชอบบอกฉันได้ตามตรงนะคะ เดิมทีฉันมาเลือกให้อาคาชิคุงลองโดยไม่ถามความคิดของคนจะใช้ก่อนแบบนี้…''

     

    ''ไม่ใช่แบบนั้นฉันชอบมันมาก'' อาคาชิส่ายหัว เขาตอบตามจริงเขาค่อนข้างถูกใจรองเท้าคู่นี้มาก ดวงตาสีแดงจ้องมองไปยังคนหน้าปลาตายที่ขมวดคิ้ว ก่อนที่ร่างบางจะยอมแพ้หลบสายตาเขาแล้วเดินไปที่ชั้นใกล้ๆ หยิบถุงกระดาษใบใหญ่ออกมายื่นให้เขารับ

     

    ''อาคาชิคุงถอดรองเท้าเก็บเข้ากล่องแล้วนำมาใส่ถุงกระดาษอันนี้จากนั้นถือออกไปชำระเงินที่เคาเตอร์ขายน้ำได้เลยค่ะ'' อาคาชิรับถุงกระดาษจากร่างบาง เขาทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงสึบากิขอตัวไปดูรองเท้าแถวอื่น ๆโดยในมือของเธอถือถุงกระดาษอีกใบไปด้วย

     

    ''อาคาชิคุงได้รองเท้าแล้วหรอครับ''คุโรโกะที่เดินสำรวจกลับมาพอดี กับที่อาคาชิจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย เขามองถุงกระดาษในมืออีกฝ่าย

     

    ''อาแต่เหมือนว่าสึบากิซังจะซื้อรองเท้าเพิ่ม''

     

    ''เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมคะ''

     

    สึบากิที่หายตัวไป10นาที เดินออกมาเจอ2หนุ่มที่ยืนรออยู่ในมือเธอมีถุงกระดาษ ที่ภายในมีกล่องรองเท้าบาส2กล่องด้วยความทุลักทุเล

     

    อาคาชิและคุโรโกะขานรับก่อนที่ทั้ง3จะเดินออกจากห้องสีขาวนี้เพื่อไปชำระเงินที่เคาเตอร์ขายน้ำ และออกจากตึก5ชั้นอันลึกลับแห่งนี้ เพื่อกลับไปยังจุดนัดพบคนอื่น ๆเมื่อเช้าตามเวลาที่ตกลงกันไว้

     

     

    ''เน้ๆช่วงบ่ายทุกคนไม่มีธุระไปไหนกันใช่ไหม'' โมโมอิเปิดประเด็นท่ากลางวงกินข้าวกล่องที่สึบากิทำมาให้ทุกคน ซึ่งเธอนำไปฝากไว้ที่กล่องรับฝากของอัตโนมัติในสถานีรถไฟ 

    เมื่อเช้าก่อนจะแวะไปเอาแล้วฝากรองเท้าที่ซื้อมาใส่เข้าไปแทนตอนนี้พวกเขาทั้ง7คนนั่งหลบแดดใต้ต้นไม้ ในสวนสาธารณะไม่ไกลจากสถานีรถไฟ

     

    ดวงตาสีชมพูระยิบระยับอย่างมีแผนการในใจ

     

    ''หา~ไม่ใช่ว่าวันนี้เรามาแค่ซื้อของเท้าหรอซัทสึจิน'' มุราซากิบาระเอ่ยขณะที่เขาคีบกุ้งเทมปุระเข้าปาก กับข้าวฝีมือสึบากินอร่อยจังเลย~

     

    ''เธอคงไม่ได้หลอกพวกเราพาไปที่แปลกๆหรอกนะโมโมอิ'' มิโดริมะมองท่าทีระริกของเพื่อนสาวอย่างไม่ไว้ใจพลางคีบสลัดผักกิน

     

    ''ช่วงบ่ายวันนี้ผมว่างครับ'' คุโรโกะตอบ

     

    ''ไม่เอาอ่ะอยากกลับบ้านไปนอนแล้ว''อาโอมิเนะที่กินข้าวอิ่มแล้วอ้าปากหาว มุมปากมีเม็ดข้าวติด สึบากิที่เห็นอดหัวเราะๆเบาไม่ได้

     

    ''เอ้!ไดจังแบบนี้ก็ไม่สนุกสิไม่รู้แหละ วันนี้นายต้องไปด้วย!!'' 

     

    แล้วจะถามความคิดเห็นของเขาทำไมละเนี้ยซัทสึกิ!!อาโอมิเนะบ่นในใจ กับความเอาแต่ใจของเพื่อนสมัยเด็กคนนี้ 

     

    ''คร้าบๆ''

     

    ''แล้วอาคาชิคุงกับสึบากิจังหล่ะว่างใช่ไหมบ่ายนี้'' สึบากิที่กำลังส่งแก้วน้ำชาให้อาคาชิชะงัก ก่อนจะหันมาตอบโมโมอิว่า

     

    ''ช่วงบ่ายนี้ว่างค่ะส่วนนี้นำ้ชาค่ะอาคาชิคุง''

     

    ''วันนี้ฉันเองก็ไม่มีธุระอะไรต่อ'' อาคาชิรับแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาแตะจมูกหลังดื่มลงคอ ให้ความเย็นสดชื่นจากภายในช่วยคลายร้อยได้ดี 

    เขาหันไปมองร่างบางที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความสนใจ นอกจากทักษะด้านการเรียนและอื่น ๆแล้ว ดูเหมือนสึบากิจะมีทักษะด้านการทำอาหารและการชงชาที่ดีมาก เรียกได้ว่าเพียบพร้อม…

     

    ''เป็นชาเก็กฮวยค่ะ เห็นวันนี้อากาศน่าจะร้อน ฉันเลยพกมาด้วยช่วยคลายร้อนได้ดี'' สึบากิอธิบายเพิ่มเติม เมื่อเห็นอาคาชินิ่งไปหลังดื่มชา

     

    ''อะไรกันทำไมสึบาจินให้แต่อาคาจินขอชาให้ฉันบ้างสิ~'' เสียงงอแงจากไททั่นม่วงทำให้สึบากิต้องหันไปมอง ก่อนจะเทชาใส่แก้กระดาษให้อย่างเอาใจ ''จ้าๆ''

     

    ''มีใครสนใจจะรับไหมคะฉันเตรียมมาให้ทุกคน'' สึบากิกวาดตามองไปรอบวง 

     

    ทุกคนพร้อมใจกันยื่นแก้วกระดาษมาให้เธออย่างพร้อมเพรียง จนคนจะบริการเหงื่อตกกับท่าทีเด็กน้อยตาแป๋วทั้งหลายจากแก็งค์หัวหลากสี ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเป็นครูอนุบาล ที่มีเด็กยื่นแก้วให้รินนมดื่มช่วงพักกลางวันซะอย่างงั้น!!

     

    ''ใจเย็นๆกันนะคะมีพอสำหรับทุกคนแน่นอน'' อาคาชิหัวเราะในลำคอให้กับสึบากิที่รับมือความเอาแต่ใจของบรรดาเพื่อนร่วมทีมของเขา และต้องหยุดลงเพราะสึบากิหรี่ตามามองเขาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันรินชาให้มิโดริมะด้วยสีหน้าปกติของเจ้าตัว

     

     

     

    ''ซัทสึกิที่นี้เป็นที่สนุกที่เธอว่ามาหรอ?'' อาโอมิเนะหันไปถามเพื่อนสมัยเด็กที่เดินเข้ามาพร้อมกัน ข้อมือสวมกำไลสำหรับใช้เป็นบัตรผ่านเล่นเครื่องเล่น

     

    ''มันก็ต้องสนุกอยู่แล้วสิเพราะที่นี้คือสวนสนุกนี้หน่า~'' โมโมอิกล่าวอย่างร่าเริง ถึงแม้มุกตลกจะฝืดไปบ้างก็ตาม

     

    ''ไม่คิดว่าแถวนี้จะมีสวนสนุกใกล้ๆ'' มิโดริมะมองไปรอบอย่างแปลกใจ เขาเดินทางผ่านย่านนี้บ่อยแต่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีสวนสนุกเพิ่งเปิดใหม่มาก่อน

     

    ''เป็นสถานที่ที่น่าสนใจดีนะ''อาคาชิกวาดตาไปมองรอบๆอย่างสนใจ ส่วนใหญ่แล้วเขาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมาเที่ยวสวนสนุกแบบนี้เท่าไหร่ เพราะช่วงเสาร์อาทิตย์เขามักจมกับกองเอกสาร หรือไม่ก็ไปขี่ม้าเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

     

    ''อาคาชิคุงเพิ่งเคยมาสวนสนุกเป็นครั้งแรกหรอครับ'' คุโรโกะที่ช่างสังเกตคำพูดของอาคาชิเอ่ยถาม

     

    ''อา''อาคาชิพยักหน้ารับ สร้างความตกตะลึงให้กับคนอื่น ๆไม่น้อย

     

    ''งั้นอาคาจินงั้นเราไปลองเล่นไอนั้นกันเถอะนะ~'' มุราซากิบาระที่หายไปซื้อสายไหมมากล่าวพลางชี้ไปเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว อันเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของที่นี้ รถไฟเหาะ

     

    ''อัตสึชิคุงฉันว่าเราไปเล่นอะไรที่เบาๆก่อนไหมคะ'' สึบากิเสนอทางเลือกใหม่อยู่ จะให้คนไม่เคยมาเล่นเครื่องเล่นเลย จัดชุดใหญ่ มีหวังได้อ้วกหมดเสียภาพลักษณ์ท่านชายอาคาชิแน่ๆ

     

    ''อาใช่ๆงั้นพวกเราไปเล่นถ้วยหมุนกันก่อนดีไหม?'' โมโมอิตอบรับขอเสนอของเพื่อนสาวอย่างไว เพราะในแผนของเธอไม่มีรถไฟเหาะอยู่ในแผนการที่วางไว้

     

    ''เอาไงก็ได้หาว~''อาโอมิเนะยืนหาวตอบรับ

     

     

     

    เสียงดนตรีเป็นจังหวะถ้วยน้ำชาขนาดใหญ่หมุนไปมา เป็นวงกลมด้วยความเร็วคงที่มีร่างสองหนุ่มสาวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยมีร่างบางคอยควบคุมความเร็วในการหมุน ไร้บทสนทนาทั้งสองมีเพียงมือขาวผ่องหมุนบังคับแกนกลาง โดยมีชายหนุ่มนั่งจ้องมองการทำงานของถ้วยหมุนอย่างสนใจ

     

    ''อาคาชิคุงสนใจกลไกลของมันหรอคะ?'' สึบากิเอ่ยถามก่อนจะแกล้งอีกฝ่ายโดยหมุนแกนให้เร็วขึ้น

     

    ''อา'' อาคาชิขานรับเขานั่งพิงกอดอดมุมปากยกยิ้ม เหมือนรับรู้ว่าร่างบางแกล้งเร่งความเร็วของถ้วย ส่วนคนโดนจับได้ไม่หวันไหวกับรอยยิ้มพิฆาตนารีแต่อย่างใด เธอหลบสายตาก่อนหันไปมองเพื่อนคนอื่น ๆที่จับฉลากจับคู่นั่ง

     

    มุราซากิบาระได้นั่งกับคุโรโกะคุง ส่วนโมโมอิ อาโอมิเนะและมิโดริมะนั่งอยู่อีกถ้วยที่ดูเหมือนทั้ง2ทีมจะแข่งกันว่าใครหมุนเร็วกว่ากันอยู่ จนสึบากิอดขบขันและเผลอยิ้มออกมา โดยไม่ทันได้รู้เลยว่ามีใครบางคนจ้องมองรอยยิ้มอยู่

     

     

    ''โอ้กกก''อาโอมิเนะที่ปล่อยของในท้องใส่ถังขยะจนหมด

     

    ''เป็นอะไรมากไหมไดจัง'' โมโมอิที่นั่งลูบหลังเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะยื่นน้ำเปล่าให้คนที่นั่งหมดสภาพดื่มล้างปาก

     

    ''ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าหมุนเร็วเกินไปอาโอมิเนะ'' มิโดริมะที่ไปรอรับยาแก้เวียนหัวจากแผนกปฐมพยาบาล ยื่นให้เพื่อนผิวเข้มกิน อาโอมิเนะรับยาและดื่มน้ำตาม ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีคุโรโกะประคองไว้

     

    ''มิเนะจินนี้อ่อนจังเลยนะสู้คุโระจินก็ไม่ได้~'' มุราซากิบาระที่นั่งอยู่ข้างๆสึบากิ มองเอซของทีมที่คุโรโกะประคองนอนที่ม้านั่งถัดไป อย่างหมดสภาพเพราะเล่นถ้วยหมุน

     

    ''ถ้ารู้ว่าร่างกายทนไม่ไหว. นายไม่ควรหมุนแรงแบบนั้นนะอาโอมิเนะ'' อาคาชิตำหนิกับความเล่นสนุกจนเกินขอบเขต ของเพื่อนผิวเข้มจนหมดสภาพ

     

    ''แล้วแบบนี้จะเอายังต่อกันดีละคะ คงต้องมีใครซักคนดูแลอาโอมิเนะคุง'' สึบากิที่เพิ่งดื่มโคล่าเสร็จมองไปยังคนอื่นๆ

     

    ''เดี้ยวฉันดูแลไดจังเองสึบากิจังกับคนอื่น ๆพาอาคาชิคุง ไปเล่นเครื่องเล่นอื่นก่อนเลย ถ้าไดจังดีขึ้นแล้วฉันจะโทรหานะ'' โมโมอิเสนอตัวเป็นอันว่าตามนี้

     

    ''แต่จะให้โมโมอิอยู่ดูคนเดียวมันอันตรายนะคะ''

     

    ''งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนโมโมอิซังด้วยคนครับ'' คุโรโกะที่นั่งอยู่ข้างอาโอมิเนะเสนอตัว เขาเองก็อดเป็นห่วงทั้ง2คนไม่ได้ ทุกคนที่เหลือจึงวางใจ ก่อนจะหันมาตกลงว่าจะไปเล่นเครื่องเล่นอะไรต่อ

     

     

    ''จากที่ดูแผนที่ไม่ไกลจากตรงนี้ มีไวกิ้งและรถไฟเหาะอยู่ นายอยากเล่นอันไหนก่อนอาคาชิ'' มิโดริมหยิบแผนที่มากางดู เสนอทางเลือกให้อาคาชิที่เพิ่งเคยมาสวนสนุก ครั้งแรกเป็นคนตัดสินใจ

     

    ''รถไฟเหาะ~รถไฟเหาะ~นะอาคาจิน~'' มุราซากิบาระได้โอกาสออดอ้อนรองกัปตัน ให้เลือกเครื่องเล่นที่เขาหมายตามาตั้งแต่เดินเข้ามา

     

    อาคาชิถอนหายใจแต่ก็พยักหน้าตกลง ตามคำขอร้องของไททันม่วง คนถูกตามใจดีใจจนออกนอกหน้า หันมาจับมือสึบากิชูขึ้นพร้อมร้องไชโย โดยสึบากิไม่ทันได้ขัดขืนแต่อย่างใด เธอเพียงกะพริบตาปริบๆ

     

    ''งั้นตกลงตามนี้แล้ว ชิรายูกิเธอไหวแน่นะรถไฟเหาะ'' มิโกริมะหันมาถามร่างบางอย่างเป็นห่วง ถึงชิรายูกิจะไม่ใช่ผู้หญิงร่างกายอ่อนแออะไร แต่ก็ประมาทไม่ได้ดูอย่างอาโอมิเนะ ที่เป็นนักกีฬายังสิ้นสภาพด้วยถ้วยหมุนได้เลย

     

    ''สบายมากเลยค่ะ ฉันเคยเล่นเครื่องเล่นที่นี้มาครบหมดแล้ว'' สึบากิหยิบสมุดเก็บสแตมป์ที่จะได้รับแจก ตอนซื้อตั๋วออกมาโชว์ตราปั้มรับรองว่าได้เล่น เครื่องเล่นในสวนสนุกนี้เกือบครบเป็นหลักฐานยืนยัน แต่ยังเหลือเพียงอย่างเดียวที่ยังไม่ได้นั้นก็คือบ้านผีสิงที่เธอคงไม่คิดจะเข้าแน่ๆ

     

    ''แต่ทำไมสึบาจินไม่เข้าบ้านผีสิงหล่ะ'' มุราซากิบาระถาม ทำเอาสึบากิตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนจะตอบว่า

     

    ''พอดีวันนั้นเวลาหมดก่อน เลยยังไม่เล่นค่ะแต่รอบนี้มากับทุกคน ฉันว่าจะตั้งใจสะสมใหม่ให้ครบไปพร้อมกัน'' น้ำเสียงใสดูจะแข็งๆผิดปกติเมื่อพูดถึงบ้านผีสิง 

    แต่ไททันม่วงไม่ได้ติดใจสงสัยแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ใจเข้าลอยไปที่รถไฟเหาะตรงหน้าแล้ว เว้นแต่อาคาชิและมิโดริมะที่จับเค้าลางได้

     

    ทั้ง4คนเข้าแถวเพื่อเล่นเครื่องเล่นอยู่นาน ก่อนจะถึงรอบได้เล่นไททันม่วงและมิโดริมะ โดนเชิญให้นั่งแถวท้ายขบวนรถไฟ เนื่องจากความสูงทั้งคู่บดบังวิวของคนอื่น ส่วนสึบากิและอาคาชิได้นั่งอยู่ช่วงกลางขบวน

     

    ''ขอให้สนุกนะคะอาคาชิคุง'' ผู้ช่วยโค้ชสาวกล่าวสื่อนัยบางอย่าง ระหว่างที่รถไฟเคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดสูงสุด อาคาชิหันไปมองคนพูดที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ แต่ไม่ทันพูดอะไรกลับรถไฟก็ทิ้งดิ่งตามแรงโน้มถ่วงมาก่อน ทั้งขบวนมีเสียงร้องลั่นไม่เว้นแม้แต่สึบากิ ที่วันนี้เธอดูผ่อนคลายส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนาน

     

    อาคาชิจ้องมองสึบากิที่ส่งเสียงร้องยามเมื่อรถไฟ เคลื่อนหมุนควงหรือทิ้งดิ่งลงมาอีกรอบ รอยยิ้มสนุกสนานปรากฎขึ้นบนใบหน้าสวยที่ตามปกติ นอกจากใบหน้าง่วงนอนแล้วก็มีเพียงใบหน้าปลาตายอยู่ตลอดแต่ วันนี้เธอกลับยิ้มกว้างส่งเสียงร้องอย่างหมดมาด เขามองรอยยิ้มกว้างนั้นก่อนจะเผลอยิ้มตามโดนไม่รู้ตัว

     

    ''ไปต่อกันเลยไหมคะหนุ่มๆ'' หลังเดินลงมากจากเครื่องเล่น สึบากิคล้ายจะถูกจุดไฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสขัดกับใบหน้าปลาตายที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย ระหว่ารอผู้ชายทั้ง3ให้เจ้าหน้าประทับตราใส่สมุด

     

    ''เอาสิวันนี้ฉันอยากลองให้ครบทุกอย่าง'' อาคาชิที่มักทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ รับคำท้าเขามองสมุดที่มีตราประทับอันที่2 ประกายความสนุกพาดผ่านดวงตาสีแดง เป้าหมายคือต้องสะสมให้ครบให้ได้

     

    ''เห้เอางั้นก็ได้~'' มุราซากิราบะพยักหน้าตกลง ส่วนมิโดริมะทำเพียงขยับแว่นไม่แย้งอะไรเป็นอันรับข้อเสนอ

     

    ''งั้นตามมาเลยค่ะ''สึบากิยิ้มก่อนจะเดินนำไปยังเครื่องเล่นจุดหมายต่อไป โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของตัวเองสร้างดาเมทไว้ให้ใครบ้าง

     

     

     

     

    16.00น.

     

     

    ''เอาอย่างงั้นแล้วกันค่ะ…ค่ะ…แล้วเจอกันนะคะโมโมอิจัง''

     

    สึบากิวางสายก่อนจะหันมาแจ้งให้ทุกคนทราบว่า ตอนนี้อาโอมิเนะอาการดีขึ้นมากแล้ว กำลังเดินมายังเครื่องเล่นสุดท้าย นั่นก็คือชิงช้าสรรค์ ซึ่งตอนนี้เธอและอีก3คนกำลังนั่งพักดื่มน้ำกัน อยู่ไม่ไกลจากเครื่องเล่นมากนัก หลังจากที่เร่งรีบเล่นเครื่องเล่นทั้งหมดเพื่อสะสมตราประทับให้ได้ครบภายในวันนี้

     

    ''อาเหนื่อยจังฉันยังไม่เคย เร่งรีบเล่นเครื่องเล่นให้ครบทั้งหมดแบบนี้มาก่อนเลย'' มุราซากิราบะนั่งพักอย่างอ่อนแรง

     

    ''ที่เราต้องรีบเพราะนายดันขอแวะ ไปพักกินขนมไม่ใช่รึไงบุราซากิบาระ'' มิโดริมะบ่นเพื่อนร่วมทีมที่มักจะคอย แวะกินขนมหรือน้ำดื่มอยู่บ่อยครั้งทำให้เสียเวลาไปมาก

     

    ''เอาหน่านี้ก็เครื่องเล่นสุดท้ายแล้วนะคะ ถึงจะไม่ทันบ้านผีสิงก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ'' สึบากิเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ลึกเธอแอบขอบใจไททันม่วง ที่ถ่วงเวลาให้จนน่าจะไม่ต้องเข้าไปเล่นบ้านผีสิงพอดี

     

    ''ไม่หรอกเรายังได้ไปเล่นบ้านผีสิงได้ทัน โดยเราเปลี่ยนไปเล่นบ้านผีสิงที่ปิดเวลา17.00น.ค่อยกลับมาขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่ปิดเวลา20.00น.จากที่ดูระยะทางและเวลาเข้าแถวของชิงช้าสรรค์ เราน่าจะทันเกือบคิวสุดท้ายพอดี'' อาคาชิที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยเปลี่ยนแผนการ

     

    ''จะดีหรอคะแล้วพวกโมโมอิจังกำลังมา'' สึบากิใช้โมโมอิมาอ้าง แผนของเธอโดนอาคาชิดักทาง และแก้สถานะการณ์ กลับมาให้ต้องไปเล่นบ้านผีสิงที่ไม่ถูกกันอย่างรุนแรง 

     

    ไม่ได้เธอจะต้องยื้อเวลาไว้

     

    ''ฉันบอกโมโมอิเรียบร้อยแล้วว่า ให้เปลี่ยนไปเจอกันที่บ้านผีสิงเลย'' อาคาชิกดวางสายที่โทรหาโมโมอิเมื่อครู่ ก่อนจะเดินนำตรงไปยังบ้านผีสิง โดยมีมิโดริมะและมุราซากิบาระเดินตามไป เหลือเพียงสึบากิที่ดูจะหน้าซีดลงเล็กน้อย ที่โดนรองกัปตันตอกฝาโลงอย่างรวดเร็วไม่ทันได้ขัดขืนอีก

     

    ''สึบากิซังไม่รีบเดี้ยวจะไม่ทันนะ'' อาคาชิหันหลังกลับมาเรียกเขายกยิ้มมุมปาก ที่สึบากิเห็นแล้วจินตนาการว่าบนหัวเขามีเขาเล็กงอกขึ้นมา

     

    ''ค่ะ'' สึบากิกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอก่อนจะรีบเดินตามคนอื่นๆไป

     

    วันนี้ฉันน่าจะเชื่อพี่ฮิคารุว่าไม่ควรออกจากบ้านเลย!!

     

     

     

    บ้านผีสิง

     

    ''ทุกคนทางนี้ๆ'' โมโมอิส่งเสียงเรียกมาแต่ไกลด้านหลัง มีอาโอมิเนะที่หายดีแล้วและคุโรโกะคุงยืนมองแผนที่ในบ้านผีสิงที่แปะอยู่หน้าทางเข้า สึบากิก้าวขาช้าลงเมื่อจะถึงจุดหมาย เธอหนีหรือแกล้งเป็นลมตอนนี้จะทันไหมนะ

     

    ''ไงมิเนะจินหายดีแล้วหรอหาว~''

     

    ''เออ'' อาโอมิเนะขานรับขอไปที

     

    ''งั้นพวกเราเข้ากันไปเลยดีไหม'' อาคาชิรับตัดบทสนทนา เพราะต้องรีบกลับไปเล่นชิงช้าสรรค์ต่อ แต่โมโมอิที่คนชักชวนมาสวนสนุกแต่แรกเสนอให้มีการจับคู่เข้าไป

     

    ''คือว่าถ้าเราเข้าไปทีเดียวพร้อมกัน มันจะไม่ค่อยหน้ากลัวเท่าไหร่ไปที่ละเป็นคู่มันน่าจะสนุกกว่านะอาคาชิคุง'' 

     

    ผู้จัดการสาวเอ่ยแนะนำ แน่นอนว่าเธอที่ตอนแรกหมดหวัง ต้องพับเก็บแผนการในใจกลับมามีความหวัง หลังจากที่อาคาชิโทรมาให้เปลี่ยนมาเล่นบ้านผีสิงก่อน เธอไม่รอช้าต้องรีบทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มาจากแก็งสาวๆให้สำเร็จให้ได้!!

     

    ''หืมเอางั้นก็ได้'' อาคาชิตกลงข้อเสนอ เขาเองก็อยากจะรับรู้บรรยากาศความน่ากลัวที่คนอื่นว่ากันมา

     

    ''ว่าแต่เราจะจับคู่ยังไงในเมื่อพวกเรามีกัน7คนโมโมอิซัง''

     

    ''ก็แบ่งเป็น3คน1กลุ่มเหมือนตอนเล่นถ้วยหมุนไง~'' มุราซากิตอบกลับแทนโมโมอิ

     

    ''ใช่ค่ะแต่รอบนี้เราจะจับฉลากกัน'' โมโมอิเดินไปหยิบกระบอกไม้ที่วางอยู่หน้าทางเข้าบ้านผีสิง ดูท่าเจ้านี้จะถูกเตรียมไว้ใช้จับฉลากสำหรับบ้านผีสิงโดยเฉพาะ

     

    ''จับคู่ตามสีสินะ'' มิโดริมะเอ่ย

     

    ''สึบากิจังมาใกล้ๆสิคะเราจะเริ่มจับฉลากกันแล้ว'' 

     

    สึบากิที่ยืนไกลจากคนอื่นค่อยเดินมาอย่างเชื่องช้าราวกับ ขอให้เวลานี้ผ่านไปอย่างช้าๆ แต่สุดท้ายพระเจ้าก็ไม่เคยฟังคำขอร้อง มือเล็กเลือกไม้ในกระบอกได้ ก่อนที่ทุกคนจะดึงมันออกมาพร้อมกัน ผลที่ได้ทำเอาสึบากิหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออกกันเลยทีเดียว

     

    ปลายไม้ของเธอมีสีเหลืองสีเดียวกับอาคาชิคุง!

     

    ส่วนของคนอื่นๆคุโรโกะคู่กับโมโมอิ และอีกกลุ่มคือ3หนุ่ม อาโอมิเนะ มุราซากิบาระและมิโดริมะ

     

    ''คู่ของสึบากิจังกับอาคาชิคุงเริ่มก่อนเลยเดี้ยวไม่ทันเวลา'' โมโมอิที่ภารกิจประสบความสำเร็จลากเพื่อนสาวหน้าปลาตายที่ตอนนี้ดูจะแข็งๆ ผิดปกติไปยื่นข้างๆอาคาชิที่พร้อมจะเดินเข้าไปแล้ว ก่อนจะทิ้งท้ายว่า

     

    ''ฝากอาคาชิคุงด้วยนะสึบากิจัง''

     

    ใครควรฝากใครกันแน่คะโมโมอิจัง!! สึบากิได้แต่ตอบในใจสิ่งสำคัญตอนนี้คือเธอต้องรีบเข้าแล้วรีบออกให้เร็วที่สุด ร่างบางเดินหายเข้าไปข้างในพร้อมกับอาคาชิ โดยที่มีสายตาวิบวับสีชมพูของเพื่อนสาวมองตามหลัง ก่อนที่จะไม่ลืมแอบถ่ายรูปเอาไว้

     

    ''ซัทสึจินร้ายกาจจริงๆเลยนะ'' เสียงยานคางด้านหลังเอ่ยขึ้น โมโมอิหันหลังไปมองแล้วพบว่า ผู้ชาย4คนกำลังจ้องมองเธออย่างรู้ทัน ร่างบางหัวเราะแห้งเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าแอบทำเรื่องไม่ดี

     

    ''โมโมอิส่วนตัวฉันแล้วไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เธอก็น่าจะรู้ดีสองคนนั้นไม่ใช่คนที่จะคบหากับใครโดยมีคนอื่นคอยเป่าหูหรอกนะ'' มิโดริมะกล่าวเตือนเพื่อนสาวที่ทำตัวเป็นคิวปิด

     

    ''ถ้าอาคาชิคุงและชิรายูกิซังจะตกลงคบกัน ก็ควรมาจากความต้องการของพวกเขาจะดีกว่านะครับ''คุโรโกะเห็นด้วยกับมิโดริมะ และอีกอย่างจากที่เขาสังเกตวันนี้ทั้งสองคนนั้นก็…

     

    ''ฉันก็ไม่ได้จะไปบังคับพวกเขาแค่ สร้างสถานะการณ์ให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นแค่นั้นเองนะ'' โมโมอิตอบเสียงแผ่ว เรื่องที่ทุกคนบอกเธอก็เข้าใจดีว่าสึบากิจังและอาคาชิคุงเป็นพวกถ้าไม่รู้สึกอะไรกับใครก็คือไม่สนใจเลย

     

    แต่เท่าที่เธอสังเกตมาแล้วท่าทีของทั้ง2คนนั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกอะไรระหว่างกันเลยซะทีเดียว วันนี้เห็นโอกาสดีเลยสร้างสถานะการณ์ ให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นแค่นั้น ส่วนที่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันก็อยู่ที่การตัดสินใจของพวกเขา เธอเป็นเพียงคนสร้างโอกาสให้เท่านั้น

     

     

     

     

     

    อาคาชิเดินสำรวจบ้านผีสิงด้วยความสนใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าจะรีบเข้าแล้วรีบออก เพราะจะไม่ทันไปขึ้นชิงช้าสรรค์ แต่การตกแต่งและการสร้างบรรยากาศ ให้คนที่เข้ามาเล่นรู้สึกกลัวจะดึงดูด 

    ให้เขามองสำรวจไปทั่วทุกตารางนิ้ว รวมไปถึงของตกแต่งที่เหมือนจริงมาก ไม่ว่าจะเป็นกะโหลกหรืออวัยวะส่วนอื่น ๆของร่างกายมนุษย์ ผิดกับคนที่เดินตามหลังมาที่มองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง

     

    สึบากิเดินตามอาคาชิชนิด เว้นช่องว่างเหลือเพียง1ก้าวเท่านั้น จากปกติจะเว้นไว้อยู่ที่2ก้าวครึ่ง แม้ใบหน้าปลาตายไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นอันรู้ว่า สภาพจิตใจของสึบากิตอนนี้ใกล้กระเจิงเข้าไปทุกที หากไม่ติดว่ามีอาคาชิเดินนำหน้าอยู่ เธออาจจะตัดสินใจวิ่งเพื่อออกจากบ้านผีสิงไปแล้ว

     

    ไม่รู้เพราะท่าทางที่ดูสบายๆ และมองสำรวจไปทั่วเหมือนเด็กน้อยของอาคาชิ รึเปล่าที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงมาบ้าง ไม่เหมือนกับคราวที่แล้วที่เธอมากับพี่ชาย แทบจะก้าวขาไม่ออกสุดท้ายเธอเป็นลมสลบกลางทาง สร้างความวุ่นวายไปหมด สึบากิลองนึกภาพถ้าเธอมากับคนอื่น ตัวเองจะยังประคองสติให้เดินได้แบบที่มากับอาคาชิรึเปล่านะ

     

    คำตอบคือไม่รู้ 

     

    แต่ที่รู้ตอนนี้คือเพราะเธอมากับอาคาชิที่ภายภาคหน้า จะดูน่ากลัวกว่าผี โดนเฉพาะความสามารถทางกีฬาบาสของเขาที่เป็นลาสบอสสำหรับพวกหัวหลากสี เธอเลยค่อนข้างอุ่นใจอย่างน้อย ถ้าเธอเป็นลมหรือไม่ไหวขึ้นมาเขาน่าจะพาร่างของเธอออกมาได้

     

    ''แฮ่~~'' มีแผ่วเบาจากด้านหลังดังขึ้น สึบากิที่มัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยสะดุ้ง ก่อนรีบก้าวเดินตามคนนำหน้าที่เดินห่างไป4ช่วงตัวแล้ว 

     

    อาคาชิคุงรอฉันด้วยยย

     

    ''สึบากิซังมีอะไรรึเปล่า'' อาคาชิหันหลังมาถาม เขารู้สึกถึงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบจากตอนแรกมาประชิดด้านหลัง สึบากิที่รีบเดินตามตกใจกับการหันมาทักของอาคาชิ เธอเพียวส่ายหัวเป็นการบอกว่าไม่มีอะไร 

    อาคาชิเห็นว่าไม่มีอะไรก็เดินสำรวจต่อไป สึบากิถอนหายใจที่อาคาชิยังจับไม่ได้ว่าเธอขวัญอ่อนกับพวกนี้ก่อนจะเดินตามไปติดๆ

     

    ตุบ!!

     

    เสียงเหมือนอะไรบางอย่างร่วงลงมา เฉียดหลังเธอไปก้าวเดียวสึบากิที่ตอนนี้เริ่มตัวสั่นอย่างควบคุม ไม่ได้หัวสมองจินตนาการไปไกล ถึงสิ่งที่ตกกระทบคล้ายเสียงที่เธอได้ยินบ้าง 

    ก่อนจะมีสัมผัสเย็นที่ข้อเท้าที่เฉียดผ่านให้เธอฟุ้งซ่านเพิ่มไปอีก จนเธอเริ่มจะทนไม่ไหวมือเล็กคว้าเข้าที่ข้อมืออาคาชิ ก่อนจะรีบลากให้เขาเดินตรงไปข้างหน้า โดยที่อาคาชิก็เดินตามมาอย่าเงียบๆ

     

    …………

     

    มันเงียบ จนผิดปกติ

     

    สึบากิหันกลับไปดูมือข้อมือ ของคนที่เธอลากให้เดินตามมา ที่ดูเหมือนมันจะไม่น่าใช่ข้อมือของผู้ชาย มันน่าจะเป็นของผู้หญิงมากกว่า แล้วก็แขนเสื้อสีขาวแต่เธอจำได้ว่าวันนี้อาคาชิคุงใส่เสื้อสีดำ 

    เมื่อไล่สายตาขึ้นไปก็พบว่าคนที่เธอจูงเดินมา มีผมยาวสีดำผิดใบหน้า มือเล็กปล่อยแขนที่จับที่สมองเธอบอกว่า คนที่เธอจับเป็นมนุษย์แน่ๆ เพราะร่างกายยังอุ่นอยู่แต่สายตา และบรรยากาศที่คอยบิ้วอารมณ์ร่วม พัดพาสติของเธอหายไปไกลแล้ว

     

    นี่สินะที่เรียกว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้

     

    สาม

     

    สอง

     

    หนึ่ง

     

    ……

     

    ……

     

    …………………!!!

     

    ไม่มีเสียงร้องใดๆเพราะตอนนี้ร่างบางช็อคแข็งค้าง ด้วยใบหน้าปลาตายกลางอากาศไปแล้ว ส่วนสตาฟผีเองเห็นน่าจะหลอกไม่สำเร็จจึงค่อยๆเฟดตัวเองกลับไปหลังฉาก ทิ้งไว้เพียงร่าบางที่ยืนนิ่งท่ามกลางความมืด

     

    ''สึบากิซัง สึบากิซัง สึบากิซัง'' อาคาชิที่เดินตามหลังมาเรียก ร่างบางที่ยืนค้างไม่ตอบรับเขา ก่อนจะเริ่มเขย่าไหล่เพื่อเรียกสติกลับมา

     

    เฮือก! สึบากิกะพริบตาก่อนเห็นอาคาชิจับไหล่เขย่าตัวเธอเบาๆ อาคาชิเมื่อเห็นว่าร่างบางได้สติแล้วเขาจึงปล่อย ไม่คาดคิดทันทีที่เขาปล่อย สึบากิก็ล้มลงเหมือนตุ๊กตาไม้ที่โดนตัดเชือก

     

    อาคาชิรีบคุกเข่าสำรวจอาการของสึบากิที่นิ่งเงียบไป แต่ไม่ทันที่เขาจะถามอะไร ร่างบางก็กระโจนกอดเขาแน่น ไหล่มนสั่นไหวพร้อมเสียงพึมพำแว่วว่า ไม่เอาแล้วไม่อยากเล่นแล้วซ้ำไปซ้ำมา

     

    ตอนแรกเขาจะผละออก แต่เห็นสภาพผู้ช่วยโค้ชสาวสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เขาทำได้เพียงแค่อยู่นิ่งแล้วพูดปลอบใจให้สึบากิใจเย็น ก่อนที่จะพยุงให้ยืนขึ้นแล้วจูงมือพาร่างบาง ที่ตอนนี้ขวัญหายหนีไปหมดออกมาจากบ้านผีสิงได้สำเร็จ

     

     

     

    ที่ม้านั่งไม่ไกลจากจุดทางออกของบ้านผีสิง มีร่างสองร่างนั่งข้างกันมือที่เคยกุมกันไว้เปลี่ยนมาเป็นมือเล็กของฝ่ายหญิงสาวจับเข้าที่ข้อมือฝ่ายชายไว้แน่น 

    ใบหน้าปลาตายแต่จิตใจข้างในที่กระเจิงไปหมด เหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ไร้บทสนทนาใดระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งรอเพื่อนๆคนอื่น

     

    อาคาชิเหลือบมองสีหน้าผู้ช่วยโค้ชสาว เขาเองรู้สึกผิดที่พาร่างบางมาเล่นบ้านผีสิงทั้งทีพอจะรู้ว่าเจ้าตัวน่าจะไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ไม่คิดว่าจะทำให้เขาตกอยู่ในสถานะการณ์แปลกๆแบบนี้

     

    โดยปกติแล้วเขาเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสโดนร่างกาย โดยเฉพาะกับเพศตรงข้ามด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เพราะส่วนใหญ่มักจะเข้าหาเพื่อวัตถุประสงค์แอบแฝง

     

    แต่ในกรณีของสึบากิมันแตกต่างออกไป เธอมักเว้นระยะห่างทั้งร่างกาย และความสัมพันธ์อย่างชัดเจนมาตลอด วันนี้กลับได้มาจูงมือจนถึงตอนนี้ที่ร่างบางยังคงนั่งจับข้อมือเขาโดยยังมีอาการสั่นที่ตอนนี้จะดีกว่าตอนแรกแล้วก็ตาม

     

    อาคาชิเริ่มเสียใจที่เพราะความสนุกกับเกมล่าตราปั๊มของเขา ทำให้คนคนหนึ่งที่ตอนแรกร่าเริงกลับมานั่งตัวสั่น แม้ภายนอกจะมีสีหน้าปกติหลอกคนอื่นได้ 

    แต่อาการตัวสั่นนี้ก็บอกได้ว่าภายในจิตใจตอนนี้ ร่างบางหวาดกลัวมากแค่ไหน แต่เขาไม่ใช่กัปตันนิจิมุระหรือเพื่อนคนอื่น ๆที่สนิทสนมกัน จะให้ลูปหัวปลอบใจอีกฝ่ายมันก็คงจะไม่ดี

     

    ถึงแบบนั้น อาคาชิก็ยื่นมือของเขาไปลูบหัวสึบากิ

     

    โดยหวังว่าเธอจะกลับมาร่าเริง และมอบรอยยิ้มที่งดงามอีกครั้ง

     

     

     

     

    ''หาว~ที่พวกเราจะได้เล่นชิงช้าสรรค์รึเปล่าเนี้ยมิโดจิน'' ไททันม่วงบ่นเขายืนหาวเป็นรอบที่5 ตั้งแต่ออกจากบ้านผีสิงมาแล้วทุกคนก็รีบเดินกันมา เพื่อเข้าแถวเล่นเครื่องเล่นชิ้นสุดท้ายนี้

     

    ''ตามที่อาคาชิคำนวณไว้ กลุ่มพวกเราน่าจะเป็นกลุ่มก่อนสุดท้ายที่จะได้เล่นพอดี'' มิโดริมะมองแถวที่ยาวเหยียด พร้อมก้มมองนาฬิกาที่เหลืออีก1ชม.จะปิดให้บริการ

     

    ''แต่ชิงช้าสวรรค์นี่ เขาให้ขึ้นได้ที่ละ2คนนะครับมิโดริมะคุง'' คุโรโกะชี้ไปที่ป้ายกฎระเบียบสำคัญที่เน้นว่าให้ขึ้นได้แค่2คน

     

    ''อย่างงี้ก็ต้องมีคนหนึ่งที่นั่งคนเดียวสินะ'' อาโอมิเนะกล่าวเขาเหลือบมองไปยังคนสองคน ที่ยืนตัวติดกันตั้งแต่ออกมาจากบ้านผีสิง โดยที่สึบากิยังคงจับข้อมือของอาคาชิ ไม่ยอมปล่อยด้วยท่าทางใจลอย ซึ่งอาคาชิบอกว่าเจ้าตัวยังช็อคจากการเล่นบ้านผีสิงไม่หาย

     

    ''งั้นฉันขอนั่งคนเดียวดีกว่าเบื่อต้องคู่กับมิโดจินแล้ว''

     

    ''ทำอย่างฉันจะอยากนั่งชิงช้าคู่กับนายมุราซากิบาระ'' มิโดริมะหันไปเปิดศึกน้ำลายกับไททันม่วงอีกรอบ

     

    ''งั้นเท็ตสึคุงนั่งคู่กับไดจัง แล้วฉันจะไปนั่งคู่กับมิโดรินเอง ส่วนสึบากิจังฝากอาคาชิคุงดูแลด้วยนะ'' อาคาชิพยักหน้ารับ เขาเหลือบมองสึบากิที่หายสั่นแล้ว แต่ใบหน้ายังคงเหม่อลอยดูน่าเป็นห่วง

     

    ตั้งแต่ออกมาจากบ้านผีสิง สึบากิไม่พูดอะไรออกมาเลย ขนาดโมโมอิที่เดินเข้ามาคุยด้วย ร่างบางเพียงพยักหน้ากับส่ายหัวเท่านั้น ในตอนแรกเขากะว่าจะยกเลิกการขึ้นชิงช้าสวรรค์ แต่คนข้างส่ายหัวปฏิเสธ สุดท้ายทุกคนจึงมาเข้าแถวเพื่อเล่นเครื่องเล่นสุดท้าย

     

    และที่เขาแปลกใจคือ มือเล็กนี้ยังคงไม่ปล่อยข้อมือของเขา ราวกับว่ากลัวเขาจะทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว เหมือนตอนที่อยู่ในบ้านผีสิง ซึ่งจริงๆแล้วน่าจะสลับกันมากกว่าว่า 

     

    ใครทิ้งใครก่อนกันแน่

     

    ''คิวถัดไปเชิญครับ''

     

    ''สึบากิซังถึงคิวพวกเราแล้ว''อาคาชิหันไปเรียกคนข้างๆ ก่อนจะค่อยๆพาร่างบางเดินขึ้นบันได และเข้าไปนั่งในกระเช้า เจ้าหน้าที่ล็อคประตู ก่อนชิงช้าสวรรค์จะเคลื่อนที่ขึ้นไป เพื่อให้คนที่อยู่ด้านหลังเข้ามานั่งในกระเช้า อันถัดไปเหมือนกับพวกเขา

     

    ภายในกระเช้าอาคาชิและสึบากินั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน โดยที่สึบากิยังคงจับข้อมือของอีกฝ่ายแน่น อาคาชิที่เริ่มชินกับการโดนร่างบางสัมผัส เขาเลิกสนใจแล้วหันไปมองวิวจากที่สูง ที่ตอนนี้มืดสนิทเห็นเพียงแสงไฟจากจุดต่างๆ รอบสวนสนุกและมองออกไปไกลจะเห็นย่านการค้าที่ เมื่อกลางวันพวกเขาพากันเดินเลือกซื้อรองเท้าบาส

     

    สึบากิเองก็กวาดตามมองวิวไปทั่ว แม้สภาพจิตใจยังไม่หายดีแต่ประสาทรับรู้อื่น ๆยังคนทำงานปกติส่วนสมองตอนนี้มีเพียงความคิด ในช่วงสุดท้ายก่อนจะเออเร่อว่า ถ้าอยู่ใกล้อาคาชิแล้วจะปลอดภัยทำให้เธอเกาะติดอาคาชิ โดยไม่ได้คิดถึงความไม่เหมาะสมอะไร นอกจากรู้เพียงว่าเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

     

    กระเช๊ายังคงลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆโดยไม่คาดคิด เสียงระเบิดดังขึ้นบนฟ้าส่องแสงสว่างชั่วครู่ก่อนจะหายไป เสียงระเบิดยังคงดังต่อเนื่องเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด แสงหลากสีเรืองรองตัดกับฉากหลังยามค่ำคืน ดอกไม้ขนาดใหญ่บนฟ้าราว กลับช่วยเรียกสติที่หลุดลอยหายไปของใครบางคนให้กลับมา

     

    เสียงระเบิดที่ดังราวกับเสียงค้อนยักษ์ ทุบกำแพงนำ้แข็งในจิตใจที่สึบากิ สร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง กำแพงแต่ละชั้นถูกพังลงไปเรื่อย ๆจนเหลือชั้นสุดท้าย สติที่ล่องลอยกำลังฟื้นคืนกลับมา

     

    ''สึบากิซังวันนี้ขอโทษนะ'' ใบหน้าสวยหันไปมองตามเสียง ดวงตาสีแดงที่ส่องสว่างเพราะแสงจากดอกไม้ไฟที่ยังคงเบ่งบานบนฟ้า จ้องมองมาที่ดวงตาสีฟ้าเข้มของเธอ สึบากิที่ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ มือเล็กคลายข้อมือของอาคาชิออกจากการเกาะกุม รอยแดงรูปมือปรากฎข้อมือขาวจางๆ

     

    ''ขอบคุณนะอาคาชิคุง'' สึบากิกล่าวขอบคุณรอยยิ้มน้อยๆส่งไปให้ กับคนที่จ้องมองเธออยู่ อาคาชิมองรอยยิ้มที่กลับมาภายใต้แสงสว่างของดอกไม้ไฟ เกิดเป็นภาพเขาไม่อาจลืมได้ลง

     

    รอยยิ้มที่อ่อนล้าแต่ดูงดงาม และสว่างจ้ากว่าดอกไม้ไฟ

     

    ราวกับหยาดน้ำค้างเกลือกกลิ้งตามเส้นใบแล้วร่วงลงสู่พื้นดินที่ภายในมีเมล็ดพันธุ์ซุกซ่อนอยู่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×